SlideShare a Scribd company logo
1 of 2
Download to read offline
หน่ วยที 2 การอ่ านภาษาของสือ
           เรามักคิดว่าเนือหานันหมายถึง สิงทีเชียนออกมา หรื อพิมพ์ออกมาเป็ นสัญลักษณ์ อกษร แต่ในการ
                                                                                        ั
รู้ เท่าทันสือ เนือหา หมายถึง ผลผลิตของสือ เช่น รายการโทรทัศน์ ภาพถ่าย วิดีโอ พาดหัวข่าว โฆษณา
วิดีโอเกม เว็บไซต์ เป็ นต้ น เนือหาก็คือ สิงทีสือนําเสนอนันเอง
           ดังนัน เนือหาสาระของสือจึงเป็ นเปาหมายหลักในการทําความเข้ าใจว่า ภาษาของสือ การทีจะ
                                                ้
เข้ าใจถึงความหมายของสือทีสือนําเสนอออกมาได้ เราต้ องอาศัยการถอดรหัส (Code) เข้ าช่วยในการรู้ เท่า
ทันสือเป็ นเครื องมือทีมีประโยชน์มากในการจําแนกโครงสร้ างของเนือหา รวมถึงช่วยให้ เช่าใจความหมายที
ซ่อนอยู่ในเนือหา และต้ องเข้ าใจด้ วยว่าเนือหานันๆ ไม่มีความหมายตายตัว การตีความหมายขึนอยู่กับ
พืนฐานทางสังคมและวัฒนธรรมของผู้รับสือทีจะทําให้ เกิดความหมายขึน
           รหัสของภาษา (Code) คือ ระบบไวยากรณ์ ตัวอักษรรวมกันเป็ นคํา หลายๆ คํารวมกันประโยค
หลายๆ ประโยคก็เป็ นเรื องราว เราเข้ าใจข้ อความต่างๆ ทีเราอ่านได้ ก็เพราะเราเข้ าใจรหัสของภาษานันเอง
แต่เนือหามีหลายหลายรูปแบบและหลากหลายสไตล์ รหัสทีใช้ สร้ างความหมายจึงหลายหลายตามไปด้ วย
เนื อหาใช้ รหัสหลายอย่าง เช่น ภาพ เสียง ข้ อความ การแต่งกาย รหัสสี รหัสที เป็ นอวัจ นภาษา (สี หน้ า
ท่าทาง รอยยิม เป็ นต้ น) และรหัสทางเทคนิคทีสือนํามาประกอบกันให้ ลงตัวเหมาะสมเพือให้ ได้ ความหมาย
ทีชัดเจน
                รหัสการแต่ งกาย สัมพันธ์ กบการแต่งกายตามกาลเทศะหรื อตามสถานการณ์ เช่น ผู้คนทีใส่
                                             ั
ชุดสําหรับงานกลางคืน เรามักจะคิดว่าเขาเหล่านันคงจะรํ ารวยหรู หราและดูเป็ นผู้ใหญ่
                รหัสสี แตกต่างกันไปตามวัฒนธรรม ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศไทย สีดําเป็ นสีทีใช้ สําหรับไว้
ทุกข์ แต่ในประเทศจีนจะไว้ ทกข์ด้วยสีขาว ส่วนสีแดงก็มีความหมายหลายอย่างขึนอยู่กบการนําไปใช้ และ
                                ุ                                                    ั
องค์ประกอบแวดล้ อมอืนๆ สีแดงของสัญญาณไฟจราจร หมายถึง หยุด สีแดงยังอาจใช้ เพือหมายถึงความ
ตืนเต้ น ความมีพลัง ในแฟชันผู้หญิ ง สีแดงหมายถึง ความมันใจและมีเสน่ห์ดึงดูด ผู้หญิ งจึงมักแต่งกาย
ด้ วยสีแดง ทาลิปสติกสีแดง หรือท่าเล็บสีแดง เพือแสดงออกถึงบุคลิกภาพบางอย่าง
                รหัสทีเป็ นอวัจนภาษา มักเป็ นภาษากาย ซึงแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรม บางประเทศใช้
การจับมือแสดงการทักทาย บางสังคมทักทายด้ วยการจูบ การเอาแก้ มชนกันในประเทศไทยใช้ การไหว้ เพือ
แสดงการทัก ทายแงะแสดงความเคารพ สํ าหรั บ เนือหา อวัจนภาษายังรวมถึงการแสดงสี หน้ า ท่าทาง
นําเสียง ระยะห่างอีกด้ วย
                รหัสทางเทคนิ คสั มพันธ์ กับวิธีก ารผลิต และการใช้ สือ เช่นการถ่ายภาพจากมุมสูงให้
อารมณ์ เหมือนกับเป็ นการมองจากเบืองบน การถ่ายภาพตึกโดยการแหงนกล้ องขึนให้ ความรู้ สึกยิงใหญ่
แข็งแรง เป็ นต้ น
ความหมายโดยตรง และความหมายโดยนัย
               การตีความมี 2 ขันตอน คือ ขันแรกเป็ น การตีความหมายโดยตรง คือจากสิงทีแสดงออกมา
ชัด เจน เข้ า ใจไดโดยไม่ต้ องคาดเดา ส่ วนการตี ความหมายโดยนัย ต้ อ งใช้ ประสบการณ์ ของผู้อ่าน ผู้
ตีความหมายจะเพิมข้ อมูลของตนลงไป และพยายามบอกว่าสารทีรับนันหมายถึงอะไร

More Related Content

Similar to Mil chapter 1_3(2)

9789740329787
97897403297879789740329787
9789740329787CUPress
 
ธรรมชาติของภาษา
ธรรมชาติของภาษาธรรมชาติของภาษา
ธรรมชาติของภาษาwattanaka
 
ธรรมชาติของภาษา
ธรรมชาติของภาษาธรรมชาติของภาษา
ธรรมชาติของภาษาwattanaka
 
3 การใช้ทักษะทางภาษาสื่อสารเพื่อพัฒนาตนเอง(74-103)
3 การใช้ทักษะทางภาษาสื่อสารเพื่อพัฒนาตนเอง(74-103)3 การใช้ทักษะทางภาษาสื่อสารเพื่อพัฒนาตนเอง(74-103)
3 การใช้ทักษะทางภาษาสื่อสารเพื่อพัฒนาตนเอง(74-103)อัมพร ศรีพิทักษ์
 
6 การพูดเพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน(188-208)
6 การพูดเพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน(188-208)6 การพูดเพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน(188-208)
6 การพูดเพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน(188-208)อัมพร ศรีพิทักษ์
 
ธรรมชาติของภาษา
ธรรมชาติของภาษาธรรมชาติของภาษา
ธรรมชาติของภาษาkingkarn somchit
 
ทักษะการใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร
ทักษะการใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสารทักษะการใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร
ทักษะการใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสารSimilun_maya
 
คำทับศัพท์
คำทับศัพท์คำทับศัพท์
คำทับศัพท์phornphan1111
 
คำทับศัพท์
คำทับศัพท์คำทับศัพท์
คำทับศัพท์phornphan1111
 

Similar to Mil chapter 1_3(2) (20)

1 ธรรมชาติและพลังของภาษาไทย(5-34)
1 ธรรมชาติและพลังของภาษาไทย(5-34)1 ธรรมชาติและพลังของภาษาไทย(5-34)
1 ธรรมชาติและพลังของภาษาไทย(5-34)
 
9789740329787
97897403297879789740329787
9789740329787
 
ธรรมชาติของภาษา
ธรรมชาติของภาษาธรรมชาติของภาษา
ธรรมชาติของภาษา
 
ธรรมชาติของภาษา
ธรรมชาติของภาษาธรรมชาติของภาษา
ธรรมชาติของภาษา
 
การเขียน 1
การเขียน  1การเขียน  1
การเขียน 1
 
การเขียน 1
การเขียน  1การเขียน  1
การเขียน 1
 
การเขียน 1
การเขียน  1การเขียน  1
การเขียน 1
 
การเขียน 1
การเขียน  1การเขียน  1
การเขียน 1
 
การเขียน
การเขียนการเขียน
การเขียน
 
Tha203 3
Tha203 3Tha203 3
Tha203 3
 
ภาษาถิ่นตะโหมด
ภาษาถิ่นตะโหมดภาษาถิ่นตะโหมด
ภาษาถิ่นตะโหมด
 
ภาษาไทย ปลาย
ภาษาไทย ปลายภาษาไทย ปลาย
ภาษาไทย ปลาย
 
Mil chapter 1_3(1)
Mil chapter 1_3(1)Mil chapter 1_3(1)
Mil chapter 1_3(1)
 
3 การใช้ทักษะทางภาษาสื่อสารเพื่อพัฒนาตนเอง(74-103)
3 การใช้ทักษะทางภาษาสื่อสารเพื่อพัฒนาตนเอง(74-103)3 การใช้ทักษะทางภาษาสื่อสารเพื่อพัฒนาตนเอง(74-103)
3 การใช้ทักษะทางภาษาสื่อสารเพื่อพัฒนาตนเอง(74-103)
 
6 การพูดเพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน(188-208)
6 การพูดเพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน(188-208)6 การพูดเพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน(188-208)
6 การพูดเพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน(188-208)
 
ธรรมชาติของภาษา
ธรรมชาติของภาษาธรรมชาติของภาษา
ธรรมชาติของภาษา
 
Concept VS Theme
Concept VS ThemeConcept VS Theme
Concept VS Theme
 
ทักษะการใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร
ทักษะการใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสารทักษะการใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร
ทักษะการใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร
 
คำทับศัพท์
คำทับศัพท์คำทับศัพท์
คำทับศัพท์
 
คำทับศัพท์
คำทับศัพท์คำทับศัพท์
คำทับศัพท์
 

Mil chapter 1_3(2)

  • 1. หน่ วยที 2 การอ่ านภาษาของสือ เรามักคิดว่าเนือหานันหมายถึง สิงทีเชียนออกมา หรื อพิมพ์ออกมาเป็ นสัญลักษณ์ อกษร แต่ในการ ั รู้ เท่าทันสือ เนือหา หมายถึง ผลผลิตของสือ เช่น รายการโทรทัศน์ ภาพถ่าย วิดีโอ พาดหัวข่าว โฆษณา วิดีโอเกม เว็บไซต์ เป็ นต้ น เนือหาก็คือ สิงทีสือนําเสนอนันเอง ดังนัน เนือหาสาระของสือจึงเป็ นเปาหมายหลักในการทําความเข้ าใจว่า ภาษาของสือ การทีจะ ้ เข้ าใจถึงความหมายของสือทีสือนําเสนอออกมาได้ เราต้ องอาศัยการถอดรหัส (Code) เข้ าช่วยในการรู้ เท่า ทันสือเป็ นเครื องมือทีมีประโยชน์มากในการจําแนกโครงสร้ างของเนือหา รวมถึงช่วยให้ เช่าใจความหมายที ซ่อนอยู่ในเนือหา และต้ องเข้ าใจด้ วยว่าเนือหานันๆ ไม่มีความหมายตายตัว การตีความหมายขึนอยู่กับ พืนฐานทางสังคมและวัฒนธรรมของผู้รับสือทีจะทําให้ เกิดความหมายขึน รหัสของภาษา (Code) คือ ระบบไวยากรณ์ ตัวอักษรรวมกันเป็ นคํา หลายๆ คํารวมกันประโยค หลายๆ ประโยคก็เป็ นเรื องราว เราเข้ าใจข้ อความต่างๆ ทีเราอ่านได้ ก็เพราะเราเข้ าใจรหัสของภาษานันเอง แต่เนือหามีหลายหลายรูปแบบและหลากหลายสไตล์ รหัสทีใช้ สร้ างความหมายจึงหลายหลายตามไปด้ วย เนื อหาใช้ รหัสหลายอย่าง เช่น ภาพ เสียง ข้ อความ การแต่งกาย รหัสสี รหัสที เป็ นอวัจ นภาษา (สี หน้ า ท่าทาง รอยยิม เป็ นต้ น) และรหัสทางเทคนิคทีสือนํามาประกอบกันให้ ลงตัวเหมาะสมเพือให้ ได้ ความหมาย ทีชัดเจน รหัสการแต่ งกาย สัมพันธ์ กบการแต่งกายตามกาลเทศะหรื อตามสถานการณ์ เช่น ผู้คนทีใส่ ั ชุดสําหรับงานกลางคืน เรามักจะคิดว่าเขาเหล่านันคงจะรํ ารวยหรู หราและดูเป็ นผู้ใหญ่ รหัสสี แตกต่างกันไปตามวัฒนธรรม ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศไทย สีดําเป็ นสีทีใช้ สําหรับไว้ ทุกข์ แต่ในประเทศจีนจะไว้ ทกข์ด้วยสีขาว ส่วนสีแดงก็มีความหมายหลายอย่างขึนอยู่กบการนําไปใช้ และ ุ ั องค์ประกอบแวดล้ อมอืนๆ สีแดงของสัญญาณไฟจราจร หมายถึง หยุด สีแดงยังอาจใช้ เพือหมายถึงความ ตืนเต้ น ความมีพลัง ในแฟชันผู้หญิ ง สีแดงหมายถึง ความมันใจและมีเสน่ห์ดึงดูด ผู้หญิ งจึงมักแต่งกาย ด้ วยสีแดง ทาลิปสติกสีแดง หรือท่าเล็บสีแดง เพือแสดงออกถึงบุคลิกภาพบางอย่าง รหัสทีเป็ นอวัจนภาษา มักเป็ นภาษากาย ซึงแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรม บางประเทศใช้ การจับมือแสดงการทักทาย บางสังคมทักทายด้ วยการจูบ การเอาแก้ มชนกันในประเทศไทยใช้ การไหว้ เพือ แสดงการทัก ทายแงะแสดงความเคารพ สํ าหรั บ เนือหา อวัจนภาษายังรวมถึงการแสดงสี หน้ า ท่าทาง นําเสียง ระยะห่างอีกด้ วย รหัสทางเทคนิ คสั มพันธ์ กับวิธีก ารผลิต และการใช้ สือ เช่นการถ่ายภาพจากมุมสูงให้ อารมณ์ เหมือนกับเป็ นการมองจากเบืองบน การถ่ายภาพตึกโดยการแหงนกล้ องขึนให้ ความรู้ สึกยิงใหญ่ แข็งแรง เป็ นต้ น
  • 2. ความหมายโดยตรง และความหมายโดยนัย การตีความมี 2 ขันตอน คือ ขันแรกเป็ น การตีความหมายโดยตรง คือจากสิงทีแสดงออกมา ชัด เจน เข้ า ใจไดโดยไม่ต้ องคาดเดา ส่ วนการตี ความหมายโดยนัย ต้ อ งใช้ ประสบการณ์ ของผู้อ่าน ผู้ ตีความหมายจะเพิมข้ อมูลของตนลงไป และพยายามบอกว่าสารทีรับนันหมายถึงอะไร