อบรมการผลิตสื่อวิดีทัศน์2. เกิดเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2511
ปริญญาตรีสาขาการสื่อสารมวลชน-วิทยุโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ปริญญาโทสาขาเทคโนโลยีสื่อและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
กาลังศึกษาปริญญาเอกสาขาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร
ปัจจุบันเป็นอาจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
Scenographer และ Media Designer
เคยได้รับรางวัล Excellent Technician จากประเทศญี่ปุ่น
สนใจด้านศิลปะและการสื่อสารแขนงต่าง ๆ
มีประสบการณ์หลากหลายด้านการสื่อสารและการออกแบบ เช่น โปรดิวเซอร์ ครีเอทีฟ
ผู้เขียนบทของรายการโทรทัศน์และสารคดี นักการละคร นักออกแบบสื่อ และออร์แกนไนเซอร์
นอกจากนั้นยังได้รับเชิญให้เป็นอาจารย์พิเศษและวิทยากรตามองค์กรและสถาบันการศึกษา
4. การประชาสัมพันธ์
Public Relation
การสื่อสารความคิดเห็น ข่าวสาร ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ไปสู่กลุ่มประชาชนหรือกลุ่มเป้ าหมาย
เป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีระหว่างหน่วยงาน องค์การ สถาบัน
กับกลุ่ม ประชาชนเป้าหมายและประชาชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อหวังผลในความร่วมมือ
สนับสนุนจากประชาชน
ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ ที่ดีให้แก่หน่วยงาน องค์การ สถาบัน ทาให้ประชาชน
เกิดความนิยม เลื่อมใส ศรัทธาต่อหน่วยงาน
ค้นหาและกาจัดแหล่งเข้าใจผิด ช่วยลบล้างปัญหา เพื่อสร้างความสาเร็จในการดาเนินงาน
ของหน่วยงาน
7. S M C Rsender message channel receiver
สื่อ/ช่องทางข่าวสารหน่วยงาน กลุ่มเป้ าหมาย
11. ประโยชน์ของสื่อโสตทัศน์
มีทั้งแสง สี เสียง และภาพเคลื่อนไหวประกอบดนตรี ทาให้ประทับใจและจดจา
สามารถเร่งเร้าความสนใจของผู้ชมได้ตลอดเวลาที่ดู
สามารถสอดแทรกความคิดเห็น และเป็นสื่อในการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ
พฤติกรรมได้ง่าย
สามารถเสนอภาพในอดีตที่เราไม่สามารถย้อนกลับไปชมได้อีก
ใช้เทคนิคสร้างเหตุการณ์ประกอบฉากการถ่ายทาได้อย่างสมจริงสมจังที่สุด
15. Pre-production
ศึกษา วิเคราะห์ รวบรวมข้อมูลกิจกรรมตามประเด็น/หัวข้อที่กาหนด เพื่อดาเนินการผลิต
และเผยแพร่สื่อโสตทัศน์
การวางแผนและกาหนดแนวทางการผลิตและเผยแพร่
กาหนดกลุ่มเป้าหมาย (ผู้ชม), ประเด็นหรือเนื้อหา
ความคาดหวังและวัตถุประสงค์หรือความจาเป็นในการผลิตสื่อ
กาหนดขอบเขตเนื้อหา งบประมาณ ค่าใช้จ่าย สถานที่ถ่ายทา เครื่องมือถ่ายทา
จัดลาดับขั้นตอนการทางาน
รูปแบบและเทคนิคการนาเสนอ
เวลา / ความยาว และการเผยแพร่
20. S M C R+ + +
communication
language
=
35. Angle
Camera Angle หรือมุมกล้อง หรือมุมภาพ เป็นการออกแบบเลือกสรรโดยต้องการให้เห็น
ในด้าน มุมหรือแง่มุมใด ปิดบังหรือซ่อนเร้นไม่ให้เห็นในบางแง่มุม ทาหน้าที่บอกเรื่องราว
ในแง่มุมที่เลือกสรรแล้ว ทั้งเพื่อให้เกิดความเข้าใจ และเพื่อสร้างอารมณ์ เพื่อความงานและ
เพื่อดึงดูดความสนใจ
37. Subjective Camera Angle
เป็นมุมภาพที่มองจากบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์โดยตรง ให้ผู้ชมรู้สึกเข้ามา
เกี่ยวข้องโดยตรง กล้องจะถูกสมมติให้เป็นหนึ่งในบุคคลในเหตุการณ์ เป็นการสร้าง
ความสัมพันธ์ทางสายตากับผู้ชม บางครั้งเราจะเรียกว่า ภาพแทนสายตา
38. Point-of-View Camera Angle
เป็นมุมภาพที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง Objective Camera Angle และ Subjective Camera Angle
ให้ความรู้สึกสนิทสนมกับเหตุการณ์ แต่ไม่ได้มีส่วนในเหตุการณ์ บางครั้งเรียกว่าการถ่าย
ข้ามไหล่ หรือ Over the Shoulder Shot
40. Movement
Camera Movement หรือการเคลื่อนไหวหรือเคลื่อนที่ของกล้อง เพื่อเปิดเผย หรือนา
ความรู้สึกให้ติดตาม คล้ายการหันมอง เงยขึ้น หรือเดินใกล้เข้าไป หรือถอยหางออกมา
รวมถึงการติดตาม
44. การเรียงลาดับภาพ
SEQUENCE OF SHOT
การนาเอา SHOT ต่าง ๆ มาเรียงลาดับต่อกันเป็นเรื่องราว เพื่อให้การสื่อภาษาภาพ
สามารถถ่ายทอดความคิด เนื้อหา เรื่องราวต่างๆได้อย่างครบถ้วน มีลาดับ ขั้นตอนต่างๆ
ที่ทาให้ผู้ชมเข้าใจ
45. SHOT
FUNCTION OF SHOT
ESTABLISHING SHOT
CUT-IN SHOT
CUT AWAY SHOT
ACTION SHOT
REACTION SHOT
REVERSE SHOT
46. ESTABLISHING SHOT
SHOT ที่ ทาหน้าที่บอกสถานที่เกิดเหตุการณ์ หรือบอกลักษณะ
ของเหตุการณ์ว่าเป็นเหตุการณ์อะไร โดยส่วนใหญ่นิยมใช้เปิด
เรื่อง หรือเปิดเหตุการณ์ ให้กับผู้ชม โดยขนาดภาพที่นิยมมักจะ
เป็นภาพระยะไกล (LS) แต่มักจะไม่เสมอไป
48. CUT AWAY SHOT
SHOT ทาหน้าที่เสริมบรรยากาศ หรืออารมณ์ ความรู้สึกให้กับ
ภาพเหตุการณ์ที่เสนอไปแล้ว หรือเบนความสนใจ จาก SHOT
ก่อนหน้า เพื่อเปลี่ยนฉาก หรือเหตุการณ์ต่างๆ
52. การลาดับ SHOT
รู้จักการวางตาแหน่งของ SHOT หรือการลาดับ SHOT ว่า SHOT ใด ควรจะมาก่อน หรือ
SHOT ใดควรจะอยู่ตรงไหน ซึ่งก็แล้วแต่เหตุการณ์ หรือความหมายที่ต้องการจะสื่อ เรา
สามารถลาดับภาพ หรือ SHOT ได้หลายวิธี
55. PARALLEL CUTTING
เป็นวิธีการลาดับ SHOT หรือจัดวาง SHOT ที่ใช้เมื่อเราต้องการ
นาเสนอเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ ที่อาจจะเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน
หรือต่างเวลากัน สลับกันไปมา เพื่อเปรียบเทียบ แต่มิได้มี
ความหมายเกี่ยวข้องกันโดยตรง และเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์นี้
จะไม่บรรจบกันเลย
57. MONTAGE CUTTING
เป็นวิธีการลาดับ SHOT หรือจัดวาง SHOT เข้า ด้วยกัน โดยมี
แนวความคิดรวมที่ต้องการจะถ่ายทอดเป็นแกนซึ่งภาพต่าง ๆ
ที่นามาต่อเนื่องกันไม่ได้มีความต่อเนื่อง หรือเกี่ยวข้องกัน
โดยตรงเลย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเวลาหรือเหตุการณ์
วัตถุประสงค์เพื่อเล่าเหตุการณ์ หรือสรุปเรื่องราว โดยใช้เวลา
เพียงสั้น ๆ
58. SHOT
DURATION & TIMING
การเชื่อมโยงระหว่าง SHOT โดยรอให้เหตุการณ์ หรือการกระทา หรือการเคลื่อนไหวจบ
สิ้นไป แล้วจึงเปลี่ยน SHOT ต่อไป การเชื่อมโยงจังหวะนี้จะทาให้ความรู้สึกเชื่องช้า
เชื่อมโยงกันโดยเหตุการณ์เคลื่อนไหวใน SHOT แรกยังไม่ปรากฏแล้วต่อโดย SHOT 2 จึง
มีการเคลื่อนไหว ซึ่งแบบนี้ทาให้อารมณ์รุนแรง รวดเร็ว ฉับพลัน น่าตื่นเต้น
เป็นการเชื่อมโยง SHOT ระหว่างเหตุการณ์ หรือการกระทาที่กาลังเคลื่อนไหวอยู่อย่างนี้
เรียกว่า CUT ON ACTION ใช้แสดงการเชื่อมโยง 2 SHOT ที่มีความกลมกลืนต่อเนื่อง
อย่างลื่นไหลไปเรื่อย ๆ
59. SHOT TRANSITION
CUT หรือ STRAIGHT CUT คือการเชื่อมโยงระหว่าง SHOT แบบตัดไปตรง ๆ เหมือนเอา
ภาพของ 2 SHOT มาต่อกันเฉย ๆ ซึ่งดูเหมือนว่า จะสะดุดอารมณ์คนดู แต่จริง ๆ แล้ว
หากเลือก CUT ภาพ ในจังหวะที่เหมาะสมกับความต้องการทางความหมาย และอารมณ์
ที่ต้องการจะสื่อให้ผลดีมาก เพราะที่จริงแล้วคนเราเวลารับรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ มิใช่จะเปิดรับ
เหตุการณ์แบบยาวต่อเนื่องกันตลอด แต่จะเป็นการเลือกมองเฉพาะส่วนที่ต้องการจะรับรู้
เท่านั้น ส่วนที่ไม่น่าสนใจ หรือไม่เกี่ยวข้องกับการรับรู้ จะถูกตัดออกไป ทาให้วิธีการ
เชื่อมโยงระหว่าง SHOT แบบ CUT ทาให้เกิดความรู้สึกเป็นธรรมชาติมากที่สุด และ
โดยทั่วไปแล้ว ในภาพยนตร์ และโทรทัศน์ เราจะพบได้บ่อยที่สุดกว่าการใช้วิธีอื่น ๆ
60. FADE มี 2 อย่าง คือ FADE IN หมายถึงการเริ่มต้นภาพจากเฟรมที่มืดสินท หรือพื้นสี
(Color Background) แล้ว ค่อย ๆ ปรากฏภาพให้เห็นชัดเจนขึ้นจนเป็นหกติ ส่วนใหญ่จะ
นามาใช้บอกการเริ่มต้นของเรื่อง ของเหตุการณ์ หรือของวันใหม่ เป็นต้น ส่วน FADE
OUT หมายถึง การนาภาพที่กาลังมองเห็นอยู่ชัดเจนให้ค่อย ๆ จางหายสู่ความมืด หรือพื้นสี
ในที่สุด ส่วนใหญ่ใช้เพื่อการบอกการจบสิ้นเรื่องของเหตุการณ์ หรือสิ้นสุดลง เป็นต้น การ
ใช้FADE นี้ จะให้อารมณ์แบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างนุ่มนวลกว่า CUT จึงควรใช้ให้
เหมาะสมกับเรื่องราว และเหตุการณ์ บางครั้ง FADE IN - FADE OUT ถูก ใช้เพื่อการ
เปลี่ยนฉาก เหตุการณ์ หรืออารมณ์ อย่างรวดเร็ว เพื่อให้เรื่องราวดาเนินไปได้ โดยที่คนดู
จะไม่รู้สึกว่ามีการสะดุด หรือที่เรียกว่า ภาพกระโดด (Jumping cut)
61. DISSOLVE คือ การที่ภาพใน SHOT หนึ่งที่กาลังจางหายไป ก็มีภาพในอีก SHOT มาซ้อน
แล้วค่อย ๆ ชัดขึ้น และมาแทนที่ในที่สุด การใช้DISSOLVE นี้ใช้เพื่อเชื่อมโยงเหตุการณ์
ระหว่าง SHOT แล้วมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวเนื่องกันอย่างกลมกลืน หรือเอาใช้เพื่อลัดเวลา
ซึ่งผลทางอารมณ์ที่จะได้แบบนุ่มนวล ชวนฝัน
62. WIPE คือ การกวาดภาพ นาเอาภาพใหม่แทนที่ภาพเก่า เหมือนกับการเปิดปิดม่านเวที
ละคร นามาใช้เพื่อเล่าเรื่องราวแบบตรงไปตรงมา ไม่ต้องการความสมจริง สอดคล้อง
กับธรรมชาติการรับรู้ของมนุษย์เรา
การกวาดภาพทางแนวนอน จากซ้ายไปขวา หรือจากขวาไปซ้าย
การกวาดภาพทางแนวตั้ง จากบนลงล่าง และจากล่างขึ้นบน
การกวาดภาพทางแนวเฉลียง จากมุมซ้าย หรือจากมุมขวา
การกวาดภาพในรูปทรงเรขาคณิต เช่น วงกลม สามเหลี่ยม
นอกจากนี้ยังมีวิธีการเชื่อมโยงที่ใช้ผลพิเศษทางการอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วนส่วนใหญ่จะ
ใช้เครื่อง DIGITAL VIDEO EFFECTS หรือเครื่อง COMPUTER เข้ามาช่วย
64. S M C R+ + +
analysis