More Related Content
Similar to คู่มือฝึกอบรมอบรมอาสาโรคพิษสุนัขบ้า.pdf
Similar to คู่มือฝึกอบรมอบรมอาสาโรคพิษสุนัขบ้า.pdf (20)
คู่มือฝึกอบรมอบรมอาสาโรคพิษสุนัขบ้า.pdf
- 2. 2 หลักสูตร “การฝึกอบรมผู้ได้รับมอบหมายให้ทำ�การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า”
ที่ปรึกษา :
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์
นายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์
นายสัตวแพทย์ธนวัฒน์ พันธุ์สนิท ผู้อำ�นวยการสำ�นักควบคุม ป้องกันและบำ�บัดโรคสัตว์
สัตวแพทย์หญิงนพวรรณ บัวมีธูป ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสุขภาพสัตว์ และบำ�บัดโรคสัตว์
จัดทำ�โดย : กลุ่มควบคุมป้องกันโรคสัตว์เลี้ยง
สำ�นักควบคุม ป้องกันและบำ�บัดโรคสัตว์ กรมปศุสัตว์
โทร. 0 2653 4444 ต่อ 4181-2
จัดพิมพ์โดย : กลุ่มควบคุมป้องกันโรคสัตว์เลี้ยง
สำ�นักควบคุม ป้องกัน และบำ�บัดโรคสัตว์ กรมปศุสัตว์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถนนพญาไท เขตราชเทวี กทม. 10400
โทรศัพท์ 0-2653-4444 ต่อ 4181-4182
E-mail : dcontrol6@dld.go.th
พิมพ์ที่ : เค.เอ็น อินเตอร์ปริ้นท์
เลขที่ 20 ซอยสามัคคี 49 แยก 2 ถนนสามัคคี
แขวงท่าทราย อำ�เภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี 11000
โทร. 02-115-6446 , 061-591-6259
E-mail : puvarin.kn@gmail.com, kninterprint@gmail.com
- 3. 3
ภายใต้พระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535
บทนำ� หน้า 4
บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า หน้า 9
บทที่ 2 ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าสำ�หรับสัตว์ หน้า 13
บทที่ 3 ความรู้เกี่ยวกับการขนส่งและการเก็บรักษาคุณภาพวัคซีน
สำ�หรับสัตว์ (Cold Chain) หน้า 17
บทที่ 4 การจับบังคับสุนัขและแมวเพื่อฉีดวัคซีน หน้า 20
บทที่ 5 การควบคุมโรคพิษสุนัขบ้ากรณีเกิดโรค หน้า 23
สารบัญ
- 4. 4 หลักสูตร “การฝึกอบรมผู้ได้รับมอบหมายให้ทำ�การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า”
ด้วยศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี
ทรงมีพระปณิธานเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวงในการดูแลทุกข์สุขของพสกนิกรชาวไทย รวมถึงสรรพชีวิตภายใต้ร่ม
พระบารมีให้ได้รับความผาสุกตราบจนทุกวันนี้ และขออัญเชิญพระกระแสรับสั่งเมื่อครั้งเสด็จทอด
พระเนตรการดำ�เนินงานของศูนย์ดูแลสุนัขจรจัดของกองทัพเรือ อำ�เภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2559 ว่า “ทรงห่วงใยปัญหาโรคพิษสุนัขบ้าที่เป็นปัญหาสำ�คัญของชาติ”
และทรงมีพระประสงค์ให้โรคพิษสุนัขบ้าหมดไปจากประเทศไทยรัฐบาลได้น้อมรับใส่เกล้า ฯ สนอง
พระปณิธาน และ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ได้มีคำ�สั่งที่ 214/ 2559 ลงวันที่ 29 กันยายน 2559
แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้าตามพระ
ปณิธานศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ซึ่งในเวลาต่อมา จึง
ได้จัดทำ�เป็นโครงการยุทธศาสตร์การดำ�เนินโครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า
ตามพระปณิธานศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เพื่อ
ให้มีการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม
การกำ�จัดโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ในระดับพื้นที่ จะต้องมีการเฝ้าระวังโรคอย่างมี
ประสิทธิภาพและต่อเนื่อง เช่น การสังเกตอาการสัตว์ป่วย การแจ้งพบสัตว์สงสัย การเก็บตัวอย่าง
ส่งตรวจ เป็นต้น ส่วนการป้องกันโรคด้วยการฉีดวัคซีนก็มีความสำ�คัญอย่างยิ่งเพราะจะต้องทำ�เชิง
คุณภาพเท่านั้นถึงจะทำ�ให้สัตว์มีภูมิคุ้มกันต่อโรคได้ เป็นต้นว่า การประเมินสุขภาพสัตว์ก่อนฉีด
วัคซีน การควบคุมคุณภาพวัคซีนทั้งการขนส่งและการจัดเก็บ (ระบบห่วงโซ่ความเย็น หรือ Cold
Chain) การฉีดวัคซีน (ชนิดวัคซีน โปรแกรมการฉีดวัคซีน และเทคนิคในการฉีด) นอกจากนี้ ยังรวม
ถึงเทคนิคการจับสัตว์เพื่อนำ�มาฉีดวัคซีนหรือทำ�หมันทั้งการจับโดยใช้อุปกรณ์และใช้เวชภัณฑ์ก็มี
ความสำ�คัญเนื่องจากเกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติวิชาชีพการสัตวแพทย์ พ.ศ. 2545 ซึ่งทั้งหมดนี้
ผู้ปฏิบัติงานจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ มีเทคนิคหรือทักษะในการปฏิบัติงานที่ถูกต้องถึงจะปฏิบัติ
งานให้ได้ผลออกมาอย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพซึ่งจะส่งผลต่อความสำ�เร็จในการกำ�จัดโรค
พิษสุนัขบ้า
บทนำ�
- 5. 5
ภายใต้พระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535
คู่มือฉบับนี้ มีเนื้อหาประกอบด้วยขั้นตอนการพัฒนาอาสาสมัครที่จะปฏิบัติด้านการเฝ้า
ระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลความรู้ต่างๆ ที่ใช้ในการฝึก
อบรม ได้แก่ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
สำ�หรับสัตว์ ความรู้เกี่ยวกับการข่นส่งและการเก็บรักษาคุณภาพวัคซีนสำ�หรับสัตว์ (Cold Chain)
การเตรียมความพร้อมสำ�หรับฉีดวัคซีน ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการฉีดวัคซีน (การเตรียมวัคซีน
และการฉีดวัคซีนเข้าสู่ตัวสัตว์) การจับบังคับสัตว์ การเฝ้าระวังโรค การสังเกตอาการสัตว์ป่วย
การแจ้งพบสัตว์สงสัย การเก็บตัวอย่างส่งตรวจห้องปฏิบัติการ และการควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า
กรณีเกิดโรค การเตรียมความพร้อมของอาสาสมัครก่อนการปฏิบัติงาน
ดังนั้น เพื่อให้การดำ�เนินงานเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์มีความ
ครอบคลุมทุกพื้นที่ กรมปศุสัตว์จึงได้จัดทำ�โครงการฝึกอบรมเพื่อสร้างและพัฒนาศักยภาพ
อาสาสมัครด้านโรคพิษสุนัขบ้าขึ้น ภายใต้โครงการยุทธศาสตร์การดำ�เนินโครงการสัตว์ปลอดโรค
คนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธานศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรี
สวางควัฒน วรขัตติยราชนารี โดยสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 1 การเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุม
โรคพิษสุนัขบ้า กลยุทธ์ที่ 1 ส่งเสริมการบูรณาการการดำ�เนินงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการ
เฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ในทุกระดับ ซึ่งอาสาสมัครดังกล่าวจะได้รับมอบ
หมายเป็นหนังสือจากสัตวแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าถูกต้องตามกฎหมายพระราช
บัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535 ต่อไป
กระบวนการสร้าง พัฒนาอาสาปศุสัตว์และการปฏิบัติงานเชิงคุณภาพ
วิทยากร
ฝึกอบรม ผ่านการ
ฝึกอบรม
การรักษา
สถานภาพ
อาสาปศุสัตว์
ทดสอบ
สมรรถนะ
และพัฒนา
หน้าที่
คุณสมบัติ
หลักสูตร
ฝึกอบรม
จับบังคับสัตว์
ฉีดวัคซีน
เก็บตัวอย่าง
ส่งตรวจ
แจ้งพบโรค/
พบสัตว์สงสัย
เฝ้าระวังโรค
สื่อสาร/
ประชาสัมพันธ์
สำ�รวจสัตว์
กระบวนการสร้างและพัฒนา
อาสาปศุสัตว์
การปฏิบัติงานเชิงคุณภาพ
อาสาปศุสัตว์
- 6. 6 หลักสูตร “การฝึกอบรมผู้ได้รับมอบหมายให้ทำ�การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า”
วัตถุประสงค์ของโครงการ
เพื่อบูรณาการการกำ�จัดโรคพิษสุนัขบ้าอย่างยั่งยืนในรูปแบบของความร่วมมือทั้งจาก
ภาครัฐ เอกชน และประชาชน โดยการสร้างอาสาสมัครขึ้นใหม่และพัฒนาอาสาสมัครที่มีอยู่
เดิมให้มีความรู้ ความเข้าใจและมีทักษะในการปฏิบัติงานด้านการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุม
โรคพิษสุนัขบ้าครอบคลุมในทุกพื้นที่ของทุกจังหวัดโดยมีจำ�นวนเป้าหมายอย่างน้อย 2 คนต่อ
ตำ�บล ส่วนพื้นที่ควบคุมโรคหรือพื้นที่เกิดโรคให้ดำ�เนินการฝึกอบรมอาสาฯ 3 คนต่อตำ�บล
มีระยะเวลาดำ�เนินการระหว่างเดือนตุลาคม – กุมภาพันธ์ของปีถัดไป ทั้งนี้เนื่องจากกรมปศุสัตว์
ร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรมควบคุมโรคได้กำ�หนดช่วงเวลาในการรณรงค์
ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (ฉีดวัคซีน) เป็นช่วงเดือนมีนาคม - กรกฎาคม ของทุกปี ดังนั้นอาสาสมัคร
ที่ผ่านการฝึกอบรมแล้วก็จะสามารถปฏิบัติงานได้ทันที
ขั้นตอนการดำ�เนินการ
คุณสมบัติของอาสาสมัคร
1. มีอายุไม่ต่ำ�กว่า18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
2. จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ขึ้นไป สามารถอ่านออกเขียนได้ หรือมีประสบการณ์
ที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า 1 ปี
3. มีมนุษยสัมพันธ์ดี เป็นที่ยอมรับของชุมชน
4. สามารถติดต่อประสานงานได้ดี
5. สมัครใจและเสียสละเพื่อช่วยเหลือการดำ�เนินงานด้านโรคพิษสุนัขบ้า
บทบาทหน้าที่ของอาสาสมัคร
1. จับสุนัขและแมวโดยเฉพาะที่ไม่มีเจ้าของเพื่อนำ�มาฉีดวัคซีนหรือผ่าตัดทำ�หมัน
2. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
3. ช่วยเจ้าหน้าที่ในการสำ�รวจจำ�นวนประชากรสุนัขและแมว
สำ�นักงานปศุสัตว์จังหว้ด
1. คัดเลือกอาสาปศุสัตว์ตามคุณสมบัติ
2. ฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
3. มอบประกาศนียบัติให้กับผู้ผ่านการฝึกอบรม
4. มอบบัตรประจำ�ตัวอาสาปศุสัตว์
5. มอบหนังสือมอบหมายให้ทำ�การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษ
สุนัขบ้า ตาม พ.ร.บ.โรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. ๒๕๓๕
สำ�นักควบคุม ป้องกันและบำ�บัดโรคสัตว์
1. จัดทำ�และอนุมัติโครงการฯ
2. เตรียมความพร้อมในการดำ�เนินงาน
3. สนับสนุนคู่มือประกอบการฝึกอบรม
4. สนับสนุนบัตรประจำ�ตัวอาสาปศุสัตว์
สำ�นักงานปศุสัตว์เขต 1 - 9
1. ประชุมชี้แจงและกำ�หนดแผนหรือแนวทางดำ�เนินการ
ร่วมกับสำ�นักงานปศุสัตว์จังหวัด
2. สนับสนุนวิทยากรให้กับสำ�นักงานปศุสัตว์จังหวัดใน
กรณีที่จังหวัดขอรับการสนับสนุน
3. กำ�กับ ติดตาม และประเมินผลร่วมกับสำ�นักควบคุม
ป้องกันและบำ�บัดโรคสัตว์
- 7. 7
ภายใต้พระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535
4. ช่วยเจ้าหน้าที่ในการประชาสัมพันธ์ การถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารและความรู้ต่างๆ
5. เป็นเครือข่ายในการเฝ้าระวังโรค แจ้งการพบโรคหรือพบสัตว์สงสัยเป็นโรคพิษสุนัขบ้า
6. เก็บตัวอย่างสัตว์สงสัยเป็นโรคพิษสุนัขบ้าส่งตรวจห้องปฏิบัติการ
7. เป็นผู้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับหมู่บ้าน
และตำ�บล
8. ปฏิบัติงานอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
การฝึกอบรม
สำ�นักงานปศุสัตว์จังหวัดดำ�เนินการฝึกอบรม โดยใช้วิทยากรจากสำ�นักงานปศุสัตว์จังหวัด
หรือสำ�นักงานปศุสัตว์อำ�เภอ หรือขอรับการสนับสนุนวิทยากรจากสำ�นักงานปศุสัตว์เขต
หลักสูตรการฝึกอบรม
เนื้อหาการฝึกอบรมให้ประกอบด้วยรายละเอียดต่างๆ ที่สามารถนำ�ไปใช้ปฏิบัติงานจริง
เช่น
1. ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า
2. ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าสำ�หรับสัตว์
3. ความรู้เกี่ยวกับการข่นส่งและการเก็บรักษาคุณภาพวัคซีนสำ�หรับสัตว์ (Cold Chain)
4. การเตรียมความพร้อมของอาสาสมัครก่อนการปฏิบัติงาน
5. การประเมินสุขภาพสุนัขและแมวเบื้องต้นก่อนการฉีดวัคซีน
6. ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการฉีดวัคซีน (การเตรียมวัคซีนและเทคนิคในการฉีดวัคซีน)
7. การจับบังคับสุนัขและแมวเพื่อฉีดวัคซีน
8. การเฝ้าระวังโรค การสังเกตอาการสัตว์ป่วย การแจ้งพบสัตว์สงสัย การเก็บตัวอย่าง
ส่งตรวจห้องปฏิบัติการ
9. การควบคุมโรคพิษสุนัขบ้ากรณีเกิดโรค การเตรียมความพร้อมของอาสาสมัครก่อน
การปฏิบัติงาน
- 8. 8 หลักสูตร “การฝึกอบรมผู้ได้รับมอบหมายให้ทำ�การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า”
การดำ�เนินการเมื่ออาสาสมัครผ่านการฝึกอบรม
1. มอบประกาศนียบัตรให้กับผู้ผ่านการฝึกอบรมซึ่งลงนามในใบประกาศฯโดยปศุสัตว์
จังหวัดหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
2. มอบบัตรประจำ�ตัวให้กับอาสาสมัคร (ลงนามโดยปศุสัตว์จังหวัดเท่านั้น) โดยกำ�หนด
ให้บัตรฯ มีอายุได้ไม่เกิน 1 ปี
3. สัตวแพทย์มอบหนังสือมอบหมายให้ทำ�การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระ
ราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535
4. จัดทำ�ทะเบียนหรือฐานข้อมูลอาสาปศุสัตว์ตามฟอร์มหรือแบบรายงานส่งให้กรมปศุสัตว์
5. อาสาปศุสัตว์จะต้องได้รับการฝึกอบรมเป็นประจำ�ทุกปี ซึ่งมีการทดสอบก่อน-หลัง
การฝึกอบรมทุกครั้ง
สรุปขั้นตอนการสร้างและพัฒนาอาสาปศุสัตว์ (ด้านโรคพิษสุนัขบ้า)
คุณสมบัติอาสาปศุสัตว์
1. มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
2. จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปที่ 6 ขึ้นไป
3. มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า1ปี
4. มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เป็นที่ยอมรับของชุมชน
5. สามารถติดต่อประสานงานได้ดี
การคัดเลือกอาสาฯ การฝึกอบรม การขึ้นทะเบียน การปฏิบัติงาน
การขึ้นทะเบียน
1. ขึ้นทะเบียนที่สำ�นักงานปศุสัตว์จังหวัด
2. เอกสารประกอบการขึ้นทะเบียน ได้แก่ บัตรประชาชน,
ใบประกาศนียบัตรผู้ผ่านการฝึกอบรม
3. ขึ้นทะเบียนแล้วจะได้รับบัตรประจำ�ตัวอาสาฯ
4. รับใบมอบหมายให้ฉีดวัคซีนจากสัตวแพทย์
หลักสูตรการฝึกอบรม
1. ความรู้เกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า
2. การจับบังคับสัตว์
3. การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
4. การเฝ้าระวังโรคทางอาการ การแจ้งโรค
5. การเก็บตัวอย่างส่งตรวจ
6. การสื่อสาร ถ่ายทอดความรู้ ประชาสัมพันธ์
หน้าที่ของอาสาปศุสัตว์
1. สื่อสาร ประชาสัมพันธ์ความรู้เกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า
แก่ประชาชน
2. จับบังคับสัตว์เพื่อนำ�มาผ่าตัดทำ�หมัน ฉีดวัคซีน ฯลฯ
3. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
4. เป็นเครือข่ายการเฝ้าระวังโรคในพื้นที่
และแจ้งพบโรคไปยังสัตวแพทย์
5. เก็บตัวอย่างสัตว์ป่วยสงสัยเป็นโรคพิษสุนับ้าส่งตรวจ
ห้องปฏิบัติการ
6. ปฏิบัติงานอื่นๆ
- 9. 9
ภายใต้พระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies)
โรคพิษสุนัขบ้า หรือที่ชาวบ้าน
ทั่วๆ ไปนิยมเรียกว่า “โรคกลัวน้ำ�”
(Hydrophobia) เป็นโรคติดเชื้อของ
ระบบประสาทส่วนกลางที่มีอันตราย
ร้ายแรงถึงชีวิต พบในสัตว์เลี้ยงลูก
ด้วยนมทุกชนิดทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์
ป่าและยังสามารถติดต่อมาสู่มนุษย์ได้
พาหะนำ�โรคที่สำ�คัญในประเทศไทย
คือ สุนัขและแมว (สำ�นักควบคุม
ป้องกัน และบำ�บัดโรคสัตว์, 2559)
ส่วนในต่างประเทศมักเกิดจากสัตว์
ป่า เช่น สุนัขจิ้งจอก สุนัขป่า ตัวแรค
คูณ เป็นต้น (กรมควบคุมโรค, 2554)
และสำ�หรับในประเทศทวีปอเมริกา
นั้น พาหะที่สำ�คัญคือ ค้างคาว
(WHO, 2016)
สาเหตุและการติดต่อของโรคพิษสุนัขบ้า
โรคพิษสุนัขบ้าแพร่เชื้อจากสัตว์ไปสู่มนุษย์หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวอื่นผ่านทาง
น้ำ�ลาย เช่น ผ่านทางการกัด โดยเชื้อไวรัสโรคพิษสุนัขบ้าที่อยู่ในน้ำ�ลายจะเข้าสู่บาดแผลและ
ผ่านเข้าสู่เส้นประสาทส่วนปลายผ่านไขสันหลัง และเข้าสู่สมอง หลังจากนั้นเชื้อไวรัสจะแบ่ง
ตัวในสมองและปล่อยเชื้อไวรัสไปตามแขนงเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย
โดยเฉพาะต่อมน้ำ�ลายและเพิ่มจำ�นวนในเซลล์ของต่อมน้ำ�ลาย โดยสัตว์สามารถแพร่เชื้อผ่าน
ทางน้ำ�ลายได้ 1-10 วันก่อนแสดงอาการป่วยออกมาให้เห็น และตลอดระยะเวลาที่สัตว์แสดง
อาการป่วยจากโรคพิษสุนัขบ้า
บทที่ 1
- 10. 10 หลักสูตร “การฝึกอบรมผู้ได้รับมอบหมายให้ทำ�การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า”
ระยะฟักตัวของโรคพิษสุนัขบ้า
ระยะฟักตัวของโรคพิษสุนัขบ้าเป็นระยะเวลานับตั้งแต่เชื้อโรคไวรัสเข้าสู่ร่างกายจนก่อ
ให้แสดงอาการของโรคโดยสามารถพบได้ตั้งแต่ระยะไม่กี่วัน จนถึงระยะเวลาเกินกว่า 1 ปี ซึ่ง
ระยะฟักตัวจะสั้นหรือยาวขึ้นกับปัจจัยบางประการ ได้แก่ ปริมาณของเชื้อไวรัส ความรุนแรง
ของบาดแผล ปริมาณปลายประสาทที่ตำ�แหน่งของแผล และระยะทางจากแผลไปยังสมอง
เช่น แผลที่หน้า ศีรษะ คอ และมือจะมีระยะฟักตัวที่สั้นกว่าแผลที่เท้า และการล้างแผลทันที
จะมีส่วนช่วยลดจำ�นวนเชื้อลงได้มาก โดยล้างด้วยน้ำ�สะอาดและสบู่
อาการของโรคพิษสุนัขบ้า
1. อาการในสัตว์
1.1 สุนัข อาการในสุนัขแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ แบบดุร้าย และแบบเซื่องซึม โดย
แบบดุร้ายจะพบได้บ่อยกว่าแบบเซื่องซึม โดยอาการของโรคแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
อาการระยะเริ่มแรก สุนัขจะมีนิสัยหรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ เช่น จากที่เคย
ร่าเริงแจ่มใสชอบคลุกคลีกับเจ้าของ มักจะมีอาการหงุดหงิด ไม่อยากเข้าใกล้เจ้าของ หลบซุกซ่อน
ตัวอยู่ตามมุมมืด แสดงอาการเห่า ขู่ หรือกัด หวาดระแวง หวาดกลัว รูม่านตาขยายกว้างกว่า
ปกติ มีการตอบสนองต่อแสงลดลง โดยสุนัขจะแสดงอาการเริ่มแรกนี้ประมาณ 2-3 วัน
อาการระยะตื่นเต้น สุนัขมีอาการลุกลี้ลุกลน กระวนกระวาย พยายามจะหลบหนีจากที่อยู่
เดิม หากหลบหนีออกมาได้จะวิ่งอย่างไม่มีจุดหมาย มักแสดงอาการแปลกๆ เช่น งับลมหรือกัดกิน
สิ่งแปลกปลอมต่างๆ เช่น ก้อนอิฐ ก้อนหิน ดิน หญ้า หรือแม้แต่เศษไม้อย่างบ้าคลั่ง หากจับกักขัง
จะกัดกรงอย่างรุนแรงจนเกิดบาดแผลที่ปาก หรือฟันหักโดยไม่แสดงความเจ็บปวด เสียงเห่าหอน
จะผิดไปเนื่องจากเกิดอัมพาตของกล้ามเนื้อกล่องเสียง ต่อมาจะเกิดอัมพาตของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับ
การเคี้ยวหรือการกลืน ทำ�ให้ลิ้นห้อยออกนอกปาก น้ำ�ลายไหล ลิ้นมีสีแดงคล้ำ�หรือมีร่องรอยของ
ความบอบช้ำ� หรือมีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ที่ลิ้น ระยะต่อมาลำ�ตัวจะแข็ง หางตก ขาหลังเริ่มอ่อน
เปลี้ย ซึ่งเป็นอาการที่เริ่มเข้าสู่ระยะอัมพาต สุนัขจะแสดงอาการระยะตื่นเต้นอยู่ 1-7 วัน
อาการระยะอัมพาต เป็นอาการระยะสุดท้ายของโรค สุนัขจะแสดงอาการขาหลังอ่อน
เปลี้ย ในที่สุดจะล้มลงลุกไม่ได้ อาการอัมพาตจะเกิดจากส่วนท้ายของลำ�ตัวไปยังส่วนหัว สุนัข
จะตายด้วยระบบหายใจล้มเหลว สุนัขที่แสดงอาการของโรคพิษสุนัขบ้าทั้ง 3 ระยะดังกล่าวนี้
ตั้งแต่เริ่มสังเกตเห็นอาการมักอยู่ได้ไม่เกิน 10 วัน สุนัขที่แสดงอาการระยะตื่นเต้นชัดเจน มัก
เรียกกันว่า “บ้าแบบดุร้าย” ซึ่งเป็นอาการที่พบเห็นได้มากกว่า “บ้าแบบซึม” (ประเสริฐ, 2523)
1.2 แมว การติดต่อของโรคพิษสุนัขบ้าในแมวมักเกิดจากการได้รับเชื้อทางน้ำ�ลายของ
แมวหรือสัตว์อื่นที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า เชื้อไวรัสโรคพิษสุนัขบ้าจะเริ่มถูกขับออกมาทางน้ำ�ลาย
ของแมวในช่วงระยะ 1-5 วันก่อนแสดงอาการ (The Center for Food
Security &Public Health, 2012) และจะมีอยู่ในน้ำ�ลายตลอดจน
คู่มือสำ�หรับฝึกอบรม
- 11. 11
ภายใต้พระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535
บทที่ 1
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies)
กระทั่งแมวตาย โดยทั่วไปพบว่าแมวที่เป็นโรคส่วนใหญ่จะแสดงอาการในระยะตื่นเต้นให้
เห็นเด่นชัดหรือเรียกว่าเป็นบ้าแบบดุร้ายมากกว่าแบบซึมซึ่งจะแสดงอาการในระยะอัมพาต
(ประเสริฐ, 2523) โดยอาการของโรคพิษสุนัขในแมวแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้
อาการระยะเริ่มแรก แมวที่ชอบคลุกคลีกับเจ้าของอาจกัดหรือข่วนเจ้าของโดยแสดง
อาการอารมณ์ฉุนเฉียวฉับพลัน หรืออาจหลบซ่อนตัวในที่มืด อาการระยะนี้จะเป็นเพียงระยะ
เวลาสั้นๆไม่เกิน 1 วัน
อาการระยะตื่นเต้น แมวจะเริ่มมีอาการกล้ามเนื้อสั่น กล้ามเนื้อเริ่มทำ�งานไม่สัมพันธ์
กัน ตามด้วยอาการทางระบบประสาท ดุร้าย ถ้ากักขังจะแสดงอาการท่าทีพร้อมที่จะกัดหรือ
ข่วน โดยเฉพาะเมื่อมีวัตถุเคลื่อนไหวผ่าน และมีอาการกลืนลำ�บาก น้ำ�ลายไหลเนื่องจาก
เกิดอัมพาตของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับการเคี้ยวและการกลืน โดยทั่วไประยะนี้จะแสดงอาการ
ประมาณ 2-4 วัน หลังจากนั้นจะเข้าสู่ระยะอัมพาต
อาการระยะอัมพาต แมวจะเริ่มแสดงอาการเกิดอัมพาตที่ส่วนท้ายของลำ�ตัวก่อนแล้ว
แผ่ขยายไปยังส่วนลำ�ตัวและหัว จนเกิดอัมพาตทั่วตัวอย่างรวดเร็วแล้วและตายในที่สุด
1.3 โค - กระบือ อาการที่พบ คือ ไม่กินหญ้า กระสับกระส่าย ตื่นเต้น กล้ามเนื้อเกร็ง
กระตุก อาจวิ่งไล่ชนสิ่งต่างๆ แสดงอาการคันบริเวณที่เคยถูกกัด โดยเอาบริเวณนั้นไปถูไถกับ
คอกบ่อยๆ มีอาการคล้ายมีสิ่งแปลกปลอมติดคอ มีน้ำ�ลายไหล กัดฟัน ชอบขึ้นขี่ตัวอื่น ท้อง
ป่องเนื่องจากมีแก๊สสะสมในกระเพาะมาก หางบิด ขาอ่อน อัมพาต และตายภายใน 1-6 วัน
หลังแสดงอาการ
1.4 แพะ - แกะ อาการที่พบ คือ ไม่กินหญ้า กระวนกระวาย ตื่นเต้น ดุกว่าปกติ ชอบ
ขึ้นขี่ตัวอื่น ตาเบิกกว้าง จ้องนิ่ง ชอบเอาเท้าโขกพื้น เลียบริเวณที่ถูกกัดบ่อยๆ อัมพาตล้มลง
ตายภายใน 5-6 วันหลังแสดงอาการ
1.5 ม้า - ลา มักพบอาการตื่นเต้น ดุร้าย กัดคนหรือสัตว์อื่น คันบริเวณที่ถูกกัดโดยสัตว์จะ
เอาบริเวณนั้นถูไถคอก หรืออาจกัดจนเป็นแผลหรือเนื้อหลุดได้ ไวต่อเสียงมาก เอาเท้าโขกพื้น กัด
รางอาหาร กินอุจจาระ ตาแดง จ้องนิ่ง อาจแสดงอาการท้องผูกเสียด (แก๊สในกระเพาะมาก) ชัก
อัมพาตล้มลงตายภายใน 5-8 วันหลังแสดงอาการ (ธนวรรษ, 2541)
1.6 สุกร อาการที่พบ คือ จะมีนิสัยเปลี่ยนไป บางรายดุร้ายขึ้น ตื่นเต้น ส่งเสียงร้อง
เจ็บปวด น้ำ�ลายไหลมาก กระวนกระวาย ไวต่อการตอบสนองสิ่งแวดล้อม โดยอาการที่พบบ่อย
คือ จะกระโดดขึ้นทันทีเมื่อตกใจ และอาจไล่กัดสุกรตัวอื่นภายในคอก หลังจากแสดงอาการจะตาย
ภายใน 3-4 วัน
2. อาการในคน จำ�แนกอาการได้เป็น 3 ลักษณะ คือ
2.1 อาการแบบคลุ้มคลั่ง อาการระยะนี้จะดำ�เนินโรคอย่างรวดเร็ว โดยเฉลี่ยมักเสีย
ชีวิตใน 5 วัน โดยการวินิจฉัยอาการแบบคลุ้มคลั่ง ต้องมีอาการครบ
ทั้ง 3 ประการ ดังนี้
- 12. 12 หลักสูตร “การฝึกอบรมผู้ได้รับมอบหมายให้ทำ�การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า”
1) ผู้ป่วยจะมีอาการสลับระหว่างภาวะปกติและภาวะกระวนกระวายต่อสิ่งเร้าไม่ว่าจะ
เป็นเสียง แสง เป็นต้น อาการจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนผู้ป่วยอาจจะอาละวาด และผุดลุกผุด
นั่ง ในระหว่างที่ผู้ป่วยอยู่ในภาวะปกติจะสามารถพูด คุย โต้ตอบได้ รู้เรื่องทุกอย่าง แต่ในภาวะ
แสดงอาการผิดปกติผู้ป่วยจะพูดไม่ได้หรือไม่เข้าใจตนเอง สภาพเช่นนี้จะดำ�เนินไปประมาณ
2-3 วัน จากนั้นผู้ป่วยจะเริ่มซึม ไม่รู้สึกตัวในระยะ 24 ชั่วโมงสุดท้าย ความดันโลหิตต่ำ�
2) อาการกลัวน้ำ� กลัวลม ซึ่งจะเห็นได้ชัดขณะที่ผู้ป่วยรู้สึกตัวเท่านั้น เมื่อผู้ป่วยเริ่ม
แสดงอาการซึมอาการเหล่านี้ก็จะหายไป แต่ยังคงมีอาการถอนหายใจเป็นพักๆ ซึ่งเกิดขึ้นเอง
และเป็นอาการสำ�คัญซึ่งช่วยในการวินิจฉัย
3) อาการขนลุกเป็นบางส่วนหรือทั้งตัว รูม่านตาไม่ตอบสนองต่อแสง ซึ่งรูม่านตาอาจ
ขยายเต็มที่หรือหดตัวเต็มที่ น้ำ�ลายมากผิดปกติจนต้องบ้วน หรือถ่มเป็นระยะ
นอกจากนั้น จะมีอาการคันเฉพาะที่ตรงถูกสัตว์กัดหรืออาจจะปวดแสบปวดร้อน ปวด
ลึกๆ ซึ่งแพร่กระจายไปทั่วแขน ขา หรือเฉพาะบริเวณที่ถูกกัด
2.2 อาการแบบอัมพาต จะสังเกตเห็นอาการอ่อนแรงของแขนขา จากนั้นความรุนแรง
ของโรคจะเพิ่มขึ้นจนผู้ป่วยเสียชีวิต เนื่องจากระบบหายใจล้มเหลว โดยเฉลี่ยเสียชีวิตในระยะ
เวลาประมาณ 13 วัน
2.3 กลุ่มที่ไม่แสดงอาการ ผู้ป่วยกลุ่มนี้ ไม่สามารถวินิจฉัยได้จากอาการ ถือเป็นกลุ่มที่มี
ความยากลำ�บากที่สุดในการวินิจฉัย มีทางเดียวเท่านั้นที่จะวินิจฉัยได้ คือ การตรวจยืนยันทางห้อง
ปฏิบัติการ การตรวจด้วยคอมพิวเตอร์สนามแม่เหล็กไฟฟ้าของสมอง (MRI) อาจพบความผิดปกติ
ของสมอง อย่างไรก็ดีความผิดปกติของสมองที่แสดงผลใน MRI สามารถพบได้ทั้งในสามกลุ่ม
การรักษาและการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ไม่ว่าจะในสัตว์หรือคน โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่งในสัตว์ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน หากถูกกัดแนะนำ�ให้ทำ�การการุณฆาต (Catherine et.al.,
2016) เพราะถึงแม้ว่าจะมีการใช้วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าฉีดให้แก่สัตว์ภายหลังถูกสัตว์ที่เป็นบ้า
ผลที่ได้ไม่แน่นอน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่สัตว์ได้รับวัคซีนหลังจากถูกกัด โปรแกรมวัคซีน ความ
รุนแรงของบาดแผล ตำ�แหน่งของบาดแผล สุขภาพสัตว์หรือชนิดของสัตว์ที่รับเชื้อ ดังนั้นการ
ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยเราสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษ
สุนัขบ้าให้แก่สัตว์เป็นประจำ�ทุกปี ควบคู่ไปกับการระวังอย่าให้ถูกสัตว์ที่มีเชื้อพิษสุนัขบ้ากัด
การทำ�ลายเชื้อไวรัสโรคพิษสุนัขบ้า
เชื้อไวรัสโรคพิษสุนัขบ้าเมื่อออกจากร่างกายสัตว์ป่วยจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานจะถูกทำ�ลาย
ได้ง่ายเมื่อถูกความร้อน แสงแดด หรือยาฆ่าเชื้อ ได้แก่ ฟอร์มาลีน แอลกอฮอล์ 70% ไลโซล
กรดหรือด่างอย่างแรง หรือไฮเปอร์คลอไรท์ 10% (น้ำ�ผสมคลอรีนไฮเตอร์
หรือคลอร็อคในอัตราส่วน 1 ส่วนต่อน้ำ� 9 ส่วน) (ธนวรรษ, 2541)
คู่มือสำ�หรับฝึกอบรม
- 13. 13
ภายใต้พระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535
ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าสำ�หรับสัตว์
1. วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าสำ�หรับสัตว์ (Rabies Vaccine)
คุณลักษณะของวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าสำ�หรับสัตว์
1.1 วัคซีนที่มีจำ�หน่ายในประเทศทั้งหมดเป็นวัคซีนชนิดน้ำ�แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
น้ำ�สีขาวและน้ำ�สีแดงอ่อน
1.2 เป็นวัคซีนเชื้อตายที่ผลิตจากเชื้อไวรัสโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies virus)
1.3 ได้รับการขึ้นทะเบียนตำ�รับยาจากกระทรวงสาธารณสุข
1.4 มีความแรง (Potency) ไม่น้อยกว่า 1 IUต่อมิลลิลิตร
1.5 มีความคุ้มโรคในสัตว์ที่ได้รับการฉีดวัคซีนนานอย่างน้อย 1 ปี
1.6 อุณหภูมิการเก็บรักษาอู่ในช่วง +2 ถึง +8 องศาเซลเซียส
2. วีธีการเตรียมวัคซีนไปใช้
2.1 เตรียมวัคซีนให้พอเหมาะกับจำ�นวนสัตว์เป้าหมายในแต่ละครั้ง ถ้าวัคซีนเหลือ
ควรใช้ให้หมดโดยเร็วในครั้งต่อไป
2.2 การจัดเก็บและการขนส่งวัคซีนเพื่อนำ�ไปปฏิบัติงานให้ใช้หีบเย็น (vaccine cold
box) กล่องโฟม กระติกวัคซีน หรือกระเป๋าเก็บความเย็น
2.3 ห้ามให้ขวดวัคซีนสัมผัสกับน้ำ�แข็งหรือน้ำ�แช่น้ำ�แข็งโดยตรง
2.4 หลีกเลี่ยงการให้ขวดวัคซีนสัมผัสแสงแดด
2.5 การจัดเรียงวัคซีนในหีบเย็น กระติกวัคซีน กล่องโฟม หรือกระเป๋าเก็บความเย็น
- วางไอซ์แพคที่เริ่มละลายแล้ว (มีหยดน้ำ�เกาะที่ผิว) ด้านข้างทั้ง 4 ด้าน รวมทั้งด้าน
บน-ล่าง (กรณีเป็นหีบเย็น/กล่องโฟมใบใหญ่)
- ห่อวัคซีนแล้วนำ�ไปวางไว้ตรงกลางภาชนะที่เตรียมไว้
- ปิดฝาให้สนิทและวางไว้ในที่ร่ม
บทที่ 2
- 14. 14 หลักสูตร “การฝึกอบรมผู้ได้รับมอบหมายให้ทำ�การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า”
3. ขั้นตอนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์
3.1 จัดทำ�แผนการฉีด โดยกำ�หนดพื้นที่ สำ�รวจจำ�นวนสัตว์เป้าหมาย การปิดประกาศ
กำ�หนดเขตท้องที่ทำ�การฉีดวัคซีนโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า
พ.ศ. 2535 เป็นต้น
3.2 ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้
3.3 เตรียมวัคซีน เวชภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์ เช่น เข็ม กระบอกฉีดยา สำ�ลี แอลกอฮอล์
บัตรวัคซีน เหรียญเครื่องหมายประจำ�ตัวสัตว์ กระติกน้ำ�แข็ง ไอซ์แพคหรือน้ำ�แข็ง ขวดสำ�หรับ
ใส่เข็มที่ใช้แล้ว ถุงขยะ เป็นต้น
3.4 จัดเรียงวัคซีนลงในกระติกหรือกระเป๋าวัคซีนให้เป็นไปตามคำ�แนะนำ�ในการเก็บ
รักษาและขนส่งวัคซีน
3.5 สอบถามประวัติสัตว์จากเจ้าของสัตว์ เช่น ชื่อ อายุ เพศ พันธ์ ประวัติการฉีด
วัคซีน การฉีดวัคซีนครั้งสุดท้าย และอาการสุนัข แมว ณ ปัจจุบัน
3.6 ตรวจสุขภาพสุนัข - แมว พื้นฐาน เช่น วัดอุณหภูมิ (อุณหภูมิปกติ101 - 102
องศาฟาเรนไฮน์) สัตว์ที่จะฉีดวัคซีนได้จะต้องมีสุขภาพดี ไม่ป่วย
3.7 เตรียมวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าโดยดูดวัคซีนออกจากขวดวัคซีน
1. วัคซีน (Vaccine)
มีคุณภาพในการกระตุ้น
ภูมิคุ้มกัน
การเก็บรักษาคุณภาพ
ทุกขั้นตอนของระบบ
ห่วงโซ่ความเย็น (Cold
Chain)
มีจำ�นวนเพียงพอกับ
จำ�นวนสัตว์เป้าหมาย
2. วิธีการฉีดวัคซีน (Vaccination)
วิธีการฉีดที่ถูกต้อง
ฉีดวัคซีนเข้าสู่ตัวสัตว์เต็มขนาด
(Dose)
มีจำ�นวนเพียงพอ
ฉีดตรงตามโปรแกรม
ฉีดต่อเนื่องตลอดชีวิตสัตว์
ฉีดได้ครอบคลุมอย่างน้อย 80%
ของจำ�นวนสัตว์
อาสาปศุสัตว์
3. ผู้ฉีดวัคซีน (Vaccinator)
คนฉีดวัคซีนถูกต้องตามกฎหมาย (เป็นสัตวแพทย์หรือผู้ได้รับมอบหมายจากสัตวแพทย์ ตามพระราชบัญญัติ
โรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535)
คนฉีดมีคุณภาพ ผ่านการฝึกอบรม มีความรู้ และมีทักษะในการปฏิบัติงานที่ถูกต้อง
คนฉีดมีจำ�นวนครอบคลุม สอดคล้องกับจำ�นวนสัตว์ที่จะฉีดวัคซีน
คู่มือสำ�หรับฝึกอบรม
- 15. 15
ภายใต้พระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535
บทที่ 2
ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าสำ�หรับสัตว์
3.8 ให้เจ้าของหรืออาสาสมัครจับบังคับสุนัข หรือแมว ตามขั้นตอนการจับบังคับสัตว์
3.9 ดำ�เนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
3.9.1 ใช้วิธีการฉีดเข้าใต้หนัง ซึ่งสามารถฉีดได้ง่าย และสะดวกกว่าการฉีดเข้า
ทางอื่นๆ ทำ�ให้สุนัข - แมวเจ็บน้อยกว่าการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ แม้ว่าการดูดซึมทางผิวหนังจะช้า
กว่าการฉีดเข้าทางอื่น แต่จัดเป็นวิธีการที่เหมาะสมต่อการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
3.9.2 ตำ�แหน่งที่ฉีดส่วนใหญ่คือบริเวณด้านบนลำ�ตัวหลังขาหน้า หน้าขาหน้า
และหน้าขาหลังซึ่งเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดมาเลี้ยงมาก
3.10 ขั้นตอนการฉีดวัคซีน
3.10.1 ใช้มือข้างที่ถนัดถือกระบอกยาที่เตรียมวัคซีนไว้และใช้มืออีกข้างหนึ่งเช็ด
บริเวณที่จะฉีดด้วยสำ�ลีชุบแอลกอฮอล์ 70 %
3.10.2 จากนั้นใช้มืออีกข้างหนึ่งดึง หรือขยุ้มผิวหนังขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อให้ใต้ผิวหนัง
เกิดเป็นโพรง
3.10.3 แทงเข็มเข้าบริเวณดังกล่าวโดยก่อนฉีดวัคซีนเข้าไปควรดึงก้านกระบอก
ฉีดถอยหลังเล็กน้อยเพื่อตรวจสอบว่าปลายเข็มฉีดยาไม่ได้แทงเข้าหลอดเลือดในบริเวณนั้น
หากไม่พบมีเลือดไหลย้อนกลับให้ฉีดยาเข้าตัวสุนัข-แมวได้
3.11 บันทึกข้อมูลการฉีดในใบรับรองการฉีดวัคซีนและชี้แจงกำ�หนดการฉีดครั้งต่อไป
แก่เจ้าของสัตว์
สรุปขั้นตอนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
การดูดวัคซีนออกจากขวด
วัคซีน
การฉัดวัคซีนเข้าชั้นใต้
ผิวหนังสุนัข-แมว
- 16. 16 หลักสูตร “การฝึกอบรมผู้ได้รับมอบหมายให้ทำ�การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า”
เริ่มต้นการฉีดในลูกสุนัขหรือแมว
(อายุน้อยกว่า 1 ปี)
เริ่มต้นอายุประมาณ 12 สัปดาห์ หรือ
3 เดือนกรณีฉีดก่อนอายุ 3 เดือนให้ฉีด
ซ้ำ�ที่อายุ 12 เดือนในกรณีพื้นที่เสี่ยง*
ให้กระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยการฉีดวัคซีนซ้ำ�
ที่ 2-4 สัปดาห์ หลังการทำ�วัคซีนเข็มแรก
เริ่มต้นอายุประมาณ 12 สัปดาห์ และ
กระตุ้นซ้ำ� 1 ปี หลังจากนั้น
เริ่มต้นการฉีดในสุนัขหรือแมวโตเต็มวัย
(อายุมากกว่า 1 ปี)
สามารถฉีดได้ทันที ในกรณีพื้นที่เสี่ยง*
ให้กระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยการฉีดวัคซีนซ้ำ�
ที่ 2-4 สัปดาห์หลังการทำ�วัคซีนเข็มแรก
สามารถฉีดได้ทันที และกระตุ้นซ้ำ� 1 ปี
หลังจากนั้น
การกระตุ้นภูมิคุ้มกันประจำ�ปี
กระตุ้นวัคซีนป้องกันโรคพิษ
สุนัขบ้าปีละ 1 ครั้ง
กระตุ้นวัคซีนป้องกันโรคพิษ
สุนัขบ้าปีละ 1 ครั้ง
ชนิดสัตว์
สุนัข
แมว
โปรแกรมการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ (WSAVA, 2016)
หมายเหตุ : *ประเทศไทยจัดเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์
2556 2557 2558
2559 2560 2561
2562 2563 2564
หลักฐานที่เจ้าของสัตว์ต้องได้รับหลังจากสุนัข
และแมวได้รับการฉีดวัคซีน
คู่มือสำ�หรับฝึกอบรม
- 17. 17
ภายใต้พระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535
ความรู้เกี่ยวกับการขนส่งและการเก็บรักษา
คุณภาพวัคซีนสำ�หรับสัตว์
บทที่ 3
ระบบลูกโซ่ความเย็น (Cold Chain System)
เป็นระบบที่จะทำ�ให้วัคซีนอยู่
บนอุณหภูมิที่เหมาะสมตลอดเวลา ทั้งใน
ขณะจัดเก็บและการขนส่งวัคซีน ระบบนี้
ประกอบไปด้วยการจัดเก็บและการขนส่ง
ที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งได้ออกแบบให้วัคซีนอยู่
ในอุณหภูมี่ถูกต้องเหมาะสมจนกระทั่งถึง
ตัวสัตว์ที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย
ความสำ�คัญของระบบลูกโซ่ความเย็น
1. วัคซีนเสื่อมสภาพได้ง่ายเมื่อ
เวลาผ่านไปความแรงของวัคซีน (potency)
จะลดลง
2. อุณหภูมิที่สูงขึ้น จะทำ�ให้ความ
แรงของวัคซีน (potency) ลดลงเร็วขึ้น
3.วัคซีนบางชนิดจะสูญเสียความ
แรงทันทีถ้าอยู่ในอุณหภูมิที่ทำ�ให้แข็งตัว
(Freezing)
4. เมื่อวัคซีนเสื่อมสภาพจากอุณหภูมิที่ทำ�ให้แข็งตัว (Freezing) ฉีดแล้วจะเกิด
เป็นไตแข็ง
ดังนั้น การจัดเก็บการขนส่งวัคซีนที่ไม่เหมาะสม จะทำ�ให้เกิดความเสี่ยงต่อสัตว์ที่จะ
ได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่ไม่มีคุณภาพ
คู่มือสำ�หรับฝึกอบรม
- 18. 18 หลักสูตร “การฝึกอบรมผู้ได้รับมอบหมายให้ทำ�การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า”
1. วิธีการจัดเก็บวัคซีนในตู้เย็น
1.1 สภาพที่เหมาะสมในการเก็บรักษาวัคซีน
คือ +2 ถึง +8 องศาเซลเซียส
1.2 แขวนเทอร์โมมิเตอร์ไว้ในตู้เย็น ตรง
ตำ�แหน่งกึ่งกลางของช่องเย็นธรรมดา
1.3 บันทึกอุณหภูมิตู้เย็นอย่างน้อยวันละ 2
ครั้ง เช้า-เย็นทุกวัน
1.4 เก็บวัคซีนไว้ข้างในส่วนลึกของช่อง
ธรรมดาของตู้เย็น
1.5 ห้ามเก็บวัคซีนไว้ในช่องแช่แข็ง เพราะ
จะทำ�ให้วัคซีนเสื่อมสภาพ
1.6 ห้ามเก็บวัคซีนไว้ช่องใต้ช่องแช่แข็ง
เพราะจะทำ�ให้วัคซีนเสื่อมสภาพ
1.7 ห้ามเก็บวัคซีนไว้แน่นตู้เย็น ควรมีระยะ
ห่างของกล่องวัคซีนเพื่อให้ความเย็นกระจาย ได้
อย่างทั่วถึงและห้ามเปิดตู้เย็นโดยไม่จำ�เป็น
1.8 ห้ามเก็บอาหาร เครื่องดื่ม ยา หรือวัสดุอื่นๆ ไว้ในตู้เย็น
1.9 ถ้าตู้เย็นมีอุณภูมิผิดปกติ ให้ย้ายวัคซีนไปเก็บในตู้เย็นอื่นที่มีอุณหภูมิปกติ
1.10 ถ้ามีน้ำ�แข็งเกาะตู้เย็นหนาเกินกว่า 5 มิลลิเมตรในช่องแช่แข็ง ให้ละลายน้ำ�แข็งออก
หีบเย็น (vaccine clod box) กระติกวัคซีน (vaccine carrier)
2. วิธีการจัดเก็บวัคซีนในหีบเย็นและกระติกวัคซีน
2.1 นำ�ไอซ์แพค (ice-packs) ใส่ด้านล่างและด้านข้างของหีบเย็นและกระติกวัคซีน ทั้ง 4 ด้าน
โดยใช้ไอซ์แพคที่เริ่มละลายแล้วโดยสังเกตจากรอบนอกของไอซ์แพคที่เริ่มมีหยดน้ำ�เกาะและได้ยิน
เสียงน้ำ�แข็งเวลาเขย่า ห้ามนำ�ไอซ์แพคที่พึ่งนำ�ออกจากช่องแช่แข็งมาใช้ทันที เพราะอาจทำ�ให้
อุณหภูมิของวัคซีนติดลบและเสื่อมคุณภาพได้
คู่มือสำ�หรับฝึกอบรม
- 19. 19
ภายใต้พระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535
บทที่ 3
ความรู้เกี่ยวกับการขนส่งและการเก็บรักษาคุณภาพวัคซีนสำ�หรับสัตว์
ปัจจัยที่สำ�คัญ ได้แก่
การขนส่งที่ไม่เหมาะสม
สภาวะการเก็บรักษาวัคซีน
วัคซีนโดนแสงแดดโดยตรง
อุณหภูมิการเก็บรักษาไม่เหมาะสม
การนำ�วัคซีนไปใช้หน้างาน
การแพ็ควัคซีนไปใช้หน้างานอย่างไม่เหมาะสม
การเตรียมวัคซีนไปใช้มากเกินไป
2. ปัจจัยที่ทำ�ให้วัคซีนเสื่อมคุณภาพ
2.2 ห่อวัคซีนแล้วนำ�วัคซีนวางไว้ตรงกลางของหีบเย็นและกระติกวัคซีน ในส่วนของหีบเย็นให้วาง
ไอซ์แพคด้านบน และด้านข้างควรใส่กระดาษหนาๆหรือฟิวเจอร์บอร์ดกั้นระหว่างไอซ์แพคและวัคซีน
เพื่อป้องกันไม่ให้ไอซ์แพคติดกับขวดวัคซีนโดยตรงสำ�หรับกระติกวัคซีนไม่ต้องวางไอซ์แพคด้านบน
2.3 ปิดฝาให้สนิทและวางไว้ในที่ร่มเพื่อเตรียมขนส่ง
- 20. 20 หลักสูตร “การฝึกอบรมผู้ได้รับมอบหมายให้ทำ�การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า”
บทที่ 4
การจับบังคับสัตว์
1. การจับบังคับสุนัข (อมรพรรณ, 2556)
1.1 การเข้าหาสุนัข ควรเคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวล ยื่นมือไประดับหน้าของสุนัข เพื่อให้สุนัข
ดมกลิ่น ห้ามยื่นมือเข้าไปเหนือหัวสุนัขเพราะเป็นลักษณะของการท้าทาย ถ้าสุนัขแสดงท่าทีที่
เป็นมิตรก็สามารถลูบคลำ�หรือตบเบาๆ ที่คอได้ ห้ามตบหัวสุนัขเพราะเป็นการแสดงอำ�นาจที่
เหนือกว่า ซึ่งสุนัขที่ไม่คุ้นเคยอาจไม่ยอมรับ
1.2 การควบคุมและการผูกปากสุนัข
1) การผูกปากสุนัขให้ใช้แถบผ้า
หรือเชือกที่ไม่มีคมผูกเป็นบ่วง
2) สวมปากสุนัข แล้วดึงให้ตึงพอ
ประมาณ โดยให้ปมที่ผูกอยู่บนดั้งจมูก
ของสุนัข
3) พันแถบผ้าหรือเชือกลงมาผูกใต้คาง
อีกปมอย่าให้แน่นจนเกินไป
แล้วอ้อมใต้ใบหู และจากนั้นผูก
เป็นเงื่อนไว้บนหนังคอ
- 21. 21
ภายใต้พระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535
1.3 การจับบังคับสุนัข
1) สุนัขขนาดใหญ่ (Human Society Veterinary Medical Association, 2016)
1.1) การบังคับสุนัขในท่านั่ง ให้ใช้แขนโอบรอบ
ใต้คอสุนัข เพื่อให้แขนยึดหัวของสุนัขกับร่างกายผู้จับ
บังคับสุนัข แล้วใช้แขนและมืออีกข้างหนึ่งจับยึดบริเวณ
สะโพก และขาหลังของสุนัข เพื่อป้องกันไม่ให้สุนัขยืน
หรือนอนลงในระหว่างดำ�เนินการ โดยพยายามดึงสุนัข
ให้ใกล้กับหน้าอกเพื่อช่วยลดการเคลื่อนตัวของสุนัข
(ตามภาพ)
1.2) การบังคับสุนัขในท่ายืน วางแขน
ข้างหนึ่งใต้คอสุนัขเพื่อให้แขนยึดหัวของสุนัขให้
อยู่กับที่ เพื่อลดโอกาสที่สุนัขจะไปกัดผู้ดำ�เนินการ
คนอื่นๆ และวางแขนอีกข้างหนึ่งใต้ท้องสุนัขเพื่อ
ป้องกันไม่ให้สุนัขนั่งหรือนอนลงในช่วงดำ�เนินการ
โดยพยายามดึงสุนัขให้ใกล้กับร่างกายเพื่อช่วยลด
การเคลื่อนตัวของสุนัข (ตามภาพ)
1.3) การบังคับสุนัขในท่า
นอนตะแคง ทำ�โดยเมื่อสุนัขอยู่ใน
ท่ายืน ให้เอื้อมมือข้ามจากด้านหลัง
ของสุนัขมาจับขาหน้า และขาหลัง
ของสุนัข พยายามให้ลำ�ตัวสุนัข
ใกล้กับตัวของผู้จับบังคับมากที่สุด
แล้วค่อยๆ ยกขาของสุนัขออกจาก
โต๊ะ (หรือพื้น) โดยให้ร่างกายของสุนัขค่อยๆ เลื่อนออกจากตัวผู้จับบังคับจนกระทั่งนอนลง และ
ขาทั้ง 4 ข้าง ชี้ออกนอกตัวผู้จับบังคับใช้แขนทั้ง 2 ข้างในการกดควบคุม
การเคลื่อนไหวของสุนัข (ตามภาพ)
บทที่ 4
การจับบังคับสัตว์
- 22. 22 หลักสูตร “การฝึกอบรมผู้ได้รับมอบหมายให้ทำ�การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า”
2. สุนัขขนาดเล็ก (อมรพรรณ,2556)
อาจใช้วิธีการอุ้มสุนัขแต่ต้อง
แน่ใจว่าสุนัขไม่อยู่ในสภาพที่ตื่นกลัว
แล้วใช้มือข้างหนึ่งสอดเข้าระหว่าง
ขาหน้า ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งโอบ
รอบขาหลังและสะโพกเพื่อไม่ให้สุนัข
บิดตัวหรือถีบยกสุนัขขึ้นมือข้างหนึ่ง
อยู่ที่หน้าอกและมืออีกข้างหนึ่งอยู่ที่
บั้นท้ายจะป้องกันไม่ให้สุนัขกระโดด
ลงได้ (ตามภาพ)
การจับบังคับแมว (Human Society Veterinary Medical Association, 2016)
ใช้มือข้างหนึ่งจับบริเวณหนังคอแมวระหว่างหูทั้ง 2 ข้าง ซึ่งเป็นส่วนที่ผิวหนังหลวม
สามารถจับยึดได้ง่าย และเป็นตำ�แหน่งที่แมวไม่สามารถหันหัวแว้งกัดได้ มืออีกข้างหนึ่งจับ
ยึด 2 ขาหลังของแมว และดึงให้แมวเหยียดตัวออกโดยให้ขาทั้ง 4 ข้างออกนอกตัวผู้บังคับ
พยายามให้แขนที่จับ 2 ขาหลัง กดแมวให้ติดกับพื้นหรือโต๊ะ เพื่อลดโอกาสเคลื่อนไหวของแมว
(ตามภาพ)
คู่มือสำ�หรับฝึกอบรม
- 23. 23
ภายใต้พระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535
การควบคุมโรคในพื้นที่เกิดโรคพิษสุนัขบ้า
1. การดำ�เนินการภายใต้พระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558
เมื่อมีการรายงานยืนยันตรวจพบโรคพิษสุนัขบ้าจากห้องปฏิบัติการ อาศัยอำ�นาจตามความ
ในมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 ปศุสัตว์อำ�เภอจะต้องประกาศกำ�หนด
เขตโรคระบาดชั่วคราว ชนิดโรคพิษสุนัขบ้า ในสุนัข แมว และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีพื้นที่รัศมี 5
กิโลเมตรรอบจุดพบโรค โดยประกาศดังกล่าวมีกำ�หนดระยะเวลา 30 วัน ซึ่งเมื่อประกาศแล้ว เจ้าของ
สัตว์หรือซากสัตว์มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 22 และตามมาตรา 11 มาตรา 12 มาตรา 13 มาตรา
14 แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 มีรายละเอียดโดยสังเขป ดังนี้
1) ห้ามไม่ให้ผู้ใดเคลื่อนย้ายสุนัขและแมวเข้า ออก หรือผ่านในเขตนั้น เว้นแต่ได้รับเป็น
หนังสือจากสัตวแพทย์ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบประจำ�เขตนั้นทุกครั้งที่มีการเคลื่อนย้าย
2) เมื่อพบเห็นสุนัขหรือแมว ป่วยหรือตายโดยไม่รู้ว่าเป็นโรคระบาดหรือโดยไม่ทราบสาเหตุ
หรือในหมู่บ้านเดียวกันหรือพื้นที่ใกล้เคียงกันมีสุนัขหรือแมวป่วยหรือตายด้วยอาการคล้ายคลึงกันใน
ระยะเวลาห่างกันไม่เกิน 7 วัน ให้เจ้าของสัตว์แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือสารวัตรหรือสัตวแพทย์
ภายในระยะเวลา 12 ชั่วโมง
3) ห้ามไม่ให้เจ้าของสัตว์หรือผู้ใดเคลื่อนย้ายสุนัขหรือแมวป่วยทั้งหมดไปจากบริเวณนั้น ใน
กรณีที่สุนัขหรือแมวตาย ให้เจ้าของสัตว์ควบคุมซากนั้นให้อยู่ ณ ที่ที่สัตว์ตาย และห้ามไม่ให้ผู้ใดเคลื่อน
ย้าย ชำ�แหละ หรือกระทำ�การอื่นใดแก่ซากสัตว์นั้น
ทั้งนี้ หากเจ้าของสัตว์ฝ่าฝืนมาตรา 22 อาจต้องโทษจำ�คุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000
บาท หรือทั้งจำ�ทั้งปรับ รวมทั้ง หากฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตาม หรือไม่ดำ�เนินการตาม บทบัญญัติมาตรา 11
มาตรา 12 มาตรา 13 และมาตรา 14 อาจต้องได้รับโทษแล้วแต่กรณี
2. การดำ�เนินการภายใต้พระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535
เมื่อมีรายงานยืนยันตรวจพบโรคพิษสุนัขบ้าจากห้องปฏิบัติการและปศุสัตว์อำ�เภอได้ประกาศ
กำ�หนดเขตโรคระบาดชั่วคราว ชนิดโรคพิษสุนัขบ้า ตามความในมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติ
โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 เรียบร้อยแล้ว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า ให้ดำ�เนิน
การตามมาตรา 10 11 12 13 14 15 และ 16 แห่งพระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535 มี
รายละเอียดโดยสังเขป ดังนี้
บทที่ 5
- 24. 24 หลักสูตร “การฝึกอบรมผู้ได้รับมอบหมายให้ทำ�การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า”
1) สัตวแพทย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากสัตวแพทย์ ดำ�เนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษ
สุนัขบ้าให้กับสุนัขและแมวทุกตัว (ฉีด 100% ของประชากรสุนัขและแมว) ในพื้นที่ 5 กิโลเมตร รอบ
จุดเกิดโรค
2) เจ้าของสัตว์ควบคุมต้องแจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่หรือพนักงานท้องถิ่นภายใน 24 ชั่วโมง
เมื่อพบว่าสัตว์ของตัวเองถูกสัตว์ที่สงสัยว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้ากัดเพื่อฉีดวัคซีน และเจ้าของสัตว์ควบคุม
ต้องสังเกตอาการสัตว์ควบคุมที่ถูกกัดเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือนนับตั้งแต่เวลาที่ถูกกัด หากพบ
ว่าสัตว์ควบคุมนั้นมีอาการของโรคพิษสุนัขบ้า ตายหรือสูญหาย ต้องแจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่หรือ
เจ้าพนักงานท้องถิ่นภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อแจ้งต่อสัตวแพทย์เพื่อให้ดำ�เนินการ ดังนี้
2.1) ในกรณีตรวจสอบแล้วสัตว์ควบคุมดังกล่าวไม่แสดงอาการของโรคพิษสุนัขบ้าให้ฉีด
วัคซีน
2.2) ในกรณีที่สัตว์ควบคุมแสดงอาการสงสัย ให้สัตวแพทย์สั่งให้เจ้าของสัตว์ควบคุม
กักขังสัตว์โดยด่วน เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 15 วันและสัตวแพทย์ต้องตรวจอาการสัตว์ควบคุมอย่างต่อ
เนื่องทั้งนี้เพื่อป้องกันการแพร่ของโรค
2.3) ในกรณีที่สัตว์ควบคุมแสดงอาการของโรค ให้สัตวแพทย์สั่งทำ�ลายแล้วเก็บตัวอย่าง
ส่งตรวจ
3) เจ้าของสัตว์ควบคุมต้องแจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานท้องถิ่นภายใน 24 ชั่วโมง
เมื่อพบสัตว์ควบคุมแสดงอาการของโรคพิษสุนัขบ้าโดยนับตั้งแต่ที่พบสัตว์แสดงอาการ
4) พนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำ�นาจทำ�ลายสัตว์ควบคุมที่แสดงอาการ
ของโรคพิษสุนัขบ้าในที่สาธารณะได้
5) สัตวแพทย์ นำ�หัวสัตว์ควบคุมที่ตายหรือมีเหตุสงสัยว่าตายด้วยโรคพิษสุนัขบ้าส่งตรวจ
ชันสูตร
6) สัตวแพทย์สั่งให้เจ้าของสัตว์ควบคุมทำ�ลายซากสัตว์ควบคุมที่ตายด้วยโรคพิษสุนัขบ้าด้วย
การฝัง
7) สัตวแพทย์แจ้งเจ้าพนักงานสาธารณสุขตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อเพื่อเป็นการป้องกัน
โรคพิษสุนัขบ้าที่จะเกิดกับคน
ทั้งนี้ หากเจ้าของสัตว์ควบคุมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 12
มาตรา 13 มาตรา 14 มาตรา 15 และมาตรา 16 อาจต้องได้รับโทษแล้วแต่กรณี
คู่มือสำ�หรับฝึกอบรม
- 25. 25
ภายใต้พระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535
เอกสารอ้างอิง
1. กรมควบคุมโรค, 2554. ชุดความรู้โรคพิษสุนัขบ้า, โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์
ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์, กรุงเทพฯ
2. ธนวรรษ เทียนสิน, 2541, คู่มือเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า, โรงพิมพ์
สิทธิประเสริฐ, กรุงเทพ
3. ประเสริฐ ทองเจริญ, 2523, หนังสือโรคพิษสุนัขบ้า, โรงพิมพ์อักษรสมัย, กรุงเทพฯ
4. ศูนย์โรคพิษสุนัขบ้า กรมปศุสัตว์, 2536. คู่มือการปฏิบัติงานโครงการป้องกันกำ�จัดโรคพิษ
สุนัขบ้า 2536
5. กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค, 2561, คู่มือการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคพิษ
สุนัขบ้าในสัตว์สำ�หรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, สำ�นักพิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์, กรุงเทพฯ
6. สำ�นักควบคุมป้องกัน และบำ�บัดโรคสัตว์ กรมปศุสัตว์, 2559, ระบบสารสนเทศเพื่อการ
เฝ้าระวังโรคพิษสุนัขบ้า (Thai Rabies Net), Available:
http://www.thairabies.net. Date: 2016, November 28
7. สำ�นักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค, 2559, รายงานโรคในระบบรายงาน 506, Available:
http://www.boe.moph.go.th/boedb/surdata/506wk/y59/d42_4559.pdf. Date: 2016,
November 28
8. อมรพรรณ จัตุชัย, 2556, การจับบังคับสัตว์, วารสารโรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัย
เกษตรศาสตร์ หนองโพ, ครั้งที่ 9 Available:
http://vetnp.vet.ku.ac.th/attachments/260_%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8
%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%20KM%20%20%E0%B8%81%E0%B
8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8
%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%
B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B
7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99.
pdf. Date: 2016, November 30
9. Catherine M. B., Sally S., Paul E., Tom J.S., Faye E.S., 2016, Compendium
of Animal Rabies Prevention and Control, JAVMA, Vol 248, no.5.page505-517
10. Human Society Veterinary Medical Association, 2016, Physical Restraint
of Dog and Cat, Available: http://www.ruralareavet.org/PDF/Animal_Handling-Physical_
Restraint.pdf. Date: 2016, November 30