More Related Content Similar to อุปกรณ์พื้นฐานคอมพิวเตอร์
Similar to อุปกรณ์พื้นฐานคอมพิวเตอร์ (16) More from Champswagen (6) อุปกรณ์พื้นฐานคอมพิวเตอร์3. แรม (RAM)
RAM ย่อมาจาก (Random Access Memory) เป็นหน่วยความจาหลักที่จาเป็น หน่วยความจา ชนิดนี้จะสามารถเก็บ
ข้อมูลได้ เฉพาะเวลาที่มีกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงเท่านั้นเมื่อใดก็ตามที่ไม่มีกระแสไฟฟ้า มาเลี้ยง ข้อมูลที่อยู่ภายในหน่วยความจาชนิดจะหายไปทันที
หน่วยความจาแรม ทาหน้าที่เก็บชุดคาสั่งและข้อมูลที่ระบบคอมพิวเตอร์กาลังทางานอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการนาเข้าข้อมูล (Input) หรือ การ
นาออกข้อมูล (Output) โดยที่เนื้อที่ของหน่วยความจาหลักแบบแรมนี้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ
1. Input Storage Area เป็นส่วนที่เก็บข้อมูลนาเข้าที่ได้รับมาจากหน่วยรับข้อมูลเข้าโดย ข้อมูลนี้จะถูกนาไปใช้ในการ
ประมวลผลต่อไป
2. Working Storage Area เป็นส่วนที่เก็บข้อมูลที่อยู่ในระหว่างการประมวลผล
3. Output Storage Area เป็นส่วนที่เก็บผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผล ตามความต้องการของผู้ใช้ เพื่อรอที่จะถูก
ส่งไปแสดงออก ยังหน่วยแสดงผลอื่นที่ผู้ใช้ต้องการ
4. Program Storage Area เป็นส่วนที่ใช้เก็บชุดคาสั่ง หรือโปรแกรมที่ผู้ใช้ต้องการจะส่งเข้ามา เพื่อใช้คอมพิวเตอร์
ปฏิบัติตามคาสั่ง ชุดดังกล่าว หน่วยควบคุมจะทาหน้าที่ดึงคาสั่งจากส่วน นี้ไปที่ละคาสั่งเพื่อทาการแปลความหมาย ว่าคาสั่งนั้นสั่งให้ทาอะไร
จากนั้นหน่วยควบคุม จะไปควบคุมฮาร์ดแวร์ที่ต้องการทางานดังกล่าวให้ทางานตามคาสั่งนั้นๆ
Module ของ RAM
RAM ที่เรานามาใช้งานนั้นจะเป็น chip เป็น Ic ตัวเล็กๆ ซึ่งส่วนที่เรานามาใช้เป็นหน่วยความจาหลัก จะถูกบัดกรีติดอยู่บนแผงวงจร หรือ
Printed Circuit Board เป็น Module ซึ่งมีหลัก ๆ อยู่ 2 Module คือ SIMM กับ DIMM
6. รอม (ROM)
รอม (ROM: Read-only Memory หน่วยความจาอ่านอย่างเดียว) เป็น
หน่วยความจาแบบสารกึ่งตัวนาชั่วคราวชนิดอ่านได้อย่างเดียว ใช้เป็นสื่อบันทึกใน
คอมพิวเตอร์ เพราะไม่สามารถบันทึกซ้าได้ (อย่างง่ายๆ) เป็นหน่วยความจาที่มีซอฟต์แวร์หรือ
ข้อมูลอยู่แล้ว และพร้อมที่จะนามาต่อกับไมโครโพรเซสเซอร์ได้โดยตรง หน่วยความจาประเภทนี้
แม้ไม่มีไฟเลี้ยงต่ออยู่ ข้อมูลก็จะไม่หายไปจากหน่วยความจา (nonvolatile) โดยทั่วไปจะ
ใช้เก็บข้อมูลที่ไม่ต้องมีการแก้ไขอีกแล้วเช่น
เก็บโปรแกรมไบออส (Basic Input output System : BIOS) หรือ
เฟิร์มแวร์ ที่ควบคุมการทางานของคอมพิวเตอร์
ใช้เก็บโปรแกรมการทางานสาหรับเครื่องคิดเลข
ใช้เก็บโปรแกรมของคอมพิวเตอร์ที่ทางานเฉพาะด้าน เช่น ในรถยนต์ที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์
ควบคุมวงจร ควบคุมในเครื่องซักผ้า เป็นต้
9. MONITER (จอภาพ)
จอภาพ Monitor เป็นอุปกรณ์แสดงผลที่มีชื่อเรียกมากมาย เช่น Monitor, CRT (Cathode Ray Tube) สามารถแบ่ง
ได้หลายรูปแบบ เช่น แบ่งเป็นจอแบบตัวอักษร (Text) กับจอแบบกราฟิก (Graphic) โดยจอภาพแบบตัวอักษรจะมีหน่วยวัดเป็น
จานวนตัวอักษรต่อบรรทัด เช่น 80 ตัวอักษร 25 บรรทัด สาหรับจอภาพแบบกราฟิก จะมีหน่วยวัดเป็นจุด (Pixel) เช่น 640
pixel x 480 pixel
ลักษณะภายนอกของจอภาพก็คล้ายๆ กับจอโทรทัศน์นั่นเอง สิ่งที่แสดงออกทางจอภาพมีทั้งข้อความ ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว
โดยรับข้อมูลจากการ์ดแสดงผล (Video Card, Video Adapter) ซึ่งเป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ที่เสียบบนเมนบอร์ด ทา
หน้าที่นาข้อมูลจากหน่วยประมวลผล มาแปลงเป็นสัญญาณภาพ แล้วส่งให้จอภาพแสดงผล
ปัจจุบันมีการพัฒนาจอภาพออกมาหลากหลายลักษณะ โดยเน้นที่จานวนสี ความละเอียด ความคมชัด การประหยัดพลังงาน โดย
สามารถแบ่งประเภทจอภาพ ที่ใช้ในปัจจุบันได้กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้
จอภาพสีเดียว (Monochrome Monitor)
จอภาพที่รับสัญญาณจากการ์ดควบคุม ในลักษณะของสัญญาณดิจิตอล คือ 0 กับ 1 โดยการกวาดลาอิเล็กตรอนไปตกหน้าจอ แล้ว
เกิดเป็นจุดเรืองแสง จะให้สัญญาณว่าจุดไหนสว่าง จุดไหนดับ จอภาพสีเดียวเวลานี้ไม่มีผู้นิยมแล้ว
จอภาพหลายสี (Color Monitor)
จอภาพที่รับสัญญาณดิจิตอล 4 สัญญาณ คือ สัญญาณของสีแดง, เขียว, น้าเงิน และสัญญาณความสว่าง ทาให้สามารถแสดงสีได้
16 สี ถึง 16 ล้านสี
10. MONITER (จอภาพ)
จอภาพแบบแบน (LCD; Liquid Crystal Display)
จอภาพผลึกเหลวใช้งานกับคอมพิวเตอร์ประเภทพกพาเป็นส่วนใหญ่ เป็นแบ่งได้เป็น
Active matrix จอภาพสีสดใสมองเห็นจากหลายมุม เนื่องจากให้ความสว่าง และสีสันในอัตราที่สูง
มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า TFT – Thin Film Transistor และเนื่องจากคุณสมบัติดังกล่าว ทาให้ราคา
ของจอประเภทนี้สูงด้วย
Passive matrix color จอภาพสีค่อนข้างแห้ง เนื่องจากมีความสว่างน้อย และสีสันไม่มากนัก
ทาให้ไม่สามารถมองจากมุมมองอื่นได้ นอกจากมองจากมุมตรง เรียกอีกชื่อได้ว่า DSTN –
Double Super Twisted Nematic
การทางานของจอภาพ เริ่มจากการกระตุ้นอุปกรณ์หลอดภาพให้ร้อน เกิดเป็นอิเล็กตรอนขึ้น และถูก
ยิงด้วยปืนอิเล็กตรอน ให้ไปยังจุดที่ต้องการแสดงผลบนจอภาพ ซึ่งที่จอภาพจะมีการเคลือบสารฟอสฟอรัส
เรืองแสง เมื่ออิเล็กตรอนเหล่านี้วิ่งไปชน ก็จะทาให้เกิดแสงสว่าง ซึ่งจะประกอบกันเป็นรูปภาพ ในการยิงลา
แสดงอิเล็กตรอน มันจะเคลื่อนที่ไปตามแนวขวาง จากนั้นเมื่อกวาดภาพ มาถึงสุดขอบด้านหนึ่ง ปืนลาแสงก็จะ
หยุดยิง และ ปรับปืนอิเล็กตรอนลงมา 1 line และ เคลื่อนที่ไปยังขอบอีกด้านหนึ่ง และทาการยิ่งใหม่ ลักษณะ
การยิงจึงเป็นแบบฟันเลื่อย