SlideShare a Scribd company logo
1 of 4
Download to read offline
1 

 




          การก่อความไม่สงบ – ยุทธศาสตร์การก่อความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ Version 2.0
                                                                                      พันเอก ดร.ธีรนันท์ นันทขว้าง
                                                                                       รองผูอานวยการกองการเมือง
                                                                                            ้ํ
                                                                                      วิทยาลัยป้ องกันราชอาณาจักร
                                                             สถาบันวิชาการป้ องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย

        สถานการณ์ต้ งแต่เกิ ดเหตุปล้นปื น เมื่อ 4 ม.ค.47 ถึงปลายปี 53 ที่ผ่านมา ได้มีพฒนาการทั้ง 2 ฝ่ าย
                        ั                                                               ั
โดยกลุ่มก่อความไม่สงบเป็ นผูเ้ ริ่ มใช้ยทธศาสตร์ เริ่ มแรก (Version 1.0) ที่มุ่งเน้นการรบโดย ใช้สงคราม
                                        ุ
กองโจร ที่ปฏิบติการนําโดย RKK แต่ละชุดอย่างอิสระเป็ นหลัก (Independence) และฝ่ าย รัฐบาล ได้เข้า
               ั
เผชิญ สถานการณ์ โดยใช้เวลาเรี ยนรู ้ประมาณ 4 ปี จากนั้นเริ่ มนําความรู ้มาใช้ ปรับแนวทางปฏิบติการ ทําให้
                                                                                            ั
สถิติของการเกิดเหตุเริ่ มลดลงใน ห้วงปี 52-53

                       ่
        สถานการณ์อยูในภาวะชะงักงันทั้งสองฝ่ าย ในปลายปี 53 เนื่องจาก ฝ่ ายรัฐฯ ไม่มีนโยบายด้านอื่นๆ
ที่ชดเจนนอกจากการใช่มาตรการทางทหาร ทําให้ฝ่ายทหารไม่สามารถดําเนินการอะไรได้มากนัก นอกจาก
     ั
ความพยายามควบคุมสถานการณ์ ในขณะที่ฝ่ายกลุ่มก่อความไม่สงบ ถูกกดดันอย่างหนัก และขาดมวลชน
เป็ นแนวร่ วม ทําให้การปฏิบติการเป็ นไปด้วยความลําบาก
                           ั

       แต่ในขณะที่แต่ละฝ่ ายอยู่ในภาวะชะงักงัน ฝ่ ายทหารที่มีองค์กรขนาดใหญ่ก็จะมีการปรับตัวที่ชา  ้
ขณะที่กลุ่มก่ อความไม่สงบสามารถปรั บยุทธศาสตร์ ได้ง่ายกว่า จึงนําไปสู่ การ เริ่ มการปฏิบติการใหม่ ที่
                                                                                        ั
แสดงให้เห็นถึงความประสานสอดคล้องในการปฏิบติการ ไม่ว่าจะเป็ น อาเยาะห์ (AJAK), RKK และ
                                                  ั
เปอมูดอ (Pemuda) เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ งของ อาเยาะห์ เพราะ อาเยาะห์เป็ นรากฐานที่สาคัญ
                                                                                               ํ
ของขบวนการ โดยพื้นที่ไหนที่อาเยาะห์ทางานได้ดี มวลชนในพื้นที่น้ นก็จะเข้มแข็ง และ จะเกิด เหตุการณ์
                                        ํ                        ั
การก่อความไม่สงบบ่อยครั้ง เนื่องจากทั้งขบวนการจะเข้าก่อเหตุในพื้นที่มีความปลอดภัย สู งเท่านั้น

          นอกจากนี้ ยัง จะพบว่ า มี ก ารปฏิ บ ัติ ง านในช่ ว งตั้ง แต่ ต ้น เดื อ น ม.ค.54 ที่ ผ่ า นมา จะมี ล ัก ษณะ
สลับซับซ้อนมากขึ้น มีทกษะในการปฏิบติการทางทหารที่สูงขึ้น มีความต่อเนื่อง และครอบคลุม หลายพื้นที่
                         ั               ั
นั้นเป็ นการแสดงถึง ความมีศกยภาพของอาเยาะห์ ในการประสานสอดคล้อง การปฏิบติการร่ วมกัน ฝ่ ายเรา
                            ั                                                                    ั
อาจจะมีโอกาสเจอ การเคลื่อนไหวในมิติของ การปฏิบติการที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ทั้งการปฏิบติการ
                                                         ั                                                        ั
2 

 

ทางทหาร การดําเนิ นการทางการเมืองในประเทศ และการดําเนิ นการในเวทีนานาชาติ และการดําเนิ น การ
ในด้านอื่นๆ ไปพร้อมกัน ซึ่ งจะเป็ น ยุทธศาสตร์ ใหม่ หรื อ ยุทธศาสตร์ Version 2.0 ที่เน้นการปฏิบติใน
                                                                                               ั
ลักษณะของการประสานสอดคล้อง (Synchronization) มากกว่าการปฏิบติการอิสระของ RKK ใน
                                                                          ั
ยุทธศาสตร์ Version 1.0

         ดังนั้นหากจะวิเคราะห์ถึงการเปลี่ยนแปลงทางยุทธศาสตร์ ของกลุ่มก่อความไม่สงบ แล้วจะพบว่า
การเปลี่ยนแปลงนี้ สามารถใช้ S-Curve มาอธิ บายได้ดงภาพที่ 1 โดยกลุ่มก่อความไม่สงบเป็ นฝ่ ายริ เริ่ ม โดย
                                                 ั
ทํา การปล้น ปื น จากกองพัน พัฒ นาที่ 4 อ.เจาะไอร้ อ ง จ.นราธิ ว าส เมื่ อ วัน ที่ 4 ม.ค.2547 ที่ ผ่ า นมา
เปรี ยบเสมือนการใช้ยทธศาสตร์ Version 1.0 โดยในขณะนั้นสามารถกล่าวได้ว่า หน่วยงานความมันคง
                     ุ                                                                                ่
โดยเฉพาะอย่างยิง กองทัพบก ได้เผชิญกับภัยคุกคาม ครั้งใหม่ และได้จดกําลังเข้าปฏิบติการในพื้นที่จงหวัด
                 ่                                                ั                 ั               ั
                            ั                       ็ ้
ชายแดนภาคใต้ ในลักษณะที่ยงไม่เข้าใจฝ่ ายตรงข้าม แต่กตองเข้าปฏิบติการเพราะเป็ นหน้าที่
                                                                ั


                    ระยะเรี ยนรู้            ระยะใช้ ความรู้


                                                                          ron มไม 2.0
                    ของกองทัพ                 ของกองทัพ


                                                                                tion บ
                                                                       nch วา V
                                                                             iza ่ สง
                                                                     Sy ก่อค สตร์
                                                                         ร า
                                                                       กา ุทธศ
                                                                           ย


                               การปรั บแนวทางใช้ กาลัง
                                                  ํ
                                      กองทัพบก
                                      10/50-9/53      5

                การปรับแนวทางใช้ กาลัง
                                  ํ                                      เข้ าตี ร้ อย ร. 15121
                      กองทัพบก                          4
                                                                                 19/01/54
                      10/48-9/50                 3
                              en ไม .0
                            ep าม 1
                                   nce บ
                         Ind ่ อคว ตร์ V
                                 de ่ สง
                             รก าส
                           กา ุทธศ
                               ย




               1                                     การปรับแนวทางใช้ กาลัง
                                                                       ํ
                                            2              กองทัพบก
                                                           10/47-9/48
             ปล้ นปื น
             4/01/47
                                                     เวลา
                   ภาพที่ 1 การวิเคราะห์ยทธศาสตร์การก่อความไม่สงบโดยใช้ S-Curve
                                         ุ

        ในภาพที่ 1 ได้แบ่งสถานการณ์ออกเป็ น 5 จุดสําคัญ โดยเริ่ มตั้งแต่เหตุการณ์ปล้นปื นที่กองพัน
พัฒนาที่ 4 เมื่อวันที่ 4 ม.ค.54 แล้วสถานการณ์ได้พฒนาขึ้นเรื่ อยๆ จนมาถึงเหตุการณ์การใช้ RKK เข้าตีฐาน
                                                 ั
3 

 

     ั             ํ                                                                   ํ
ปฏิบติการพระองค์ดา ของ ร้อย ร.15121 ของ ฉก.นราธิ วาสที่ 38 ส่ วนการปรับแนวทางการใช้กาลังของ
กองทัพบก ในจุดที่ 2 – 4 นั้น แต่ะละจุดจะเป็ นรอยต่อของการเปลี่ยนแปลงนโยบาย ที่เกิดจากการเปลี่ยน
ตําแหน่ ง ผบ.ทบ. และการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ ผบ.ทบ. จะมีผลต่อจํานวนครั้งของเหตุการณ์การก่อ
ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย

          ดังนั้นหากพิจารณาแล้ว จะพบว่า จุดที่ 1 – 4 นั้นจะเป็ นช่วงของยุทธศาสตร์ฯ Version 1.0 ที่การ
ปฏิบติของ RKK จะมีลกษณะที่เป็ นอิสระ และ จุดที่ 5 จะสะท้อนให้เห็นถึง การปฏิบติการที่มีความ
      ั                     ั                                                          ั
สลับซับซ้อนมากขึ้น ที่สําคัญจะต้องมีการวางแผนที่รัดกุม เพราะการแทรกซึ ม เข้าและออกจากเป้ าหมาย
จากหลายทิศทาง และที่สาคัญ เข้าปฏิบติการภายในระยะเวลาจํากัด นอกจากนี้ ยงปฏิบติการยังสําเร็ จ ทําให้
                          ํ           ั                                     ั     ั
ฝ่ ายกลุ่มก่อความไม่สงบมีความสามารถทางทหารในระดับที่สูงขึ้น จึงมีความเป็ นไปได้ว่า ฝ่ ายเราจะเผชิญ
กับยุทธศาสตร์ฯ Version 2.0 ที่กลุ่มก่อความไม่สงบจะปฏิบติการในลักษณะที่มีการประสานสอดคล้องกับ
                                                          ั
กลุ่มย่อยต่างๆ ได้ดีข้ ึน

          สําหรับแนวทางในการเผชิญนั้น ในยุทธศาสตร์ ฯ Version 1.0 ช่วง จุดที่ 1 – 2 จะเป็ นการเผชิญ
ปั ญหาแต่ฝ่ายก่อความไม่สงบ ยังไม่แข็งแกร่ งเต็มที่ ทําให้ความรุ นแรงมีอตราเพิ่มขึ้นในระดับที่ไม่สูงมาก
                                                                              ั
                                                                         ั
จุดที่ 2 – 3 นั้นฝ่ ายก่อความไม่สงบแข็งแกร่ งขึ้นแต่ฝ่ายเรายังเรี ยนรู ้กบสถานการณ์ ทําให้ความรุ นแรงมีอตรา
                                                                                                          ั
เพิ่มขึ้นในระดับที่สูงขี้นมาก จุดที่ 3 – 4 ภายหลังจากการเรี ยนรู ้ กองทัพก็นาสิ่ งที่เรี ยนรู ้มาปรับปรุ งการ
                                                                                 ํ
ทํางาน ทําให้ความรุ นแรงมีอตราที่ลดลง แนวทางที่เหมาะสมในการเผชิญยุทธศาสตร์ ฯ Version 1.0 คือ
                               ั
ความสามารถในการดําเนินกลยุทธ์ (Maneuver) ของฝ่ ายเราเมื่อต้องเผชิญกับการเคลื่อนไหวอิสระจาก RKK

        ส่ วนแนวทางเผชิญยุทธศาสตร์ฯ Version 2.0 นั้นหัวใจหลักคือ อาเยาะห์ ที่จะเป็ นผูประสานกับกลุ่ม
                                                                                      ้
ย่อยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็ นการให้ที่พกพิง RKK สอดส่ องดูชาวบ้าน การส่ งกําลังบํารุ ง และอื่นๆ อีกหลาย
                                 ั
ประการ ดังนั้นแนวทางในการเผชิ ญ ยุทธศาสตร์ ฯ Version 2.0 ที่เหมาะสมคือ การปฏิบติที่เข้ากดดัน
                                                                                        ั
ต่ออาเยาะห์ เพื่อลดขีดความสามารถในการทํางานที่ประสานสอดคล้องของฝ่ ายก่อความไม่สงบ

         หากกล่าวโดยสรุ ปแล้ว จะสามารถกล่าวได้ว่า ปั จจุบนมีแนวโน้มที่จะก้าวเข้าสู่ ยุทธศาสตร์ การก่อ
                                                         ั
ความไม่สงบของกลุ่มก่อความไม่สงบ Version 2.0 ที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนรู ปแบบการดําเนิ นการ โดยจะมี
การประสานสอดคล้องการปฏิบติท้ ง ส่ วนของ อาเยาะห์ระดับอาเยาะห์ ด้วยกันเอง ระหว่าง อาเยาะห์กบ
                                 ั ั                                                               ั
                              ั
RKK และ ระหว่างอาเยาะห์กบ เปอมูดอ นอกจากนี้ยงมีการปฏิบติท่ีมีความเชื่อมโยงกับ สภาองค์กรนําที่มี
                                                 ั           ั
การดําเนิ นการต่อสู ้ในเวทีการเมืองระดับประเทศ และ นานาชาติ ซึ่ งจะมีความแตกต่างกันกับ ยุทธศาสตร์
การก่อความไม่สงบของกลุ่มก่อความไม่สงบ Version 1.0 ที่ส่วนต่างๆ ปฏิบติการแยกกัน เป็ นส่ วนๆ โดย
                                                                        ั
แต่ละส่ วนจะปฏิบติการไปตามโอกาสที่เหมาะสม
                 ั
4 

 

          วันนี้ หากรั ฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่ วยงานความมันคง และกองทัพ ไม่มีการปรั บตัวหรื อมี การ
                                                                ่
ปรับตัวในสัดส่ วนที่ชาแล้ว ย่อมมีความเสี่ ยงที่จะเผชิญกับการปฏิบติการในรู ปแบบใหม่ๆ และที่สาคัญ หาก
                         ้                                             ั                            ํ
ใช้ระยะเวลาในการเรี ยนรู ้เท่าเดิม คือ 4 ปี แล้ว เราย่อมจะเป็ นผูเ้ ดินตามยุทธศาสตร์ที่ฝ่ายตรงข้ามกําหนดไว้
และในยุทธศาสตร์ ฯ Version 2.0 นี้ เราจะต้องเผชิญกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเทศและระหว่าง
ประเทศ ในลักษณะที่ควบคู่ไปกับการปฏิบติการของกองโจรที่มีความเข้มแข็งมากขึ้น คําถามสําหรับผูที่
                                                  ั                                                        ้
ส่ วนเกี่ยวข้องวันนี้ คือ เราจะเดินตามยุทธศาสตร์ ของฝ่ ายตรงข้ามหรื อเราจะกําหนดยุทธศาสตร์ ให้ฝ่ายตรง
ข้ามเดินตามเรา เรื่ องนี้คงเป็ นเรื่ องที่ท่านต้องตกลงใจเอง แต่ที่แน่หากดําเนินการไม่ดีเรามีโอกาสที่จะสูญเสี ย
ปลายด้ามของขวานทองไปแน่นอน ............เอวัง ครับ

หมายเหตุ
* RKK หมายถึง หน่วยรบขนาดเล็กที่เรี ยกว่า Runda Kumpulan Kecil เป็ นหน่วยรบ ขนาดเล็ก โดยหนึ่ ง
หน่วยจะมีอยูราว 6 คน ประจําอยูในหมู่บาน
            ่                 ่      ้

* อาเยาะห์ (AJAK) มาจากชื่อเต็ม "Ali Javason Kampong" เป็ นองค์กรล่างสุ ดของขบวนการ "BRN-
Coordinate" ที่ได้จดตั้งเอาไว้ในหมู่บาน ในรู ปแบบคณะกรรมการหมู่บาน เป็ นองค์กรลับที่ ขบวนการจัดตั้ง
                    ั                ้                          ้
เพื่อเป็ นฐานที่มน ตลอดจนให้การสนับสนุ น RKK ใช้หมู่บานที่อาเยาะห์อาศัยอยู่ เป็ นที่หลบซ่ อน และ
                 ั่                                      ้
                      ่
คัดเลือกเยาวชนที่อยูในเขตรับผิดชอบเพื่อฝึ กเป็ น RKK

* เปอมูดอ (Pemuda) กลุ่มเยาวชนแนวร่ วม ที่เป็ นหน่ วยปฏิบติการระดับเซลล์ ที่กระจายอยูตามหมู่บาน
                                                                      ั                              ่      ้
ต่ า งๆ การจะเป็ นนัก รบเปอมู ด อ ได้ต ้อ งผ่า นการคัด เลื อ กจาก คณะกรรมการอุ ล ามา (Ulama)                ซึ่ ง
คณะกรรมการแต่ละคนจะเป็ นพวกที่มีความรู ้ เช่น เป็ นอุซตาส สําหรับเด็กวัยรุ่ นมุสลิมที่จะผ่านการคัดเลือก
เป็ น “เปอมูดอ” ได้น้ ัน จะต้องเป็ นเด็กเรี ยนดี หรื อที่เรี ยกว่าเป็ นเด็กหัวกระทิ โดยคัดเลือกจากโรงเรี ยน
ปอเนาะ โรงเรี ยนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม รวมทั้งเด็กจากโรงเรี ยนสามัญของรัฐเองก็อาจจะถูกคัดเลือกไป
เป็ น “เปอมูดอ” ได้เช่นกัน ส่ วนเด็กวัยรุ่ นที่ไม่เรี ยนหนังสื อ หรื อกลุ่มวัยรุ่ นกวนเมืองทัวไป “อุลามา” จะไม่
                                                                                             ่
คัดมาทํางาน เนื่ องจากไม่มีประสิ ทธิ ภาพเพียงพอ และไม่ มีความสามารถหากจะขึ้นไปนั่งในระดับการ
บริ หารขบวนการต่อไปในอนาคต

More Related Content

More from Teeranan

Apcss student handbook_sp2011
Apcss student handbook_sp2011Apcss student handbook_sp2011
Apcss student handbook_sp2011
Teeranan
 
Asc course schedulemay2012
Asc course schedulemay2012Asc course schedulemay2012
Asc course schedulemay2012
Teeranan
 
Asc12 1 course_flow_march_28_2012
Asc12 1 course_flow_march_28_2012Asc12 1 course_flow_march_28_2012
Asc12 1 course_flow_march_28_2012
Teeranan
 
Asc course description.april_3_2012
Asc course description.april_3_2012Asc course description.april_3_2012
Asc course description.april_3_2012
Teeranan
 

More from Teeranan (20)

Csrt singapore workshop draft agenda 30jul12 1_
Csrt singapore workshop draft agenda 30jul12  1_Csrt singapore workshop draft agenda 30jul12  1_
Csrt singapore workshop draft agenda 30jul12 1_
 
Ambush southern th
Ambush southern thAmbush southern th
Ambush southern th
 
Nandhakwang thailand 07132012
Nandhakwang thailand 07132012Nandhakwang thailand 07132012
Nandhakwang thailand 07132012
 
Political warfare 55
Political warfare 55Political warfare 55
Political warfare 55
 
National power in_politics
National power in_politicsNational power in_politics
National power in_politics
 
Terrorism threat at the airport
Terrorism threat at the airportTerrorism threat at the airport
Terrorism threat at the airport
 
New media and national security contents
New media and national security contentsNew media and national security contents
New media and national security contents
 
Atfl
AtflAtfl
Atfl
 
Apcss student handbook_sp2011
Apcss student handbook_sp2011Apcss student handbook_sp2011
Apcss student handbook_sp2011
 
Asc course schedulemay2012
Asc course schedulemay2012Asc course schedulemay2012
Asc course schedulemay2012
 
Asc12 1 course_flow_march_28_2012
Asc12 1 course_flow_march_28_2012Asc12 1 course_flow_march_28_2012
Asc12 1 course_flow_march_28_2012
 
Asc course description.april_3_2012
Asc course description.april_3_2012Asc course description.april_3_2012
Asc course description.april_3_2012
 
Global issues 220355
Global issues 220355Global issues 220355
Global issues 220355
 
Terrorist Risk in Thailand
Terrorist Risk in ThailandTerrorist Risk in Thailand
Terrorist Risk in Thailand
 
Military PR using social network
Military PR using social networkMilitary PR using social network
Military PR using social network
 
Bomb in thailand
Bomb in thailandBomb in thailand
Bomb in thailand
 
Thailand and asean
Thailand and aseanThailand and asean
Thailand and asean
 
Military power
Military powerMilitary power
Military power
 
ภาคใต้กับประชาคมอาเซียน
ภาคใต้กับประชาคมอาเซียนภาคใต้กับประชาคมอาเซียน
ภาคใต้กับประชาคมอาเซียน
 
South thailand conflict
South thailand conflictSouth thailand conflict
South thailand conflict
 

ยุทธศาสตร์ V2

  • 1. 1    การก่อความไม่สงบ – ยุทธศาสตร์การก่อความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ Version 2.0 พันเอก ดร.ธีรนันท์ นันทขว้าง รองผูอานวยการกองการเมือง ้ํ วิทยาลัยป้ องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้ องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย สถานการณ์ต้ งแต่เกิ ดเหตุปล้นปื น เมื่อ 4 ม.ค.47 ถึงปลายปี 53 ที่ผ่านมา ได้มีพฒนาการทั้ง 2 ฝ่ าย ั ั โดยกลุ่มก่อความไม่สงบเป็ นผูเ้ ริ่ มใช้ยทธศาสตร์ เริ่ มแรก (Version 1.0) ที่มุ่งเน้นการรบโดย ใช้สงคราม ุ กองโจร ที่ปฏิบติการนําโดย RKK แต่ละชุดอย่างอิสระเป็ นหลัก (Independence) และฝ่ าย รัฐบาล ได้เข้า ั เผชิญ สถานการณ์ โดยใช้เวลาเรี ยนรู ้ประมาณ 4 ปี จากนั้นเริ่ มนําความรู ้มาใช้ ปรับแนวทางปฏิบติการ ทําให้ ั สถิติของการเกิดเหตุเริ่ มลดลงใน ห้วงปี 52-53 ่ สถานการณ์อยูในภาวะชะงักงันทั้งสองฝ่ าย ในปลายปี 53 เนื่องจาก ฝ่ ายรัฐฯ ไม่มีนโยบายด้านอื่นๆ ที่ชดเจนนอกจากการใช่มาตรการทางทหาร ทําให้ฝ่ายทหารไม่สามารถดําเนินการอะไรได้มากนัก นอกจาก ั ความพยายามควบคุมสถานการณ์ ในขณะที่ฝ่ายกลุ่มก่อความไม่สงบ ถูกกดดันอย่างหนัก และขาดมวลชน เป็ นแนวร่ วม ทําให้การปฏิบติการเป็ นไปด้วยความลําบาก ั แต่ในขณะที่แต่ละฝ่ ายอยู่ในภาวะชะงักงัน ฝ่ ายทหารที่มีองค์กรขนาดใหญ่ก็จะมีการปรับตัวที่ชา ้ ขณะที่กลุ่มก่ อความไม่สงบสามารถปรั บยุทธศาสตร์ ได้ง่ายกว่า จึงนําไปสู่ การ เริ่ มการปฏิบติการใหม่ ที่ ั แสดงให้เห็นถึงความประสานสอดคล้องในการปฏิบติการ ไม่ว่าจะเป็ น อาเยาะห์ (AJAK), RKK และ ั เปอมูดอ (Pemuda) เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ งของ อาเยาะห์ เพราะ อาเยาะห์เป็ นรากฐานที่สาคัญ ํ ของขบวนการ โดยพื้นที่ไหนที่อาเยาะห์ทางานได้ดี มวลชนในพื้นที่น้ นก็จะเข้มแข็ง และ จะเกิด เหตุการณ์ ํ ั การก่อความไม่สงบบ่อยครั้ง เนื่องจากทั้งขบวนการจะเข้าก่อเหตุในพื้นที่มีความปลอดภัย สู งเท่านั้น นอกจากนี้ ยัง จะพบว่ า มี ก ารปฏิ บ ัติ ง านในช่ ว งตั้ง แต่ ต ้น เดื อ น ม.ค.54 ที่ ผ่ า นมา จะมี ล ัก ษณะ สลับซับซ้อนมากขึ้น มีทกษะในการปฏิบติการทางทหารที่สูงขึ้น มีความต่อเนื่อง และครอบคลุม หลายพื้นที่ ั ั นั้นเป็ นการแสดงถึง ความมีศกยภาพของอาเยาะห์ ในการประสานสอดคล้อง การปฏิบติการร่ วมกัน ฝ่ ายเรา ั ั อาจจะมีโอกาสเจอ การเคลื่อนไหวในมิติของ การปฏิบติการที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น ทั้งการปฏิบติการ ั ั
  • 2. 2    ทางทหาร การดําเนิ นการทางการเมืองในประเทศ และการดําเนิ นการในเวทีนานาชาติ และการดําเนิ น การ ในด้านอื่นๆ ไปพร้อมกัน ซึ่ งจะเป็ น ยุทธศาสตร์ ใหม่ หรื อ ยุทธศาสตร์ Version 2.0 ที่เน้นการปฏิบติใน ั ลักษณะของการประสานสอดคล้อง (Synchronization) มากกว่าการปฏิบติการอิสระของ RKK ใน ั ยุทธศาสตร์ Version 1.0 ดังนั้นหากจะวิเคราะห์ถึงการเปลี่ยนแปลงทางยุทธศาสตร์ ของกลุ่มก่อความไม่สงบ แล้วจะพบว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ สามารถใช้ S-Curve มาอธิ บายได้ดงภาพที่ 1 โดยกลุ่มก่อความไม่สงบเป็ นฝ่ ายริ เริ่ ม โดย ั ทํา การปล้น ปื น จากกองพัน พัฒ นาที่ 4 อ.เจาะไอร้ อ ง จ.นราธิ ว าส เมื่ อ วัน ที่ 4 ม.ค.2547 ที่ ผ่ า นมา เปรี ยบเสมือนการใช้ยทธศาสตร์ Version 1.0 โดยในขณะนั้นสามารถกล่าวได้ว่า หน่วยงานความมันคง ุ ่ โดยเฉพาะอย่างยิง กองทัพบก ได้เผชิญกับภัยคุกคาม ครั้งใหม่ และได้จดกําลังเข้าปฏิบติการในพื้นที่จงหวัด ่ ั ั ั ั ็ ้ ชายแดนภาคใต้ ในลักษณะที่ยงไม่เข้าใจฝ่ ายตรงข้าม แต่กตองเข้าปฏิบติการเพราะเป็ นหน้าที่ ั ระยะเรี ยนรู้ ระยะใช้ ความรู้ ron มไม 2.0 ของกองทัพ ของกองทัพ tion บ nch วา V iza ่ สง Sy ก่อค สตร์ ร า กา ุทธศ ย การปรั บแนวทางใช้ กาลัง ํ กองทัพบก 10/50-9/53 5 การปรับแนวทางใช้ กาลัง ํ เข้ าตี ร้ อย ร. 15121 กองทัพบก 4 19/01/54 10/48-9/50 3 en ไม .0 ep าม 1 nce บ Ind ่ อคว ตร์ V de ่ สง รก าส กา ุทธศ ย 1 การปรับแนวทางใช้ กาลัง ํ 2 กองทัพบก 10/47-9/48 ปล้ นปื น 4/01/47 เวลา ภาพที่ 1 การวิเคราะห์ยทธศาสตร์การก่อความไม่สงบโดยใช้ S-Curve ุ ในภาพที่ 1 ได้แบ่งสถานการณ์ออกเป็ น 5 จุดสําคัญ โดยเริ่ มตั้งแต่เหตุการณ์ปล้นปื นที่กองพัน พัฒนาที่ 4 เมื่อวันที่ 4 ม.ค.54 แล้วสถานการณ์ได้พฒนาขึ้นเรื่ อยๆ จนมาถึงเหตุการณ์การใช้ RKK เข้าตีฐาน ั
  • 3. 3    ั ํ ํ ปฏิบติการพระองค์ดา ของ ร้อย ร.15121 ของ ฉก.นราธิ วาสที่ 38 ส่ วนการปรับแนวทางการใช้กาลังของ กองทัพบก ในจุดที่ 2 – 4 นั้น แต่ะละจุดจะเป็ นรอยต่อของการเปลี่ยนแปลงนโยบาย ที่เกิดจากการเปลี่ยน ตําแหน่ ง ผบ.ทบ. และการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ ผบ.ทบ. จะมีผลต่อจํานวนครั้งของเหตุการณ์การก่อ ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย ดังนั้นหากพิจารณาแล้ว จะพบว่า จุดที่ 1 – 4 นั้นจะเป็ นช่วงของยุทธศาสตร์ฯ Version 1.0 ที่การ ปฏิบติของ RKK จะมีลกษณะที่เป็ นอิสระ และ จุดที่ 5 จะสะท้อนให้เห็นถึง การปฏิบติการที่มีความ ั ั ั สลับซับซ้อนมากขึ้น ที่สําคัญจะต้องมีการวางแผนที่รัดกุม เพราะการแทรกซึ ม เข้าและออกจากเป้ าหมาย จากหลายทิศทาง และที่สาคัญ เข้าปฏิบติการภายในระยะเวลาจํากัด นอกจากนี้ ยงปฏิบติการยังสําเร็ จ ทําให้ ํ ั ั ั ฝ่ ายกลุ่มก่อความไม่สงบมีความสามารถทางทหารในระดับที่สูงขึ้น จึงมีความเป็ นไปได้ว่า ฝ่ ายเราจะเผชิญ กับยุทธศาสตร์ฯ Version 2.0 ที่กลุ่มก่อความไม่สงบจะปฏิบติการในลักษณะที่มีการประสานสอดคล้องกับ ั กลุ่มย่อยต่างๆ ได้ดีข้ ึน สําหรับแนวทางในการเผชิญนั้น ในยุทธศาสตร์ ฯ Version 1.0 ช่วง จุดที่ 1 – 2 จะเป็ นการเผชิญ ปั ญหาแต่ฝ่ายก่อความไม่สงบ ยังไม่แข็งแกร่ งเต็มที่ ทําให้ความรุ นแรงมีอตราเพิ่มขึ้นในระดับที่ไม่สูงมาก ั ั จุดที่ 2 – 3 นั้นฝ่ ายก่อความไม่สงบแข็งแกร่ งขึ้นแต่ฝ่ายเรายังเรี ยนรู ้กบสถานการณ์ ทําให้ความรุ นแรงมีอตรา ั เพิ่มขึ้นในระดับที่สูงขี้นมาก จุดที่ 3 – 4 ภายหลังจากการเรี ยนรู ้ กองทัพก็นาสิ่ งที่เรี ยนรู ้มาปรับปรุ งการ ํ ทํางาน ทําให้ความรุ นแรงมีอตราที่ลดลง แนวทางที่เหมาะสมในการเผชิญยุทธศาสตร์ ฯ Version 1.0 คือ ั ความสามารถในการดําเนินกลยุทธ์ (Maneuver) ของฝ่ ายเราเมื่อต้องเผชิญกับการเคลื่อนไหวอิสระจาก RKK ส่ วนแนวทางเผชิญยุทธศาสตร์ฯ Version 2.0 นั้นหัวใจหลักคือ อาเยาะห์ ที่จะเป็ นผูประสานกับกลุ่ม ้ ย่อยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็ นการให้ที่พกพิง RKK สอดส่ องดูชาวบ้าน การส่ งกําลังบํารุ ง และอื่นๆ อีกหลาย ั ประการ ดังนั้นแนวทางในการเผชิ ญ ยุทธศาสตร์ ฯ Version 2.0 ที่เหมาะสมคือ การปฏิบติที่เข้ากดดัน ั ต่ออาเยาะห์ เพื่อลดขีดความสามารถในการทํางานที่ประสานสอดคล้องของฝ่ ายก่อความไม่สงบ หากกล่าวโดยสรุ ปแล้ว จะสามารถกล่าวได้ว่า ปั จจุบนมีแนวโน้มที่จะก้าวเข้าสู่ ยุทธศาสตร์ การก่อ ั ความไม่สงบของกลุ่มก่อความไม่สงบ Version 2.0 ที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนรู ปแบบการดําเนิ นการ โดยจะมี การประสานสอดคล้องการปฏิบติท้ ง ส่ วนของ อาเยาะห์ระดับอาเยาะห์ ด้วยกันเอง ระหว่าง อาเยาะห์กบ ั ั ั ั RKK และ ระหว่างอาเยาะห์กบ เปอมูดอ นอกจากนี้ยงมีการปฏิบติท่ีมีความเชื่อมโยงกับ สภาองค์กรนําที่มี ั ั การดําเนิ นการต่อสู ้ในเวทีการเมืองระดับประเทศ และ นานาชาติ ซึ่ งจะมีความแตกต่างกันกับ ยุทธศาสตร์ การก่อความไม่สงบของกลุ่มก่อความไม่สงบ Version 1.0 ที่ส่วนต่างๆ ปฏิบติการแยกกัน เป็ นส่ วนๆ โดย ั แต่ละส่ วนจะปฏิบติการไปตามโอกาสที่เหมาะสม ั
  • 4. 4    วันนี้ หากรั ฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่ วยงานความมันคง และกองทัพ ไม่มีการปรั บตัวหรื อมี การ ่ ปรับตัวในสัดส่ วนที่ชาแล้ว ย่อมมีความเสี่ ยงที่จะเผชิญกับการปฏิบติการในรู ปแบบใหม่ๆ และที่สาคัญ หาก ้ ั ํ ใช้ระยะเวลาในการเรี ยนรู ้เท่าเดิม คือ 4 ปี แล้ว เราย่อมจะเป็ นผูเ้ ดินตามยุทธศาสตร์ที่ฝ่ายตรงข้ามกําหนดไว้ และในยุทธศาสตร์ ฯ Version 2.0 นี้ เราจะต้องเผชิญกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเทศและระหว่าง ประเทศ ในลักษณะที่ควบคู่ไปกับการปฏิบติการของกองโจรที่มีความเข้มแข็งมากขึ้น คําถามสําหรับผูที่ ั ้ ส่ วนเกี่ยวข้องวันนี้ คือ เราจะเดินตามยุทธศาสตร์ ของฝ่ ายตรงข้ามหรื อเราจะกําหนดยุทธศาสตร์ ให้ฝ่ายตรง ข้ามเดินตามเรา เรื่ องนี้คงเป็ นเรื่ องที่ท่านต้องตกลงใจเอง แต่ที่แน่หากดําเนินการไม่ดีเรามีโอกาสที่จะสูญเสี ย ปลายด้ามของขวานทองไปแน่นอน ............เอวัง ครับ หมายเหตุ * RKK หมายถึง หน่วยรบขนาดเล็กที่เรี ยกว่า Runda Kumpulan Kecil เป็ นหน่วยรบ ขนาดเล็ก โดยหนึ่ ง หน่วยจะมีอยูราว 6 คน ประจําอยูในหมู่บาน ่ ่ ้ * อาเยาะห์ (AJAK) มาจากชื่อเต็ม "Ali Javason Kampong" เป็ นองค์กรล่างสุ ดของขบวนการ "BRN- Coordinate" ที่ได้จดตั้งเอาไว้ในหมู่บาน ในรู ปแบบคณะกรรมการหมู่บาน เป็ นองค์กรลับที่ ขบวนการจัดตั้ง ั ้ ้ เพื่อเป็ นฐานที่มน ตลอดจนให้การสนับสนุ น RKK ใช้หมู่บานที่อาเยาะห์อาศัยอยู่ เป็ นที่หลบซ่ อน และ ั่ ้ ่ คัดเลือกเยาวชนที่อยูในเขตรับผิดชอบเพื่อฝึ กเป็ น RKK * เปอมูดอ (Pemuda) กลุ่มเยาวชนแนวร่ วม ที่เป็ นหน่ วยปฏิบติการระดับเซลล์ ที่กระจายอยูตามหมู่บาน ั ่ ้ ต่ า งๆ การจะเป็ นนัก รบเปอมู ด อ ได้ต ้อ งผ่า นการคัด เลื อ กจาก คณะกรรมการอุ ล ามา (Ulama) ซึ่ ง คณะกรรมการแต่ละคนจะเป็ นพวกที่มีความรู ้ เช่น เป็ นอุซตาส สําหรับเด็กวัยรุ่ นมุสลิมที่จะผ่านการคัดเลือก เป็ น “เปอมูดอ” ได้น้ ัน จะต้องเป็ นเด็กเรี ยนดี หรื อที่เรี ยกว่าเป็ นเด็กหัวกระทิ โดยคัดเลือกจากโรงเรี ยน ปอเนาะ โรงเรี ยนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม รวมทั้งเด็กจากโรงเรี ยนสามัญของรัฐเองก็อาจจะถูกคัดเลือกไป เป็ น “เปอมูดอ” ได้เช่นกัน ส่ วนเด็กวัยรุ่ นที่ไม่เรี ยนหนังสื อ หรื อกลุ่มวัยรุ่ นกวนเมืองทัวไป “อุลามา” จะไม่ ่ คัดมาทํางาน เนื่ องจากไม่มีประสิ ทธิ ภาพเพียงพอ และไม่ มีความสามารถหากจะขึ้นไปนั่งในระดับการ บริ หารขบวนการต่อไปในอนาคต