งานวิถีโลก (ข่าว)
- 2. ในฐานะที่อาเซียนเป็นแหล่งผลิตอาหารระดับครัวโลก ถ้าหากอุณหภูมิสูงขึ้น ถึง 4องศา
จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเพาะปลูก การประมง
แหล่งน้าและการใช้ชีวิตของชาวอาเซียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและปริมาณน้าฝน รวมถึงพายุฤดูร้อน พายุไซโคลนและไต้ฝุ่น
ที่จะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว โดยฟิลิปปินส์มีความเสี่ยงสูงสุดที่
จะถูกพายุพัดกระหน่าแบบทั่วถึงทั้งเกาะตลอดปี แถมด้วยปรากฏการณ์ "เอลนิโญ่" และ "ลานิญ่า"
ที่จะเป็นปัจจัยสาคัญในการกาหนดทิศทางของพายุหลงฤดู
ซึ่งจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งและทวีความรุนแรงไปตามสภาพอากาศที่ปรวนแปร
ส่งผลให้บางประเทศมีฝนตกชุกและพายุเข้า ขณะที่อีกประเทศแทบจะไม่มีฝนและร้อน แห้งแล้ง
กลายเป็นภาวะน้าท่วมน้าขาดแบบไม่รู้จบ ผลลัพธ์ที่ตามมาติดๆ
เมื่ออุณหภูมิโซนอาเซียนพุ่งสูงขึ้นก็คือข้อจากัดในการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะ
พืชผลทางการเกษตรที่ไม่สามารถทนต่ออุณหภูมิของ "น้า"
ซึ่งร้อนขึ้น ประกอบกับความเป็นไปได้ของอุณหภูมิโดยรวมที่จะสูงเกินกว่า 35 องศาเซลเซียส
ในช่วงฤดูร้อนและปลายฝน ทาให้ผลผลิตแห้งตายและไม่เพียงพอต่อการบริโภค
นั่นยังไม่รวมถึงปัญหาขาดแคลน "ที่ทากิน"
เนื่องจากพื้นที่ราบลุ่มบางส่วนมีโอกาสถูกน้าท่วมจนมิด ตัวอย่างเช่น กรุงเทพฯ ถ้าดูจาก "แผนที่ 4 องศา"
จะพบว่า ในปี 2654 จะกลายสภาพเป็นเมืองบาดาล เพราะถูกน้าทะเลซึ่งสูงขึ้นราว 65 เซนติเมตร
ไหลเข้าท่วมทั่วทั้งกรุงที่ความสูงเหนือระดับน้าทะเลถึง 2 เมตร เช่นเดียวกับชะตากรรมของกรุงมะนิลา
จาการ์ตา โฮจิมินห์ซิตี้และชายฝั่งติดทะเลของสิงคโปร์
ขณะที่ผลกระทบด้าน "การประมง" ก็มีปัญหาไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะน้าทะเล
น้าจืดและน้ากร่อย ต่างก็มีจุดเดือดและความเป็นกรดเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนทาให้สัตว์น้าและพืช
ซึ่งไวต่อการเปลี่ยนแปลง ส่อเค้าล้มตายและเสี่ยงสูญพันธุ์เป็นวงกว้าง กลายเป็นวิกฤตล้มละลายของการ
ประมง ซึ่งยากจะแก้ให้กลับมาเหมือนเดิม
นอกจากนี้ สุขภาพของมนุษย์ก็จะย่าแย่ลง
เพราะอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นมีผลต่อคุณภาพของอากาศ โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ อย่างกรุงเทพฯ
จาการ์ตาและมะนิลา ที่มีมลพิษมากอยู่แล้ว
จะยิ่งเข้าขั้นอันตรายจนมนุษย์ไม่สามารถใช้ชีวิตในเมืองได้อีก สภาพอากาศ ร้อนผิดธรรมชาติ
ยังเป็นต้นเหตุก่อโรคภัยไข้เจ็บ ทั้งลมแดด ความเครียด