SlideShare a Scribd company logo
1
แบบทดสอบ Pre O-NET
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2554
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 39
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
2
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 1
ส่วนที่ 1 แบบระบาย 1 คาตอบ: เลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคาตอบเดียว จำนวน
80 ข้อ ข้อที่ 1 – 80 ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 80 คะแนน
1. เซลล์ส่วนประกอบต่อไปนี้ ; ดีเอ็นเอ ไรโบโซม เยื่อหุ้มเซลล์ เอนไซม์และ
ไมโทคอนเดรีย เป็นเซลล์ในสิ่งมีชีวิตในข้อใด
1) แบคทีเรีย
2) พืชเท่ำนั้น
3) สัตว์เท่ำนั้น
4) ฟังไจ
5) เป็นได้ทั้งพืชและสัตว์
2. ข้อควำมที่ถูกต้องเกี่ยวกับกำรรักษำอุณหภูมิของร่ำงกำยคือ
1) ควำมสำมำรถในกำรปรับอุณหภูมิของร่ำงกำยแปรผันโดยตรงกับขนำด
ของสัตว์เท่ำนั้น
2) พื้นที่ผิวลำตัวของสัตว์มีส่วนเกี่ยวข้องกับกำรระบำยควำมร้อนของสัตว์
มำกกว่ำขนำดลำตัว
3) กำรเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในร่ำงกำยของสัตว์ขึ้นอยู่กับพื้นที่ผิวของลำตัวของ
สัตว์โดยตรง
4) กำรเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิภำยในร่ำงกำยสัตว์ขึ้นอยู่กับขนำดของสัตว์
โดยตรง
5) ถูกทุกข้อ
3
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 2
3. ใช้แผนภาพต่อไปนี้ตอบคาถาม
จำกกำรทำปฏิบัติกำรศึกษำเรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิตโครงสร้ำงหมำยเลขใดบ้ำงที่เห็นภำยใต้
กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงแบบธรรมดำ
1) 1, 8 , 9
2) 1, 2 , 4
3) 1, 6 , 8
4) 1, 7 , 4
5) 3 , 7 , 9
4.
คนที่มีไตทำหน้ำที่กรองสำรดังตำรำง จะมีอำกำรหรือสภำวะอย่ำงไร
1) ปัสสำวะบ่อยขึ้น 2) ปัสสำวะน้อยมำก
3) ร่ำงกำยมีเหงื่อมำก 4) ร่ำงกำยมีเหงื่อน้อยลง
5) ทุกครั้งที่ปัสสำวะต้องดื่มน้ำตำม
สำร ปริมำณสำรที่กรองผ่ำนโกลเมอรูลัส
( กรัม / มล. )
น้ำปัสสำวะ
( กรัม / มล. )
น้ำ
โปรตีน
ยูเรีย
โซเดียม
10
10-20
0.03
0.32
96
0
2
0.35
4
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า3
5. ลักษณะทำงพันธุกรรมในข้อใดต่อไปนี้ถูกควบคุมด้วยยีนบนออโตโซม
ก. ผมหยิก ข. ฮีโมฟิเลีย ค. หมู่เลือด AB ง. ตำบอดสี
1) ข้อ ก และ ข 2) ข้อ ค และ ง
3) ข้อ ก และ ค 4) ข้อ ข และ ง
5) ข้อ ข และ ค
6. ชำยคนหนึ่งมีผิวปกติแต่งงำนกับหญิงผิวเผือกมีบุตรสำวคนแรกผิวปกติและบุตรชำย ผิวเผือก ซึ่ง
แต่งงำนกับหญิงผิวปกติและมีหลำนชำยหญิงผิวปกติ ข้อใดคือเพดดิกรีของครอบครัวนี้
1) 2)
3) 4)
5)
5
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า4
7. ครอบครัวหนึ่งมีพ่อปกติและแม่ปกติ ลูกสำวคนแรกปกติ แต่มีลูกชำยเป็นธำลัสซีเมีย ข้อใดเป็น
จีโนไทป์ ของครอบครัวนี้ (กำหนดให้ A เป็นยีนเด่น a เป็นยีนด้อย )
1) พ่อ AA แม่ Aa ลูกสำว Aa ลูกชำย aa
2) พ่อ Aa แม่ Aa ลูกสำว Aa ลูกชำย aa
3) พ่อ AA แม่ AA ลูกสำว Aa ลูกชำย aa
4) พ่อ AA แม่ Aa ลูกสำว Aa ลูกชำย Aa
5) พ่อ Aa แม่ AA ลูกสำว AA ลูกชำย aa
8. ถ้ำแม่มีหมู่เลือด AB และลูกมีหมู่เลือด A พ่อจะมีหมู่เลือดใดได้บ้ำง
1) A หรือ O
2) A หรือ B
3) A หรือ AB
4) A หรือ B หรือ AB
5) A หรือ B หรือ AB หรือ O
9. ข้อใดไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับดีเอ็นเอ
1). ดีเอ็นเอพบในคลอโรพลำสต์
2) ดีเอ็นเอทำหน้ำที่กำหนดชนิดของโปรตีน
3) น้ำตำลเพนโทสเป็นส่วนหนึ่งของ DNA
4) สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมีปริมำณดีเอ็นเอไม่เท่ำกัน
5) ไนโตรเจนเบสชนิดกวำนีน และไซโทซีนจะจับคู่กันด้วยพันธะคู่เสมอ
6
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 5
10. จำกภำพข้อใดเป็นจริง
1) เป็นโครโมโซมของเพศชำย
2) เป็นโครโมโซมของเพศหญิง
3) เป็นโครโมโซมของเพศหญิงที่มีอำกำรดำวน์
4) เป็นโครโมโซมของเพศชำยที่มีอำกำรดำวน์
5) เป็นโครโมโซมของเพศหญิงที่มีอำกำรเทอร์เนอร์
11. ข้อใด ไม่ใช่ กำรป้องกันและแก้ไขปัญหำสภำวะโลกร้อน
1) Reuse 2) Remove
3) Recycle 4) Repair
5) Reduce
12. ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสิ่งมีชีวิตในข้อใดที่แตกต่ำงจำกข้ออื่นๆในเรื่องของกำรถ่ำยทอดพลังงำน
1) ทำกดูดเลือดคน
2) แมลงกับดอกไม้
3) รำบนขนมปัง
4) นกเค้ำแมวล่ำเหยื่อ
5) ชำยผ้ำสีดำขึ้นอยู่บนต้นไม้ใหญ่
7
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 6
13.นกเอี้ยงกินเห็บอยู่บนหลังควำยที่กำลังกินหญ้ำ ในตัวเห็บมีแบคทีเรียอำศัยอยู่ใน
ลำไส้กำรถ่ำยทอดพลังงำนในระบบนิเวศนี้จะมีลักษณะตรงกับข้อใด
1) ควำย เห็บ 2) ควำย เห็บ
หญ้ำ หญ้ำ
นกเอี้ยง แบคทีเรีย นกเอี้ยง แบคทีเรีย
3) ควำย เห็บ 4) ควำย เห็บ
หญ้ำ หญ้ำ
นกเอี้ยง แบคทีเรีย นกเอี้ยง แบคทีเรีย
5) ควำย เห็บ
หญ้ำ
นกเอี้ยง แบคทีเรีย
14. พื้นที่ลุ่มน้ำแห่งหนึ่งมีพืชชนิดหนึ่งขึ้นอยู่หนำแน่น เมื่อเกิดน้ำท่วมพื้นที่แห่งนี้เป็น
เวลำจนกระทั่งพืชชนิดนี้ตำยหมดเมื่อมีพืชชนิดอื่นขึ้นแทนที่ทั้งนี้เนื่องจำกเหตุใด
1) ควำมเข้มของแสงเปลี่ยนไป
2) ควำมชื้นและอุณหภูมิเปลี่ยนไป
3) พืชชนิดเดิมแย่งอำหำรสู้พืชชนิดใหม่ไม่ได้
4) สภำพของดินและค่ำควำมเป็นกรดและเบสเปลี่ยนไป
5) ถูกทุกข้อ
8
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 7
15. ทรัพยำกรที่เกิดขึ้นทดแทนใหม่ได้ในข้อใดที่มนุษย์นำมำใช้ประโยชน์มำกที่สุด
1) พลังงำนน้ำ
2) พลังงำนลม
3) พลังงำนจำกคลื่น
4) พลังงำนแสงอำทิตย์
5) พลังงำนนิวเคลียร์
16. ข้อควำมในข้อใดผิด
1) ดุลธรรมชำติจะถูกรักษำไว้ด้วยกำรอนุรักษ์ทรัพยำกร
2) ประเทศอุตสำหกรรมใหม่ (นิกส์ ) ไม่จำเป็นต้องมีอุตสำหกรรมทุกประเภท
3) รัฐส่งเสริมกำรป้องกันโรคแมลงหรือโรคซึ่งเป็นอันตรำยต่อป่ำไม้เพื่อรักษำ
สมดุลธรรมชำติ
4) รัฐควรเร่งส่งเสริมอุตสำหกรรมทุกประเภทโดยมิต้องคำนึงถึงปัญหำมลภำวะ
5) เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่ำ อุตสำหกรรมคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศที่กำลัง
พัฒนำเจริญไปอย่ำงรวดเร็ว
17. แผนผังโซ่อำหำรต่อไปนี้ สิ่งมีชีวิต A --> สิ่งมีชีวิต B --> สิ่งมีชีวิต C --> สิ่งมีชีวิต D
จำกแผนผังโซ่อำหำร ถ้ำสิ่งมีชีวิต C ตำยหมด จะมีเหตุกำรณ์ใดเกิดขึ้นได้บ้ำง
1) สิ่งมีชีวิต A มีจำนวนเพิ่มขึ้น
2) สิ่งมีชีวิต A มีจำนวนเท่ำเดิม
3) สิ่งมีชีวิต B มีจำนวนลดลง
4) สิ่งมีชีวิต D มีจำนวนเพิ่มขึ้น
5) สิ่งมีชีวิต B มีจำนวนเพิ่มขึ้น
9
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า8
18. ใช้ข้อมูลในตำรำงเท่ำนั้นตอบคำถำม
สาร
ปริมาณเป็นกรัม / 100 มล.
เลือด พลาสมาที่กรองได้ ปัสสาวะ
ยูเรีย
กรดยูริก
กรดอะมิโน
กลูโคส
เกลือ
โปรตีน
น้ำ
0.03
0.004
0.05
0.1
0.72
8.0
92.0
0.03
0.004
0.01
0.1
0.72
0
90.0
2.0
0.05
0
0
1.5
0
95
จำกตำรำงที่กำหนดให้ สำรใดที่ถูกดูดซึมกลับได้หมด
1) ยูเรียและเกลือ
2) กรดยูริกและโปรตีน
3) กลูโคสและโปรตีน
4) กรดอะมิโนและกลูโคส
5) กรดอะมิโน กลูโคสและโปรตีน
19. ธำตุในข้อใดที่เป็นไอโซโทปกับธำตุที่มีสัญลักษณ์เป็น 11
5 A
1) 12
5 B 2) 12
6 B
3) 11
5 B 4) 11
6 B
5) B10
6
10
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 9
20. พิจำรณำข้อมูลต่อไปนี้
ก. แก๊สเรือนกระจกที่ส่งผลให้เกิดภำวะโลกร้อนได้แก่ คำร์บอนไดออกไซด์ไอน้ำ และมีเทน
ข. บรรยำกำศที่มีสำรคลอโรฟลูออโรคร์บอน (CFC) ในปริมำณมำกจะส่งผลให้เกิดฝนกรด
ค. กำหนดให้โคบอลต์-60 เป็นธำตุกัมมันตรังสีที่มีครึ่งอำยุ 5 ปี และปริมำณที่ไม่เป็น
อันตรำยต้องไม่เกิน 0.50 กรัม ถ้ำมีโคบอลต์-60 น้ำหนัก 32 กรัม จะต้องเก็บไว้ในภำชนะ
ปิดที่ป้องกันรังสีได้ เป็นเวลำ 30 ปี ก่อนนำไปทำลำย จึงจะไม่ เป็นอันตรำย
ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
1) ข้อ ก และ ข
2) ข้อ ก และ ค
3) ข้อ ข และ ค
4) ข้อ ก , ข และ ค
5) เฉพำะข้อ ค เท่ำนั้น
21. พิจำรณำข้อควำมต่อไปนี้
1. เกลือแกงและโซดำไฟเป็นสำรประกอบของโลหะหมู่ 1A
2. สำรประกอบไอออนิกที่มีสถำนะเป็นของแข็งสำมำรถนำไฟฟ้ำได้
3. โลหะแทรนซิชันมีสมบัติทำงกำยภำพเหมือนโลหะหมู่ 1A และ 2A
ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
1) 1 และ 2
2) 2 และ 3
3) 1 และ 3
4) 1 2 และ 3
5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
11
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 10
22. จำกสัญลักษณ์ของธำตุแมกนีเซียม 24
12Mg2+
ข้อใดต่อไปนี้ผิด
1) มีเลขมวลเท่ำกับ 24
2) มีนิวตรอนเท่ำกับ 12
3) มีอิเล็กตรอนเท่ำกับ 12
4) มีเลขอะตอมเท่ำกับ 22
5) มีจำนวนโปรตอนเท่ำกับ 12
23. สำรประกอบไฮโดรคำร์บอนในข้อใดจัดเป็นสำรประกอบไฮโดรคำร์บอนอิ่มตัว
ทั้งหมด
1) CH4 , C2H6 , C3H8 , C6H6
2) CH4 , C2H6 , C3H8 , C4H10
3) CH4 , C2H4 , C6H6 , C6H10
4) CH4 , C3H6 , C4H8 , C5H10
5) CH4 , C2H4 , C3H6 , C6H6
24. ธำตุ 3 ชนิดมีสัญลักษณ์ดังนี้ 4
8
A 13
27
B 17
35
C ข้อใดเป็นสูตรเคมีของสำรประกอบ
ฟลูออไรด์ของธำตุทั้งสำมชนิดตำมลำดับ
1) AF BF3 CF2
2) AF B2F3 CF2
3) AF2 B2F3 CF
4) AF2 BF3 CF
5) A2F BF3 CF2
12
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 11
25. ข้อใดต่อไปนี้เป็นเลขที่ใช้บอกประสิทธิภำพน้ำมันเบนซินและกำหนดโดยสำรใด
ชื่อเลข สำรที่กำหนดประสิทธิภำพ
1.
2.
3.
4.
5.
ออกเทน
ออกเทน
ซีเทน
ซีเทน
ซีเทน
ไอโซออกเทนกับเพนเทน
ไอโซออกเทนกับเฮปเทน
ซีเทนกับแอลฟำแนพทำลีน
ซีเทนกับเฮปเทน
ซีเทนกับออกเทน
26. พิจำรณำข้อมูลในตำรำง
ชนิดพลำสติก แหล่งวัตถุดิบ ประเภท พอลิเมอไรเซชั่น
A
B
C
D
ถ่ำนหิน แก๊สธรรมชำติ
เกลือแกง แก๊สธรรมชำติ
ถ่ำนหิน แก๊สธรรมชำติ
ถ่ำนโค๊ก หินปูน
เทอร์มอพลำส
เทอร์มอพลำส
เทอร์มอเซต
เทอร์มอพลำส
แบบต่อเติม
แบบต่อเติม
แบบควบแน่น
แบบควบแน่น
ข้อใดถูกต้อง
1) A คือพอลิสไตรีน
2) B คือพอลิไวนิลแอซีเตต
3) C คือพอลิเอทิลีน
4) D คือพอลิไวนิลคลอไรด์
5) A และ B คือ พอลีพอพิลีน
13
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 12
27. ธำตุกัมมันตรังสีชนิดหนึ่งมีครึ่งชีวิต 5 วัน มีมวลขณะนี้ 10 กรัม ก่อนหน้ำนี้
20 วัน จะมีมวลอยู่เท่ำไร
1) 80 กรัม
2) 120 กรัม
3) 160 กรัม
4) 320 กรัม
5) 360 กรัม
28. ข้อใดที่แสดงว่ำผิวสัมผัสมีผลต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำ
1) กระดำษฝอยติดไฟได้เร็วกว่ำแผ่นกระดำษ
2) แผ่นสังกะสีปกติทำปฏิกิริยำกับกรดไฮโดรคลอริกได้ช้ำกว่ำแผ่นสังกะสีที่มีลวดทองแดง
พันอยู่
3) เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใช้เชื้อเพลิงยูเรเนียมที่เป็นแท่งยำวทำให้มีอำยุกำรใช้งำนนำนกว่ำ
ที่ใช้เป็นก้อนเล็กๆ
4) แบตเตอรี่รถยนต์ที่มีจำนวนแผ่นตะกั่วมำกกว่ำให้กำลังไฟฟ้ำสูงกว่ำที่มีจำนวนแผ่นน้อย
กว่ำ
5) กรดไฮโดรคลอริกเข้มข้นจะทำปฏิกิริยำกับลวดแมกนีเซียมได้ช้ำกว่ำกรดไฮโดรคลอริกที่
เจือจำง
29. ข้อใดไม่มีปฏิกิริยำเคมีเกิดขึ้น
1) กำรเคี้ยวข้ำวก่อนกลืน
2) กำรฟอกสบู่ในน้ำกระด้ำง
3) กำรทำแล็กเกอร์เคลือบผิวไม้
4) กำรผสมกลีเซอรอลกับเอทำนอล
5) กำรบ่มกล้วยด้วยใบสะแก
14
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 13
30. เมื่อนำยำงชนิดหนึ่งที่มีสมบัติยืดหยุ่นมำเผำไฟ พบว่ำเกิดแก๊สที่ละลำยน้ำแล้วได้
สำรละลำยที่มีฤทธิ์เป็นกรด ชนิดของยำงและแก๊สที่เกิดขึ้นเป็นข้อใด
ชนิดของยำง ควันที่เกิดจำกกำรเผำ
1) ซิลิโคน SiO2
2) ยำงวัลคำไนซ์ SO2
3) พอลิไวนิลแอซีเตท HCl
4) ไนลอน 6,6 NH3
5) ยำงพิวทำไดอีน CO2
31. ข้อควำมใดไม่ถูกต้อง
1) กรดไรโบนิวคลีอิกทำหน้ำที่ในกำรสร้ำงโปรตีน
2) คำร์โบไฮเดรตช่วยให้กำรเผำไหม้ไขมันเป็นไปอย่ำงสมบูรณ์
3) ปฏิกิริยำกำรเตรียมสบู่จำกน้ำมันเรียกว่ำ “สะปอนนิฟิเคชัน (saponification)”
4) โปรตีนเป็นแหล่งพลังงำนขั้นแรกของร่ำงกำยโดยโปรตีน 1 กรัม ให้พลังงำน4 กิโลแคลอรี
5) กำรต้มน้ำนมจะทำให้โปรตีนแปลงสภำพซึ่งไม่สำมำรถกลับสู่สภำพเดิมได้เมื่อเย็นตัวลง
32. เมื่อร่ำงกำยต้องกำรพลังงำนจะสลำยสำรชีวโมเลกุลตำมลำดับในข้อใด
1) โปรตีน คำร์โบไฮเดรต ไขมัน
2) โปรตีน ไขมัน คำร์โบไฮเดรต
3) ไขมัน คำร์โบไฮเดรต โปรตีน
4) ไขมัน โปรตีน คำร์โบไฮเดรต
5) คำร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน
15
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 14
33. นักเรียนคนหนึ่งนำวัตถุดิบธรรมชำติจำกพืช 3 ชนิดมำทำกำรทดสอบได้ผลดังตำรำง
34. ใส่น้ำแข็ง 100 กรัม และโซเดียมคลอไรด์ปริมำณเล็กน้อยลงในแก้วที่ปิดสนิทและวำงไว้ที่
อุณหภูมิห้อง (30 ° C) ปล่อยให้น้ำแข็งละลำย ระบบที่กล่ำวมำนี้ ข้อใดถูกต้อง
1) ระบบมีพลังงำนเพิ่มขึ้น
2) ไม่มีกำรแลกเปลี่ยนพลังงำนระหว่ำงระบบกับสิ่งแวดล้อม
3) มีปฏิกิริยำเคมีเกิดขึ้น เนื่องจำกอุณหภูมิของระบบเปลี่ยนแปลง
4) ระบบมีกำรเปลี่ยนแปลงแบบคำยพลังงำน เพรำะในที่สุดน้ำจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น
5) ระบบมีกำรเปลี่ยนแปลงแบบดูดพลังงำน เพรำะในที่สุดน้ำจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น
วัตถุดิบ กำรเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้เมื่อเติมสำร
สำรละลำยไอโอดีน สำรละลำยเบเนดิกต์ สำรละลำยไบยูเร็ต
A สีม่วงดำ ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เปลี่ยนแปลง
B ไม่เปลี่ยนแปลง สีส้มมีตะกอนแดง ไม่เปลี่ยนแปลง
C ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เปลี่ยนแปลง สีม่วง
ข้อใดสรุปถูกต้อง
1) C เป็นน้ำเต้ำหู้
2) A เป็นน้ำตำลอ้อย
3) B เป็นแป้งข้ำวเหนียว
4) A และ C เป็นน้ำเต้ำหู้
5) A และ B เป็นน้ำเต้ำหู้
16
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 15
35. จุดเดือดของสำรละลำยผสม จะมีสมบัติดังข้อใด
1) ควำมดันไอรวมเท่ำกับควำมดันบรรยำกำศ
2) ควำมดันไอเฉลี่ยของสำรผสมเท่ำกับควำมดันบรรยำกำศ
3) ควำมดันไอของสำรมีจุดเดือดสูงสุดเท่ำกับควำมดันบรรยำกำศ
4) ควำมดันไอของสำรที่จุดเดือดต่ำสุดเท่ำกับควำมดันบรรยำกำศ
5) ควำมดันไอเฉลี่ยของสำรผสมไม่เท่ำกับควำมดันบรรยำกำศ
36 ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับสมบัติของตัวทำละลำยในอุตสำหกรรมเคมีที่ได้จำกกำรกลั่นปิโตรเลียม
1) มีจุดเดือดสูงกว่ำน้ำมันดีเซล
2) เป็นสำรไฮโดรคำร์บอนที่ละลำยน้ำได้
3) มีสถำนะเป็นของเหลวที่อุณหภูมิและควำมดันปกติ
4) มีมวลโมเลกุลสูงกว่ำน้ำมันเบนซิน
5) ประกอบด้วยสำรไฮโดรคำร์บอนที่มี่จำนวนคำร์บอนน้อยกว่ำ 5 อะตอม
37. ถ้ำต้องกำรตรวจสอบสนำมไฟฟ้ำ ณ บริเวณใด
1) นำประจุบวกไปวำง ณ บริเวณนั้น
2) นำประจุลบไปวำง ณ บริเวณนั้น
3) นำอนุภำคไปวำง ณ บริเวณนั้น
4) นำเข็มทิศไปวำง ณ บริเวณนั้น
5) ถูกทุกข้อ
38. อนุภำคโปรตอนเคลื่อนที่เข้ำไปในสนำมแม่เหล็กในทิศทำงตั้งฉำกกับ
สนำมแม่เหล็กแนวกำรเคลื่อนที่ของอนุภำคโปรตอนจะเป็นอย่ำงไร ถ้ำ
สนำมแม่เหล็กพุ่งลงตำมแนวดิ่ง
1) ไม่เบี่ยงเบน 2 ) เบนไปทำงซ้ำย
3) เบนไปทำงขวำ 4 ) พุ่งลงตำมแนวดิ่ง
5) พุ่งขึ้นตำมแนวดิ่ง
17
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 16
39. สนำมแม่เหล็กที่เป็นส่วนหนึ่งของแสงนั้น มีทิศทำงตำมข้อใด
1) ขนำนกับทิศกำรเคลื่อนที่ของแสง
2) ตั้งฉำกกับทิศทำงกำรเคลื่อนที่ของแสง
3) ขนำนกับทิศทำงสนำมไฟฟ้ำ แต่ตั้งฉำกกับทิศกำรเคลื่อนที่ของแสง
4) ตั้งฉำกกับทิศทำงสนำมไฟฟ้ำและทิศทำงกำรเคลื่อนที่ของแสง
5) ตั้งฉำกกับสนำมไฟฟ้ำแต่ขนำนกับทิศทำงกำรเคลื่อนที่ของแสง
40. วำงลวดอลูมิเนียม AB ในสนำมแม่เหล็กดังรูป เมื่อให้กระแสไฟฟ้ำไหลผ่ำนจำก
A ไป B จะเกิดแรงกระทำกับเส้นลวดหรือไม่ อย่ำงไร
B
1) เกิด มีทิศทำงชี้ขึ้น
2) เกิด มีทิศทำงชี้ลง S S N
3) เกิด มีทิศทำงไปทำงซ้ำย
4) เกิด มีทิศทำงไปทำงขวำ A
5) ไม่เกิดแรงเนื่องจำกสนำมแม่เหล็ก
41. โปรตอนและนิวตรอนสำมำรถอยู่ร่วมกันเป็นนิวเคลียสได้ด้วยแรงใด
1) แรงดึงดูดระหว่ำงมวล
2) แรงระหว่ำงประจุไฟฟ้ำ
3) แรงคู่กิริยำปฎิกิริยำ
4) แรงแม่เหล็ก
5) แรงนิวเคลียร์
18
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 17
42. ตอนเริ่มต้นวัตถุอยู่ห่ำงจำกจุดอ้ำงอิงไปทำงขวำ 4.0 เมตร เมื่อเวลำผ่ำนไป 10 วินำที พบว่ำวัตถุ
อยู่ห่ำงจำก จุดอ้ำงอิงไปทำงซ้ำย 8.0 เมตร จงหำควำมเร็วเฉลี่ยของวัตถุนี้
1) 0.4 เมตรต่อวินำที
2) 0.4 เมตรต่อวินำที ทำงซ้ำย
3) 1.2 เมตรต่อวินำที
4) 1.2 เมตรต่อวินำที ทำงซ้ำย
5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
43. ข้อใดต่อไปนี้เป็นกำรเคลื่อนที่ที่มีขนำดกำรกระจัดน้อยที่สุด
1) เดินไปทำงขวำ 10 เมตร แล้วเดินย้อนกลับมำทำงซ้ำย 6 เมตร
2) เดินไปทำงขวำ 10 เมตร แล้วเดินย้อนกลับทำงซ้ำย 15 เมตร
3) เดินไปทำงขวำด้วยอัตรำเร็วคงตัว 3 เมตรต่อวินำที เป็นเวลำ 4 วินำที
4) เดินไปทำงซ้ำยด้วยอัตรำเร็วคงตัว 4 เมตรต่อวินำที เป็นเวลำ 3 วินำที
5) ข้อ 1 , 2 , 3 และ 4 มีขนำดกำรกระจัดเท่ำกันหมด
44. ผูกเชือกเข้ำกับวัตถุแล้วจับปลำยข้ำงหนึ่งของเชือกแกว่งวัตถุเป็นวงกลมในแนว ระดับ จำนวน
20 รอบ ในเวลำ 5 วินำที วัตถุเคลื่อนที่ในอัตรำกี่รอบ/วินำที
1) 0.25 รอบ/วินำที
2) 2 รอบ/วินำที
3) 4 รอบ/วินำที
4) 5 รอบ/วินำที
5) 10 รอบ/วินำที
19
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 18
45. ยิงลูกปืนออกไปในแนวระดับ ทำให้ลูกปืนเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ ตอนที่ลูกปืนกำลังจะ
กระทบพื้น ข้อใดถูกต้องที่สุด (ไม่ต้องคิดแรงต้ำนอำกำศ)
1) ควำมเร็วในแนวระดับเป็นศูนย์
2) ควำมเร็วในแนวดิ่งเป็นศูนย์
3) ควำมเร็วในแนวระดับมีขนำดมำกกว่ำตอนที่ถูกยิงออกมำ
4) ควำมเร็วในแนวระดับเท่ำกับควำมเร็วตอนต้นที่ลูกปืนถูกยิงออกมำ
5) ควำมเร็วในแนวระดับมีขนำดน้อยกว่ำตอนที่ถูกยิงออกมำแต่ไม่เป็นศูนย์
46. โยนวัตถุขึ้นในแนวดิ่ง ในขณะที่วัตถุกำลังเคลื่อนที่ขึ้น ข้อใดสรุปได้ถูกต้อง
1) ควำมเร่งมีทิศลง
2) ควำมเร่งมีทิศขึ้น
3) ควำมเร่งเป็นศูนย์
4) ข้อมูลไม่เพียงพอที่จะบอกทิศของควำมเร่ง
5) ควำมเร็วและควำมเร่งมีทิศทำงเดียวกัน
47. ในกำรทดลองเพื่อสังเกตผลของสิ่งกีดขวำงเมื่อคลื่นเคลื่อนที่ผ่ำนเป็นกำรศึกษำสมบัติตำมข้อใด
ของคลื่น
1. กำรหักเห
2. กำรเลี้ยวเบน
3. กำรสะท้อน
4. กำรแทรกสอด
5. กำรหักเห และกำรเลี้ยวเบน
20
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 19
48. ทำให้เกิดคลื่นบนเส้นเชือกที่ปลำยทั้งสองด้ำนถูกขึงตึง พบว่ำมีควำมถี่และควำมยำวคลื่นค่ำหนึ่ง
ถ้ำทำให้ควำมถี่ในกำรสั่นเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่ำของควำมถี่เดิม ข้อใดถูกต้อง
1) ควำมยำวคลื่นและควำมเร็วเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่ำ
2) ควำมยำวคลื่นบนเส้นเชือกลดลงเหลือครึ่งหนึ่งของค่ำเดิม
3) ควำมยำวคลื่นบนเส้นเชือกเท่ำเดิม เนื่องจำกคลื่นเกิดบนตัวกลำงเดิม
4) ควำมยำวคลื่นบนเส้นเชือกเท่ำเดิม แต่อัตรำเร็วของคลื่นเพิ่มเป็นสองเท่ำตำม
5) ควำมยำวคลื่นบนเส้นเชือกเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่ำ เนื่องจำกปริมำณทั้งสองแปรผันตำมกัน
49. ข้อใดไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ำ
1) คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ำเป็นคลื่นตำมขวำง
2) คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ำทุกชนิดมีอัตรำเร็วในสุญญำกำศเท่ำกัน
3) มีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ำบำงชนิดต้องอำศัยตัวกลำงในกำรเคลื่อนที่
4) เมื่อคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ำเดินทำงในตัวกลำงที่เปลี่ยนไป อัตรำเร็วของคลื่นจะเปลี่ยนไป
5) คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ำเป็นคลื่นที่มีทั้งสนำมแม่เหล็กและสนำมไฟฟ้ำซึ่งตั้งฉำกกัน
50. มนุษย์อวกำศสองคนปฏิบัติภำรกิจบนพื้นผิวดวงจันทร์ สำมำรถใช้วิธีสื่อสำรกันได้ด้วยวิธีใดที่
สะดวก ที่สุด
1) คลื่นวิทยุ
2) คลื่นโซนำร์
3) ใช้สัญญำณเมือ
4) คลื่นเสียงอัลตรำซำวด์
5) คลื่นเสียงโดยกำรพูดโต้ตอบกันปกติ
21
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 20
51. ระดับเสียงและคุณภำพเสียงขึ้นอยู่กับสมบัติของคลื่นในข้อใด
1) ควำมถี่ และรูปร่ำงคลื่น
2) รูปร่ำงคลื่น และควำมถี่
3) แอมปลิจูด และ ควำมถี่
4) ควำมถี่ และควำมยำวคลื่น
5) ควำมยำวคลื่นและแอมปลิจูด
52. ประโยชน์ของสำรกัมมันตภำพรังสีในด้ำนสิ่งแวดล้อมคือ
1) ใช้รังสีกำจัดวัชพืชในแม่น้ำ
2) ใช้รังสีเพื่อฆ่ำเชื้อโรคในน้ำเสีย
3) ใช้รังสีเพื่อฆ่ำเชื้อโรคในขยะ
4) ใช้รังสีฆ่ำแมลงซึ่งเป็นศัตรูพืช
5) ใช้รังสีกำจัดฝุ่นละอองที่มีปริมำณมำกจนเกิดอันตรำย
53. มีธำตุไอโอดีน 131 จำนวน 1 กรัม นำนเท่ำไรจึงทำให้เหลือไอโอดีน จำนวน 0.125 กรัม
1) 16 วัน
2) 20 วัน
3) 24 วัน
4) 28 วัน
5) 32 วัน
22
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 21
54. จงพิจำรณำข้อควำมต่อไปนี้ ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
1) ปฏิกิริยำนิวเคลียร์ฟิชชัน อนุภำคที่ทำให้เกิดปฏิกิริยำคือ นิวตรอน
2) ปฏิกิริยำนิวเคลียร์ฟิวชัน เกิดได้เฉพำะบนดวงอำทิตย์เท่ำนั้น
3) ปฏิกิริยำนิวเคลียร์ฟิชชัน และนิวเคลียร์ฟิวชันเกิดขึ้นพร้อมกัน
4) ปฏิกิริยำนิวเคลียร์ฟิชชัน ให้พลังงำนต่อมวลมำกกว่ำปฏิกิริยำนิวเคลียร์ฟิวชัน
5) ปฏิกิริยำนิวเคลียร์ฟิชชัน เกิดจำกกำรสลำยตัวของธำตุที่มีมวลมำกเป็นธำตุเล็ก ๆ หลำยธำตุ
55. ขอบทวีปใดมีรูปร่ำงต่อกันได้พอดี
1) ตะวันตกของแอฟริกำ กับ ตะวันออกของอเมริกำใต้
2) ตะวันตกของเอเชีย กับ ตะวันออกของอเมริกำเหนือ
3) ตะวันตกของยุโรป กับ ตะวันออกของเอเชีย
4) เหนือของออสเตรเลีย กับ ใต้ของอเมริกำใต้
5) ตะวันออกของอเมริกำใต้กับตะวันตกของแอฟริกำ
56. โครงสร้ำงโลกแบ่งตำมลักษณะมวลสำรได้ชั้นใหญ่ ๆ 3 ชั้นคือ
1) ชั้นเปลือกโลก ใต้เปลือกโลก แก่นโลก
2) ชั้นเปลือกโลก เนื้อโลก ธรณีภำค
3) ชั้นเปลือกโลก เนื้อโลก แก่นโลก
4) ชั้นเปลือกโลก เนื้อโลก หินหนืด
5) ชั้นเปลือกโลก ธรณีภำค หินหนืด
23
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 22
57. เปลือกโลกแบ่งออกได้เป็น 2 บริเวณ คือ
1) เปลือกโลกภำคพื้นทวีป เปลือกโลกภำคพื้นน้ำ
2) เปลือกโลกภำคพื้นดิน เปลือกโลกภำคพื้นน้ำ
3) เปลือกโลกชั้นนอก เปลือกโลกชั้นใน
4) เปลือกโลกภำคพื้นทวีป เปลือกโลกใต้มหำสมุทร
5) เปลือกโลกภำคพื้นดิน เปลือกโลกใต้มหำสมุทร
58. ชั้นใดของโลกที่มีควำมแตกต่ำงของลักษณะทำงกำยภำพมำกที่สุด
1) แก่นโลกชั้นใน 2) เปลือกโลก
3) แก่นโลกชั้นนอก 4) เนื้อโลก
5) ถูกทุกข้อ
59. ตำแหน่งบนผิวโลกที่อยู่เหนือศูนย์กลำงกำรเกิดแผ่นดินไหวเรียกว่ำ
1) จุดเหนือศูนย์กลำงแผ่นดินไหว
2) จุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหว
3) จุดเหนือศูนย์กำเนิดแผ่นเปลือกโลก
4) จุดเหนือกำรสั่นสะเทือนของแผ่นดิน
5) จุดเหนือบนพื้นผิวโลก
60.ข้อใดแบ่งโครงสร้ำงโลกตำมลักษณะองค์ประกอบของคลื่นไหวสะเทือนได้ถูกต้อง
1) เปลือกโลก เนื้อโลก และแก่นโลก
2) ธรณีภำค มีโซสเฟียร์ และ แก่นโลก
3) เปลือกโลก ธรณีภำค แก่นโลก
4) ธรณีภำค ฐำนธรณีภำค มีโซสเฟียร์ และ แก่นโลก
5) ธรณีภำค ฐำนธรณีภำค มีโซสเฟียร์ แก่นโลกชั้นนอก และแก่นโลกชั้นใน
24
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 23
61. ข้อใดเป็นกำรเรียงลำดับชั้นของหิน จำกอำยุมำกไปน้อย
1) หินอัคนี  หินปูน  หินดินดำน
2) หินอัคนี  หินชั้น  หินแปร
3) หินทรำย  หินกรวด  หินปูน
4) หินทรำย  หินทรำยแป้ง  หินดินดำน
5) หินทรำยแป้ง  หินทรำยสลับหินดินดินดำน  หินทรำย
62.นักธรณีวิทยำสำมำรถใช้ซำกดึกดำบรรพ์บอกให้ทรำบถึงสิ่งใดได้บ้ำง
1) บอกช่วงอำยุของหินอัคนี
2) ประวัติควำมเป็นมำของพื้นที่บริเวณนั้น
3) บอกชนิดของสิ่งมีชีวิตในปัจจุบัน
4) บอกชนิดของสิ่งมีชีวิตในอนำคต
5) สภำพแวดล้อมในปัจจุบันของพื้นที่บริเวณนั้น
63. ข้อใดเป็นลักษณะกำรเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี ทำงด้ำนตะวันตกของประเทศไทย
1) บำงส่วนถูกดันให้โค้งขึ้น
2) บำงส่วนเข้ำใกล้กันหรือกระทบกัน
3) บริเวณรอยต่อของมหำสมุทรอินเดีย
4) บริเวณขอบมหำสมุทรแปซิฟิกทั้งหมด
5) บริเวณแก่นโลก
64. ปัจจุบันทฤษฎีที่ได้รับกำรยอมรับในกำรอธิบำยกำรกำเนิดของเอกภพคือ ทฤษฎีข้อใด
1) กำลเวลำ 2) ทฤษฎีเนบิวลำ
3) สภำวะคงที่ 4) กำรระเบิดครั้งใหญ่
5) กำรออสซิลเวลของเอกภพ
25
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 24
65. หลุมดำ หมำยถึงข้อใด
1) บริเวณในอวกำศที่มีแรงโน้มถ่วงสูง
2) บริเวณที่ไม่มีแสงสว่ำงเนื่องจำกไม่ได้รับแสงจำกดวงอำทิตย์
3) บริเวณที่เป็นหลุมเนื่องจำกกำรกระแทกของอุกำบำตร
4) ข้อ 1 และ 2 ถูก
5) ถูกทุกข้อ
66.ข้อใดให้ควำมหมำยของ “ทำงช้ำงเผือก” ได้ถูกต้อง
1) ดวงดำวในระบบสุริยะและเอกภพ
2) ดวงดำวต่ำง ๆ ที่วำงตัวในแนวเดียวกัน
3) ดำวฤกษ์จำนวนมำกที่อยู่ในทำงเดียวกัน
4) ดำวเครำะห์ในระบบสุริยะที่อยู่ในระนำบเดียวกัน
5) ดำวฤกษ์และดำวเครำะห์จำนวนมำกที่อยู่ในทำงเดียวกัน
67. ถ้ำดำวฤกษ์ดวงหนึ่งเมื่อแรกเกิดมีอุณหภูมิ 11,000 องศำเซลเซียส เมื่อเวลำผ่ำนไป อุณหภูมิจะ
เปลี่ยนเป็น 5,600 , 4,000 และ 3,000 องศำเซลเซียสตำมลำดับ สีของดำวฤกษ์ดวงนั้นจะ
เปลี่ยนแปลงอย่ำงไร
1) ขำว ส้มแดง ส้ม เหลือง
2) ขำว ส้มแดง เหลือง ส้ม
3) ขำว เหลือง ส้ม ส้มแดง
4) ขำว ส้ม เหลือง ส้มแดง
5) ขำว ส้ม ส้มแดง เหลือง
26
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 25
68. ข้อใดกล่ำวถึงลักษณะของดำวฤกษ์ได้ถูกต้อง
1) ดำวที่มีอำยุมำก จะมีอุณหภูมิผิวต่ำ สีน้ำเงินขำว
2) ดำวที่มีอำยุมำก จะมีอุณหภูมิผิวสูง สีน้ำเงินขำว
3) ดำวที่มีอำยุน้อย จะมีอุณหภูมิผิวต่ำ สีส้มแดง
4) ดำวที่มีอำยุมำก จะมีอุณหภูมิผิวสูง สีส้มแดง
5) ดำวที่มีอำยุน้อย จะมีอุณหภูมิผิวสูง สีน้ำเงินขำว
69. ข้อใดเรียงลำดับกำรวิวัฒนำกำรของดวงอำทิตย์ ได้ถูกต้อง
1) ดวงอำทิตย์--> ดำวยักษ์แดง --> ซุปเปอร์โนวำ --> หลุมดำ
2) ดวงอำทิตย์--> ซุปเปอร์โนวำ-->ดำวยักษ์แดง--> ดำวแคระดำ
3) ดวงอำทิตย์-->ดำวยักษ์แดง --> ดำวแคระขำว --> ดำวนิวตรอน
4) ดวงอำทิตย์--> ดำวแคระขำว --> ดำวยักษ์แดง --> ดำวนิวตรอน
5) ดวงอำทิตย์--> ดำวยักษ์แดง-->ดำวแคระขำว--> ดำวแคระดำ
70. ปรำกฏกำรณ์ทำงธรรมชำติในข้อใดที่มีผลต่อกำรแผ่กระจำยของคลื่นวิทยุ
1) กำรเกิดน้ำขึ้นน้ำลง 2) กำรเกิดสุริยุปรำคำ
3) กำรเกิดแสงเหนือแสงใต้ 4) กำรเกิดกลำงวัน กลำงคืน
5) กำรเปลี่ยนขนำดของจุดดับบนดวงอำทิตย์
71. ถ้ำประเทศไทยต้องกำรสำรวจภำวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ต้องใช้บริกำรจำก ดำวเทียม
ระบบใด
1) ดำวเทียมสื่อสำร
2) ดำวเทียมอุตุนิยมวิทยำ
3) ดำวเทียมระบุตำแหน่ง
4) ดำวเทียมสำรวจทรัพยำกรโลก
5) ดำวเทียมสังเกตกำรณ์ดำรำศำสตร์
27
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 26
72. ข้อใดเป็นดำวเทียมมีกำรถ่ำยทอดโทรทัศน์ข้ำมทวีปจำกประเทศสหรัฐอเมริกำ
1) อินเทลแซท 1 2) อินเทลแซท 2
3) อินเทลแซท 3 4) อินเทลแซท 4
5) อินเทลแซท 5
73.ถ้ำนักเรียนต้องกำรพิสูจน์สมมติฐำนว่ำ อำกำศมีผลต่อกำรงอกของเมล็ด ควรเลือกกำรทดลอง
หลอดใดบ้ำง
1) ข และ ค 2) ก และ ข
3) ก และ จ 4) ข และ ง
5) ก และ ง
28
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 27
74. พิจารณาข้อมูลต่อไปนี้ แล้วตอบคาถาม
สาร
จุดหลอมเหลว
( ํC)
การนาไฟฟ้ าเมื่ออยู่ในสถานะต่าง ๆ
การละลายน้า
ของแข็ง ของเหลว
A – 91 ไม่นำ ไม่นำ ไม่ละลำย
B 1560 ไม่นำ นำ ละลำย
C 3600 ไม่นำ ไม่นำ ไม่ละลำย
D 1453 นำ นำ ไม่ละลำย
สำรใดที่จัดเป็นสำรประกอบไอออนิก
1) A 2) B
3) C 4) D
5) A และ B
75. จำกกำรทดลองเกี่ยวกับอัตรำกำรสังเครำะห์ด้วยแสงกับอุณหภูมิ พบว่ำในช่วงเวลำต่ำงกัน
อุณหภูมิต่ำงกัน อัตรำกำรสังเครำะห์ด้วยแสงต่ำงกัน ดังตำรำง
เวลำ อุณหภูมิ( °
C ) อัตรำกำรสังเครำะห์ด้วยแสง
8.30 น. 29 30
9.30 น. 31 32
10.30 น. 33 33
29
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 28
จำกตำรำงทำให้สรุปได้ว่ำ อัตรำกำรสังเครำะห์ด้วยแสงขึ้นกับ
1) ปริมำณ O2 และอุณหภูมิที่ได้รับ
2) ปริมำณควำมร้อนที่ได้รับยิ่งสูงยิ่งดี
3) ระยะเวลำที่สังเครำะห์ด้วยแสงยิ่งสำยยิ่งสังเครำะห์ดี
4) ถูกทั้งข้อ 2 และ 3
5) ถูกทั้งข้อ 1 และ 2
จากข้อมูลข้างล่างนี้ตอบคาถามข้อ 76 – 77
ในกำรทดลองเกี่ยวกับกำรงอกของเมล็ดถั่วเขียว โดยใช้หลอดทดลองที่มีทรำยละเอียดใส่ไว้
ประมำณ 1/8 ของหลอดจำนวน 5 หลอด
หลอดที่ 1 ใส่เมล็ดถั่วเขียวที่สมบูรณ์และไม่แช่น้ำ จำนวน 5 เมล็ด
หลอดที่ 2 ใส่เมล็ดถั่วเขียวที่สมบูรณ์และแช่น้ำแล้ว 3 ชั่วโมง จำนวน 5 เมล็ด
หลอดที่ 3 ใส่เมล็ดถั่วเขียวที่สมบูรณ์และแช่น้ำแล้ว 6 ชั่วโมง จำนวน 5 เมล็ด
หลอดที่ 4 ใส่เมล็ดถั่วเขียวที่สมบูรณ์และแช่น้ำแล้ว 15 ชั่วโมง จำนวน 5 เมล็ด
หลอดที่ 5 ใส่เมล็ดถั่วเขียวที่สมบูรณ์และแช่น้ำแล้ว 24 ชั่วโมง จำนวน 5 เมล็ด
ใช้จุกยำงปิดหลอดให้สนิทเก็บไว้ในที่มืดทั้ง 5 หลอด 3 – 7 วันแล้วนำออกมำสังเกตกำรงอกของ
เมล็ดถั่วเขียว โดยหำเปอร์เซ็นต์กำรงอก วัดควำมยำวของต้นและรำก นับจำนวนรำกฝอย ทำกำร
ทดลองนี้ 3 ชุด
76. กำรทดลองนี้เป็นกำรทดลองเพื่อพิสูจน์ว่ำ
1) ชั่วโมงของกำรเพำะมีผลต่อกำรงอกของเมล็ด
2) น้ำหรือควำมชื้นมีผลต่อกำรงอกของเมล็ด
3) ทรำยในหลอดทดลองมีผลต่อกำรงอกของเมล็ด 4) ข้อ 2 , 3 ถูก
5) ข้อ 1 , 2 และ 3 ถูก
30
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 29
77. หลอดใดควรเป็นหลอดควบคุม
1) หลอดที่ 1
2) หลอดที่ 2
3) หลอดที่ 3
4) หลอดที่ 4
5) ไม่มีหลอดใดเป็นหลอดควบคุม
78. นักเรียนใส่ยีสต์ปริมำณเท่ำกันลงในขวด 2 ขวด คือ ขวด A และ ขวด B ในขวดทั้งสองมี
สำรละลำยน้ำตำลที่มีปริมำณเท่ำกันด้วย จำกนั้นนำขวด A ปิดด้วยจุกสำลีส่วนขวด B ปิดด้วยจุก
ยำง หลังจำกตั้งทิ้งไว้1 อำทิตย์ นักเรียนคิดว่ำขวดไหนควรจะมีจำนวนเซลล์ของยีสต์มำกกว่ำกัน
เพรำะเหตุใด
1) ขวด A มำกกว่ำ เพรำะยีสต์ได้รับ O2 ทำให้มีกำรแบ่งเซลล์มำก
2) ขวด A มำกกว่ำ เพรำะ CO2 ที่เกิดขึ้นจำกขบวนกำรหำยใจกระตุ้นให้มีกำร แบ่งเซลล์
3) ขวด A มำกกว่ำ เพรำะ ขำด CO2 จึงต้องรีบแบ่งตัวเพื่อควำมอยู่รอด
4) ขวด B มำกกว่ำ เพรำะแอลกอฮอล์เป็นพิษ ทำให้เซลล์ต้องแบ่งตัวมำก
5) ขวด B มำกกว่ำ เพรำะ ขำด CO2 จึงต้องรีบแบ่งตัวเพื่อควำมอยู่รอด
31
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 30
79.นักเรียนได้ทดลองจำลองสระน้ำขึ้นมำ โดยใช้อ่ำงแก้วซึ่งภำยในบรรจุสำรละลำย ธำตุอำหำรที่
ละลำยด้วยน้ำกลั่นและเปิดฝำอ่ำงแก้วไว้ให้มีกำรสัมผัสกับอำกำศภำยนอก เมื่อทิ้งไว้ระยะหนึ่งนำ
น้ำนั้นมำตรวจหำสิ่งมีชีวิตและพบว่ำสิ่งมีชีวิต 3 ชนิดเกิดขึ้นในอ่ำงแก้วใบนี้ ดังภำพ
สิ่งมีชีวิต X Y และ Z ที่พบน่ำจะหมำยถึงสิ่งมีชีวิตกลุ่มใด
1) X คือเหยื่อ Y คือผู้บริโภคลำดับแรก และ Z คือผู้บริโภคลำดับสุดท้ำย
2) X คือผู้ผลิต Y คือผู้บริโภคลำดับแรก และ Z คือผู้ล่ำ
3) X คือผู้ล่ำ Y คือผู้บริโภคลำดับแรก และ Z คือผู้ผลิต
4) X คือผู้บริโภคลำดับแรก Y คือผู้ผลิต และ Z คือผู้ล่ำ
5) X คือผู้บริโภคอันดับแรก Y คือ ผู้ล่ำ และ Z คือผู้ผลิต
80.ในกำรทดลองจุลินทรีย์จำกท่อน้ำเสียของโรงงำน ๆ หนึ่ง พบว่ำเมื่อใช้น้ำกลั่นเติมลงในหลอด
ทดลองรำว 40 cm3
แล้วนำไปต้มจนเดือด จึงเติมเมธิลีนบลูลงไป 4 – 5 หยด ปล่อยไว้ให้เย็นลง
เมื่อเย็นลงแล้วแบ่งน้ำกลั่นใส่หลอดทดลองสองหลอดเท่ำๆ กัน หลอดแรกนำไปหยดเมธิลีนบลู
อีกครั้ง ส่วนหลอดที่สองเติมน้ำเสียที่ได้จำกท่อน้ำทิ้งของโรงงำนลงไป 40 cm3
ทิ้งไว้ประมำณ
10 นำที หยดเมธิลีนบลู สังเกตผลจำกนั้นแยกน้ำในหลอดนี้ออกเป็น 4 หลอดในปริมำณเท่ำ ๆ กัน
นำไปต้มที่อุณหภูมิ 40 , 60 80 และ 100 องศำเซลเซียส เมื่อต้มได้อุณหภูมิตำมควำมต้องกำรแล้ว
หยดเมธิลีนบลูลงในหลอดทั้ง 4 สังเกตดูสี บันทึกผลตำมตำรำงข้ำงล่ำง
32
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 31
รำยละเอียดของกำรทดลอง สีเมธิลีนบลู
1. น้ำกลั่นต้ม + + + + +
2. น้ำกลั่นต้มแล้วปล่อยให้เย็น + + +
3. น้ำกลั่นต้มแล้วปล่อยให้เย็นเติมน้ำเสียจำกท่อน้ำทิ้ง 40 cm3
ทิ้งไว้ประมำณ 10 นำที
จำงหำยหมด – ใส
4. นำน้ำจำกข้อ 3 แยก 4
หลอดแล้วต้มตำม
อุณหภูมิต่ำง ๆ
40°
C +
60°
C + +
80°
C + + +
100°
C + + + +
เมื่อเครื่องหมำย + เป็นตัวแทนของควำมเข้มข้นของ สีเมธิลีนบลู
จำกผลกำรทดลองของห้องปฏิบัติกำรนี้ทำให้สรุปได้ว่ำ
1. ที่อุณหภูมิ 100°
C นั้นจุลินทรีย์ไม่มีตำยเลย
2. ในอำกำศพบจุลินทรีย์อยู่ทั่ว ๆ ไป
3. จุลินทรีย์มีกำรสืบพันธุ์ได้อย่ำงรวดเร็ว
4. จำนวนจุลินทรีย์ในหลอดทดลองเป็นปฏิภำคกลับกับควำมเข้มข้นของสีเมธิลีนบลู
5.กำรที่เมธิลีนบลูเปลี่ยนสีจำงลงแสดงว่ำน้ำเสียจำกท่อมีจุลินทรีย์อยู่
ข้อสรุปจำกห้องปฏิบัติกำรที่มีควำมถูกต้องจริง ๆ กี่ข้อ
1) 1 ข้อ 2) 2 ข้อ
3) 3 ข้อ 4) 4 ข้อ
5) 5 ข้อ
33
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 32
ส่วนที่ 2 แบบระบาย 2 คาตอบ : เลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุด 2 คาตอบ จานวน 8 ข้อ
ข้อที่ 81 – 88 ข้อ ละ 2 คะแนน คะแนนเต็ม 16 คะแนน จะต้องตอบให้ครบทั้ง
2 คาตอบ จึงจะได้คะแนน ตอบถูก 2 คาตอบ ได้ 2 คะแนน ถ้าตอบเพียง 1 คาตอบถึงแม้
จะตอบถูกก็จะไม่ได้คะแนน
81. ข้อใดสัมพันธ์กับทฤษฏีกำรคัดเลือกตำมธรรมชำติมำกที่สุด
1) จิ้งจกปรับสีผิวให้เข้ำกับแหล่งอำศัย
2) นกกระทำจะวำงไข่เป็นจำนวนมำกขึ้นเมื่อเวลำกลำงวันยำวขึ้น
3) นกฮูกหิมะจะเปลี่ยนขนเป็นสีขำวในฤดูหนำวเพื่อให้กลมกลืนกับหิมะ
4) แมลงวันทองส่วนใหญ่จะตำยเมื่อถูกรังสี แต่บำงส่วนรอดชีวิตแต่เป็นหมัน
5) คนขำดแคลนเอนไซม์ที่ทำหน้ำที่สร้ำงโปรตีนที่สำคัญของร่ำงกำยมักตำยตั้งแต่เด็ก
82. ข้อใดเป็นจริงเกี่ยวกับโครโมโซม
1) ยีนที่ตำแหน่งเดียวกันของโครโมโซมที่คู่กัน จะกำหนดลักษณะทำงพันธุกรรม
ลักษณะเดียวกัน
2) โครโมโซมแต่ละโครโมโซมประกอบด้วย โครมำทิดและเซนโทรเมียร์
3) โครโมโซมของเซลล์ร่ำงกำยแต่ละคู่จะมีรูปร่ำงลักษณะต่ำงกัน
4) โครโมโซมแต่ละโครโมโซมประกอบมี 2 เซนโทรเมียร์
5) ถูกทุกข้อ
34
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 33
83. ยูเรียเตรียมจำกแก๊สแอมโมเนียและแก๊สคำร์บอนไดออกไซด์ด้วยปฏิกิริยำดังนี้
2NH3(g) + CO2(g) (NH2) 2CO(s) + H2O(g)
กำรทดลองในภำชนะปิดและชั่งน้ำหนักยูเรียที่เกิดขึ้นที่เวลำต่ำงกันได้ผลดังตำรำง
ข้อใดสรุปไม่ถูกต้อง
1) ปฏิกิริยำสิ้นสุดหลังจำกนำทีที่ 4
2) อัตรำปฏิกิริยำลดลงเมื่อเวลำเพิ่มขึ้น
3) อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำขึ้นกับอุณหภูมิที่ทดลอง
4) อัตรำปฏิกิริยำที่นำทีที่ 4 และนำทีที่ 5 มีค่ำเท่ำกัน
5) อัตรำเฉลี่ยเมื่อปฏิกิริยำสิ้นสุดพอดีมีค่ำเป็น 1.05 กรัมต่อนำที
6) อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำขึ้นกับปริมำตรของ NH3 (g ) และ CO2 ( g )
เวลำที่ใช้(นำที) น้ำหนักยูเรียที่เกิดขึ้น (กรัม)
1 1.6
2 2.6
3 4
4 4.2
5 4.2
35
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 34
84. ปริมำณของไขมันอิ่มตัว ไขมันไม่อิ่มตัว และสำรอื่น ๆ ในน้ำมันเป็นดังตำรำง
ชนิดน้ำมัน/ไขมัน ไขมันอิ่มตัว (%) ไขมันไม่อิ่มตัว (%) อื่น ๆ (%)
น้ำมันถั่วเหลือง 15 52 33
น้ำมันมะพร้ำว 86 0 14
น้ำมันไก่ 23 24 53
ไขมันวัว 48 2 50
ข้อใดสรุปได้ถูกต้อง
1) ไขมันวัวจะเหม็นหืนเร็วกว่ำน้ำมันไก่
2) ไขมันวัวเหม็นหืนช้ำกว่ำน้ำมันถั่วเหลือง
3) น้ำมันถั่วเหลืองเหม็นหืนช้ำกว่ำน้ำมันมะพร้ำว
4) น้ำมันถั่วเหลืองเหมำะสำหรับทอดอำหำรมำกกว่ำน้ำมันมะพร้ำว
5) น้ำมันมะพร้ำวเหมำะสำหรับคนที่มีคอเลสเตอรอลในเลือดสูงนำไปบริโภค
6) ถ้ำใช้น้ำมันที่มีจำนวนเท่ำกัน น้ำมันถั่วเหลืองจะทำปฏิกิริยำกับไอโอดีนโดยใช้ปริมำณ
มำกที่สุด
85. แรงระหว่ำงอนุภำคซึ่งอยู่ภำยในนิวเคลียสประกอบด้วยแรงใดบ้ำง
1) แรงไฟฟ้ำ
2) แรงโน้มถ่วง
3) แรงนิวเคลียร์
4) แรงแม่เหล็ก
5) แรงสู่ศูนย์กลำง
6) แรงดึงดูดระหว่ำงมวล
36
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 35
86. หนูตัวหนึ่งวิ่งรอบสระน้ำเป็นวงกลมที่มีเส้นผ่ำนศูนย์กลำง 14 เมตร ใช้เวลำ 1 นำที ก็ครบรอบ
พอดี ข้อควำมใดกล่ำวถูกต้อง
1) อัตรำเร็วเฉลี่ยเท่ำกับ 44 เมตรต่อวินำที
2) ควำมเร็วเฉลี่ยเท่ำกับ 0 เมตรต่อวินำที
3) ขณะวิ่งได้ครึ่งรอบได้ระยะทำงเท่ำกับ 14 เมตร
4) ขณะวิ่งได้¼ รอบ ได้กำรกระจัดเท่ำกับ 11 เมตร
5) ขณะวิ่งได้3/4 รอบ ได้กำรกระจัดเท่ำกับ 33 เมตร
6) ถ้ำหนูตัวนี้ใช้เวลำในกำรวิ่งครึ่งรอบเท่ำกับ 20 วินำที อัตรำเร็วเฉลี่ยขณะวิ่งได้ครึ่งรอบ
ประมำณ 1.1 เมตรต่อวินำที
87. ลักษณะกำรหมุนของโลกรอบดวงอำทิตย์มีลักษณะดังนี้
1.แกนหมุนของโลกเอียงทำมุมกับระนำบวงโคจร
2. โลกหมุนรอบตัวเอง และส่ำยไปทำงทิศตะวันตกอย่ำงช้ำ ๆ
3. โลกหมุนรอบตัวเอง และส่ำยไปทำงทิศตะวันออกอย่ำงช้ำ ๆ
คำตอบที่ถูกต้องคือ
1) ข้อ 1 ถูก
2) ข้อ 2 ผิด
3) ข้อ 3 ถูก
4) ข้อ 1 ถูก ข้อ 2 และ ข้อ 3 ผิด
5) ข้อ 1 ผิด ข้อ 2 และ ข้อ 3 ถูก
6) ข้อ 1 ข้อ 2 ถูก และ ข้อ 3 ผิด
37
วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 36
88. ข้อใดกล่ำว ไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับโลก
1) เปลือกโลกส่วนล่ำงเป็นหินบะซอลต์
2) แก่นโลกเป็นส่วนที่หนำที่สุดของโลก
3) เปลือกโลกชั้นนอกส่วนใหญ่เป็นหินเรียกว่ำ ไซอัล
4) เปลือกโลกชั้นนอกสุดมีแผ่นดิน แผ่นน้ำหนำ 3,000 เมตร
5) มีรูปร่ำงกลมรี เส้นผ่ำศูนย์กลำงทำงแนวดิ่งสั้นกว่ำแนวนอน
6) คนบนโลกมีโอกำสที่จะมองเห็นดำวเครำะห์วงในอยู่กลำงท้องฟ้ ำได้
ส่วนที่ 3 แบบระบาย 3 คาตอบ: เลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุด 3 คาตอบ จานวน 2 ข้อ
ข้อที่ 89 – 90 ข้อ ละ 2 คะแนน คะแนนเต็ม 4 คะแนน จะต้องตอบให้ครบทั้ง
3 คาตอบ จึงจะได้คะแนน ตอบถูก 3 คาตอบ ได้ 2 คะแนน ถ้าตอบเพียง 1 คาตอบหรือ
2 คาตอบ ถึงแม้จะตอบถูกก็จะไม่ได้คะแนน
89. ภูเขำไฟในประเทศไทย
1) ภูเขำไฟสลับชั้น
2) เป็นภูเขำไฟรูปโดม
3) เป็นภูเขำไฟที่ดับสนิท
4) เกิดบริเวณแนวรอยต่อของแผ่นธรณีภำค
5) เกิดกำรประทุมำแล้วมำกกว่ำ 10,000 ปี
6) เกิดบริเวณรอยแยก รอยเลื่อนของแผ่นธรณีภำค
90. ข้อใดเป็นโครงกำรขนส่งอวกำศ
1) โครงกำรเอนเตอร์ไพรส์(Enterprise) 2)โครงกำรนำซำร์ (Naza)
3)โครงกำรดิสคัฟเวอรี (discovory) 4)โครงกำรฮับเบิล (hubble)
5)โครงกำรแคสสินี (Cassini) 6)โครงกำรโคลัมเบีย (Columbia)
38
วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
ข้อที่ เฉลย ข้อที่ เฉลย ข้อที่ เฉลย ข้อที่ เฉลย
1 3 26 1 51 1 76 2
2 2 27 3 52 2 77 1
3 1 28 3 53 3 78 1
4 2 29 1 54 1 79 2
5 3 30 2 55 1 80 2
6 1 31 1 56 3 81 1 , 3
7 2 32 5 57 4 82 1 , 2
8 4 33 1 58 1 83 1 , 3
9 5 34 4 59 2 84 2 , 6
10 3 35 1 60 5 85 1 , 3
11 2 36 5 61 5 86 2 , 6
12 5 37 1 62 2 87 1 , 6
13 1 38 2 63 1 88 4 , 6
14 4 39 4 64 4 89 3 , 5 , 6
15 1 40 2 65 4 90 1, 3 , 6
16 4 41 5 66 3
17 5 42 4 67 3
18 4 43 1 68 2
19 1 44 3 69 5
20 2 45 4 70 3
21 1 46 1 71 4
22 3 47 2 72 4
23 2 48 2 73 5
24 3 49 3 74 2
25 2 50 1 75 4
39
จำนวนข้อสอบวิชำวิทยำศำสตร์ Pre O- NET จำแนกตำมสำระและมำตรฐำนกำรเรียนรู้ประจำปีกำรศึกษำ 2554
สำระและมำตรฐำนกำรเรียนรู้ ระดับม. 6
จำนวนข้อ ข้อสอบข้อที่ คะแนน รวมคะแนน
สำระที่ 1สิ่งมีชีวิตกับกระบวนกำรดำรงชีวิต
มำตรฐำน ว 1.1 4 1 - 4 4 4
มำตรฐำน ว 1.2 9 5 - 11 7 11
81 - 82 4
สำระที่ 2 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
มำตรฐำน ว2.1 3 12-14 3 3
มำตรฐำน ว2.2 4 15-18 4 4
สำระที่ 3 สำรและสมบัติของสำร
มำตรฐำน ว 3.1 8 19-26 8 8
มำตรฐำน ว 3.2 12 27- 36 10 14
83 - 84 4
สำระที่ 4 แรงและกำรเคลื่อนที่
มำตรฐำน ว 4.1 6 37 - 41 5 7
85 2
มำตรฐำน ว 4.2 6 42 - 46 5 7
86 2
สำระที่ 5 พลังงำน
มำตรฐำน ว 5.1 8 47 - 54 8 8
สำระที่ 6 กระบวนกำรเปลี่ยนแปลงของโลก
มำตรฐำน ว 6.1 11 55 - 63 9 13
87 - 88 4
สำระที่ 7 ดำรำศำสตร์และอวกำศ
มำตรฐำน ว 7.1 7 64 - 69 6 8
89 2
มำตรฐำน ว 7.2 4 70 – 72 3 5
90 2
สำระที่ 8 ธรรมชำติของวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
มำตรฐำน ว 8.1 8 73 - 80 8 8
I;, 90 90 100 100
40

More Related Content

What's hot

Chem
ChemChem
Chemaom08
 
กสพท. เคมี 2563
กสพท. เคมี 2563กสพท. เคมี 2563
กสพท. เคมี 2563
9GATPAT1
 
แบบทดสอบยีน
แบบทดสอบยีนแบบทดสอบยีน
แบบทดสอบยีน
Wichai Likitponrak
 
ทดสอบสมรรถนะเคมี
ทดสอบสมรรถนะเคมีทดสอบสมรรถนะเคมี
ทดสอบสมรรถนะเคมีpoomarin
 
โควต้ามช เคมี ปี41
โควต้ามช เคมี ปี41โควต้ามช เคมี ปี41
โควต้ามช เคมี ปี41
Angkana Potha
 
02ca74a77252a41d5905194b2213fd74
02ca74a77252a41d5905194b2213fd7402ca74a77252a41d5905194b2213fd74
02ca74a77252a41d5905194b2213fd74anewz
 
O net เคมี ปี 53
O net เคมี ปี 53O net เคมี ปี 53
O net เคมี ปี 53Ja 'Natruja
 
โจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลย
โจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลยโจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลย
โจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลยawirut
 
ข้อสอบโควต้ามช เคมี
ข้อสอบโควต้ามช เคมีข้อสอบโควต้ามช เคมี
ข้อสอบโควต้ามช เคมีPorna Saow
 
9 วิชาสามัญ เคมี 56
9 วิชาสามัญ เคมี 569 วิชาสามัญ เคมี 56
9 วิชาสามัญ เคมี 56
อิ๋ว ติวเตอร์
 

What's hot (12)

Chem
ChemChem
Chem
 
Pre onet วิทย์ป.6 ปีการศึกษา 2554
Pre onet วิทย์ป.6 ปีการศึกษา 2554Pre onet วิทย์ป.6 ปีการศึกษา 2554
Pre onet วิทย์ป.6 ปีการศึกษา 2554
 
กสพท. เคมี 2563
กสพท. เคมี 2563กสพท. เคมี 2563
กสพท. เคมี 2563
 
แบบทดสอบยีน
แบบทดสอบยีนแบบทดสอบยีน
แบบทดสอบยีน
 
ทดสอบสมรรถนะเคมี
ทดสอบสมรรถนะเคมีทดสอบสมรรถนะเคมี
ทดสอบสมรรถนะเคมี
 
โควต้ามช เคมี ปี41
โควต้ามช เคมี ปี41โควต้ามช เคมี ปี41
โควต้ามช เคมี ปี41
 
s
ss
s
 
02ca74a77252a41d5905194b2213fd74
02ca74a77252a41d5905194b2213fd7402ca74a77252a41d5905194b2213fd74
02ca74a77252a41d5905194b2213fd74
 
O net เคมี ปี 53
O net เคมี ปี 53O net เคมี ปี 53
O net เคมี ปี 53
 
โจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลย
โจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลยโจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลย
โจทย์อัตราการเกิดปฎิกิริยา พร้อมเฉลย
 
ข้อสอบโควต้ามช เคมี
ข้อสอบโควต้ามช เคมีข้อสอบโควต้ามช เคมี
ข้อสอบโควต้ามช เคมี
 
9 วิชาสามัญ เคมี 56
9 วิชาสามัญ เคมี 569 วิชาสามัญ เคมี 56
9 วิชาสามัญ เคมี 56
 

Viewers also liked

ข้อสอบสังคม
ข้อสอบสังคมข้อสอบสังคม
ข้อสอบสังคมfahsudarrat
 
ข้อสอบPre o-net thai6
ข้อสอบPre o-net thai6ข้อสอบPre o-net thai6
ข้อสอบPre o-net thai6fahsudarrat
 
ข้อสอบPre o-net math6
ข้อสอบPre o-net math6ข้อสอบPre o-net math6
ข้อสอบPre o-net math6fahsudarrat
 
ข้อสอบPre o-net art6
ข้อสอบPre o-net art6ข้อสอบPre o-net art6
ข้อสอบPre o-net art6fahsudarrat
 
ข้อสอบPre o-net job6
ข้อสอบPre o-net job6ข้อสอบPre o-net job6
ข้อสอบPre o-net job6fahsudarrat
 
ข้อสอบวิชาอังกฤษ
ข้อสอบวิชาอังกฤษข้อสอบวิชาอังกฤษ
ข้อสอบวิชาอังกฤษfahsudarrat
 

Viewers also liked (6)

ข้อสอบสังคม
ข้อสอบสังคมข้อสอบสังคม
ข้อสอบสังคม
 
ข้อสอบPre o-net thai6
ข้อสอบPre o-net thai6ข้อสอบPre o-net thai6
ข้อสอบPre o-net thai6
 
ข้อสอบPre o-net math6
ข้อสอบPre o-net math6ข้อสอบPre o-net math6
ข้อสอบPre o-net math6
 
ข้อสอบPre o-net art6
ข้อสอบPre o-net art6ข้อสอบPre o-net art6
ข้อสอบPre o-net art6
 
ข้อสอบPre o-net job6
ข้อสอบPre o-net job6ข้อสอบPre o-net job6
ข้อสอบPre o-net job6
 
ข้อสอบวิชาอังกฤษ
ข้อสอบวิชาอังกฤษข้อสอบวิชาอังกฤษ
ข้อสอบวิชาอังกฤษ
 

Similar to ข้อสอบPre o-net sci6

O-Net'53 วิทยาศาสตร์
O-Net'53 วิทยาศาสตร์O-Net'53 วิทยาศาสตร์
O-Net'53 วิทยาศาสตร์
Chutikarn Sothanapaisan
 
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ O-net ปี53
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ O-net ปี53ข้อสอบวิทยาศาสตร์ O-net ปี53
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ O-net ปี53
flimgold
 
ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์
ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์
ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์Stamp Jirapinya
 
ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์
ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์
ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์Pornthip Nabnain
 
ข้อสอบ o-net ม.6 ปี 2552
ข้อสอบ o-net ม.6 ปี 2552ข้อสอบ o-net ม.6 ปี 2552
ข้อสอบ o-net ม.6 ปี 2552
blogbiology
 
ข้อสอบปลายภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ชั้น ม.6
ข้อสอบปลายภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ชั้น ม.6ข้อสอบปลายภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ชั้น ม.6
ข้อสอบปลายภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ชั้น ม.6Nattapong Boonpong
 
ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์
ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์
ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์yupparaj
 
M6science2553
M6science2553M6science2553
M6science2553ApisitIce
 
วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์jupjangny
 
M6science2553
M6science2553M6science2553
M6science2553gunwarz
 

Similar to ข้อสอบPre o-net sci6 (20)

O-Net'53 วิทยาศาสตร์
O-Net'53 วิทยาศาสตร์O-Net'53 วิทยาศาสตร์
O-Net'53 วิทยาศาสตร์
 
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ O-net ปี53
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ O-net ปี53ข้อสอบวิทยาศาสตร์ O-net ปี53
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ O-net ปี53
 
ข้อสอบo-netวิทยาศาสตร์
ข้อสอบo-netวิทยาศาสตร์ข้อสอบo-netวิทยาศาสตร์
ข้อสอบo-netวิทยาศาสตร์
 
ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์
ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์
ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์
 
ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์
ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์
ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์
 
M6science2553
M6science2553M6science2553
M6science2553
 
M6science2552
M6science2552M6science2552
M6science2552
 
ข้อสอบ o-net ม.6 ปี 2552
ข้อสอบ o-net ม.6 ปี 2552ข้อสอบ o-net ม.6 ปี 2552
ข้อสอบ o-net ม.6 ปี 2552
 
Ent bio48
Ent bio48Ent bio48
Ent bio48
 
ข้อสอบปลายภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ชั้น ม.6
ข้อสอบปลายภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ชั้น ม.6ข้อสอบปลายภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ชั้น ม.6
ข้อสอบปลายภาค ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ชั้น ม.6
 
Onet m6 52 sci
Onet m6 52  sciOnet m6 52  sci
Onet m6 52 sci
 
ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์
ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์
ข้อสอบ O net 52 วิทยาศาสตร์
 
Science
ScienceScience
Science
 
Onet m6 52 sci
Onet m6 52  sciOnet m6 52  sci
Onet m6 52 sci
 
Onet-Science
Onet-ScienceOnet-Science
Onet-Science
 
M6science2553
M6science2553M6science2553
M6science2553
 
M6science2553
M6science2553M6science2553
M6science2553
 
Onet m6 52 sci
Onet m6 52  sciOnet m6 52  sci
Onet m6 52 sci
 
วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์
 
M6science2553
M6science2553M6science2553
M6science2553
 

ข้อสอบPre o-net sci6

  • 1. 1 แบบทดสอบ Pre O-NET กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2554 สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 39 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
  • 2. 2 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 1 ส่วนที่ 1 แบบระบาย 1 คาตอบ: เลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคาตอบเดียว จำนวน 80 ข้อ ข้อที่ 1 – 80 ข้อละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 80 คะแนน 1. เซลล์ส่วนประกอบต่อไปนี้ ; ดีเอ็นเอ ไรโบโซม เยื่อหุ้มเซลล์ เอนไซม์และ ไมโทคอนเดรีย เป็นเซลล์ในสิ่งมีชีวิตในข้อใด 1) แบคทีเรีย 2) พืชเท่ำนั้น 3) สัตว์เท่ำนั้น 4) ฟังไจ 5) เป็นได้ทั้งพืชและสัตว์ 2. ข้อควำมที่ถูกต้องเกี่ยวกับกำรรักษำอุณหภูมิของร่ำงกำยคือ 1) ควำมสำมำรถในกำรปรับอุณหภูมิของร่ำงกำยแปรผันโดยตรงกับขนำด ของสัตว์เท่ำนั้น 2) พื้นที่ผิวลำตัวของสัตว์มีส่วนเกี่ยวข้องกับกำรระบำยควำมร้อนของสัตว์ มำกกว่ำขนำดลำตัว 3) กำรเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในร่ำงกำยของสัตว์ขึ้นอยู่กับพื้นที่ผิวของลำตัวของ สัตว์โดยตรง 4) กำรเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิภำยในร่ำงกำยสัตว์ขึ้นอยู่กับขนำดของสัตว์ โดยตรง 5) ถูกทุกข้อ
  • 3. 3 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 2 3. ใช้แผนภาพต่อไปนี้ตอบคาถาม จำกกำรทำปฏิบัติกำรศึกษำเรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิตโครงสร้ำงหมำยเลขใดบ้ำงที่เห็นภำยใต้ กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงแบบธรรมดำ 1) 1, 8 , 9 2) 1, 2 , 4 3) 1, 6 , 8 4) 1, 7 , 4 5) 3 , 7 , 9 4. คนที่มีไตทำหน้ำที่กรองสำรดังตำรำง จะมีอำกำรหรือสภำวะอย่ำงไร 1) ปัสสำวะบ่อยขึ้น 2) ปัสสำวะน้อยมำก 3) ร่ำงกำยมีเหงื่อมำก 4) ร่ำงกำยมีเหงื่อน้อยลง 5) ทุกครั้งที่ปัสสำวะต้องดื่มน้ำตำม สำร ปริมำณสำรที่กรองผ่ำนโกลเมอรูลัส ( กรัม / มล. ) น้ำปัสสำวะ ( กรัม / มล. ) น้ำ โปรตีน ยูเรีย โซเดียม 10 10-20 0.03 0.32 96 0 2 0.35
  • 4. 4 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า3 5. ลักษณะทำงพันธุกรรมในข้อใดต่อไปนี้ถูกควบคุมด้วยยีนบนออโตโซม ก. ผมหยิก ข. ฮีโมฟิเลีย ค. หมู่เลือด AB ง. ตำบอดสี 1) ข้อ ก และ ข 2) ข้อ ค และ ง 3) ข้อ ก และ ค 4) ข้อ ข และ ง 5) ข้อ ข และ ค 6. ชำยคนหนึ่งมีผิวปกติแต่งงำนกับหญิงผิวเผือกมีบุตรสำวคนแรกผิวปกติและบุตรชำย ผิวเผือก ซึ่ง แต่งงำนกับหญิงผิวปกติและมีหลำนชำยหญิงผิวปกติ ข้อใดคือเพดดิกรีของครอบครัวนี้ 1) 2) 3) 4) 5)
  • 5. 5 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า4 7. ครอบครัวหนึ่งมีพ่อปกติและแม่ปกติ ลูกสำวคนแรกปกติ แต่มีลูกชำยเป็นธำลัสซีเมีย ข้อใดเป็น จีโนไทป์ ของครอบครัวนี้ (กำหนดให้ A เป็นยีนเด่น a เป็นยีนด้อย ) 1) พ่อ AA แม่ Aa ลูกสำว Aa ลูกชำย aa 2) พ่อ Aa แม่ Aa ลูกสำว Aa ลูกชำย aa 3) พ่อ AA แม่ AA ลูกสำว Aa ลูกชำย aa 4) พ่อ AA แม่ Aa ลูกสำว Aa ลูกชำย Aa 5) พ่อ Aa แม่ AA ลูกสำว AA ลูกชำย aa 8. ถ้ำแม่มีหมู่เลือด AB และลูกมีหมู่เลือด A พ่อจะมีหมู่เลือดใดได้บ้ำง 1) A หรือ O 2) A หรือ B 3) A หรือ AB 4) A หรือ B หรือ AB 5) A หรือ B หรือ AB หรือ O 9. ข้อใดไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับดีเอ็นเอ 1). ดีเอ็นเอพบในคลอโรพลำสต์ 2) ดีเอ็นเอทำหน้ำที่กำหนดชนิดของโปรตีน 3) น้ำตำลเพนโทสเป็นส่วนหนึ่งของ DNA 4) สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมีปริมำณดีเอ็นเอไม่เท่ำกัน 5) ไนโตรเจนเบสชนิดกวำนีน และไซโทซีนจะจับคู่กันด้วยพันธะคู่เสมอ
  • 6. 6 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 5 10. จำกภำพข้อใดเป็นจริง 1) เป็นโครโมโซมของเพศชำย 2) เป็นโครโมโซมของเพศหญิง 3) เป็นโครโมโซมของเพศหญิงที่มีอำกำรดำวน์ 4) เป็นโครโมโซมของเพศชำยที่มีอำกำรดำวน์ 5) เป็นโครโมโซมของเพศหญิงที่มีอำกำรเทอร์เนอร์ 11. ข้อใด ไม่ใช่ กำรป้องกันและแก้ไขปัญหำสภำวะโลกร้อน 1) Reuse 2) Remove 3) Recycle 4) Repair 5) Reduce 12. ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสิ่งมีชีวิตในข้อใดที่แตกต่ำงจำกข้ออื่นๆในเรื่องของกำรถ่ำยทอดพลังงำน 1) ทำกดูดเลือดคน 2) แมลงกับดอกไม้ 3) รำบนขนมปัง 4) นกเค้ำแมวล่ำเหยื่อ 5) ชำยผ้ำสีดำขึ้นอยู่บนต้นไม้ใหญ่
  • 7. 7 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 6 13.นกเอี้ยงกินเห็บอยู่บนหลังควำยที่กำลังกินหญ้ำ ในตัวเห็บมีแบคทีเรียอำศัยอยู่ใน ลำไส้กำรถ่ำยทอดพลังงำนในระบบนิเวศนี้จะมีลักษณะตรงกับข้อใด 1) ควำย เห็บ 2) ควำย เห็บ หญ้ำ หญ้ำ นกเอี้ยง แบคทีเรีย นกเอี้ยง แบคทีเรีย 3) ควำย เห็บ 4) ควำย เห็บ หญ้ำ หญ้ำ นกเอี้ยง แบคทีเรีย นกเอี้ยง แบคทีเรีย 5) ควำย เห็บ หญ้ำ นกเอี้ยง แบคทีเรีย 14. พื้นที่ลุ่มน้ำแห่งหนึ่งมีพืชชนิดหนึ่งขึ้นอยู่หนำแน่น เมื่อเกิดน้ำท่วมพื้นที่แห่งนี้เป็น เวลำจนกระทั่งพืชชนิดนี้ตำยหมดเมื่อมีพืชชนิดอื่นขึ้นแทนที่ทั้งนี้เนื่องจำกเหตุใด 1) ควำมเข้มของแสงเปลี่ยนไป 2) ควำมชื้นและอุณหภูมิเปลี่ยนไป 3) พืชชนิดเดิมแย่งอำหำรสู้พืชชนิดใหม่ไม่ได้ 4) สภำพของดินและค่ำควำมเป็นกรดและเบสเปลี่ยนไป 5) ถูกทุกข้อ
  • 8. 8 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 7 15. ทรัพยำกรที่เกิดขึ้นทดแทนใหม่ได้ในข้อใดที่มนุษย์นำมำใช้ประโยชน์มำกที่สุด 1) พลังงำนน้ำ 2) พลังงำนลม 3) พลังงำนจำกคลื่น 4) พลังงำนแสงอำทิตย์ 5) พลังงำนนิวเคลียร์ 16. ข้อควำมในข้อใดผิด 1) ดุลธรรมชำติจะถูกรักษำไว้ด้วยกำรอนุรักษ์ทรัพยำกร 2) ประเทศอุตสำหกรรมใหม่ (นิกส์ ) ไม่จำเป็นต้องมีอุตสำหกรรมทุกประเภท 3) รัฐส่งเสริมกำรป้องกันโรคแมลงหรือโรคซึ่งเป็นอันตรำยต่อป่ำไม้เพื่อรักษำ สมดุลธรรมชำติ 4) รัฐควรเร่งส่งเสริมอุตสำหกรรมทุกประเภทโดยมิต้องคำนึงถึงปัญหำมลภำวะ 5) เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่ำ อุตสำหกรรมคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศที่กำลัง พัฒนำเจริญไปอย่ำงรวดเร็ว 17. แผนผังโซ่อำหำรต่อไปนี้ สิ่งมีชีวิต A --> สิ่งมีชีวิต B --> สิ่งมีชีวิต C --> สิ่งมีชีวิต D จำกแผนผังโซ่อำหำร ถ้ำสิ่งมีชีวิต C ตำยหมด จะมีเหตุกำรณ์ใดเกิดขึ้นได้บ้ำง 1) สิ่งมีชีวิต A มีจำนวนเพิ่มขึ้น 2) สิ่งมีชีวิต A มีจำนวนเท่ำเดิม 3) สิ่งมีชีวิต B มีจำนวนลดลง 4) สิ่งมีชีวิต D มีจำนวนเพิ่มขึ้น 5) สิ่งมีชีวิต B มีจำนวนเพิ่มขึ้น
  • 9. 9 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า8 18. ใช้ข้อมูลในตำรำงเท่ำนั้นตอบคำถำม สาร ปริมาณเป็นกรัม / 100 มล. เลือด พลาสมาที่กรองได้ ปัสสาวะ ยูเรีย กรดยูริก กรดอะมิโน กลูโคส เกลือ โปรตีน น้ำ 0.03 0.004 0.05 0.1 0.72 8.0 92.0 0.03 0.004 0.01 0.1 0.72 0 90.0 2.0 0.05 0 0 1.5 0 95 จำกตำรำงที่กำหนดให้ สำรใดที่ถูกดูดซึมกลับได้หมด 1) ยูเรียและเกลือ 2) กรดยูริกและโปรตีน 3) กลูโคสและโปรตีน 4) กรดอะมิโนและกลูโคส 5) กรดอะมิโน กลูโคสและโปรตีน 19. ธำตุในข้อใดที่เป็นไอโซโทปกับธำตุที่มีสัญลักษณ์เป็น 11 5 A 1) 12 5 B 2) 12 6 B 3) 11 5 B 4) 11 6 B 5) B10 6
  • 10. 10 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 9 20. พิจำรณำข้อมูลต่อไปนี้ ก. แก๊สเรือนกระจกที่ส่งผลให้เกิดภำวะโลกร้อนได้แก่ คำร์บอนไดออกไซด์ไอน้ำ และมีเทน ข. บรรยำกำศที่มีสำรคลอโรฟลูออโรคร์บอน (CFC) ในปริมำณมำกจะส่งผลให้เกิดฝนกรด ค. กำหนดให้โคบอลต์-60 เป็นธำตุกัมมันตรังสีที่มีครึ่งอำยุ 5 ปี และปริมำณที่ไม่เป็น อันตรำยต้องไม่เกิน 0.50 กรัม ถ้ำมีโคบอลต์-60 น้ำหนัก 32 กรัม จะต้องเก็บไว้ในภำชนะ ปิดที่ป้องกันรังสีได้ เป็นเวลำ 30 ปี ก่อนนำไปทำลำย จึงจะไม่ เป็นอันตรำย ข้อใดกล่ำวถูกต้อง 1) ข้อ ก และ ข 2) ข้อ ก และ ค 3) ข้อ ข และ ค 4) ข้อ ก , ข และ ค 5) เฉพำะข้อ ค เท่ำนั้น 21. พิจำรณำข้อควำมต่อไปนี้ 1. เกลือแกงและโซดำไฟเป็นสำรประกอบของโลหะหมู่ 1A 2. สำรประกอบไอออนิกที่มีสถำนะเป็นของแข็งสำมำรถนำไฟฟ้ำได้ 3. โลหะแทรนซิชันมีสมบัติทำงกำยภำพเหมือนโลหะหมู่ 1A และ 2A ข้อใดกล่ำวถูกต้อง 1) 1 และ 2 2) 2 และ 3 3) 1 และ 3 4) 1 2 และ 3 5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
  • 11. 11 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 10 22. จำกสัญลักษณ์ของธำตุแมกนีเซียม 24 12Mg2+ ข้อใดต่อไปนี้ผิด 1) มีเลขมวลเท่ำกับ 24 2) มีนิวตรอนเท่ำกับ 12 3) มีอิเล็กตรอนเท่ำกับ 12 4) มีเลขอะตอมเท่ำกับ 22 5) มีจำนวนโปรตอนเท่ำกับ 12 23. สำรประกอบไฮโดรคำร์บอนในข้อใดจัดเป็นสำรประกอบไฮโดรคำร์บอนอิ่มตัว ทั้งหมด 1) CH4 , C2H6 , C3H8 , C6H6 2) CH4 , C2H6 , C3H8 , C4H10 3) CH4 , C2H4 , C6H6 , C6H10 4) CH4 , C3H6 , C4H8 , C5H10 5) CH4 , C2H4 , C3H6 , C6H6 24. ธำตุ 3 ชนิดมีสัญลักษณ์ดังนี้ 4 8 A 13 27 B 17 35 C ข้อใดเป็นสูตรเคมีของสำรประกอบ ฟลูออไรด์ของธำตุทั้งสำมชนิดตำมลำดับ 1) AF BF3 CF2 2) AF B2F3 CF2 3) AF2 B2F3 CF 4) AF2 BF3 CF 5) A2F BF3 CF2
  • 12. 12 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 11 25. ข้อใดต่อไปนี้เป็นเลขที่ใช้บอกประสิทธิภำพน้ำมันเบนซินและกำหนดโดยสำรใด ชื่อเลข สำรที่กำหนดประสิทธิภำพ 1. 2. 3. 4. 5. ออกเทน ออกเทน ซีเทน ซีเทน ซีเทน ไอโซออกเทนกับเพนเทน ไอโซออกเทนกับเฮปเทน ซีเทนกับแอลฟำแนพทำลีน ซีเทนกับเฮปเทน ซีเทนกับออกเทน 26. พิจำรณำข้อมูลในตำรำง ชนิดพลำสติก แหล่งวัตถุดิบ ประเภท พอลิเมอไรเซชั่น A B C D ถ่ำนหิน แก๊สธรรมชำติ เกลือแกง แก๊สธรรมชำติ ถ่ำนหิน แก๊สธรรมชำติ ถ่ำนโค๊ก หินปูน เทอร์มอพลำส เทอร์มอพลำส เทอร์มอเซต เทอร์มอพลำส แบบต่อเติม แบบต่อเติม แบบควบแน่น แบบควบแน่น ข้อใดถูกต้อง 1) A คือพอลิสไตรีน 2) B คือพอลิไวนิลแอซีเตต 3) C คือพอลิเอทิลีน 4) D คือพอลิไวนิลคลอไรด์ 5) A และ B คือ พอลีพอพิลีน
  • 13. 13 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 12 27. ธำตุกัมมันตรังสีชนิดหนึ่งมีครึ่งชีวิต 5 วัน มีมวลขณะนี้ 10 กรัม ก่อนหน้ำนี้ 20 วัน จะมีมวลอยู่เท่ำไร 1) 80 กรัม 2) 120 กรัม 3) 160 กรัม 4) 320 กรัม 5) 360 กรัม 28. ข้อใดที่แสดงว่ำผิวสัมผัสมีผลต่ออัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำ 1) กระดำษฝอยติดไฟได้เร็วกว่ำแผ่นกระดำษ 2) แผ่นสังกะสีปกติทำปฏิกิริยำกับกรดไฮโดรคลอริกได้ช้ำกว่ำแผ่นสังกะสีที่มีลวดทองแดง พันอยู่ 3) เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ใช้เชื้อเพลิงยูเรเนียมที่เป็นแท่งยำวทำให้มีอำยุกำรใช้งำนนำนกว่ำ ที่ใช้เป็นก้อนเล็กๆ 4) แบตเตอรี่รถยนต์ที่มีจำนวนแผ่นตะกั่วมำกกว่ำให้กำลังไฟฟ้ำสูงกว่ำที่มีจำนวนแผ่นน้อย กว่ำ 5) กรดไฮโดรคลอริกเข้มข้นจะทำปฏิกิริยำกับลวดแมกนีเซียมได้ช้ำกว่ำกรดไฮโดรคลอริกที่ เจือจำง 29. ข้อใดไม่มีปฏิกิริยำเคมีเกิดขึ้น 1) กำรเคี้ยวข้ำวก่อนกลืน 2) กำรฟอกสบู่ในน้ำกระด้ำง 3) กำรทำแล็กเกอร์เคลือบผิวไม้ 4) กำรผสมกลีเซอรอลกับเอทำนอล 5) กำรบ่มกล้วยด้วยใบสะแก
  • 14. 14 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 13 30. เมื่อนำยำงชนิดหนึ่งที่มีสมบัติยืดหยุ่นมำเผำไฟ พบว่ำเกิดแก๊สที่ละลำยน้ำแล้วได้ สำรละลำยที่มีฤทธิ์เป็นกรด ชนิดของยำงและแก๊สที่เกิดขึ้นเป็นข้อใด ชนิดของยำง ควันที่เกิดจำกกำรเผำ 1) ซิลิโคน SiO2 2) ยำงวัลคำไนซ์ SO2 3) พอลิไวนิลแอซีเตท HCl 4) ไนลอน 6,6 NH3 5) ยำงพิวทำไดอีน CO2 31. ข้อควำมใดไม่ถูกต้อง 1) กรดไรโบนิวคลีอิกทำหน้ำที่ในกำรสร้ำงโปรตีน 2) คำร์โบไฮเดรตช่วยให้กำรเผำไหม้ไขมันเป็นไปอย่ำงสมบูรณ์ 3) ปฏิกิริยำกำรเตรียมสบู่จำกน้ำมันเรียกว่ำ “สะปอนนิฟิเคชัน (saponification)” 4) โปรตีนเป็นแหล่งพลังงำนขั้นแรกของร่ำงกำยโดยโปรตีน 1 กรัม ให้พลังงำน4 กิโลแคลอรี 5) กำรต้มน้ำนมจะทำให้โปรตีนแปลงสภำพซึ่งไม่สำมำรถกลับสู่สภำพเดิมได้เมื่อเย็นตัวลง 32. เมื่อร่ำงกำยต้องกำรพลังงำนจะสลำยสำรชีวโมเลกุลตำมลำดับในข้อใด 1) โปรตีน คำร์โบไฮเดรต ไขมัน 2) โปรตีน ไขมัน คำร์โบไฮเดรต 3) ไขมัน คำร์โบไฮเดรต โปรตีน 4) ไขมัน โปรตีน คำร์โบไฮเดรต 5) คำร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน
  • 15. 15 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 14 33. นักเรียนคนหนึ่งนำวัตถุดิบธรรมชำติจำกพืช 3 ชนิดมำทำกำรทดสอบได้ผลดังตำรำง 34. ใส่น้ำแข็ง 100 กรัม และโซเดียมคลอไรด์ปริมำณเล็กน้อยลงในแก้วที่ปิดสนิทและวำงไว้ที่ อุณหภูมิห้อง (30 ° C) ปล่อยให้น้ำแข็งละลำย ระบบที่กล่ำวมำนี้ ข้อใดถูกต้อง 1) ระบบมีพลังงำนเพิ่มขึ้น 2) ไม่มีกำรแลกเปลี่ยนพลังงำนระหว่ำงระบบกับสิ่งแวดล้อม 3) มีปฏิกิริยำเคมีเกิดขึ้น เนื่องจำกอุณหภูมิของระบบเปลี่ยนแปลง 4) ระบบมีกำรเปลี่ยนแปลงแบบคำยพลังงำน เพรำะในที่สุดน้ำจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น 5) ระบบมีกำรเปลี่ยนแปลงแบบดูดพลังงำน เพรำะในที่สุดน้ำจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น วัตถุดิบ กำรเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้เมื่อเติมสำร สำรละลำยไอโอดีน สำรละลำยเบเนดิกต์ สำรละลำยไบยูเร็ต A สีม่วงดำ ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เปลี่ยนแปลง B ไม่เปลี่ยนแปลง สีส้มมีตะกอนแดง ไม่เปลี่ยนแปลง C ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เปลี่ยนแปลง สีม่วง ข้อใดสรุปถูกต้อง 1) C เป็นน้ำเต้ำหู้ 2) A เป็นน้ำตำลอ้อย 3) B เป็นแป้งข้ำวเหนียว 4) A และ C เป็นน้ำเต้ำหู้ 5) A และ B เป็นน้ำเต้ำหู้
  • 16. 16 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 15 35. จุดเดือดของสำรละลำยผสม จะมีสมบัติดังข้อใด 1) ควำมดันไอรวมเท่ำกับควำมดันบรรยำกำศ 2) ควำมดันไอเฉลี่ยของสำรผสมเท่ำกับควำมดันบรรยำกำศ 3) ควำมดันไอของสำรมีจุดเดือดสูงสุดเท่ำกับควำมดันบรรยำกำศ 4) ควำมดันไอของสำรที่จุดเดือดต่ำสุดเท่ำกับควำมดันบรรยำกำศ 5) ควำมดันไอเฉลี่ยของสำรผสมไม่เท่ำกับควำมดันบรรยำกำศ 36 ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับสมบัติของตัวทำละลำยในอุตสำหกรรมเคมีที่ได้จำกกำรกลั่นปิโตรเลียม 1) มีจุดเดือดสูงกว่ำน้ำมันดีเซล 2) เป็นสำรไฮโดรคำร์บอนที่ละลำยน้ำได้ 3) มีสถำนะเป็นของเหลวที่อุณหภูมิและควำมดันปกติ 4) มีมวลโมเลกุลสูงกว่ำน้ำมันเบนซิน 5) ประกอบด้วยสำรไฮโดรคำร์บอนที่มี่จำนวนคำร์บอนน้อยกว่ำ 5 อะตอม 37. ถ้ำต้องกำรตรวจสอบสนำมไฟฟ้ำ ณ บริเวณใด 1) นำประจุบวกไปวำง ณ บริเวณนั้น 2) นำประจุลบไปวำง ณ บริเวณนั้น 3) นำอนุภำคไปวำง ณ บริเวณนั้น 4) นำเข็มทิศไปวำง ณ บริเวณนั้น 5) ถูกทุกข้อ 38. อนุภำคโปรตอนเคลื่อนที่เข้ำไปในสนำมแม่เหล็กในทิศทำงตั้งฉำกกับ สนำมแม่เหล็กแนวกำรเคลื่อนที่ของอนุภำคโปรตอนจะเป็นอย่ำงไร ถ้ำ สนำมแม่เหล็กพุ่งลงตำมแนวดิ่ง 1) ไม่เบี่ยงเบน 2 ) เบนไปทำงซ้ำย 3) เบนไปทำงขวำ 4 ) พุ่งลงตำมแนวดิ่ง 5) พุ่งขึ้นตำมแนวดิ่ง
  • 17. 17 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 16 39. สนำมแม่เหล็กที่เป็นส่วนหนึ่งของแสงนั้น มีทิศทำงตำมข้อใด 1) ขนำนกับทิศกำรเคลื่อนที่ของแสง 2) ตั้งฉำกกับทิศทำงกำรเคลื่อนที่ของแสง 3) ขนำนกับทิศทำงสนำมไฟฟ้ำ แต่ตั้งฉำกกับทิศกำรเคลื่อนที่ของแสง 4) ตั้งฉำกกับทิศทำงสนำมไฟฟ้ำและทิศทำงกำรเคลื่อนที่ของแสง 5) ตั้งฉำกกับสนำมไฟฟ้ำแต่ขนำนกับทิศทำงกำรเคลื่อนที่ของแสง 40. วำงลวดอลูมิเนียม AB ในสนำมแม่เหล็กดังรูป เมื่อให้กระแสไฟฟ้ำไหลผ่ำนจำก A ไป B จะเกิดแรงกระทำกับเส้นลวดหรือไม่ อย่ำงไร B 1) เกิด มีทิศทำงชี้ขึ้น 2) เกิด มีทิศทำงชี้ลง S S N 3) เกิด มีทิศทำงไปทำงซ้ำย 4) เกิด มีทิศทำงไปทำงขวำ A 5) ไม่เกิดแรงเนื่องจำกสนำมแม่เหล็ก 41. โปรตอนและนิวตรอนสำมำรถอยู่ร่วมกันเป็นนิวเคลียสได้ด้วยแรงใด 1) แรงดึงดูดระหว่ำงมวล 2) แรงระหว่ำงประจุไฟฟ้ำ 3) แรงคู่กิริยำปฎิกิริยำ 4) แรงแม่เหล็ก 5) แรงนิวเคลียร์
  • 18. 18 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 17 42. ตอนเริ่มต้นวัตถุอยู่ห่ำงจำกจุดอ้ำงอิงไปทำงขวำ 4.0 เมตร เมื่อเวลำผ่ำนไป 10 วินำที พบว่ำวัตถุ อยู่ห่ำงจำก จุดอ้ำงอิงไปทำงซ้ำย 8.0 เมตร จงหำควำมเร็วเฉลี่ยของวัตถุนี้ 1) 0.4 เมตรต่อวินำที 2) 0.4 เมตรต่อวินำที ทำงซ้ำย 3) 1.2 เมตรต่อวินำที 4) 1.2 เมตรต่อวินำที ทำงซ้ำย 5) ไม่มีข้อใดถูกต้อง 43. ข้อใดต่อไปนี้เป็นกำรเคลื่อนที่ที่มีขนำดกำรกระจัดน้อยที่สุด 1) เดินไปทำงขวำ 10 เมตร แล้วเดินย้อนกลับมำทำงซ้ำย 6 เมตร 2) เดินไปทำงขวำ 10 เมตร แล้วเดินย้อนกลับทำงซ้ำย 15 เมตร 3) เดินไปทำงขวำด้วยอัตรำเร็วคงตัว 3 เมตรต่อวินำที เป็นเวลำ 4 วินำที 4) เดินไปทำงซ้ำยด้วยอัตรำเร็วคงตัว 4 เมตรต่อวินำที เป็นเวลำ 3 วินำที 5) ข้อ 1 , 2 , 3 และ 4 มีขนำดกำรกระจัดเท่ำกันหมด 44. ผูกเชือกเข้ำกับวัตถุแล้วจับปลำยข้ำงหนึ่งของเชือกแกว่งวัตถุเป็นวงกลมในแนว ระดับ จำนวน 20 รอบ ในเวลำ 5 วินำที วัตถุเคลื่อนที่ในอัตรำกี่รอบ/วินำที 1) 0.25 รอบ/วินำที 2) 2 รอบ/วินำที 3) 4 รอบ/วินำที 4) 5 รอบ/วินำที 5) 10 รอบ/วินำที
  • 19. 19 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 18 45. ยิงลูกปืนออกไปในแนวระดับ ทำให้ลูกปืนเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ ตอนที่ลูกปืนกำลังจะ กระทบพื้น ข้อใดถูกต้องที่สุด (ไม่ต้องคิดแรงต้ำนอำกำศ) 1) ควำมเร็วในแนวระดับเป็นศูนย์ 2) ควำมเร็วในแนวดิ่งเป็นศูนย์ 3) ควำมเร็วในแนวระดับมีขนำดมำกกว่ำตอนที่ถูกยิงออกมำ 4) ควำมเร็วในแนวระดับเท่ำกับควำมเร็วตอนต้นที่ลูกปืนถูกยิงออกมำ 5) ควำมเร็วในแนวระดับมีขนำดน้อยกว่ำตอนที่ถูกยิงออกมำแต่ไม่เป็นศูนย์ 46. โยนวัตถุขึ้นในแนวดิ่ง ในขณะที่วัตถุกำลังเคลื่อนที่ขึ้น ข้อใดสรุปได้ถูกต้อง 1) ควำมเร่งมีทิศลง 2) ควำมเร่งมีทิศขึ้น 3) ควำมเร่งเป็นศูนย์ 4) ข้อมูลไม่เพียงพอที่จะบอกทิศของควำมเร่ง 5) ควำมเร็วและควำมเร่งมีทิศทำงเดียวกัน 47. ในกำรทดลองเพื่อสังเกตผลของสิ่งกีดขวำงเมื่อคลื่นเคลื่อนที่ผ่ำนเป็นกำรศึกษำสมบัติตำมข้อใด ของคลื่น 1. กำรหักเห 2. กำรเลี้ยวเบน 3. กำรสะท้อน 4. กำรแทรกสอด 5. กำรหักเห และกำรเลี้ยวเบน
  • 20. 20 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 19 48. ทำให้เกิดคลื่นบนเส้นเชือกที่ปลำยทั้งสองด้ำนถูกขึงตึง พบว่ำมีควำมถี่และควำมยำวคลื่นค่ำหนึ่ง ถ้ำทำให้ควำมถี่ในกำรสั่นเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่ำของควำมถี่เดิม ข้อใดถูกต้อง 1) ควำมยำวคลื่นและควำมเร็วเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่ำ 2) ควำมยำวคลื่นบนเส้นเชือกลดลงเหลือครึ่งหนึ่งของค่ำเดิม 3) ควำมยำวคลื่นบนเส้นเชือกเท่ำเดิม เนื่องจำกคลื่นเกิดบนตัวกลำงเดิม 4) ควำมยำวคลื่นบนเส้นเชือกเท่ำเดิม แต่อัตรำเร็วของคลื่นเพิ่มเป็นสองเท่ำตำม 5) ควำมยำวคลื่นบนเส้นเชือกเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่ำ เนื่องจำกปริมำณทั้งสองแปรผันตำมกัน 49. ข้อใดไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ำ 1) คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ำเป็นคลื่นตำมขวำง 2) คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ำทุกชนิดมีอัตรำเร็วในสุญญำกำศเท่ำกัน 3) มีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ำบำงชนิดต้องอำศัยตัวกลำงในกำรเคลื่อนที่ 4) เมื่อคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ำเดินทำงในตัวกลำงที่เปลี่ยนไป อัตรำเร็วของคลื่นจะเปลี่ยนไป 5) คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ำเป็นคลื่นที่มีทั้งสนำมแม่เหล็กและสนำมไฟฟ้ำซึ่งตั้งฉำกกัน 50. มนุษย์อวกำศสองคนปฏิบัติภำรกิจบนพื้นผิวดวงจันทร์ สำมำรถใช้วิธีสื่อสำรกันได้ด้วยวิธีใดที่ สะดวก ที่สุด 1) คลื่นวิทยุ 2) คลื่นโซนำร์ 3) ใช้สัญญำณเมือ 4) คลื่นเสียงอัลตรำซำวด์ 5) คลื่นเสียงโดยกำรพูดโต้ตอบกันปกติ
  • 21. 21 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 20 51. ระดับเสียงและคุณภำพเสียงขึ้นอยู่กับสมบัติของคลื่นในข้อใด 1) ควำมถี่ และรูปร่ำงคลื่น 2) รูปร่ำงคลื่น และควำมถี่ 3) แอมปลิจูด และ ควำมถี่ 4) ควำมถี่ และควำมยำวคลื่น 5) ควำมยำวคลื่นและแอมปลิจูด 52. ประโยชน์ของสำรกัมมันตภำพรังสีในด้ำนสิ่งแวดล้อมคือ 1) ใช้รังสีกำจัดวัชพืชในแม่น้ำ 2) ใช้รังสีเพื่อฆ่ำเชื้อโรคในน้ำเสีย 3) ใช้รังสีเพื่อฆ่ำเชื้อโรคในขยะ 4) ใช้รังสีฆ่ำแมลงซึ่งเป็นศัตรูพืช 5) ใช้รังสีกำจัดฝุ่นละอองที่มีปริมำณมำกจนเกิดอันตรำย 53. มีธำตุไอโอดีน 131 จำนวน 1 กรัม นำนเท่ำไรจึงทำให้เหลือไอโอดีน จำนวน 0.125 กรัม 1) 16 วัน 2) 20 วัน 3) 24 วัน 4) 28 วัน 5) 32 วัน
  • 22. 22 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 21 54. จงพิจำรณำข้อควำมต่อไปนี้ ข้อใดกล่ำวถูกต้อง 1) ปฏิกิริยำนิวเคลียร์ฟิชชัน อนุภำคที่ทำให้เกิดปฏิกิริยำคือ นิวตรอน 2) ปฏิกิริยำนิวเคลียร์ฟิวชัน เกิดได้เฉพำะบนดวงอำทิตย์เท่ำนั้น 3) ปฏิกิริยำนิวเคลียร์ฟิชชัน และนิวเคลียร์ฟิวชันเกิดขึ้นพร้อมกัน 4) ปฏิกิริยำนิวเคลียร์ฟิชชัน ให้พลังงำนต่อมวลมำกกว่ำปฏิกิริยำนิวเคลียร์ฟิวชัน 5) ปฏิกิริยำนิวเคลียร์ฟิชชัน เกิดจำกกำรสลำยตัวของธำตุที่มีมวลมำกเป็นธำตุเล็ก ๆ หลำยธำตุ 55. ขอบทวีปใดมีรูปร่ำงต่อกันได้พอดี 1) ตะวันตกของแอฟริกำ กับ ตะวันออกของอเมริกำใต้ 2) ตะวันตกของเอเชีย กับ ตะวันออกของอเมริกำเหนือ 3) ตะวันตกของยุโรป กับ ตะวันออกของเอเชีย 4) เหนือของออสเตรเลีย กับ ใต้ของอเมริกำใต้ 5) ตะวันออกของอเมริกำใต้กับตะวันตกของแอฟริกำ 56. โครงสร้ำงโลกแบ่งตำมลักษณะมวลสำรได้ชั้นใหญ่ ๆ 3 ชั้นคือ 1) ชั้นเปลือกโลก ใต้เปลือกโลก แก่นโลก 2) ชั้นเปลือกโลก เนื้อโลก ธรณีภำค 3) ชั้นเปลือกโลก เนื้อโลก แก่นโลก 4) ชั้นเปลือกโลก เนื้อโลก หินหนืด 5) ชั้นเปลือกโลก ธรณีภำค หินหนืด
  • 23. 23 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 22 57. เปลือกโลกแบ่งออกได้เป็น 2 บริเวณ คือ 1) เปลือกโลกภำคพื้นทวีป เปลือกโลกภำคพื้นน้ำ 2) เปลือกโลกภำคพื้นดิน เปลือกโลกภำคพื้นน้ำ 3) เปลือกโลกชั้นนอก เปลือกโลกชั้นใน 4) เปลือกโลกภำคพื้นทวีป เปลือกโลกใต้มหำสมุทร 5) เปลือกโลกภำคพื้นดิน เปลือกโลกใต้มหำสมุทร 58. ชั้นใดของโลกที่มีควำมแตกต่ำงของลักษณะทำงกำยภำพมำกที่สุด 1) แก่นโลกชั้นใน 2) เปลือกโลก 3) แก่นโลกชั้นนอก 4) เนื้อโลก 5) ถูกทุกข้อ 59. ตำแหน่งบนผิวโลกที่อยู่เหนือศูนย์กลำงกำรเกิดแผ่นดินไหวเรียกว่ำ 1) จุดเหนือศูนย์กลำงแผ่นดินไหว 2) จุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหว 3) จุดเหนือศูนย์กำเนิดแผ่นเปลือกโลก 4) จุดเหนือกำรสั่นสะเทือนของแผ่นดิน 5) จุดเหนือบนพื้นผิวโลก 60.ข้อใดแบ่งโครงสร้ำงโลกตำมลักษณะองค์ประกอบของคลื่นไหวสะเทือนได้ถูกต้อง 1) เปลือกโลก เนื้อโลก และแก่นโลก 2) ธรณีภำค มีโซสเฟียร์ และ แก่นโลก 3) เปลือกโลก ธรณีภำค แก่นโลก 4) ธรณีภำค ฐำนธรณีภำค มีโซสเฟียร์ และ แก่นโลก 5) ธรณีภำค ฐำนธรณีภำค มีโซสเฟียร์ แก่นโลกชั้นนอก และแก่นโลกชั้นใน
  • 24. 24 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 23 61. ข้อใดเป็นกำรเรียงลำดับชั้นของหิน จำกอำยุมำกไปน้อย 1) หินอัคนี  หินปูน  หินดินดำน 2) หินอัคนี  หินชั้น  หินแปร 3) หินทรำย  หินกรวด  หินปูน 4) หินทรำย  หินทรำยแป้ง  หินดินดำน 5) หินทรำยแป้ง  หินทรำยสลับหินดินดินดำน  หินทรำย 62.นักธรณีวิทยำสำมำรถใช้ซำกดึกดำบรรพ์บอกให้ทรำบถึงสิ่งใดได้บ้ำง 1) บอกช่วงอำยุของหินอัคนี 2) ประวัติควำมเป็นมำของพื้นที่บริเวณนั้น 3) บอกชนิดของสิ่งมีชีวิตในปัจจุบัน 4) บอกชนิดของสิ่งมีชีวิตในอนำคต 5) สภำพแวดล้อมในปัจจุบันของพื้นที่บริเวณนั้น 63. ข้อใดเป็นลักษณะกำรเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี ทำงด้ำนตะวันตกของประเทศไทย 1) บำงส่วนถูกดันให้โค้งขึ้น 2) บำงส่วนเข้ำใกล้กันหรือกระทบกัน 3) บริเวณรอยต่อของมหำสมุทรอินเดีย 4) บริเวณขอบมหำสมุทรแปซิฟิกทั้งหมด 5) บริเวณแก่นโลก 64. ปัจจุบันทฤษฎีที่ได้รับกำรยอมรับในกำรอธิบำยกำรกำเนิดของเอกภพคือ ทฤษฎีข้อใด 1) กำลเวลำ 2) ทฤษฎีเนบิวลำ 3) สภำวะคงที่ 4) กำรระเบิดครั้งใหญ่ 5) กำรออสซิลเวลของเอกภพ
  • 25. 25 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 24 65. หลุมดำ หมำยถึงข้อใด 1) บริเวณในอวกำศที่มีแรงโน้มถ่วงสูง 2) บริเวณที่ไม่มีแสงสว่ำงเนื่องจำกไม่ได้รับแสงจำกดวงอำทิตย์ 3) บริเวณที่เป็นหลุมเนื่องจำกกำรกระแทกของอุกำบำตร 4) ข้อ 1 และ 2 ถูก 5) ถูกทุกข้อ 66.ข้อใดให้ควำมหมำยของ “ทำงช้ำงเผือก” ได้ถูกต้อง 1) ดวงดำวในระบบสุริยะและเอกภพ 2) ดวงดำวต่ำง ๆ ที่วำงตัวในแนวเดียวกัน 3) ดำวฤกษ์จำนวนมำกที่อยู่ในทำงเดียวกัน 4) ดำวเครำะห์ในระบบสุริยะที่อยู่ในระนำบเดียวกัน 5) ดำวฤกษ์และดำวเครำะห์จำนวนมำกที่อยู่ในทำงเดียวกัน 67. ถ้ำดำวฤกษ์ดวงหนึ่งเมื่อแรกเกิดมีอุณหภูมิ 11,000 องศำเซลเซียส เมื่อเวลำผ่ำนไป อุณหภูมิจะ เปลี่ยนเป็น 5,600 , 4,000 และ 3,000 องศำเซลเซียสตำมลำดับ สีของดำวฤกษ์ดวงนั้นจะ เปลี่ยนแปลงอย่ำงไร 1) ขำว ส้มแดง ส้ม เหลือง 2) ขำว ส้มแดง เหลือง ส้ม 3) ขำว เหลือง ส้ม ส้มแดง 4) ขำว ส้ม เหลือง ส้มแดง 5) ขำว ส้ม ส้มแดง เหลือง
  • 26. 26 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 25 68. ข้อใดกล่ำวถึงลักษณะของดำวฤกษ์ได้ถูกต้อง 1) ดำวที่มีอำยุมำก จะมีอุณหภูมิผิวต่ำ สีน้ำเงินขำว 2) ดำวที่มีอำยุมำก จะมีอุณหภูมิผิวสูง สีน้ำเงินขำว 3) ดำวที่มีอำยุน้อย จะมีอุณหภูมิผิวต่ำ สีส้มแดง 4) ดำวที่มีอำยุมำก จะมีอุณหภูมิผิวสูง สีส้มแดง 5) ดำวที่มีอำยุน้อย จะมีอุณหภูมิผิวสูง สีน้ำเงินขำว 69. ข้อใดเรียงลำดับกำรวิวัฒนำกำรของดวงอำทิตย์ ได้ถูกต้อง 1) ดวงอำทิตย์--> ดำวยักษ์แดง --> ซุปเปอร์โนวำ --> หลุมดำ 2) ดวงอำทิตย์--> ซุปเปอร์โนวำ-->ดำวยักษ์แดง--> ดำวแคระดำ 3) ดวงอำทิตย์-->ดำวยักษ์แดง --> ดำวแคระขำว --> ดำวนิวตรอน 4) ดวงอำทิตย์--> ดำวแคระขำว --> ดำวยักษ์แดง --> ดำวนิวตรอน 5) ดวงอำทิตย์--> ดำวยักษ์แดง-->ดำวแคระขำว--> ดำวแคระดำ 70. ปรำกฏกำรณ์ทำงธรรมชำติในข้อใดที่มีผลต่อกำรแผ่กระจำยของคลื่นวิทยุ 1) กำรเกิดน้ำขึ้นน้ำลง 2) กำรเกิดสุริยุปรำคำ 3) กำรเกิดแสงเหนือแสงใต้ 4) กำรเกิดกลำงวัน กลำงคืน 5) กำรเปลี่ยนขนำดของจุดดับบนดวงอำทิตย์ 71. ถ้ำประเทศไทยต้องกำรสำรวจภำวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ต้องใช้บริกำรจำก ดำวเทียม ระบบใด 1) ดำวเทียมสื่อสำร 2) ดำวเทียมอุตุนิยมวิทยำ 3) ดำวเทียมระบุตำแหน่ง 4) ดำวเทียมสำรวจทรัพยำกรโลก 5) ดำวเทียมสังเกตกำรณ์ดำรำศำสตร์
  • 27. 27 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 26 72. ข้อใดเป็นดำวเทียมมีกำรถ่ำยทอดโทรทัศน์ข้ำมทวีปจำกประเทศสหรัฐอเมริกำ 1) อินเทลแซท 1 2) อินเทลแซท 2 3) อินเทลแซท 3 4) อินเทลแซท 4 5) อินเทลแซท 5 73.ถ้ำนักเรียนต้องกำรพิสูจน์สมมติฐำนว่ำ อำกำศมีผลต่อกำรงอกของเมล็ด ควรเลือกกำรทดลอง หลอดใดบ้ำง 1) ข และ ค 2) ก และ ข 3) ก และ จ 4) ข และ ง 5) ก และ ง
  • 28. 28 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 27 74. พิจารณาข้อมูลต่อไปนี้ แล้วตอบคาถาม สาร จุดหลอมเหลว ( ํC) การนาไฟฟ้ าเมื่ออยู่ในสถานะต่าง ๆ การละลายน้า ของแข็ง ของเหลว A – 91 ไม่นำ ไม่นำ ไม่ละลำย B 1560 ไม่นำ นำ ละลำย C 3600 ไม่นำ ไม่นำ ไม่ละลำย D 1453 นำ นำ ไม่ละลำย สำรใดที่จัดเป็นสำรประกอบไอออนิก 1) A 2) B 3) C 4) D 5) A และ B 75. จำกกำรทดลองเกี่ยวกับอัตรำกำรสังเครำะห์ด้วยแสงกับอุณหภูมิ พบว่ำในช่วงเวลำต่ำงกัน อุณหภูมิต่ำงกัน อัตรำกำรสังเครำะห์ด้วยแสงต่ำงกัน ดังตำรำง เวลำ อุณหภูมิ( ° C ) อัตรำกำรสังเครำะห์ด้วยแสง 8.30 น. 29 30 9.30 น. 31 32 10.30 น. 33 33
  • 29. 29 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 28 จำกตำรำงทำให้สรุปได้ว่ำ อัตรำกำรสังเครำะห์ด้วยแสงขึ้นกับ 1) ปริมำณ O2 และอุณหภูมิที่ได้รับ 2) ปริมำณควำมร้อนที่ได้รับยิ่งสูงยิ่งดี 3) ระยะเวลำที่สังเครำะห์ด้วยแสงยิ่งสำยยิ่งสังเครำะห์ดี 4) ถูกทั้งข้อ 2 และ 3 5) ถูกทั้งข้อ 1 และ 2 จากข้อมูลข้างล่างนี้ตอบคาถามข้อ 76 – 77 ในกำรทดลองเกี่ยวกับกำรงอกของเมล็ดถั่วเขียว โดยใช้หลอดทดลองที่มีทรำยละเอียดใส่ไว้ ประมำณ 1/8 ของหลอดจำนวน 5 หลอด หลอดที่ 1 ใส่เมล็ดถั่วเขียวที่สมบูรณ์และไม่แช่น้ำ จำนวน 5 เมล็ด หลอดที่ 2 ใส่เมล็ดถั่วเขียวที่สมบูรณ์และแช่น้ำแล้ว 3 ชั่วโมง จำนวน 5 เมล็ด หลอดที่ 3 ใส่เมล็ดถั่วเขียวที่สมบูรณ์และแช่น้ำแล้ว 6 ชั่วโมง จำนวน 5 เมล็ด หลอดที่ 4 ใส่เมล็ดถั่วเขียวที่สมบูรณ์และแช่น้ำแล้ว 15 ชั่วโมง จำนวน 5 เมล็ด หลอดที่ 5 ใส่เมล็ดถั่วเขียวที่สมบูรณ์และแช่น้ำแล้ว 24 ชั่วโมง จำนวน 5 เมล็ด ใช้จุกยำงปิดหลอดให้สนิทเก็บไว้ในที่มืดทั้ง 5 หลอด 3 – 7 วันแล้วนำออกมำสังเกตกำรงอกของ เมล็ดถั่วเขียว โดยหำเปอร์เซ็นต์กำรงอก วัดควำมยำวของต้นและรำก นับจำนวนรำกฝอย ทำกำร ทดลองนี้ 3 ชุด 76. กำรทดลองนี้เป็นกำรทดลองเพื่อพิสูจน์ว่ำ 1) ชั่วโมงของกำรเพำะมีผลต่อกำรงอกของเมล็ด 2) น้ำหรือควำมชื้นมีผลต่อกำรงอกของเมล็ด 3) ทรำยในหลอดทดลองมีผลต่อกำรงอกของเมล็ด 4) ข้อ 2 , 3 ถูก 5) ข้อ 1 , 2 และ 3 ถูก
  • 30. 30 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 29 77. หลอดใดควรเป็นหลอดควบคุม 1) หลอดที่ 1 2) หลอดที่ 2 3) หลอดที่ 3 4) หลอดที่ 4 5) ไม่มีหลอดใดเป็นหลอดควบคุม 78. นักเรียนใส่ยีสต์ปริมำณเท่ำกันลงในขวด 2 ขวด คือ ขวด A และ ขวด B ในขวดทั้งสองมี สำรละลำยน้ำตำลที่มีปริมำณเท่ำกันด้วย จำกนั้นนำขวด A ปิดด้วยจุกสำลีส่วนขวด B ปิดด้วยจุก ยำง หลังจำกตั้งทิ้งไว้1 อำทิตย์ นักเรียนคิดว่ำขวดไหนควรจะมีจำนวนเซลล์ของยีสต์มำกกว่ำกัน เพรำะเหตุใด 1) ขวด A มำกกว่ำ เพรำะยีสต์ได้รับ O2 ทำให้มีกำรแบ่งเซลล์มำก 2) ขวด A มำกกว่ำ เพรำะ CO2 ที่เกิดขึ้นจำกขบวนกำรหำยใจกระตุ้นให้มีกำร แบ่งเซลล์ 3) ขวด A มำกกว่ำ เพรำะ ขำด CO2 จึงต้องรีบแบ่งตัวเพื่อควำมอยู่รอด 4) ขวด B มำกกว่ำ เพรำะแอลกอฮอล์เป็นพิษ ทำให้เซลล์ต้องแบ่งตัวมำก 5) ขวด B มำกกว่ำ เพรำะ ขำด CO2 จึงต้องรีบแบ่งตัวเพื่อควำมอยู่รอด
  • 31. 31 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 30 79.นักเรียนได้ทดลองจำลองสระน้ำขึ้นมำ โดยใช้อ่ำงแก้วซึ่งภำยในบรรจุสำรละลำย ธำตุอำหำรที่ ละลำยด้วยน้ำกลั่นและเปิดฝำอ่ำงแก้วไว้ให้มีกำรสัมผัสกับอำกำศภำยนอก เมื่อทิ้งไว้ระยะหนึ่งนำ น้ำนั้นมำตรวจหำสิ่งมีชีวิตและพบว่ำสิ่งมีชีวิต 3 ชนิดเกิดขึ้นในอ่ำงแก้วใบนี้ ดังภำพ สิ่งมีชีวิต X Y และ Z ที่พบน่ำจะหมำยถึงสิ่งมีชีวิตกลุ่มใด 1) X คือเหยื่อ Y คือผู้บริโภคลำดับแรก และ Z คือผู้บริโภคลำดับสุดท้ำย 2) X คือผู้ผลิต Y คือผู้บริโภคลำดับแรก และ Z คือผู้ล่ำ 3) X คือผู้ล่ำ Y คือผู้บริโภคลำดับแรก และ Z คือผู้ผลิต 4) X คือผู้บริโภคลำดับแรก Y คือผู้ผลิต และ Z คือผู้ล่ำ 5) X คือผู้บริโภคอันดับแรก Y คือ ผู้ล่ำ และ Z คือผู้ผลิต 80.ในกำรทดลองจุลินทรีย์จำกท่อน้ำเสียของโรงงำน ๆ หนึ่ง พบว่ำเมื่อใช้น้ำกลั่นเติมลงในหลอด ทดลองรำว 40 cm3 แล้วนำไปต้มจนเดือด จึงเติมเมธิลีนบลูลงไป 4 – 5 หยด ปล่อยไว้ให้เย็นลง เมื่อเย็นลงแล้วแบ่งน้ำกลั่นใส่หลอดทดลองสองหลอดเท่ำๆ กัน หลอดแรกนำไปหยดเมธิลีนบลู อีกครั้ง ส่วนหลอดที่สองเติมน้ำเสียที่ได้จำกท่อน้ำทิ้งของโรงงำนลงไป 40 cm3 ทิ้งไว้ประมำณ 10 นำที หยดเมธิลีนบลู สังเกตผลจำกนั้นแยกน้ำในหลอดนี้ออกเป็น 4 หลอดในปริมำณเท่ำ ๆ กัน นำไปต้มที่อุณหภูมิ 40 , 60 80 และ 100 องศำเซลเซียส เมื่อต้มได้อุณหภูมิตำมควำมต้องกำรแล้ว หยดเมธิลีนบลูลงในหลอดทั้ง 4 สังเกตดูสี บันทึกผลตำมตำรำงข้ำงล่ำง
  • 32. 32 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 31 รำยละเอียดของกำรทดลอง สีเมธิลีนบลู 1. น้ำกลั่นต้ม + + + + + 2. น้ำกลั่นต้มแล้วปล่อยให้เย็น + + + 3. น้ำกลั่นต้มแล้วปล่อยให้เย็นเติมน้ำเสียจำกท่อน้ำทิ้ง 40 cm3 ทิ้งไว้ประมำณ 10 นำที จำงหำยหมด – ใส 4. นำน้ำจำกข้อ 3 แยก 4 หลอดแล้วต้มตำม อุณหภูมิต่ำง ๆ 40° C + 60° C + + 80° C + + + 100° C + + + + เมื่อเครื่องหมำย + เป็นตัวแทนของควำมเข้มข้นของ สีเมธิลีนบลู จำกผลกำรทดลองของห้องปฏิบัติกำรนี้ทำให้สรุปได้ว่ำ 1. ที่อุณหภูมิ 100° C นั้นจุลินทรีย์ไม่มีตำยเลย 2. ในอำกำศพบจุลินทรีย์อยู่ทั่ว ๆ ไป 3. จุลินทรีย์มีกำรสืบพันธุ์ได้อย่ำงรวดเร็ว 4. จำนวนจุลินทรีย์ในหลอดทดลองเป็นปฏิภำคกลับกับควำมเข้มข้นของสีเมธิลีนบลู 5.กำรที่เมธิลีนบลูเปลี่ยนสีจำงลงแสดงว่ำน้ำเสียจำกท่อมีจุลินทรีย์อยู่ ข้อสรุปจำกห้องปฏิบัติกำรที่มีควำมถูกต้องจริง ๆ กี่ข้อ 1) 1 ข้อ 2) 2 ข้อ 3) 3 ข้อ 4) 4 ข้อ 5) 5 ข้อ
  • 33. 33 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 32 ส่วนที่ 2 แบบระบาย 2 คาตอบ : เลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุด 2 คาตอบ จานวน 8 ข้อ ข้อที่ 81 – 88 ข้อ ละ 2 คะแนน คะแนนเต็ม 16 คะแนน จะต้องตอบให้ครบทั้ง 2 คาตอบ จึงจะได้คะแนน ตอบถูก 2 คาตอบ ได้ 2 คะแนน ถ้าตอบเพียง 1 คาตอบถึงแม้ จะตอบถูกก็จะไม่ได้คะแนน 81. ข้อใดสัมพันธ์กับทฤษฏีกำรคัดเลือกตำมธรรมชำติมำกที่สุด 1) จิ้งจกปรับสีผิวให้เข้ำกับแหล่งอำศัย 2) นกกระทำจะวำงไข่เป็นจำนวนมำกขึ้นเมื่อเวลำกลำงวันยำวขึ้น 3) นกฮูกหิมะจะเปลี่ยนขนเป็นสีขำวในฤดูหนำวเพื่อให้กลมกลืนกับหิมะ 4) แมลงวันทองส่วนใหญ่จะตำยเมื่อถูกรังสี แต่บำงส่วนรอดชีวิตแต่เป็นหมัน 5) คนขำดแคลนเอนไซม์ที่ทำหน้ำที่สร้ำงโปรตีนที่สำคัญของร่ำงกำยมักตำยตั้งแต่เด็ก 82. ข้อใดเป็นจริงเกี่ยวกับโครโมโซม 1) ยีนที่ตำแหน่งเดียวกันของโครโมโซมที่คู่กัน จะกำหนดลักษณะทำงพันธุกรรม ลักษณะเดียวกัน 2) โครโมโซมแต่ละโครโมโซมประกอบด้วย โครมำทิดและเซนโทรเมียร์ 3) โครโมโซมของเซลล์ร่ำงกำยแต่ละคู่จะมีรูปร่ำงลักษณะต่ำงกัน 4) โครโมโซมแต่ละโครโมโซมประกอบมี 2 เซนโทรเมียร์ 5) ถูกทุกข้อ
  • 34. 34 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 33 83. ยูเรียเตรียมจำกแก๊สแอมโมเนียและแก๊สคำร์บอนไดออกไซด์ด้วยปฏิกิริยำดังนี้ 2NH3(g) + CO2(g) (NH2) 2CO(s) + H2O(g) กำรทดลองในภำชนะปิดและชั่งน้ำหนักยูเรียที่เกิดขึ้นที่เวลำต่ำงกันได้ผลดังตำรำง ข้อใดสรุปไม่ถูกต้อง 1) ปฏิกิริยำสิ้นสุดหลังจำกนำทีที่ 4 2) อัตรำปฏิกิริยำลดลงเมื่อเวลำเพิ่มขึ้น 3) อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำขึ้นกับอุณหภูมิที่ทดลอง 4) อัตรำปฏิกิริยำที่นำทีที่ 4 และนำทีที่ 5 มีค่ำเท่ำกัน 5) อัตรำเฉลี่ยเมื่อปฏิกิริยำสิ้นสุดพอดีมีค่ำเป็น 1.05 กรัมต่อนำที 6) อัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำขึ้นกับปริมำตรของ NH3 (g ) และ CO2 ( g ) เวลำที่ใช้(นำที) น้ำหนักยูเรียที่เกิดขึ้น (กรัม) 1 1.6 2 2.6 3 4 4 4.2 5 4.2
  • 35. 35 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 34 84. ปริมำณของไขมันอิ่มตัว ไขมันไม่อิ่มตัว และสำรอื่น ๆ ในน้ำมันเป็นดังตำรำง ชนิดน้ำมัน/ไขมัน ไขมันอิ่มตัว (%) ไขมันไม่อิ่มตัว (%) อื่น ๆ (%) น้ำมันถั่วเหลือง 15 52 33 น้ำมันมะพร้ำว 86 0 14 น้ำมันไก่ 23 24 53 ไขมันวัว 48 2 50 ข้อใดสรุปได้ถูกต้อง 1) ไขมันวัวจะเหม็นหืนเร็วกว่ำน้ำมันไก่ 2) ไขมันวัวเหม็นหืนช้ำกว่ำน้ำมันถั่วเหลือง 3) น้ำมันถั่วเหลืองเหม็นหืนช้ำกว่ำน้ำมันมะพร้ำว 4) น้ำมันถั่วเหลืองเหมำะสำหรับทอดอำหำรมำกกว่ำน้ำมันมะพร้ำว 5) น้ำมันมะพร้ำวเหมำะสำหรับคนที่มีคอเลสเตอรอลในเลือดสูงนำไปบริโภค 6) ถ้ำใช้น้ำมันที่มีจำนวนเท่ำกัน น้ำมันถั่วเหลืองจะทำปฏิกิริยำกับไอโอดีนโดยใช้ปริมำณ มำกที่สุด 85. แรงระหว่ำงอนุภำคซึ่งอยู่ภำยในนิวเคลียสประกอบด้วยแรงใดบ้ำง 1) แรงไฟฟ้ำ 2) แรงโน้มถ่วง 3) แรงนิวเคลียร์ 4) แรงแม่เหล็ก 5) แรงสู่ศูนย์กลำง 6) แรงดึงดูดระหว่ำงมวล
  • 36. 36 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 35 86. หนูตัวหนึ่งวิ่งรอบสระน้ำเป็นวงกลมที่มีเส้นผ่ำนศูนย์กลำง 14 เมตร ใช้เวลำ 1 นำที ก็ครบรอบ พอดี ข้อควำมใดกล่ำวถูกต้อง 1) อัตรำเร็วเฉลี่ยเท่ำกับ 44 เมตรต่อวินำที 2) ควำมเร็วเฉลี่ยเท่ำกับ 0 เมตรต่อวินำที 3) ขณะวิ่งได้ครึ่งรอบได้ระยะทำงเท่ำกับ 14 เมตร 4) ขณะวิ่งได้¼ รอบ ได้กำรกระจัดเท่ำกับ 11 เมตร 5) ขณะวิ่งได้3/4 รอบ ได้กำรกระจัดเท่ำกับ 33 เมตร 6) ถ้ำหนูตัวนี้ใช้เวลำในกำรวิ่งครึ่งรอบเท่ำกับ 20 วินำที อัตรำเร็วเฉลี่ยขณะวิ่งได้ครึ่งรอบ ประมำณ 1.1 เมตรต่อวินำที 87. ลักษณะกำรหมุนของโลกรอบดวงอำทิตย์มีลักษณะดังนี้ 1.แกนหมุนของโลกเอียงทำมุมกับระนำบวงโคจร 2. โลกหมุนรอบตัวเอง และส่ำยไปทำงทิศตะวันตกอย่ำงช้ำ ๆ 3. โลกหมุนรอบตัวเอง และส่ำยไปทำงทิศตะวันออกอย่ำงช้ำ ๆ คำตอบที่ถูกต้องคือ 1) ข้อ 1 ถูก 2) ข้อ 2 ผิด 3) ข้อ 3 ถูก 4) ข้อ 1 ถูก ข้อ 2 และ ข้อ 3 ผิด 5) ข้อ 1 ผิด ข้อ 2 และ ข้อ 3 ถูก 6) ข้อ 1 ข้อ 2 ถูก และ ข้อ 3 ผิด
  • 37. 37 วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้น ม. 6 หน้า 36 88. ข้อใดกล่ำว ไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับโลก 1) เปลือกโลกส่วนล่ำงเป็นหินบะซอลต์ 2) แก่นโลกเป็นส่วนที่หนำที่สุดของโลก 3) เปลือกโลกชั้นนอกส่วนใหญ่เป็นหินเรียกว่ำ ไซอัล 4) เปลือกโลกชั้นนอกสุดมีแผ่นดิน แผ่นน้ำหนำ 3,000 เมตร 5) มีรูปร่ำงกลมรี เส้นผ่ำศูนย์กลำงทำงแนวดิ่งสั้นกว่ำแนวนอน 6) คนบนโลกมีโอกำสที่จะมองเห็นดำวเครำะห์วงในอยู่กลำงท้องฟ้ ำได้ ส่วนที่ 3 แบบระบาย 3 คาตอบ: เลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุด 3 คาตอบ จานวน 2 ข้อ ข้อที่ 89 – 90 ข้อ ละ 2 คะแนน คะแนนเต็ม 4 คะแนน จะต้องตอบให้ครบทั้ง 3 คาตอบ จึงจะได้คะแนน ตอบถูก 3 คาตอบ ได้ 2 คะแนน ถ้าตอบเพียง 1 คาตอบหรือ 2 คาตอบ ถึงแม้จะตอบถูกก็จะไม่ได้คะแนน 89. ภูเขำไฟในประเทศไทย 1) ภูเขำไฟสลับชั้น 2) เป็นภูเขำไฟรูปโดม 3) เป็นภูเขำไฟที่ดับสนิท 4) เกิดบริเวณแนวรอยต่อของแผ่นธรณีภำค 5) เกิดกำรประทุมำแล้วมำกกว่ำ 10,000 ปี 6) เกิดบริเวณรอยแยก รอยเลื่อนของแผ่นธรณีภำค 90. ข้อใดเป็นโครงกำรขนส่งอวกำศ 1) โครงกำรเอนเตอร์ไพรส์(Enterprise) 2)โครงกำรนำซำร์ (Naza) 3)โครงกำรดิสคัฟเวอรี (discovory) 4)โครงกำรฮับเบิล (hubble) 5)โครงกำรแคสสินี (Cassini) 6)โครงกำรโคลัมเบีย (Columbia)
  • 38. 38 วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ข้อที่ เฉลย ข้อที่ เฉลย ข้อที่ เฉลย ข้อที่ เฉลย 1 3 26 1 51 1 76 2 2 2 27 3 52 2 77 1 3 1 28 3 53 3 78 1 4 2 29 1 54 1 79 2 5 3 30 2 55 1 80 2 6 1 31 1 56 3 81 1 , 3 7 2 32 5 57 4 82 1 , 2 8 4 33 1 58 1 83 1 , 3 9 5 34 4 59 2 84 2 , 6 10 3 35 1 60 5 85 1 , 3 11 2 36 5 61 5 86 2 , 6 12 5 37 1 62 2 87 1 , 6 13 1 38 2 63 1 88 4 , 6 14 4 39 4 64 4 89 3 , 5 , 6 15 1 40 2 65 4 90 1, 3 , 6 16 4 41 5 66 3 17 5 42 4 67 3 18 4 43 1 68 2 19 1 44 3 69 5 20 2 45 4 70 3 21 1 46 1 71 4 22 3 47 2 72 4 23 2 48 2 73 5 24 3 49 3 74 2 25 2 50 1 75 4
  • 39. 39 จำนวนข้อสอบวิชำวิทยำศำสตร์ Pre O- NET จำแนกตำมสำระและมำตรฐำนกำรเรียนรู้ประจำปีกำรศึกษำ 2554 สำระและมำตรฐำนกำรเรียนรู้ ระดับม. 6 จำนวนข้อ ข้อสอบข้อที่ คะแนน รวมคะแนน สำระที่ 1สิ่งมีชีวิตกับกระบวนกำรดำรงชีวิต มำตรฐำน ว 1.1 4 1 - 4 4 4 มำตรฐำน ว 1.2 9 5 - 11 7 11 81 - 82 4 สำระที่ 2 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม มำตรฐำน ว2.1 3 12-14 3 3 มำตรฐำน ว2.2 4 15-18 4 4 สำระที่ 3 สำรและสมบัติของสำร มำตรฐำน ว 3.1 8 19-26 8 8 มำตรฐำน ว 3.2 12 27- 36 10 14 83 - 84 4 สำระที่ 4 แรงและกำรเคลื่อนที่ มำตรฐำน ว 4.1 6 37 - 41 5 7 85 2 มำตรฐำน ว 4.2 6 42 - 46 5 7 86 2 สำระที่ 5 พลังงำน มำตรฐำน ว 5.1 8 47 - 54 8 8 สำระที่ 6 กระบวนกำรเปลี่ยนแปลงของโลก มำตรฐำน ว 6.1 11 55 - 63 9 13 87 - 88 4 สำระที่ 7 ดำรำศำสตร์และอวกำศ มำตรฐำน ว 7.1 7 64 - 69 6 8 89 2 มำตรฐำน ว 7.2 4 70 – 72 3 5 90 2 สำระที่ 8 ธรรมชำติของวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี มำตรฐำน ว 8.1 8 73 - 80 8 8 I;, 90 90 100 100
  • 40. 40