บทที่ 6
- 2. administration) แบบจำลองกำรประเมินผล (models of evaluation) และ แบบจำลองกำรนิเทศ (models of
supervision) เป็นต้น
แบบจำลองบำงรูปแบบที่พบในวรรณกรรมต่ำงๆ บำงแบบก็เป็นแบบง่ำยๆ
บำงแบบก็มีควำมซับซ้อนค่อนข้ำงมำก
และยิ่งมีควำมซับซ้อนมำกเท่ำใดก็ยิ่งมีควำมใกล้กับควำมเป็นวิทยำศำสตร์คอมพิวเตอร์มำกขึ้นเท่ำนั้น
บำงแบบจำลองใช้แผนภูมิซึ่งประกอบด้วยสี่เหลี่ยมจัตุรัส กล่อง วงกลม สี่เหลี่ยมผืนผ้ำ ลูกศรและอื่นๆ
ในสำขำวิชำที่เฉพำะเจำะจง (เช่น กำรบริหำร กำรเรียนกำรสอน กำรนิเทศ หรือ กำรพัฒนำหลักสูตร)
แบบจำลองอำจจะมีควำมแตกต่ำงกันบ้ำง แต่ส่วนใหญ่จะมีควำมคล้ำยคลึงกัน
โดยที่ควำมคล้ำยคลึงจะมีน้ำหนักมำกกว่ำแบบจำลองแต่ละแบบดังกล่ำวเหล่ำนี้
บ่อยครั้งจะได้รับกำรกลั่นกลองและปรับปรุงจำกแบบจำลองเดิมที่มีอยู่แล้ว
อย่ำงไรก็ตำม ผู้ใช้หลักสูตรหรือผู้ปฏิบัติหลักสูตร
ต้องรับผิดชอบต่อกำรเลือกใช้แบบจำลองที่มีอยู่แล้วในแต่ละสำขำวิชำ
และหำกไม่ชอบใจก็อำจจะออกแบบจำลองของตนเองขึ้นใหม่ได้ โดยมิได้ปฏิเสธแบบจำลองทั้งหมดที่มีอยู่เดิม
และอำจจะนำลำดับและขั้นตอนในแบบจำลองที่มีอยู่นั้นมำรวมเข้ำด้วยกัน
ออกมำเป็นแบบจำลองที่นำไปสู่กำรปฏิบัติได้แทนที่จะเริ่มใหม่ทั้งหมด
แบบจำลองทำงสำขำวิชำหลักสูตรที่เป็นที่รู้จักกันดี
มักจะเรียกชื่อแบบจำลองตำมชื่อของผู้ที่นำเสนอควำมคิดนั้น ๆ ในสำขำวิชำหลักสูตร ได้แก่ไทเลอร์ (Tyler)
ทำบำ (Taba) เซเลอร์และ อเล็กซำนเดอร์ (Saylor and Alexandder) วีลเลอร์และนิโคลส์ (Wheeler and
Nicholls) วอคเกอร์ (Walker) สกิลเบค (Skilbeck) โอลิวำ (Oliva) และ พรินท์ (Print)
1. แบบจำลองของไทเลอร์
ไทเลอร์ (Tyler) มีแนวคิดเกี่ยวกับกำรเปลี่ยนแปลงผู้เรียนในกำรกำหนดควำมมุ่งหมำยของหลักสูตร
และใช้ในสังคมปัจจุบันเป็นพื้นฐำน โดยพิจำรณำจำกกฎเกณฑ์ของสังคมควำมต้องกำรทำงด้ำนควำมสงบสุข
กฎเกณฑ์และกฎหมำย ระเบียบแบบแผน รูปแบบและควำมประพฤติของแต่ละครอบครัว กำรแต่งกำย
ควำมประพฤติและกำรพูดจำ ไทเลอร์ได้กระตุ้นให้คิดถึงบทบำทของนักพัฒนำหลักสูตรในกำรใช้สิ่งดังกล่ำว
เพื่อประโยชน์ในกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอน ในเรื่องกำรประเมินผล
ไทเลอร์ชี้ให้เห็นว่ำจะต้องสอดคล้องกับควำมมุ่งหมำยที่กำหนดไว้ ปรัชญำกำรพัฒนำหลักสูตรของไทเลอร์ คือ
กำรเรียนรู้เป็นกำรเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียน
และครูจะกำหนดจุดประสงค์อย่ำงไรให้สนองควำมต้องกำรของบุคคล ไทเลอร์ได้กล่ำวว่ำ
- 3. กำรพัฒนำหลักสูตรเป็นควำมจำเป็นที่จะต้องกระทำอย่ำงมีเหตุผลและอย่ำงมีระบบโดยได้พยำยำมที่จะอธิบำย
“…..เหตุผลในกำรมอง กำรวิเครำะห์และกำรตีควำมหลักสูตร
และโปรแกรมกำรเรียนกำรสอนของสถำบันกำรศึกษำ”
ต่อจำกนั้นยังได้โต้แย้งอีกด้วยว่ำในกำรพัฒนำหลักสูตรใด ๆ จะต้องตอบคำถำม 4 ประกำรคือ
1. ควำมมุ่งหมำยอะไรทำงกำรศึกษำที่โรงเรียนควรจะแสวงหำเพื่อที่จะบรรลุควำมมุ่งหมำยนั้น
2.
ประสบกำรณ์ทำงกำรศึกษำคืออะไรที่จะสำมำรถจัดเตรียมไว้เพื่อให้บรรลุผลตำมควำมมุ่งหมำยเหล่ำนั้น
(กลยุทธ์กำรเรียนกำรสอนและเนื้อหำวิชำ :Instructional strategies andcontent)
3. ประสบกำรทำงกำรศึกษำเหล่นี้จะจัดให้มีประสิทธิภำพได้อย่ำงไร (กำรจัดประสบกำรณ์เรียนรู้:
Organizing learning experiences)
4. เรำจะสำมำรถตัดสินได้อย่ำงไร ว่ำควำมมุ่งหมำยเหล่ำนั้นได้บรรลุผลแล้ว
(กำรประเมินสถำนกำรณ์และกำรประเมินผล: Assessment and evaluation)
ไทเลอร์ได้รับกำรขนำนนำมว่ำเป็นบิดำของกำรเคลื่อนไหวทำงหลักสูตร
แบบจำลองกำรพัฒนำหลักสูตรของไทเลอร์ เป็นที่รู้จักกันดี ตั้งแต่ปี ค.ศ.1949 โดยไทเลอร์ได้เขียนหนังสือชื่อ
Basic Principles of Curriculum and nstruction และได้พิมพ์ซ้ำซำกถึง 32 ครั้ง โดยในครั้งล่ำสุดพิมพ์เมื่อ
ค.ศ.1974 ไทเลอร์ได้แสวงหำวิธีกำรที่จำเพำะของนิสัยของผู้พัฒนำหลักสูตรให้มีเหตุผล
มีระบบและวิธีกำรให้ควำมหมำยให้มำกขึ้นเกี่ยวกับภำระงำน
ปัจจุบันนักเขียนทำงหลักสูตรจำนวนมำกให้ควำมสนใจน้อยลง
เพรำะธรรมชำติที่ไม่ยืดหยุ่นในแบบจำลองจุดประสงค์ของไทเลอร์ อย่ำงไรก็ตำมบำงเวลำงำนของไทเลอร์
ได้รับกำรตีควำมผิดๆ ให้ควำมสนใจน้อยและบำงครั้งเพิกเฉยที่จะให้ควำมสนใจ เช่น บรำดี้ (Brady)
อ้ำงถึงคำถำมสี่ประกำรข้ำงต้น และแนะนำว่ำขั้นตอนทั้งสี่บำงครั้งจำทำให้ดูง่ำยขึ้นถ้ำอ่ำนว่ำ จุดประสงค์
เนื้อหำวิธีกำร และกำรประเมินผล ไทเลอร์ได้เน้นถึงประสบกำรณ์ในกำรเรียนรู้ในคำถำมข้อที่สองคือ
“….ปฏิกิริยำระหว่ำงผู้เรียนและสถำนกำรณ์ในสิ่งแวดล้อมภำยนอกซึ่งสำมำรถกระทำได้” เช่นเดียวกัน
ผู้เขียนตำรำบำงคนได้แย้งว่ำ ไทเลอร์ไม่ได้อธิบำยแหล่งที่มำของจุดประสงค์อย่ำงเพียงพอ
ไทเลอร์ได้อุทิศครึ่งหนึ่งของหนังสือที่เขียนให้กับเรื่องจุดประสงค์โดยได้พรรณนำและวิเครำะห์แหล่งที่มำของจุ
ดประสงค์จำกผู้เรียน กำรศึกษำชีวิตในปัจจุบันกำรศึกษำวิชำต่ำงๆ จำกสถำนศึกษำ
ศึกษำปรัชญำและจิตวิทยำกำรเรียนรู้อันที่จริงแล้วไทเลอร์
เป็นผู้มีเหตุผลอย่ำงสำคัญยิ่งต่อผู้พัฒนำหลักสูตรและผู้เขียนวรรณกรรมทำงด้ำนนี้ เมื่อ 30
ปีที่แล้วแบบจำลองกระบวนกำรหลักสูตรของไทเลอร์ดังภำพประกอบ 13 ซึ่งเป็นไดอำแกรมกำรแนะนำ
- 4. โดยที่ไทเลอร์เห็นว่ำภำระงำนของกำรพัฒนำหลักสูตรเป็นกำรแก้ปัญหำที่มีเหตุผลและมีขั้นตอนตำมคำถำมสี่ข้อ
ที่กล่ำวแล้ว เมื่อมีกำรกำหนดจุดประสงค์ ก็จะสำมำรถเลือกประสบกำรณ์เรียนรู้ที่เหมำะสมที่ต้องกำร
กำรจัดกำรที่มีประสิทธิภำพ ขั้นสุดท้ำยของกระบวนกำรของไทเลอร์ คือ
กำรตัดสินว่ำมีควำมสำเร็จตำมจุดประสงค์หรือไม่
จุดประสงค์ ควำมมุ่งหมำยอะไรทำงกำรศึกษำที่โรงเรียนควรจะแสวงหำ
เพื่อที่จะบรรลุผลควำมมุ่งหมำยนั้น
กำรเลือก ประสบกำรณ์เรียนรู้อะไรทำงกำรศึกษำที่จะสำมำรถจัด
ประสบกำรณ์เรียนรู้ เตรียมเพื่อให้บรรลุตำมควำมมุ่งหำยนั้น
กำรจัดประสบกำรณ์เรียนรู้ จะจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้เหล่ำนี้ให้มีประสิทธิภำพได้อย่ำงไร
กำรประเมินผล เรำสำมำรถตัดสินอย่ำงไรว่ำ ควำมมุ่งหมำยเหล่ำนี้ได้บรรลุผลแล้วหรือไม่
ภำพประกอบ 13 กระบวนกำรหลักสูตรของไทเลอร์
ไทเลอร์กล่ำวว่ำเป็นควำมจำเป็นที่ต้องนิยำมควำมมุ่งหมำย (จุดประสงค์)
ให้กระจ่ำงเมื่อมีกำรพัฒนำหลักสูตร
กำรกำหนดจุดประสงค์ต้องกำรควำมคิดที่รอบคอบและพิจำรณำแรงขับหลำกหลำยที่มีอิทธิพลต่อผู้เรียน เช่น
สังคม รำยวิชำ ปรัชญำ และอื่นๆ
ในเวลำเดียวกันจุดประสงค์จะลำยเป็นพื้นฐำนที่มีประสิทธิภำพในกำรเลือกประสบกำรณ์ที่เหมำะสมตลอดจนก
ำรประเมินผลแต่ละขั้นตอนจะเป็นไปอย่ำงมีเหตุผล
ขั้นตอนทุกขั้นขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ที่ได้กำหนดไว้อย่ำงระมัดระวัง
ในขั้นของกำรประเมินผลก็ใช้จุดประสงค์เป็นฐำนสำหรับเทคนิคกำรประเมินที่เหมำะสมที่จะชี้ว่ำได้รับควำมสำ
เร็จตำมจุดประสงค์อย่ำงกว้ำงขวำงเพียงใด
แบบจำลองของไทเลอร์ ให้ควำมสนใจกับระยะของกำรวำงแผน และจำกเหตุผลข้ำงต้น
ทำให้นักกำรศึกษำทั่วไปเรียกแบบจำลองของไทเลอร์ว่ำ “แบบจำลองเชิงเหตุผล (The Tyler rationale model)
ซึ่งเป็นกระบวนกำนในกำรเลือกจุดประสงค์ทำงกำรศึกษำที่เป็นที่รู้จักและถือปฏิบัติในแวดวงของหลักสูตร
- 5. และไทเลอร์ได้เสนอแบบจำลองสำหรับกำรพัฒนำหลักสูตรที่ค่อนข้ำงจะเป็นที่เข้ำใจในส่วนแรกของแบบจำลอ
ง (กำรเลือกจุดประสงค์) ซึ่งได้รับควำมสนใจเป็นอย่ำงมำกจำกนักกำรศึกษำอื่นๆ
ไทเลอร์ได้แนะนำให้ผู้พัฒนำหลักสูตรระบุจุดประสงค์ทั่วไปโดยรวบรวมข้อมูลจำกสำมแหล่งคือ
ผู้เรียน (learners) ชีวิตภำยนอกโรงเรียนในช่วงเวลำนั้น (contemparry life outside the school)
และเนื้อหำวิชำ (subject matter) ภำยหลังจำกที่ได้ระบุจุดประสงค์ทั่วไปแล้ว
ผู้วำงแผนหลักสูตรก็กลั่นกรองจุดประสงค์เหล่ำนั้นผ่ำนเครื่องกรองสองชนิดคือ
ชนิดแรกเป็นปรัชญำกำรศึกษำและปรัชญำทำงสังคมของโรงเรียน ชนิดหลังเป็นจิตวิทยำกำรเรียนรู้
จุดประสงค์ทั่วไปที่ประสบควำมสำเร็จด้วยกำรผ่ำนกำรกลั่นกรองจำกเครื่องกรองทั้งสองชนิดจะกลำยเป็นจุดปร
ะสงค์กำรเรียนกำรสอนที่มีควำมหมำยเฉพำะเจำะจงขึ้น ในกำรพรรณนำจุดประสงค์ทั่วไป ไทเลอร์จะอ้ำงถึง
“เป้ำประสงค์ (goal)” “จุดประสงค์ทำงกำรศึกษำ (educational objectives)” และ “ควำมมุ่งหมำยทำงกำรศึกษำ
(educational purposes)”
แหล่งข้อมูลนักเรียน (Student as source)
ผู้ปฏิบัติงำนหลักสูตรเริ่มต้นเสำะหำจุดประสงค์ทำงกำรศึกษำโดยรวบรวมและวิเครำะห์ข้อมูลที่สอดคล้องกับค
วำมต้องกำรจำเป็นและควำมสนใจของนักเรียน ควำมต้องกำรจำเป็นกว้ำงๆ โดยส่วนรวมได้แก่
ควำมต้องกำรจำเป็นด้ำนกำรศึกษำ สังคม อำชีพ ร่ำงกำย จิตใจ และนันทนำกำร
จะได้รับกำรหยิบยกขึ้นมำศึกษำ ไทเลอร์เสนอแนะให้ครูเป็นผู้สังเกต สัมภำษณ์นักเรียน สัมภำษณ์บิดำมำรดำ
ออกแบบสอบถำม และใช้กำรทดสอบเป็นเทคนิคในกำรเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียน
โดยกำรตรวจสอบควำมต้องกำรจำเป็นและควำมสนใจของนักเรียน
นักพัฒนำหลักสูตรต้องระบุชุดของจุดประสงค์ที่มีศักยภำพ
แหล่งข้อมูลทำงสังคม (Society as source)
กำรวิเครำะห์ชีวิตควำมเป็นอยู่ในปัจจุบันของทั้งชุมชนในท้องถิ่นและสังคม
ส่วนใหญ่จะเป็นขั้นตอนต่อไปในกระบวนกำรของของกำรกำหนดจุดประสงค์ทั่วไป
ไทเลอร์แนะนำว่ำผู้วำงแผนหลักสูตรควรพัฒนำแผนกำรจำแนกแบ่งชีวิตออกมำในหลำยๆ ลักษณะ เช่น ด้ำน
สุขภำพ ครอบครัว นันทนำกำร อำชีพ ศำสนำ กำรบริโภค และบทบำทหน้ำที่พลเมือง
จำกควำมต้องกำรของสังคมทำให้เรำได้จุดประสงค์เกี่ยวกับควำมต้องกำรจำเป็นของสถำบันทำงสังคม
หลังจำกที่ได้พิจำรณำแหล่งข้อมูลที่สองแล้ว ผู้ปฏิบัติหลักสูตร (Curriculum worker)
สำมำรถที่จะขยำยหรือเพิ่มเติมจุดประสงค์ได้
แหล่งข้อมูลด้ำนเนื้อหำวิชำ (Sujiect matter as source)
สำหรับข้อมูลที่สำมนักวำงแผนหลักสูตรต้องหันกลับไปพิจำรณำเนื้อหำวิชำ สำขำวิชำของตัวเอง
- 6. นวัตกรรมหลักสูตรจำนวนมำก ในปี ค.ศ.1950-คณิตศำสตร์แผนใหม่ โปรแกรมวิทยำศำสตร์
ได้มำจำกผู้เชี่ยวชำญด้ำนเนื้อหำวิชำ จำกข้อมูลสำมแหล่งที่กล่ำวถึงนี้ผู้พัฒนำหลักสูตรก็จะได้จุดประสงค์ทั่วไป
หรือจุดประสงค์กว้ำงๆ ซึ่งขำดควำมชัดเจน ซึ่งโอลิวำ (Oliva)
มีควำมชอบมำกที่เรียกว่ำเป้ำประสงค์ของกำรเรียนกำรสอน (instructional goals)
เป้ำประสงค์เหล่ำนี้อำจตรงกับสำชำวิชำที่เฉพำะเจำะจง
จอห์นสัน (Johnsan) มองสิ่งเหล่ำนี้ด้วยสำยตำที่แตกต่ำงออกไป กล่ำวคือ จอห์นสันได้แนะนำว่ำ
“แหล่งที่เป็นไปได้ (ของหลักสูตร) คือวัฒนธรรมทั้งหมดที่มีอยู่เป็นส่วนรวม”
และมีแต่เพียงเนื้อหำสำระที่เรียบเรียงไว้อย่ำงดี นั่นคือ
สำขำวิชำเหล่ำนั้นที่จะได้รับกำรพิจำรณำว่ำเป็นแหล่งข้อมูลของหลักสูตรไม่ใช่ควำมต้องกำรจำเป็นและควำมส
นใจของผู้เรียนหรือค่ำนิยมและปัญหำสังคม
เมื่อมีกำรกำหนดจุดประสงค์ที่พิจำรณำว่ำควำมเป็นไปได้ที่จะนำไปใช้แล้ว
จำเป็นต้องมีกระบวนกำรกลั่นกรองอีกขั้นหนึ่งตำมแบบจำลองของไทเลอร์
เพื่อที่จะขจัดจุดประสงค์ที่ไม่มีควำมสำคัญและขัดแย้งกันออกไปโดยแนะนำให้ใช้ปรัชญำกำรศึกษำของโรงเรีย
นเป็นตะแกรงแรกสำหรับกลั่นกรองเป้ำประสงค์
ปรัชญำ (Philosophical screen) เหล่ำนี้
ไทเลอร์แนะนำครูของแต่ละโรงเรียนให้กำหนดปรัชญำกำรศึกษำและปรัชญำสังคมขึ้นมำ
โดยผลักดันให้ครูวำงเค้ำโครงค่ำนิยมและภำระงำนนี้ออกมำด้วยกำรเน้นเป้ำประสงค์สี่ประกำรคือ
1. กำรยอมรับควำมสำคัญของบุคคลในฐำนะทำงชำติพันธุ์วรรณำเชื้อชำติสังคมหรือเศรษฐกิจ
2. โอกำสสำหรับกำรมีส่วนร่วมอย่ำงกว้ำงขวำงในธุรกิจระยะของกิจกรรมในกลุ่มสังคมและในสังคม
3.
กำรส่งเสริมให้มีบุคลิกภำพที่หลำกหลำยค่อนข้ำงจะมำกกว่ำที่ส่งเสริมให้มีบุคลิกภำพที่เป็นแบบเดียวกันทั้งหม
ด
4. ควำมศรัทธำในเชำวน์ปัญญำว่ำเป็นเสมือนวิธีกำรในกำรแก้ปัญหำสำคัญๆ
ค่อนข้ำงจะมีมำกกว่ำกำรขึ้นอยู่กับอำนำจของกลุ่มประชำธิปไตยหรือกลุ่มเจ้ำขุนมูลนำย
ในคำอภิปรำยเกี่ยวกับกำรกำหนดปรัชญำสังคม
ไทเลอร์พยำยำมที่จะทำให้โรงเรียนเป็นบุคคลโดยกล่ำวว่ำ
ปรัชญำกำรศึกษำและปรัชญำสังคมเป็นข้อผูกพันและต้องกำรกระทำตำม เมื่อโรงเรียนยอมรับค่ำนิยมเหล่ำนี้
หลำยโรงเรียนมักจะกล่ำวว่ำ และ ถ้ำโรงเรียนเชื่อ
ดังนั้นไทเลอร์จึงทำให้โรงเรียนมีลักษณะเป็นพลวัตและมีชีวิต (dynamic living entity)
- 7. ผู้ทำงำนเกี่ยวกับหลักสูตร (curriculum worker)
จะทบทวนรำยกำรของจุดประสงค์ทั่วไปและไม่ให้ควำมสนใจกับจุดประสงค์ที่ไม่สอดคล้องกับปรัชญำที่ได้ตก
ลงกันไว้กับคณะทำงำน
จิตวิทยำ (Psychological screen) กำรประยุกต์ใช้จิตวิทยำ
เป็นขั้นตอนต่อไปของแบบจำลองของไทเลอร์ ในกำรใช้นี้ ครูต้องทำควำมกระจ่ำงกับหลักกำรเรียนรู้
ซึ่งเชื่อว่ำดี
ไทเลอร์กล่ำวว่ำจิตวิทยำกำรเรียนรู้ไม่เพียงแต่จะรวมถึงข้อค้นพบที่ชี้เฉพำะและแน่นอนเท่ำนั้นแต่ยังเกี่ยวข้องกั
บกำรสร้ำงทฤษฎีกำรเรียนรู้ที่ช่วยในกำรกำหนดเค้ำโครง (outline)
ธรรมชำติของกระบวนกำรเรียนรู้ว่ำเกิดขึ้นได้อย่ำงไรภำยใต้เงื่อนไขอะไร ใช้กลไกอะไรในกำรปฏิบัติงำน
และอื่นๆ
ในลักษณะที่คล้ำยคลึงกันกำรประยุกต์ใช้นี้อย่ำงมีประสิทธิภำพจำเป็นต้องมีกำรฝึกหัดอย่ำงเพียงพอในด้ำนจิตวิ
ทยำกำรศึกษำควำมเจริญเติบโตและพัฒนำกำรของมนุษย์
โดยผู้ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับภำระงำนของกำรพัฒนำหลักสูตรจะเป็นผู้ดำเนินกำรฝึกให้ไทเลอร์ได้อธิบำยควำมสำ
คัญของจิตวิทยำดังนี้
1.
ควำมรู้ทำงจิตวิทยำกำรเรียนรู้สำมำรถทำให้เรำแยกควำมต่ำงของกำรเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ที่เป็นกระบวนกำรเ
รียนรู้ที่คำดหวังผลออกจำกกำรเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้เป็นกระบวนกำรเรียนรู้ที่คำดหวัง
2.
ควำมรู้ในจิตวิทยำกำรเรียนรู้สำมำรถทำให้เรำแยกควำมต่ำงในเป้ำประสงค์ที่มีควำมเป็นไปได้ออกจำกเป้ำประส
งค์ที่ต้องกำรใช้เวลำนำนหรือเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุผลสำเร็จในระดับอำยุที่มีกำรตรวจสอบและรับรอง
แล้ว
3. จิตวิทยำกำรเรียนรู้ให้ควำมคิดบำงอย่ำงแก่เรำ
เกี่ยวกับระยะเวลำที่ใช้ในกำรบรรลุจุดประสงค์และระดับอำยุที่ต้องใช้ควำมพยำยำมให้มีประสิทธิภำพสูงสุด
หลังจำกผู้วำงแผนหลักสูตรได้ประยุกต์ใช้ที่สองแล้วก็จะมีกำรลดรำยกำรวัตถุประสงค์ทั่วไปลงปล่อย
ให้เหลือไว้เฉพำะจุดประสงค์ที่มีควำมสำคัญที่สุดและมีควำมเป็นไปได้มำกที่สุด
หลังจำกนั้นต้องระมัดระวังในกำรที่จะกล่ำวจุดประสงค์ออกมำในรูปของจุดประสงค์พฤติกรรม
ซึ่งจะกลำยมำเป็นจุดประสงค์ของกำรเรียนกำรสอนในชั้นเรียนไทเลอร์ไม่ได้ใช้
ไดอำแกรมในกำรพัฒนำกระบวนกำรที่ได้เสนอแนะไว้ อย่ำงไรก็ตำมโพแฟมและเบเกอร์ (Popham and Baker)
ได้อธิบำยแบบจำลองของไทเลอร์ ดังภำพประกอบ 14
- 8. แหล่งข้อมูล แหล่งข้อมูล แหล่งข้อมูล
นักเรียน สังคม เนื้อหำวิชำ
ร่ำงจุดประสงค์ทั่วไป (tentative)
จุดประสงค์กำรเรียนกำรสอน
ที่ชัดเจน
ภำพประกอบ 14 หลักสูตรเชิงเหตุผลไทเลอร์
มีเหตุผลหลำยประกำรที่รออภิปรำยเกี่ยวกับแบบจำลองไทเลอร์มักจะหยุดอยู่ที่กำรตรวจสอบส่วนแร
กของแบบจำลอง-
เหตุผลในกำรเลือกจุดประสงค์ทำงกำรศึกษำโดยควำมเป็นจริงแล้วแบบจำลองไทเลอร์ยังมีขั้นตอนที่พรรณนำอ
อกไปอีกสำมขั้นตอนในกำรพัฒนำหลักสูตร คือกำรเลือก กำรจัด
และกำรประเมินประสบกำรณ์กำรเรียนรู้โดยที่ไทเลอร์ได้นิยำมประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ว่ำเป็น
ปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงผู้เรียนและเงื่อนไขภำยนอกในสิ่งแวดล้อมที่ผู้เรียนสำมำรถสนองตอบได้
ไทเลอร์ได้แนะนำครูให้สนใจกับประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ซึ่ง 1. จะพัฒนำทักษะในกำรคิด 2.
จะช่วยให้ได้มำซึ่งข่ำวสำรข้อมูลตำมที่ต้องกำร 3. จะช่วยในกำรพัฒนำเจตคติทำงด้ำนสังคมและ 4.
จะช่วยพัฒนำควำมสนใจ
ไทเลอร์ได้อธิบำยถึงกำรจัดประสบกำรณ์ให้เป็นหลำยๆ หน่วย และพรรณนำวิธีกำรประเมินผลต่ำงๆ
อย่ำงหลำกหลำย และแม้ว่ำไทเลอร์จะไม่ได้บอกถึงทิศทำงของประสบกำรณ์กำรเรียนรู้
(หรือกำรใช้วิธีกำรเรียนรู้กำรสอน)
แต่เรำก็สำมำรถอ้ำงได้ว่ำกำรเรียนกำรสอนต้องเกิดขึ้นในระหว่ำงกำรเลือกและกำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้แ
ละกำรประเมินผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนจำกประสบกำรณ์เหล่ำนี้
แบบจำลองที่ขยำยแล้ว (Expanded model)
อย่ำงไรก็ตำมเรำสำมำรถปรับปรุงไดอำแกรมแบบจำลองของไทเลอร์โดยขยำยออกไปให้ครอบคลุม
ปรัชญำ
กำรศึกษำ
จิตวิทยำ
กำรศึกษำ
- 9. ขั้นตอนต่ำงๆ ในกระบวนกำรวำงแผนหลังจำกที่ได้กำหนดจุดประสงค์กำรเรียนกำรสอนเฉพำะแล้ว
นั่นคือเพิ่มขั้นตอนของกำรเลือกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้
ทิศทำงของประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ และกำรประเมินประสบกำรณ์กำรเรียนรู้เข้ำไปดังภำพประกอบ 15
แบบจำลองที่ขยำยแล้ว
ในกำรอภิปรำยเกี่ยวกับเหตุผลของไทเลอร์ และแทนเนอร์ (Tanne and tanner) ชี้ว่ำ
องค์ประกอบหลักในเหตุผลของไทเลอร์มำจำกกำรศึกษำพิพัฒนำกำรนิยมในระหว่ำงต้นทศวรรษของ
ศรวรรษที่ 21 สิ่งหนึ่งที่เป็นสิ่งที่ยำกในเหตุผลของไทเลอร์ตำมทัศนะของแทนเนอร์ทั้งสอง คือ
ไทเลอร์นำเสนอแหล่งข้อมูลทั้งสำมโดยแยกออกจำกกันไม่แสดงถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงกัน
ถ้ำนักวำงแผนหลักสูตรพิจำรณำว่ำส่วนประกอบทั้งสำมต้องแยกออกจำกกัน
และไม่เข้ำใจถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงกันของแหล่งทั้งสำมกำรพัฒนำหลักสูตรก็จะกลำยเป็นกระบวนกำรที่เน้นเชิ
งกลไกมำกจนเกินอย่ำงไรก็ตำมแทนเนอร์ทั้งสองได้บันทึกไว้ว่ำจนถึงวันนี้
แบบของไทเลอร์ได้รับกำรอภิปลำยอย่ำงกว้ำงขวำงจำกนักวิชำกำรหลักสูตรและเป็นจุดศูนย์รวม (focus)
ในสำขำของทฤษฎีหลักสูตรด้วย
2. แบบจำลองของทำบำ
ในหนังสือจำนวนหลำยเล่มที่ทำบำ (Taba)
ได้เขียนเกี่ยวกับหลักสูตรเล่มที่เป็นที่รู้จักมำกที่สุดและมีอิทธิพลต่อกำรพัฒนำหลักสูตรคือ (Curriculum
Development: Theory andPractice) ในหนังสือ
เล่มนี้ทำบำได้กำหนดหัวเรื่องเกี่ยวกับกระบวนกำรของกำรพัฒนำหลักสูตรโดยทำบำได้ขยำยแบบจำลองพื้นฐำน
แบบไทเลอร์ จนกลำยเป็นตัวแทนของสิ่งที่ใช้พัฒนำหลักสูตรในโรงเรียนมำกขึ้น
แหล่งข้อมูล แหล่งข้อมูล แหล่งข้อมูล
นักเรียน สังคม เนื้อหำวิชำ
ร่ำงจุดประสงค์ทั่วไป
ปรัชญำ
กำรศึกษำ
จิตวิทยำ
กำรเรียนรู้
- 10. ภำพประกอบ 15 หลักสูตรเชิงเหตุผลของทำบำ (ขยำยแล้ว)
แต่แบบจำลองนี้ยังคงเป็นเส้นตรงอยู่
ทำบำอ้ำงเหตุผลสำหรับสำรสนเทศที่ให้ในแต่ละขั้นตอนของกระบวนกำรหลักสูตร
โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งทำบำได้แนะนำพิจำรณำสองประกำรคือพิจำรณำเนื้อหำ กำรจัดหลักสูตรอย่ำงมีเหตุผล
และพิจำรณำผู้เรียนแต่ละคน (กำรจัดหลักสูตรอย่ำงมีจิตวิทยำ) เพื่อที่จะเน้นในหลักสูตรเหล่ำนั้น
ทำบำอ้ำงว่ำหลักสูตรทั้งหมดประกอบด้วยองค์ประกอบพื้นฐำนหลักสูตรโดยปกติจะประกอบด้วยกำรเลือกและ
กำรจัดเนื้อหำบำงอย่ำงซึ่งแสดงในหรือรูปแบบที่แท้จริงของกำรเรียนกำรสอนและสุดท้ำยยังรวมเอำโปรแกรมก
ำรประเมินผลที่ได้รับ
ทำบำแนะนำวิธีกำรจำกระดับล่ำง (grass-roots approach) เป็นที่รู้จักกันดี นำไปสู่กำรพัฒนำหลักสูตร
โดยเชื่อว่ำครูควรเป็นผู้ออกแบบหลักสูตรมำกกว่ำที่จะเอำหลักสูตรจำกผู้มีอำนำจหน้ำที่ในระดับสูงกว่ำ
ยิ่งไปกว่ำนั้น ทำบำรู้สึกว่ำ ครูควรจะเริ่มต้นกระบวนกำรโดยกำรสร้ำงสรรค์หน่วยกำรสอน-
กำรเรียนรู้เฉพำะสำหรับนักเรียนของตนเองในโรงเรียนก่อนมำกกว่ำที่จะริเริ่มสร้ำงสรรค์ออกแบบหลักสูตรทั่วไ
ป ดังนั้นทำบำจึงสนับสนุนวิธีกำรเชิงอุปนัย (inductive approach)
ในกำรพัฒนำหลักสูตรโดยเริ่มจำกสิ่งที่เฉพำะเจำะจงแล้วสร้ำงให้ขยำยไปสู่กำรออกแบบในลักษณะรวมซึ่งเป็น
วิธีกำรที่ตรงกันข้ำมกับวิธีกำรเชิงนิรนัย (deductive approach) อย่ำงที่เคยปฏิบัติมำแต่ก่อน(traditional)
ซึ่งเริ่มด้วยกำรออกแบบลักษณะรวมทั่วๆ ไปแล้วนำไปสู่รำยละเอียดที่เฉพำะเจำะจง
ทำบำได้สนับสนุนวิธีกำรใช้เหตุผลและขั้นตอนในกำรพัฒนำหลักสูตรค่อนข้ำงจะมำกกว่ำวิธีกำรที่จะ
ใช้กฎหัวแม่มือ (rule of thumb procedure) ต่อจำกนั้นก็จะใช้เหตุผลและวิธีกำรทำงวิทยำศำสตร์
ทำบำประกำศว่ำกำรตัดสินใจบนพื้นฐำนขององค์ประกอบควรจะเป็นไปตำมเกณฑ์ที่เหมำะสม
เกณฑ์เหล่ำนี้อำจจะมำจำกแหล่งข้อมูลที่หลำกหลำย จำกขนบธรรมเนียมประเพณี จำกควำมกดดันทำงสังคม
จุดประสงค์กำรเรียนกำรสอนที่ชัดเจน
กำรเลือกประสบกำรเรียนรู้
กำรจัดประสบกำรเรียนรู้
ทิศทำงของประสบกำรเรียนรู้
กำรประเมินประสบกำรเรียนรู้
- 11. จำกนิสัยใจคอ
ควำมแตกต่ำงของกำรตัดสินใจเกี่ยวกับหลักสูตรซึ่งใช้วิธีกำรทำงวิทยำศำสตร์และกำรพัฒนำกำรออกแบบอย่ำง
มีเหตุผล กับแบบที่ไม่ได้ใช้วิธีกำรทำงวิทยำศำสตร์และเหตุผลคือ
เกณฑ์ที่มีรูปแบบสำหรับกำรตัดสินใจมำจำกกำรศึกษำตัวแปรที่ประกอบไปด้วยเหตุผลพื้นฐำนสำหรับหลักสูตร
อย่ำงน้อยที่สุดในสังคมของเรำ ตัวแปรเหล่ำนี้ก็คือผู้เรียน กระบวนกำรเรียนรู้
ควำมต้องกำรทำงวัฒนธรรมและเนื้อหำของสำขำวิชำ ดังนั้น ทำบำจึงยืนยันว่ำ
กำรพัฒนำหลักสูตรอย่ำงวิทยำศำสตร์จำเป็นต้องใช้กำรวิเครำะห์สังคมและวัฒนธรรม
จำเป็นต้องศึกษำผู้เรียนและกระบวนกำรเรียนรู้
และวิเครำะห์ธรรมชำติของกำรเรียนรู้เพื่อที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับควำมมุ่งหมำยของโรงเรียน
และธรรมชำติของหลักสูตร
ในที่สุด ทำบำ อ้ำงว่ำ ถ้ำกำรพัฒนำหลักสูตรเป็นภำระงำนที่ต้องใช้เหตุผลและต้องเรียงลำดับแล้ว
จำเป็นจะต้องมีกำรตรวจสอบอย่ำงใกล้ชิดเกี่ยวกับลำดับขั้นในกำรตัดสินใจเกี่ยวกับกำรพัฒนำหลักสูตรและวิธีก
ำรนำไปใช้หนังสือของทำบำอยู่บนสมมติฐำนว่ำ
มีกำรเรียงลำดับกำรพัฒนำและจะนำไปสู่ผลกำรวำงแผนอย่ำงใช้ควำมคิดมำกขึ้น
และจะเป็นหลักสูตรที่หลับตำมองเห็นภำพหรือควำมเป็นไปได้มำกขึ้นด้วย
เพื่อหลีกเลี่ยงกำรแสดงแบบจำลองด้วยแผนภำพ (graphic exposition) ทำบำได้ให้รำยกำร
ห้ำขั้นตอน สำหรับกำรเปลี่ยนแปลงหลักสูตรที่ประสบควำมสำเร็จ ดังนี้
1. กำรผลิตหน่วยกำรเรียนกำรสอนนำร่อง (producing pilot units)
ซึ่งเป็นตัวแทนของระดับชั้นหรือสำขำวิชำ
ทำบำเห็นว่ำขั้นตอนนี้เห็นเป็นเสมือนตัวเชื่อมระหว่ำงทฤษฎีและกำรปฏิบัติ ทำบำได้เสนอขั้นตอนอีกแปดขั้น
สำหรับผู้พัฒนำหลักสูตรซึ่งผลิตหน่วยนำร่องดังนี้
1.1 กำรวินิจฉัยควำมต้องกำรจำเป็น (diagnosis of needs)
นักพัฒนำหลักสูตรเริ่มต้นด้วยกำรพิจำรณำควำมต้องกำรจำเป็นของนักเรียน สำหรับผู้วำงแผนหลักสูตร
ทำบำแนะนำผู้ปฏิบัติหลักสูตร (curriculum worker) ให้วินิจฉัย “ช่องว่ำง (gap) จุดบกพร่อง (deficiencies)
และควำมหลำกหลำยในภูมิหลักของนักเรียน”
1.2 กำรกำหนดจุดประสงค์ (formulation of objective)
หลังจำกที่ได้วินิจฉัยควำมต้องกำรจำเป็นของนักเรียนแล้ว
ผู้วำงแผนหลักสูตรจะกำหนดจุดประสงค์เฉพำะที่ต้องกำรจะบรรลุ ทำบำ (Taba) ใช้คำว่ำ “เป้ำประสงค์ (goals)
และจุดประสงค์ (objective)” ในลักษณะที่แทนกันได้ (interchangeably)
- 12. 1.3 กำรเลือกเนื้อหำวิชำ (selection of content)
เนื้อหำสำระหรือหัวข้อที่จะนำมำศึกษำได้มำโดยตรงจำกจุดประสงค์
ทำบำชี้ให้เห็นว่ำไม่เพียงแต่จะต้องพัฒนำจุดประสงค์ในกำรเลือกเนื้อหำเท่ำนั้น แต่จะต้องพิจำรณำ
“ควำมเหมำะสม (validity) และควำมสำคัญ (significant)” ของเนื้อหำวิชำที่เลือกมำด้วย
1.4 กำรจัดเนื้อหำรำยวิชำ (organization of content)
กำรเลือกเนื้อต้องเป็นไปด้วยกันกับภำระงำนกำรตัดสินใจว่ำเนื้อหำวิชำนี้อยู่ในระดับไหน (what level)
ของผู้เรียนว่ำอยู่ให้ระดับใด (whatsequences) ของวิชำ
วุฒิภำวะของผู้เรียนควำมพร้อมที่จะเผชิญกับเนื้อหำสำระ
และระดับผลสัมฤทธิ์ทำงวิชำกำรของผู้เรียนเป็นองศ์ประกอบที่ต้องนำมำพิจำรณำในกำรจัดวำงเนื้อหำวิชำให้เห
มำะสม
1.5 กำรเลือกประสบกำรกำรเรียนรู้ (selection of lenrning experiences)
ผู้วำงแผนหลักสูตรจะต้องเลือกวิธีกำร (mwtodology) หรือกลยุทธ์ (stregies)
ที่จะทำให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมเกี่ยวข้องกับเนื้อหำ
นักเรียนทำควำมเข้ำใจเนื้อหำวิชำผ่ำนทำงกิจกรรรมกำรเรียนรู้ที่ผู้วำงแผนหลักสูตรและครู (planner - teacher)
เป็นผู้เลือก
1.6 กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ (organizntion of learning activities)
ครูเป็นผู้ตัดสินวิธีกำรที่จัดและกำหนดกิจกรรม กำรเรียนและกำรผสมผสำนลำดับขั้นตอนที่จะต้องใช้
ในขั้นตอนนี้ครูจะปรับ ยุทธศำสตร์ให้มีควำมเหมำะสมเป็นพิเศษกับนักเรียนเฉพำะกลุ่มที่ครูรับผิดชอบ
1.7 กำรพิจำรณำตกลงใจว่ำจะประเมินอะไร ทิศทำงไหน และด้วยวิธีกำรอย่ำงไร(determination
of what to evaluate of what ways and means of dong it)
ผู้วำงแผนหลักสูตรต้องตัดสินใจว่ำได้บรรลุประสงค์หรือไม่ ครูเลือกเทคนิควิธีกำรหลำยๆ
อย่ำงที่เป็นวิธีกำรที่เหมำะสมในกำรประเมินผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนและเพื่อตัดสินใจว่ำจุดประสงค์ของหลักสูต
รบรรลุหรือไม่
- 13. จุดประสงค์ที่ต้องกำรจะบรรลุ
ตัดสินใจโดยวิเครำะห์ : จำแนกโดย : ระดับของจุดประสงค์
วัฒนธรรมและควำมต้องกำร ชนิดของพฤติกรรม ควำมมุ่งหมำยของกำรศึกษำ
จำเป็นของสังคม โดยรวม
ผู้เรียนและกระบวนกำรเรียนรู้ เนื้อหำวิชำ ควำมมุ่งหมำยของโรงเรียน
และหลักกำร
ควำมรู้ของมนุษย์ในศำสตร์ ควำมต้องกำรจำเป็นอื่นๆ จุดประสงค์พิเศษของ
ต่ำงๆ และหน้ำที่ กำรเรียนกำรสอน
อุดมกำรณ์ทำงประชำธิปไตย
กำรเลือกประสบกำรหลักสูตร
ตัดสินใจโดยพิจำรณำ มิติของ : สิ่งเกี่ยวข้อง:
สิ่งที่รู้เกี่ยวกับ:
ธรรมชำติของควำมรู้ เนื้อหำสำระ แหล่งทรัพยำกรของโรงเรียน
พัฒนำกำรของควำมรู้ ประสบกำรณ์กำรเรียนรู้
กำรเรียนรู้ บทบำทและหน้ำที่หน่วยงำน
ผู้เรียน กำรศึกษำอื่นๆ
ตัดสินใจจำกข้อกำหนดของ : ศูนย์กลำงของกำรจัดกำร : สิ่งที่เกี่ยวข้อง :
ควำมต่อเนื่องของกำรเรียนรู้ แบบเนื้อหำวิชำแบบกว้ำง กำรจัดกำรของโรงเรียน
กำรบูรณำกำรกำรเรียนรู้ แบบกำรมีชีวิตอยู่รอด วิธีกำรใช้บุคลำกร
ควำมต้องกำรจำเป็นและ
ประสบกำรณ์
กิจกรรมของเด็ก
ควำมคิดตำมควำมสนใจ
ตัดสินใจโดย: มิติของ: สิ่งที่เกี่ยวข้อง:
กำหนดขอบเขตกำรเรียนรู้ ขอบเขตและกำรเรียงลำดับ ศูนย์กลำงของกำรจัด
กำหนดควำมต่อเนื่องของ ของเนื้อหำ หลักสูตร
กำรเรียนรู้ ขอบเขตและกำรเรียนลำดับ
ของกำรปฏิบัติทำงสมอง
- 15. ที่ได้จำกกำรวิจัย) ซึ่งตรงกับปัญหำและมีประโยชน์ต่อหลักสูตรวิทยำศำสตร์
สิ่งเหล่ำนี้ควรรวมเข้ำไว้ด้วยหรือไม่
ถ้ำไม่ไปด้วยกันกับจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ผลกระทบอะไรที่จะต่อองค์ประกอบของหลักสูตรในส่วนอื่นๆ
โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งกำรประเมินผล ถ้ำมีกำรรวมเนื้อหำดังกล่ำวเข้ำไว้ในหลักสูตรด้วย
สิ่งที่รวมเข้ำไปมีควำมเหมำะสมหรือไม่ สิ่งเหล่ำนี้เป็นคำถำมที่มีเห็นผลต่อแบบจำลองเชิงเหตุผล
กำรสังเกตกำรณ์พัฒนำหลักสูตรในเชิงปฏิบัติปรำกฏให้เห็นว่ำ
ครูชอบมำกกว่ำที่จะไม่ใช้วิธีกำรเชิงเหตุผล ครูค่อนข้ำงจะชอบที่จะเริ่มต้นด้วยตนเองรู้เนื้อหำอะไร
และเริ่มงำนจำกตรงนั้น ปรำกฏกำรนี้อำจจะไม่ใช่จุดอ่อนของแบบจำลองนี้ถ้ำจะมีกำรใช้วิธีกำรนี้ และเป็นที่แน่
1.8 กำรตรวจสอบเพื่อดูควำมสมดุลและลำดับขั้นตอน (checking for balance and sequence)
ทำบำแนะนำผู้ปฏิบัติหลักสูตรให้มองควำมคงเส้นคงวำระหว่ำงส่วนที่หลำกหลำยต่ำงๆ
ของหน่วยกำรเรียนกำรสอน เพื่อกำรเลื่อนไหลอย่ำงเหมำะสมของประสบกำรณ์
กำรเรียนรู้ที่เกิดขึ้นและเพื่อควำมสมดุลในแบบกำรเรียนรู้ของนักเรียนและแบบกำรแสดงออกของครู
สำหรับหลักสูตรที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้เรียนในด้ำนของประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ทำบำให้เหตุผลว่ำ
สิ่งสำคัญคือกำรวินิจฉัยควำมต้องกำรจำเป็นของผู้เรียนซึ่งเป็นควำมสำคัญขั้นแรกของทำบำว่ำ
นักเรียนมีควำมต้องกำรจำเป็นที่จะเรียนรู้อะไร สำรสนเทศนี้จึงกลำยเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ สำหรับขั้นที่ 1-2
คือกำรกำหนดจุดประสงค์ที่ครอบคลุมและมีควำมชัดเจนเพื่อที่จะกำหนดพื้นฐำนสำหรับพัฒนำองค์ประกอบขอ
งหลักสูตรที่จะตำมมำ ทำบำให้เหตุผลด้วยควำมแน่ใจว่ำ
ธรรมชำติของจุดประสงค์จะช่วยตัดสินใจว่ำกำรเรียนรู้ชนิดใดควรจะตำมมำทำบำสนับสนุนอย่ำงแรงกล้ำต่อแบ
บจำลองที่ถือเหตุผล
ในขั้นที่ 3และ 4 ควำมจริงแล้วผสมผสำนเข้ำด้วยกันไม่ได้
แม้ว่ำในควำมมุ่งหมำยของกำรศึกษำหลักสูตร ทำบำได้แยกควำมแตกต่ำงระหว่ำงสองขั้นนี้
และในกำรดำเนินกำรตำมขั้นตอนเหล่ำนี้ ครูจำเป็นต้องเข้ำใจจุดประสงค์ที่ได้กำหนดไว้ก่อนดีพอๆ
กับที่ต้องเข้ำใจอย่ำงลึกซึ้งในเนื้อหำวิชำที่เหมำะสม
ในลักษณะเดียวกัน ขั้นที่ 5และ 6 ก็สัมพันธ์กับจุดประสงค์และเนื้อหำวิชำที่ได้กำหนดไว้แล้ว
ในกำรดำเนินกำรตำมขั้นตอนอย่ำงมีประสิทธิภำพ
ทำบำแนะนำให้ผู้พัฒนำหลักสูตรทำควำมเข้ำใจกับหลักสูตรของกำรเรียนรู้ กลยุทธ์ที่จะบรรลุ แนวคิด
และขั้นตอนของกำรเรียนรู้
- 16. ในขั้นที่ 7ทำบำได้แสวงหำทิศทำงที่จะนำผู้พัฒนำหลักสูตรไปสู่กำรคิดและกำรวำงแผน กลยุทธ์
กำรประเมินผล ทำบำต้องกำรที่จะรู้เป้ำหมำยปลำยทำง (จุดประสงค์)
ของหลักสูตรว่ำโดยแท้จริงแล้วประสบควำมสำเร็จหรือไม่ เช่นเดียวกับไทเลอร์
2. กำรทดสอบหน่วยทดลอง (testing experimental units) เมื่อเป้ำประสงค์ของกระบวนกำรนี้ คือ
เพื่อสร้ำงหลักสูตรที่ครอบคลุมหนึ่งหรือมำกกว่ำระดับชั้นหรือสำขำวิชำ
เมื่อครูได้เขียนหน่วยกำรเรียนกำรสอนนำร่องจำกชั้นเรียนของตนเองที่มีอยู่ในใจ
หน่วยกำรเรียนกำรสอนจึงต้องได้รับกำรทดสอบ “เพื่อควำมเหมำะสม และนำไปสอนได้
และเพื่อจำกัดควำมสำมำรถตำมที่ต้องกำรทั้งในระดับสูงและระดับต่ำ”
3. กำรปรับปรุงและทำให้เป็นเนื้อเดียวกัน (revising and
consolidating)มีกำรปรับหน่วยกำรเรียนกำรสอนเพื่ออนุโลมตำมให้สอดคล้องกับควำมต้องกำรจำเป็นและควำม
สำมำรถของนักเรียน กับทรัพยำกรที่มีอยู่ และกับแบบกำรสอนที่แตกต่ำง
เพื่อให้หลักสูตรมีควำมเหมำะสมกับห้องเรียนทุกชนิด ทำบำจะมอบหน้ำที่ให้ศึกษำนิเทศก์
ผู้ประสำนงำนหลักสูตรและผู้ชำนำญกำรหลักสูตรด้วยภำระงำนของ
“กำรบอกหลักกำรและข้อควรพิจำรณำทำงทฤษฏีเพื่อเป็นแนวทำงสำหรับโครงสร้ำงของหน่วยกำรเรียนกำรสอ
น กำรเลือกเนื้อหำ และกิจกรรมกำรเรียนรู้และแนะนำกำรปรับปรุงห้องเรียนภำยในข้อจำกัดที่มีอยู่”
ทำบำแนะนำว่ำ ข้อควรพิจำรณำและข้อแนะนำอำจจะรวมไว้ในคู่มือที่อธิบำยกำรใช้หน่วย
4. กำรพิจำรณำกรอบงำน (developing a framework)
หลังจำกที่ได้สร้ำงหน่วยกำรเรียนกำรสอนจำนวนหนึ่งเสร็จแล้ว ผู้วำงแผนหลักสูตรต้องตรวจสอบหน่วยต่ำงๆ
เกี่ยวกับควำมเพียงพอของขอบข่ำยและควำมเหมำะสมของลำดับขั้นตอน
ผู้ชำนำญกำรหลักสูตรจะรับผิดชอบในกำรร่ำงหลักกำรและเหตุผลของหลักสูตรซึ่งจะพัฒนำผ่ำนกระบวนกำรนี้
5. กำรนำไปใช้และกำรเผยแพร่หน่วยกำรเรียนกำรสอนใหม่ (installing and disseminating)
ทำบำต้องกำรให้ผู้บริหำรจัดกำรฝึกอบรมประจำกำรให้กับครูอย่ำงเหมำะสมเพื่อว่ำครูอำจจะนำหน่วยกำรเรียนก
ำรสอนไปปฏิบัติในชั้นเรียนอย่ำงมีประสิทธิภำพ แบบจำลองหลักสูตรแบบนิรนัยของทำบำ
อำจจะไม่เป็นที่น่ำสนใจของนักพัฒนำหลักสูตรที่ชอบมำกกว่ำที่จะพิจำรณำหลักสูตรในลักษณะที่จะกว้ำงขวำง
กว่ำนี้ ก่อนที่จะลงไปสู่รำยละเอียดที่เฉพำะเจำะจง
ผู้วำงแผนหลักสูตรบำงคนอำจนำปรำรถนำที่จะเห็นแบบจำลองซึ้งครอบคลุมขั้นตอนต่ำงๆ
ทั้งกำรวินิจฉัยควำมต้องกำรจำเป็นของสังคมและวัฒนำธรรมและกำรได้มำซึ้งควำมต้องกำรจำเป็นจำกเนื้อหำรำ
ยวิชำ ปรัชญำ และทฤษฏีกำรเรียนรู้ อย่ำงไรก็ตำมทำบำได้กล่ำวถึงลำยระเอียดเหล่ำนี้ไว้ในตำรำของตน
และได้แสดงแบบจำลองออกแบบหลักสูตรไว้
- 17. จุดเด่นของแบบจำลองเชิงเหตุผล
ธรรมชำติของแบบจำลองเชิงเหตุผลทุกแบบมีเหตุผลในตัวเอง
โครงสร้ำงของแบบจำลองมีขั้นตอนซึ้งเป็นฐำนให้กับกำรวำงแผนและกำรสร้ำงหลักสูตร
โดยจัดเตรียมตำหรับกำรเริ่มเรื่องไว้ให้ (providing a recipe –type approach)
แบบจำลองนี้ทำเรื่องที่สับสนให้ง่ำยขึ้นแรงกดดันที่มีต่อครูและผู้พัฒนำหลักสูตรที่ใช้แบบจำลองเชิงเหตุผลจะใ
ห้มีควำมตรงไปตรงมำ ใช้เวลำอย่ำงมีประสิทธิภำพเพื่อให้บรรลุภำระงำนของหลักสูตร
วิธีกำรสร้ำงกำรหลักสูตรที่นำไปปฏิบัติได้ เป็นสำระสำคัญของแบบจำลองเชิงเหตุผล
ในกำรเน้นบทบำทและคุณค่ำของจุดประสงค์แบบจำลองนี้บังคับให้ผู้พัฒนำหลักสูตรคิดหนักกับงำน
ของตน กำรพัฒนำหลักสูตรจำนวนมำกได้รับกำรโต้แย้งว่ำ ให้ควำมสนใจกับผลที่ได้รับตำมที่ตั้งใจไว้ (intended
outcomes ) น้อย
ได้มีกำรสนับสนุนให้ใช้ควำมคิดเชิงเหตุผลและจัดเตรียมคำแนะนำที่ชัดเจนในกำรวำงแผนหลักสูตร
ซึ่งเป็นกำรบีบบังคับให้ผู้พัฒนำ หลักสูตรมีมโนทัศน์ในเรื่องนั้นๆ แล้วจึงกำหนดจุดประสงค์
กำรใช้วิธีกำรนี้ก็ได้รับกำรโต้แย้งเช่นกันว่ำผู้พัฒนำหลักสูตรทุกคนที่ไม่สนใจกับวิธีกำรดังกล่ำวจะมีจุดประสงค์
อยู่ในใจบำงคนไม่ได้คิดอย่ำงมีระบบหรือกำหนดจุดประสงค์ออกมำอย่ำงมีเหตุผลแน่นอนว่ำ
ถ้ำผู้พัฒนำหลักสูตรได้รับกำรฝึกฝนและมีประสบกำรณ์ในวิธีกำรของจุดประสงค์ก็จะพบว่ำวิธีกำรเชิงเหตุผลเป็
นเรื่องง่ำยและจดจำดำเนินกำรตำมนั้น
กำรเน้นกำรวัดผลที่ได้รับมำกเกินไป (เช่นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม)
ปัญหำสำคัญสำหรับแบบจำลองเชิงเหตุผล ด้วยเวลำที่มีอยู่จำกัด
ครูพบว่ำได้ใช้เวลำตัวเองที่หำยำกของตนเองเกินควรกับกำรเขียนจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ด้วยเหตุผลนี้
คงจะทำให้ครูหลีกเลี่ยงแบบจำลองเชิงเหตุผลอย่ำงไรก็ตำมกำรเข้ำใจในลักษณะนี้
เป็นกำรเข้ำใจที่ไม่ถูกต้องและทำเพื่อตนเอง
จุดประสงค์ได้รับกำรออกแบบมำเพื่อกำรวำงแผนหลักสูตรและนำทิศทำงกำรเรียนรู้ไม่ใช้เพื่อตนเอง
เวลำที่ใช้มำกขึ้นในกำรเขียนจุดประสงค์จะช่วยลดเวลำที่จะใช้กับองค์ประกอบในส่วนอื่นๆ ของหลักสูตร
และท้ำยที่สุด กำรที่แบบจำลองเชิงเหตุผลได้รับกำรวิภำควิจำรณ์บ่อยมำกเนื่องจำกกำรนำเสนอ
โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งไทเลอร์ ไม่ได้อธิบำยแหล่งที่มำของจุดประสงค์อย่ำงเพียงพอ
ส่วนหนึ่งของคำตอบที่มีต่อกำรวิพำกย์นี้ พบได้จำกกำรอ่ำนงำนต้นฉบับของไทเลอร์ และของทำบำ
3. แบบจำลองวงจรของวีลเลอร์และนิโคลส์
- 18. แบบจำลองวงจร (Cyclical models) อยู่ระหว่ำงแบบจำลองพลวัต (dynamic models)
โดยพื้นฐำนแล้วแบบจำลองนี้ขยำยมำจำกแบบจำลองเชิงเหตุผล นั่นคือ ใช้วิธีกำรเกี่ยวกับเหตุผลและขั้นตอน
อย่ำงไรก็ตำมก็ยังมีควำมแตกต่ำงคงอยู่และที่สำคัญที่สุดแบบจำลองวงจรมองว่ำกระบวนกำรหลักสูตรเป็นกิจกร
รมที่ต่อเนื่อง ไม่รู้จักหยุดกับภำวะของกำรเปลี่ยนแปลงสำรสนเทศใหม่ๆ หรือกำรปฏิบัติใหม่ๆ ที่มีประโยชน์
ควำมกดดันจำกสังคม เช่นควำมจำเป็นในกำรปรับปรุงสุขภำพกำย
อำจจะต้องกำรปรับปรุงจุดประสงค์ และเนื้อหำวิธีกำรและกำรประเมินผล
ในวิธีกำรนี้แบบจำลองวงจรรับผิดชอบต่อควำมจำเป็นและในควำมเป็นจริงแล้ว
มีข้อโต้แย้งว่ำควำมจำเป็นเหล่ำนี้เป็นสิ่งจำเป็นในกำรทำให้กระบวนกำรหลักสูตรทันสมัยอยู่เสมอ
แบบจำลองวงจร
ให้ทัศนะต่อองค์ประกอบของหลักสูตรว่ำเป็นควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกันและขึ้นต่อกันและกัน
เพื่อว่ำควำมแตกต่ำงระหว่ำงองค์ประกอบด้วยกันดังที่ปรำกฏในแบบจำลอง เชิงเหตุผลที่มีควำมชัดเจนน้อย
ตัวอย่ำงนี้อำจจะทำให้ผู้พัฒนำหลักสูตรเห็นควำมชัดเจนน้อย
ตัวอย่ำงนี้อำจจะทำให้ผู้พัฒนำหลักสูตรเห็นควำมชัดเจนมำกขึ้น
โดยพิจำรณำเนื้อหำจำกกำรแนะนำควำมคิดสำหรับวิธีกำรสอน
แบบจำลองวงจรที่จะกล่ำวถึงในที่นี้มีเพียงสองแบบย่อยๆ
คือแบบจำลองของวีลเลอร์และแบบจำลองของนิโคลส์
3.1 แบบจำลองของวีลเลอร์
ในหนังสือของวีลเลอร์ (wheeler) ชื่อ curriculum process
วีลเลอร์ได้อ้ำงเหตุผลสำหรับผู้พัฒนำหลักสูตรที่จะใช้กระบวนกำรวงจร
ซึ่งแต่ละองค์ประกอบมีควำมสัมพันธ์กันและขั้นต่อกัน ดังภำพ 9.5 วิธีกำรสร้ำงหลักสูตรของวีลเลอร์
เหตุผลก็ยังมีควำมจำเป็นอยู่แต่ละระยะเป็นกำรพัฒนำที่มีเหตุผลของระยะที่มีมำก่อนหน้ำนั้น
โดยปกติกำรทำงำนในระยะใดระยะหนึ่งจะเป็นไปไม่ได้จนกระทั่งงำนในระยะก่อนหน้ำนั้นได้เสร็จลงแล้ว
วีลเลอร์ซึ่งเป็นสมำชิกคนหนึ่งของมหำวิทยำลัยออสเตรเลียตะวันตกได้พัฒนำและขยำยควำมคิดของไทเลอร์แล
ะทำบำโดยแนะนำระยะที่มีควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกันระยะของกระบวนกำรพัฒนำหลักสูตร
ซึ่งเมื่อพัฒนำอย่ำงมีเหตุผลและเป็นกำรชั่วครำวจะให้เกิดหลักสูตรที่มีประสิทธิภำพ
วีลเลอร์ได้รวบรวมองค์ประกอบที่จำเป็นที่กล่ำวโดยไทเลอร์และทำบำ
และนำเสนอในลักษณะที่แตกต่ำงออกไป ระยะทั้งห้ำที่กล่ำวถึงคือ
1. กำรเลือกควำมมุ่งหมำยของเป้ำประสงค์และจุดประสงค์ (aims goals and objectives)
- 19. 2. กำรเลือกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้เพื่อช่วยให้ประสบควำมสำเร็จตำมควำมมุ่งหมำย
เป้ำประสงค์และจุดประสงค์ (selection of learning experiences)
3. กำรเลือกเนื้อหำ กำรเรียนรู้ โดยอำจจะนำเสนอประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ที่เป็นที่แน่ใจ (selection of
content)
4. กำรจัดและบูรณำกำรประสบกำรณ์กำรเรียนรู้และเนื้อหำวิชำ โดยอำศัยกระบวนกำรเรียน กำรสอน
(organization andintegration of learning experience andcontent)
5. กำรประเมินผล (evaluation) ทุกระยะและกำรประเมินผลกำรบรรลุเป้ำประสงค์
กำรสนับสนุนที่สำคัญต่อกำรพัฒนำหลักสูตรของวีลเลอร์ คือ
กำรเน้นวงจรธรรมชำติของกระบวนกำรหลักสูตร
และธรรมชำติของกำรขึ้นต่อกันและกันขององค์ประกอบหลักสูตรแม้ว่ำ
วีสเลอร์จะยอมรับว่ำสิ่งนี้เป็นกำรให้ทัศนะที่ง่ำยขึ้นของกระบวนกำรหลักสูตร ไดอำแกรมตำมภำพ 9.4
แสดงให้เห็นว่ำวิธีกำรเชิงเหตุผลยังคงปรำกฏอยู่ โดยต้องกำรให้ผู้พัฒนำหลักสูตรดำเนินกำรขั้นที่ 1-5
ในรูปแบบที่มีขั้นตอน อย่ำงไรก็ตำม ภำพประกอบ 17
ชี้ให้เห็นด้วยเหมือนกันว่ำขั้นตอนเหล่ำนี้เป็นวงจรที่ต่อเนื่องซึ่งตอบสนองต่อกำรเปลี่ยนแปลงของกำรศึกษำ
ในช่วงเวลำของกำรกำรเขียนจุดประสงค์
ควำมคิดในกำรตัดสินผลที่ได้รับด้วยกำรเน้นเป้ำประสงค์จนเกินควรทำให้เกิดควำมซับซ้อน
วีลเลอร์ต้องกำรเขียนให้จุดประสงค์ปลำยทำงที่เป็นสำเหตุจำกจุดประสงค์เฉพำะที่กำหนดไว้
กำรกระทำดังกล่ำวนี้ได้รับกำรสนับสนุนมำจำกครูผู้สอนหรือจริงๆ แล้วจำกผู้เขียนเกี่ยวกับหลักสูตรคนอื่นๆ
แม้กระนั้นก็ตำมควำมเข้ำใจในกระบวนกำรวงจรหลักสูตรของวีลเลอร์ที่เน้นธรรมชำติของควำมขึ้นต่อกันของอ
งค์ประกอบหลักสูตรก็ยังคงยืนยงอยู่
- 20. ภำพประกอบ 17 แบบจำลองกระบวนกำรหลักสูตรของวีลเลอร์
3.2 แบบจำลองนิวโคลส์
คณะของนิวโคลส์ ได้เขียนหนังสือชื่อ Developlng a Curriculum : A Practice Guie²²
ได้สร้ำงวิธีกำรวงจร ซึ่งครอบคลุมองค์ประกอบของหลักสูตรอย่ำงย่อๆ หนังสือนี้เป็นที่นิยมของครูมำก
โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งในประเทศอังกฤษ ซึ่งมีกำรพัฒนำหลักสูตรในระดับโรงเรียน
แบบจำลองของนิโคลส์เน้นวิธีกำรเชิงเหตุผลในกำรพัฒนำหลักสูตร
โดยเฉำพะอย่ำงยิ่งควำมจำเป็นต่อกำรเปิดหลักสูตรใหม่จำกสถำนกำรณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยกำรสนับสนุนว่ำค
วรมีกำรวำงแผนสำหรับกำรเปลี่ยนแปลงและนำเข้ำสู่เหตุผลและพื้นฐำนที่เหมำะสมตำมกระบวนกำรเชิงเหตุผล
นิโคลส์ ได้แก้ไขงำนของไทเลอร์ ทำบำ และวีลเลอร์
โดยเน้นวงจรธรรมชำติของกระบวนกำรหลักสูตร และควำมจำเป็นสำหรับขั้นตอนเบื้องต้นคือ กำรวิเครำะห์
สถำนกำรณ์ (Situational analysis) และยืนยันว่ำ ก่อนที่จะดำเนินกำรเกี่ยวกับองค์ประกอบต่ำงๆ
ในกระบวนกำรหลักสูตรต้องกำรพิจำรรำอย่ำงจริงจังกับรำยละเอียดของบริบทหรือสถำนกำรณ์หลักสูตร ดังนั้น
กำรวิเครำะห์สถำนกำรคือ
ขั้นตอนเบื้องต้นซึ่งทำให้ผู้พัฒนำหลักสูตรมีควำมเข้ำใจในปัจจัยที่มีผลกระทบต่อหลักสูตรที่กำลังสร้ำงอยู่
ขั้นตอนของกำรขึ้นต่อกันและกันห้ำขั้น เป็นควำมจำเป็นในกระบวนกำรของหลักสูตรที่ต่อเนื่อง
มีดังนี้ คือ
กำรเลือก
ประสบกำรณ์
กำรเรียนรู้
กำรเลือก
เนื้อหำวิชำ
กำรจัดและ
กำรบรูณำกำร
ประสบกำรณ์
กำรเรียนรู้และ
เนื้อหำวิชำ
กำร
ประเมินผล
ควำมมุ่งหมำย
เป้ำประสงค์
และ
จุดประสงค์
- 21. ภำพประกอบ 18 แบบจำลองกระบวนกำรหลักสูตรของนิวโคลส์
1. กำรวิเครำะห์สถำนกำรณ์ (situational analysis)
2. กำรเลือกจุดประสงค์ (selection of objectives)
3. กำรเลือกและกำรจัดเนื้อหำวิชำ (selection and organization of content)
4. กำรเลือกและกำรจัดกำรกับวิธีกำร (selection and organization of methods)
5. กำรประเมินผล (evaluation)
ระยะของกำรประเมินสถำนกำรณ์เป็นควำมจงใจที่จะบีบให้ผู้พัฒนำหลักสูตรในโรงเรียนมีควำมรับผิ
ดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งต่อควำมต้องกำรจำเป็นของนักเรียน
นิโคลส์ได้สนับสนุนกำรวำงแผนหลักสูตรที่อำศัยกำรวิเครำะห์ทุกด้ำนด้วยควำมรู้และควำมเข้ำใจที่ครอบคลุมก
ว้ำงขวำง
จุดเด่นของแบบจำลองวงจร
จุดเด่นของแบบจำลองวงจรมำจำกเหตุผล โครงสร้ำงของขั้นตอนกำรสร้ำงหลักสูตรเช่น
แบบจำลองที่เน้นบทบำทของควำมมุ่งหมำยเป้ำประสงค์และจุดประสงค์
ต้องกำรให้ผู้พัฒนำหลักสูตรมีมโนทัศน์เกี่ยวกับงำนก่อนลงมือปฏิบัติ สิ่งเหล่ำนี้เป็นกำรส่งเสริมควำมคิด
เชิงเหตุผลที่จะทำให้หลักสูตรมีประสิทธิภำพ
ในกำรใช้กำรวิเครำะห์สถำนกำรณ์เป็นจุดเริ่มต้น
แบบจำลองวงจรจะให้ข้อมูลพื้นฐำนที่ทำให้กำรกำเนิดจุดประสงค์มีประสิทธิภำพ
และแม้ว่ำวีลเลอร์จะไม่กล่ำวถึงกำรวิเครำะห์สถำนกำรณ์อย่ำงเป็นพิเศษ
แต่ก็มิได้มีกำรตรวจสอบแหล่งที่มำของควำมมุ่งหมำยและเป้ำประสงค์
โดยแท้จริงแล้วจุดประสงค์ไม่ได้ออกมำจำกสุญญำกำศ แต่มำจำกข้อมูลทั้งเชิงคุณภำพและปริมำณ
กำรวิเคำะห์
สถำนกำรณ์
กำร
ประเมินผล
กำรเลือกและ
กำรจัดกำรกับ
วิธีกำร
กำรเลือก
และกำร
จัดหำวิชำ
กำรเลือก
จุดประสงค์