More Related Content
More from Theerayut Ponman
More from Theerayut Ponman (20)
บทที่ 3
- 6. 3. รูปแบบของบูรณาการ
หลักสูตรบูรณาการเท่าที่มีอยู่ในเวลานี้มี 3 รูปแบบ
1. บูรณาการภายในหมวดวิชา
เราได้ทราบแล้วว่าหลักสูตรกว้างนั้นเป็นหลักสูตรที่ได้มี การนาเอาวิชาหลายๆ
วิชามารวมกันในลักษณะที่ผสมกลมกลืน แทนที่จะนาเอาเนื้อวิชามาเรียงลาดับกันเฉยๆ
2. บูรณาการ ภายในหัวข้อ และโครงการ หลายประเทศในเอเชียนิยมใช้
วิธีการแบบนี้คือการนาเอาความรู้ ทักษะและประสบการณ์ ของวิชาหรือหมวดวิชาตั้งแต่
สองวิชาหรือหมวดวิชาขึ้นไป มาผสมผสานกันในลักษณะที่เป็นหัวข้อหรือโครงการ
3. บูรณาการโดยการผสมผสานปัญหาและความต้องการของผู้เรียนและของ
สังคม หลักสูตรที่ใช้การผสมผสานแบบนี้ ความจริงก็มีรูปแบบเหมือนอย่างสองแบบ
แรกที่ได้กล่าวมาแล้วคืออาจผสมผสานภายในหมวดวิชาหรือภายในหัวข้อและโครงการ
ก็ได้
- 7. 2. หลักสูตรกว้าง
หลักสูตรกว้าง (The Broad-Field Curriculum) เป็นหลักสูตรอีก
แบบหนึ่งที่พยายามแก้ไขจุดอ่อนของหลักสูตรรายวิชา โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะ
ส่งเสริมการเรียนการสอนให้เป็นที่น่าสนใจและเร้าใจ ช่วยให้ผู้เรียนมีความ
เข้าใจและสามารถปรับตนให้เข้ากับสภาวะแวดล้อมได้เป็นอย่างดี รวมทั้งให้
มีพัฒนาการในด้านต่างๆ ทุกด้าน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือพยายามจะหนีจาก
หลักสูตรที่ยึดวิชาเป็นพื้นฐาน มีครูหรือผู้สอนเป็นผู้สั่งการแต่เพียงผู้เดี
- 8. 3. หลักสูตรประสบการณ์
หลักสูตรประสบการณ์ (The Experience Curriculum) เกิดขึ้นเพื่อ
แก้ปัญหาที่ว่าหลักสูตรเดิมที่ใช้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรรายวิชาหรือหลักสูตรกว้าง
ล้วนไม่ส่งเสริมให้ผู้เรียนสนใจและกระตือรือร้นในการเรียนเท่าที่ควร พื้นฐาน
ความคิดของหลักสูตรนี้มีมาตั้งแต่สมัยรุซโซ (Rousseau) และเพลโต (Plato)
แต่ได้นามาปฏิบัติจริงเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 นี้เองนับเป็นก้าวแรกที่ยึดเด็กหรือผู้เรียน
เป็นศูนย์กลาง
- 9. 4. หลักสูตรรายวิชา
หลักสูตรรายวิชา (The Subject Curriculum) เป็นหลักสูตรที่ใช้กันมา
แต่ดั้งเดิมไม่เฉพาะแต่ในยุโรปหรือสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ประเทศในเอเชียรวมทั้ง
ประเทศไทยก็ได้ใช้หลักสูตรแบบนี้มาแต่ต้น การที่เรียนกว่าหลักสูตรรายวิชาก็
เนื่องจากโครงสร้างของเนื้อหาวิชาในหลักสูตร จะถูกแยกออกจากกันเป็นรายวิชา
โดยไม่จาเป็นต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกันไม่ว่าในด้านเนื้อหาหรือการสอน สาหรับ
เนื้อหาที่คัดมาถือว่าเป็นเนื้อหาที่สาคัญและจาเป็นต่อการเรียนรู้ หลักสูตรของไทย
เราที่ยังเป็นหลักสูตรรายวิชา ได้แก่ หลักสูตรมัธยมและอุดมศึกษา แต่มีการ
ปรับปรุงโครงสร้าง โดยนาเอาระบบหน่วยกิตมาใช้
- 10. 5. หลักสูตรแกน
หลักสูตรแกน (The Core Curriculum) ถือกาเนิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาเมื่อ
ประมาณปี ค.ศ. 1900 ด้วยเหตุผลสองประการ คือ ความพยายามที่จะปลีกตัวออก
จากการเรียนที่ต้องแบ่งแยกวิชาออกเป็นรายวิชาย่อยๆ หรือพูดง่ายๆ ก็คือความ
พยายามที่จะให้หลุดพ้นจากการเป็นหลักสูตรรายวิชา ประการหนึ่ง และความพยายาม
ที่จะดึงเอาความต้องการและปัญหาของสังคมมาเป็นศูนย์กลางของหลักสูตร อีก
ประการหนึ่ง
แรกทีเดียวได้มีการนาเอาเนื้อหาของวิชาต่างๆ มารวมกันเข้าเป็นวิชา
กว้างๆ เรียกว่าหมวดวิชา ทาให้เกิดหลักสูตรแบบกว้างขึ้น แต่หลักสูตรนี้มิได้มีส่วน
สัมพันธ์กับปัญหาและความต้องการของสังคมมากนัก ดังนั้นจึงมีผู้คิดหลักสูตรแกน
เพื่อสนองจุดหมายที่ต้องการ
- 11. 6. หลักสูตรแฝง (Hidden Curriculum)
โรงเรียนโดยทั่วไปจะมีความสามารถและประสบความสาเร็จอย่างมาก
ในการสอนให้นักเรียนอ่านออก เขียนได้คิดเลขเป็นและมีความรู้อย่างดียิ่งใน
สาขาวิชาต่างๆ แต่สิ่งหนึ่งที่โรงเรียนได้ตระหนักและพยายามอย่างมาก แต่ไม่ค่อย
ประสบความสาเร็จหรืออาจจะเรียกได้ว่าล้มเหลวมาตลอดก็คือ การสอนคุณธรรม
จริยธรรม และความเป็นพลเมืองดีให้แก่นักเรียน เด็กเหล่านี้ได้รับการปลูกฝัง และ
อบรมสั่งสอนจากครูอย่างจริงจัง แต่พวกเขาก็ไม่ค่อยปฏิบัติตามสิ่งที่ครูสอนมากนัก
แม้จะมีนักเรียนบางคนประพฤติตนตามคาสอนของครูอย่างเคร่งครัด แต่เมื่อเขาออก
จากโรงเรียนไปแล้วก็เปลี่ยนพฤติกรรมและค่านิยมไปตามสังคมที่เรามองกันว่าไม่
เหมาะสม
- 12. 7. หลักสูตรสัมพันธ์วิชา
หลักสูตรสัมพันธ์วิชา (The CorrelatedCurriculum) เป็น
หลักสูตรรายวิชาที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ แรกทีเดียว
การแก้ไขข้อบกพร่องทาโดยการนาเอาเทคนิคการสอนใหม่ๆ มาใช้ เช่น ให้
ผู้เรียนร่วมในการวางแผนการเรียน และให้ผู้เรียนทากิจกรรมต่างๆ
นอกเหนือจากการท่องจา เพื่อให้ผู้เรียนรู้เนื้อหาที่ต้องการ ทั้งนี้เพื่อแก้
ข้อบกพร่องของหลักสูตรที่เน้นเรื่องผู้สอนเป็นผู้สั่งการหรือจุดศูนย์กลาง
ของการเรียนการสอน แต่การปรับปรุงด้านเทคนิคการสอนไม่ได้ช่วยแก้ไข
ข้อบกพร่องที่ว่า หลักสูตรรายวิชามีขอบเขตแคบเฉพาะวิชา และยังมี
ลักษณะแบ่งแยกเป็นส่วนย่อยๆ อีกด้วย
- 13. 8. หลักสูตรเกลียวสว่าน (Spiral Curriculum)
ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นเสมอในระหว่างผู้จัดทาหลักสูตรด้วยกันเอง
ได้แก่ ข้อสงสัยที่ว่าทาไมจึงต้องจัดหัวข้อเนื้อหาในเรื่องเดียวกันซ้าๆ กันอยู่เสมอ
ในเกือบทุกระดับชั้น แม้จะได้มีผู้พยายามกระทาตามความคิดที่จะจัดสรรเนื้อหา
ในแต่ละเรื่องหรือแต่ละหัวข้อให้จบในแต่ละระดับชั้น แต่ในทางปฏิบัติและใน
ข้อเท็จจริงยังกระทาไม่ได้ เนื่องจากว่าเนื้อหาหรือหัวข้อต่างๆ จะประกอบด้วย
ความกว้างและความลึก ซึ่งมีความยากง่ายไปตามเรื่องรายละเอียดของเนื้อหา
นักพัฒนาหลักสูตรยอมรับในปรากฏการณ์นี้และเรียกการจัดเนื้อหาเรื่องเดียวกัน
ไว้ในทุกระดับชั้นหรือหลายๆ ระดับชั้น แต่มีรายละเอียดและความยากง่าย
แตกต่างกันไปตามวัยของผู้เรียนว่า หลักสูตรเกลียวสว่าน
- 14. 9. หลักสูตรสูญ ( Null Curriculum)
หลักสูตรสูญหรือ Null Curriculum เป็นความคิดและคาที่บัญญัติขึ้นโดย
ไอส์เนอร์ (Eisner,1979)แห่งมหาวิทยาลัยแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา หลักสูตรสูญ
เป็นชื่อประเภทของสูตรที่ไม่แพร่หลาย และไม่เป็นที่รู้จักกันมากนักในระหว่างนัก
การศึกษา และนักพัฒนาหลักสูตรด้วยกัน
เขาได้นิยามหลักสูตรสูญว่า เป็นหลักสูตรที่ไม่ได้มีปรากฏอยู่ให้เห็นใน
แผนการเรียนรู้ และเป็นสิ่งที่โรงเรียนไม่ได้สอน
เขาได้อธิบายถึงความเชื่อของเขาในเรื่องนี้ว่าสิ่งที่ไม่ปรากฏอยู่ในตัว
หลักสูตรและสิ่งที่ครูไม่ได้โดยให้เหตุผลว่า ความรู้หรือการขาดสิ่งที่ควรจากรู้ไม่ได้
เป็นแต่เพียงความว่างเปล่าที่หลายคนอาจคิดว่าไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ใด
แต่โดยความเป็นจริงแล้ว การขาดความรู้ดังกล่าวย่อมมีผลกระทบที่สาคัญมาก