SlideShare a Scribd company logo
กล้อ งจุล
ทรรศน์
กาลิเ ลอิ กาลิเ ลโอ ได้
     สร้า งแว่น ขยาย
ส่อ งดูส ิ่ง มีช ีว ิต เล็ก ๆ ใน
   ราวปี พ .ศ . 2153
อะมีบ า
พารามีเ ซีย ม
ยูก ลีน า
เซลล์เ ยื่อ บุข ้า ง
    แก้ม
ปี พ .ศ . 2133 ช่า งทำา แว่น ตาชาวฮอ
                             ตาชาวฮ
แจนเสน ประดิษ ฐ์ก ล้อ งจุล ทรรศน์ช
ประกอบ ประกอบด้ว ยแว่น ขยายสอ
2208 โรเบิร ต ฮุก ประดิษ ฐ์ก ล้อ งจุล
                 ์
ประกอบที่ม ล ำา กล้อ งรูป ร่า งสวยงาม
              ี
นจากแสงภายนอกได้ และไม่ต ้อ งถ
 จากแสงภายนอกได้
าส่อ งดูไ ม้ค อร์ก ทีฝ านบางๆ แล้ว พ
                       ่
ขาเรีย กช่อ งเหล่า นั้น ว่า
 มายถึง ห้อ งว่า ง ๆ
ง ฮุก จึง ได้ช ื่อ ว่า
ชื่อ เซลล์
2215 แอนโทนี แวน เลเวนฮุค ชาว
 215
จุล ทรรศน์ช นิด เลนส์เ ดีย วจากแว่น ข
ง แว่น ขยายบางอัน ขยายได้ถ ึง 27
 ทรรศน์ต รวจดูห ยดนำ้า จากบึง และแ
 ฝน เห็น สิง มีช ว ิต เล็ก ๆ มากมาย นอ
              ่     ี
 องดูส ง มีช ีว ิต ต่า ง ๆ เช่น เม็ด เลือ ดแ
        ิ่
 ธุส ต ว์ต ัว ผู้, กล้า มเนือ เป็น ต้น จึง ไ
    ์ ั                     ้
 ว่า เป็น ผู้ป ระดิษ ฐ์ก ล้อ งจุล ทรรศน
ศ . 2367 ดูโ ธรเชต์ นัก พฤกษศาสต
ฝรั่ง เศสศึก ษาเนื้อ เยือ พืช และสัต ว์พ
                        ่
กอบด้ว ย เซลล์
 อบด้
. 2376 โรเบิร ต บราวน์ นัก พฤกษศ
                ์
งกฤษ เป็น คนแรกที่พ บว่า เซลล์พ ชื
ลีย สเป็น ก้อ นกลม ๆ อยู่ภ ายในเซลล
                           ายในเซล
.ศ . 2381 ชไลเดน นัก พฤกษศาสต
วเยอรมัน ศึก ษาเนือ เยื่อ พืช ชนิด ต่า
                    ้
ว่า พืช ทุก ชนิด ประกอบด้ว ย เซลล์
ปี พ .ศ . 2382 ชไลเดรและ
ชวาน จึง ร่ว มกัน ตั้ง
ทฤษฎีเ ซลล์ ซึง มีใ จความ
                     ่
สรุป ได้ว ่า
    "สิ่ง มีช ีว ิต ทุก ชนิด
ประกอบไปด้ว ยเซลล์
      และผลิต ภัณ ฑ์จ าก
เซลล์"
พ .ศ . 2382 พัว กิน เย นัก สัต ววิท ยา
ชาวเชคโกสโลวาเกีย ศึก ษาไข่แ ล
 ตัว อ่อ นของสัต ว์ช นิด ต่า งๆ พบว่า
ในมีข องเหลวใส เหนีย ว อ่อ นนุ่ม เป
       เรีย กว่า โพรโทพลาสซึม
นกระทั่ง ปี พ .ศ . 2475 นัก วิท ยาศาส
 กระทั
วเยอรมัน คือ อี.รุส กา และแมกซ์น อ
 เยอรมั
ด้เ ปลี่ย นแปลงกระบวนการของกล้อ
 จุล ทรรศน์ท ี่ใ ช้แ สงและเลนส์ม าใช
ตรอน ทำา ให้เ กิด กล้อ งจุล ทรรศน์อ เิ
           ขึ้น ในระยะต่อ ๆมา
ปัจ จุบ น มีก ำา ลัง ขยายกว่า 5 แสนเท่า
        ั
ส่ว นประกอบของ
กล้อ งจุล ทรรศน์เ ชิง ประกอบ
ส่ว นประกอบ
      ของ
กล้อ งจุล ทรรศน์
 เชิง ประกอบ
   1.Ocular
   (เลนส์ใ กล้ต า)
หน้า ที่ ขยายภาพที่
ได้จากเลนส์ใกล้วตถุ
                ั
ให้มขนาดใหญ่ขึ้น
    ี
ส่ว นประกอบ
      ของ
กล้อ งจุล ทรรศน์
 2.Body tube
 เชิง ประกอบ
ลัก(ลำา กล้อ ง) จากมือ
    ษณะ อยู่ต่อ
จับมีลกษณะเป็นท่อ
      ั
กลวงปลายด้านบนมี
เลนส์ใกล้ตาสวมอยู่ดาน ้
บนอีกด้านหนึงมีชดของ
             ่     ุ
เลนส์ใกล้วัตถุซึ่งติดอยู่
ส่ว นประกอบ
      ของ
กล้อ งจุล ทรรศน์
 เชิง ประกอบ
  3.Arm
   (แขน)
หน้า ที่ เป็นส่วนยึด
ลำากล้องและฐานไว้
ด้วยกัน ใช้เป็นทีจับ
                 ่
เวลาเคลือนย้าย
         ่
กล้องจุลทรรศน์
ส่ว นประกอบ
      ของ
กล้อ งจุล ทรรศน์
 เชิง ประกอบ
 4.Revolving
  nosepiece
   (แป้น หมุน )
หน้า ที่ เป็นส่วนของ
กล้องทีใช้สำาหรับ
       ่
หมุน เพื่อเปลียนกำาลัง
              ่
ขยายของเลนส์ใกล้
ส่ว นประกอบ
      ของ
กล้อ งจุล ทรรศน์
5.Objectives
 เชิง ประกอบ
หน้า ที่ รับแสงทีสถุ)
(เลนส์ใ กล้ว ัต อง่ ่
ผ่านมาจากวัตถุทนำา ี่
มาศึกษา
( Specimen ) เมื่อ
ลำาแสงผ่านเลนส์ใกล้
วัตถุ เลนส์ใกล้วัตถุจะ
ส่ว นประกอบ
      ของ
กล้อ งจุล ทรรศน์
 6.Stage (แท่น
 เชิง ประกอบ
 วางวัต ถุ)
หน้า ที่ เป็นแท่น
สำาหรับวางสไลด์
ตัวอย่างทีตองการ
            ่ ้
ศึกษา มีลกษณะเป็น
          ั
แท่นสี่เหลียม หรือ
             ่
วงกลมตรงกลางมีรูให้
ส่ว นประกอบ
      ของ
กล้อ งจุล ทรรศน์
 เชิง ประกอบ
  7.Mechanic
  al stage
 หน้า ที่ ยึด
 สไลด์และมี
 อุปกรณ์ชวยใน
           ่
 การเลือนสไลด์
       ่
ส่ว นประกอบ
      ของ
กล้อ งจุล ทรรศน์
 เชิง ประกอบ
  8.Focus lock
  (ปุม ล๊อ ค)
     ่
ส่ว นประกอบ
      ของ
กล้อ งจุล ทรรศน์
    9.Coarse
 เชิง ประกอบ
     adjustment
หน้า ที่ knob แหน่ง
           เลือนตำา
              ่
ของแท่นวางวัภาพ ลง
     (ปุม ปรับ ตถุขึ้น
        ่
เมืออยู่ในระยะโฟกัส
   ่      หยาบ)
ทำาให้มองเห็นภาพได้
ปุมนีมีขนาดใหญ่จะอยู่
  ่ ้
ส่ว นประกอบ
      ของ
กล้อ งจุล ทรรศน์
10.Fine
 เชิง ประกอบ
adjustment
knob เมื่อ ปรับ ด้ว ย
หน้า ที่
ปุ่ม ปรัปรับ ภาพ
 (ปุม บ ภาพหยาบ
     ่
ละเอีย ด)
จนมองเห็น ภาพแล้ว
จึง หมุน ปุ่ม ปรับ ภาพ
ละเอีย ดจะทำา ให้ไ ด้
ส่ว นประกอบ
      ของ
กล้อ งจุล ทรรศน์
     11.Iris
 เชิง ประกอบ
    diaphragm
หน้า ที่ lever
          รับแสง
 (ก้า นปรับ ไอริส
สามารถปรับขนาดของ
รูรับแสงได้ตาม
    ไดอะแฟรม)
ต้องการ มีคนโยก
           ั
สำาหรับปรับขนาดรูรับ
แสงอยู่ด้านล่างใต้แท่น
ส่ว นประกอบ
      ของ
กล้อ งจุล ทรรศน์
12.Cond
 เชิง ประกอบ
  enser
หน้า ที่ เป็นเลนส์
(คอนเดน
รวมแสง เพือรวมแสง
              ่
ผ่าเซอร์) ตถุทอยู่
     นไปยังวั   ี่
บนสไลด์ สามารถ
เลือนขึ้นลงได้โดยมี
   ่
ส่ว นประกอบ
      ของ
กล้อ งจุล ทรรศน์
 เชิง ประกอบ
13.Condenser
   knob
  (ปุม ปรับ
     ่
คอนเดนเซอร์)
ส่ว นประกอบ
      ของ
กล้อ งจุล ทรรศน์
 เชิง ประกอบ
    14.Lamp
   (หลอดไฟ)
ส่ว นประกอบ
      ของ
กล้อ งจุล ทรรศน์
 เชิง ประกอบ
  15.Switch
   (ปุม ปิด เปิด
      ่
     หลอดไฟ)
ส่ว นประกอบ
      ของ
กล้อ งจุล ทรรศน์
 เชิง ประกอบ
 16.Base
  (ฐาน) ้า
หน้า ที่ รับนำ
หนักทั้งหมดของ
กล้องจุลทรรศน์
มีรูปร่างสีเหลียม
           ่    ่
หรือวงกลม ที่
ฐานจะมีปม    ุ่
ชนิด ใช้แ สง แต่แ ตกต่า งกัน ที่ส ่ว น
ประกอบภายใน
 กล่า วคือ กล้อ งจุล ทรรศน์
อิเ ล็ก ตรอนจะใช้ล ำา อิเ ล็ก ตรอน
ซึ่ง มีข นาดเล็ก มากวิ่ง ผ่า นวัต ถุ
และโฟกัส ภาพลงบนจอ
เรือ งแสง เลนส์ต ่า ง ๆ ในกล้อ งจะ
ใช้ข ดลวดพัน รอบ ๆ
แท่ง เหล็ก อ่อ น เมือ กระแสไฟฟ้า
                    ่
ไหลผ่า นจะเกิด
แท่ง เหล็ก เมื่อ ผ่า นกระแสไฟฟ้า เข้า ไปจะ
ทำา ให้เ กิด สนามแม่เ หล็ก ขึ้น ซึ่ง ทำา ให้
ลำา แสง อิเ ล็ก ตรอนเข้ม ข้น ขึ้น เพื่อ ไปตก
อยูท ี่ว ัต ถุท ี่ต ้อ งการศึก ษา
    ่
เลนส์ข องกล้อ งจุล ทรรศน์อ ิเ ล็ก ตรอนนั้น
ประกอบด้ว ย
เลนส์ร วมแสง และโปรเจกเตอร์ เลนส์
โดย โปรเจกเตอร์เ ลนส์น ั้น มีห น้า ที่ฉ าย
ภาพ จากตัว อย่า ง ที่ต ้อ งการศึก ษาลงบน
จอภาพ ซึง จอภาพจะฉาบด้ว ยสารเรือ ง
               ่
แสง เมือ ลำา แสงอิเ ล็ก ตรอนตกบนจอภาพ
           ่
จะทำา ให้เ กิด การเรือ งแสงที่ส ามารถมอง
ดลำา แสงอิเ ล็ก ตรอน
 ดลำา แสงอิเ ล็ก ตรอน คือ ปืน ยิง อิเ ล็ก
 ะเป็น ขดลวดตัว วีท ำา จากทัง สเตน
จะถูก ปล่อ ยออกมาหลัง จากผ่า นกร
ดลวด เนื่อ งจากอิเ ล็ก ตรอนมีข นาด
รดูด อากาศออกจากตัว กล้อ งให้เ ป็น
 การรบกวนของลำา แสงอิเ ล็ก ตรอน
งกัน การเกิด การหัก เห เนื่อ งมาจาก
กาศกับ ลำา แสงอิเ ล็ก ตรอน
กล้อ งจุล ทรรศน์อ เ ล็ก ตรอน
                       ิ
    ในปัจ จุบ น กล้อ งจุล ทรรศน์
               ั
    อิเ ล็ก ตรอนมี 2 ชนิด
องจุล ทรรศน์อ เ ล็ก ตรอนชนิด ส่อ งผ
 ้อ งจุ          ิ
ransmission Electron microsco
 องจุล ทรรศน์อ เ ล็ก ตรอนชนิด ส่อ งก
 ้อ งจุ        ิ
canning Electron microscope)
ล้อ งจุล ทรรศน์อ เ ล็ก ตรอนชนิด ส่อ ง
                 ิ
Transmission Electron microsc
โดยลำา แสงอิเ ล็ก ตรอนจะส่อ งผ่า นเซลล์ห รือ
                        ตัว อย่า ง
   ที่ต ้อ งการศึก ษาซึ่ง ผู้ศ ึก ษา ต้อ งเตรีย ม
              ตัว อย่า งให้ไ ด้ข นาดบาง
เป็น พิเ ศษกล้อ งจุล ทรรศน์ช นิด นี้ม ีร าคาแพง
                          มาก
      และการใช้ง านจะซับ ซ้อ นมากกว่า
      กล้อ งจุล ทรรศน์ท ี่ก ล่า วมาข้า งต้น
โดยใช้อ เ ล็ก ตรอนเป็น แหล่ง กำา เนิด แสงและ
            ิ
                 ให้ผ ่า น ตัว อย่า งที่ม ี
ขนาดบางมากๆ ใช้แ ผ่น แม่เ หล็ก แทนเลนส์
 แก้ว สามารถขยายภาพได้ 200,000 ถึง
         500,000 เป็น ภาพ 2 มิต ิ (two
ล้อ งจุล ทรรศน์อ เ ล็ก ตรอนชนิด ส่อ ง
                 ิ
anning Electron microscope)
หรือ ผิว วัต ถุ โดยลำา แสงอิเ ล็ก ตรอนจะส่อ ง
            กราดไปบนผิว ของวัต ถุ
กล้อ งจุล ทรรศน์ช นิด นี้ล ำา แสงอิเ ล็ก ตรอนจะ
                 ตกกระทบเฉพาะ
 ผิว ด้า นนอกของวัต ถุ ภาพที่เ ห็น จะเห็น ได้
                  เฉพาะผิว นอก
 ทำา ให้ไ ด้ภ าพที่ม ีล ัก ษณะเป็น 3 มิต ิ กล้อ ง
                 ชนิด นี้แ ม้ว าจะมี
    ความสามารถในการเห็น ภาพตำ่า กว่า
                 กล้อ งจุล ทรรศน์
 อิเ ล็ก ตรอนแบบส่อ งผ่า นและสามารถเห็น
                  เฉพาะผิว นอก
ภาพถ่า ยเซลล์ย ก ลีน า
                                  ู




กล้องจุลทรรศน์ธรรมดา องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน องจุลทรรศน์อิเล็กต
                 จากกล้              จากกล้
    ชนิดใช้แสง          แบบส่องผ่าน         แบบส่องกราด
ภาพถ่า ย Kidney Stones หรือ นิ่ว ในไต
                                              ส่ว นหัว ของผีเ สื้อ กล
                                                     




                                                    กระดาษทิชชูหรือกระดาษ

                                                       
ภาพสนิม ของสัง กะสี




   ไวรัส
ภาพสนิมสังกะสีอีกภาพ




    แมงมุมนันเอง
            ่
ผลึกหิมะ




เกสรดอกไม้
ประวัติกล้อง
ประวัติกล้อง
ประวัติกล้อง
ประวัติกล้อง

More Related Content

Similar to ประวัติกล้อง

กล้องจุลทรรศน์ เซลล์และการค้นพบเซลล์
กล้องจุลทรรศน์ เซลล์และการค้นพบเซลล์กล้องจุลทรรศน์ เซลล์และการค้นพบเซลล์
กล้องจุลทรรศน์ เซลล์และการค้นพบเซลล์dnavaroj
 
ชีววิทยา เรื่อง กล้องจุลทรรศน์ " Microscope"
ชีววิทยา เรื่อง กล้องจุลทรรศน์ " Microscope"ชีววิทยา เรื่อง กล้องจุลทรรศน์ " Microscope"
ชีววิทยา เรื่อง กล้องจุลทรรศน์ " Microscope"
kasidid20309
 
101 introduction to movie
101  introduction to movie101  introduction to movie
101 introduction to movie
Pipit Sitthisak
 
เรื่องที่ 14 ทัศนอุปกรณ์
เรื่องที่ 14  ทัศนอุปกรณ์เรื่องที่ 14  ทัศนอุปกรณ์
เรื่องที่ 14 ทัศนอุปกรณ์thanakit553
 
บทที่ 2 อะตอมและสมบัติธาตุ.pdf
บทที่ 2 อะตอมและสมบัติธาตุ.pdfบทที่ 2 อะตอมและสมบัติธาตุ.pdf
บทที่ 2 อะตอมและสมบัติธาตุ.pdf
Katewaree Yosyingyong
 
โครงงานกล้องจุลทรรษร์
โครงงานกล้องจุลทรรษร์โครงงานกล้องจุลทรรษร์
โครงงานกล้องจุลทรรษร์krupornpana55
 
เอกสารประกอบการอบรมติดตั้งจานดาวเทียม (Sat2u 2556)
เอกสารประกอบการอบรมติดตั้งจานดาวเทียม (Sat2u 2556)เอกสารประกอบการอบรมติดตั้งจานดาวเทียม (Sat2u 2556)
เอกสารประกอบการอบรมติดตั้งจานดาวเทียม (Sat2u 2556)sornblog2u
 
Macro phography
Macro phographyMacro phography
Macro phography
edtech29
 
Microscope
MicroscopeMicroscope
9789740330196
97897403301969789740330196
9789740330196
CUPress
 

Similar to ประวัติกล้อง (20)

กล้องจุลทรรศน์ เซลล์และการค้นพบเซลล์
กล้องจุลทรรศน์ เซลล์และการค้นพบเซลล์กล้องจุลทรรศน์ เซลล์และการค้นพบเซลล์
กล้องจุลทรรศน์ เซลล์และการค้นพบเซลล์
 
Microscope
MicroscopeMicroscope
Microscope
 
ชีววิทยา เรื่อง กล้องจุลทรรศน์ " Microscope"
ชีววิทยา เรื่อง กล้องจุลทรรศน์ " Microscope"ชีววิทยา เรื่อง กล้องจุลทรรศน์ " Microscope"
ชีววิทยา เรื่อง กล้องจุลทรรศน์ " Microscope"
 
Eyepresent
EyepresentEyepresent
Eyepresent
 
Eyepresent
EyepresentEyepresent
Eyepresent
 
Microscope
MicroscopeMicroscope
Microscope
 
1
 1  1
1
 
101 introduction to movie
101  introduction to movie101  introduction to movie
101 introduction to movie
 
เรื่องที่ 14 ทัศนอุปกรณ์
เรื่องที่ 14  ทัศนอุปกรณ์เรื่องที่ 14  ทัศนอุปกรณ์
เรื่องที่ 14 ทัศนอุปกรณ์
 
P14
P14P14
P14
 
บทที่ 2 อะตอมและสมบัติธาตุ.pdf
บทที่ 2 อะตอมและสมบัติธาตุ.pdfบทที่ 2 อะตอมและสมบัติธาตุ.pdf
บทที่ 2 อะตอมและสมบัติธาตุ.pdf
 
Univers1
Univers1Univers1
Univers1
 
โครงงานกล้องจุลทรรษร์
โครงงานกล้องจุลทรรษร์โครงงานกล้องจุลทรรษร์
โครงงานกล้องจุลทรรษร์
 
ไฟฟ้าสถิต
ไฟฟ้าสถิตไฟฟ้าสถิต
ไฟฟ้าสถิต
 
เอกสารประกอบการอบรมติดตั้งจานดาวเทียม (Sat2u 2556)
เอกสารประกอบการอบรมติดตั้งจานดาวเทียม (Sat2u 2556)เอกสารประกอบการอบรมติดตั้งจานดาวเทียม (Sat2u 2556)
เอกสารประกอบการอบรมติดตั้งจานดาวเทียม (Sat2u 2556)
 
Macro phography
Macro phographyMacro phography
Macro phography
 
พลังงานไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้าพลังงานไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้า
 
พลังงานไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้าพลังงานไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้า
 
Microscope
MicroscopeMicroscope
Microscope
 
9789740330196
97897403301969789740330196
9789740330196
 

ประวัติกล้อง

  • 2. กาลิเ ลอิ กาลิเ ลโอ ได้ สร้า งแว่น ขยาย ส่อ งดูส ิ่ง มีช ีว ิต เล็ก ๆ ใน ราวปี พ .ศ . 2153
  • 6.
  • 8. ปี พ .ศ . 2133 ช่า งทำา แว่น ตาชาวฮอ ตาชาวฮ แจนเสน ประดิษ ฐ์ก ล้อ งจุล ทรรศน์ช ประกอบ ประกอบด้ว ยแว่น ขยายสอ
  • 9. 2208 โรเบิร ต ฮุก ประดิษ ฐ์ก ล้อ งจุล ์ ประกอบที่ม ล ำา กล้อ งรูป ร่า งสวยงาม ี นจากแสงภายนอกได้ และไม่ต ้อ งถ จากแสงภายนอกได้ าส่อ งดูไ ม้ค อร์ก ทีฝ านบางๆ แล้ว พ ่ ขาเรีย กช่อ งเหล่า นั้น ว่า มายถึง ห้อ งว่า ง ๆ ง ฮุก จึง ได้ช ื่อ ว่า ชื่อ เซลล์
  • 10.
  • 11. 2215 แอนโทนี แวน เลเวนฮุค ชาว 215 จุล ทรรศน์ช นิด เลนส์เ ดีย วจากแว่น ข ง แว่น ขยายบางอัน ขยายได้ถ ึง 27 ทรรศน์ต รวจดูห ยดนำ้า จากบึง และแ ฝน เห็น สิง มีช ว ิต เล็ก ๆ มากมาย นอ ่ ี องดูส ง มีช ีว ิต ต่า ง ๆ เช่น เม็ด เลือ ดแ ิ่ ธุส ต ว์ต ัว ผู้, กล้า มเนือ เป็น ต้น จึง ไ ์ ั ้ ว่า เป็น ผู้ป ระดิษ ฐ์ก ล้อ งจุล ทรรศน
  • 12.
  • 13.
  • 14.
  • 15. ศ . 2367 ดูโ ธรเชต์ นัก พฤกษศาสต ฝรั่ง เศสศึก ษาเนื้อ เยือ พืช และสัต ว์พ ่ กอบด้ว ย เซลล์ อบด้
  • 16. . 2376 โรเบิร ต บราวน์ นัก พฤกษศ ์ งกฤษ เป็น คนแรกที่พ บว่า เซลล์พ ชื ลีย สเป็น ก้อ นกลม ๆ อยู่ภ ายในเซลล ายในเซล
  • 17. .ศ . 2381 ชไลเดน นัก พฤกษศาสต วเยอรมัน ศึก ษาเนือ เยื่อ พืช ชนิด ต่า ้ ว่า พืช ทุก ชนิด ประกอบด้ว ย เซลล์
  • 18. ปี พ .ศ . 2382 ชไลเดรและ ชวาน จึง ร่ว มกัน ตั้ง ทฤษฎีเ ซลล์ ซึง มีใ จความ ่ สรุป ได้ว ่า "สิ่ง มีช ีว ิต ทุก ชนิด ประกอบไปด้ว ยเซลล์ และผลิต ภัณ ฑ์จ าก เซลล์"
  • 19.
  • 20. พ .ศ . 2382 พัว กิน เย นัก สัต ววิท ยา ชาวเชคโกสโลวาเกีย ศึก ษาไข่แ ล ตัว อ่อ นของสัต ว์ช นิด ต่า งๆ พบว่า ในมีข องเหลวใส เหนีย ว อ่อ นนุ่ม เป เรีย กว่า โพรโทพลาสซึม
  • 21. นกระทั่ง ปี พ .ศ . 2475 นัก วิท ยาศาส กระทั วเยอรมัน คือ อี.รุส กา และแมกซ์น อ เยอรมั ด้เ ปลี่ย นแปลงกระบวนการของกล้อ จุล ทรรศน์ท ี่ใ ช้แ สงและเลนส์ม าใช ตรอน ทำา ให้เ กิด กล้อ งจุล ทรรศน์อ เิ ขึ้น ในระยะต่อ ๆมา ปัจ จุบ น มีก ำา ลัง ขยายกว่า 5 แสนเท่า ั
  • 22.
  • 23. ส่ว นประกอบของ กล้อ งจุล ทรรศน์เ ชิง ประกอบ
  • 24. ส่ว นประกอบ ของ กล้อ งจุล ทรรศน์ เชิง ประกอบ 1.Ocular (เลนส์ใ กล้ต า) หน้า ที่ ขยายภาพที่ ได้จากเลนส์ใกล้วตถุ ั ให้มขนาดใหญ่ขึ้น ี
  • 25. ส่ว นประกอบ ของ กล้อ งจุล ทรรศน์ 2.Body tube เชิง ประกอบ ลัก(ลำา กล้อ ง) จากมือ ษณะ อยู่ต่อ จับมีลกษณะเป็นท่อ ั กลวงปลายด้านบนมี เลนส์ใกล้ตาสวมอยู่ดาน ้ บนอีกด้านหนึงมีชดของ ่ ุ เลนส์ใกล้วัตถุซึ่งติดอยู่
  • 26. ส่ว นประกอบ ของ กล้อ งจุล ทรรศน์ เชิง ประกอบ 3.Arm (แขน) หน้า ที่ เป็นส่วนยึด ลำากล้องและฐานไว้ ด้วยกัน ใช้เป็นทีจับ ่ เวลาเคลือนย้าย ่ กล้องจุลทรรศน์
  • 27. ส่ว นประกอบ ของ กล้อ งจุล ทรรศน์ เชิง ประกอบ 4.Revolving nosepiece (แป้น หมุน ) หน้า ที่ เป็นส่วนของ กล้องทีใช้สำาหรับ ่ หมุน เพื่อเปลียนกำาลัง ่ ขยายของเลนส์ใกล้
  • 28. ส่ว นประกอบ ของ กล้อ งจุล ทรรศน์ 5.Objectives เชิง ประกอบ หน้า ที่ รับแสงทีสถุ) (เลนส์ใ กล้ว ัต อง่ ่ ผ่านมาจากวัตถุทนำา ี่ มาศึกษา ( Specimen ) เมื่อ ลำาแสงผ่านเลนส์ใกล้ วัตถุ เลนส์ใกล้วัตถุจะ
  • 29. ส่ว นประกอบ ของ กล้อ งจุล ทรรศน์ 6.Stage (แท่น เชิง ประกอบ วางวัต ถุ) หน้า ที่ เป็นแท่น สำาหรับวางสไลด์ ตัวอย่างทีตองการ ่ ้ ศึกษา มีลกษณะเป็น ั แท่นสี่เหลียม หรือ ่ วงกลมตรงกลางมีรูให้
  • 30. ส่ว นประกอบ ของ กล้อ งจุล ทรรศน์ เชิง ประกอบ 7.Mechanic al stage หน้า ที่ ยึด สไลด์และมี อุปกรณ์ชวยใน ่ การเลือนสไลด์ ่
  • 31. ส่ว นประกอบ ของ กล้อ งจุล ทรรศน์ เชิง ประกอบ 8.Focus lock (ปุม ล๊อ ค) ่
  • 32. ส่ว นประกอบ ของ กล้อ งจุล ทรรศน์ 9.Coarse เชิง ประกอบ adjustment หน้า ที่ knob แหน่ง เลือนตำา ่ ของแท่นวางวัภาพ ลง (ปุม ปรับ ตถุขึ้น ่ เมืออยู่ในระยะโฟกัส ่ หยาบ) ทำาให้มองเห็นภาพได้ ปุมนีมีขนาดใหญ่จะอยู่ ่ ้
  • 33. ส่ว นประกอบ ของ กล้อ งจุล ทรรศน์ 10.Fine เชิง ประกอบ adjustment knob เมื่อ ปรับ ด้ว ย หน้า ที่ ปุ่ม ปรัปรับ ภาพ (ปุม บ ภาพหยาบ ่ ละเอีย ด) จนมองเห็น ภาพแล้ว จึง หมุน ปุ่ม ปรับ ภาพ ละเอีย ดจะทำา ให้ไ ด้
  • 34. ส่ว นประกอบ ของ กล้อ งจุล ทรรศน์ 11.Iris เชิง ประกอบ diaphragm หน้า ที่ lever รับแสง (ก้า นปรับ ไอริส สามารถปรับขนาดของ รูรับแสงได้ตาม ไดอะแฟรม) ต้องการ มีคนโยก ั สำาหรับปรับขนาดรูรับ แสงอยู่ด้านล่างใต้แท่น
  • 35. ส่ว นประกอบ ของ กล้อ งจุล ทรรศน์ 12.Cond เชิง ประกอบ enser หน้า ที่ เป็นเลนส์ (คอนเดน รวมแสง เพือรวมแสง ่ ผ่าเซอร์) ตถุทอยู่ นไปยังวั ี่ บนสไลด์ สามารถ เลือนขึ้นลงได้โดยมี ่
  • 36. ส่ว นประกอบ ของ กล้อ งจุล ทรรศน์ เชิง ประกอบ 13.Condenser knob (ปุม ปรับ ่ คอนเดนเซอร์)
  • 37. ส่ว นประกอบ ของ กล้อ งจุล ทรรศน์ เชิง ประกอบ 14.Lamp (หลอดไฟ)
  • 38. ส่ว นประกอบ ของ กล้อ งจุล ทรรศน์ เชิง ประกอบ 15.Switch (ปุม ปิด เปิด ่ หลอดไฟ)
  • 39. ส่ว นประกอบ ของ กล้อ งจุล ทรรศน์ เชิง ประกอบ 16.Base (ฐาน) ้า หน้า ที่ รับนำ หนักทั้งหมดของ กล้องจุลทรรศน์ มีรูปร่างสีเหลียม ่ ่ หรือวงกลม ที่ ฐานจะมีปม ุ่
  • 40.
  • 41.
  • 42. ชนิด ใช้แ สง แต่แ ตกต่า งกัน ที่ส ่ว น ประกอบภายใน กล่า วคือ กล้อ งจุล ทรรศน์ อิเ ล็ก ตรอนจะใช้ล ำา อิเ ล็ก ตรอน ซึ่ง มีข นาดเล็ก มากวิ่ง ผ่า นวัต ถุ และโฟกัส ภาพลงบนจอ เรือ งแสง เลนส์ต ่า ง ๆ ในกล้อ งจะ ใช้ข ดลวดพัน รอบ ๆ แท่ง เหล็ก อ่อ น เมือ กระแสไฟฟ้า ่ ไหลผ่า นจะเกิด
  • 43. แท่ง เหล็ก เมื่อ ผ่า นกระแสไฟฟ้า เข้า ไปจะ ทำา ให้เ กิด สนามแม่เ หล็ก ขึ้น ซึ่ง ทำา ให้ ลำา แสง อิเ ล็ก ตรอนเข้ม ข้น ขึ้น เพื่อ ไปตก อยูท ี่ว ัต ถุท ี่ต ้อ งการศึก ษา ่ เลนส์ข องกล้อ งจุล ทรรศน์อ ิเ ล็ก ตรอนนั้น ประกอบด้ว ย เลนส์ร วมแสง และโปรเจกเตอร์ เลนส์ โดย โปรเจกเตอร์เ ลนส์น ั้น มีห น้า ที่ฉ าย ภาพ จากตัว อย่า ง ที่ต ้อ งการศึก ษาลงบน จอภาพ ซึง จอภาพจะฉาบด้ว ยสารเรือ ง ่ แสง เมือ ลำา แสงอิเ ล็ก ตรอนตกบนจอภาพ ่ จะทำา ให้เ กิด การเรือ งแสงที่ส ามารถมอง
  • 44. ดลำา แสงอิเ ล็ก ตรอน ดลำา แสงอิเ ล็ก ตรอน คือ ปืน ยิง อิเ ล็ก ะเป็น ขดลวดตัว วีท ำา จากทัง สเตน จะถูก ปล่อ ยออกมาหลัง จากผ่า นกร ดลวด เนื่อ งจากอิเ ล็ก ตรอนมีข นาด รดูด อากาศออกจากตัว กล้อ งให้เ ป็น การรบกวนของลำา แสงอิเ ล็ก ตรอน งกัน การเกิด การหัก เห เนื่อ งมาจาก กาศกับ ลำา แสงอิเ ล็ก ตรอน
  • 45. กล้อ งจุล ทรรศน์อ เ ล็ก ตรอน ิ ในปัจ จุบ น กล้อ งจุล ทรรศน์ ั อิเ ล็ก ตรอนมี 2 ชนิด องจุล ทรรศน์อ เ ล็ก ตรอนชนิด ส่อ งผ ้อ งจุ ิ ransmission Electron microsco องจุล ทรรศน์อ เ ล็ก ตรอนชนิด ส่อ งก ้อ งจุ ิ canning Electron microscope)
  • 46.
  • 47. ล้อ งจุล ทรรศน์อ เ ล็ก ตรอนชนิด ส่อ ง ิ Transmission Electron microsc
  • 48. โดยลำา แสงอิเ ล็ก ตรอนจะส่อ งผ่า นเซลล์ห รือ ตัว อย่า ง ที่ต ้อ งการศึก ษาซึ่ง ผู้ศ ึก ษา ต้อ งเตรีย ม ตัว อย่า งให้ไ ด้ข นาดบาง เป็น พิเ ศษกล้อ งจุล ทรรศน์ช นิด นี้ม ีร าคาแพง มาก และการใช้ง านจะซับ ซ้อ นมากกว่า กล้อ งจุล ทรรศน์ท ี่ก ล่า วมาข้า งต้น โดยใช้อ เ ล็ก ตรอนเป็น แหล่ง กำา เนิด แสงและ ิ ให้ผ ่า น ตัว อย่า งที่ม ี ขนาดบางมากๆ ใช้แ ผ่น แม่เ หล็ก แทนเลนส์ แก้ว สามารถขยายภาพได้ 200,000 ถึง 500,000 เป็น ภาพ 2 มิต ิ (two
  • 49. ล้อ งจุล ทรรศน์อ เ ล็ก ตรอนชนิด ส่อ ง ิ anning Electron microscope)
  • 50. หรือ ผิว วัต ถุ โดยลำา แสงอิเ ล็ก ตรอนจะส่อ ง กราดไปบนผิว ของวัต ถุ กล้อ งจุล ทรรศน์ช นิด นี้ล ำา แสงอิเ ล็ก ตรอนจะ ตกกระทบเฉพาะ ผิว ด้า นนอกของวัต ถุ ภาพที่เ ห็น จะเห็น ได้ เฉพาะผิว นอก ทำา ให้ไ ด้ภ าพที่ม ีล ัก ษณะเป็น 3 มิต ิ กล้อ ง ชนิด นี้แ ม้ว าจะมี ความสามารถในการเห็น ภาพตำ่า กว่า กล้อ งจุล ทรรศน์ อิเ ล็ก ตรอนแบบส่อ งผ่า นและสามารถเห็น เฉพาะผิว นอก
  • 51. ภาพถ่า ยเซลล์ย ก ลีน า ู กล้องจุลทรรศน์ธรรมดา องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน องจุลทรรศน์อิเล็กต จากกล้ จากกล้ ชนิดใช้แสง แบบส่องผ่าน แบบส่องกราด
  • 52.
  • 53.
  • 54.
  • 55.
  • 56. ภาพถ่า ย Kidney Stones หรือ นิ่ว ในไต
  • 57.
  • 58.                                         ส่ว นหัว ของผีเ สื้อ กล                                                    กระดาษทิชชูหรือกระดาษ                          
  • 60. ภาพสนิมสังกะสีอีกภาพ แมงมุมนันเอง ่