More Related Content
More from NaCk Wanasanan (7)
K11
- 1. ใบงานที่ 11 เรื่อ ง กำา หนดและลำา ดับ ขั้น ตอนการปฏิบ ัต ิ
--------------------------------------------------------------
ให้นักเรียนเรียงลำาดับขั้นตอนการทำางาน จากกิจกรรมที่กำาหนดให้
ต่อไปนี้ (สามารถสืบค้นจากแหล่งเรียนรู้ได้)
1. การสำา รวจสภาพนำ้า ที่ค ูเ มือ ง
ขันที่ 1
้ เตรียมเครื่องมือที่ใช้ในสำารวจ ได้แก่
-ขวดพลาสติกใสก้นแบนขนาด 1 ลิตร ตัดปากขวดออก
-แผ่นวัดความขุ่นใส
-เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิ
ขันที่ 2
้ เดินทางไปที่คูเมือง ตำาแหน่งที่ 1 ด้านทิศเหนือด้วยรถ
จักรยานยนต์์พร้อมเครื่องมือสำารวจ
ขันที่ 3
้
สี
-ตักนำ้าใส่ขวดพลาสติกขนาด 1 ลิตร และบันทึกสีที่เห็นจากข้างขวด
กลิ่น
-ตักนำ้าขึ้นมาดม ลงความเห็นกันในกลุ่มว่ากลิ่นเป็นอย่างไร ( ถ้านำ้า
เหม็นมากจนได้กลิ่นจากริมฝั่ง ไม่ต้องตักขึ้นมา )
ความขุ่นใส
-วางแผ่นวัดความขุ่นใสไว้ที่ก้นขวดพลาสติกด้านใน
-ตักนำ้าจากลำาธารใส่จนเต็มขวด
-วางขวดไว้เฉยๆ ในร่มเงา รอให้นำ้านิ่ง
-เมื่อนำ้านิ่งก้มดูจากปากขวด และบันทึกหมายเลขสีจางที่สุดที่มองเห็น
บนแผ่นวัดความขุ่นใส
อุณหภูมิ
-ใช้ขวดพลาสติกตักนำ้ากลางลำาธาร แล้วนำาขึ้นมาบนฝั่ง
-จุ่มเทอร์โมมิเตอร์ลงไปประมาณ 20 วินาที บันทึกอุณหภูมินำ้า
2. การทำา ร่ม กระดาษสาที่บ ่อ สร้า ง
ขันที่ 1
้ เตรียมเครื่องมือ
ไม้เนื้ออ่อนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณ 2-2.5 นิ้ว
ไม้ไผ่(เป็นท่อนหรือปล้อง)
มีด
เชือก ด้ายดิบ
เข็มยาว
กระดาษสา
นำ้ามันตะโกหรือนำ้ายามมะค่า
- 2. นำ้า มัน ยางหรือ ที่ใ นปัจ จุบ ัน ใช้น ำ้า มัน บะหมื้อ
พู่กัน สีนำ้ามัน นำ้าสะอาด
ขันที่ 2
้ เดินทางไปที่สถานที่ที่จะทำา
ขันที่ 3
้
การทำาหัวร่มและตุ้มร่ม ตัดไม้เนื้ออ่อนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณ
2-2.5 นิ้วออกเป็นท่อน ๆ ให้ได้ความยาวพอประมาณ จากนั้นก็เจาะรู
ตรงกลางสำาหรับใส่คันร่มได้พอดี นำาท่อนไม้เนื้ออ่อนที่เจาะรูแล้วนี้ไป
กลึงตามแบบที่กำาหนด ซึ่งอาจจะเป็นแบบยอดแหลม ยอดป้าน มีชั้น
หลายชั้น หรืออื่น ๆ เสร้จแล้วจึงผ่าร่องตามจำานวนซี่ร่มที่ต้องการ
การทำาซี่ร่ม นำาไม้ไผ่ที่เตรียมไว้มาตัดออกเป็นท่อนหรือปล้อง
จากนั้นจึงค่อยตัดตามความยาวของซี่ร่มที่ต้องการ กล่าวคือ ถ้าเป็นซี่
ร่มยาวก็ต้องตัดให้ได้ความยามเท่าร่มที่จะทำา จากนั้นใช้มีดขูดผิวไม้ไผ่
ออกให้หมดทำาเครื่องหมายสำาหรับเจาะรู โดยใช้มีดปาดบนลำาไผ่ด้าน
บนให้เป็นแนวเดียวกันโดยตลอด
เมื่อทำาเครื่องหมายแล้วจึงผ่ากระบอกไม้ไผ่ออกเป็น 4 ส่วนเท่า ๆ
กัน จากนั้นก็ปาดเนื้อไม้ออกโดยปาดให้ทางปลายซี่มีลักษณะเรียวกว่า
ด้านบน แล้วเหลาเนื้อไม้ให้เรียบเท่ากันและจักหัวไม้ให้เป็นซี่ ๆ โดยใช้
มีด ให้ความหนาของแต่ละซีกราว 0.2 เซนติเมตร ฉีกไม้ออกเป็นซี่ จะ
ได้ซี่ร่มยาว ควรเหลาให้เรียบเสมอกันทุกชิ้น
เมื่อได้ซี่ร่มสั้นใช้วิธีเดียวกับการทำาซี่ร่มยาม แต่ใช้ไม้ไผ่ที่ยาม
ครึ่งหนึ่งของซี่ร่มยาว และไม่ต้องปาดเนื้อไม้ออกเพียงเหลาให้เรียวบาง
พอที่จะสอดเข้าร่องตุ้มร่มและรูตรงซี่ร่มยาวได้
ในการเจาะรูที่ซี่ร่มสั้นและซี่ร่มยาวนั้นใช้สว่านเจาะ ควรระวังให้
แนวรูที่เจาะเสมอกันทุกซี่ไม้ การประกอบส่วนต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
เริ่มต้นด้วยการร้อยมัดซี่ร่มเข้ากับหัวร่มและตุ้มร่ม โดยซี่ร่มยาวใช้ร้อย
ประกอบหัวร่ม ซี่ร่มสั้นใช้ร้อยประกอบตุ้มร่ม
วิธีการร้อยก็ทำาเหมือน ๆ กัน คือ ร้อยซี่ร่มด้วยด้ายดิบให้มี
ลักษณะเรียงกันเป็นตับ จากนั้นจึงนำาหัวร่มหรือต้มร่มที่ผ่าร่องเตรียมไว้
แล้วมาหักออก 1 ช่องสำาหรับผูกปมเชือก ใส่ซี่ร่มลงไปในหัวร่มและตุ้ม
ร่มช่องละ 1 ซี่ มัดด้ายดิบที่ร้อยให้แน่น แล้วใส่ต่อจนครบทุกช่อง เสร็จ
แล้วดึงปลายด้ายให้ตึงทั้งสองข้าง มัดให้แน่น และตัดเชือกให้เหลือ
ปลายข้างละ 1.5 เซนติเมตร
ขั้นตอบประกอบต่อไปเรียกว่า การร้อยดือ ที่ใช้สำาหรับร้อย
ประกอบซี่ร่มยาวที่มัดกับหัวร่ม และซี่ร่มสั้นที่มัดกับตุ้มร่มเข้าด้วยกัน
โดยใช้เข็มยาวร้อยด้ายระหว่างปลายซี่ร่มสั้นเข้ากับตรงกลางของปลาย
ซี่ร่มยาวที่เจาะรูเตรียมไว้จนครบทุกซี่ ให้เหลือด้ายแต่ละข้าวยาว
- 3. ประมาณ 7 เซนติเมตร ไว้สำาหรับผูกกับคันชั่วคราว การร้อยดือนี้ถือ
เป็นกลไกสำาคัญในการทำาให้ร่มกางออกและหุบเข้าได้
การผ่านโค้งร่ม คือ ขันตอนการพันเชือกบริเวณปลายซี่ร่มยาม
้
โดยนำาโครงร่มที่ผ่านการร้อยดือมาใส่คันร่มชั่วคราว จากนั้นจึงใสสลัก
ไม้ตรงหัวร่มให้แน่น กางโครงร่มออกให้ซี่ร่มโค้งลงพอดี ผูปลายด้ายที่
เหลือจากการร้อยซี่ร่มให้แน่น พยายามจัดช่องว่างระหว่างซี่ร่มให้เท่า
กัน ใช้ด้ายพันที่ปลายซี่ยาม พันวนจนครบทุกซี่และพันขึ้นรอบใหม่จน
ครบ 3 รอบ
การทำากระดาษปิดโครงร่ม นำาโครงร่มที่ผ่านขั้นตอนการผ่านโค้ง
ร่มแล้วปักลงบนหลักไม้ไผ่ เพื่อที่จะหมุนติดกระดาษได้ง่าย จากนั้นทา
นำ้ามันตะโกหรือนำ้ายามมะค่าลงตรงหลังซี่ร่มยาวให้ทั่ว ติดกระดาษสาที่
ตัดเป็นรูปวงกลมทาบลงไปบนโครง แล้วทานำ้ามันตะโกหรือนำ้ายางมค่า
ให้ชุ่ม ระวังอย่าให้เปียกแฉะจนเกินไป วางกระดาษสา (หรืออาจจะ
เป็นกระดาษชนิดอื์่นที่เป็นกระดาษอ่อน ซี่งที่บ่อสร้างกำาลังนิยมใช้
กระดาษจีนกัน) อีกแผ่นหนึ่งที่ตัดเป็นรูปวงกลมเตรียมไว้แล้วติดทับลง
ไปอีกชั้นหนึ่ง กระดาษจะติดเป็นเนื้อเดียวกัน หากกระดาษสา 2 แผ่นยัง
หนาไม่พอก็ติดทับลงไปอีกแผ่นก็ได้โดยใช้วิธีเดียวกัน เมื่อติดกระดาษ
สาทับกันจนได้ความหนาตามต้องการแล้ว ก็นำากระดาษสามาปิดทับเส้น
ด้ายที่พันรอบซี่ร่มยาวให้เรียบร้อยโดยทานำ้ายางลงไปด้วย จากนั้นจึง
ค่อยนำาไปผึ่งแดดตากลมจนแห้งสนิท
เมื่อกระดาษสาที่ปิดร่มแห้งสนิทแล้ว ก็ถึงขั้นตอนการหุบร่ม โดย
ดึงสลักไม้ที่สอดไว้ตรงหัวร่มออกแล้วค่อย ๆ ลดร่มลงทีละน้อย ใช้มือรีด
ตรงหลังซี่ร่มทุกซี่และจัดกลีบร่มให้พับไปในทางเดียวกัน แล้วใช้ห่วงรัด
ร่มรัดไว้ให้แน่น ทิ้งไว้สักพักก็กางร่มออก เพื่อทานำ้ามันตะโกอีกชั้นหนึ่ง
แล้วผึ่งแดดให้แห้งและหุดเก็บไว้อีกครั้ง
ต่อไปเป็นการทานำ้ามันยางหรือที่ในปัจจุบันใช้นำ้ามันบะหมื้อโดย
กางร่มออกอีกครั้งแล้วใช้ผ้าชุบนำ้ามันทาจนทั่วกระดาษปิดร่มทั้งด้านใน
และด้านนอก ควรระวังไม่ให้นำ้ามันที่ทานั้นชุ่มโชกจนเกินไป เพราะจะ
ทำาให้พื้นร่มไม่สวย เพียงทาให้ซืมทั่วกระดาษก็พอ เสร็จแล้วนำาไปตาก
แดดทิ้งไว้อีก 3 ชั่วโมง เมื่อตากจนแห้งแล้วก็หุบร่มเพื่อเตรียมใส่คันร่ม
ต่อไป การทานำ้ามันนี้ก็เพื่อให้ร่มสามารถกันนำ้าได้นั่นเอง
การทำาคันร่ม คันร่มจะมีขนาดยาวกว่าซี่ร่มยาวเล็กน้อย กล่าวคือ
เว้นให้ยาวกว่าซี่ร่มยาวให้มือสามารถจับถือได้พอดี หรืออาจยาวกว่า
นั้นอีกสักเล็กน้อยก็ได้ คันร่มส่วนใหญ่ใช้ไม้ไผ่ที่มีลำาต้นขนาดเล็ก หรือ
อาจใช้ไม้เนื้ออ่อนก็ได้ โดยที่คันร่มนี้จะต้องเจาะรูสำาหรับใส่ลวดสลัก
- 4. เพื่อใช้ยึดซี่ร่มไว้ด้วย ซึ่งลวดสลักนี้จะต้องอยู่ในตำาแหน่งระยะที่ตรงกับ
ตุ้มร่มเมื่อกางร่ม
การประกอบร่มที่ปิดกระดาษทับโครงเรียบร้อยแล้ว เริ่มต้นโดย
ถอดคับร่มชั่วคราวออกแล้วใส่คันร่มจริงลงไปในตำาแหน่งเดิม ให้ลวด
สลักอยู่ระยะตรงกับตุ้มร่มดังกล่าวไว้แล้ว ให้ตุ้มร่มอยู่บนสลักคันร่ม ลวด
สลักอยู่ในระยะที่ตรงกับตุ้มร่มให้กางอยู่โดยไม่เลื่อนหุบลง เมื่อใส่คันร่ม
แล้วต้องใช้ตะปูตอบที่หัวร่มจนทะลุถึงคันร่มเพื่อกันไม่ให้คันร่มเคลื่อนที่
จากนั้นก็ตัดปลายคันร่มที่โผล่ออกมาทางหัวร่มให้เรียบร้อย อาจกลึง
เพื่อเพิ่มความสวยงามก็ได้
การปิดหัวร่ม วัสดุที่นำามาปิดหัวร่มอาจใช้ใบลาน ใบตาล หรือ
กระดาษที่หนาสักหน่อย โดยนำามาตัดให้มีลักษณะเป็นปลอกไว้ที่หัวร่ม
ตัดกระดาษสาเป็นริ้วยาวพันรอบหัวร่ม 3-4 รอบ ทานำ้ามันตะโกทับแล้ว
พันกระดาษสาทับอีกครั้ง แล้วนำาไปตากแดดให้แห้ง เสร็จแล้วทานำ้ามัน
มะเดื่อตรงหัวร่มเพื่อให้กระดาษสาที่หุ้มอยู่มีความหนาเหนียวทนทาน
การเขียนลาย ใช้พู่กันจุ่มลงไปในสีนำ้ามันแล้วนำามาเขียน
ลวดลายต่าง ๆ ลงไป ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะใช้ความสามารถเฉพาะตัว
บวกกับความชำานาญ เขียนลายกันสด ๆ ไมต้องร่างหรือดูแบบเลย ร่ม
กระดาษสาในสมัยก่อนนิยมทาสีแดงและสีดำา ไม่มีการเขียนลายอย่าง
ปัจจุบัน ที่มีทั้งลายดอกไม้ ทิวทัศน์ต่าง ๆ สัตว์ต่าง ๆ อย่างนก มังกร
ฯลฯ
เมื่อสำาเร็จทุกขั้นตอนดังที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ก็เป็นอันเสร็จวิธีการ
ทำาร่มกระดาษสาบ่อสร้างที่ดูไปดูมากี่ตลบก็ยังคงมองเห็นความยากเย็น
แสนเข็ญซ่อนอยู่ ได้เห็นขั้นตอนวิธีทำาแล้วรู้สึกเห็นใจคนทำาจริง ๆ ยัง
ว่าการทำาร่มกระดาษสาบ่อสร้างทุกวันนี้ไม่ได้เป็นการทำางานเบ็ดเสร็จ
เหมือนแต่ก่อน กล่าวคือ ชาวบ้านบ่อสร้างมีหน้าที่ประกอบแต่ละส่วนเข้า
ด้วยกันให้เป็นร่มเท่านั้น เพราะอุปกรณ์แทบทุกชิ้นสั่งทำาสั้งซื้อจากที่อื่น
ดังได้ทราบกันไปแล้วในตอนอื่น ๆ จนมีคนรุ่นเก่า ๆ ของบ่อสร้าง
ปรารภว่า แต่ก่อนต้องทำาเองหมดทุกอย่าง คนรุ่นใหม่ ๆ ทำาโครงร่มกัน
แทบไม่เป็น คนดอยสะเก็ดก็จะทำาเป็นแต่โครงร่มอย่างอื่นก็ทำาไม่ได้
เหมือนกัน
3. การทำาไข่เค็ม
(ให้นักเรียนกำาหนดเอง 1 กิจกรรม)
ขันที่ 1
้ เตรียมเครื่องมือที่ใช้
1.ขวดโหลแก้ว
2.หม้ออลูมิเนียม
- 5. 3.ตะกร้า
4.กะละมัง
5.ไข่เป็ด
6.เกลือกับนำ้า
ขันที่ 2 เดินทางไปที่สถานที่ที่จะทำา
้
ขันที่ 3
้
1. ล้างไข่เป็ดให้สะอาดฟักไว้ให้แห้ง
2. ต้มเกลือกับนำ้าให้เดือด ยกลงกรองทิ้งไว้ให้เย็น
3. เรียงไข่เป็ดที่ล้างไว้ในขวดโหล ที่จะดอง เทนำ้าเกลือที่ต้มไว้ลงไปจน
ท่วมไข่ ใช้ไม้ขัดหรือถุงพลาสติกใส่นำ้า กดไข่ให้จมในนำ้าเกลือตลอด
เวลา ปิดฝาขวด เก็บไว้ประมาณ 2 สัปดาห์
4. นำามาต้มประมาณครึ่งชั่วโมง ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น นำามารับประทาน
ได้