More Related Content Similar to ชุติธรรม_รพ.สีชมพู.pptx Similar to ชุติธรรม_รพ.สีชมพู.pptx (20) ชุติธรรม_รพ.สีชมพู.pptx5. ปัญหาและความต้องการวิจัย
• พบปัญหาการไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน เช่น การ
เว้นระยะห่าง ,และปัญหาการเข้าถึงบริการ เช่น ความ
ล่าช้าของโรงพยาบาลในการตอบสนอง หรือให้
คาปรึกษาการตรวจรักษาผู้ป่วย กับเจ้าหน้าที่ รพ.สต.
• หลังปรับโฉมบริการและนาเทคโนโลยีมาใช้ ปี 2563
ยังพบความแออัดและระยะเวลารอคอยเฉลี่ยที่ลดลง
ไม่มาก (ช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน ของปี 2562
และปี 2563 ที่ OPD เท่ากับ 67 นาที และ
59 นาที ตามลาดับ ที่คลินิก
โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง
เท่ากับ 4 ชม.44 นาที และ 3 ชม. 56
นาที ตามลาดับ
การพัฒนาสู่ Smart hopital ตามรูปแบบ New
normal ที่มีประสิทธิภาพส่งผลต่อระดับ
ความพึงพอใจ ปลอดภัย ลดแออัด
ลดระยะเวลารอคอย และเข้าถึงบริการมากขึ้น
7. 1. เพื่อศึกษาสถานการณ์และความคาดหวังของการจัดระบบบริการพยาบาลผู้ป่วยนอก สู่ Smart Hospital
ตามรูปแบบบริการวิถีใหม่ ด้านความปลอดภัยของบุคลากรและผู้ใช้บริการต่อมาตรการป้องกันการติดเชื้อ
โรคโควิด-19 การลดความแออัดและระยะเวลารอคอย และการเข้าถึงบริการที่สะดวกทั่วถึง
2. เพื่อพัฒนาระบบบริการพยาบาลผู้ป่วยนอกสู่ Smart Hospital ตามรูปแบบบริการวิถีใหม่
3. เพื่อประเมินผลลัพธ์ที่คาดหวังของการจัดระบบบริการพยาบาลผู้ป่วยนอกสู่ Smart Hospital
ตามรูปแบบบริการวิถีใหม่ โรงพยาบาลสีชมพู จังหวัดขอนแก่น
8. กรอบแนวคิดในการพัฒนา
ระยะที่ 1
1.ศึกษาสถานการณ์และความ
คาดหวัง
ของการจัดระบบบริการพยาบาลผู้ป่วยนอก
ระยะที่ 2
2.พัฒนาระบบบริการ
พยาบาลผู้ป่ วยนอกสู่ Smart
Hospital ตามรูปแบบบริการ
วิถีใหม่ (New Normal)
ระยะที่ 3
3.ประเมินผลลัพธ์ต่อการ
ให ้บริการงานพยาบาล
ผู้ป่ วยนอกรูปแบบใหม่
• บุคลากรและผู้ใช้บริการปลอดภัย
• โรงพยาบาลมีการประยุกต์ใช้
เทคโนโลยีดิจิทัล มีความทันสมัย
สะดวก รวดเร็ว ลดความแออัด
ลดระยะเวลารอคอย
• เพิ่มการเข้าถึงบริการ
• บุคลากรและผู้ใช้บริการพึงพอใจ
สรุป
1)ขั้นเตรียมการ
การศึกษาสภาพ
ปัจจุบัน ปัญหา
3)ขั้น
สังเกตการณ์การ
2)ขั้นดาเนินการ
สร ้างและพัฒนา
รูปแบบและ
นาไปทดลองใช ้
4)ขั้นพัฒนา
และปรับปรุง
รูปแบบ
Planning
Action
Observation
Reflection
(เคมมิส, คาร์ และแมคทาก
กาท (Stephen Kemmis, Wilf Carr
& Robin McTaggart : ค.ศ. 1982)
13. ผลการศึกษา (ต่อ)
ผลการวิเคราะห์แบบสอบถามเปรียบเทียบการรับรู้และความคาดหวังของการจัดบริการ
พบว่า ค่าเฉลี่ยการรับรู้และความคาดหวัง
มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ p-
value<0.05
ควรมีการปรับปรุงพัฒนามากที่สุด ผู้ใช้บริการ อันดับ 1.ด้านการลดความแออัดและ
ระยะเวลารอคอย : บุคลากร อันดับ 1. ด้านความปลอดภัยต่อการติดเชื้อโรคโควิด-
19
ผู้ใช้บริการโรงพยาบาลสีชมพู งานพยาบาลผู้ป่วยนอกตรวจโรคทั่วไป คลินิกโรคเรื้อรัง และ
คลินิกโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน
ส่วนใหญ่ ดังนี้
• เพศหญิง ร้อยละ 56.8
• ช่วงอายุ 41-50 ปี ร้อยละ 34.7
• การศึกษาอยู่ระดับต่ากว่าปริญญาตรี (ประถม/มัธยม/อนุปริญญา) คิดเป็นร้อยละ
75.5
• เป็นกลุ่มเกษตรกร ร้อยละ 40.8 และและรับจ้างทั่วไป ร้อยละ 24
• มีรายได้ ต่ากว่า 5,000 บาท/เดือน คิดเป็นร้อยละ 43.4
• สิทธิการรักษา : สิทธิบัตรทอง ร้อยละ 73.3 สิทธิประกันสังคม
ร้อยละ 13.6
• ผู้ที่เข้ารับการรักษา/ใช้บริการที่โรงพยาบาลสีชมพู ส่วนใหญ่
เป็นผู้ที่มาใช้บริการ 4 ครั้งขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 66.9
บุคลากรโรงพยาบาลสีชมพู ส่วนใหญ่ ดังนี้
• เพศหญิง ร้อยละ 83.3
• ช่วงอายุตั้งแต่ 31-40 ปี ร้อยละ 41.7
• การศึกษา ปริญญาตรี ร้อยละ 88.3 และ
• เป็นวิชาชีพพยาบาล คิดเป็นร้อยละ 71.6
• แพทย์ ร้อยละ 10 เภสัช/รังสี/เทคนิกการแพทย์ รวมร้อยละ
18.4
• ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสีชมพู 6-10 ปี ร้อยละ 30.0 ,
3-5 ปี ร ้อยละ 23.3
14. ใช้แนวทาง SIM3 หรือ SSSIIIM
1) พัฒนารูปแบบขั้นตอนบริการใหม่/ลด
ขั้นตอนที่ไม่จาเป็น
2.การพัฒนาระบบ
บริการ
S : Situation Analysis
S : Structure
S : Strategy
I : Information
I : Integration
I : Implement & Innovation
M : Monitor & Evaluation
• รูปแบบขั้นตอนบริการใหม่
คณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนางานบริการผู้ป่วยนอกสู่
โรงพยาบาลอัจฉริยะ (Smart Hospital) และสู่มาตรฐาน
EMS (Environment-Modernize-Smart
One Stop Service & Lean
15. • เพิ่มป้ายขนาดใหญ่ • ลงทะเบียนทุกแผนกด้วย Smart card
1) พัฒนารูปแบบขั้นตอนบริการใหม่/ลด
ขั้นตอนที่ไม่จาเป็น (ต่อ)
• เพิ่มจุดจ่ายยาเฉพาะ คลินิกโรคเรื้อรัง
One Stop Service & Lean
16. • ขยายพื้นที่อาคาร
• ห้อง X-ray ที่ ARI Clinic • ชาระเงินที่แผนกบริการ
One Stop Service & Lean
1) พัฒนารูปแบบขั้นตอนบริการใหม่/ลด
ขั้นตอนที่ไม่จาเป็น (ต่อ)
18. 2) พัฒนากระบวนการพยาบาลดูแลผู้ป่ วย ตามรูปแบบบริการ
วิถีใหม่ (New Normal)
ทีมนาดูแลผู้ป่วย (PCT) /
เครือข่ายสาธารณสุขอาเภอสีชมพู
• รูปแบบการคัดแยกผู้ป่วย (Triage) และปฏิบัติการดูแลขณะรอตรวจของผู้ป่วยระดับเร่งด่วน Urgency หรือ
Emergency • ปรับเกณฑ์คัดแยกระดับความเร่งด่วน
มาตรฐานกลุ่มอาการที่ต้องเฝ้าระวัง
22. ระยะที่ 2 : Telehealth-Sichomphu (ต่อ) :Telemedicine โรงพยาบาลสีชมพู ครั้งถัดไป เพื่อลดความแออัด เพื่อความ
สะดวกแก่ผู้มารับบริการ
24. 3) ผลลัพธ์ (ต่อ)
3.2 ผลการวิเคราะห์แบบสอบถามเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจหลังพัฒนา กับการรับรู้และความคาดหวังก่อนการพัฒนา
ผู้ใช้บริการโรงพยาบาลสีชมพู งานพยาบาลผู้ป่วยนอกตรวจโรคทั่วไป คลินิกโรคเรื้อรัง และ
คลินิกโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน จานวน 380 คน
ส่วนใหญ่ ดังนี้
• เพศหญิง ร้อยละ 67.1
• ช่วงอายุ 41-50 ปี ร้อยละ 31.8
• การศึกษาอยู่ระดับต่ากว่าปริญญาตรี (ประถม/มัธยม/อนุปริญญา) คิดเป็นร้อยละ
81.3
• เป็นกลุ่มเกษตรกร ร้อยละ 40.5 และและรับจ้างทั่วไป ร้อยละ 28.7
• มีรายได้ ต่ากว่า 5,000 บาท/เดือน คิดเป็นร้อยละ 51.8
• สิทธิการรักษา : สิทธิบัตรทอง ร้อยละ 74.2 สิทธิประกันสังคม ร้อยละ 9.7
• ผู้ที่เข้ารับการรักษา/ใช้บริการที่โรงพยาบาลสีชมพู ส่วนใหญ่
เป็นผู้ที่มาใช้บริการ 4 ครั้งขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 77.4
• เหตุผลเลือกใช้บริการ ใกล้บ้าน ร้อยละ 40.5 ผู้ป่วยเก่ารักษาประจา
ร้อยละ 13.9 ขึ้นทะเบียนสิทธิรักษาที่ รพ.สีชมพู 13.2
บุคลากรโรงพยาบาลสีชมพู ส่วนใหญ่ ดังนี้
• เพศหญิง ร้อยละ 83.3
• ช่วงอายุตั้งแต่ 31-40 ปี ร้อยละ 41.7
• การศึกษา ปริญญาตรี ร้อยละ 88.3 และ
• เป็นวิชาชีพพยาบาล คิดเป็นร้อยละ 71.7
• แพทย์ ร้อยละ 10 เภสัช/รังสี/เทคนิคการแพทย์ รวมร้อยละ
18.3
• ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสีชมพู 6-10 ปี ร้อยละ 30.0 ,
3-5 ปี ร ้อยละ 23.3
25. พบว่า ค่าเฉลี่ย การรับรู้และความพึงพอใจ
มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ p-value <0.05
ซึ่งหมายถึง ผู้ใช้บริการและบุคลากรมีความพึงพอใจมากขึ้นทั้ง 3 ด้าน
พบว่า ค่าเฉลี่ย ความคาดหวังและความพึงพอใจ ไม่มีความแตกต่างอย่างมี
นัยสาคัญทางสถิติที่ p-value <0.05 ใน 2 ส่วน ได้แก่ 1) ด้านความ
ปลอดภัยของ
ผู้ใช้บริการ 2)ด้านการเข้าถึงบริการของทั้งผู้ใช้บริการและบุคลากร
ซึ่งหมายถึง ผู้ใช้บริการมีความพึงพอใจด้านความปลอดภัย และทั้งผู้ใช้บริการ
3) ผลลัพธ์ (ต่อ)
ตารางที่ 2 เปรียบเทียบการรับรู้และความคาดหวัง ต่อการจัดระบบบริการพยาบาล ของผู้ใช้บริการและ
บุคลากร
26. 2. ปรับรูปแบบบริการ
โดย 1) ปรับขั้นตอนบริการใหม่/ลดขั้นตอนที่ไม่จาเป็น ใช้แนวคิด การให้บริการแบบเบ็จเสร็จ ณ จุดเดียว One
Stop Service : OSS และแนวคิด Lean ตั้งแต่ป้ายบอกทาง ลงทะเบียน ณ แผนกที่ต้องการบริการ จนกลับ
บ้าน
2) ปรับรูปแบบการคัดแยกผู้ป่ วย (Triage) และปฏิบัติการดูแลขณะรอตรวจของ
ผู้ป่ วยเร่งด่วน โดยใช ้กระบวนการพยาบาล ตั้งแต่การประเมินปัญหาทางการ
พยาบาลแรกรับที่ถูกต ้อง เกิดคู่มือมาตรฐานกลุ่มอาการที่ต ้องเฝ้าระวัง เกณฑ์การ
คัดแยกระดับความเร่งด่วนของทั้งผู้ป่ วยทั่วไป และผู้ป่ วยโควิด-19 การวางแผนการ
พยาบาล การปฏิบัติการพยาบาล ตามขั้นตอน (Flow) และ วิธีปฏิบัติเรื่องการคัด
แยกและการดูแลผู้ป่ วยขณะรอตรวจ (Work instruction : WI) ,แนวทางการปฏิบัติใน
สถานการณ์การระบาดโควิด-19 รวมถึง การใช ้สื่อดิจิทัลให ้ความรู้ตามมาตรการ
New normal
3) จัดทารูปแบบบริการการแพทย์ทางไกล Telehealth สร ้างความร่วมมือกับ
เครือข่าย อสม. รพ.สต. และทีมสหวิชาชีพ ในการดูแลผู้ป่ วยที่ห่างไกล ผู้ป่ วยติด
เตียง และขยายผลถึงผู้ป่ วยที่ไม่จาเป็นต ้องมาโรงพยาบาล
1.การศึกษาสถานการณ์ พบสิ่งที่เป็นโอกาส
พัฒนา ดังนี้
1) พื้นที่แยกบริการไม่ชัดเจน มีความแออัด
2) พบผู้ป่ วยระดับเร่งด่วนได ้รับบริการล่าช ้า
3) ต ้องการเข ้าถึงบริการที่สะดวก
4) ต ้องการพฤติกรรมบริการที่ดี
5) ระยะเวลารอคอยเฉลี่ยสูงขึ้น ในช่วงการระบาด
ของโรคโควิด-19 ยกเว ้นคลินิกโรคเบาหวาน/ความ
ดันฯ และมีอุบัติการณ์ไม่พึงประสงค์
6) ความเห็นต่อสิ่งที่ควรปรับปรุง ผู้ใช ้บริการ :
อันดับ 1 คือด ้านการลดความแออัดและระยะเวลา
รอคอย : บุคลากร : อันดับ 1 คือ ด ้านความ
ปลอดภัยต่อการติดเชื้อโรคโควิด-19
สรุปผลการวิจัย อภิปรายผล สรุปผลการศึกษาตามวัตถุประสงค์การวิจัย ดังนี้
3. ผลลัพธ์
1) พบว่าสามารถลดความแออัด ได ้2 แผนก คือ หน้าห ้องจ่ายยาผู้ป่ วยนอก และคลินิก ARI ระยะเวลารอคอย พบแนวโน้มลดลง ของผู้ป่ วย
นอกเร่งด่วน ผู้ป่ วยนอกทั่วไป และผู้ป่ วยคลินิก ARI
2) ด ้านความปลอดภัย ผู้ป่ วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ลงทะเบียนที่ คลินิก ARI มากขึ้น ถึงร ้อยละ 98.57 (เดิม 30.43) ผู้ใช ้บริการยังสวม
หน้ากากอนามัย ร ้อยละ 100 ไม่เกิดอุบัติการณ์บุคลากรติดเชื้อโควิด-19 จากการปฏิบัติงาน ไม่เกิดการระบาด และไม่พบผู้ป่ วยเกิดอาการไม่
พึงประะสงค์ขณะรอตรวจ
3) ด ้านการเข ้าถึง พบว่า การจัดบริการการแพทย์ทางไกลช่วยให ้ผู้ป่ วยติดเตียง ผู้ป่ วยเบาหวาน ความดันฯ ที่ควบคุมโรคไม่ได ้รับยาที่
รพ.สต.ได ้พบแพทย์ รวมทั้งสิ้น 198 ราย (ณ 23 มิ.ย.2566)
4) ด ้านความพึงพอใจ พบว่า ใช ้บริการและบุคลากรมีความพึงพอใจมากขึ้นทั้ง 3 ด ้าน ค่าเฉลี่ยการรับรู้และความพึงพอใจ มีความ
แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ p-value <0.05
และผู้ใช ้บริการมีความพึงพอใจด ้านความปลอดภัย และทั้งผู้ใช ้บริการและบุคลากรมีความพึงพอใจด ้านการเข ้าถึงบริการ ใกล ้เคียงกับ
27. ข้อเสนอแนะการวิจัย
1. ควรศึกษา เฉพาะเจาะจงแยกกลุ่มผู้ใช ้บริการแต่ละแผนก เพื่อให ้ได ้ข ้อมูลสถานการณ์ ที่ตรงกับ
ความต ้องการของผู้ใช ้บริการมากขึ้น เนื่องจากผู้ใช ้บริการไม่ได ้มีประสบการณ์ใช ้บริการครบทั้ง 3
แผนก
2. ควรศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบบริการการแพทย์ทางไกล Telehealth ในผู้ใช ้บริการนี้โดยเฉพาะ
เพื่อให ้ได ้ข ้อมูลในการพัฒนาให ้เกิดการเข ้าถึงบริการที่มากขึ้น
การนาผลงานไปใช ้ประโยชน์
• มีการขยายผลการดาเนินงานโดยบูรณาการร่วมกับเครือข่าย อสม. รพ.สต. อาเภอสีชมพู ทุก
แห่ง ในรูปแบบการปฏิบัติ ในสถานการณ์การระบาด โรคโควิด-19 รูปแบบการบริการการแพทย์
ทางไกล
• เป็นพื้นที่ศึกษาดูงาน การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลตามรูปแบบบริการวิถีใหม่
• เป็นตัวแทนจังหวัด นาเสนอ การพัฒนา EMS (Environment-Modernize-Smart service) ระดับประเทศ ในเวที
สานักงานปลัดกระทรวงสัญจร ประจาปี 2566