More Related Content
More from chanaporn sornnuwat
More from chanaporn sornnuwat (12)
กลุ่มที่ 15 เรื่องไดโนเสาร์
- 2. มนุษย์ค้นพบซากดึกดาบรรพ์ไดโนเสาร์มาเป็นเวลานับพันปีแล้ว
แต่ยังไม่มีผู้ใดเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเศษซากเหล่านี้เป็นของสัตว์
ชนิดใด และพากันคาดเดาไปต่าง ๆ นานา ชาวจีนมีความคิดว่านี่
คือกระดูกของมังกร ขณะที่ชาวยุโรปเชื่อว่านี่เป็นสิ่งหลงเหลือของ
สัตว์ที่สูญพันธุ์ไปเมื่อครั้งเกิดน้าท่วมโลกครั้งใหญ่ จนกระทั่งเมื่อมี
การค้นพบซากดึกดาบรรพ์ในปี ค.ศ. 1822 โดย กิเดียน แมนเทล
นักธรณีวิทยาชาวอังกฤษ ไดโนเสาร์ชนิดแรกของโลกจึงได้ถูกตั้งชื่อ
ขึ้นว่า อิกัวโนดอน เนื่องจากซากดึกดาบรรพ์นี้มีลักษณะละม้าย
คล้ายคลึงกับโครงกระดูกของตัวอิกัวนาในปัจจุบัน
สองปีต่อมา วิลเลียม บักแลนด์ (William Buckland)
ศาสตราจารย์ด้านธรณีวิทยา ประจามหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ก็ได้
เป็นคนแรกที่ตีพิมพ์ข้อเขียนอธิบายเกี่ยวกับไดโนเสาร์ในวารสาร
ทางวิทยาศาสตร์ โดยเป็นไดโนเสาร์ชนิด เมกะโลซอรัส บักแลนดี
(Megalosaurus bucklandii) และการศึกษาซากดึกดา
บรรรพ์ของสัตว์พวกกิ้งก่า ขนาดใหญ่นี้ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
เรื่อย ๆ จากนักวิทยาศาสตร์ทั้งในยุโรปและอเมริกา
จากนั้นในปี ค.ศ. 1842 เซอร์ ริชาร์ด โอเวน เห็นว่าซากดึกดาบรรพ์
ขนาดใหญ่ที่ถูกค้นพบมีลักษณะหลายอย่างร่วมกัน จึงได้บัญญัติคา
ว่า ไดโนเสาร์[1]
เพื่อจัดให้สัตว์เหล่านี้อยู่ในกลุ่มอนุกรมวิธาน
เดียวกัน นอกจากนี้ เซอร์ริชาร์ด โอเวน ยังได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์
ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ขึ้น ที่เซาท์เคนซิงตัน กรุงลอนดอน เพื่อ
แสดงซากดึกดาบรรพ์ไดโนเสาร์ รวมทั้งหลักฐานทางธรณีวิทยาและ
ชีววิทยาอื่น ๆ ที่ถูกค้นพบ โดยได้รับการสนับสนุนจากเจ้าชาย
อัลเบิร์ตแห่งแซกซ์-โคเบิร์ก-โกทา (Prince Albert of Saxe-
ดีเอ็นเอไดโนเสาร์
ในภาพยนตร์ Jurassic Park ทีมนักวิทยาศาสตร์สามารถสกัดเอา
ดีเอ็นเอออกมาจากยุงที่ฝังอยู่ในก้อนอาพันได้ ทว่าในโลกแห่งความ
เป็นจริง ปัจจุบันนักบรรพชีวินวิทยาพบฟอสซิลของแมลง และสัตว์ไม่
มีกระดูกสันหลังมากมายที่ถูกเก็บรักษาไว้่ในอาพัน (ในจานวนนี้รวม
ไปถึงหมัดโบราณจากยุคครีเตเชียสที่ดูดเลือดของไดโนเสาร์เข้าไป
เต็มท้องด้วย) แต่พวกเขายังไม่สามารถฟื้นคืนชีพไดโนเสาร์ให้กลับมา
เช่นภาพยนตร์ได้ แม้ว่าสิ่งที่พวกเขาพบจะไปไกลกว่าในหนังก็ตาม
เช่นในปี 2016 มีรายงานการค้นพบหางของไดโนเสาร์ในอาพัน ซึ่ง
ยังคงสภาพดีอยู่โดยประกอบด้วยผิวหนังและเส้นขน
อย่างไรก็ดีแม้ชิ้นส่วนนั้นๆ ของไดโนเสาร์จะถูกเก็บรักษาไว้ได้ดีแค่
ไหนภายในก้อนอาพันก็ตาม แต่โอกาสที่จะสกัดเอาดีเอ็นเอซึ่งยังคง
หลงเหลืออยู่นั้น แทบเป็นไปไม่ได้
“ดีเอ็นเอที่เก่าแก่ที่สุดที่เราเคยพบมีอายุเพียงหนึ่งล้านปี ฉะนั้น
เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างไดโนเสร์ขึ้นมาอีกครั้งแบบในหนัง” Susie
Maidment นักบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยธรรมชาติวิทยา
ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักรกล่าว
อย่างไรก็ตาม Maidment กล่าวเสริมว่าปัจจุบันมีการค้นพบว่า
โปรตีน และเนื้อเยื่อบางอย่างสามารถยังคงถูกเก็บรักษาไว้ได้ ฉะนั้น
จึงเป็นการด่วนสรุปเกินไปที่จะบอกว่านักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถสกัด
ดีเอ็นเอจากฟอสซิลของไดโนเสาร์ได้เลย