19. สมการ
M (s) + ½ X2
(g) MX (s) , H = Hf
MX(s) M+
(g) + X-
(g)
M (s) + ½ X2
(g) M (g) + X(g)
S + ½ D
L
IE EA
Hf
Hf
= S + ½ D + IE + EA + L
20. Na (s) + ½ Cl2 (g) NaCl (s) , Hf = -410 kJ/mol
Na+ (g) + Cl- (g) NaCl (s)
Na (g) + Cl (g) Na (s) + ½ Cl2 (g)
Hf
L
S + ½ D
EA
IE
1 ผลึกโลหะโซเดียม ระเหิดกลายเป็นอะตอมของโลหะโซเดียมใน
สภาวะก๊าซ พลังงานที่ใช้คือ sublimation energy (S)
Na (s) Na (g) ; S = 109 kJ/mol
35. การเขียนสูตรสารประกอบโคเวเลนต์
1 เขียนสูตรสารประกอบโคเวเลนต์ เรียงตามหลักสากลคือ
Si, C ,Sb ,As ,P, N ,Te, S, At, I, Br, Cl, O, F
2 พิจารณาตามกฎออกเตต
ว่าแต่ละธาตุมีเวเลนอิเล็กตรอนที่ยังไม่ครบแปดอีกเท่าไหร่
3 จานวนอะตอมในสารประกอบหาได้จาก จานวนอิเล็กตรอนที่ต้องการเพิ่ม
ของแต่ละอะตอมแล้วจับคูณไขว้ เช่น
S กับ H
S มีเวเลนอิเล็กตรอน = 6 (รับเพิ่มอีก 2)
H มีเวเลนอิเล็กตรอน = 1 (รับเพิ่มอีก1)
H : S
1 2
H2
S
53. ใช้สัญลักษณ์พันธะไฮโดรเจนเป็นจุดประ ( ……..) โดยเขียน
ไว้ระหว่างอะตอมของธาตุที่เกิดพันธะไฮโดรเจน
เช่น พันธะไฮโดรเจนในโมเลกุล HF จะเขียนได้ดังนี้
H — F …………. H — F
พันธะไฮโดรเจน พันธะโคเวเลนต์
56. แรงแวนเดอร์วาลส์ แบ่งออกเป็น 3 ชนิด
1 แรงไดโพล – ไดโพล (dipole- dipole attraction)
เป็นแรงดึงดูดระหว่างโมกุลที่มีขั้วที่ถาวรอยู่แล้วทั้งสองโมเลกุล ซึ่ง
แรงดึงดูดจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพขั้ว
I-Cl I-Cl O
H H
H-Cl
dipole-diploe force
57. 2 แรงเหนี่ยวนา (Induce attraction)
เป็นแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลที่มีขั้วถาวรกับโมเลกุลไม่มีขั้ว โมเลกุล
มีขั้วจะเหนี่ยวนาโมเลกุลไม่มีขั้วให้เกิดสภาพขั้วขึ้น
O
H H
O O
induction force