SlideShare a Scribd company logo
1 of 41
บทที่ 6
แบบจำลองพัฒนำหลักสูตร
มโนทัศน์(Concept)
แบบจำลองกำรพัฒนำหลักสูตร
คือกำรนำเสนอภำพควำมคิดที่ได้จำกกำรวิเครำะห์เชื่อมโยงข้อมูลพื้นฐำนที่ใช้ในกำรพัฒนำหลักสูตร
โดยมีควำมมุ่งหมำยที่จะนำเสนอควำมสัมพันธ์ของควำมคิดต่ำงๆ ที่เกิดขึ้นในสำขำวิชำของตน
แบบจำลองที่เป็นที่รู้จักกันดีในสำขำวิชำหลักสูตร ได้แก่แบบจำลองที่ถือเหตุผลของไทเลอร์ แบบจำลองนี้
บำงครั้งเรียกว่ำ แบบจำลองจุดประสงค์/เหตุผล/วิธีกำรและควำมมุ่งหมำย (objectives/classical/means-end
models) ในกระบวนกำรของหลักสูตรแบบจำลองกำรพัฒนำหลักสูตรจะเน้นที่องค์ประกอบของหลักสูตร
เริ่มจำกจุดประสงค์ตำมด้วยเนื้อหำ วิธีกำรเรียนกำรสอนหรือกำรจัดกำรเรียนรู้ และกำรประเมินผล
ผลกำรเรียนรู้((Learning Outcome)
1. มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับแบบจำลองกำรพัฒนำหลักสูตร
2. สำมำรถนำควำมรู้ในกำรวิเครำะห์ข้อมูลพื้นฐำนมำประยุกต์ใช้ในกำรพัฒนำหลักสูตรได้ถูกต้อง
สำระเนื้อหำ(Content)
แบบจำลองพัฒนำหลักสูตร
“แบบจำลอง (Model) บำงแห่งเรียกว่ำ รูปแบบ โอลิวำ
เป็นคนแรกที่ใช้คำนี้ในสำขำวิชำกำรพัฒนำหลักสูตร”
เป็นกำรนำเสนอภำพควำมคิดที่ได้จำกกำรวิเครำะห์เชื่อมโยงข้อมูลพื้นฐำนที่ใช้ในกำรพัฒนำหลักสูตร
ตั้งแต่เริ่มต้น กระบวนกำร และย้อนกลับมำเริ่มต้น เป็นวัฎจักร
ซึ่งเป็นรูปแบบที่จำเป็นในกำรให้บริกำรในลักษณะของข้อแนะในกำรปฏิบัติ
ซึ่งสำมำรถพบได้ในเกือบจะทุกแบบของกิจกรรมทำงกำรศึกษำ ในเชิงวิชำชีพแล้วมีแบบจำลองจำนวนมำก
เช่น แบบจำลองกำรเรียนกำรสอน (models of instruction) แบบจำลองกำรบริหำร (models of
administration) แบบจำลองกำรประเมินผล (models of evaluation) และ แบบจำลองกำรนิเทศ (models of
supervision) เป็นต้น
แบบจำลองบำงรูปแบบที่พบในวรรณกรรมต่ำงๆ บำงแบบก็เป็นแบบง่ำยๆ
บำงแบบก็มีควำมซับซ้อนค่อนข้ำงมำก
และยิ่งมีควำมซับซ้อนมำกเท่ำใดก็ยิ่งมีควำมใกล้กับควำมเป็นวิทยำศำสตร์คอมพิวเตอร์มำกขึ้นเท่ำนั้น
บำงแบบจำลองใช้แผนภูมิซึ่งประกอบด้วยสี่เหลี่ยมจัตุรัส กล่อง วงกลม สี่เหลี่ยมผืนผ้ำ ลูกศรและอื่นๆ
ในสำขำวิชำที่เฉพำะเจำะจง (เช่น กำรบริหำร กำรเรียนกำรสอน กำรนิเทศ หรือ กำรพัฒนำหลักสูตร)
แบบจำลองอำจจะมีควำมแตกต่ำงกันบ้ำง แต่ส่วนใหญ่จะมีควำมคล้ำยคลึงกัน
โดยที่ควำมคล้ำยคลึงจะมีน้ำหนักมำกกว่ำแบบจำลองแต่ละแบบดังกล่ำวเหล่ำนี้
บ่อยครั้งจะได้รับกำรกลั่นกลองและปรับปรุงจำกแบบจำลองเดิมที่มีอยู่แล้ว
อย่ำงไรก็ตำม ผู้ใช้หลักสูตรหรือผู้ปฏิบัติหลักสูตร
ต้องรับผิดชอบต่อกำรเลือกใช้แบบจำลองที่มีอยู่แล้วในแต่ละสำขำวิชำ
และหำกไม่ชอบใจก็อำจจะออกแบบจำลองของตนเองขึ้นใหม่ได้ โดยมิได้ปฏิเสธแบบจำลองทั้งหมดที่มีอยู่เดิม
และอำจจะนำลำดับและขั้นตอนในแบบจำลองที่มีอยู่นั้นมำรวมเข้ำด้วยกัน
ออกมำเป็นแบบจำลองที่นำไปสู่กำรปฏิบัติได้แทนที่จะเริ่มใหม่ทั้งหมด
แบบจำลองทำงสำขำวิชำหลักสูตรที่เป็นที่รู้จักกันดี
มักจะเรียกชื่อแบบจำลองตำมชื่อของผู้ที่นำเสนอควำมคิดนั้น ๆ ในสำขำวิชำหลักสูตร ได้แก่ไทเลอร์ (Tyler)
ทำบำ (Taba) เซเลอร์และ อเล็กซำนเดอร์ (Saylor and Alexandder) วีลเลอร์และนิโคลส์ (Wheeler and
Nicholls) วอคเกอร์ (Walker) สกิลเบค (Skilbeck) โอลิวำ (Oliva) และ พรินท์ (Print)
1. แบบจำลองของไทเลอร์
ไทเลอร์ (Tyler) มีแนวคิดเกี่ยวกับกำรเปลี่ยนแปลงผู้เรียนในกำรกำหนดควำมมุ่งหมำยของหลักสูตร
และใช้ในสังคมปัจจุบันเป็นพื้นฐำน โดยพิจำรณำจำกกฎเกณฑ์ของสังคมควำมต้องกำรทำงด้ำนควำมสงบสุข
กฎเกณฑ์และกฎหมำย ระเบียบแบบแผน รูปแบบและควำมประพฤติของแต่ละครอบครัว กำรแต่งกำย
ควำมประพฤติและกำรพูดจำ ไทเลอร์ได้กระตุ้นให้คิดถึงบทบำทของนักพัฒนำหลักสูตรในกำรใช้สิ่งดังกล่ำว
เพื่อประโยชน์ในกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอน ในเรื่องกำรประเมินผล
ไทเลอร์ชี้ให้เห็นว่ำจะต้องสอดคล้องกับควำมมุ่งหมำยที่กำหนดไว้ ปรัชญำกำรพัฒนำหลักสูตรของไทเลอร์ คือ
กำรเรียนรู้เป็นกำรเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียน
และครูจะกำหนดจุดประสงค์อย่ำงไรให้สนองควำมต้องกำรของบุคคล ไทเลอร์ได้กล่ำวว่ำ
กำรพัฒนำหลักสูตรเป็นควำมจำเป็นที่จะต้องกระทำอย่ำงมีเหตุผลและอย่ำงมีระบบโดยได้พยำยำมที่จะอธิบำย
“…..เหตุผลในกำรมอง กำรวิเครำะห์และกำรตีควำมหลักสูตร
และโปรแกรมกำรเรียนกำรสอนของสถำบันกำรศึกษำ”
ต่อจำกนั้นยังได้โต้แย้งอีกด้วยว่ำในกำรพัฒนำหลักสูตรใด ๆ จะต้องตอบคำถำม 4 ประกำรคือ
1. ควำมมุ่งหมำยอะไรทำงกำรศึกษำที่โรงเรียนควรจะแสวงหำเพื่อที่จะบรรลุควำมมุ่งหมำยนั้น
2.
ประสบกำรณ์ทำงกำรศึกษำคืออะไรที่จะสำมำรถจัดเตรียมไว้เพื่อให้บรรลุผลตำมควำมมุ่งหมำยเหล่ำนั้น
(กลยุทธ์กำรเรียนกำรสอนและเนื้อหำวิชำ :Instructional strategies andcontent)
3. ประสบกำรทำงกำรศึกษำเหล่นี้จะจัดให้มีประสิทธิภำพได้อย่ำงไร (กำรจัดประสบกำรณ์เรียนรู้:
Organizing learning experiences)
4. เรำจะสำมำรถตัดสินได้อย่ำงไร ว่ำควำมมุ่งหมำยเหล่ำนั้นได้บรรลุผลแล้ว
(กำรประเมินสถำนกำรณ์และกำรประเมินผล: Assessment and evaluation)
ไทเลอร์ได้รับกำรขนำนนำมว่ำเป็นบิดำของกำรเคลื่อนไหวทำงหลักสูตร
แบบจำลองกำรพัฒนำหลักสูตรของไทเลอร์ เป็นที่รู้จักกันดี ตั้งแต่ปี ค.ศ.1949 โดยไทเลอร์ได้เขียนหนังสือชื่อ
Basic Principles of Curriculum and nstruction และได้พิมพ์ซ้ำซำกถึง 32 ครั้ง โดยในครั้งล่ำสุดพิมพ์เมื่อ
ค.ศ.1974 ไทเลอร์ได้แสวงหำวิธีกำรที่จำเพำะของนิสัยของผู้พัฒนำหลักสูตรให้มีเหตุผล
มีระบบและวิธีกำรให้ควำมหมำยให้มำกขึ้นเกี่ยวกับภำระงำน
ปัจจุบันนักเขียนทำงหลักสูตรจำนวนมำกให้ควำมสนใจน้อยลง
เพรำะธรรมชำติที่ไม่ยืดหยุ่นในแบบจำลองจุดประสงค์ของไทเลอร์ อย่ำงไรก็ตำมบำงเวลำงำนของไทเลอร์
ได้รับกำรตีควำมผิดๆ ให้ควำมสนใจน้อยและบำงครั้งเพิกเฉยที่จะให้ควำมสนใจ เช่น บรำดี้ (Brady)
อ้ำงถึงคำถำมสี่ประกำรข้ำงต้น และแนะนำว่ำขั้นตอนทั้งสี่บำงครั้งจำทำให้ดูง่ำยขึ้นถ้ำอ่ำนว่ำ จุดประสงค์
เนื้อหำวิธีกำร และกำรประเมินผล ไทเลอร์ได้เน้นถึงประสบกำรณ์ในกำรเรียนรู้ในคำถำมข้อที่สองคือ
“….ปฏิกิริยำระหว่ำงผู้เรียนและสถำนกำรณ์ในสิ่งแวดล้อมภำยนอกซึ่งสำมำรถกระทำได้” เช่นเดียวกัน
ผู้เขียนตำรำบำงคนได้แย้งว่ำ ไทเลอร์ไม่ได้อธิบำยแหล่งที่มำของจุดประสงค์อย่ำงเพียงพอ
ไทเลอร์ได้อุทิศครึ่งหนึ่งของหนังสือที่เขียนให้กับเรื่องจุดประสงค์โดยได้พรรณนำและวิเครำะห์แหล่งที่มำของจุ
ดประสงค์จำกผู้เรียน กำรศึกษำชีวิตในปัจจุบันกำรศึกษำวิชำต่ำงๆ จำกสถำนศึกษำ
ศึกษำปรัชญำและจิตวิทยำกำรเรียนรู้อันที่จริงแล้วไทเลอร์
เป็นผู้มีเหตุผลอย่ำงสำคัญยิ่งต่อผู้พัฒนำหลักสูตรและผู้เขียนวรรณกรรมทำงด้ำนนี้ เมื่อ 30
ปีที่แล้วแบบจำลองกระบวนกำรหลักสูตรของไทเลอร์ดังภำพประกอบ 13 ซึ่งเป็นไดอำแกรมกำรแนะนำ
โดยที่ไทเลอร์เห็นว่ำภำระงำนของกำรพัฒนำหลักสูตรเป็นกำรแก้ปัญหำที่มีเหตุผลและมีขั้นตอนตำมคำถำมสี่ข้อ
ที่กล่ำวแล้ว เมื่อมีกำรกำหนดจุดประสงค์ ก็จะสำมำรถเลือกประสบกำรณ์เรียนรู้ที่เหมำะสมที่ต้องกำร
กำรจัดกำรที่มีประสิทธิภำพ ขั้นสุดท้ำยของกระบวนกำรของไทเลอร์ คือ
กำรตัดสินว่ำมีควำมสำเร็จตำมจุดประสงค์หรือไม่
จุดประสงค์ ควำมมุ่งหมำยอะไรทำงกำรศึกษำที่โรงเรียนควรจะแสวงหำ
เพื่อที่จะบรรลุผลควำมมุ่งหมำยนั้น
กำรเลือก ประสบกำรณ์เรียนรู้อะไรทำงกำรศึกษำที่จะสำมำรถจัด
ประสบกำรณ์เรียนรู้ เตรียมเพื่อให้บรรลุตำมควำมมุ่งหำยนั้น
กำรจัดประสบกำรณ์เรียนรู้ จะจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้เหล่ำนี้ให้มีประสิทธิภำพได้อย่ำงไร
กำรประเมินผล เรำสำมำรถตัดสินอย่ำงไรว่ำ ควำมมุ่งหมำยเหล่ำนี้ได้บรรลุผลแล้วหรือไม่
ภำพประกอบ 13 กระบวนกำรหลักสูตรของไทเลอร์
ไทเลอร์กล่ำวว่ำเป็นควำมจำเป็นที่ต้องนิยำมควำมมุ่งหมำย (จุดประสงค์)
ให้กระจ่ำงเมื่อมีกำรพัฒนำหลักสูตร
กำรกำหนดจุดประสงค์ต้องกำรควำมคิดที่รอบคอบและพิจำรณำแรงขับหลำกหลำยที่มีอิทธิพลต่อผู้เรียน เช่น
สังคม รำยวิชำ ปรัชญำ และอื่นๆ
ในเวลำเดียวกันจุดประสงค์จะลำยเป็นพื้นฐำนที่มีประสิทธิภำพในกำรเลือกประสบกำรณ์ที่เหมำะสมตลอดจนก
ำรประเมินผลแต่ละขั้นตอนจะเป็นไปอย่ำงมีเหตุผล
ขั้นตอนทุกขั้นขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ที่ได้กำหนดไว้อย่ำงระมัดระวัง
ในขั้นของกำรประเมินผลก็ใช้จุดประสงค์เป็นฐำนสำหรับเทคนิคกำรประเมินที่เหมำะสมที่จะชี้ว่ำได้รับควำมสำ
เร็จตำมจุดประสงค์อย่ำงกว้ำงขวำงเพียงใด
แบบจำลองของไทเลอร์ ให้ควำมสนใจกับระยะของกำรวำงแผน และจำกเหตุผลข้ำงต้น
ทำให้นักกำรศึกษำทั่วไปเรียกแบบจำลองของไทเลอร์ว่ำ “แบบจำลองเชิงเหตุผล (The Tyler rationale model)
ซึ่งเป็นกระบวนกำนในกำรเลือกจุดประสงค์ทำงกำรศึกษำที่เป็นที่รู้จักและถือปฏิบัติในแวดวงของหลักสูตร
และไทเลอร์ได้เสนอแบบจำลองสำหรับกำรพัฒนำหลักสูตรที่ค่อนข้ำงจะเป็นที่เข้ำใจในส่วนแรกของแบบจำลอ
ง (กำรเลือกจุดประสงค์) ซึ่งได้รับควำมสนใจเป็นอย่ำงมำกจำกนักกำรศึกษำอื่นๆ
ไทเลอร์ได้แนะนำให้ผู้พัฒนำหลักสูตรระบุจุดประสงค์ทั่วไปโดยรวบรวมข้อมูลจำกสำมแหล่งคือ
ผู้เรียน (learners) ชีวิตภำยนอกโรงเรียนในช่วงเวลำนั้น (contemparry life outside the school)
และเนื้อหำวิชำ (subject matter) ภำยหลังจำกที่ได้ระบุจุดประสงค์ทั่วไปแล้ว
ผู้วำงแผนหลักสูตรก็กลั่นกรองจุดประสงค์เหล่ำนั้นผ่ำนเครื่องกรองสองชนิดคือ
ชนิดแรกเป็นปรัชญำกำรศึกษำและปรัชญำทำงสังคมของโรงเรียน ชนิดหลังเป็นจิตวิทยำกำรเรียนรู้
จุดประสงค์ทั่วไปที่ประสบควำมสำเร็จด้วยกำรผ่ำนกำรกลั่นกรองจำกเครื่องกรองทั้งสองชนิดจะกลำยเป็นจุดปร
ะสงค์กำรเรียนกำรสอนที่มีควำมหมำยเฉพำะเจำะจงขึ้น ในกำรพรรณนำจุดประสงค์ทั่วไป ไทเลอร์จะอ้ำงถึง
“เป้ำประสงค์ (goal)” “จุดประสงค์ทำงกำรศึกษำ (educational objectives)” และ “ควำมมุ่งหมำยทำงกำรศึกษำ
(educational purposes)”
แหล่งข้อมูลนักเรียน (Student as source)
ผู้ปฏิบัติงำนหลักสูตรเริ่มต้นเสำะหำจุดประสงค์ทำงกำรศึกษำโดยรวบรวมและวิเครำะห์ข้อมูลที่สอดคล้องกับค
วำมต้องกำรจำเป็นและควำมสนใจของนักเรียน ควำมต้องกำรจำเป็นกว้ำงๆ โดยส่วนรวมได้แก่
ควำมต้องกำรจำเป็นด้ำนกำรศึกษำ สังคม อำชีพ ร่ำงกำย จิตใจ และนันทนำกำร
จะได้รับกำรหยิบยกขึ้นมำศึกษำ ไทเลอร์เสนอแนะให้ครูเป็นผู้สังเกต สัมภำษณ์นักเรียน สัมภำษณ์บิดำมำรดำ
ออกแบบสอบถำม และใช้กำรทดสอบเป็นเทคนิคในกำรเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียน
โดยกำรตรวจสอบควำมต้องกำรจำเป็นและควำมสนใจของนักเรียน
นักพัฒนำหลักสูตรต้องระบุชุดของจุดประสงค์ที่มีศักยภำพ
แหล่งข้อมูลทำงสังคม (Society as source)
กำรวิเครำะห์ชีวิตควำมเป็นอยู่ในปัจจุบันของทั้งชุมชนในท้องถิ่นและสังคม
ส่วนใหญ่จะเป็นขั้นตอนต่อไปในกระบวนกำรของของกำรกำหนดจุดประสงค์ทั่วไป
ไทเลอร์แนะนำว่ำผู้วำงแผนหลักสูตรควรพัฒนำแผนกำรจำแนกแบ่งชีวิตออกมำในหลำยๆ ลักษณะ เช่น ด้ำน
สุขภำพ ครอบครัว นันทนำกำร อำชีพ ศำสนำ กำรบริโภค และบทบำทหน้ำที่พลเมือง
จำกควำมต้องกำรของสังคมทำให้เรำได้จุดประสงค์เกี่ยวกับควำมต้องกำรจำเป็นของสถำบันทำงสังคม
หลังจำกที่ได้พิจำรณำแหล่งข้อมูลที่สองแล้ว ผู้ปฏิบัติหลักสูตร (Curriculum worker)
สำมำรถที่จะขยำยหรือเพิ่มเติมจุดประสงค์ได้
แหล่งข้อมูลด้ำนเนื้อหำวิชำ (Sujiect matter as source)
สำหรับข้อมูลที่สำมนักวำงแผนหลักสูตรต้องหันกลับไปพิจำรณำเนื้อหำวิชำ สำขำวิชำของตัวเอง
นวัตกรรมหลักสูตรจำนวนมำก ในปี ค.ศ.1950-คณิตศำสตร์แผนใหม่ โปรแกรมวิทยำศำสตร์
ได้มำจำกผู้เชี่ยวชำญด้ำนเนื้อหำวิชำ จำกข้อมูลสำมแหล่งที่กล่ำวถึงนี้ผู้พัฒนำหลักสูตรก็จะได้จุดประสงค์ทั่วไป
หรือจุดประสงค์กว้ำงๆ ซึ่งขำดควำมชัดเจน ซึ่งโอลิวำ (Oliva)
มีควำมชอบมำกที่เรียกว่ำเป้ำประสงค์ของกำรเรียนกำรสอน (instructional goals)
เป้ำประสงค์เหล่ำนี้อำจตรงกับสำชำวิชำที่เฉพำะเจำะจง
จอห์นสัน (Johnsan) มองสิ่งเหล่ำนี้ด้วยสำยตำที่แตกต่ำงออกไป กล่ำวคือ จอห์นสันได้แนะนำว่ำ
“แหล่งที่เป็นไปได้ (ของหลักสูตร) คือวัฒนธรรมทั้งหมดที่มีอยู่เป็นส่วนรวม”
และมีแต่เพียงเนื้อหำสำระที่เรียบเรียงไว้อย่ำงดี นั่นคือ
สำขำวิชำเหล่ำนั้นที่จะได้รับกำรพิจำรณำว่ำเป็นแหล่งข้อมูลของหลักสูตรไม่ใช่ควำมต้องกำรจำเป็นและควำมส
นใจของผู้เรียนหรือค่ำนิยมและปัญหำสังคม
เมื่อมีกำรกำหนดจุดประสงค์ที่พิจำรณำว่ำควำมเป็นไปได้ที่จะนำไปใช้แล้ว
จำเป็นต้องมีกระบวนกำรกลั่นกรองอีกขั้นหนึ่งตำมแบบจำลองของไทเลอร์
เพื่อที่จะขจัดจุดประสงค์ที่ไม่มีควำมสำคัญและขัดแย้งกันออกไปโดยแนะนำให้ใช้ปรัชญำกำรศึกษำของโรงเรีย
นเป็นตะแกรงแรกสำหรับกลั่นกรองเป้ำประสงค์
ปรัชญำ (Philosophical screen) เหล่ำนี้
ไทเลอร์แนะนำครูของแต่ละโรงเรียนให้กำหนดปรัชญำกำรศึกษำและปรัชญำสังคมขึ้นมำ
โดยผลักดันให้ครูวำงเค้ำโครงค่ำนิยมและภำระงำนนี้ออกมำด้วยกำรเน้นเป้ำประสงค์สี่ประกำรคือ
1. กำรยอมรับควำมสำคัญของบุคคลในฐำนะทำงชำติพันธุ์วรรณำเชื้อชำติสังคมหรือเศรษฐกิจ
2. โอกำสสำหรับกำรมีส่วนร่วมอย่ำงกว้ำงขวำงในธุรกิจระยะของกิจกรรมในกลุ่มสังคมและในสังคม
3.
กำรส่งเสริมให้มีบุคลิกภำพที่หลำกหลำยค่อนข้ำงจะมำกกว่ำที่ส่งเสริมให้มีบุคลิกภำพที่เป็นแบบเดียวกันทั้งหม
ด
4. ควำมศรัทธำในเชำวน์ปัญญำว่ำเป็นเสมือนวิธีกำรในกำรแก้ปัญหำสำคัญๆ
ค่อนข้ำงจะมีมำกกว่ำกำรขึ้นอยู่กับอำนำจของกลุ่มประชำธิปไตยหรือกลุ่มเจ้ำขุนมูลนำย
ในคำอภิปรำยเกี่ยวกับกำรกำหนดปรัชญำสังคม
ไทเลอร์พยำยำมที่จะทำให้โรงเรียนเป็นบุคคลโดยกล่ำวว่ำ
ปรัชญำกำรศึกษำและปรัชญำสังคมเป็นข้อผูกพันและต้องกำรกระทำตำม เมื่อโรงเรียนยอมรับค่ำนิยมเหล่ำนี้
หลำยโรงเรียนมักจะกล่ำวว่ำ และ ถ้ำโรงเรียนเชื่อ
ดังนั้นไทเลอร์จึงทำให้โรงเรียนมีลักษณะเป็นพลวัตและมีชีวิต (dynamic living entity)
ผู้ทำงำนเกี่ยวกับหลักสูตร (curriculum worker)
จะทบทวนรำยกำรของจุดประสงค์ทั่วไปและไม่ให้ควำมสนใจกับจุดประสงค์ที่ไม่สอดคล้องกับปรัชญำที่ได้ตก
ลงกันไว้กับคณะทำงำน
จิตวิทยำ (Psychological screen) กำรประยุกต์ใช้จิตวิทยำ
เป็นขั้นตอนต่อไปของแบบจำลองของไทเลอร์ ในกำรใช้นี้ ครูต้องทำควำมกระจ่ำงกับหลักกำรเรียนรู้
ซึ่งเชื่อว่ำดี
ไทเลอร์กล่ำวว่ำจิตวิทยำกำรเรียนรู้ไม่เพียงแต่จะรวมถึงข้อค้นพบที่ชี้เฉพำะและแน่นอนเท่ำนั้นแต่ยังเกี่ยวข้องกั
บกำรสร้ำงทฤษฎีกำรเรียนรู้ที่ช่วยในกำรกำหนดเค้ำโครง (outline)
ธรรมชำติของกระบวนกำรเรียนรู้ว่ำเกิดขึ้นได้อย่ำงไรภำยใต้เงื่อนไขอะไร ใช้กลไกอะไรในกำรปฏิบัติงำน
และอื่นๆ
ในลักษณะที่คล้ำยคลึงกันกำรประยุกต์ใช้นี้อย่ำงมีประสิทธิภำพจำเป็นต้องมีกำรฝึกหัดอย่ำงเพียงพอในด้ำนจิตวิ
ทยำกำรศึกษำควำมเจริญเติบโตและพัฒนำกำรของมนุษย์
โดยผู้ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับภำระงำนของกำรพัฒนำหลักสูตรจะเป็นผู้ดำเนินกำรฝึกให้ไทเลอร์ได้อธิบำยควำมสำ
คัญของจิตวิทยำดังนี้
1.
ควำมรู้ทำงจิตวิทยำกำรเรียนรู้สำมำรถทำให้เรำแยกควำมต่ำงของกำรเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ที่เป็นกระบวนกำรเ
รียนรู้ที่คำดหวังผลออกจำกกำรเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้เป็นกระบวนกำรเรียนรู้ที่คำดหวัง
2.
ควำมรู้ในจิตวิทยำกำรเรียนรู้สำมำรถทำให้เรำแยกควำมต่ำงในเป้ำประสงค์ที่มีควำมเป็นไปได้ออกจำกเป้ำประส
งค์ที่ต้องกำรใช้เวลำนำนหรือเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุผลสำเร็จในระดับอำยุที่มีกำรตรวจสอบและรับรอง
แล้ว
3. จิตวิทยำกำรเรียนรู้ให้ควำมคิดบำงอย่ำงแก่เรำ
เกี่ยวกับระยะเวลำที่ใช้ในกำรบรรลุจุดประสงค์และระดับอำยุที่ต้องใช้ควำมพยำยำมให้มีประสิทธิภำพสูงสุด
หลังจำกผู้วำงแผนหลักสูตรได้ประยุกต์ใช้ที่สองแล้วก็จะมีกำรลดรำยกำรวัตถุประสงค์ทั่วไปลงปล่อย
ให้เหลือไว้เฉพำะจุดประสงค์ที่มีควำมสำคัญที่สุดและมีควำมเป็นไปได้มำกที่สุด
หลังจำกนั้นต้องระมัดระวังในกำรที่จะกล่ำวจุดประสงค์ออกมำในรูปของจุดประสงค์พฤติกรรม
ซึ่งจะกลำยมำเป็นจุดประสงค์ของกำรเรียนกำรสอนในชั้นเรียนไทเลอร์ไม่ได้ใช้
ไดอำแกรมในกำรพัฒนำกระบวนกำรที่ได้เสนอแนะไว้ อย่ำงไรก็ตำมโพแฟมและเบเกอร์ (Popham and Baker)
ได้อธิบำยแบบจำลองของไทเลอร์ ดังภำพประกอบ 14
แหล่งข้อมูล แหล่งข้อมูล แหล่งข้อมูล
นักเรียน สังคม เนื้อหำวิชำ
ร่ำงจุดประสงค์ทั่วไป (tentative)
จุดประสงค์กำรเรียนกำรสอน
ที่ชัดเจน
ภำพประกอบ 14 หลักสูตรเชิงเหตุผลไทเลอร์
มีเหตุผลหลำยประกำรที่รออภิปรำยเกี่ยวกับแบบจำลองไทเลอร์มักจะหยุดอยู่ที่กำรตรวจสอบส่วนแร
กของแบบจำลอง-
เหตุผลในกำรเลือกจุดประสงค์ทำงกำรศึกษำโดยควำมเป็นจริงแล้วแบบจำลองไทเลอร์ยังมีขั้นตอนที่พรรณนำอ
อกไปอีกสำมขั้นตอนในกำรพัฒนำหลักสูตร คือกำรเลือก กำรจัด
และกำรประเมินประสบกำรณ์กำรเรียนรู้โดยที่ไทเลอร์ได้นิยำมประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ว่ำเป็น
ปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงผู้เรียนและเงื่อนไขภำยนอกในสิ่งแวดล้อมที่ผู้เรียนสำมำรถสนองตอบได้
ไทเลอร์ได้แนะนำครูให้สนใจกับประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ซึ่ง 1. จะพัฒนำทักษะในกำรคิด 2.
จะช่วยให้ได้มำซึ่งข่ำวสำรข้อมูลตำมที่ต้องกำร 3. จะช่วยในกำรพัฒนำเจตคติทำงด้ำนสังคมและ 4.
จะช่วยพัฒนำควำมสนใจ
ไทเลอร์ได้อธิบำยถึงกำรจัดประสบกำรณ์ให้เป็นหลำยๆ หน่วย และพรรณนำวิธีกำรประเมินผลต่ำงๆ
อย่ำงหลำกหลำย และแม้ว่ำไทเลอร์จะไม่ได้บอกถึงทิศทำงของประสบกำรณ์กำรเรียนรู้
(หรือกำรใช้วิธีกำรเรียนรู้กำรสอน)
แต่เรำก็สำมำรถอ้ำงได้ว่ำกำรเรียนกำรสอนต้องเกิดขึ้นในระหว่ำงกำรเลือกและกำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้แ
ละกำรประเมินผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนจำกประสบกำรณ์เหล่ำนี้
แบบจำลองที่ขยำยแล้ว (Expanded model)
อย่ำงไรก็ตำมเรำสำมำรถปรับปรุงไดอำแกรมแบบจำลองของไทเลอร์โดยขยำยออกไปให้ครอบคลุม
ปรัชญำ
กำรศึกษำ
จิตวิทยำ
กำรศึกษำ
ขั้นตอนต่ำงๆ ในกระบวนกำรวำงแผนหลังจำกที่ได้กำหนดจุดประสงค์กำรเรียนกำรสอนเฉพำะแล้ว
นั่นคือเพิ่มขั้นตอนของกำรเลือกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้
ทิศทำงของประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ และกำรประเมินประสบกำรณ์กำรเรียนรู้เข้ำไปดังภำพประกอบ 15
แบบจำลองที่ขยำยแล้ว
ในกำรอภิปรำยเกี่ยวกับเหตุผลของไทเลอร์ และแทนเนอร์ (Tanne and tanner) ชี้ว่ำ
องค์ประกอบหลักในเหตุผลของไทเลอร์มำจำกกำรศึกษำพิพัฒนำกำรนิยมในระหว่ำงต้นทศวรรษของ
ศรวรรษที่ 21 สิ่งหนึ่งที่เป็นสิ่งที่ยำกในเหตุผลของไทเลอร์ตำมทัศนะของแทนเนอร์ทั้งสอง คือ
ไทเลอร์นำเสนอแหล่งข้อมูลทั้งสำมโดยแยกออกจำกกันไม่แสดงถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงกัน
ถ้ำนักวำงแผนหลักสูตรพิจำรณำว่ำส่วนประกอบทั้งสำมต้องแยกออกจำกกัน
และไม่เข้ำใจถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงกันของแหล่งทั้งสำมกำรพัฒนำหลักสูตรก็จะกลำยเป็นกระบวนกำรที่เน้นเชิ
งกลไกมำกจนเกินอย่ำงไรก็ตำมแทนเนอร์ทั้งสองได้บันทึกไว้ว่ำจนถึงวันนี้
แบบของไทเลอร์ได้รับกำรอภิปลำยอย่ำงกว้ำงขวำงจำกนักวิชำกำรหลักสูตรและเป็นจุดศูนย์รวม (focus)
ในสำขำของทฤษฎีหลักสูตรด้วย
2. แบบจำลองของทำบำ
ในหนังสือจำนวนหลำยเล่มที่ทำบำ (Taba)
ได้เขียนเกี่ยวกับหลักสูตรเล่มที่เป็นที่รู้จักมำกที่สุดและมีอิทธิพลต่อกำรพัฒนำหลักสูตรคือ (Curriculum
Development: Theory andPractice) ในหนังสือ
เล่มนี้ทำบำได้กำหนดหัวเรื่องเกี่ยวกับกระบวนกำรของกำรพัฒนำหลักสูตรโดยทำบำได้ขยำยแบบจำลองพื้นฐำน
แบบไทเลอร์ จนกลำยเป็นตัวแทนของสิ่งที่ใช้พัฒนำหลักสูตรในโรงเรียนมำกขึ้น
แหล่งข้อมูล แหล่งข้อมูล แหล่งข้อมูล
นักเรียน สังคม เนื้อหำวิชำ
ร่ำงจุดประสงค์ทั่วไป
ปรัชญำ
กำรศึกษำ
จิตวิทยำ
กำรเรียนรู้
ภำพประกอบ 15 หลักสูตรเชิงเหตุผลของทำบำ (ขยำยแล้ว)
แต่แบบจำลองนี้ยังคงเป็นเส้นตรงอยู่
ทำบำอ้ำงเหตุผลสำหรับสำรสนเทศที่ให้ในแต่ละขั้นตอนของกระบวนกำรหลักสูตร
โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งทำบำได้แนะนำพิจำรณำสองประกำรคือพิจำรณำเนื้อหำ กำรจัดหลักสูตรอย่ำงมีเหตุผล
และพิจำรณำผู้เรียนแต่ละคน (กำรจัดหลักสูตรอย่ำงมีจิตวิทยำ) เพื่อที่จะเน้นในหลักสูตรเหล่ำนั้น
ทำบำอ้ำงว่ำหลักสูตรทั้งหมดประกอบด้วยองค์ประกอบพื้นฐำนหลักสูตรโดยปกติจะประกอบด้วยกำรเลือกและ
กำรจัดเนื้อหำบำงอย่ำงซึ่งแสดงในหรือรูปแบบที่แท้จริงของกำรเรียนกำรสอนและสุดท้ำยยังรวมเอำโปรแกรมก
ำรประเมินผลที่ได้รับ
ทำบำแนะนำวิธีกำรจำกระดับล่ำง (grass-roots approach) เป็นที่รู้จักกันดี นำไปสู่กำรพัฒนำหลักสูตร
โดยเชื่อว่ำครูควรเป็นผู้ออกแบบหลักสูตรมำกกว่ำที่จะเอำหลักสูตรจำกผู้มีอำนำจหน้ำที่ในระดับสูงกว่ำ
ยิ่งไปกว่ำนั้น ทำบำรู้สึกว่ำ ครูควรจะเริ่มต้นกระบวนกำรโดยกำรสร้ำงสรรค์หน่วยกำรสอน-
กำรเรียนรู้เฉพำะสำหรับนักเรียนของตนเองในโรงเรียนก่อนมำกกว่ำที่จะริเริ่มสร้ำงสรรค์ออกแบบหลักสูตรทั่วไ
ป ดังนั้นทำบำจึงสนับสนุนวิธีกำรเชิงอุปนัย (inductive approach)
ในกำรพัฒนำหลักสูตรโดยเริ่มจำกสิ่งที่เฉพำะเจำะจงแล้วสร้ำงให้ขยำยไปสู่กำรออกแบบในลักษณะรวมซึ่งเป็น
วิธีกำรที่ตรงกันข้ำมกับวิธีกำรเชิงนิรนัย (deductive approach) อย่ำงที่เคยปฏิบัติมำแต่ก่อน(traditional)
ซึ่งเริ่มด้วยกำรออกแบบลักษณะรวมทั่วๆ ไปแล้วนำไปสู่รำยละเอียดที่เฉพำะเจำะจง
ทำบำได้สนับสนุนวิธีกำรใช้เหตุผลและขั้นตอนในกำรพัฒนำหลักสูตรค่อนข้ำงจะมำกกว่ำวิธีกำรที่จะ
ใช้กฎหัวแม่มือ (rule of thumb procedure) ต่อจำกนั้นก็จะใช้เหตุผลและวิธีกำรทำงวิทยำศำสตร์
ทำบำประกำศว่ำกำรตัดสินใจบนพื้นฐำนขององค์ประกอบควรจะเป็นไปตำมเกณฑ์ที่เหมำะสม
เกณฑ์เหล่ำนี้อำจจะมำจำกแหล่งข้อมูลที่หลำกหลำย จำกขนบธรรมเนียมประเพณี จำกควำมกดดันทำงสังคม
จุดประสงค์กำรเรียนกำรสอนที่ชัดเจน
กำรเลือกประสบกำรเรียนรู้
กำรจัดประสบกำรเรียนรู้
ทิศทำงของประสบกำรเรียนรู้
กำรประเมินประสบกำรเรียนรู้
จำกนิสัยใจคอ
ควำมแตกต่ำงของกำรตัดสินใจเกี่ยวกับหลักสูตรซึ่งใช้วิธีกำรทำงวิทยำศำสตร์และกำรพัฒนำกำรออกแบบอย่ำง
มีเหตุผล กับแบบที่ไม่ได้ใช้วิธีกำรทำงวิทยำศำสตร์และเหตุผลคือ
เกณฑ์ที่มีรูปแบบสำหรับกำรตัดสินใจมำจำกกำรศึกษำตัวแปรที่ประกอบไปด้วยเหตุผลพื้นฐำนสำหรับหลักสูตร
อย่ำงน้อยที่สุดในสังคมของเรำ ตัวแปรเหล่ำนี้ก็คือผู้เรียน กระบวนกำรเรียนรู้
ควำมต้องกำรทำงวัฒนธรรมและเนื้อหำของสำขำวิชำ ดังนั้น ทำบำจึงยืนยันว่ำ
กำรพัฒนำหลักสูตรอย่ำงวิทยำศำสตร์จำเป็นต้องใช้กำรวิเครำะห์สังคมและวัฒนธรรม
จำเป็นต้องศึกษำผู้เรียนและกระบวนกำรเรียนรู้
และวิเครำะห์ธรรมชำติของกำรเรียนรู้เพื่อที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับควำมมุ่งหมำยของโรงเรียน
และธรรมชำติของหลักสูตร
ในที่สุด ทำบำ อ้ำงว่ำ ถ้ำกำรพัฒนำหลักสูตรเป็นภำระงำนที่ต้องใช้เหตุผลและต้องเรียงลำดับแล้ว
จำเป็นจะต้องมีกำรตรวจสอบอย่ำงใกล้ชิดเกี่ยวกับลำดับขั้นในกำรตัดสินใจเกี่ยวกับกำรพัฒนำหลักสูตรและวิธีก
ำรนำไปใช้หนังสือของทำบำอยู่บนสมมติฐำนว่ำ
มีกำรเรียงลำดับกำรพัฒนำและจะนำไปสู่ผลกำรวำงแผนอย่ำงใช้ควำมคิดมำกขึ้น
และจะเป็นหลักสูตรที่หลับตำมองเห็นภำพหรือควำมเป็นไปได้มำกขึ้นด้วย
เพื่อหลีกเลี่ยงกำรแสดงแบบจำลองด้วยแผนภำพ (graphic exposition) ทำบำได้ให้รำยกำร
ห้ำขั้นตอน สำหรับกำรเปลี่ยนแปลงหลักสูตรที่ประสบควำมสำเร็จ ดังนี้
1. กำรผลิตหน่วยกำรเรียนกำรสอนนำร่อง (producing pilot units)
ซึ่งเป็นตัวแทนของระดับชั้นหรือสำขำวิชำ
ทำบำเห็นว่ำขั้นตอนนี้เห็นเป็นเสมือนตัวเชื่อมระหว่ำงทฤษฎีและกำรปฏิบัติ ทำบำได้เสนอขั้นตอนอีกแปดขั้น
สำหรับผู้พัฒนำหลักสูตรซึ่งผลิตหน่วยนำร่องดังนี้
1.1 กำรวินิจฉัยควำมต้องกำรจำเป็น (diagnosis of needs)
นักพัฒนำหลักสูตรเริ่มต้นด้วยกำรพิจำรณำควำมต้องกำรจำเป็นของนักเรียน สำหรับผู้วำงแผนหลักสูตร
ทำบำแนะนำผู้ปฏิบัติหลักสูตร (curriculum worker) ให้วินิจฉัย “ช่องว่ำง (gap) จุดบกพร่อง (deficiencies)
และควำมหลำกหลำยในภูมิหลักของนักเรียน”
1.2 กำรกำหนดจุดประสงค์ (formulation of objective)
หลังจำกที่ได้วินิจฉัยควำมต้องกำรจำเป็นของนักเรียนแล้ว
ผู้วำงแผนหลักสูตรจะกำหนดจุดประสงค์เฉพำะที่ต้องกำรจะบรรลุ ทำบำ (Taba) ใช้คำว่ำ “เป้ำประสงค์ (goals)
และจุดประสงค์ (objective)” ในลักษณะที่แทนกันได้ (interchangeably)
1.3 กำรเลือกเนื้อหำวิชำ (selection of content)
เนื้อหำสำระหรือหัวข้อที่จะนำมำศึกษำได้มำโดยตรงจำกจุดประสงค์
ทำบำชี้ให้เห็นว่ำไม่เพียงแต่จะต้องพัฒนำจุดประสงค์ในกำรเลือกเนื้อหำเท่ำนั้น แต่จะต้องพิจำรณำ
“ควำมเหมำะสม (validity) และควำมสำคัญ (significant)” ของเนื้อหำวิชำที่เลือกมำด้วย
1.4 กำรจัดเนื้อหำรำยวิชำ (organization of content)
กำรเลือกเนื้อต้องเป็นไปด้วยกันกับภำระงำนกำรตัดสินใจว่ำเนื้อหำวิชำนี้อยู่ในระดับไหน (what level)
ของผู้เรียนว่ำอยู่ให้ระดับใด (whatsequences) ของวิชำ
วุฒิภำวะของผู้เรียนควำมพร้อมที่จะเผชิญกับเนื้อหำสำระ
และระดับผลสัมฤทธิ์ทำงวิชำกำรของผู้เรียนเป็นองศ์ประกอบที่ต้องนำมำพิจำรณำในกำรจัดวำงเนื้อหำวิชำให้เห
มำะสม
1.5 กำรเลือกประสบกำรกำรเรียนรู้ (selection of lenrning experiences)
ผู้วำงแผนหลักสูตรจะต้องเลือกวิธีกำร (mwtodology) หรือกลยุทธ์ (stregies)
ที่จะทำให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมเกี่ยวข้องกับเนื้อหำ
นักเรียนทำควำมเข้ำใจเนื้อหำวิชำผ่ำนทำงกิจกรรรมกำรเรียนรู้ที่ผู้วำงแผนหลักสูตรและครู (planner - teacher)
เป็นผู้เลือก
1.6 กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ (organizntion of learning activities)
ครูเป็นผู้ตัดสินวิธีกำรที่จัดและกำหนดกิจกรรม กำรเรียนและกำรผสมผสำนลำดับขั้นตอนที่จะต้องใช้
ในขั้นตอนนี้ครูจะปรับ ยุทธศำสตร์ให้มีควำมเหมำะสมเป็นพิเศษกับนักเรียนเฉพำะกลุ่มที่ครูรับผิดชอบ
1.7 กำรพิจำรณำตกลงใจว่ำจะประเมินอะไร ทิศทำงไหน และด้วยวิธีกำรอย่ำงไร(determination
of what to evaluate of what ways and means of dong it)
ผู้วำงแผนหลักสูตรต้องตัดสินใจว่ำได้บรรลุประสงค์หรือไม่ ครูเลือกเทคนิควิธีกำรหลำยๆ
อย่ำงที่เป็นวิธีกำรที่เหมำะสมในกำรประเมินผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนและเพื่อตัดสินใจว่ำจุดประสงค์ของหลักสูต
รบรรลุหรือไม่
จุดประสงค์ที่ต้องกำรจะบรรลุ
ตัดสินใจโดยวิเครำะห์ : จำแนกโดย : ระดับของจุดประสงค์
วัฒนธรรมและควำมต้องกำร ชนิดของพฤติกรรม ควำมมุ่งหมำยของกำรศึกษำ
จำเป็นของสังคม โดยรวม
ผู้เรียนและกระบวนกำรเรียนรู้ เนื้อหำวิชำ ควำมมุ่งหมำยของโรงเรียน
และหลักกำร
ควำมรู้ของมนุษย์ในศำสตร์ ควำมต้องกำรจำเป็นอื่นๆ จุดประสงค์พิเศษของ
ต่ำงๆ และหน้ำที่ กำรเรียนกำรสอน
อุดมกำรณ์ทำงประชำธิปไตย
กำรเลือกประสบกำรหลักสูตร
ตัดสินใจโดยพิจำรณำ มิติของ : สิ่งเกี่ยวข้อง:
สิ่งที่รู้เกี่ยวกับ:
ธรรมชำติของควำมรู้ เนื้อหำสำระ แหล่งทรัพยำกรของโรงเรียน
พัฒนำกำรของควำมรู้ ประสบกำรณ์กำรเรียนรู้
กำรเรียนรู้ บทบำทและหน้ำที่หน่วยงำน
ผู้เรียน กำรศึกษำอื่นๆ
ตัดสินใจจำกข้อกำหนดของ : ศูนย์กลำงของกำรจัดกำร : สิ่งที่เกี่ยวข้อง :
ควำมต่อเนื่องของกำรเรียนรู้ แบบเนื้อหำวิชำแบบกว้ำง กำรจัดกำรของโรงเรียน
กำรบูรณำกำรกำรเรียนรู้ แบบกำรมีชีวิตอยู่รอด วิธีกำรใช้บุคลำกร
ควำมต้องกำรจำเป็นและ
ประสบกำรณ์
กิจกรรมของเด็ก
ควำมคิดตำมควำมสนใจ
ตัดสินใจโดย: มิติของ: สิ่งที่เกี่ยวข้อง:
กำหนดขอบเขตกำรเรียนรู้ ขอบเขตและกำรเรียงลำดับ ศูนย์กลำงของกำรจัด
กำหนดควำมต่อเนื่องของ ของเนื้อหำ หลักสูตร
กำรเรียนรู้ ขอบเขตและกำรเรียนลำดับ
ของกำรปฏิบัติทำงสมอง
ผู้พัฒนำหลักสูตรจะเริ่มต้นด้วยขั้นตอนอื่นๆ เช่น
กำรเลือกเนื้อหำวิชำหรือกำรประเมินผลได้หรือไม่อำจจะมีทิศทำงหรือควำมมุ่งหมำยในกำรพัฒนำหลักสูตรแต่เ
พียงเล็กน้อยและสำมำรถที่จะพบกับควำมสับสนในผลลัพธ์ได้
อำจมีผู้โต้แย้งว่ำผู้พัฒนำหลักสูตรมีกำรวำงแผนควำมเห็นในองค์ประกอบอื่นๆ
ของหลักสูตรที่มีควำมคิดเกี่ยวกับว่ำต้องกำรที่จะประสบควำมสำเร็จอะไร แต่ไม่ได้กำหนดลงไปว่ำคิดอะไร
หรือไม่ได้บอกจุดประสงค์ออกมำอย่ำงเปิดเผย
ดังนั้นควำมคิดนี้อำจมีควำมสัมพันธ์กับควำมต้องกำรของครูเป็นอย่ำงดี
(ฉันต้องกำรสอนเนื้อหำนี้เพรำะว่ำฉันชอบและมีควำมคุ้นเคยกับมันดี)
มำกกว่ำที่จะเป็นควำมต้องกำรจำเป็นของผู้เรียน
จุดด้อยของแบบจำลองเชิงเหตุผล
หลำยครั้งที่ปรำกฏว่ำแบบจำลองเชิงเหตุผลมีข้อตำหนิในเชิงของกำรพัฒนำหลักสูตร
โดยที่บำงคนอำจจะกล่ำวว่ำ
จุดด้อยเกิดจำกควำมแตกต่ำงในควำมคิดและกำรใช้หลักสูตรตลอดจนภูมิหลังของประสบกำรณ์
หรือกำรที่ครูขำดควำมรู้ในเรื่องดังกล่ำว หรืออีกในหนึ่ง
ครูเหล่ำนั้นไม่ได้รับกำรฝึกฝนในแบบจำลองเชิงเหตุผลและเป็นผู้ที่ไม่ชอบคิด
และไม่ชอบพัฒนำเหตุผลและระบบ จะรู้สึกว่ำเป็นเรื่องยำกที่จะพัฒนำหลักสูตรในลักษณะนี้
ซึ่งจะเห็นได้ภำยหลังว่ำนักพัฒนำหลักสูตรลักษณะนี้จะมีควำมรู้สึกสบำยใจกับแบบจำลอง แบบปฏิสัมพันธ์
(Interactive models) มำกกว่ำ
จุดอ่อนที่สำคัญของแบบจำลองจุดประสงค์เกิดขึ้นจำกธรรมชำติที่ไม่อำจคำดเดำได้ของกำรสอนและ
กำรเรียนรู้ แบบจำลองจะพรรณนำจุดประสงค์เฉพำะที่จะต้องประสบควำมสำเร็จ
แต่บ่อยครั้งที่กำรเรียนรู้เกิดขึ้นไกลไปจำกจุดประสงค์เหล่ำนั้น
เนื่องจำกองค์ประกอบที่ไม่สำมำรถเห็นล่วงหน้ำได้ เช่น
ในชั้นเรียนวิทยำศำสตร์จะมีกำรสอนตำมจุดประสงค์ที่แน่นอนจำกพื้นฐำนของหลักสูตร
อย่ำงไรก็ตำมสำรสนเทศใหม่ๆ (ทฤษฎีใหม่ๆ สำรสนเทศที่ได้เพิ่มขึ้นจำกกำรทดทอง วิธีกำรใหม่ๆ
ภำพประกอบ 16 แบบจำลองกำรออกแบบหลักสูตร (ทำบำ)
ที่ได้จำกกำรวิจัย) ซึ่งตรงกับปัญหำและมีประโยชน์ต่อหลักสูตรวิทยำศำสตร์
สิ่งเหล่ำนี้ควรรวมเข้ำไว้ด้วยหรือไม่
ถ้ำไม่ไปด้วยกันกับจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ผลกระทบอะไรที่จะต่อองค์ประกอบของหลักสูตรในส่วนอื่นๆ
โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งกำรประเมินผล ถ้ำมีกำรรวมเนื้อหำดังกล่ำวเข้ำไว้ในหลักสูตรด้วย
สิ่งที่รวมเข้ำไปมีควำมเหมำะสมหรือไม่ สิ่งเหล่ำนี้เป็นคำถำมที่มีเห็นผลต่อแบบจำลองเชิงเหตุผล
กำรสังเกตกำรณ์พัฒนำหลักสูตรในเชิงปฏิบัติปรำกฏให้เห็นว่ำ
ครูชอบมำกกว่ำที่จะไม่ใช้วิธีกำรเชิงเหตุผล ครูค่อนข้ำงจะชอบที่จะเริ่มต้นด้วยตนเองรู้เนื้อหำอะไร
และเริ่มงำนจำกตรงนั้น ปรำกฏกำรนี้อำจจะไม่ใช่จุดอ่อนของแบบจำลองนี้ถ้ำจะมีกำรใช้วิธีกำรนี้ และเป็นที่แน่
1.8 กำรตรวจสอบเพื่อดูควำมสมดุลและลำดับขั้นตอน (checking for balance and sequence)
ทำบำแนะนำผู้ปฏิบัติหลักสูตรให้มองควำมคงเส้นคงวำระหว่ำงส่วนที่หลำกหลำยต่ำงๆ
ของหน่วยกำรเรียนกำรสอน เพื่อกำรเลื่อนไหลอย่ำงเหมำะสมของประสบกำรณ์
กำรเรียนรู้ที่เกิดขึ้นและเพื่อควำมสมดุลในแบบกำรเรียนรู้ของนักเรียนและแบบกำรแสดงออกของครู
สำหรับหลักสูตรที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้เรียนในด้ำนของประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ทำบำให้เหตุผลว่ำ
สิ่งสำคัญคือกำรวินิจฉัยควำมต้องกำรจำเป็นของผู้เรียนซึ่งเป็นควำมสำคัญขั้นแรกของทำบำว่ำ
นักเรียนมีควำมต้องกำรจำเป็นที่จะเรียนรู้อะไร สำรสนเทศนี้จึงกลำยเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ สำหรับขั้นที่ 1-2
คือกำรกำหนดจุดประสงค์ที่ครอบคลุมและมีควำมชัดเจนเพื่อที่จะกำหนดพื้นฐำนสำหรับพัฒนำองค์ประกอบขอ
งหลักสูตรที่จะตำมมำ ทำบำให้เหตุผลด้วยควำมแน่ใจว่ำ
ธรรมชำติของจุดประสงค์จะช่วยตัดสินใจว่ำกำรเรียนรู้ชนิดใดควรจะตำมมำทำบำสนับสนุนอย่ำงแรงกล้ำต่อแบ
บจำลองที่ถือเหตุผล
ในขั้นที่ 3และ 4 ควำมจริงแล้วผสมผสำนเข้ำด้วยกันไม่ได้
แม้ว่ำในควำมมุ่งหมำยของกำรศึกษำหลักสูตร ทำบำได้แยกควำมแตกต่ำงระหว่ำงสองขั้นนี้
และในกำรดำเนินกำรตำมขั้นตอนเหล่ำนี้ ครูจำเป็นต้องเข้ำใจจุดประสงค์ที่ได้กำหนดไว้ก่อนดีพอๆ
กับที่ต้องเข้ำใจอย่ำงลึกซึ้งในเนื้อหำวิชำที่เหมำะสม
ในลักษณะเดียวกัน ขั้นที่ 5และ 6 ก็สัมพันธ์กับจุดประสงค์และเนื้อหำวิชำที่ได้กำหนดไว้แล้ว
ในกำรดำเนินกำรตำมขั้นตอนอย่ำงมีประสิทธิภำพ
ทำบำแนะนำให้ผู้พัฒนำหลักสูตรทำควำมเข้ำใจกับหลักสูตรของกำรเรียนรู้ กลยุทธ์ที่จะบรรลุ แนวคิด
และขั้นตอนของกำรเรียนรู้
ในขั้นที่ 7ทำบำได้แสวงหำทิศทำงที่จะนำผู้พัฒนำหลักสูตรไปสู่กำรคิดและกำรวำงแผน กลยุทธ์
กำรประเมินผล ทำบำต้องกำรที่จะรู้เป้ำหมำยปลำยทำง (จุดประสงค์)
ของหลักสูตรว่ำโดยแท้จริงแล้วประสบควำมสำเร็จหรือไม่ เช่นเดียวกับไทเลอร์
2. กำรทดสอบหน่วยทดลอง (testing experimental units) เมื่อเป้ำประสงค์ของกระบวนกำรนี้ คือ
เพื่อสร้ำงหลักสูตรที่ครอบคลุมหนึ่งหรือมำกกว่ำระดับชั้นหรือสำขำวิชำ
เมื่อครูได้เขียนหน่วยกำรเรียนกำรสอนนำร่องจำกชั้นเรียนของตนเองที่มีอยู่ในใจ
หน่วยกำรเรียนกำรสอนจึงต้องได้รับกำรทดสอบ “เพื่อควำมเหมำะสม และนำไปสอนได้
และเพื่อจำกัดควำมสำมำรถตำมที่ต้องกำรทั้งในระดับสูงและระดับต่ำ”
3. กำรปรับปรุงและทำให้เป็นเนื้อเดียวกัน (revising and
consolidating)มีกำรปรับหน่วยกำรเรียนกำรสอนเพื่ออนุโลมตำมให้สอดคล้องกับควำมต้องกำรจำเป็นและควำม
สำมำรถของนักเรียน กับทรัพยำกรที่มีอยู่ และกับแบบกำรสอนที่แตกต่ำง
เพื่อให้หลักสูตรมีควำมเหมำะสมกับห้องเรียนทุกชนิด ทำบำจะมอบหน้ำที่ให้ศึกษำนิเทศก์
ผู้ประสำนงำนหลักสูตรและผู้ชำนำญกำรหลักสูตรด้วยภำระงำนของ
“กำรบอกหลักกำรและข้อควรพิจำรณำทำงทฤษฏีเพื่อเป็นแนวทำงสำหรับโครงสร้ำงของหน่วยกำรเรียนกำรสอ
น กำรเลือกเนื้อหำ และกิจกรรมกำรเรียนรู้และแนะนำกำรปรับปรุงห้องเรียนภำยในข้อจำกัดที่มีอยู่”
ทำบำแนะนำว่ำ ข้อควรพิจำรณำและข้อแนะนำอำจจะรวมไว้ในคู่มือที่อธิบำยกำรใช้หน่วย
4. กำรพิจำรณำกรอบงำน (developing a framework)
หลังจำกที่ได้สร้ำงหน่วยกำรเรียนกำรสอนจำนวนหนึ่งเสร็จแล้ว ผู้วำงแผนหลักสูตรต้องตรวจสอบหน่วยต่ำงๆ
เกี่ยวกับควำมเพียงพอของขอบข่ำยและควำมเหมำะสมของลำดับขั้นตอน
ผู้ชำนำญกำรหลักสูตรจะรับผิดชอบในกำรร่ำงหลักกำรและเหตุผลของหลักสูตรซึ่งจะพัฒนำผ่ำนกระบวนกำรนี้
5. กำรนำไปใช้และกำรเผยแพร่หน่วยกำรเรียนกำรสอนใหม่ (installing and disseminating)
ทำบำต้องกำรให้ผู้บริหำรจัดกำรฝึกอบรมประจำกำรให้กับครูอย่ำงเหมำะสมเพื่อว่ำครูอำจจะนำหน่วยกำรเรียนก
ำรสอนไปปฏิบัติในชั้นเรียนอย่ำงมีประสิทธิภำพ แบบจำลองหลักสูตรแบบนิรนัยของทำบำ
อำจจะไม่เป็นที่น่ำสนใจของนักพัฒนำหลักสูตรที่ชอบมำกกว่ำที่จะพิจำรณำหลักสูตรในลักษณะที่จะกว้ำงขวำง
กว่ำนี้ ก่อนที่จะลงไปสู่รำยละเอียดที่เฉพำะเจำะจง
ผู้วำงแผนหลักสูตรบำงคนอำจนำปรำรถนำที่จะเห็นแบบจำลองซึ้งครอบคลุมขั้นตอนต่ำงๆ
ทั้งกำรวินิจฉัยควำมต้องกำรจำเป็นของสังคมและวัฒนำธรรมและกำรได้มำซึ้งควำมต้องกำรจำเป็นจำกเนื้อหำรำ
ยวิชำ ปรัชญำ และทฤษฏีกำรเรียนรู้ อย่ำงไรก็ตำมทำบำได้กล่ำวถึงลำยระเอียดเหล่ำนี้ไว้ในตำรำของตน
และได้แสดงแบบจำลองออกแบบหลักสูตรไว้
จุดเด่นของแบบจำลองเชิงเหตุผล
ธรรมชำติของแบบจำลองเชิงเหตุผลทุกแบบมีเหตุผลในตัวเอง
โครงสร้ำงของแบบจำลองมีขั้นตอนซึ้งเป็นฐำนให้กับกำรวำงแผนและกำรสร้ำงหลักสูตร
โดยจัดเตรียมตำหรับกำรเริ่มเรื่องไว้ให้ (providing a recipe –type approach)
แบบจำลองนี้ทำเรื่องที่สับสนให้ง่ำยขึ้นแรงกดดันที่มีต่อครูและผู้พัฒนำหลักสูตรที่ใช้แบบจำลองเชิงเหตุผลจะใ
ห้มีควำมตรงไปตรงมำ ใช้เวลำอย่ำงมีประสิทธิภำพเพื่อให้บรรลุภำระงำนของหลักสูตร
วิธีกำรสร้ำงกำรหลักสูตรที่นำไปปฏิบัติได้ เป็นสำระสำคัญของแบบจำลองเชิงเหตุผล
ในกำรเน้นบทบำทและคุณค่ำของจุดประสงค์แบบจำลองนี้บังคับให้ผู้พัฒนำหลักสูตรคิดหนักกับงำน
ของตน กำรพัฒนำหลักสูตรจำนวนมำกได้รับกำรโต้แย้งว่ำ ให้ควำมสนใจกับผลที่ได้รับตำมที่ตั้งใจไว้ (intended
outcomes ) น้อย
ได้มีกำรสนับสนุนให้ใช้ควำมคิดเชิงเหตุผลและจัดเตรียมคำแนะนำที่ชัดเจนในกำรวำงแผนหลักสูตร
ซึ่งเป็นกำรบีบบังคับให้ผู้พัฒนำ หลักสูตรมีมโนทัศน์ในเรื่องนั้นๆ แล้วจึงกำหนดจุดประสงค์
กำรใช้วิธีกำรนี้ก็ได้รับกำรโต้แย้งเช่นกันว่ำผู้พัฒนำหลักสูตรทุกคนที่ไม่สนใจกับวิธีกำรดังกล่ำวจะมีจุดประสงค์
อยู่ในใจบำงคนไม่ได้คิดอย่ำงมีระบบหรือกำหนดจุดประสงค์ออกมำอย่ำงมีเหตุผลแน่นอนว่ำ
ถ้ำผู้พัฒนำหลักสูตรได้รับกำรฝึกฝนและมีประสบกำรณ์ในวิธีกำรของจุดประสงค์ก็จะพบว่ำวิธีกำรเชิงเหตุผลเป็
นเรื่องง่ำยและจดจำดำเนินกำรตำมนั้น
กำรเน้นกำรวัดผลที่ได้รับมำกเกินไป (เช่นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม)
ปัญหำสำคัญสำหรับแบบจำลองเชิงเหตุผล ด้วยเวลำที่มีอยู่จำกัด
ครูพบว่ำได้ใช้เวลำตัวเองที่หำยำกของตนเองเกินควรกับกำรเขียนจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ด้วยเหตุผลนี้
คงจะทำให้ครูหลีกเลี่ยงแบบจำลองเชิงเหตุผลอย่ำงไรก็ตำมกำรเข้ำใจในลักษณะนี้
เป็นกำรเข้ำใจที่ไม่ถูกต้องและทำเพื่อตนเอง
จุดประสงค์ได้รับกำรออกแบบมำเพื่อกำรวำงแผนหลักสูตรและนำทิศทำงกำรเรียนรู้ไม่ใช้เพื่อตนเอง
เวลำที่ใช้มำกขึ้นในกำรเขียนจุดประสงค์จะช่วยลดเวลำที่จะใช้กับองค์ประกอบในส่วนอื่นๆ ของหลักสูตร
และท้ำยที่สุด กำรที่แบบจำลองเชิงเหตุผลได้รับกำรวิภำควิจำรณ์บ่อยมำกเนื่องจำกกำรนำเสนอ
โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งไทเลอร์ ไม่ได้อธิบำยแหล่งที่มำของจุดประสงค์อย่ำงเพียงพอ
ส่วนหนึ่งของคำตอบที่มีต่อกำรวิพำกย์นี้ พบได้จำกกำรอ่ำนงำนต้นฉบับของไทเลอร์ และของทำบำ
3. แบบจำลองวงจรของวีลเลอร์และนิโคลส์
แบบจำลองวงจร (Cyclical models) อยู่ระหว่ำงแบบจำลองพลวัต (dynamic models)
โดยพื้นฐำนแล้วแบบจำลองนี้ขยำยมำจำกแบบจำลองเชิงเหตุผล นั่นคือ ใช้วิธีกำรเกี่ยวกับเหตุผลและขั้นตอน
อย่ำงไรก็ตำมก็ยังมีควำมแตกต่ำงคงอยู่และที่สำคัญที่สุดแบบจำลองวงจรมองว่ำกระบวนกำรหลักสูตรเป็นกิจกร
รมที่ต่อเนื่อง ไม่รู้จักหยุดกับภำวะของกำรเปลี่ยนแปลงสำรสนเทศใหม่ๆ หรือกำรปฏิบัติใหม่ๆ ที่มีประโยชน์
ควำมกดดันจำกสังคม เช่นควำมจำเป็นในกำรปรับปรุงสุขภำพกำย
อำจจะต้องกำรปรับปรุงจุดประสงค์ และเนื้อหำวิธีกำรและกำรประเมินผล
ในวิธีกำรนี้แบบจำลองวงจรรับผิดชอบต่อควำมจำเป็นและในควำมเป็นจริงแล้ว
มีข้อโต้แย้งว่ำควำมจำเป็นเหล่ำนี้เป็นสิ่งจำเป็นในกำรทำให้กระบวนกำรหลักสูตรทันสมัยอยู่เสมอ
แบบจำลองวงจร
ให้ทัศนะต่อองค์ประกอบของหลักสูตรว่ำเป็นควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกันและขึ้นต่อกันและกัน
เพื่อว่ำควำมแตกต่ำงระหว่ำงองค์ประกอบด้วยกันดังที่ปรำกฏในแบบจำลอง เชิงเหตุผลที่มีควำมชัดเจนน้อย
ตัวอย่ำงนี้อำจจะทำให้ผู้พัฒนำหลักสูตรเห็นควำมชัดเจนน้อย
ตัวอย่ำงนี้อำจจะทำให้ผู้พัฒนำหลักสูตรเห็นควำมชัดเจนมำกขึ้น
โดยพิจำรณำเนื้อหำจำกกำรแนะนำควำมคิดสำหรับวิธีกำรสอน
แบบจำลองวงจรที่จะกล่ำวถึงในที่นี้มีเพียงสองแบบย่อยๆ
คือแบบจำลองของวีลเลอร์และแบบจำลองของนิโคลส์
3.1 แบบจำลองของวีลเลอร์
ในหนังสือของวีลเลอร์ (wheeler) ชื่อ curriculum process
วีลเลอร์ได้อ้ำงเหตุผลสำหรับผู้พัฒนำหลักสูตรที่จะใช้กระบวนกำรวงจร
ซึ่งแต่ละองค์ประกอบมีควำมสัมพันธ์กันและขั้นต่อกัน ดังภำพ 9.5 วิธีกำรสร้ำงหลักสูตรของวีลเลอร์
เหตุผลก็ยังมีควำมจำเป็นอยู่แต่ละระยะเป็นกำรพัฒนำที่มีเหตุผลของระยะที่มีมำก่อนหน้ำนั้น
โดยปกติกำรทำงำนในระยะใดระยะหนึ่งจะเป็นไปไม่ได้จนกระทั่งงำนในระยะก่อนหน้ำนั้นได้เสร็จลงแล้ว
วีลเลอร์ซึ่งเป็นสมำชิกคนหนึ่งของมหำวิทยำลัยออสเตรเลียตะวันตกได้พัฒนำและขยำยควำมคิดของไทเลอร์แล
ะทำบำโดยแนะนำระยะที่มีควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกันระยะของกระบวนกำรพัฒนำหลักสูตร
ซึ่งเมื่อพัฒนำอย่ำงมีเหตุผลและเป็นกำรชั่วครำวจะให้เกิดหลักสูตรที่มีประสิทธิภำพ
วีลเลอร์ได้รวบรวมองค์ประกอบที่จำเป็นที่กล่ำวโดยไทเลอร์และทำบำ
และนำเสนอในลักษณะที่แตกต่ำงออกไป ระยะทั้งห้ำที่กล่ำวถึงคือ
1. กำรเลือกควำมมุ่งหมำยของเป้ำประสงค์และจุดประสงค์ (aims goals and objectives)
2. กำรเลือกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้เพื่อช่วยให้ประสบควำมสำเร็จตำมควำมมุ่งหมำย
เป้ำประสงค์และจุดประสงค์ (selection of learning experiences)
3. กำรเลือกเนื้อหำ กำรเรียนรู้ โดยอำจจะนำเสนอประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ที่เป็นที่แน่ใจ (selection of
content)
4. กำรจัดและบูรณำกำรประสบกำรณ์กำรเรียนรู้และเนื้อหำวิชำ โดยอำศัยกระบวนกำรเรียน กำรสอน
(organization andintegration of learning experience andcontent)
5. กำรประเมินผล (evaluation) ทุกระยะและกำรประเมินผลกำรบรรลุเป้ำประสงค์
กำรสนับสนุนที่สำคัญต่อกำรพัฒนำหลักสูตรของวีลเลอร์ คือ
กำรเน้นวงจรธรรมชำติของกระบวนกำรหลักสูตร
และธรรมชำติของกำรขึ้นต่อกันและกันขององค์ประกอบหลักสูตรแม้ว่ำ
วีสเลอร์จะยอมรับว่ำสิ่งนี้เป็นกำรให้ทัศนะที่ง่ำยขึ้นของกระบวนกำรหลักสูตร ไดอำแกรมตำมภำพ 9.4
แสดงให้เห็นว่ำวิธีกำรเชิงเหตุผลยังคงปรำกฏอยู่ โดยต้องกำรให้ผู้พัฒนำหลักสูตรดำเนินกำรขั้นที่ 1-5
ในรูปแบบที่มีขั้นตอน อย่ำงไรก็ตำม ภำพประกอบ 17
ชี้ให้เห็นด้วยเหมือนกันว่ำขั้นตอนเหล่ำนี้เป็นวงจรที่ต่อเนื่องซึ่งตอบสนองต่อกำรเปลี่ยนแปลงของกำรศึกษำ
ในช่วงเวลำของกำรกำรเขียนจุดประสงค์
ควำมคิดในกำรตัดสินผลที่ได้รับด้วยกำรเน้นเป้ำประสงค์จนเกินควรทำให้เกิดควำมซับซ้อน
วีลเลอร์ต้องกำรเขียนให้จุดประสงค์ปลำยทำงที่เป็นสำเหตุจำกจุดประสงค์เฉพำะที่กำหนดไว้
กำรกระทำดังกล่ำวนี้ได้รับกำรสนับสนุนมำจำกครูผู้สอนหรือจริงๆ แล้วจำกผู้เขียนเกี่ยวกับหลักสูตรคนอื่นๆ
แม้กระนั้นก็ตำมควำมเข้ำใจในกระบวนกำรวงจรหลักสูตรของวีลเลอร์ที่เน้นธรรมชำติของควำมขึ้นต่อกันของอ
งค์ประกอบหลักสูตรก็ยังคงยืนยงอยู่
ภำพประกอบ 17 แบบจำลองกระบวนกำรหลักสูตรของวีลเลอร์
3.2 แบบจำลองนิวโคลส์
คณะของนิวโคลส์ ได้เขียนหนังสือชื่อ Developlng a Curriculum : A Practice Guie²²
ได้สร้ำงวิธีกำรวงจร ซึ่งครอบคลุมองค์ประกอบของหลักสูตรอย่ำงย่อๆ หนังสือนี้เป็นที่นิยมของครูมำก
โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งในประเทศอังกฤษ ซึ่งมีกำรพัฒนำหลักสูตรในระดับโรงเรียน
แบบจำลองของนิโคลส์เน้นวิธีกำรเชิงเหตุผลในกำรพัฒนำหลักสูตร
โดยเฉำพะอย่ำงยิ่งควำมจำเป็นต่อกำรเปิดหลักสูตรใหม่จำกสถำนกำรณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยกำรสนับสนุนว่ำค
วรมีกำรวำงแผนสำหรับกำรเปลี่ยนแปลงและนำเข้ำสู่เหตุผลและพื้นฐำนที่เหมำะสมตำมกระบวนกำรเชิงเหตุผล
นิโคลส์ ได้แก้ไขงำนของไทเลอร์ ทำบำ และวีลเลอร์
โดยเน้นวงจรธรรมชำติของกระบวนกำรหลักสูตร และควำมจำเป็นสำหรับขั้นตอนเบื้องต้นคือ กำรวิเครำะห์
สถำนกำรณ์ (Situational analysis) และยืนยันว่ำ ก่อนที่จะดำเนินกำรเกี่ยวกับองค์ประกอบต่ำงๆ
ในกระบวนกำรหลักสูตรต้องกำรพิจำรรำอย่ำงจริงจังกับรำยละเอียดของบริบทหรือสถำนกำรณ์หลักสูตร ดังนั้น
กำรวิเครำะห์สถำนกำรคือ
ขั้นตอนเบื้องต้นซึ่งทำให้ผู้พัฒนำหลักสูตรมีควำมเข้ำใจในปัจจัยที่มีผลกระทบต่อหลักสูตรที่กำลังสร้ำงอยู่
ขั้นตอนของกำรขึ้นต่อกันและกันห้ำขั้น เป็นควำมจำเป็นในกระบวนกำรของหลักสูตรที่ต่อเนื่อง
มีดังนี้ คือ
กำรเลือก
ประสบกำรณ์
กำรเรียนรู้
กำรเลือก
เนื้อหำวิชำ
กำรจัดและ
กำรบรูณำกำร
ประสบกำรณ์
กำรเรียนรู้และ
เนื้อหำวิชำ
กำร
ประเมินผล
ควำมมุ่งหมำย
เป้ำประสงค์
และ
จุดประสงค์
ภำพประกอบ 18 แบบจำลองกระบวนกำรหลักสูตรของนิวโคลส์
1. กำรวิเครำะห์สถำนกำรณ์ (situational analysis)
2. กำรเลือกจุดประสงค์ (selection of objectives)
3. กำรเลือกและกำรจัดเนื้อหำวิชำ (selection and organization of content)
4. กำรเลือกและกำรจัดกำรกับวิธีกำร (selection and organization of methods)
5. กำรประเมินผล (evaluation)
ระยะของกำรประเมินสถำนกำรณ์เป็นควำมจงใจที่จะบีบให้ผู้พัฒนำหลักสูตรในโรงเรียนมีควำมรับผิ
ดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งต่อควำมต้องกำรจำเป็นของนักเรียน
นิโคลส์ได้สนับสนุนกำรวำงแผนหลักสูตรที่อำศัยกำรวิเครำะห์ทุกด้ำนด้วยควำมรู้และควำมเข้ำใจที่ครอบคลุมก
ว้ำงขวำง
จุดเด่นของแบบจำลองวงจร
จุดเด่นของแบบจำลองวงจรมำจำกเหตุผล โครงสร้ำงของขั้นตอนกำรสร้ำงหลักสูตรเช่น
แบบจำลองที่เน้นบทบำทของควำมมุ่งหมำยเป้ำประสงค์และจุดประสงค์
ต้องกำรให้ผู้พัฒนำหลักสูตรมีมโนทัศน์เกี่ยวกับงำนก่อนลงมือปฏิบัติ สิ่งเหล่ำนี้เป็นกำรส่งเสริมควำมคิด
เชิงเหตุผลที่จะทำให้หลักสูตรมีประสิทธิภำพ
ในกำรใช้กำรวิเครำะห์สถำนกำรณ์เป็นจุดเริ่มต้น
แบบจำลองวงจรจะให้ข้อมูลพื้นฐำนที่ทำให้กำรกำเนิดจุดประสงค์มีประสิทธิภำพ
และแม้ว่ำวีลเลอร์จะไม่กล่ำวถึงกำรวิเครำะห์สถำนกำรณ์อย่ำงเป็นพิเศษ
แต่ก็มิได้มีกำรตรวจสอบแหล่งที่มำของควำมมุ่งหมำยและเป้ำประสงค์
โดยแท้จริงแล้วจุดประสงค์ไม่ได้ออกมำจำกสุญญำกำศ แต่มำจำกข้อมูลทั้งเชิงคุณภำพและปริมำณ
กำรวิเคำะห์
สถำนกำรณ์
กำร
ประเมินผล
กำรเลือกและ
กำรจัดกำรกับ
วิธีกำร
กำรเลือก
และกำร
จัดหำวิชำ
กำรเลือก
จุดประสงค์
บทที่ 6
บทที่ 6
บทที่ 6
บทที่ 6
บทที่ 6
บทที่ 6
บทที่ 6
บทที่ 6
บทที่ 6
บทที่ 6
บทที่ 6
บทที่ 6
บทที่ 6
บทที่ 6
บทที่ 6
บทที่ 6
บทที่ 6
บทที่ 6
บทที่ 6
บทที่ 6

More Related Content

Similar to บทที่ 6

บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6
benty2443
 
Chapter 12.2
Chapter 12.2Chapter 12.2
Chapter 12.2
patcha535
 
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท การทดลองทฤษฎี
ใบงานที่ 6  เรื่อง โครงงานประเภท การทดลองทฤษฎีใบงานที่ 6  เรื่อง โครงงานประเภท การทดลองทฤษฎี
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท การทดลองทฤษฎี
mansupotyrc
 
รูปแบบการเรียนการสอน
รูปแบบการเรียนการสอนรูปแบบการเรียนการสอน
รูปแบบการเรียนการสอน
wannaphakdee
 
โครงงานที่6
โครงงานที่6โครงงานที่6
โครงงานที่6
nay220
 
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
Namphon Srikham
 

Similar to บทที่ 6 (20)

วิจัยเพื่อพัฒนาโมเดลใหม่หรือรูปแบบใหม่
วิจัยเพื่อพัฒนาโมเดลใหม่หรือรูปแบบใหม่วิจัยเพื่อพัฒนาโมเดลใหม่หรือรูปแบบใหม่
วิจัยเพื่อพัฒนาโมเดลใหม่หรือรูปแบบใหม่
 
6 170819173444
6 1708191734446 170819173444
6 170819173444
 
6 170819173444
6 1708191734446 170819173444
6 170819173444
 
6 170819173444
6 1708191734446 170819173444
6 170819173444
 
6 170819173444
6 1708191734446 170819173444
6 170819173444
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6
 
6 170819173444
6 1708191734446 170819173444
6 170819173444
 
6 170819173444
6 1708191734446 170819173444
6 170819173444
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6
 
บทที่ 6
บทที่ 6บทที่ 6
บทที่ 6
 
Chapter 12.2
Chapter 12.2Chapter 12.2
Chapter 12.2
 
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท การทดลองทฤษฎี
ใบงานที่ 6  เรื่อง โครงงานประเภท การทดลองทฤษฎีใบงานที่ 6  เรื่อง โครงงานประเภท การทดลองทฤษฎี
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท การทดลองทฤษฎี
 
รูปแบบการเรียนการสอน
รูปแบบการเรียนการสอนรูปแบบการเรียนการสอน
รูปแบบการเรียนการสอน
 
โครงงานที่6
โครงงานที่6โครงงานที่6
โครงงานที่6
 
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
 
At6
At6At6
At6
 
ใบงานทที่ 6
ใบงานทที่ 6ใบงานทที่ 6
ใบงานทที่ 6
 

More from Naruephon (11)

บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 7
บทที่ 7บทที่ 7
บทที่ 7
 
บทที่ 5
บทที่ 5บทที่ 5
บทที่ 5
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 4
บทที่ 4บทที่ 4
บทที่ 4
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 

บทที่ 6

  • 1. บทที่ 6 แบบจำลองพัฒนำหลักสูตร มโนทัศน์(Concept) แบบจำลองกำรพัฒนำหลักสูตร คือกำรนำเสนอภำพควำมคิดที่ได้จำกกำรวิเครำะห์เชื่อมโยงข้อมูลพื้นฐำนที่ใช้ในกำรพัฒนำหลักสูตร โดยมีควำมมุ่งหมำยที่จะนำเสนอควำมสัมพันธ์ของควำมคิดต่ำงๆ ที่เกิดขึ้นในสำขำวิชำของตน แบบจำลองที่เป็นที่รู้จักกันดีในสำขำวิชำหลักสูตร ได้แก่แบบจำลองที่ถือเหตุผลของไทเลอร์ แบบจำลองนี้ บำงครั้งเรียกว่ำ แบบจำลองจุดประสงค์/เหตุผล/วิธีกำรและควำมมุ่งหมำย (objectives/classical/means-end models) ในกระบวนกำรของหลักสูตรแบบจำลองกำรพัฒนำหลักสูตรจะเน้นที่องค์ประกอบของหลักสูตร เริ่มจำกจุดประสงค์ตำมด้วยเนื้อหำ วิธีกำรเรียนกำรสอนหรือกำรจัดกำรเรียนรู้ และกำรประเมินผล ผลกำรเรียนรู้((Learning Outcome) 1. มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับแบบจำลองกำรพัฒนำหลักสูตร 2. สำมำรถนำควำมรู้ในกำรวิเครำะห์ข้อมูลพื้นฐำนมำประยุกต์ใช้ในกำรพัฒนำหลักสูตรได้ถูกต้อง สำระเนื้อหำ(Content) แบบจำลองพัฒนำหลักสูตร “แบบจำลอง (Model) บำงแห่งเรียกว่ำ รูปแบบ โอลิวำ เป็นคนแรกที่ใช้คำนี้ในสำขำวิชำกำรพัฒนำหลักสูตร” เป็นกำรนำเสนอภำพควำมคิดที่ได้จำกกำรวิเครำะห์เชื่อมโยงข้อมูลพื้นฐำนที่ใช้ในกำรพัฒนำหลักสูตร ตั้งแต่เริ่มต้น กระบวนกำร และย้อนกลับมำเริ่มต้น เป็นวัฎจักร ซึ่งเป็นรูปแบบที่จำเป็นในกำรให้บริกำรในลักษณะของข้อแนะในกำรปฏิบัติ ซึ่งสำมำรถพบได้ในเกือบจะทุกแบบของกิจกรรมทำงกำรศึกษำ ในเชิงวิชำชีพแล้วมีแบบจำลองจำนวนมำก เช่น แบบจำลองกำรเรียนกำรสอน (models of instruction) แบบจำลองกำรบริหำร (models of
  • 2. administration) แบบจำลองกำรประเมินผล (models of evaluation) และ แบบจำลองกำรนิเทศ (models of supervision) เป็นต้น แบบจำลองบำงรูปแบบที่พบในวรรณกรรมต่ำงๆ บำงแบบก็เป็นแบบง่ำยๆ บำงแบบก็มีควำมซับซ้อนค่อนข้ำงมำก และยิ่งมีควำมซับซ้อนมำกเท่ำใดก็ยิ่งมีควำมใกล้กับควำมเป็นวิทยำศำสตร์คอมพิวเตอร์มำกขึ้นเท่ำนั้น บำงแบบจำลองใช้แผนภูมิซึ่งประกอบด้วยสี่เหลี่ยมจัตุรัส กล่อง วงกลม สี่เหลี่ยมผืนผ้ำ ลูกศรและอื่นๆ ในสำขำวิชำที่เฉพำะเจำะจง (เช่น กำรบริหำร กำรเรียนกำรสอน กำรนิเทศ หรือ กำรพัฒนำหลักสูตร) แบบจำลองอำจจะมีควำมแตกต่ำงกันบ้ำง แต่ส่วนใหญ่จะมีควำมคล้ำยคลึงกัน โดยที่ควำมคล้ำยคลึงจะมีน้ำหนักมำกกว่ำแบบจำลองแต่ละแบบดังกล่ำวเหล่ำนี้ บ่อยครั้งจะได้รับกำรกลั่นกลองและปรับปรุงจำกแบบจำลองเดิมที่มีอยู่แล้ว อย่ำงไรก็ตำม ผู้ใช้หลักสูตรหรือผู้ปฏิบัติหลักสูตร ต้องรับผิดชอบต่อกำรเลือกใช้แบบจำลองที่มีอยู่แล้วในแต่ละสำขำวิชำ และหำกไม่ชอบใจก็อำจจะออกแบบจำลองของตนเองขึ้นใหม่ได้ โดยมิได้ปฏิเสธแบบจำลองทั้งหมดที่มีอยู่เดิม และอำจจะนำลำดับและขั้นตอนในแบบจำลองที่มีอยู่นั้นมำรวมเข้ำด้วยกัน ออกมำเป็นแบบจำลองที่นำไปสู่กำรปฏิบัติได้แทนที่จะเริ่มใหม่ทั้งหมด แบบจำลองทำงสำขำวิชำหลักสูตรที่เป็นที่รู้จักกันดี มักจะเรียกชื่อแบบจำลองตำมชื่อของผู้ที่นำเสนอควำมคิดนั้น ๆ ในสำขำวิชำหลักสูตร ได้แก่ไทเลอร์ (Tyler) ทำบำ (Taba) เซเลอร์และ อเล็กซำนเดอร์ (Saylor and Alexandder) วีลเลอร์และนิโคลส์ (Wheeler and Nicholls) วอคเกอร์ (Walker) สกิลเบค (Skilbeck) โอลิวำ (Oliva) และ พรินท์ (Print) 1. แบบจำลองของไทเลอร์ ไทเลอร์ (Tyler) มีแนวคิดเกี่ยวกับกำรเปลี่ยนแปลงผู้เรียนในกำรกำหนดควำมมุ่งหมำยของหลักสูตร และใช้ในสังคมปัจจุบันเป็นพื้นฐำน โดยพิจำรณำจำกกฎเกณฑ์ของสังคมควำมต้องกำรทำงด้ำนควำมสงบสุข กฎเกณฑ์และกฎหมำย ระเบียบแบบแผน รูปแบบและควำมประพฤติของแต่ละครอบครัว กำรแต่งกำย ควำมประพฤติและกำรพูดจำ ไทเลอร์ได้กระตุ้นให้คิดถึงบทบำทของนักพัฒนำหลักสูตรในกำรใช้สิ่งดังกล่ำว เพื่อประโยชน์ในกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรสอน ในเรื่องกำรประเมินผล ไทเลอร์ชี้ให้เห็นว่ำจะต้องสอดคล้องกับควำมมุ่งหมำยที่กำหนดไว้ ปรัชญำกำรพัฒนำหลักสูตรของไทเลอร์ คือ กำรเรียนรู้เป็นกำรเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียน และครูจะกำหนดจุดประสงค์อย่ำงไรให้สนองควำมต้องกำรของบุคคล ไทเลอร์ได้กล่ำวว่ำ
  • 3. กำรพัฒนำหลักสูตรเป็นควำมจำเป็นที่จะต้องกระทำอย่ำงมีเหตุผลและอย่ำงมีระบบโดยได้พยำยำมที่จะอธิบำย “…..เหตุผลในกำรมอง กำรวิเครำะห์และกำรตีควำมหลักสูตร และโปรแกรมกำรเรียนกำรสอนของสถำบันกำรศึกษำ” ต่อจำกนั้นยังได้โต้แย้งอีกด้วยว่ำในกำรพัฒนำหลักสูตรใด ๆ จะต้องตอบคำถำม 4 ประกำรคือ 1. ควำมมุ่งหมำยอะไรทำงกำรศึกษำที่โรงเรียนควรจะแสวงหำเพื่อที่จะบรรลุควำมมุ่งหมำยนั้น 2. ประสบกำรณ์ทำงกำรศึกษำคืออะไรที่จะสำมำรถจัดเตรียมไว้เพื่อให้บรรลุผลตำมควำมมุ่งหมำยเหล่ำนั้น (กลยุทธ์กำรเรียนกำรสอนและเนื้อหำวิชำ :Instructional strategies andcontent) 3. ประสบกำรทำงกำรศึกษำเหล่นี้จะจัดให้มีประสิทธิภำพได้อย่ำงไร (กำรจัดประสบกำรณ์เรียนรู้: Organizing learning experiences) 4. เรำจะสำมำรถตัดสินได้อย่ำงไร ว่ำควำมมุ่งหมำยเหล่ำนั้นได้บรรลุผลแล้ว (กำรประเมินสถำนกำรณ์และกำรประเมินผล: Assessment and evaluation) ไทเลอร์ได้รับกำรขนำนนำมว่ำเป็นบิดำของกำรเคลื่อนไหวทำงหลักสูตร แบบจำลองกำรพัฒนำหลักสูตรของไทเลอร์ เป็นที่รู้จักกันดี ตั้งแต่ปี ค.ศ.1949 โดยไทเลอร์ได้เขียนหนังสือชื่อ Basic Principles of Curriculum and nstruction และได้พิมพ์ซ้ำซำกถึง 32 ครั้ง โดยในครั้งล่ำสุดพิมพ์เมื่อ ค.ศ.1974 ไทเลอร์ได้แสวงหำวิธีกำรที่จำเพำะของนิสัยของผู้พัฒนำหลักสูตรให้มีเหตุผล มีระบบและวิธีกำรให้ควำมหมำยให้มำกขึ้นเกี่ยวกับภำระงำน ปัจจุบันนักเขียนทำงหลักสูตรจำนวนมำกให้ควำมสนใจน้อยลง เพรำะธรรมชำติที่ไม่ยืดหยุ่นในแบบจำลองจุดประสงค์ของไทเลอร์ อย่ำงไรก็ตำมบำงเวลำงำนของไทเลอร์ ได้รับกำรตีควำมผิดๆ ให้ควำมสนใจน้อยและบำงครั้งเพิกเฉยที่จะให้ควำมสนใจ เช่น บรำดี้ (Brady) อ้ำงถึงคำถำมสี่ประกำรข้ำงต้น และแนะนำว่ำขั้นตอนทั้งสี่บำงครั้งจำทำให้ดูง่ำยขึ้นถ้ำอ่ำนว่ำ จุดประสงค์ เนื้อหำวิธีกำร และกำรประเมินผล ไทเลอร์ได้เน้นถึงประสบกำรณ์ในกำรเรียนรู้ในคำถำมข้อที่สองคือ “….ปฏิกิริยำระหว่ำงผู้เรียนและสถำนกำรณ์ในสิ่งแวดล้อมภำยนอกซึ่งสำมำรถกระทำได้” เช่นเดียวกัน ผู้เขียนตำรำบำงคนได้แย้งว่ำ ไทเลอร์ไม่ได้อธิบำยแหล่งที่มำของจุดประสงค์อย่ำงเพียงพอ ไทเลอร์ได้อุทิศครึ่งหนึ่งของหนังสือที่เขียนให้กับเรื่องจุดประสงค์โดยได้พรรณนำและวิเครำะห์แหล่งที่มำของจุ ดประสงค์จำกผู้เรียน กำรศึกษำชีวิตในปัจจุบันกำรศึกษำวิชำต่ำงๆ จำกสถำนศึกษำ ศึกษำปรัชญำและจิตวิทยำกำรเรียนรู้อันที่จริงแล้วไทเลอร์ เป็นผู้มีเหตุผลอย่ำงสำคัญยิ่งต่อผู้พัฒนำหลักสูตรและผู้เขียนวรรณกรรมทำงด้ำนนี้ เมื่อ 30 ปีที่แล้วแบบจำลองกระบวนกำรหลักสูตรของไทเลอร์ดังภำพประกอบ 13 ซึ่งเป็นไดอำแกรมกำรแนะนำ
  • 4. โดยที่ไทเลอร์เห็นว่ำภำระงำนของกำรพัฒนำหลักสูตรเป็นกำรแก้ปัญหำที่มีเหตุผลและมีขั้นตอนตำมคำถำมสี่ข้อ ที่กล่ำวแล้ว เมื่อมีกำรกำหนดจุดประสงค์ ก็จะสำมำรถเลือกประสบกำรณ์เรียนรู้ที่เหมำะสมที่ต้องกำร กำรจัดกำรที่มีประสิทธิภำพ ขั้นสุดท้ำยของกระบวนกำรของไทเลอร์ คือ กำรตัดสินว่ำมีควำมสำเร็จตำมจุดประสงค์หรือไม่ จุดประสงค์ ควำมมุ่งหมำยอะไรทำงกำรศึกษำที่โรงเรียนควรจะแสวงหำ เพื่อที่จะบรรลุผลควำมมุ่งหมำยนั้น กำรเลือก ประสบกำรณ์เรียนรู้อะไรทำงกำรศึกษำที่จะสำมำรถจัด ประสบกำรณ์เรียนรู้ เตรียมเพื่อให้บรรลุตำมควำมมุ่งหำยนั้น กำรจัดประสบกำรณ์เรียนรู้ จะจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้เหล่ำนี้ให้มีประสิทธิภำพได้อย่ำงไร กำรประเมินผล เรำสำมำรถตัดสินอย่ำงไรว่ำ ควำมมุ่งหมำยเหล่ำนี้ได้บรรลุผลแล้วหรือไม่ ภำพประกอบ 13 กระบวนกำรหลักสูตรของไทเลอร์ ไทเลอร์กล่ำวว่ำเป็นควำมจำเป็นที่ต้องนิยำมควำมมุ่งหมำย (จุดประสงค์) ให้กระจ่ำงเมื่อมีกำรพัฒนำหลักสูตร กำรกำหนดจุดประสงค์ต้องกำรควำมคิดที่รอบคอบและพิจำรณำแรงขับหลำกหลำยที่มีอิทธิพลต่อผู้เรียน เช่น สังคม รำยวิชำ ปรัชญำ และอื่นๆ ในเวลำเดียวกันจุดประสงค์จะลำยเป็นพื้นฐำนที่มีประสิทธิภำพในกำรเลือกประสบกำรณ์ที่เหมำะสมตลอดจนก ำรประเมินผลแต่ละขั้นตอนจะเป็นไปอย่ำงมีเหตุผล ขั้นตอนทุกขั้นขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ที่ได้กำหนดไว้อย่ำงระมัดระวัง ในขั้นของกำรประเมินผลก็ใช้จุดประสงค์เป็นฐำนสำหรับเทคนิคกำรประเมินที่เหมำะสมที่จะชี้ว่ำได้รับควำมสำ เร็จตำมจุดประสงค์อย่ำงกว้ำงขวำงเพียงใด แบบจำลองของไทเลอร์ ให้ควำมสนใจกับระยะของกำรวำงแผน และจำกเหตุผลข้ำงต้น ทำให้นักกำรศึกษำทั่วไปเรียกแบบจำลองของไทเลอร์ว่ำ “แบบจำลองเชิงเหตุผล (The Tyler rationale model) ซึ่งเป็นกระบวนกำนในกำรเลือกจุดประสงค์ทำงกำรศึกษำที่เป็นที่รู้จักและถือปฏิบัติในแวดวงของหลักสูตร
  • 5. และไทเลอร์ได้เสนอแบบจำลองสำหรับกำรพัฒนำหลักสูตรที่ค่อนข้ำงจะเป็นที่เข้ำใจในส่วนแรกของแบบจำลอ ง (กำรเลือกจุดประสงค์) ซึ่งได้รับควำมสนใจเป็นอย่ำงมำกจำกนักกำรศึกษำอื่นๆ ไทเลอร์ได้แนะนำให้ผู้พัฒนำหลักสูตรระบุจุดประสงค์ทั่วไปโดยรวบรวมข้อมูลจำกสำมแหล่งคือ ผู้เรียน (learners) ชีวิตภำยนอกโรงเรียนในช่วงเวลำนั้น (contemparry life outside the school) และเนื้อหำวิชำ (subject matter) ภำยหลังจำกที่ได้ระบุจุดประสงค์ทั่วไปแล้ว ผู้วำงแผนหลักสูตรก็กลั่นกรองจุดประสงค์เหล่ำนั้นผ่ำนเครื่องกรองสองชนิดคือ ชนิดแรกเป็นปรัชญำกำรศึกษำและปรัชญำทำงสังคมของโรงเรียน ชนิดหลังเป็นจิตวิทยำกำรเรียนรู้ จุดประสงค์ทั่วไปที่ประสบควำมสำเร็จด้วยกำรผ่ำนกำรกลั่นกรองจำกเครื่องกรองทั้งสองชนิดจะกลำยเป็นจุดปร ะสงค์กำรเรียนกำรสอนที่มีควำมหมำยเฉพำะเจำะจงขึ้น ในกำรพรรณนำจุดประสงค์ทั่วไป ไทเลอร์จะอ้ำงถึง “เป้ำประสงค์ (goal)” “จุดประสงค์ทำงกำรศึกษำ (educational objectives)” และ “ควำมมุ่งหมำยทำงกำรศึกษำ (educational purposes)” แหล่งข้อมูลนักเรียน (Student as source) ผู้ปฏิบัติงำนหลักสูตรเริ่มต้นเสำะหำจุดประสงค์ทำงกำรศึกษำโดยรวบรวมและวิเครำะห์ข้อมูลที่สอดคล้องกับค วำมต้องกำรจำเป็นและควำมสนใจของนักเรียน ควำมต้องกำรจำเป็นกว้ำงๆ โดยส่วนรวมได้แก่ ควำมต้องกำรจำเป็นด้ำนกำรศึกษำ สังคม อำชีพ ร่ำงกำย จิตใจ และนันทนำกำร จะได้รับกำรหยิบยกขึ้นมำศึกษำ ไทเลอร์เสนอแนะให้ครูเป็นผู้สังเกต สัมภำษณ์นักเรียน สัมภำษณ์บิดำมำรดำ ออกแบบสอบถำม และใช้กำรทดสอบเป็นเทคนิคในกำรเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียน โดยกำรตรวจสอบควำมต้องกำรจำเป็นและควำมสนใจของนักเรียน นักพัฒนำหลักสูตรต้องระบุชุดของจุดประสงค์ที่มีศักยภำพ แหล่งข้อมูลทำงสังคม (Society as source) กำรวิเครำะห์ชีวิตควำมเป็นอยู่ในปัจจุบันของทั้งชุมชนในท้องถิ่นและสังคม ส่วนใหญ่จะเป็นขั้นตอนต่อไปในกระบวนกำรของของกำรกำหนดจุดประสงค์ทั่วไป ไทเลอร์แนะนำว่ำผู้วำงแผนหลักสูตรควรพัฒนำแผนกำรจำแนกแบ่งชีวิตออกมำในหลำยๆ ลักษณะ เช่น ด้ำน สุขภำพ ครอบครัว นันทนำกำร อำชีพ ศำสนำ กำรบริโภค และบทบำทหน้ำที่พลเมือง จำกควำมต้องกำรของสังคมทำให้เรำได้จุดประสงค์เกี่ยวกับควำมต้องกำรจำเป็นของสถำบันทำงสังคม หลังจำกที่ได้พิจำรณำแหล่งข้อมูลที่สองแล้ว ผู้ปฏิบัติหลักสูตร (Curriculum worker) สำมำรถที่จะขยำยหรือเพิ่มเติมจุดประสงค์ได้ แหล่งข้อมูลด้ำนเนื้อหำวิชำ (Sujiect matter as source) สำหรับข้อมูลที่สำมนักวำงแผนหลักสูตรต้องหันกลับไปพิจำรณำเนื้อหำวิชำ สำขำวิชำของตัวเอง
  • 6. นวัตกรรมหลักสูตรจำนวนมำก ในปี ค.ศ.1950-คณิตศำสตร์แผนใหม่ โปรแกรมวิทยำศำสตร์ ได้มำจำกผู้เชี่ยวชำญด้ำนเนื้อหำวิชำ จำกข้อมูลสำมแหล่งที่กล่ำวถึงนี้ผู้พัฒนำหลักสูตรก็จะได้จุดประสงค์ทั่วไป หรือจุดประสงค์กว้ำงๆ ซึ่งขำดควำมชัดเจน ซึ่งโอลิวำ (Oliva) มีควำมชอบมำกที่เรียกว่ำเป้ำประสงค์ของกำรเรียนกำรสอน (instructional goals) เป้ำประสงค์เหล่ำนี้อำจตรงกับสำชำวิชำที่เฉพำะเจำะจง จอห์นสัน (Johnsan) มองสิ่งเหล่ำนี้ด้วยสำยตำที่แตกต่ำงออกไป กล่ำวคือ จอห์นสันได้แนะนำว่ำ “แหล่งที่เป็นไปได้ (ของหลักสูตร) คือวัฒนธรรมทั้งหมดที่มีอยู่เป็นส่วนรวม” และมีแต่เพียงเนื้อหำสำระที่เรียบเรียงไว้อย่ำงดี นั่นคือ สำขำวิชำเหล่ำนั้นที่จะได้รับกำรพิจำรณำว่ำเป็นแหล่งข้อมูลของหลักสูตรไม่ใช่ควำมต้องกำรจำเป็นและควำมส นใจของผู้เรียนหรือค่ำนิยมและปัญหำสังคม เมื่อมีกำรกำหนดจุดประสงค์ที่พิจำรณำว่ำควำมเป็นไปได้ที่จะนำไปใช้แล้ว จำเป็นต้องมีกระบวนกำรกลั่นกรองอีกขั้นหนึ่งตำมแบบจำลองของไทเลอร์ เพื่อที่จะขจัดจุดประสงค์ที่ไม่มีควำมสำคัญและขัดแย้งกันออกไปโดยแนะนำให้ใช้ปรัชญำกำรศึกษำของโรงเรีย นเป็นตะแกรงแรกสำหรับกลั่นกรองเป้ำประสงค์ ปรัชญำ (Philosophical screen) เหล่ำนี้ ไทเลอร์แนะนำครูของแต่ละโรงเรียนให้กำหนดปรัชญำกำรศึกษำและปรัชญำสังคมขึ้นมำ โดยผลักดันให้ครูวำงเค้ำโครงค่ำนิยมและภำระงำนนี้ออกมำด้วยกำรเน้นเป้ำประสงค์สี่ประกำรคือ 1. กำรยอมรับควำมสำคัญของบุคคลในฐำนะทำงชำติพันธุ์วรรณำเชื้อชำติสังคมหรือเศรษฐกิจ 2. โอกำสสำหรับกำรมีส่วนร่วมอย่ำงกว้ำงขวำงในธุรกิจระยะของกิจกรรมในกลุ่มสังคมและในสังคม 3. กำรส่งเสริมให้มีบุคลิกภำพที่หลำกหลำยค่อนข้ำงจะมำกกว่ำที่ส่งเสริมให้มีบุคลิกภำพที่เป็นแบบเดียวกันทั้งหม ด 4. ควำมศรัทธำในเชำวน์ปัญญำว่ำเป็นเสมือนวิธีกำรในกำรแก้ปัญหำสำคัญๆ ค่อนข้ำงจะมีมำกกว่ำกำรขึ้นอยู่กับอำนำจของกลุ่มประชำธิปไตยหรือกลุ่มเจ้ำขุนมูลนำย ในคำอภิปรำยเกี่ยวกับกำรกำหนดปรัชญำสังคม ไทเลอร์พยำยำมที่จะทำให้โรงเรียนเป็นบุคคลโดยกล่ำวว่ำ ปรัชญำกำรศึกษำและปรัชญำสังคมเป็นข้อผูกพันและต้องกำรกระทำตำม เมื่อโรงเรียนยอมรับค่ำนิยมเหล่ำนี้ หลำยโรงเรียนมักจะกล่ำวว่ำ และ ถ้ำโรงเรียนเชื่อ ดังนั้นไทเลอร์จึงทำให้โรงเรียนมีลักษณะเป็นพลวัตและมีชีวิต (dynamic living entity)
  • 7. ผู้ทำงำนเกี่ยวกับหลักสูตร (curriculum worker) จะทบทวนรำยกำรของจุดประสงค์ทั่วไปและไม่ให้ควำมสนใจกับจุดประสงค์ที่ไม่สอดคล้องกับปรัชญำที่ได้ตก ลงกันไว้กับคณะทำงำน จิตวิทยำ (Psychological screen) กำรประยุกต์ใช้จิตวิทยำ เป็นขั้นตอนต่อไปของแบบจำลองของไทเลอร์ ในกำรใช้นี้ ครูต้องทำควำมกระจ่ำงกับหลักกำรเรียนรู้ ซึ่งเชื่อว่ำดี ไทเลอร์กล่ำวว่ำจิตวิทยำกำรเรียนรู้ไม่เพียงแต่จะรวมถึงข้อค้นพบที่ชี้เฉพำะและแน่นอนเท่ำนั้นแต่ยังเกี่ยวข้องกั บกำรสร้ำงทฤษฎีกำรเรียนรู้ที่ช่วยในกำรกำหนดเค้ำโครง (outline) ธรรมชำติของกระบวนกำรเรียนรู้ว่ำเกิดขึ้นได้อย่ำงไรภำยใต้เงื่อนไขอะไร ใช้กลไกอะไรในกำรปฏิบัติงำน และอื่นๆ ในลักษณะที่คล้ำยคลึงกันกำรประยุกต์ใช้นี้อย่ำงมีประสิทธิภำพจำเป็นต้องมีกำรฝึกหัดอย่ำงเพียงพอในด้ำนจิตวิ ทยำกำรศึกษำควำมเจริญเติบโตและพัฒนำกำรของมนุษย์ โดยผู้ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับภำระงำนของกำรพัฒนำหลักสูตรจะเป็นผู้ดำเนินกำรฝึกให้ไทเลอร์ได้อธิบำยควำมสำ คัญของจิตวิทยำดังนี้ 1. ควำมรู้ทำงจิตวิทยำกำรเรียนรู้สำมำรถทำให้เรำแยกควำมต่ำงของกำรเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ที่เป็นกระบวนกำรเ รียนรู้ที่คำดหวังผลออกจำกกำรเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้เป็นกระบวนกำรเรียนรู้ที่คำดหวัง 2. ควำมรู้ในจิตวิทยำกำรเรียนรู้สำมำรถทำให้เรำแยกควำมต่ำงในเป้ำประสงค์ที่มีควำมเป็นไปได้ออกจำกเป้ำประส งค์ที่ต้องกำรใช้เวลำนำนหรือเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุผลสำเร็จในระดับอำยุที่มีกำรตรวจสอบและรับรอง แล้ว 3. จิตวิทยำกำรเรียนรู้ให้ควำมคิดบำงอย่ำงแก่เรำ เกี่ยวกับระยะเวลำที่ใช้ในกำรบรรลุจุดประสงค์และระดับอำยุที่ต้องใช้ควำมพยำยำมให้มีประสิทธิภำพสูงสุด หลังจำกผู้วำงแผนหลักสูตรได้ประยุกต์ใช้ที่สองแล้วก็จะมีกำรลดรำยกำรวัตถุประสงค์ทั่วไปลงปล่อย ให้เหลือไว้เฉพำะจุดประสงค์ที่มีควำมสำคัญที่สุดและมีควำมเป็นไปได้มำกที่สุด หลังจำกนั้นต้องระมัดระวังในกำรที่จะกล่ำวจุดประสงค์ออกมำในรูปของจุดประสงค์พฤติกรรม ซึ่งจะกลำยมำเป็นจุดประสงค์ของกำรเรียนกำรสอนในชั้นเรียนไทเลอร์ไม่ได้ใช้ ไดอำแกรมในกำรพัฒนำกระบวนกำรที่ได้เสนอแนะไว้ อย่ำงไรก็ตำมโพแฟมและเบเกอร์ (Popham and Baker) ได้อธิบำยแบบจำลองของไทเลอร์ ดังภำพประกอบ 14
  • 8. แหล่งข้อมูล แหล่งข้อมูล แหล่งข้อมูล นักเรียน สังคม เนื้อหำวิชำ ร่ำงจุดประสงค์ทั่วไป (tentative) จุดประสงค์กำรเรียนกำรสอน ที่ชัดเจน ภำพประกอบ 14 หลักสูตรเชิงเหตุผลไทเลอร์ มีเหตุผลหลำยประกำรที่รออภิปรำยเกี่ยวกับแบบจำลองไทเลอร์มักจะหยุดอยู่ที่กำรตรวจสอบส่วนแร กของแบบจำลอง- เหตุผลในกำรเลือกจุดประสงค์ทำงกำรศึกษำโดยควำมเป็นจริงแล้วแบบจำลองไทเลอร์ยังมีขั้นตอนที่พรรณนำอ อกไปอีกสำมขั้นตอนในกำรพัฒนำหลักสูตร คือกำรเลือก กำรจัด และกำรประเมินประสบกำรณ์กำรเรียนรู้โดยที่ไทเลอร์ได้นิยำมประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ว่ำเป็น ปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงผู้เรียนและเงื่อนไขภำยนอกในสิ่งแวดล้อมที่ผู้เรียนสำมำรถสนองตอบได้ ไทเลอร์ได้แนะนำครูให้สนใจกับประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ซึ่ง 1. จะพัฒนำทักษะในกำรคิด 2. จะช่วยให้ได้มำซึ่งข่ำวสำรข้อมูลตำมที่ต้องกำร 3. จะช่วยในกำรพัฒนำเจตคติทำงด้ำนสังคมและ 4. จะช่วยพัฒนำควำมสนใจ ไทเลอร์ได้อธิบำยถึงกำรจัดประสบกำรณ์ให้เป็นหลำยๆ หน่วย และพรรณนำวิธีกำรประเมินผลต่ำงๆ อย่ำงหลำกหลำย และแม้ว่ำไทเลอร์จะไม่ได้บอกถึงทิศทำงของประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ (หรือกำรใช้วิธีกำรเรียนรู้กำรสอน) แต่เรำก็สำมำรถอ้ำงได้ว่ำกำรเรียนกำรสอนต้องเกิดขึ้นในระหว่ำงกำรเลือกและกำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้แ ละกำรประเมินผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนจำกประสบกำรณ์เหล่ำนี้ แบบจำลองที่ขยำยแล้ว (Expanded model) อย่ำงไรก็ตำมเรำสำมำรถปรับปรุงไดอำแกรมแบบจำลองของไทเลอร์โดยขยำยออกไปให้ครอบคลุม ปรัชญำ กำรศึกษำ จิตวิทยำ กำรศึกษำ
  • 9. ขั้นตอนต่ำงๆ ในกระบวนกำรวำงแผนหลังจำกที่ได้กำหนดจุดประสงค์กำรเรียนกำรสอนเฉพำะแล้ว นั่นคือเพิ่มขั้นตอนของกำรเลือกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้กำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ ทิศทำงของประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ และกำรประเมินประสบกำรณ์กำรเรียนรู้เข้ำไปดังภำพประกอบ 15 แบบจำลองที่ขยำยแล้ว ในกำรอภิปรำยเกี่ยวกับเหตุผลของไทเลอร์ และแทนเนอร์ (Tanne and tanner) ชี้ว่ำ องค์ประกอบหลักในเหตุผลของไทเลอร์มำจำกกำรศึกษำพิพัฒนำกำรนิยมในระหว่ำงต้นทศวรรษของ ศรวรรษที่ 21 สิ่งหนึ่งที่เป็นสิ่งที่ยำกในเหตุผลของไทเลอร์ตำมทัศนะของแทนเนอร์ทั้งสอง คือ ไทเลอร์นำเสนอแหล่งข้อมูลทั้งสำมโดยแยกออกจำกกันไม่แสดงถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงกัน ถ้ำนักวำงแผนหลักสูตรพิจำรณำว่ำส่วนประกอบทั้งสำมต้องแยกออกจำกกัน และไม่เข้ำใจถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงกันของแหล่งทั้งสำมกำรพัฒนำหลักสูตรก็จะกลำยเป็นกระบวนกำรที่เน้นเชิ งกลไกมำกจนเกินอย่ำงไรก็ตำมแทนเนอร์ทั้งสองได้บันทึกไว้ว่ำจนถึงวันนี้ แบบของไทเลอร์ได้รับกำรอภิปลำยอย่ำงกว้ำงขวำงจำกนักวิชำกำรหลักสูตรและเป็นจุดศูนย์รวม (focus) ในสำขำของทฤษฎีหลักสูตรด้วย 2. แบบจำลองของทำบำ ในหนังสือจำนวนหลำยเล่มที่ทำบำ (Taba) ได้เขียนเกี่ยวกับหลักสูตรเล่มที่เป็นที่รู้จักมำกที่สุดและมีอิทธิพลต่อกำรพัฒนำหลักสูตรคือ (Curriculum Development: Theory andPractice) ในหนังสือ เล่มนี้ทำบำได้กำหนดหัวเรื่องเกี่ยวกับกระบวนกำรของกำรพัฒนำหลักสูตรโดยทำบำได้ขยำยแบบจำลองพื้นฐำน แบบไทเลอร์ จนกลำยเป็นตัวแทนของสิ่งที่ใช้พัฒนำหลักสูตรในโรงเรียนมำกขึ้น แหล่งข้อมูล แหล่งข้อมูล แหล่งข้อมูล นักเรียน สังคม เนื้อหำวิชำ ร่ำงจุดประสงค์ทั่วไป ปรัชญำ กำรศึกษำ จิตวิทยำ กำรเรียนรู้
  • 10. ภำพประกอบ 15 หลักสูตรเชิงเหตุผลของทำบำ (ขยำยแล้ว) แต่แบบจำลองนี้ยังคงเป็นเส้นตรงอยู่ ทำบำอ้ำงเหตุผลสำหรับสำรสนเทศที่ให้ในแต่ละขั้นตอนของกระบวนกำรหลักสูตร โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งทำบำได้แนะนำพิจำรณำสองประกำรคือพิจำรณำเนื้อหำ กำรจัดหลักสูตรอย่ำงมีเหตุผล และพิจำรณำผู้เรียนแต่ละคน (กำรจัดหลักสูตรอย่ำงมีจิตวิทยำ) เพื่อที่จะเน้นในหลักสูตรเหล่ำนั้น ทำบำอ้ำงว่ำหลักสูตรทั้งหมดประกอบด้วยองค์ประกอบพื้นฐำนหลักสูตรโดยปกติจะประกอบด้วยกำรเลือกและ กำรจัดเนื้อหำบำงอย่ำงซึ่งแสดงในหรือรูปแบบที่แท้จริงของกำรเรียนกำรสอนและสุดท้ำยยังรวมเอำโปรแกรมก ำรประเมินผลที่ได้รับ ทำบำแนะนำวิธีกำรจำกระดับล่ำง (grass-roots approach) เป็นที่รู้จักกันดี นำไปสู่กำรพัฒนำหลักสูตร โดยเชื่อว่ำครูควรเป็นผู้ออกแบบหลักสูตรมำกกว่ำที่จะเอำหลักสูตรจำกผู้มีอำนำจหน้ำที่ในระดับสูงกว่ำ ยิ่งไปกว่ำนั้น ทำบำรู้สึกว่ำ ครูควรจะเริ่มต้นกระบวนกำรโดยกำรสร้ำงสรรค์หน่วยกำรสอน- กำรเรียนรู้เฉพำะสำหรับนักเรียนของตนเองในโรงเรียนก่อนมำกกว่ำที่จะริเริ่มสร้ำงสรรค์ออกแบบหลักสูตรทั่วไ ป ดังนั้นทำบำจึงสนับสนุนวิธีกำรเชิงอุปนัย (inductive approach) ในกำรพัฒนำหลักสูตรโดยเริ่มจำกสิ่งที่เฉพำะเจำะจงแล้วสร้ำงให้ขยำยไปสู่กำรออกแบบในลักษณะรวมซึ่งเป็น วิธีกำรที่ตรงกันข้ำมกับวิธีกำรเชิงนิรนัย (deductive approach) อย่ำงที่เคยปฏิบัติมำแต่ก่อน(traditional) ซึ่งเริ่มด้วยกำรออกแบบลักษณะรวมทั่วๆ ไปแล้วนำไปสู่รำยละเอียดที่เฉพำะเจำะจง ทำบำได้สนับสนุนวิธีกำรใช้เหตุผลและขั้นตอนในกำรพัฒนำหลักสูตรค่อนข้ำงจะมำกกว่ำวิธีกำรที่จะ ใช้กฎหัวแม่มือ (rule of thumb procedure) ต่อจำกนั้นก็จะใช้เหตุผลและวิธีกำรทำงวิทยำศำสตร์ ทำบำประกำศว่ำกำรตัดสินใจบนพื้นฐำนขององค์ประกอบควรจะเป็นไปตำมเกณฑ์ที่เหมำะสม เกณฑ์เหล่ำนี้อำจจะมำจำกแหล่งข้อมูลที่หลำกหลำย จำกขนบธรรมเนียมประเพณี จำกควำมกดดันทำงสังคม จุดประสงค์กำรเรียนกำรสอนที่ชัดเจน กำรเลือกประสบกำรเรียนรู้ กำรจัดประสบกำรเรียนรู้ ทิศทำงของประสบกำรเรียนรู้ กำรประเมินประสบกำรเรียนรู้
  • 11. จำกนิสัยใจคอ ควำมแตกต่ำงของกำรตัดสินใจเกี่ยวกับหลักสูตรซึ่งใช้วิธีกำรทำงวิทยำศำสตร์และกำรพัฒนำกำรออกแบบอย่ำง มีเหตุผล กับแบบที่ไม่ได้ใช้วิธีกำรทำงวิทยำศำสตร์และเหตุผลคือ เกณฑ์ที่มีรูปแบบสำหรับกำรตัดสินใจมำจำกกำรศึกษำตัวแปรที่ประกอบไปด้วยเหตุผลพื้นฐำนสำหรับหลักสูตร อย่ำงน้อยที่สุดในสังคมของเรำ ตัวแปรเหล่ำนี้ก็คือผู้เรียน กระบวนกำรเรียนรู้ ควำมต้องกำรทำงวัฒนธรรมและเนื้อหำของสำขำวิชำ ดังนั้น ทำบำจึงยืนยันว่ำ กำรพัฒนำหลักสูตรอย่ำงวิทยำศำสตร์จำเป็นต้องใช้กำรวิเครำะห์สังคมและวัฒนธรรม จำเป็นต้องศึกษำผู้เรียนและกระบวนกำรเรียนรู้ และวิเครำะห์ธรรมชำติของกำรเรียนรู้เพื่อที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับควำมมุ่งหมำยของโรงเรียน และธรรมชำติของหลักสูตร ในที่สุด ทำบำ อ้ำงว่ำ ถ้ำกำรพัฒนำหลักสูตรเป็นภำระงำนที่ต้องใช้เหตุผลและต้องเรียงลำดับแล้ว จำเป็นจะต้องมีกำรตรวจสอบอย่ำงใกล้ชิดเกี่ยวกับลำดับขั้นในกำรตัดสินใจเกี่ยวกับกำรพัฒนำหลักสูตรและวิธีก ำรนำไปใช้หนังสือของทำบำอยู่บนสมมติฐำนว่ำ มีกำรเรียงลำดับกำรพัฒนำและจะนำไปสู่ผลกำรวำงแผนอย่ำงใช้ควำมคิดมำกขึ้น และจะเป็นหลักสูตรที่หลับตำมองเห็นภำพหรือควำมเป็นไปได้มำกขึ้นด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงกำรแสดงแบบจำลองด้วยแผนภำพ (graphic exposition) ทำบำได้ให้รำยกำร ห้ำขั้นตอน สำหรับกำรเปลี่ยนแปลงหลักสูตรที่ประสบควำมสำเร็จ ดังนี้ 1. กำรผลิตหน่วยกำรเรียนกำรสอนนำร่อง (producing pilot units) ซึ่งเป็นตัวแทนของระดับชั้นหรือสำขำวิชำ ทำบำเห็นว่ำขั้นตอนนี้เห็นเป็นเสมือนตัวเชื่อมระหว่ำงทฤษฎีและกำรปฏิบัติ ทำบำได้เสนอขั้นตอนอีกแปดขั้น สำหรับผู้พัฒนำหลักสูตรซึ่งผลิตหน่วยนำร่องดังนี้ 1.1 กำรวินิจฉัยควำมต้องกำรจำเป็น (diagnosis of needs) นักพัฒนำหลักสูตรเริ่มต้นด้วยกำรพิจำรณำควำมต้องกำรจำเป็นของนักเรียน สำหรับผู้วำงแผนหลักสูตร ทำบำแนะนำผู้ปฏิบัติหลักสูตร (curriculum worker) ให้วินิจฉัย “ช่องว่ำง (gap) จุดบกพร่อง (deficiencies) และควำมหลำกหลำยในภูมิหลักของนักเรียน” 1.2 กำรกำหนดจุดประสงค์ (formulation of objective) หลังจำกที่ได้วินิจฉัยควำมต้องกำรจำเป็นของนักเรียนแล้ว ผู้วำงแผนหลักสูตรจะกำหนดจุดประสงค์เฉพำะที่ต้องกำรจะบรรลุ ทำบำ (Taba) ใช้คำว่ำ “เป้ำประสงค์ (goals) และจุดประสงค์ (objective)” ในลักษณะที่แทนกันได้ (interchangeably)
  • 12. 1.3 กำรเลือกเนื้อหำวิชำ (selection of content) เนื้อหำสำระหรือหัวข้อที่จะนำมำศึกษำได้มำโดยตรงจำกจุดประสงค์ ทำบำชี้ให้เห็นว่ำไม่เพียงแต่จะต้องพัฒนำจุดประสงค์ในกำรเลือกเนื้อหำเท่ำนั้น แต่จะต้องพิจำรณำ “ควำมเหมำะสม (validity) และควำมสำคัญ (significant)” ของเนื้อหำวิชำที่เลือกมำด้วย 1.4 กำรจัดเนื้อหำรำยวิชำ (organization of content) กำรเลือกเนื้อต้องเป็นไปด้วยกันกับภำระงำนกำรตัดสินใจว่ำเนื้อหำวิชำนี้อยู่ในระดับไหน (what level) ของผู้เรียนว่ำอยู่ให้ระดับใด (whatsequences) ของวิชำ วุฒิภำวะของผู้เรียนควำมพร้อมที่จะเผชิญกับเนื้อหำสำระ และระดับผลสัมฤทธิ์ทำงวิชำกำรของผู้เรียนเป็นองศ์ประกอบที่ต้องนำมำพิจำรณำในกำรจัดวำงเนื้อหำวิชำให้เห มำะสม 1.5 กำรเลือกประสบกำรกำรเรียนรู้ (selection of lenrning experiences) ผู้วำงแผนหลักสูตรจะต้องเลือกวิธีกำร (mwtodology) หรือกลยุทธ์ (stregies) ที่จะทำให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมเกี่ยวข้องกับเนื้อหำ นักเรียนทำควำมเข้ำใจเนื้อหำวิชำผ่ำนทำงกิจกรรรมกำรเรียนรู้ที่ผู้วำงแผนหลักสูตรและครู (planner - teacher) เป็นผู้เลือก 1.6 กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ (organizntion of learning activities) ครูเป็นผู้ตัดสินวิธีกำรที่จัดและกำหนดกิจกรรม กำรเรียนและกำรผสมผสำนลำดับขั้นตอนที่จะต้องใช้ ในขั้นตอนนี้ครูจะปรับ ยุทธศำสตร์ให้มีควำมเหมำะสมเป็นพิเศษกับนักเรียนเฉพำะกลุ่มที่ครูรับผิดชอบ 1.7 กำรพิจำรณำตกลงใจว่ำจะประเมินอะไร ทิศทำงไหน และด้วยวิธีกำรอย่ำงไร(determination of what to evaluate of what ways and means of dong it) ผู้วำงแผนหลักสูตรต้องตัดสินใจว่ำได้บรรลุประสงค์หรือไม่ ครูเลือกเทคนิควิธีกำรหลำยๆ อย่ำงที่เป็นวิธีกำรที่เหมำะสมในกำรประเมินผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนและเพื่อตัดสินใจว่ำจุดประสงค์ของหลักสูต รบรรลุหรือไม่
  • 13. จุดประสงค์ที่ต้องกำรจะบรรลุ ตัดสินใจโดยวิเครำะห์ : จำแนกโดย : ระดับของจุดประสงค์ วัฒนธรรมและควำมต้องกำร ชนิดของพฤติกรรม ควำมมุ่งหมำยของกำรศึกษำ จำเป็นของสังคม โดยรวม ผู้เรียนและกระบวนกำรเรียนรู้ เนื้อหำวิชำ ควำมมุ่งหมำยของโรงเรียน และหลักกำร ควำมรู้ของมนุษย์ในศำสตร์ ควำมต้องกำรจำเป็นอื่นๆ จุดประสงค์พิเศษของ ต่ำงๆ และหน้ำที่ กำรเรียนกำรสอน อุดมกำรณ์ทำงประชำธิปไตย กำรเลือกประสบกำรหลักสูตร ตัดสินใจโดยพิจำรณำ มิติของ : สิ่งเกี่ยวข้อง: สิ่งที่รู้เกี่ยวกับ: ธรรมชำติของควำมรู้ เนื้อหำสำระ แหล่งทรัพยำกรของโรงเรียน พัฒนำกำรของควำมรู้ ประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ กำรเรียนรู้ บทบำทและหน้ำที่หน่วยงำน ผู้เรียน กำรศึกษำอื่นๆ ตัดสินใจจำกข้อกำหนดของ : ศูนย์กลำงของกำรจัดกำร : สิ่งที่เกี่ยวข้อง : ควำมต่อเนื่องของกำรเรียนรู้ แบบเนื้อหำวิชำแบบกว้ำง กำรจัดกำรของโรงเรียน กำรบูรณำกำรกำรเรียนรู้ แบบกำรมีชีวิตอยู่รอด วิธีกำรใช้บุคลำกร ควำมต้องกำรจำเป็นและ ประสบกำรณ์ กิจกรรมของเด็ก ควำมคิดตำมควำมสนใจ ตัดสินใจโดย: มิติของ: สิ่งที่เกี่ยวข้อง: กำหนดขอบเขตกำรเรียนรู้ ขอบเขตและกำรเรียงลำดับ ศูนย์กลำงของกำรจัด กำหนดควำมต่อเนื่องของ ของเนื้อหำ หลักสูตร กำรเรียนรู้ ขอบเขตและกำรเรียนลำดับ ของกำรปฏิบัติทำงสมอง
  • 14. ผู้พัฒนำหลักสูตรจะเริ่มต้นด้วยขั้นตอนอื่นๆ เช่น กำรเลือกเนื้อหำวิชำหรือกำรประเมินผลได้หรือไม่อำจจะมีทิศทำงหรือควำมมุ่งหมำยในกำรพัฒนำหลักสูตรแต่เ พียงเล็กน้อยและสำมำรถที่จะพบกับควำมสับสนในผลลัพธ์ได้ อำจมีผู้โต้แย้งว่ำผู้พัฒนำหลักสูตรมีกำรวำงแผนควำมเห็นในองค์ประกอบอื่นๆ ของหลักสูตรที่มีควำมคิดเกี่ยวกับว่ำต้องกำรที่จะประสบควำมสำเร็จอะไร แต่ไม่ได้กำหนดลงไปว่ำคิดอะไร หรือไม่ได้บอกจุดประสงค์ออกมำอย่ำงเปิดเผย ดังนั้นควำมคิดนี้อำจมีควำมสัมพันธ์กับควำมต้องกำรของครูเป็นอย่ำงดี (ฉันต้องกำรสอนเนื้อหำนี้เพรำะว่ำฉันชอบและมีควำมคุ้นเคยกับมันดี) มำกกว่ำที่จะเป็นควำมต้องกำรจำเป็นของผู้เรียน จุดด้อยของแบบจำลองเชิงเหตุผล หลำยครั้งที่ปรำกฏว่ำแบบจำลองเชิงเหตุผลมีข้อตำหนิในเชิงของกำรพัฒนำหลักสูตร โดยที่บำงคนอำจจะกล่ำวว่ำ จุดด้อยเกิดจำกควำมแตกต่ำงในควำมคิดและกำรใช้หลักสูตรตลอดจนภูมิหลังของประสบกำรณ์ หรือกำรที่ครูขำดควำมรู้ในเรื่องดังกล่ำว หรืออีกในหนึ่ง ครูเหล่ำนั้นไม่ได้รับกำรฝึกฝนในแบบจำลองเชิงเหตุผลและเป็นผู้ที่ไม่ชอบคิด และไม่ชอบพัฒนำเหตุผลและระบบ จะรู้สึกว่ำเป็นเรื่องยำกที่จะพัฒนำหลักสูตรในลักษณะนี้ ซึ่งจะเห็นได้ภำยหลังว่ำนักพัฒนำหลักสูตรลักษณะนี้จะมีควำมรู้สึกสบำยใจกับแบบจำลอง แบบปฏิสัมพันธ์ (Interactive models) มำกกว่ำ จุดอ่อนที่สำคัญของแบบจำลองจุดประสงค์เกิดขึ้นจำกธรรมชำติที่ไม่อำจคำดเดำได้ของกำรสอนและ กำรเรียนรู้ แบบจำลองจะพรรณนำจุดประสงค์เฉพำะที่จะต้องประสบควำมสำเร็จ แต่บ่อยครั้งที่กำรเรียนรู้เกิดขึ้นไกลไปจำกจุดประสงค์เหล่ำนั้น เนื่องจำกองค์ประกอบที่ไม่สำมำรถเห็นล่วงหน้ำได้ เช่น ในชั้นเรียนวิทยำศำสตร์จะมีกำรสอนตำมจุดประสงค์ที่แน่นอนจำกพื้นฐำนของหลักสูตร อย่ำงไรก็ตำมสำรสนเทศใหม่ๆ (ทฤษฎีใหม่ๆ สำรสนเทศที่ได้เพิ่มขึ้นจำกกำรทดทอง วิธีกำรใหม่ๆ ภำพประกอบ 16 แบบจำลองกำรออกแบบหลักสูตร (ทำบำ)
  • 15. ที่ได้จำกกำรวิจัย) ซึ่งตรงกับปัญหำและมีประโยชน์ต่อหลักสูตรวิทยำศำสตร์ สิ่งเหล่ำนี้ควรรวมเข้ำไว้ด้วยหรือไม่ ถ้ำไม่ไปด้วยกันกับจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ผลกระทบอะไรที่จะต่อองค์ประกอบของหลักสูตรในส่วนอื่นๆ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งกำรประเมินผล ถ้ำมีกำรรวมเนื้อหำดังกล่ำวเข้ำไว้ในหลักสูตรด้วย สิ่งที่รวมเข้ำไปมีควำมเหมำะสมหรือไม่ สิ่งเหล่ำนี้เป็นคำถำมที่มีเห็นผลต่อแบบจำลองเชิงเหตุผล กำรสังเกตกำรณ์พัฒนำหลักสูตรในเชิงปฏิบัติปรำกฏให้เห็นว่ำ ครูชอบมำกกว่ำที่จะไม่ใช้วิธีกำรเชิงเหตุผล ครูค่อนข้ำงจะชอบที่จะเริ่มต้นด้วยตนเองรู้เนื้อหำอะไร และเริ่มงำนจำกตรงนั้น ปรำกฏกำรนี้อำจจะไม่ใช่จุดอ่อนของแบบจำลองนี้ถ้ำจะมีกำรใช้วิธีกำรนี้ และเป็นที่แน่ 1.8 กำรตรวจสอบเพื่อดูควำมสมดุลและลำดับขั้นตอน (checking for balance and sequence) ทำบำแนะนำผู้ปฏิบัติหลักสูตรให้มองควำมคงเส้นคงวำระหว่ำงส่วนที่หลำกหลำยต่ำงๆ ของหน่วยกำรเรียนกำรสอน เพื่อกำรเลื่อนไหลอย่ำงเหมำะสมของประสบกำรณ์ กำรเรียนรู้ที่เกิดขึ้นและเพื่อควำมสมดุลในแบบกำรเรียนรู้ของนักเรียนและแบบกำรแสดงออกของครู สำหรับหลักสูตรที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้เรียนในด้ำนของประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ทำบำให้เหตุผลว่ำ สิ่งสำคัญคือกำรวินิจฉัยควำมต้องกำรจำเป็นของผู้เรียนซึ่งเป็นควำมสำคัญขั้นแรกของทำบำว่ำ นักเรียนมีควำมต้องกำรจำเป็นที่จะเรียนรู้อะไร สำรสนเทศนี้จึงกลำยเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ สำหรับขั้นที่ 1-2 คือกำรกำหนดจุดประสงค์ที่ครอบคลุมและมีควำมชัดเจนเพื่อที่จะกำหนดพื้นฐำนสำหรับพัฒนำองค์ประกอบขอ งหลักสูตรที่จะตำมมำ ทำบำให้เหตุผลด้วยควำมแน่ใจว่ำ ธรรมชำติของจุดประสงค์จะช่วยตัดสินใจว่ำกำรเรียนรู้ชนิดใดควรจะตำมมำทำบำสนับสนุนอย่ำงแรงกล้ำต่อแบ บจำลองที่ถือเหตุผล ในขั้นที่ 3และ 4 ควำมจริงแล้วผสมผสำนเข้ำด้วยกันไม่ได้ แม้ว่ำในควำมมุ่งหมำยของกำรศึกษำหลักสูตร ทำบำได้แยกควำมแตกต่ำงระหว่ำงสองขั้นนี้ และในกำรดำเนินกำรตำมขั้นตอนเหล่ำนี้ ครูจำเป็นต้องเข้ำใจจุดประสงค์ที่ได้กำหนดไว้ก่อนดีพอๆ กับที่ต้องเข้ำใจอย่ำงลึกซึ้งในเนื้อหำวิชำที่เหมำะสม ในลักษณะเดียวกัน ขั้นที่ 5และ 6 ก็สัมพันธ์กับจุดประสงค์และเนื้อหำวิชำที่ได้กำหนดไว้แล้ว ในกำรดำเนินกำรตำมขั้นตอนอย่ำงมีประสิทธิภำพ ทำบำแนะนำให้ผู้พัฒนำหลักสูตรทำควำมเข้ำใจกับหลักสูตรของกำรเรียนรู้ กลยุทธ์ที่จะบรรลุ แนวคิด และขั้นตอนของกำรเรียนรู้
  • 16. ในขั้นที่ 7ทำบำได้แสวงหำทิศทำงที่จะนำผู้พัฒนำหลักสูตรไปสู่กำรคิดและกำรวำงแผน กลยุทธ์ กำรประเมินผล ทำบำต้องกำรที่จะรู้เป้ำหมำยปลำยทำง (จุดประสงค์) ของหลักสูตรว่ำโดยแท้จริงแล้วประสบควำมสำเร็จหรือไม่ เช่นเดียวกับไทเลอร์ 2. กำรทดสอบหน่วยทดลอง (testing experimental units) เมื่อเป้ำประสงค์ของกระบวนกำรนี้ คือ เพื่อสร้ำงหลักสูตรที่ครอบคลุมหนึ่งหรือมำกกว่ำระดับชั้นหรือสำขำวิชำ เมื่อครูได้เขียนหน่วยกำรเรียนกำรสอนนำร่องจำกชั้นเรียนของตนเองที่มีอยู่ในใจ หน่วยกำรเรียนกำรสอนจึงต้องได้รับกำรทดสอบ “เพื่อควำมเหมำะสม และนำไปสอนได้ และเพื่อจำกัดควำมสำมำรถตำมที่ต้องกำรทั้งในระดับสูงและระดับต่ำ” 3. กำรปรับปรุงและทำให้เป็นเนื้อเดียวกัน (revising and consolidating)มีกำรปรับหน่วยกำรเรียนกำรสอนเพื่ออนุโลมตำมให้สอดคล้องกับควำมต้องกำรจำเป็นและควำม สำมำรถของนักเรียน กับทรัพยำกรที่มีอยู่ และกับแบบกำรสอนที่แตกต่ำง เพื่อให้หลักสูตรมีควำมเหมำะสมกับห้องเรียนทุกชนิด ทำบำจะมอบหน้ำที่ให้ศึกษำนิเทศก์ ผู้ประสำนงำนหลักสูตรและผู้ชำนำญกำรหลักสูตรด้วยภำระงำนของ “กำรบอกหลักกำรและข้อควรพิจำรณำทำงทฤษฏีเพื่อเป็นแนวทำงสำหรับโครงสร้ำงของหน่วยกำรเรียนกำรสอ น กำรเลือกเนื้อหำ และกิจกรรมกำรเรียนรู้และแนะนำกำรปรับปรุงห้องเรียนภำยในข้อจำกัดที่มีอยู่” ทำบำแนะนำว่ำ ข้อควรพิจำรณำและข้อแนะนำอำจจะรวมไว้ในคู่มือที่อธิบำยกำรใช้หน่วย 4. กำรพิจำรณำกรอบงำน (developing a framework) หลังจำกที่ได้สร้ำงหน่วยกำรเรียนกำรสอนจำนวนหนึ่งเสร็จแล้ว ผู้วำงแผนหลักสูตรต้องตรวจสอบหน่วยต่ำงๆ เกี่ยวกับควำมเพียงพอของขอบข่ำยและควำมเหมำะสมของลำดับขั้นตอน ผู้ชำนำญกำรหลักสูตรจะรับผิดชอบในกำรร่ำงหลักกำรและเหตุผลของหลักสูตรซึ่งจะพัฒนำผ่ำนกระบวนกำรนี้ 5. กำรนำไปใช้และกำรเผยแพร่หน่วยกำรเรียนกำรสอนใหม่ (installing and disseminating) ทำบำต้องกำรให้ผู้บริหำรจัดกำรฝึกอบรมประจำกำรให้กับครูอย่ำงเหมำะสมเพื่อว่ำครูอำจจะนำหน่วยกำรเรียนก ำรสอนไปปฏิบัติในชั้นเรียนอย่ำงมีประสิทธิภำพ แบบจำลองหลักสูตรแบบนิรนัยของทำบำ อำจจะไม่เป็นที่น่ำสนใจของนักพัฒนำหลักสูตรที่ชอบมำกกว่ำที่จะพิจำรณำหลักสูตรในลักษณะที่จะกว้ำงขวำง กว่ำนี้ ก่อนที่จะลงไปสู่รำยละเอียดที่เฉพำะเจำะจง ผู้วำงแผนหลักสูตรบำงคนอำจนำปรำรถนำที่จะเห็นแบบจำลองซึ้งครอบคลุมขั้นตอนต่ำงๆ ทั้งกำรวินิจฉัยควำมต้องกำรจำเป็นของสังคมและวัฒนำธรรมและกำรได้มำซึ้งควำมต้องกำรจำเป็นจำกเนื้อหำรำ ยวิชำ ปรัชญำ และทฤษฏีกำรเรียนรู้ อย่ำงไรก็ตำมทำบำได้กล่ำวถึงลำยระเอียดเหล่ำนี้ไว้ในตำรำของตน และได้แสดงแบบจำลองออกแบบหลักสูตรไว้
  • 17. จุดเด่นของแบบจำลองเชิงเหตุผล ธรรมชำติของแบบจำลองเชิงเหตุผลทุกแบบมีเหตุผลในตัวเอง โครงสร้ำงของแบบจำลองมีขั้นตอนซึ้งเป็นฐำนให้กับกำรวำงแผนและกำรสร้ำงหลักสูตร โดยจัดเตรียมตำหรับกำรเริ่มเรื่องไว้ให้ (providing a recipe –type approach) แบบจำลองนี้ทำเรื่องที่สับสนให้ง่ำยขึ้นแรงกดดันที่มีต่อครูและผู้พัฒนำหลักสูตรที่ใช้แบบจำลองเชิงเหตุผลจะใ ห้มีควำมตรงไปตรงมำ ใช้เวลำอย่ำงมีประสิทธิภำพเพื่อให้บรรลุภำระงำนของหลักสูตร วิธีกำรสร้ำงกำรหลักสูตรที่นำไปปฏิบัติได้ เป็นสำระสำคัญของแบบจำลองเชิงเหตุผล ในกำรเน้นบทบำทและคุณค่ำของจุดประสงค์แบบจำลองนี้บังคับให้ผู้พัฒนำหลักสูตรคิดหนักกับงำน ของตน กำรพัฒนำหลักสูตรจำนวนมำกได้รับกำรโต้แย้งว่ำ ให้ควำมสนใจกับผลที่ได้รับตำมที่ตั้งใจไว้ (intended outcomes ) น้อย ได้มีกำรสนับสนุนให้ใช้ควำมคิดเชิงเหตุผลและจัดเตรียมคำแนะนำที่ชัดเจนในกำรวำงแผนหลักสูตร ซึ่งเป็นกำรบีบบังคับให้ผู้พัฒนำ หลักสูตรมีมโนทัศน์ในเรื่องนั้นๆ แล้วจึงกำหนดจุดประสงค์ กำรใช้วิธีกำรนี้ก็ได้รับกำรโต้แย้งเช่นกันว่ำผู้พัฒนำหลักสูตรทุกคนที่ไม่สนใจกับวิธีกำรดังกล่ำวจะมีจุดประสงค์ อยู่ในใจบำงคนไม่ได้คิดอย่ำงมีระบบหรือกำหนดจุดประสงค์ออกมำอย่ำงมีเหตุผลแน่นอนว่ำ ถ้ำผู้พัฒนำหลักสูตรได้รับกำรฝึกฝนและมีประสบกำรณ์ในวิธีกำรของจุดประสงค์ก็จะพบว่ำวิธีกำรเชิงเหตุผลเป็ นเรื่องง่ำยและจดจำดำเนินกำรตำมนั้น กำรเน้นกำรวัดผลที่ได้รับมำกเกินไป (เช่นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม) ปัญหำสำคัญสำหรับแบบจำลองเชิงเหตุผล ด้วยเวลำที่มีอยู่จำกัด ครูพบว่ำได้ใช้เวลำตัวเองที่หำยำกของตนเองเกินควรกับกำรเขียนจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ด้วยเหตุผลนี้ คงจะทำให้ครูหลีกเลี่ยงแบบจำลองเชิงเหตุผลอย่ำงไรก็ตำมกำรเข้ำใจในลักษณะนี้ เป็นกำรเข้ำใจที่ไม่ถูกต้องและทำเพื่อตนเอง จุดประสงค์ได้รับกำรออกแบบมำเพื่อกำรวำงแผนหลักสูตรและนำทิศทำงกำรเรียนรู้ไม่ใช้เพื่อตนเอง เวลำที่ใช้มำกขึ้นในกำรเขียนจุดประสงค์จะช่วยลดเวลำที่จะใช้กับองค์ประกอบในส่วนอื่นๆ ของหลักสูตร และท้ำยที่สุด กำรที่แบบจำลองเชิงเหตุผลได้รับกำรวิภำควิจำรณ์บ่อยมำกเนื่องจำกกำรนำเสนอ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งไทเลอร์ ไม่ได้อธิบำยแหล่งที่มำของจุดประสงค์อย่ำงเพียงพอ ส่วนหนึ่งของคำตอบที่มีต่อกำรวิพำกย์นี้ พบได้จำกกำรอ่ำนงำนต้นฉบับของไทเลอร์ และของทำบำ 3. แบบจำลองวงจรของวีลเลอร์และนิโคลส์
  • 18. แบบจำลองวงจร (Cyclical models) อยู่ระหว่ำงแบบจำลองพลวัต (dynamic models) โดยพื้นฐำนแล้วแบบจำลองนี้ขยำยมำจำกแบบจำลองเชิงเหตุผล นั่นคือ ใช้วิธีกำรเกี่ยวกับเหตุผลและขั้นตอน อย่ำงไรก็ตำมก็ยังมีควำมแตกต่ำงคงอยู่และที่สำคัญที่สุดแบบจำลองวงจรมองว่ำกระบวนกำรหลักสูตรเป็นกิจกร รมที่ต่อเนื่อง ไม่รู้จักหยุดกับภำวะของกำรเปลี่ยนแปลงสำรสนเทศใหม่ๆ หรือกำรปฏิบัติใหม่ๆ ที่มีประโยชน์ ควำมกดดันจำกสังคม เช่นควำมจำเป็นในกำรปรับปรุงสุขภำพกำย อำจจะต้องกำรปรับปรุงจุดประสงค์ และเนื้อหำวิธีกำรและกำรประเมินผล ในวิธีกำรนี้แบบจำลองวงจรรับผิดชอบต่อควำมจำเป็นและในควำมเป็นจริงแล้ว มีข้อโต้แย้งว่ำควำมจำเป็นเหล่ำนี้เป็นสิ่งจำเป็นในกำรทำให้กระบวนกำรหลักสูตรทันสมัยอยู่เสมอ แบบจำลองวงจร ให้ทัศนะต่อองค์ประกอบของหลักสูตรว่ำเป็นควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกันและขึ้นต่อกันและกัน เพื่อว่ำควำมแตกต่ำงระหว่ำงองค์ประกอบด้วยกันดังที่ปรำกฏในแบบจำลอง เชิงเหตุผลที่มีควำมชัดเจนน้อย ตัวอย่ำงนี้อำจจะทำให้ผู้พัฒนำหลักสูตรเห็นควำมชัดเจนน้อย ตัวอย่ำงนี้อำจจะทำให้ผู้พัฒนำหลักสูตรเห็นควำมชัดเจนมำกขึ้น โดยพิจำรณำเนื้อหำจำกกำรแนะนำควำมคิดสำหรับวิธีกำรสอน แบบจำลองวงจรที่จะกล่ำวถึงในที่นี้มีเพียงสองแบบย่อยๆ คือแบบจำลองของวีลเลอร์และแบบจำลองของนิโคลส์ 3.1 แบบจำลองของวีลเลอร์ ในหนังสือของวีลเลอร์ (wheeler) ชื่อ curriculum process วีลเลอร์ได้อ้ำงเหตุผลสำหรับผู้พัฒนำหลักสูตรที่จะใช้กระบวนกำรวงจร ซึ่งแต่ละองค์ประกอบมีควำมสัมพันธ์กันและขั้นต่อกัน ดังภำพ 9.5 วิธีกำรสร้ำงหลักสูตรของวีลเลอร์ เหตุผลก็ยังมีควำมจำเป็นอยู่แต่ละระยะเป็นกำรพัฒนำที่มีเหตุผลของระยะที่มีมำก่อนหน้ำนั้น โดยปกติกำรทำงำนในระยะใดระยะหนึ่งจะเป็นไปไม่ได้จนกระทั่งงำนในระยะก่อนหน้ำนั้นได้เสร็จลงแล้ว วีลเลอร์ซึ่งเป็นสมำชิกคนหนึ่งของมหำวิทยำลัยออสเตรเลียตะวันตกได้พัฒนำและขยำยควำมคิดของไทเลอร์แล ะทำบำโดยแนะนำระยะที่มีควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกันระยะของกระบวนกำรพัฒนำหลักสูตร ซึ่งเมื่อพัฒนำอย่ำงมีเหตุผลและเป็นกำรชั่วครำวจะให้เกิดหลักสูตรที่มีประสิทธิภำพ วีลเลอร์ได้รวบรวมองค์ประกอบที่จำเป็นที่กล่ำวโดยไทเลอร์และทำบำ และนำเสนอในลักษณะที่แตกต่ำงออกไป ระยะทั้งห้ำที่กล่ำวถึงคือ 1. กำรเลือกควำมมุ่งหมำยของเป้ำประสงค์และจุดประสงค์ (aims goals and objectives)
  • 19. 2. กำรเลือกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้เพื่อช่วยให้ประสบควำมสำเร็จตำมควำมมุ่งหมำย เป้ำประสงค์และจุดประสงค์ (selection of learning experiences) 3. กำรเลือกเนื้อหำ กำรเรียนรู้ โดยอำจจะนำเสนอประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ที่เป็นที่แน่ใจ (selection of content) 4. กำรจัดและบูรณำกำรประสบกำรณ์กำรเรียนรู้และเนื้อหำวิชำ โดยอำศัยกระบวนกำรเรียน กำรสอน (organization andintegration of learning experience andcontent) 5. กำรประเมินผล (evaluation) ทุกระยะและกำรประเมินผลกำรบรรลุเป้ำประสงค์ กำรสนับสนุนที่สำคัญต่อกำรพัฒนำหลักสูตรของวีลเลอร์ คือ กำรเน้นวงจรธรรมชำติของกระบวนกำรหลักสูตร และธรรมชำติของกำรขึ้นต่อกันและกันขององค์ประกอบหลักสูตรแม้ว่ำ วีสเลอร์จะยอมรับว่ำสิ่งนี้เป็นกำรให้ทัศนะที่ง่ำยขึ้นของกระบวนกำรหลักสูตร ไดอำแกรมตำมภำพ 9.4 แสดงให้เห็นว่ำวิธีกำรเชิงเหตุผลยังคงปรำกฏอยู่ โดยต้องกำรให้ผู้พัฒนำหลักสูตรดำเนินกำรขั้นที่ 1-5 ในรูปแบบที่มีขั้นตอน อย่ำงไรก็ตำม ภำพประกอบ 17 ชี้ให้เห็นด้วยเหมือนกันว่ำขั้นตอนเหล่ำนี้เป็นวงจรที่ต่อเนื่องซึ่งตอบสนองต่อกำรเปลี่ยนแปลงของกำรศึกษำ ในช่วงเวลำของกำรกำรเขียนจุดประสงค์ ควำมคิดในกำรตัดสินผลที่ได้รับด้วยกำรเน้นเป้ำประสงค์จนเกินควรทำให้เกิดควำมซับซ้อน วีลเลอร์ต้องกำรเขียนให้จุดประสงค์ปลำยทำงที่เป็นสำเหตุจำกจุดประสงค์เฉพำะที่กำหนดไว้ กำรกระทำดังกล่ำวนี้ได้รับกำรสนับสนุนมำจำกครูผู้สอนหรือจริงๆ แล้วจำกผู้เขียนเกี่ยวกับหลักสูตรคนอื่นๆ แม้กระนั้นก็ตำมควำมเข้ำใจในกระบวนกำรวงจรหลักสูตรของวีลเลอร์ที่เน้นธรรมชำติของควำมขึ้นต่อกันของอ งค์ประกอบหลักสูตรก็ยังคงยืนยงอยู่
  • 20. ภำพประกอบ 17 แบบจำลองกระบวนกำรหลักสูตรของวีลเลอร์ 3.2 แบบจำลองนิวโคลส์ คณะของนิวโคลส์ ได้เขียนหนังสือชื่อ Developlng a Curriculum : A Practice Guie²² ได้สร้ำงวิธีกำรวงจร ซึ่งครอบคลุมองค์ประกอบของหลักสูตรอย่ำงย่อๆ หนังสือนี้เป็นที่นิยมของครูมำก โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งในประเทศอังกฤษ ซึ่งมีกำรพัฒนำหลักสูตรในระดับโรงเรียน แบบจำลองของนิโคลส์เน้นวิธีกำรเชิงเหตุผลในกำรพัฒนำหลักสูตร โดยเฉำพะอย่ำงยิ่งควำมจำเป็นต่อกำรเปิดหลักสูตรใหม่จำกสถำนกำรณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยกำรสนับสนุนว่ำค วรมีกำรวำงแผนสำหรับกำรเปลี่ยนแปลงและนำเข้ำสู่เหตุผลและพื้นฐำนที่เหมำะสมตำมกระบวนกำรเชิงเหตุผล นิโคลส์ ได้แก้ไขงำนของไทเลอร์ ทำบำ และวีลเลอร์ โดยเน้นวงจรธรรมชำติของกระบวนกำรหลักสูตร และควำมจำเป็นสำหรับขั้นตอนเบื้องต้นคือ กำรวิเครำะห์ สถำนกำรณ์ (Situational analysis) และยืนยันว่ำ ก่อนที่จะดำเนินกำรเกี่ยวกับองค์ประกอบต่ำงๆ ในกระบวนกำรหลักสูตรต้องกำรพิจำรรำอย่ำงจริงจังกับรำยละเอียดของบริบทหรือสถำนกำรณ์หลักสูตร ดังนั้น กำรวิเครำะห์สถำนกำรคือ ขั้นตอนเบื้องต้นซึ่งทำให้ผู้พัฒนำหลักสูตรมีควำมเข้ำใจในปัจจัยที่มีผลกระทบต่อหลักสูตรที่กำลังสร้ำงอยู่ ขั้นตอนของกำรขึ้นต่อกันและกันห้ำขั้น เป็นควำมจำเป็นในกระบวนกำรของหลักสูตรที่ต่อเนื่อง มีดังนี้ คือ กำรเลือก ประสบกำรณ์ กำรเรียนรู้ กำรเลือก เนื้อหำวิชำ กำรจัดและ กำรบรูณำกำร ประสบกำรณ์ กำรเรียนรู้และ เนื้อหำวิชำ กำร ประเมินผล ควำมมุ่งหมำย เป้ำประสงค์ และ จุดประสงค์
  • 21. ภำพประกอบ 18 แบบจำลองกระบวนกำรหลักสูตรของนิวโคลส์ 1. กำรวิเครำะห์สถำนกำรณ์ (situational analysis) 2. กำรเลือกจุดประสงค์ (selection of objectives) 3. กำรเลือกและกำรจัดเนื้อหำวิชำ (selection and organization of content) 4. กำรเลือกและกำรจัดกำรกับวิธีกำร (selection and organization of methods) 5. กำรประเมินผล (evaluation) ระยะของกำรประเมินสถำนกำรณ์เป็นควำมจงใจที่จะบีบให้ผู้พัฒนำหลักสูตรในโรงเรียนมีควำมรับผิ ดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งต่อควำมต้องกำรจำเป็นของนักเรียน นิโคลส์ได้สนับสนุนกำรวำงแผนหลักสูตรที่อำศัยกำรวิเครำะห์ทุกด้ำนด้วยควำมรู้และควำมเข้ำใจที่ครอบคลุมก ว้ำงขวำง จุดเด่นของแบบจำลองวงจร จุดเด่นของแบบจำลองวงจรมำจำกเหตุผล โครงสร้ำงของขั้นตอนกำรสร้ำงหลักสูตรเช่น แบบจำลองที่เน้นบทบำทของควำมมุ่งหมำยเป้ำประสงค์และจุดประสงค์ ต้องกำรให้ผู้พัฒนำหลักสูตรมีมโนทัศน์เกี่ยวกับงำนก่อนลงมือปฏิบัติ สิ่งเหล่ำนี้เป็นกำรส่งเสริมควำมคิด เชิงเหตุผลที่จะทำให้หลักสูตรมีประสิทธิภำพ ในกำรใช้กำรวิเครำะห์สถำนกำรณ์เป็นจุดเริ่มต้น แบบจำลองวงจรจะให้ข้อมูลพื้นฐำนที่ทำให้กำรกำเนิดจุดประสงค์มีประสิทธิภำพ และแม้ว่ำวีลเลอร์จะไม่กล่ำวถึงกำรวิเครำะห์สถำนกำรณ์อย่ำงเป็นพิเศษ แต่ก็มิได้มีกำรตรวจสอบแหล่งที่มำของควำมมุ่งหมำยและเป้ำประสงค์ โดยแท้จริงแล้วจุดประสงค์ไม่ได้ออกมำจำกสุญญำกำศ แต่มำจำกข้อมูลทั้งเชิงคุณภำพและปริมำณ กำรวิเคำะห์ สถำนกำรณ์ กำร ประเมินผล กำรเลือกและ กำรจัดกำรกับ วิธีกำร กำรเลือก และกำร จัดหำวิชำ กำรเลือก จุดประสงค์