ปัญหาความอยากขาวของวัยรุ่น วัยรุ่นส่วนใหญ่ทำไมต้องอยากขาว

2. ความอยากมี “ ผิวขาว ” กาลังเป็นกระแส
ค่านิยมของคนไทยในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย
เพราะทุกๆคนคิดว่าการที่มีผิวขาวกระจ่างใส ทาให้สวย
ดูดี มีความมั่นใจในการทากิจกรรมระหว่างวันที่ต้อง
พบปะกับผู้คนมากมาย

3. ปัญหา / สาเหตุ
ปกติแล้วสีผิวของชาวเอเชียรวมถึง
สาวไทย ส่วนมากเป็นสีแทนและผิวขาวเหลือง
แต่เมื่อไม่นานมานี้การนาความเชื่อจากชาติ
ตะวันตกในการมองและคิดยึดถือเอาว่า
ถ้าคนไหนมีสีผิวที่ขาวกระจ่างใสและ
เปล่งปลั่ง จะเป็นคนที่ดูดี สวย น่ารัก ซึ่ง ณ
ปัจจุบันนี้การมีสีผิวที่ขาวกระจ่างใสก็เป็น
กระแสอย่างหนึ่งที่มีความนิยมมากที่สุดใน
กลุ่มวัยรุ่นของไทย ซึ่งสาเหตุนี้ก็ทาให้มีสื่อ
โฆษณาชวนเชื่อมากมาย และทาให้วัยรุ่นใน
ปัจจุบันนี้ต่างขวนขวายหาเครื่องมาประทินผิว
ให้ขาวกระจ่างใส

5. วิธีการฉีดผิวขาว
มี 2 วิธีด้วยกัน คือ เข้าทางหลอดเลือดดา และเข้าทางกล้ามเนื้อ
สะโพกโดยทั้ง 2 วิธี จัดเป็นวิธีที่ได้ผลเช่นกัน แต่ค่อนข้างอันตราย
การฉีดควรให้แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ

6. ประโยชน์ของการฉีดผิวขาว
- ทาให้ผิวขาวขึ้นจริง
- เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
ชั้นเลิศ ช่วยรักษาตับ ต้านพิษจากยาแก้ปวดพาราเซตามอลหรือผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็น
ประจา
- ช่วยบาบัดรักษาผู้ป่วยเอดส์และผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย
ข้อเสียและข้อคิดของการฉีดผิวขาว
- กลูต้าแบบฉีดมีขายเกลื่อนอยู่ตามอินเตอร์เน็ตอาจเป็นสินค้าปลอม ซึ่งมีฤทธิ์
ในการห้ามเลือดและเป็นยาที่ค่อนข้างอันตราย ผู้ใช้อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวด
ท้อง เป็นต้น
- ต้องใช้เวลาในกว่าจะเห็นผล
- ผลข้างเคียงของกลูต้าไธโอน ตามทฤษฎีแล้วกลูต้าไธโอนจะไปยับยั้งการ
สร้างเม็ดสีจะทาให้ผิวหนังได้รับแสงแดดเพิ่มมากขึ้น ทาให้เสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนัง

7. ในหมู่คนรักสวยรักงาม เป็นที่ทราบกันแบบอวดอ้างกล่าวขานต่อๆ
กันมาว่า "กลูต้าไธโอน" เป็นสารที่ทาให้ผิวขาวผ่องและเป็นที่นิยมกัน
มาก แม้สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยจะออกมาเตือนผู้บริโภค ว่า
ไม่ควรหลงเชื่อโฆษณาที่อ้างว่าสามารถช่วยให้ผิวขาวขึ้น เพราะไม่มี
ผลิตภัณฑ์ใดที่จะทาให้ผิวขาวขึ้นได้อย่างถาวร ผลิตภัณฑ์หรือยาอาจช่วยให้
ผิวขาวได้ชั่วคราว แต่เมื่อหมดฤทธิ์ร่างกายก็ผลิตเม็ดสีตามปกติ

8. ข้อเสียของโลชั่น จริงๆโลชั่นนั้นมีข้อเสียที่เราๆนั้นมักจะมองข้ามข้อเสีย
ของมันไปซึ่งวันนี้เราจะบอกให้ท่านทราบถึงข้อเสียนั่นก็คือ
- กลิ่นฉุน
การที่โลชั่นที่เราเลือกใช้นั้นมีกลิ่นฉุนอาจจะไม่เป็นผลดีต่อคุณเลยเนื่องจากอาจจะ
บ่งบอกว่าโลชั่นนั้นผสมน้าหอมเพื่อแต่งกลิ่นมากเกินไป และเมื่อเราใช้นั้นอาจจะ
เกิดอาการ ผื่นคัน ได้นั่นเอง
- อาการแพ้
โปรดทราบกันด้วยว่าโลชั่นที่มีสารกันแดดนั้นเป็นโลชั่นที่มีสารเคมีผสมอยู่ด้วย
นั่นเอง เวลาที่เราใช้อาจจะทาให้เกิดอาการคัน หรือ เป็นผื่น ได้แต่ถ้าเขาไม่ใส่สาร
กันแดดเยอะก็ไม่เป็นไร

9. ควรทานแต่ละสูตรติดต่อกันให้ครบ
วันละ 1 เม็ด ติดต่อกัน 10 – 20 วัน ขึ้นไป
การทานเพียง 1 – 3 เม็ดต่อสัปดาห์
ไม่เพียงพอที่จะทาให้ผิวขาวขึ้น ถ้าอยากให้ได้ผลเร็วก็สามารถกิน
วิตามินซีด้วยได้หลังจากกินยาแล้วควรทาครีมบารุงผิว หลบเลี่ยง
แสงแดดเพื่อให้ผลเร็วขึ้น

10. ถ้ากินไปนานๆ โดยไม่พักซัก 6 เดือนจะมีผล
ต่อตับ และสิ่งที่ควรระวังก็คือ เราอาจจะเป็นมะเร็งได้
เมื่อไรที่เราหยุดกิน จะสังเกตได้ว่า เรามักจะดา
กว่าเดิม นั่นเป็นเพราะ เม็ดสีถูกกดการทางานไว้
ขณะที่เรากินพวกกลูตา พอเราหยุดกิน
ผิวจะไวต่อแดด ที่เป็น กระ จะเป็นมากกว่าเดิม

11. สูตรที่ 1
วัตถุดิบที่ใช้
- มะขามเปียก1 กา
- น้าอุ่นครึ่งถ้วย
- น้าผึ่ง 2 ช้อนโต๊ะ
- ผงขมิ้น1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทา
นามะขามเปียกมาแช่ในน้าอุ่น จากนั้นผสมน้าผึ้งและผงขมิ้นลงไป คนให้เป็นเนื้อ
เดียวกัน เสร็จแล้วให้นามาขัดให้ทั่วตัว พอกทิ้งไว้ประมาณ30 นาที แล้วค่อยล้าง
ออก หากทาแบบนี้ประมาณ2 ครั้งต่อสัปดาห์ ผิวของคุณจะได้รับการผลัดเซลล์ผิว
ใหม่ทาให้ขาวใสและสวยผ่องเป็นยองใย

12. สูตรที่ 2
วัตถุดิบที่ใช้
- โยเกิร์ต รสธรรมชาติ 2 ถ้วย
- น้ามะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้าผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทา
นาน้ามะนาว น้าผึ้ง และเกลือมาผสมกับโยเกิร์ต เสร็จแล้วให้นามาขัดตัว
และพอกทิ้งไว้ประมาณ 25-30 นาที ล้างออกให้สะอาด จากนั้นอาบน้าขัด
ตัวด้วยใยบวบอีกครั้ง สูตรนี้สามารถทาได้อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ผิวของคุณจะ
ขาวใสแบบเป็นธรรมชาติ ที่สาคัญความหมองคล้าและรอยกระฝ้าตาม
ผิวหนังจะจางลงได้ด้วย

13. สูตรที่3
วัตถุดิบ
- ดินสอพอง 10-12 เม็ด
- น้ามะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้าผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
- นมสด ครึ่งถ้วย
วิธีทา
นาดินสอพองลงไปละลายในนมสด จากนั้นเติมน้ามะนาวและน้าผึ้งลงไป
คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อเสร็จแล้วให้นามาขัดตัวเป็นวงกลมให้ทั่ว ๆ
จากนั้นพอกทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ล้างออกให้สะอาด สูตรนี้จะช่วยทาให้
ผิวขาวเนียนนุ่มเป็นธรรมชาติ และช่วยให้รอยดาต่าง ๆ ตามผิวหนังจางลง
ได้