สรุปบทความ เรื่อง ลักษณนามบางคำในภาษากฎหมายไทย
- 1. สรุปบทความ เรื่อง ลักษณนามบางคาในภาษากฎหมายไทย
ผู้แต่ง : จานงค์ ทองประเสริฐ
ลักษณนาม มีกาพลวัต คือการเปลี่ยนแปลง เช่น คาว่า “นาย” เดิมใช้ในการลงท้ายคณะกรรมการ ซึ่งล้วนมี
แต่ผู้ชาย เมื่อผู้หญิงมีสิทธิมากขึ้น มีบทบาทหน้าที่ในสังคมหรือได้เข้าร่วมในชุดคณะกรรมการ จึงมีการเปลี่ยนจากคา
ลักษณะนามที่ลงท้ายว่า “นาย” เป็น “คน” แต่ในกรณีเดียวกันเมื่อมีเจ้านายหรือพระราชวงศ์ร่วมในกรรมการชุดนั้น ถ้า
ใช้คาว่าคนจะเป็นการลดพระเกียรติ ดังนั้นจึงให้ใช้คาว่า “ท่าน” แทนลักษณะนามของคณะกรรมการทั้งชุด เพื่อให้เกิด
ความเหมาะสมและให้เกียรติแก่ผู้ทางาน เป็นต้น
อีกคาหนึ่งคือคาว่า “ช้าง” เดิมใช้ลักษณะนามซ้าคาเดิม คือ ช้างหนึ่งช้าง แต่ภาษาเกิดการวิวัฒนาการ ซึ่งใน
ปัจจุบันกาหนดให้เรียกลักษณนามช้างเป็นเชือก แต่หากเป็นช้างหรือม้าพระมหากษัตริย์ให้ใช้ลักษณนามซ้าคาเดิม คือ
“ช้าง” และ “ม้า” ส่วนสัดชนิดอื่นให้ใช้คาว่า “ตัว”
ในการประชุมราชบัณฑิตได้กล่าวถึงลักษณะนามของช้างควรมี 3 คา คือ
- หากเป็นช้างป่า ให้ใช้ลักษณนามว่า “ตัว”
- หากเป็นช้างบ้าน ให้ใช้ลักษณนามว่า “เชือก”
- หากเป็นช้างหรือม้าของหลวง (ของพระมหากษัตริย์) ให้ใช้ลักษณนามซ้าคาว่า “ช้าง” และ “ม้า”
สรุปบทความ เรื่อง อวัจนภาษาในภาษาหนังสือพิมพ์
ผู้แต่ง : ผศ.สุภิตร อนุศาสน์
ภาษาเป็นเครื่องมือที่ใช้สื่อสาร ซึ่งใช้เสียง ท่าทาง หรือสัญลักษณ์ก็ได้แต่จะต้องมีระบบกฎเกณฑ์ที่เข้าใจ
ตรงกันระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสาร ภาษาที่ใช้สื่อสารแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. วัจนภาษาหรือถ้อยคา เป็นภาษาที่มนุษย์กาหนดใช้และตกลงร่วมกันเพื่อแทนมโนภาพของสิ่งต่าง ๆ
2. ภาษาที่ไม่ใช้ถ้อยคาหรืออวัจนภาษา คือ กิริยาอาการต่าง ๆ ที่มนุษย์ใช้สื่ออารมณ์ความรู้สึกความต้องการ
ฯลฯ บางท่านเรียกภาษาประเภทนี้ว่าภาษากาย (Body language)
บางครั้งการใช้วัจนภาษาก็มีการแทรกอวัจนภาษาในการเขียนเพื่อสร้างจินภาพให้แก่ผู้อ่าน สวนิต ยมาภัย
แบ่งอวัจนภาษาเป็น 7 ประเภท ดังนี้
1. เทศภาษา (Proxemics) เป็นภาษาที่ปรากฎจากลักษณะของสถานที่ที่บุคคลทาการสื่อสาร กันอยู่รวมทั้ง
ช่องระยะที่บุคคลทาการสื่อสารห่างจากกัน สถานที่และช่วงระยะ จะสื่อความหมายที่อยู่ในจิตสานึกของผู้ที่กาลังสื่อสาร
กันได้เช่น บุคคลต่างเพศสองคนนั่งชิดกันอยู่บนม้านั่งตัวเดียวกันย่อมเป็นที่เข้าใจว่าบุคคลทั้งสองมีความสัมพันธ์เป็น
พิเศษ
2. กาลภาษา (Chonemics) การใช้เวลาเป็นการสื่อสารเชิงอวัจนะ เพื่อแสดงเจตนาของผู้รับสาร เช่น การ ไป
ตรงเวลานัดหมาย แสดงถึง ความเคารพ การให้เกียรติ และเห็นความสาคัญของผู้ส่งสาร หรือการรอคอยด้วยความ
อดทน แสดงว่า ธุระของผู้รอคอยมีความสาคัญมาก
3. เนตรภาษา (Oculesics) เป็นอวัจนภาษาที่ใช้ดวงตาสื่ออารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด ความประสงค์ และ
ทัศนคติบางประการในตัวผู้ส่งสาร
- 2. 4. สัมผัสภาษา (Haptics) หมายถึงอวัจนภาษาที่ใช้อาการสัมผัส เพื่อสื่ออารมณ์ความรู้สึก ตลอดจน ความ
ปรารถนา ที่ฝังลึกอยู่ในใจของผู้ส่งสารไปยังผู้รับสาร
5. อาการภาษา (Kinesics) เป็นอวัจนภาษาที่อยู่ในรูปของการเคลื่อนไหวร่างกาย เพื่อการสื่อสาร เช่น ศีรษะ
แขน ขา ลาตัว เป็นต้น
6. วัตถุภาษา (Objectics) เป็นอวัจนภาษาที่เกิดจากการใช้และการเลือกวัตถุ มาใช้เพื่อแสดงความหมาย บาง
ประการ เช่น การแต่งกายของคน ก็สามารถสื่อสารบอกกิจกรรม ภารกิจ สถานภาพ รสนิยม ตลอดจนอุปนิสัยของ
บุคคลนั้น ๆ ได้
7. ปริภาษา (Vocalics) หมายถึงอวัจนภาษา ที่เกิดจากการใช้น้าเสียงประกอบถ้อยคาที่พูดออกไป น้า เสียงจะ
มีความสาคัญมากในการสื่อความหมายนั้น
ในการใช้ภาษาพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์พบว่า มีการใช้อวัจนภาษาในการเขียน เพื่อ กลวิธีเขียนข่าวให้มีสีสัน
หรือวาดให้เห็นภาพ (Illustration) ซึ่งภาษาเขียนที่ส่งผลทางอารมณ์แก่ผู้อ่าน เรียกว่าเป็น Speeial Objects อวัจ
นภาษาพบมากในการพาดหัวข่าวอยู่ ๓ ประเภท คือ
1. อาการภาษา อวัจนภาษา ประเภทนี้จะพบมากที่สุด เพราะเป็นอวัจนภาษาที่เสริมให้วัจนภาษามีความ หมาย
ชัดเจน ให้ผู้อ่านมองเห็นภาพ
2. สัมผัสภาษา อวัจนภาษาประเภทนี้พบไม่มากนัก เป็นกริยาที่คนสองคนร่วมกันทากิจกรรม หรือเป็น
กิจกรรมของคนคนเดียวที่สัมผัสกับผู้อื่น
3. ปริภาษา อวัจนภาษา ประเภทนี้มีไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นการใช้คาเลียนเสียง เพื่อแสดงอารมณ์หรือ
กระตุ้นให้ผู้อ่านแปลความหมายจากเสียงที่ได้ยินว่า เป็นอารมณ์อย่างไร
ภาษาหนังสือพิมพ์เป็นภาษาที่มีลักษณะเฉพาะ และมีอิทธิพลต่อประชาชนทุกระดับ การพาดหัวข่าวจึง
จาเป็นต้องใช้คากระชับสะดุดตาสะดุดใจคนอ่าน