2. 1. อ่านคาอธิบายเกี่ยวกับการใช้ Present Perfect Simple tense และ Present Perfect
Progressive Tense ให้เข้าใจ ก่อนทาแบบฝึกหัด
2. เมื่อพบข้อสงสัยใด ๆ นักเรียนสามารถติดต่อสอบถามครูได้ที่
khrooadd.siya@gmail.com
Present Perfect Simple Tense
Positive Negative
I/You
have
has
moved.
I/You haven’t
(have not) moved.We/They We/They
He/She He/She hasn’t (has not)
Questions Short answers
Have I/you/we/they moved? Yes, I/you/we/they have.
Has He/she he/she has.
No, I/you/we/they haven’t.
he/she hasn’t.
Present Perfect Progressive Tense
Positive Negative
I/You
have
has
been moving.
I/You haven’t
(have not) been moving.We/They We/They
He/She He/She hasn’t (has
not)
Questions Short answers
Have I/you/we/they been
moving?
Yes, I/you/we/they have.
Has He/she he/she has.
No, I/you/we/they haven’t.
he/she hasn’t.
3. หลักการใช้ Present Perfect Simple Tense
1. ใช้บรรยายเหตุการณ์ที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว เน้นที่ผลของการกระทา เช่น I have read
that book. ฉันอ่านหนังสือเล่มนั้น (จบแล้ว – เน้นภาพของความสาเร็จ) I have read 100
pages. ฉันอ่านหนังสือ (ไปแล้ว) 100 หน้า (ซึ่งอาจจะยังมีอีกหลายหน้าที่ยังไม่ได้อ่าน แต่ในขณะที่
พูดนั้นฉันอ่านเสร็จสิ้นไปแล้ว 100 หน้า)
2. ใช้บรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยปกติมักจะมี for (แสดงช่วงความ
ยาวของเวลา) และ since (แสดงเวลาที่เป็นจุดเริ่มต้นของการกระทา) เช่น He went to the
hospital yesterday. (เขาไปโรงพยาบบาลเมื่อวานนี้) He has been ill since yesterday.
(เขาป่วยตั้งแต่เมื่อวานนี้) ) He has been ill for two days. (เขาป่วยมาแล้วเป็นเวลา 2 วัน)
3. ใช้บรรยายเหตุการณ์จบไปแล้วแต่ไม่ได้ระบุเวลา มักจะมีคาต่อไปนี้ คือ just, already
เช่น I have already made up my mind what to do. (ฉันได้ตัดสินใจแล้วว่าจะทาอะไร)
They have just returned from a trip. (พวกเขาเพิ่งจะกลัมาจากการเดินทาง)
4. ใช้บรรยายเหตุการณ์ที่เป็นประสบการณ์ มักมีคาว่า never, ever เช่น He has never
seen such an animal before. (เขาไม่เคยเห็นสัตว์เช่นนั้นมาก่อน) Have you ever been to
Italy? (คุณเคยไปประเทศอิตาลีมั๊ย)
หลักการใช้ Present Perfect Progressive Tense
1. ใช้บรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและดาเนินมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งการกระทาอาจจะ
เสร็จสมบูรณ์แล้วหรือยังไม่เสร็จก็ได้ ผู้พูดเน้นการกระทามากกว่าภาพของความสาเร็จ เช่น I have
been reading that book. ฉันอ่านหนังสือเล่มนั้น (เริ่มต้นอ่านแล้วและอ่านอยู่อย่างต่อเนื่อง)
I have been learning English for three years. ฉันเรียนภาษาอังกฤษ (ต่อเนื่อง) มาเป็นเวลา
3 ปี
2. คากริยาที่แสดงถึงสภาพของจิตใจ เช่น think, know, recognize, understand,
believe, desire, wish, love, realize, forget กริยาที่แสดงถึงความรู้สึกทางประสาทสัมผัส เช่น
feel, see, hear, taste, smell และ have ที่แปลว่า “มี” คากริยาเหล่านี้จะไม่มีรูป Present
Perfect Progressive Tense เช่น เช่น I have liked you since we first met.
I have been liking you since we first met.