Anupon5 2 3
- 2. เซปักตะกร้อ
ตะกร้อ เป็นการละเล่นของไทยมาแต่โบราณ แต่ไม่มีหลักฐานแน่นอนว่ามีมาตั้งแต่สมัยใด แต่คาดว่าราว ๆ ต้นกรุง รัตนโกสินทร์ ประเทศอื่นที่ใกล้เคียงก็มีการเล่นตะกร้อ คนเล่นไม่จากัดจานวน เล่นเป็นหมู่หรือเดี่ยวก็ได้ ตามลานที่กว้าง พอสมควร ตะกร้อที่ใช้เดิมใช้หวายถักเป็นลูกตะกร้อ ปัจจุบัน นิยมใช้ลูกตะกร้อพลาสติกการเตะตะกร้อเป็นการเล่นที่ผู้เล่น ได้ออกกาลังกายทุกสัดส่วน ความสังเกต มีไหวพริบ ทาให้มีบุคลิกภาพดี มีความสง่างาม และการเล่นตะกร้อนับได้ว่าเป็น เอกลักษณ์ของไทยอย่างหนึ่ง
ประวัติ
ในการค้นคว้าหลักฐานเกี่ยวกับแหล่งกาเนิดการเล่นกีฬาตะกร้อในอดีตนั้น ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้อย่างชัดเจนว่า ตะกร้อนั้นกาเนิดจากที่ใด จากการสันนิษฐานคงจะได้หลายเหตุผลดังนี้ตะกร้อได้ถูกค้นพบโดย Malacca Sultanate ในศตวรรษ ที่ 15 (สามารถหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ในหน้า ภาษาอังกฤษ)พม่า เมื่อประมาณ พ.ศ. 2310 กองทัพพม่ามาตั้งค่ายอยู่ที่โพธิ์ สามต้น มีการเล่นตะกร้อในช่วงพัก ซึ่งพม่าเรียกว่า "ชิงลง"ทางมาเลเซียประกาศว่า ตะกร้อเป็นกีฬาของประเทศมาลายูเดิม เรียกว่า เซปะก์รากา (Sepak Raga) คาว่า Raga หมายถึง ตะกร้าทางฟิลิปปินส์ นิยมเล่นกีฬาชนิดนี้กันมานานแล้ว โดยมีชื่อเรียก ของตนว่า ซิปะก์ทางประเทศจีนมีเกมกีฬาที่คล้ายตะกร้อแต่เป็นการเตะลูกหนังปักขนไก่ ซึ่งจะแสดงให้เห็นผ่านทาง ภาพเขียนและพงศาวดารจีนทางประเทศเกาหลีมีเกมกีฬาลักษณะคล้ายคลึงกับของจีนแต่ใช้ดินเหนียวห่อด้วยผ้าสาลีเอาหาง ไก่ฟ้าปัก แทนการใช้ลูกหนักปักขนไก่ประเทศไทยมีความนิยมเล่นกีฬาตะกร้อมายาวนาน และ สามารถประยุกต์จนเข้ากับ ประเพณีของชนชาติไทยอย่างกลมกลืนและสวยงามทั้งด้านทักษะ การเล่นตะกร้อมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องมาตามลาดับ ทั้งด้านรูปแบบและวัตถุดิบในการทาจากสมัยแรกเป็นผ้า,หนังสัตว์,หวาย,จนถึงประเภทสารสังเคราะห์ (พลาสติก)
เซปักตะกร้อ
การแข่งขันตะกร้อในระดับนานาชาติ เรียกเกมกีฬาชนิดนี้ว่าเซปักตะกร้อ โดยเป็นการแข่งขันของผู้เล่น 2 ทีม ทาการโต้ ตะกร้อข้ามตาข่ายเพื่อให้ลงในแดนของคู่ต่อสู้ สามารถแบ่งแยกย่อยเป็น 2 ประเภทคือ "เรกู" หรือทีม 3 คน และ "ดับเบิ้ล เร กู" หรือก็คือ ตะกร้อคู่ (คาว่า เรกู เป็นภาษามลายู แปลว่าทีม)
ลักษณะการเล่นรูปแบบอื่น
ตะกร้อหวายการเล่นตะกร้อยังสามารถเล่นได้หลายแบบ ดังนี้ การเล่นเป็นทีม ผู้เล่นจะล้อมเป็นวง ผู้เริ่มต้นจะใช้เท้าเตะลูก ตะกร้อไปให้อีกผู้รับหนึ่ง ผู้รับจะต้องมีความว่องไวในการใช้เท้ารับและเตะส่งไปยังอีกผู้หนึ่ง จึงเรียกวิธีเล่นนี้ว่า "เตะ ตะกร้อ" ความสนุกอยู่ที่การหลอกล่อที่จะเตะไปยังผู้ใด ถ้าผู้เตะทั้งวงมีความสามารถเสมอกัน จะโยนและรับไม่ให้ตะกร้อ ถึงพื้นได้เป็นเวลานานมาก กล่าวกันว่าทั้งวันหรือทั้งคืนก็ยังมี แต่ผู้เล่นยังไม่ชานาญก็โยนรับได้ไม่กี่ครั้ง ลูกตะกร้อก็ตกถึง พื้นการติดตะกร้อ