Unit1
- 5. โปรโตคอล (Protocol)
โปรโตคอล (Protocol) คือ มาตรฐานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับการสื่อสารข้อมูลใน
ระบบเครือข่าย ซึ่งครอบคลุมถึงวิธีการและรูปแบบการส่งข้อมูล จังหวะเวลาใน
การส่งข้อมูล ลาดับการรับส่งข้อมูล และวิธีจัดการป้องกันความผิดพลาดต่าง ๆ
โปรโตคอลเปรียบเสมือนภาษาที่ใช้สื่อสารในระบบเครือข่าย ดังนั้นถ้าใช้
โปรโตคอลที่ต่างกันก็จะคุยกันไม่รู้เรื่อง เช่น TCP/IP, POP3, HTTP เป็นต้น
๑ภ฿ @& g)
นายพูดอะไร
ไม่รู้เรื่อง
- 6. 6
ชนิดของสัญญาณข้อมูล
ชนิดของสัญญาณข้อมูลสามารถจาแนกได้เป็น 2 ชนิดคือ
1. สัญญาณแอนะล็อก (Analog Signal)
1 รอบระดับสัญญาณ
เวลา
เป็นสัญญาณแบบต่อเนื่อง มีลักษณะเป็นคลื่นไซน์ (sine wave) โดยแต่ละคลื่นจะมีความถี่และความเข้ม
ของสัญญาณที่ต่างกัน เมื่อนาสัญญาณข้อมูลเหล่านี้มาผ่านอุปกรณ์รับสัญญาณและแปลงสัญญาณ ก็จะได้
ข้อมูลที่ต้องการได้ตัวอย่างการส่งข้อมูลที่มีสัญญาณแบบแอนาล็อกคือ การส่งข้อมูลผ่านระบบโทรศัพท์
เฮิร์ต (hertz:Hz) คือหน่วยวัดความถี่ของสัญญาณข้อมูลแบบแอนาล็อก วิธีวัดความถี่จะนับจานวนรอบ
ของสัญญาณที่เกิดขึ้นภายใน 1 วินาที เช่น สัญญาณข้อมูลที่มีความถี่ 60 Hz หมายถึงใน 1 วินาที สัญญาณมี
การเปลี่ยนแปลงระดับสัญญาณ 60 รอบ (ขึ้นและลงนับเป็น 1 รอบ)
- 7. 7
ชนิดของสัญญาณข้อมูล
2. สัญญาณดิจิทัล (Digital Signal)
1 รอบระดับสัญญาณ
เวลา
1 0 1 1 0 0 0 1
สัญญาณดิจิทัลเป็นสัญญาณแบบไม่ต่อเนื่อง รูปแบบของสัญญาณมีความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ปะติดปะต่อ
อย่างสัญญาณแอนะล็อก ในการสื่อสารด้วยสัญญาณดิจิทัลข้อมูลในคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นเลขฐานสอง (0,1)
Bit rate เป็นอัตราความเร็วในการส่งข้อมูลแบบดิจิทัล วิธีวัดความเร็วจะนับจานวนบิตข้อมูลที่ส่งได้ในช่วง
ระยะเวลา 1 วินาที เช่น 14,400 bps(bits per second) หมายถึงมีความเร็วในการส่งข้อมูลจานวน 14,400
บิตในระยะเวลา 1 วินาที
- 8. 8
โมเด็ม (Modulation Demondulation : Modem)
โมเด็มเป็นอุปกรณ์ที่ทาหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิทัลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณอนาล็อก
เรียกขั้นตอนนี้ว่า modulation และทาหน้าที่แปลงสัญญาณแอนะล็อกให้เป็นสัญญาณดิจิทัลเพื่อ
คอมพิวเตอร์จะได้นาไปประมวลผล ขั้นตอนนี้เรียกว่า demodulation โดยปกติสายโทรศัพท์ถูก
ออกแบบมาเพื่อส่งสัญญาณแอนะล็อก แต่เนื่องจากการสื่อสารของคอมพิวเตอร์ใช้สัญญาณดิจิทัลจึง
จาเป็นต้องใช้โมเด็มในการแปลงสัญญาณความเร็วในการสื่อสารข้อมูลของโมเด็มวัดเป็นบิตต่อวินาที
(bit per second:bps)
- 9. 9
ทิศทางการส่งข้อมูล (Transmission Mode)
การส่งข้อมูลของระบบคอมพิวเตอร์ สามารถจาแนกทิศทางการส่งข้อมูลได้เป็น 3 รูปแบบ
1. การส่งข้อมูลแบบทิศทางเดียว (Simplex Transmission)
เป็นการสื่อสารข้อมูลที่มีผู้ส่งข้อมูลทาหน้าที่ส่งข้อมูลเพียงอย่างเดียว ผู้รับก็ทาหน้าที่รับข้อมูลอย่าง
เดียว เช่น การฟังวิทยุจากสถานีส่งวิทยุการส่งสัญญาณโทรทัศน์จากสถานีโทรทัศน์ไปยังเครื่องรับ
โทรทัศน์
Simplex
Data
Collection
Device
- 10. 10
ทิศทางการส่งข้อมูล (Transmission Mode)
2. การส่งข้อมูลแบบกึ่งทางคู่ (Half-Duplex Transmission)
เป็นการสื่อสารข้อมูลที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลของผู้รับและผู้ส่ง โดยแต่ละฝ่ายสามารถเป็นทั้งผู้
ส่งและผู้รับ แต่จะต้องสลับหน้าที่กันทาหน้าที่เป็นผู้ส่งและผู้รับพร้อมกันทั้งสองฝ่ายไม่ได้ลักษณะ
การส่งข้อมูลประเภทนี้เช่น การใช้วิทยุสื่อสาร (Walky-Talky)
คอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์
- 11. 11
ทิศทางการส่งข้อมูล (Transmission Mode)
3. การส่งข้อมูลแบบสองทิศทาง (Full-Duplex Transmission)
เป็นการสื่อสารข้อมูลที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลของทั้งผู้ส่งและผู้รับ โดยทั้งสองฝ่ายสามารถเป็น
ผู้รับและผู้ส่งได้ในเวลาเดียวกัน สามารถส่งข้อมูลได้พร้อมกัน เช่น การใช้โทรศัพท์ ทั้งสองฝ่ายพูดได้
พร้อมกันในเวลาเดียวกัน
คอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์
- 13. 1. สื่อกลางประเภทเหนี่ยวนา (Guided media) หรือ
ระบบใช้สาย (Wired System )
1.1 สายคู่พันเกลียว (Twisted-Pair Cable)
• เป็นสายที่มีราคาถูกที่สุด
• ประกอบด้วยสายทองแดงขนาดบาง (1 มิลลิเมตร)
• มีฉนวนหุ้ม 2 เส้น นามาพันกันเป็นเกลียว
• ใช้กันแพร่หลายในระบบโทรศัพท์
- 14. สายคู่พันเกลียว มี 2 ประเภท คือ
• ใช้เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ไปยังอุปกรณ์สื่อสาร
• มีความยาวไม่เกิน 100 เมตร
• มีจานวนสายบิดเกลียวภายใน 4 คู่
1. สายคู่พันเกลียวแบบไม่มีสิ่งห่อหุ้ม (Unshielded Twisted Pair – UTP)
- 18. 1.3 สายใยแก้วนาแสง (Fiber optic cable)
• วัสดุที่ใช้ทาเส้นใยแก้วนาแสงมักเป็นสารประกอบประเภท
ซิลิก้า หรือ ซิลิกอนไดออกไซด์( SIO2 ) ซึ่งก็คือ แก้วบริสุทธิ์
นั่นเอง
- 19. 2. มัลติโหมด
เส้นใยแก้วนาแสงมี 2 แบบ
1. ซิงเกิลโหมด
• เป็นการใช้ตัวนาแสงที่บีบลาแสง
ให้พุ่งตรงไปตามท่อแก้ว
• เป็นเส้นใยแก้วนาแสงที่มีลักษณะ
การกระจายแสงออกด้านข้างได้
- 24. • เป็นระบบที่ไม่ใช้สายสัญญาณเป็นตัวนาข้อมูล เช่น ระบบไมโครเวฟ
ระบบดาวเทียม ระบบอินฟราเรด ระบบคลื่นวิทยุ
• ความพิเศษของการใช้สื่อประเภทกระจายคลื่น คือ ความ
สะดวกสบายในเรื่องสถานที่ตั้งและสามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว
2. สื่อกลางที่กาหนดเส้นทางไม่ได้ (Unaided media) หรือ
ระบบไร้สาย (Wireless System)
- 25. ระบบไมโครเวฟ ( Microwave )
• ใช้วิธีส่งสัญญาณที่มีความถี่สูงกว่าคลื่นวิทยุเป็น
ทอดๆ จากสถานีหนึ่งไปยังอีกสถานีหนึ่ง
• อาจเรียกสัญญาณของไมโครเวฟว่า สัญญาณ
แบบเส้นสายตา ( Line of Sight )
• สัญญาณของไมโครเวฟ จะเดินทางเป็นเส้นตรง
• การตั้งสถานีทวนสัญญาณนั้น ส่วนใหญ่จะนิยม
ตั้งในพื้นที่สูงๆ
- 28. ระบบดาวเทียม ( Satellite System )
เครือข่ายสื่อสารภาคพื้นดินส่วนประกอบหลักของระบบสื่อสาร
ดาวเทียม ได้แก่
• ดาวเทียม (Satellite หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Spacecraft)
• สถานีควบคุมภาคพื้นดิน (Telemetry Tracking and Command
หรือ TT&C)
• สถานีเชื่อมต่อเครือข่ายสื่อสารภาคพื้นดิน (Earth Station หรือ
Gateway)
- 33. ระบบอินฟราเรด (Infrared Transmission)
• ใช้เทคโนโลยีเช่นเดียวกับ Remote control
• ต้องใช้งานเป็นเส้นตรงระหว่างเครื่องรับและเครื่องส่ง
• มีระยะทางรับส่งที่ไม่ไกล
• ปัจจุบันมีการนามาใช้เป็นระบบเครือข่ายระยะใกล้ๆ
- 34. โทรศัพท์เคลื่อนที่ (Cellular Transmission)
• โทรศัพท์เคลื่อนที่ (Cellular Transmission) จะอาศัยการส่ง
สัญญาณของโทรศัพท์เคลื่อนที่ในการส่งผ่านข้อมูล
• อุปกรณ์ชนิดนี้เป็นการสื่อสารสัญญาณเรียง ข้อมูล โดยใช้
คลื่นวิทยุในการสื่อสารกับเสาอากาศวิทยุในขอบเขตของพื้นที่
ที่กาหนดเรียกว่า เซล สัญญาณ cellular จะเดินทางจากเซลหนึ่งไปยัง
อีกเซลหนึ่ง
- 35. ระบบเครือข่ายไร้สาย (Wireless Lan : WLAN )
• Wireless LAN หรือ ระบบเครือข่ายไร้สาย หรือระบบเครือข่าย WI-FI
(Wireless Fidelity)
• ใช้คลื่นวิทยุในการเชื่อมต่อเครือข่ายแทนสายสัญญาณ
• พัฒนาจากสถาบันวิศวกรไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ( Institute of
Electrical and Electronics Engineering (IEEE) )
• มาตราฐาน IEEE 802.11
- 37. ข้อดีของ Wireless LAN
• สะดวกไม่ต้องการเจาะกาแพงหรือเดินสาย LAN
• เชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สายต่าง ๆ เข้ากับระบบเครือข่ายได้อย่างคล่องตัว
• ผู้ใช้งานตามบ้านเรือนที่พัก สามารถแชร์การใช้งานอินเทอร์เน็ตร่วมกันได้
• ผู้ใช้งานภายในองค์กร สามารถนามาใช้เพื่อเพิ่มผลิตผลของการทางานของ
พนักงาน ลดค่าใช้จ่ายของการวางสายนาสัญญาณ ใช้ขยายขอบเขตการใช้งาน
เครือข่ายเดิมให้มีความยืดหยุ่น
- 38. เครื่องมือ/อุปกรณ์ สาหรับ Wireless LAN
• สถานีฐานเครือข่ายไร้สาย (Wireless Access Point)
• อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
• การ์ดเครือข่ายไร้สาย (Wireless LAN Card )
• อุปกรณ์เชื่อมโยงอื่น ๆ
- 39. สถานีฐานเครือข่ายไร้สาย (Wireless Access Point)
• เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อและรับ-ส่งข้อมูลของสถานีงาน
• ทุกสถานีงานจะต้องอยู่ภายในรัศมีการใช้งานของ Access Point
• รัศมีใช้งานอยู่ระหว่าง 30 – 90 เมตร
- 40. การ์ดเครือข่ายไร้สาย (Wireless LAN Card )
• อุปกรณ์ที่ทาหน้าที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สาย (Wireless device) เข้ากับ
Access Point ผ่านเคลื่อนวิทยุ
• ควบคุมการรับ-ส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ไร้สาย (Wireless device)
กับเครือข่ายไร้สาย (Wireless LAN)
- 41. มาตรฐาน Wireless LAN
• อยู่ภายใต้มาตรฐาน IEEE 802.11
• กาหนดโดยสถาบันวิศวกรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์: (Institute of
Electrical and Electronics Engineering (IEEE))
• กาหนดให้อุปกรณ์รับ-ส่งข้อมูลที่ความเร็ว 1, 2, 5, 11 และ 54 Mbps
• สื่อกลางที่ใช้ได้แก่ คลื่นวิทยุที่ความถี่สาธารณะ 2.4 GHz, 5 GHz
ประเทศไทยใช้คลื่นวิทยุที่ความถี่ 2.4 GHz
- 42. มาตรฐาน Wireless LAN แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
IEEE802.11a
• เข้าถึงข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงสุด 54 Mbps
• ที่คลื่นความถี่วิทยุ 5 GHz
IEEE802.11b
• เข้าถึงข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงสุด 11 Mbps
• ที่คลื่นความถี่วิทยุ 2.4 GHz
IEEE802.11g
• เข้าถึงข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงสุด 54 Mbps
• ที่คลื่นความถี่วิทยุ 2.4 GHz
- 47. ความหมายของเครือข่าย (Network)
เครือข่าย หรือ เน็ตเวิร์ก (Network) คือ ระบบที่มีคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่
2 เครื่องขึ้นไปเชื่อมต่อกัน โดยใช้สื่อกลาง และสามารถสื่อสารข้อมูล
กันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทาให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง
สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและได้และใช้ทรัพยากรที่อยู่ใน
เครือข่ายร่วมกันได้และทาให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นจานวนมาก
เช่น เว็บ อีเมล FTP
- 48. ความสาคัญและประโยชน์ของระบบเครือข่าย
สามารถใช้อุปกรณ์ร่วมกัน (Peripheral sharing )
การใช้ซอฟต์แวร์ร่วมกัน (Software sharing)
การใช้ข้อมูลร่วมกัน (File sharing)
การสื่อสารระหว่างบุคคล ( Electronic communication )
ค่าใช้จ่าย (Cost )
การบริหารเครือข่าย (Network Management )
ระบบรักษาความปลอดภัย (Security system)
เสถียรภาพของระบบ ( Stability )
การสารองข้อมูล (Back up )