ใบงานที่ 5 โครงร่างโครงงาน
- 1. แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2560
ชื่อโครงงาน
การศึกษาสายพันธุ์กุ้งเครฟิช (Crayfish Category)
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาวไพวรินทร์ หลวงอินตา ชั้นม.6/8 เลขที่ 20
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
คุณครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
ใบงาน
- 2. การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
ผู้จัดทา
นางสาวไพวรินทร์ หลวงอินตา ชั้นม.6/8 เลขที่ 20
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
การศึกษาสายพันธุ์กุ้งเครฟิช
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Crayfish Category
ประเภทโครงงาน เพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาวไพวรินทร์ หลวงอินตา
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอาชีพเกษตรกรเป็นอาชีพที่เจริญก้าวหน้าขึ้นมาก เนื่องจากมี
การพัฒนาทางเกษตรกรรมในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องที่เกี่ยวกับปศุสัตว์ การประมง ทา
ให้หลายๆคนสนใจที่จะมาทาอาชีพเกษตรกรมากขึ้น โดยการเริ่มต้นง่ายๆจากการทา
เกษตรกรรมที่สามารถทาได้ในสถานที่สะดวกรอบบริเวณบ้าน ไม่จาเป็นต้องใช้พื้นที่ในการทา
มาก และไม่ต้องดูแลอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืชผักสวนครัว และที่กาลังเป็นยอด
นิยมกันในขณะนี้คือการเพาะเลี้ยงกุ้งเครฟิ ช ที่เริ่มต้นจากการเลี้ยงไว้เพื่อความสวยงาม จน
กลายเป็นสัตว์เศรษฐกิจ สร้างรายได้มหาศาลในกับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงในตอนนี้ และเป็นที่
นิยมเลี้ยงมาก ด้วยความที่มีรูปร่างที่ เป็นสัตว์ที่เลี้ยงได้ง่าย ไม่จาเป็นที่จะต้องใช้สถานที่มากนัก
ในการเลี้ยง อาศัยอยู่ได้ในบ่อ หรือเลี้ยงได้แม้กระทั่งในกะละมัง ขวดพลาสติกก็สามารถอยู่ได้
รับประทานอาหารง่ายๆไม่ว่าจะเป็นหนอนแดง ไรน้า อาหารเม็ดชนิดจม กุ้งฝอย ถือได้ว่าเป็น
สัตว์ที่กินง่ายอยู่ง่ายมาก ไม่ต้องดูแลอยู่ตลอดเวลาก็สามารถอยู่รอดได้ ใช้ต้นทุนในการเลี้ยง
น้อย เมื่อโตเต็มวัยสามารถสร้างรายได้ได้จานวนมาก เนื่องจากกุ้งเครฟิ ชเป็นกุ้งสายพันธุ์
เดียวกับกุ้งล็อบสเตอร์
- 3. รสชาติจึงคล้ายกัน แต่ราคาถูกกว่าทาให้ผู้คนหันมาบริโภคกันจานวนมาก มีการเลี้ยงไว้เพื่อ
จุดประสงค์ต่างๆมากมาย ทั้งเลี้ยงไว้ประกอบเป็นอาชีพหลัก อาชีพเสริม หรือเลี้ยงไว้เพื่อ
บริโภค ทาให้ในตอนนี้ราคาของกุ้งเครฟิ ชสูงขึ้นมาก คนจานวนมากจึงหันมาเลี้ยงกุ้งเครฟิ ชมาก
ขึ้น กุ้งเครฟิ ชนั้นมีหลากหลายสายพันธุ์ซึ่งลักษณะพฤติกรรมจะแตกต่างกัน ราคา และวิธีการ
เลี้ยงอาจะแตกต่างกันออกไป ผู้จัดทาจึงสนใจศึกษาเกี่ยวกับสายพันธุ์ของกุ้งเครฟิ ชที่นิยมเลี้ยง
ในประเทศไทย ซึ่งจะทาให้เกษตรกรและผู้ที่สนใจสามารถเลือกได้ว่าต้องการเลี้ยงสายพันธุ์ไหน
จึงจะประสบความสาเร็จ
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อศึกษาสายพันธุ์ของกุ้งเครฟิ ช
2.เพื่อศึกษาหาแนวทางการประกอบอาชีพ
3.เพื่อศึกษาการลดค่าใช้จ่ายในการทาเกษตรกรรม
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
ศึกษาสายพันธุ์ของกุ้งเครฟิ ชที่เป็นที่นิยมเลี้ยงในปัจจุบัน
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
กุ้งเครฟิช “Cambarellus” สายพันธุ์กุ้งแคระ
กุ้งสายพันธุ์ "Cambarellus" หรือกุ้งแคระสีส้ม มีถื่นกาเนิดมาจากทะเลสาป Lago de บนเขา
Michoacan แถบเทือกเขาฝั่งตะวันตก-กลางใน Mexico ลักษณะเฉพาะตัวของกุ้ง Cambarellus ก็คือกุ้ง
ตามธรรมชาติจะมีสีออกสนิม และน้าตาล สีส้มที่เห็นกันในร้านมักไม่สามารถพบเห็นได้ในธรรมชาติ
เพราะจะโดนล่าได้ง่าย กุ้งบางตัวจะมีลายเส้นสีสดเป็นทางยาว แต่บางตัวอาจไม่มีลายนี้ สามารถเลี้ยงได้
ในน้า soft – moderately hard ค่า pH 6.0-8.0 อุณหภูมิ 60-82 F ในน้าแบบ soft ให้ ใส่หิน aragonite
ในที่กรองหรือรองพื้น เพื่อเพิ่มแคลเซียมและปรับ pH และมีขนาดตัวประมาณ 1.5 - 2 นิ้ว "กุ้งเครฟิ
ชแคระ" มีนิสัยที่ต่างจากกุ้งทั่วไปเพราะว่ารักสงบไม่ชอบขุดคุ้ยหรือทาลายต้นไม้ เป็นสายพันธุ์ที่เลี้ยง
ง่ายโตเร็ว และยังกินิาหารได้ทุกอย่าง อาทิ แมลง อาหารเม็ด ผลใบ้ หมอน เป็นต้น "สาหรับมือใหม่"ที่
เริ่มต้นเลี้ยงขอแนะนาว่า กุ้งตัวผู้ 2 ตัวและ ตัวเมีย 4 ถึง 5 ตัว สามารถอยู่ร่วมกันได้ในตู้ขนาด 24 นิ้ว
กุ้งโตเต็มวัยจะมีขนาดประมาฯ 2 - 3 นิ้ว และมีอายุเฉลี่ย 2 - 3 ปี แล้วแต่สภาพแวดล้อม และการดูแล สี
ส้มที่เห็นกันในร้านมักไม่สามารถพบเห็นได้ในธรรมชาติเพราะจะโดนล่าได้ง่าย กุ้งบางตัวจะมีลายเส้นสี
สดเป็นทางยาว แต่บางตัวอาจไม่มีลายนี้
- 4. กุ้งเครฟิช สาย C “Cherax” สายพันธุ์กุ้งก้ามเรียบ
กุ้งสายพันธุ์ "Cherax" หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกว่า กุ้งสาย "C" มีถิ่นกาเนิดมาจากประเทศ
ออสเตเลีย หรือในทวีปอเมริกาใต้ ลักษณะเฉพาะตัวของกุ้ง Cherax ก็คือ มีกล้ามที่เรียบ และขนาดใหญ่
สามารถพบได้ทั่วไปตาม ทะเลสาป ลาคลอง แม่น้า เป็นเครฟิชที่ไม่มีสีตายตัวสามารถเปลี่ยนสีได้
มากมายขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม และอาหารที่ได้รับCherax เป็นกุ้งที่มีความสามารถในการเอาตัวรอด
สูงสามารถปรับตัวให้อย่รอดได้ในหลายสภาพอากาศ และในฤดูร้อนที่แห้งแล้งสามารถป้องกันตัวเองจาก
อากาซร้อนได้ด้วยการฝังตัวเองลงในโคลน"กุ้งเครฟิชสาย C" นิยมเพาะเลี้ยงไว้เพื่อรับประทาน และใน
ปัจจุบันได้รับความนิยมในการนามาเลี้ยงในตู้ปลาเพื่อความสวยงาม เพราะเป็นกุ้งที่มีเอกลักษณ์ และ
สีสันที่แปลกตา แบ่งเป็น 6 ประเภท
1. Cherax destructor (Destructor, Albidus, Blue Pearl)
-Cherax destructor(เดสทรัคเตอร์)
C. Destructor มีถิ่นกาเนิดในประเทศออสเตรเลีย เมื่อสอง สามปีก่อนเป็นกุ้งที่มีความนิยมมาก
ในบ้านเรา ภาษาท้องถิ่นในออสเตรเลียเรียกว่า "Yabby" บ้านเราเรียกสั่นๆ ว่า "เดส" Destructor มา
จากคาว่า "Destroyer" แปลว่า ผู้ทาลาย นิสัยและพฤติกรรม ค่อนข้างก้าวร้าว กว่าสายพันธุ์อื่น มี
ลักษณะของก้ามที่บึกบึน กลมใหญ่ ดูแข็งแรง ลักษณะของลาตัวจะสั้นเมื่อเทียบกับก้าม ข้อก้ามจะมีสี
ส้มแดง สามารถมีได้หลายสีเช่น สีฟ้า สีน้าตาล สีน้าเงินเข้ม สีดา สีเขียวแกมน้าตาล ตามแต่
สภาพแวดล้อม อุณหภูมิของน้า และอาหารที่ได้รับ ในปัจจุบันก็มีการเพาะกันได้อย่างแพร่หลาย เลี้ยง
ได้ไม่ยาก ทนต่อสภาพแวดล้อม สามารถเพาะได้ง่าย เลี้ยงในน้าอุณหภูมิปกติได้ ในบางรายทาบ่อ
เลี้ยงเหมือนกับก้ามแดง กันเลยทีเดียว เนื่องจากมีราคาที่ไม่สูงมากนัก สามารถเลี้ยงในปริมาณมากได้
เช่นเดียวกับก้ามแดง
-Cherax destructor Albidus(อบิดัส)
C.Albidus บ้านเราเรียกสั้นๆว่า อบิดัส ตามหลักวิทยาศาสตร์ ถือว่าเป็น sub species ของ
เดสทรัคเตอร์นั่นเอง ซึ่งได้นาเข้ามาเลี้ยงในบ้านเราได้หลายปีแล้ว ก็มีเพาะสาเร็จบ้าง ไม่สาเร็จบ้าง
ปัจจุบันก็ได้มีการนาเข้ามาเรื่อยๆ มีทรงก้ามที่เรียวกว่า ก้ามเล็กกว่า เดสทรัคเตอร์ หัวจะเรียวกว่า
เดส เมื่อมองจากด้านบน ก้ามด้านในจะมีขน คล้ายกามะหยี่ ข้อก้ามมีสีขาว สามารถมีได้หลายสี
เช่นกัน เช่น น้าตาล เขียวอมน้าตาล สีน้าเงิน ฟ้า (ถ้ามีสีฟ้า ก็จะมีสีเช่นเดียวกับบลูเพิลเลย)
-Blue Pearl (บลูเพิล)
บลูเพิลก็คือ Cherax destructor Albidus ที่มีสีฟ้านั่นเอง คือมีสีที่นิ่งคือสีฟ้า ไม่เปลี่ยนเป็นสีอื่น
(แต่ไม่ได้หมายความว่า อบิดัส ที่มีสีฟ้าจะเรียกว่า บลูเพิล ได้นะครับ เพราะยังสามารถเปลี่ยนเป็นสี
ต่างๆได้) อาจจะมีสีอ่อน สีเข้ม ตามแต่สภาพในการเลี้ยง ลักษณะของบลูเพิล ข้อก้ามจะเรียวและยาว
กว่าเดส มีสีจุดขาว หรือสีอื่นตามข้างลาตัว มีข้อก้ามสีขาว สีเทา หรือสีอมชมพูอ่อน บลูเพิลหรืออบิดัส
ควรเลี้ยงในน้าเย็นที่ประมาณ 18 - 24 C
- 5. 2. Cherax quadricarinatus (Red Claw, Blue Lobster, Rainbow)
ลูล็อบเตอร์ หรือกุ้งก้ามแดง ถือว่าเป็นที่รู้จักกันดีในบ้านเรา และเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่กาลังมาแรงใน
ขณะนี้ และเป็นกุ้งเครย์ฟิชที่นาเข้าจากออสเตเลีย เป็นชนิดแรกในบ้านเรา ปัจจุบันได้มีการเพาะเลี้ยง
กันอย่างแพร่หลายทุกพื้นที่ของไทย และเป็นสายพันธุ์ที่ทนต่อสภาพอากาศได้เป็นอย่างดี บลูล็อบเตอร์
เป็นสายพันธุ์ที่เหมาะสาผู้เริ่มต้นเลี้ยงเครย์ฟิช เลี้ยงง่าย และจะมีสีแดงตรงปลายก้ามด้านนอกของเพศ
ผู้ จึงเป็นที่มาของกุ้งก้ามแดง
การเลี้ยงดู : ถ้าเลี้ยงในบ่อดิน จะมีสีออกสีเขียวสนิม และจะมีสีฟ้าเข้มสวย เมื่อเลี้ยงในตู้ ทั้งนี้ขึ้นกับ
อาหารที่ให้ด้วยเช่นกัน หากต้องการให้มีสวยฟ้าเข้มควรเลี้ยงในตู้ในอาหารเม็ด อาหารสด งดสาหร่าย
ซึ่งมีสารกระตุ้นการสร้างเม็ดสี
ขนาด: เมื่อโตเต็มวัย อยู่ที่ 8.5" - 12" เมื่อเลี้ยงในบ่อธรรมชาติจะมีขนาดโตกว่าเลี้ยงในตู้
อุณหภูมิ : ที่ใช้เลี้ยงอยู่ที่ 22c - 32c ซึ่งเหมาะสมในสภาพอากาสในบ้านเรา และจะตายเมื่อมีอุณหภูมิ
ต่าถึง 13C แต่ถ้ามีอุณหภูมิที่สูงมากไปก็จะมีผลต่อการผสสมพันธุ์ได้เช่นกัน
การผสมพันธุ์ : สามารถผสมพันธุ์ได้ตั้งแต่ ประมาณ 3.5- 4" ขึ้นไป หรืออายุประมาณ 5-6 เดือน
สามารถให้ไข่ได้มากถึง 500-1500 ฟอง ขึ้นกับขนาด, อายุ และความสมบูรณ์ของเพศเมีย และจะใช้
เวลาในการฟักไข่ประมาณ 45 วันตัวอ่อนถึงฟักเป็นตัว
3. Cherax holthuisi (Apricot, Black Orange Tip , Black Orange Tail)
-Apricot(แอปพลิคอต)
Apricot มีถิ่นกาเนิดใน นิวกีนี อีเรียนจาญ่า ในประเทศอินโดนีเซีย มีดวงตาขนาดเล็ก ทรง
ก้ามสวยงาม มีสีส้มโอรสที่สวยงาม เป็นสายพันธุ์ที่รักสงบ ชอบหลบซ่อน และพบได้ยากในธรรมชาติ
สามารถเปลี่ยนได้หลายสี เช่น สีฟ้า สีออกชมพู ในบางครั้งมีสีเหลือง ในช่วงกลางปี 2555 เป็นที่นิยม
ในบ้านเรามาก ซึ่งก็สามารถเพาะกันได้บ้างที่ F1 - F2 แต่ก็ได้เงียบหายไป ก็ยังถือได้ว่ายังไม่ประสบ
ความสาเร็จในการเพาะในบ้านเราสักเท่าไหร่ ปัจจับันส่วนใหญ่ที่เลี้ยงกันก็จะนาเข้ามาจากประเทศ
อินโดนีเซีย
-Cherax holthuisi Orange Tip(บอททิป)
ในบ้านเราเรียกกุ้งชนิดนี้ว่า Black Orange Tip ในบ้านเราเรียกชื่อย่อว่า BOT Tip ลักษณะ
ของสีนั้น ลาตัวมีสีเขียวเข้มทะมึน ก้ามสีเดียวกับตัว ปลายก้ามมีสีส้ม มีลายคาดตามปล้องของลาตัว
หางมีสีส้มเหลือง และอาจมีสีฟ้าได้ ตามแต่สภาพแวดล้อม และอาหาร
- Black Orange Tail (เพอร์เพิล)
บ้านเราเรียกกุ้งชนิดนี้ย่อๆว่า BOT Tail ในต่างประเทศเรียกว่า "Black scorpion" จากการ
ค้นคว้าไม่มีข้อมูลเครย์ฟิชชนิดนี้เลย ซึ่งในเว็บไซต์ก็ได้กล่าวไว้ว่า ชาวอินโดนีเซียเอง ก็ยังไม่เคยได้ยิน
เครย์ฟิชชนิดนี้เช่นกัน อาจกล่าวได้ว่าเป็นเพียงการเรียกชื่อทางการค้าในบ้านเรา ตามลักษณะของสี
เครย์ฟิชชนิดนี้ ลักษณะ : มีลักษณะเหมือน Black Orange Tip แต่ไม่มี สีส้มคลาดตามปล้องของ
- 6. ลาตัว มีหางสีส้ม สามารถเป็นสีฟ้าได้ หากเป็นสีฟ้าจะเรียกว่า "เพอร์เพิล" ก็เป็นอีกชื่อที่ให้เรียก
ตามลักษณะของสีเครย์ฟิชที่ได้เช่นกัน ซึ่งสายพันธุ์นี้ ค่อนข้างจะโตช้า อย่างไรก็ตามสายพันธุ์นี้
สามารถเพาะพันธุ์ได้ในไทยแล้ว ก็มีให้ซื้อขายกับได้บ้างแล้วในบ้านเรา แต่ก็ยังมีจานวนไม่มากนัก
4. Cherax sp "Hoa Creek" (Iran Jaya, Blue Moon, Blue leg, New Red , TriColor)
-Blue Moon(บลูมูน)
บลูมูนมีลาตัวสีน้าเงินเข้ม มีจุดสีเทาขาวตามลาตัว มีก้ามสีน้าเงินเข้ม ขอบด้านนอกก้ามมีสีขาว
เทา มีขาสีน้าเงิน ปลายหางสีส้ม หรือเหลือง หาซื้อได้ไม่ยากนัก ถือได้ว่าเป็นกุ้งที่มีเสน่ห์และ
สวยงาม นิยมเลี้ยงในบ้านเราพอสมควร (จากการค้นคว้าไม่มีข้อมูลเชิงวิทยาศาตร์ เป็นเพียงการเรียก
ตามลักษณะสีของเครย์ฟิชเท่านั้น)
-Iran Jaya(อีเรี่ยน จาย่า)
อีเรี่ยน จาย่า มีลักษณะคล้าย บลูมูน ลาตัวสีหลักมีสีน้าเงิน แต่จะมีสีอมม่วงบนลาตัว มีก้าม
ขนาดใหญ่สีน้าเงินเข้ม ปลายก้ามขอบด้านนอกมีสีขาวเทา ในต่างประเทศเรียกว่า "เรนโบว์" เนื่องจาก
ในตัวอาจมีสันได้มากถึง 7 สีเลยทีเดียว (จากการค้นคว้าไม่มีข้อมูลเชิงวิทยาศาตร์ เป็นเพียงการเรียก
ตามลักษณะสีของเครย์ฟิชเท่านั้น)
-TriColor(ไตรคัลเลอร์)
ก็ยังเป็นเครย์ฟิชที่ไม่ได้มีลักษณะที่ชัดเจนตายตัว ซึ่งจากการค้นคว้า ไม่มีข้อมูลของเครย์ฟิ
ชชนิดนี้ ซึ่งก็อาจเป็นชื่อทางการค้าในบ้านเราเท่านั้น ลักษณะของสีที่เคยพบเห็นคือ มีขาสีน้าเงิน ลาตัว
สีน้าตาล มีก้ามสีน้าเงิน แกมส้ม ถ้าดูจากลักษณะของขอบก้ามด้านนอกจะมีสีขาวเทา (จากการค้นคว้า
ไม่มีข้อมูลเชิงวิทยาศาตร์ เป็นเพียงการเรียกตามลักษณะสีของเครย์ฟิชเท่านั้น)
-Cherax sp "Red Brick" (New Red)
สายพันธุ์นี้ก็ไม่มีข้อมูลให้ค้นคว้าเช่นกัน ลักษณะของสีที่พบกันในบ้านเรา :ลาตัวมีสีน้าเงิน
แกมม่วง ตัวลาตัว ลักษณะของก้ามก็เช่นเดียวกันคือมีสีขาวเทา ตรงปลายก้ามด้านนอก
-Cherax gherardii(Blue leg (บลูเลค))
จากการค้นคว้าข้อมูลพบว่า ข้อมูลที่ใช้เรียกเครย์ฟิชกลุ่มนี้ว่า Blue leg ("บลูมูน" หรือ "เรน
โบว์" ) ไม่ได้เรียก "อีเรี่ยน จาย่า" "ไตรคัลเลอร์" เหมือนบ้านเรา การเรียกชื่อนั้น ซึ่งก็จะใช้เรียก
ตามลักษณะของสี ที่ขายกันในบ้านเรา เครย์ฟิชกลุ่มนี้ก็ยังถือว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ได้ค้นพบ ในวงการ
วิทยาศาสตร์ จึงไม่มีข้อมูลให้ศึกษากันมากนัก
5. Cherax peknyi (ม้าลาย)
ม้าลาย เป็นเครย์ฟิชย์สายซีอินโด ที่นาเข้ามาสายพันธุ์แรก ซึ่งมีลักษณะของสีที่สวยงามและ
ลงตัวมาก มีหลังสีดา สีขาวคาดตามข้อปล้อง ในเมืองนอกเรียกว่า Tiger crayfish ซึ่งมีลักษณะคล้ายเสือ
ก้ามสีขาว ข้อก้ามมีเฉดสีส้ม หาได้ไม่ยากนัก ส่วนใหญ่ที่เลี้ยงกัน จะเป็นกุ้งนาเข้า การเพาะพันธุ์ยัง
ถือว่าเพาะได้น้อย น่าจะจบที่รุ่น F1 - F2 ถือได้ว่ายังไม่ค่อยประสบความราเร็จกันมากนัก
- 7. 6. Cherax tenuimanus (Blue Marron)
รายละเอียด: ผู้เลี้ยงเครย์ฟิชชนิดนี้ชาวออสเตเลียได้บอกว่า เครย์ฟิชชนิดนี้จะมีสีขาว หรือเผือก
ในขณะที่โดยทั่วไปจะมีสี ดา หรือน้าตาล ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่เพิ่งถูกค้นพบเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งใน
เครย์ฟิชที่มีขนปลกคุมด้านบนของลาตัว เครย์ฟิชชนิดนี้จะมีความแตกต่างกันทางพันธุกรรม จาก C.
tenuimanus และได้แยกเป็นอีกสายพันธุ์ใหม่เมื่อไม่นานมานี้
ถิ่นอาศัย: อาศัยอยู่ทางตะวันตกของประเทศออสเตเลีย ซึ่งอยู่ในแม่น้า เมอร์เรีย และแม่น้าเคนท์
ตลอดจน ทางเหนือของแม่น้า แชปแมน
ขนาด: เมื่อโตเต็มวัยมีขนาดได้ถึง 15 นิ้ว จนถึง 4 ปอนด์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นเครย์ฟิชน้าจืดที่มีขนาดใหญ่
พอสมควร
การเลี้ยงดู: อาหาร , จานวน , และ อุณหภูมิ ถือว่าเป็นปัจจัยสาคัญในการเจริญเติบโต มีความรู้สึกไว
ต่ออุณหภูมิที่สูงเกินไป ซึ่งอุณหภูมิในการเลี้ยงไม่ควรเกิน 27c ตู้เลี้ยงควรมีเนื้อที่กว้าง และมี
อ๊อกซิเจนที่มากพอ ในแหล่งน้าธรรมชาติเคยมีบันทึกว่า ในฤดูร้อนมีอุณหภูมิที่สูงถึง
อุปนิสัย: Cherax tenuimanus เป็นสัตว์ที่รักสันโดด และมีนิสัยก้าวร้าว และไม่ควรเลี้ยงรวมกันจนแออัด
จนเกินไป เพราะตัวที่โตกว่าจะกินตัวที่เล็กกว่า
อุณหภูมิ : 16c - 22C
การผสมพันธุ์ : การนามาเพาะพันธุ์ ถือได้ว่าเป็นเรื่องยากมาก และต้องการปริมาณอ๊อกซิเจนในน้า
ค่อนข้างสูง ในเริ่มแรกเพศเมียจะให้ไข่เพียง 90 ฟองเท่านั้น
กุ้งเครฟิช สาย P “Procambarus” สายพันธุ์กุ้งก้ามหนาม
กุ้งสายพันธุ์ "Procambarus" หรือที่คส่วนใหญ่เรียกว่า กุ้งสาย "P" หรือกุ้งก้ามหนามนั่นเอง
เป็นกุ้งที่นิยมเลี้ยงที่สุด เพราะเลี้ยงง่าย และสามารถขยายพันธุ์ง่าย ขนาดตัว ประมาณ 2 นิ้วก็สามารถ
ผสมพันธุ์ได้แล้ว
"Procambarus" มีการเพาะเลี้ยงกันมานานกว่า 30 ปี ลักษณะเฉพาะตัวที่สามารถสังเกตได้
ง่ายก้คือใต้ท้องจะมีสีเหลืองออ่น สามารถพบได้ตามแหล่งน้าทั่วไปนิยมนามารับประทาน
ในปัจจุบัน กุ้งเครฟิชสาย P ได้รับความนิยมในการนามาเลี้ยงเพื่อความสวยงาม แต่เครฟิชสาย
พันธุ์นี้มีนิสัยที่ค่อนข้างจะดุร้าย ก้าวร้าวไม่นิยมเลี้ยงรวมกับปลาชนิดอื่น เพราะอาจจะกินปลาได้ อายุขัย
เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2 - 3 ปี และขนาดตัวใหญ่สูงสุดอยู่ที่ 5-7 นิ้ว