“มุฮัมหมัด”(ขอความศานติจงมีแด่ท่าน)ท่านคือศาสนทูตท่าน
สุดท้ายในบรรดาศาสนทูตทั้งหลาย ที่ถูกส่งมาก่อนหน้านี้เพื่อ
การเรียกร้องผู้คนสู่การศรัทธาและเคารพสักการะต่อพระผู้เป็น
เจ้าพระองค์เดียว (อัลลอฮฺ)
เช่นเดียวกับ “โมเสส” ที่ถูกส่งมาพร้อมกับ “คัมภีร์โตราห์”
(ฉบับดั้งเดิมที่มิได้ถูกแก้ไขที่ถูกส่งมายังท่าน)และ“จีซัส”(เยซู)
ที่ถูกส่งมาพร้อมกับ“คัมภีร์ไบเบิ้ล”(คัมภีร์ต้นฉบับที่มิได้มีการ
แก้ไข-ไม่ใช่ฉบับปัจจุบันที่ใช้กัน) และศาสนทูตท่านอื่นๆก่อน
หน้านั้น ศาสนทูตมุฮัมหมัดถูกส่งมาพร้อมกับ “คัมภีร์อัลกุ
รอาน”ซึ่งเป็นพระดำ�รัสของอัลลอฮฺเพื่อเป็นแบบอย่างของการ
ปฏิบัติตามคำ�สอนในคัมภีร์อัลกุรอาน
“แท้จริงแล้วในศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺนั้นมีแบบอย่างที่ดีงามยิ่งใน
การปฏิบัติตาม สำ�หรับผู้ใดก็ตามที่มีความหวัง (ที่จะพบ) อัลลอฮฺ
และวันสิ้นโลก และผู้ที่ทำ�การรำ�ลึกถึงอัลลอฮฺ
อย่างมากมาย” (อัลกุรอาน 33:21)
ศาสนทูตมุฮัมหมัด(ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) ยังได้สอน
เราอีกด้วยว่า“ความศรัทธาของบุคคลหนึ่งที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้า”
ควรส่งผลต่อการปฏิบัติตัวของเขาต่อผู้คนอีกด้วย ศาสนทูต
กล่าวไว้ว่า “ผู้ที่ดีที่สุดในหมู่พวกท่านคือผู้ที่มีพฤติกรรม (หรือ
บุคลิกภาพ) ที่ดีงามยิ่ง”
มีหลายถ้อยคำ�ของศาสนทูตมุฮัมหมัดที่เน้นย้ำ�ในเรื่องของ
“ความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อและการปฏิบัติ”เช่นที่ท่านได้
กล่าวไว้ว่า“ผู้ใดก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันสิ้นโลกจำ�ต้อง
ไม่ทำ�ร้ายเพื่อนบ้านของเขา และผู้ใดก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ
และวันสิ้นโลกควรให้การดูแลแขกผู้มาเยือนของเขาอย่างดีและ
ผู้ใดก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันสิ้นโลก ควรพูดในสิ่งที่ดี
หรือไม่เขาก็ควรนิ่งเงียบเสีย”
ศาสนทูตท่านสุดท้ายที่พระผู้เป็นเจ้าได้ส่งมานี้ได้สอนบรรดา
มนุษย์ให้แสดงความเมตตาและการให้เกียรติต่อกันและกันโดย
ท่านได้กล่าวว่า“ผู้ใดก็ตามที่ไม่แสดงความเมตตาต่อผู้คน เขา
ย่อมมิได้รับความเมตตา”และมีการรายงานไว้ด้วยว่า มีคนเคย
ขอให้ศาสนทูตวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺให้ทรงลงโทษบรรดาผู้
ปฏิเสธศรัทธา (ต่ออัลลอฮฺ) หากแต่ศาสนทูตได้ตอบเขาว่า “ฉัน
มิได้ถูกส่งมาเป็นผู้ที่ทำ�การสาบแช่ง หากแต่ฉันถูกส่งมาเช่นผู้ที่
มีความเมตตา”
“และเรา(อัลลอฮฺ) มิได้ส่งเจ้า(ศาสนทูตมุฮัมหมัด) มาเพื่อการใด
เว้นแต่เพื่อให้เป็นความเมตตาต่อมวลมนุษย์ทั้งหลาย”
(อัลกุรอาน 21:107)
ผู้ซึ่งรักการให้อภัย
ศาสนทูตมุฮัมหมัดเป็นผู้ที่รักการใหัอภัยต่อผู้คน และมีความ
เมตตากรุณาอย่างมาก หากมีใครกล่าวด่าทอท่าน ท่านก็จะให้
อภัยเขาและหากแม้ว่ามีใครก็ตามแสดงความหยาบคายต่อท่าน
มากเพียงใดท่านก็จะยิ่งมีความอดทนอดกลั้นต่อเขามากเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่ท่านเองก็อยู่ในสถานะที่สูงและเหนือ
กว่าผู้คนทั้งหลาย และมีความสามารถในการที่จะตอบโต้พวก
เขาเหล่านั้นได้ ท่านให้อภัยต่อทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่าง แม้ว่าการ
ทำ�ร้ายหรือการละเมิดที่ท่านถูกกระทำ� จะมากมายสักเพียงใด
ก็ตามก็ย่อมได้รับการให้อภัยจากท่านเสมอท่านเป็นแบบอย่าง
ที่ดีที่สุดของการให้อภัยและความมีเมตตาดังที่มีการกล่าวไว้ใน
คัมภีร์อัลกุรอานว่า“จงยึดมั่นอยู่กับการให้อภัยเถิด(มุฮัมหมัด)
และจงกระทำ�มันด้วยความเมตตา และจงผินหลังจากบรรดาผู้
โง่เขลาทั้งหลาย” (อัลกุรอาน 7:199)
“ท่านไม่ควรที่จะกระทำ�สิ่งที่ชั่วร้ายกับบรรดาผู้ที่กระทำ�สิ่ง
ชั่วร้ายต่อท่าน หากแต่ท่านควรปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความ
เมตตาและการให้อภัย”นี่คือแนวปฏิบัติที่ศาสนทูตได้ใช้ต่อ
บรรดาผู้ที่รุกรานท่าน และด่าทอท่าน
“จงให้อภัยและมองข้ามมันเสีย หรือเจ้ามิปรารถนาให้อัลลอฮฺ
อภัยโทษแก่เจ้ากระนั้นหรือ? ด้วยเพราะอัลลอฮฺคือผู้ทรงให้อภัย
ผู้ทรงเมตตายิ่ง” (อัลกุรอาน 24:22)
จากถ้อยคำ�ของศาสนทูตมุฮัมหมัดต่อไปนี้ คือคำ�สอนที่ว่า
มนุษย์ทุกคนนั้นต่างมีความเสมอภาคเท่าเทียมกันในพระเนตร
ของอัลลอฮฺ “มนุษย์ทั้งหลายพึงรู้เถิด แท้จริงพระเจ้าของพวก
ท่านมีองค์เดียว บิดาของพวกท่านมีคนเดียว(อาดัม) ผู้เป็น
อาหรับมิได้ประเสริฐไปกว่าชนต่างชาติ และชนต่างชาติมิได้
ประเสริฐไปกว่าชาวอาหรับ คนผิวแดงก็ไม่ประเสริฐไปกว่าคน
ผิวดำ� และคนผิวดำ�ก็ไม่ประเสริฐไปกว่าคนผิวแดง นอกจาก
ด้วยความยำ�เกรง(ที่ทำ�ให้เขาแตกต่างกัน)”
“พระผู้เป็นเจ้ามิได้ตัดสินท่านอันเนื่องมาจากรูปลักษณ์ของ
ท่านและทรัพย์สินของท่าน หากแต่พระองค์ทรงมองดูที่หัวใจ
ของท่านและมองดูที่การกระทำ�ของท่าน”
มีการรายงานด้วยว่า ครั้งหนึ่งสหายท่านหนึ่ง (ศอฮาบะฮฺ)
ของศาสนทูตมุฮัมหมัดได้เรียกสหายอีกท่านหนึ่งด้วยถ้อยคำ�ที่
หยาบคายเช่นว่า “ลูกของหญิงดำ�!” เมื่อศาสนทูตได้ยินเช่นนั้น
ท่านจึงเกิดความโกรธเคือง และกล่าวต่อเขาว่า “ท่านประนาม
เขาเพราะความดำ�ของมรรดาของเขา เช่นนั้นหรือ!?” เช่น
นั้นท่านก็ยังคงมี “ความโง่เขลา” ที่ติดมาจากสมัยแห่งความ
งมงาย(ก่อนอิสลาม) ในตัวท่านอยู่”
“แท้จริงผู้ที่มีเกียรติที่สุดในหมู่พวกท่านคือผู้ที่มีคุณธรรมที่ดียิ่ง
ในหมู่พวกท่าน” (อัลกุรอาน 49:13)
ใครคือมุฮัมหมัด?
ศาสนทูตแห่งความเมตตา
ผู้ซึ่งรักความเสมอภาค
มีหลายเหตุการณ์ที่ศาสนทูตมุฮัมหมัดนั้นมีโอกาสที่จะทำ�การ
แก้แค้นบรรดาผู้ที่ทำ�ร้ายท่าน หากแต่ท่านก็ออกห่างและหลีก
เลี่ยงจากการกระทำ�เช่นนั้น และท่านยังสอนให้เรามีความ
อดทน เมื่อต้องประสบกับความทุกข์ยาก ท่านกล่าวสอนเราว่า
“ผู้ที่เข้มแข็ง ไม่ใช่ผู้ที่สามารถเอาชนะผู้คนด้วยพละกำ�ลังของ
เขา หากแต่ว่าผู้ที่เข้มแข็งคือผู้ที่สามารถควบคุมตัวของเขาเมื่อ
อยู่ในสภาวะแห่งความโกรธ”
“การมีความอดทนอดกลั้น” ไม่ได้หมายความว่ามุสลิมที่ถูก
กระทำ�ต้องนิ่งเฉยและไม่ปกป้องตัวของเขาเองเมื่อถูกทำ�ร้าย
หรือโจมตี ศาสนทูตมุฮัมหมัดได้แจ้งไว้ว่า “จงอย่าปรารถนา
ที่จะเผชิญหน้ากับศัตรู แต่เมื่อท่านพบ(เผชิญหน้า)เขา ท่านก็
จงอดทนเถิด (หมายถึง ยืนหยัดอย่างมั่นคงเมื่อเผชิญหน้ากับ
ศัตรู)”
“ความดีและความชั่วนั้นหาเท่าเทียมกันไม่ จงขับไล่ความชั่ว
ด้วยสิ่งที่ดีกว่า และเมื่อนั้นเจ้าและผู้ที่เจ้าเคยเป็นศัตรูกันย่อม
กลายเป็นมิตรสนิทกัน” (อัลกุรอาน 41:34)
ผู้มีความอ่อนโยน
ครั้งหนึ่งมีคนกล่าวหมิ่นประมาทศาสนทูตมุฮัมหมัด ภรรยา
ของท่านจึงแสดงการโต้ตอบด้วยความโกรธ ดังนั้นศาสนทูตมุ
ฮัมหมัดจึงให้การตักเตือนนางว่า “จงมีความอ่อนโยนและสงบ
นิ่งเถิด โอ้อาอิชะฮ(ชื่อภรรยาท่าน)ฺ อัลลอฮฺทรงรักความอ่อน
โยนในทุกๆการงาน” และท่านยังกล่าวอีกด้วยว่า “จงแสดง
ความอ่อนโยน เพราะเมื่อมีความอ่อนโยนในสิ่งใด สิ่งนั้นย่อม
มีความสวยงาม เมื่อมันปราศจากซึ่งความอ่อนโยน สิ่งนั้นย่อม
เต็มไปด้วยความบกพร่อง”
“เนื่องด้วยความเมตตาของอัลลอฮฺ เจ้า(มุฮัมหมัด)จึงเป็นผู้ที่มี
ความสุภาพอ่อนโยนต่อผู้คน และหากเจ้าเป็นผู้ที่มีความแข็ง
กร้าวและมีหัวใจแข็งกระด้างแล้ว พวกเขาย่อมแยกย้าย
หนีไปจากเจ้า...”(อัลกุรอาน 3:159)
สุภาพบุรุษผู้ซึ่งมีความอดทนอดกลั้น
ภรรยาผู้เป็นที่รักของศาสนทูตมุฮัมหมัด“ท่านหญิงอาอิชะฮฺ”
กล่าวเกี่ยวกับสามีผู้มีคุณธรรมของนางไว้ว่า “ท่าน คอยให้
ความช่วยเหลืองานในบ้านอยู่เสมอ และท่านปะชุนเสื้อผ้า
ซ่อมแซมรองเท้า และทำ�ความสะอาดบ้านด้วยตัวของท่าน
เอง และท่านทำ�การรีดนม ดูแล ให้อาหารบรรดาสัตว์ของท่าน
และทำ�งานบ้านเองด้วย”
ศาสนทูตมุฮัมหมัดไม่ได้เป็นเพียงแค่ “สามีผู้อุทิศตน” หากแต่
ท่านยังส่งเสริมสนับสนุนบรรดาสหายของท่านให้ปฏิบัติตาม
แบบอย่างของ ท่าน โดยที่ท่านกล่าวว่า “ผู้ที่ประเสริฐที่สุด
ในบรรดาผู้ศรัทธาคือ ผู้ที่มีคุณธรรมที่ดีงามยิ่ง และผู้ที่ดีที่สุด
ในหมู่พวกเขาคือบรรดาผู้ที่ปฏิบัติต่อภรรยาของเขาอย่างดียิ่ง”
“และจงอยู่ร่วมกับพวกนาง (ภรรยา) ด้วยความเมตตา”
(อัลกุรอาน 4:19) .
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
สิ่งที่โดดเด่นคือการดำ�เนินชีวิตของศาสนทูตมุฮัมหมัด แบบ
อย่างของความดีงามและความเมตตาของท่านที่ถูกกล่าวไว้
ข้างต้น อาจสร้างความประหลาดใจต่อกลุ่มคนบางกลุ่มที่เคย
ได้รับข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับอิสลามจากสื่อหรือการนำ�เสนอต่างๆ
ยังมีตัวอย่างอีกมากเกี่ยวกับจริยวัติอันงดงามของท่านศาสน
ทูตมุฮัมหมัด (ขอความสันติมีแด่ท่าน) พร้อมที่จะให้คุณได้เปิด
ใจเรียนรู้

มุฮัมหมัด

  • 1.
    “มุฮัมหมัด”(ขอความศานติจงมีแด่ท่าน)ท่านคือศาสนทูตท่าน สุดท้ายในบรรดาศาสนทูตทั้งหลาย ที่ถูกส่งมาก่อนหน้านี้เพื่อ การเรียกร้องผู้คนสู่การศรัทธาและเคารพสักการะต่อพระผู้เป็น เจ้าพระองค์เดียว (อัลลอฮฺ) เช่นเดียวกับ“โมเสส” ที่ถูกส่งมาพร้อมกับ “คัมภีร์โตราห์” (ฉบับดั้งเดิมที่มิได้ถูกแก้ไขที่ถูกส่งมายังท่าน)และ“จีซัส”(เยซู) ที่ถูกส่งมาพร้อมกับ“คัมภีร์ไบเบิ้ล”(คัมภีร์ต้นฉบับที่มิได้มีการ แก้ไข-ไม่ใช่ฉบับปัจจุบันที่ใช้กัน) และศาสนทูตท่านอื่นๆก่อน หน้านั้น ศาสนทูตมุฮัมหมัดถูกส่งมาพร้อมกับ “คัมภีร์อัลกุ รอาน”ซึ่งเป็นพระดำ�รัสของอัลลอฮฺเพื่อเป็นแบบอย่างของการ ปฏิบัติตามคำ�สอนในคัมภีร์อัลกุรอาน “แท้จริงแล้วในศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺนั้นมีแบบอย่างที่ดีงามยิ่งใน การปฏิบัติตาม สำ�หรับผู้ใดก็ตามที่มีความหวัง (ที่จะพบ) อัลลอฮฺ และวันสิ้นโลก และผู้ที่ทำ�การรำ�ลึกถึงอัลลอฮฺ อย่างมากมาย” (อัลกุรอาน 33:21) ศาสนทูตมุฮัมหมัด(ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน) ยังได้สอน เราอีกด้วยว่า“ความศรัทธาของบุคคลหนึ่งที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้า” ควรส่งผลต่อการปฏิบัติตัวของเขาต่อผู้คนอีกด้วย ศาสนทูต กล่าวไว้ว่า “ผู้ที่ดีที่สุดในหมู่พวกท่านคือผู้ที่มีพฤติกรรม (หรือ บุคลิกภาพ) ที่ดีงามยิ่ง” มีหลายถ้อยคำ�ของศาสนทูตมุฮัมหมัดที่เน้นย้ำ�ในเรื่องของ “ความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อและการปฏิบัติ”เช่นที่ท่านได้ กล่าวไว้ว่า“ผู้ใดก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันสิ้นโลกจำ�ต้อง ไม่ทำ�ร้ายเพื่อนบ้านของเขา และผู้ใดก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และวันสิ้นโลกควรให้การดูแลแขกผู้มาเยือนของเขาอย่างดีและ ผู้ใดก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันสิ้นโลก ควรพูดในสิ่งที่ดี หรือไม่เขาก็ควรนิ่งเงียบเสีย” ศาสนทูตท่านสุดท้ายที่พระผู้เป็นเจ้าได้ส่งมานี้ได้สอนบรรดา มนุษย์ให้แสดงความเมตตาและการให้เกียรติต่อกันและกันโดย ท่านได้กล่าวว่า“ผู้ใดก็ตามที่ไม่แสดงความเมตตาต่อผู้คน เขา ย่อมมิได้รับความเมตตา”และมีการรายงานไว้ด้วยว่า มีคนเคย ขอให้ศาสนทูตวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺให้ทรงลงโทษบรรดาผู้ ปฏิเสธศรัทธา (ต่ออัลลอฮฺ) หากแต่ศาสนทูตได้ตอบเขาว่า “ฉัน มิได้ถูกส่งมาเป็นผู้ที่ทำ�การสาบแช่ง หากแต่ฉันถูกส่งมาเช่นผู้ที่ มีความเมตตา” “และเรา(อัลลอฮฺ) มิได้ส่งเจ้า(ศาสนทูตมุฮัมหมัด) มาเพื่อการใด เว้นแต่เพื่อให้เป็นความเมตตาต่อมวลมนุษย์ทั้งหลาย” (อัลกุรอาน 21:107) ผู้ซึ่งรักการให้อภัย ศาสนทูตมุฮัมหมัดเป็นผู้ที่รักการใหัอภัยต่อผู้คน และมีความ เมตตากรุณาอย่างมาก หากมีใครกล่าวด่าทอท่าน ท่านก็จะให้ อภัยเขาและหากแม้ว่ามีใครก็ตามแสดงความหยาบคายต่อท่าน มากเพียงใดท่านก็จะยิ่งมีความอดทนอดกลั้นต่อเขามากเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่ท่านเองก็อยู่ในสถานะที่สูงและเหนือ กว่าผู้คนทั้งหลาย และมีความสามารถในการที่จะตอบโต้พวก เขาเหล่านั้นได้ ท่านให้อภัยต่อทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่าง แม้ว่าการ ทำ�ร้ายหรือการละเมิดที่ท่านถูกกระทำ� จะมากมายสักเพียงใด ก็ตามก็ย่อมได้รับการให้อภัยจากท่านเสมอท่านเป็นแบบอย่าง ที่ดีที่สุดของการให้อภัยและความมีเมตตาดังที่มีการกล่าวไว้ใน คัมภีร์อัลกุรอานว่า“จงยึดมั่นอยู่กับการให้อภัยเถิด(มุฮัมหมัด) และจงกระทำ�มันด้วยความเมตตา และจงผินหลังจากบรรดาผู้ โง่เขลาทั้งหลาย” (อัลกุรอาน 7:199) “ท่านไม่ควรที่จะกระทำ�สิ่งที่ชั่วร้ายกับบรรดาผู้ที่กระทำ�สิ่ง ชั่วร้ายต่อท่าน หากแต่ท่านควรปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความ เมตตาและการให้อภัย”นี่คือแนวปฏิบัติที่ศาสนทูตได้ใช้ต่อ บรรดาผู้ที่รุกรานท่าน และด่าทอท่าน “จงให้อภัยและมองข้ามมันเสีย หรือเจ้ามิปรารถนาให้อัลลอฮฺ อภัยโทษแก่เจ้ากระนั้นหรือ? ด้วยเพราะอัลลอฮฺคือผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตายิ่ง” (อัลกุรอาน 24:22) จากถ้อยคำ�ของศาสนทูตมุฮัมหมัดต่อไปนี้ คือคำ�สอนที่ว่า มนุษย์ทุกคนนั้นต่างมีความเสมอภาคเท่าเทียมกันในพระเนตร ของอัลลอฮฺ “มนุษย์ทั้งหลายพึงรู้เถิด แท้จริงพระเจ้าของพวก ท่านมีองค์เดียว บิดาของพวกท่านมีคนเดียว(อาดัม) ผู้เป็น อาหรับมิได้ประเสริฐไปกว่าชนต่างชาติ และชนต่างชาติมิได้ ประเสริฐไปกว่าชาวอาหรับ คนผิวแดงก็ไม่ประเสริฐไปกว่าคน ผิวดำ� และคนผิวดำ�ก็ไม่ประเสริฐไปกว่าคนผิวแดง นอกจาก ด้วยความยำ�เกรง(ที่ทำ�ให้เขาแตกต่างกัน)” “พระผู้เป็นเจ้ามิได้ตัดสินท่านอันเนื่องมาจากรูปลักษณ์ของ ท่านและทรัพย์สินของท่าน หากแต่พระองค์ทรงมองดูที่หัวใจ ของท่านและมองดูที่การกระทำ�ของท่าน” มีการรายงานด้วยว่า ครั้งหนึ่งสหายท่านหนึ่ง (ศอฮาบะฮฺ) ของศาสนทูตมุฮัมหมัดได้เรียกสหายอีกท่านหนึ่งด้วยถ้อยคำ�ที่ หยาบคายเช่นว่า “ลูกของหญิงดำ�!” เมื่อศาสนทูตได้ยินเช่นนั้น ท่านจึงเกิดความโกรธเคือง และกล่าวต่อเขาว่า “ท่านประนาม เขาเพราะความดำ�ของมรรดาของเขา เช่นนั้นหรือ!?” เช่น นั้นท่านก็ยังคงมี “ความโง่เขลา” ที่ติดมาจากสมัยแห่งความ งมงาย(ก่อนอิสลาม) ในตัวท่านอยู่” “แท้จริงผู้ที่มีเกียรติที่สุดในหมู่พวกท่านคือผู้ที่มีคุณธรรมที่ดียิ่ง ในหมู่พวกท่าน” (อัลกุรอาน 49:13) ใครคือมุฮัมหมัด? ศาสนทูตแห่งความเมตตา ผู้ซึ่งรักความเสมอภาค
  • 2.
    มีหลายเหตุการณ์ที่ศาสนทูตมุฮัมหมัดนั้นมีโอกาสที่จะทำ�การ แก้แค้นบรรดาผู้ที่ทำ�ร้ายท่าน หากแต่ท่านก็ออกห่างและหลีก เลี่ยงจากการกระทำ�เช่นนั้น และท่านยังสอนให้เรามีความ อดทนเมื่อต้องประสบกับความทุกข์ยาก ท่านกล่าวสอนเราว่า “ผู้ที่เข้มแข็ง ไม่ใช่ผู้ที่สามารถเอาชนะผู้คนด้วยพละกำ�ลังของ เขา หากแต่ว่าผู้ที่เข้มแข็งคือผู้ที่สามารถควบคุมตัวของเขาเมื่อ อยู่ในสภาวะแห่งความโกรธ” “การมีความอดทนอดกลั้น” ไม่ได้หมายความว่ามุสลิมที่ถูก กระทำ�ต้องนิ่งเฉยและไม่ปกป้องตัวของเขาเองเมื่อถูกทำ�ร้าย หรือโจมตี ศาสนทูตมุฮัมหมัดได้แจ้งไว้ว่า “จงอย่าปรารถนา ที่จะเผชิญหน้ากับศัตรู แต่เมื่อท่านพบ(เผชิญหน้า)เขา ท่านก็ จงอดทนเถิด (หมายถึง ยืนหยัดอย่างมั่นคงเมื่อเผชิญหน้ากับ ศัตรู)” “ความดีและความชั่วนั้นหาเท่าเทียมกันไม่ จงขับไล่ความชั่ว ด้วยสิ่งที่ดีกว่า และเมื่อนั้นเจ้าและผู้ที่เจ้าเคยเป็นศัตรูกันย่อม กลายเป็นมิตรสนิทกัน” (อัลกุรอาน 41:34) ผู้มีความอ่อนโยน ครั้งหนึ่งมีคนกล่าวหมิ่นประมาทศาสนทูตมุฮัมหมัด ภรรยา ของท่านจึงแสดงการโต้ตอบด้วยความโกรธ ดังนั้นศาสนทูตมุ ฮัมหมัดจึงให้การตักเตือนนางว่า “จงมีความอ่อนโยนและสงบ นิ่งเถิด โอ้อาอิชะฮ(ชื่อภรรยาท่าน)ฺ อัลลอฮฺทรงรักความอ่อน โยนในทุกๆการงาน” และท่านยังกล่าวอีกด้วยว่า “จงแสดง ความอ่อนโยน เพราะเมื่อมีความอ่อนโยนในสิ่งใด สิ่งนั้นย่อม มีความสวยงาม เมื่อมันปราศจากซึ่งความอ่อนโยน สิ่งนั้นย่อม เต็มไปด้วยความบกพร่อง” “เนื่องด้วยความเมตตาของอัลลอฮฺ เจ้า(มุฮัมหมัด)จึงเป็นผู้ที่มี ความสุภาพอ่อนโยนต่อผู้คน และหากเจ้าเป็นผู้ที่มีความแข็ง กร้าวและมีหัวใจแข็งกระด้างแล้ว พวกเขาย่อมแยกย้าย หนีไปจากเจ้า...”(อัลกุรอาน 3:159) สุภาพบุรุษผู้ซึ่งมีความอดทนอดกลั้น ภรรยาผู้เป็นที่รักของศาสนทูตมุฮัมหมัด“ท่านหญิงอาอิชะฮฺ” กล่าวเกี่ยวกับสามีผู้มีคุณธรรมของนางไว้ว่า “ท่าน คอยให้ ความช่วยเหลืองานในบ้านอยู่เสมอ และท่านปะชุนเสื้อผ้า ซ่อมแซมรองเท้า และทำ�ความสะอาดบ้านด้วยตัวของท่าน เอง และท่านทำ�การรีดนม ดูแล ให้อาหารบรรดาสัตว์ของท่าน และทำ�งานบ้านเองด้วย” ศาสนทูตมุฮัมหมัดไม่ได้เป็นเพียงแค่ “สามีผู้อุทิศตน” หากแต่ ท่านยังส่งเสริมสนับสนุนบรรดาสหายของท่านให้ปฏิบัติตาม แบบอย่างของ ท่าน โดยที่ท่านกล่าวว่า “ผู้ที่ประเสริฐที่สุด ในบรรดาผู้ศรัทธาคือ ผู้ที่มีคุณธรรมที่ดีงามยิ่ง และผู้ที่ดีที่สุด ในหมู่พวกเขาคือบรรดาผู้ที่ปฏิบัติต่อภรรยาของเขาอย่างดียิ่ง” “และจงอยู่ร่วมกับพวกนาง (ภรรยา) ด้วยความเมตตา” (อัลกุรอาน 4:19) . - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - สิ่งที่โดดเด่นคือการดำ�เนินชีวิตของศาสนทูตมุฮัมหมัด แบบ อย่างของความดีงามและความเมตตาของท่านที่ถูกกล่าวไว้ ข้างต้น อาจสร้างความประหลาดใจต่อกลุ่มคนบางกลุ่มที่เคย ได้รับข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับอิสลามจากสื่อหรือการนำ�เสนอต่างๆ ยังมีตัวอย่างอีกมากเกี่ยวกับจริยวัติอันงดงามของท่านศาสน ทูตมุฮัมหมัด (ขอความสันติมีแด่ท่าน) พร้อมที่จะให้คุณได้เปิด ใจเรียนรู้