More Related Content
Similar to Original bandura
Similar to Original bandura (20)
More from Rorsed Mardra (18)
Original bandura
- 2. ทฤษฎีก ารเรีย นรู้ท างสัง คมเชิง
พุท ธิป ัญ ญา (Social Cognitive
Learning Theory)
ซึ่ง เป็น ทฤษฎีข องศาสตราจารย์บ น ดูร า แห่ง
ั
มหาวิท ยาลัย สแตนฟอร์ด (Stanford) ประเทศ
สหรัฐ อเมริก า บัน ดูร ามีค วามเชือ ว่า การเรีย นรู้
่
ของมนุษ ย์ส ว นมากเป็น การเรีย นรู้โ ดยการ
่
สัง เกตหรือ การเลีย นแบบ (Bandura ) จึง เรีย ก
การเรีย นรู้จ ากการสัง เกตว่า “การเรีย นรู้โ ดย
การสัง เกต” หรือ “การเลีย นแบบ” และ
เนื่อ งจากมนุษ ย์ม ป ฏิส ม พัน ธ์ กับ สิง แวดล้อ มที่
ี ั ่
อยู่ร อบ ๆ ตัว อยู่เ สมอ บัน ดูร าอธิบ ายว่า การ
เรีย นรู้เ กิด จากปฏิส ม พัน ธ์ร ะหว่า งผูเ รีย นและสิง
ั ้ ่
- 3. บัน ดูร า มีค วามเห็น ว่า ทั้ง
สิ่ง แวดล้อ ม และตัว ผูเ รีย นมี
้
ความสำา คัญ เท่า ๆ กัน บัน
ดูร ากล่า วว่า คนเรามี
ปฏิส ัม พัน ธ์ (Interact) กับ สิ่ง
แวดล้อ มที่อ ยู่ร อบๆ ตัว เราอยู่
เสมอการเรีย นรู้เ กิด จาก
- 4. ซึ่ง ทั้ง ผู้เ รีย นและสิ่ง แวดล้อ มมี
อิท ธิพ ลต่อ กัน และกัน พฤติก รรม
ของคนเราส่ว นมากจะเป็น การ
เรีย นรู้โ ดยการสัง เกต
(Observational Learning) หรือ
การเลีย นแบบจากตัว แบบ
(Modeling) สำา หรับ ตัว แบบไม่
จำา เป็น ต้อ งเป็น ตัว แบบที่ม ีช ีว ิต
เท่า นั้น แต่อ าจจะเป็น ตัว
สัญ ลัก ษณ์ เช่น ตัว แบบที่เ ห็น ใน
- 5. คุณ สมบัต ิข องผู้เ รีย นมีค วาม
สำา คัญ เช่น ผูเ รีย นจะต้อ งมี
้
ความสามารถที่จ ะรับ รู้ส ิ่ง
เร้า และสามารถสร้า งรหัส
หรือ กำา หนดสัญ ลัก ษณ์ข อง
สิ่ง ที่ส ัง เกตเก็บ ไว้ใ นความ
จำา ระยะยาว และสามารถ
เรีย กใช้ใ นขณะที่ผ ู้ส ัง เกต
- 6. บัน ดูร ากล่า วว่า การเรีย นรู้ท าง
สัง คมด้ว ยการรู้ค ิด จากการเลีย น
แบบมี 2 ขั้น คือ ขั้น แรกเป็น ขั้น
การได้ร ับ มาซึ่ง การเรีย นรู้
(Acquisition) ทำา ให้ส ามารถ
แสดงพฤติก รรมได้ ขั้น ที่ 2 เรีย ก
ว่า ขั้น การกระทำา (Performance)
ซึ่ง อาจจะกระทำา หรือ ไม่ก ระทำา
ก็ไ ด้ การแบ่ง ขั้น ของการเรีย นรู้
แบบนี้ท ำา ให้ท ฤษฎีก ารเรีย นรู้ข อง
บัน ดูร าแตกต่า งจากทฤษฎี
- 7. แผนผัง ที่ 2 ส่ว นประกอบของการ
เรีย นรู้ข ึ้น กับ การรับ มาซึ่ง การ
เรีย นรู้
จากแผนผัง จะเห็น ว่า ส่ว น
ประกอบทั้ง 3 อย่า ง ของการรับ
มาซึ่ง การเรีย นรู้เ ป็น กระบวนการ
ทางพุท ธิป ัญ ญา (Cognitive
Processes) ความใส่ใ จที่เ ลือ กสิง ่
เร้า มีบ ทบาทสำา คัญ ในการเลือ ก
ตัว แบบ
- 8. บัน ดูร า ได้อ ธิบ ายกระบวนการ
ที่ส ำา คัญ ในการเรีย นรู้โ ดยการ
สัง เกตหรือ การเรีย นรู้โ ดยตัว แบบ
ว่า มีท ั้ง หมด 4 อย่า งคือ
1. กระบวนการความใจใส่
(Attention)
2. กระบวนการจดจำา (Retention)
- 9. ความใส่ใ จของผู้เ รีย นเป็น สิ่ง
สำา คัญ มาก ถ้า ผู้เ รีย นไม่ม ี
ความใส่ใ จในการเรีย นรู้ โดย
การสัง เกตหรือ การเลีย นแบบ
ก็จ ะไม่เ กิด ขึ้น ดัง นั้น การ
เรีย นรู้แ บบนี้ค วามใส่ใ จจึง
เป็น สิ่ง แรกที่ผ ู้เ รีย นจะต้อ งมี
- 10. องค์ป ระกอบที่ส ำา คัญ ของตัว
แบบที่ม อ ิท ธิพ ลต่อ ความใส่ใ จ
ี
ของผู้เ รีย นมีห ลายอย่า ง เช่น
เป็น ผู้ท ี่ม เ กีย รติส ูง มีค วาม
ี
สามารถสูง หน้า ตาดี รวมทั้ง
การแต่ง ตัว การมีอ ำา นาจที่จ ะ
ให้ร างวัล หรือ ลงโทษ
- 11. คุณ ลัก ษณะของผูเ รีย นก็ม ีค วามสัม พัน ธ์
้
กับ กระบวนการใส่ใ จ ตัว อย่า งเช่น วัย
ของผู้เ รีย น ความสามารถทางด้า นพุท ธิ
ปัญ ญา ทัก ษะ
ทางการใช้ม ือ และส่ว นต่า ง ๆ ของ
ร่า งกาย รวมทั้ง ตัว แปรทางบุค ลิก ภาพ
ของผู้เ รีย น เช่น ความรู้ส ก ว่า ตนนั้น มี
ึ
ค่า (Self-Esteem) ความต้อ งการและ
ทัศ นคติข อง ผู้เ รีย น ตัว แปรเหล่า นี้ม ัก
จะเป็น สิ่ง จำา กัด ขอบเขตของการเรีย นรู้
โดยการสัง เกต ตัว อย่า งเช่น ถ้า ครู
ต้อ งการให้เ ด็ก วัย อนุบ าลเขีย น
- 12. บัน ดูร า อธิบ ายว่า การที่ผ ู้
เรีย นหรือ ผู้ส ัง เกตสามารถที่จ ะ
เลีย นแบบหรือ แสดงพฤติก รรม
เหมือ นตัว แบบได้ก เ ป็น เพราะผู้
็
เรีย นบัน ทึก สิ่ง ที่ต นสัง เกตจากตัว
แบบไว้ใ นความจำา ระยะยาว บัน
ดูร า พบว่า ผู้ส ัง เกตที่ส ามารถ
อธิบ ายพฤติก รรม หรือ การกระ
ทำา ของตัว แบบด้ว ยคำา พูด หรือ
- 13. หรือ ทำา งานอื่น ในขณะที่ด ูต ัว
แบบไปด้ว ย สรุป แล้ว ผู้ส ัง เกต
ที่ส ามารถระลึก ถึง สิ่ง ที่ส ัง เกต
เป็น ภาพพจน์ใ นใจ (Visual
Imagery) และสามารถเข้า
รหัส ด้ว ยคำา พูด หรือ ถ้อ ยคำา
(Verbal Coding) จะเป็น ผู้ท ี่
สามารถแสดงพฤติก รรมเลีย น
แบบจากตัว แบบได้แ ม้ว ่า เวลา
- 14. กระบวนการแสดง
พฤติก รรมเหมือ นตัว แบบ
เป็น กระบวนการที่ผ ู้เ รีย น
แปรสภาพ (Transform)
ภาพพจน์ (Visual Image)
หรือ สิ่ง ที่จ ำา ไว้เ ป็น การเข้า
รหัส เป็น ถ้อ ยคำา (Verbal
- 15. ปัจ จัย ที่ส ำา คัญ ของ
กระบวนการนีค ือ ความ้
พร้อ มทางด้า นร่า งกายและ
ทัก ษะทีจ ำา เป็น จะต้อ งใช้ใ น
่
การเลีย นแบบของผู้เ รีย น
ถ้า หากผู้เ รีย นไม่ม ค วาม
ี
พร้อ มก็จ ะไม่ส ามารถที่จ ะ
แสดงพฤติก รรมเลีย นแบบ
- 16. บัน ดูร า อธิบ ายว่า แรงจูง ใจของผู้
เรีย นที่จ ะแสดงพฤติก รรมเหมือ นตัว แบบที่
ตนสัง เกต เนื่อ งมาจากความคาดหวัง ว่า
การเลีย นแบบจะนำา ประโยชน์ม าใช้ เช่น
การได้ร ับ แรงเสริม หรือ รางวัล หรือ อาจจะ
นำา ประโยชน์บ างสิ่ง บางอย่า งมาให้ รวม
ทั้ง การคิด ว่า การแสดงพฤติก รรมเหมือ น
ตัว แบบจะทำา ให้ต นหลีก เลี่ย งปัญ หาได้ ใน
ห้อ งเรีย นเวลาครูใ ห้ร างวัล หรือ ลงโทษ
พฤติก รรมของนัก เรีย น คนใดคนหนึ่ง
- 17. และเป็น แรงจูง ใจให้ผ ู้
เรีย นแสดงพฤติก รรมหรือ
ไม่แ สดงพฤติก รรม เวลา
นัก เรีย นแสดงความ
ประพฤติด ี เช่น นัก เรีย น
คนหนึง ทำา การบ้า น
่
เรีย บร้อ ยถูก ต้อ งแล้ว ได้ร ับ
- 18. 1. ผู้เ รีย นจะต้อ งมีค วามใส่ใ จ
(Attention) ที่จ ะสัง เกตตัว แบบ ไม่ว ่า
เป็น การแสดงโดยตัว แบบจริง หรือ
ตัว แบบสัญ ลัก ษณ์ ถ้า เป็น การอธิบ ายด้ว ย
คำา พูด ผู้เ รีย นก็ต ้อ งตั้ง ใจฟัง และถ้า จะต้อ ง
อ่า นคำา อธิบ ายก็จ ะต้อ งมีค วามตั้ง ใจที่จ ะ
อ่า น
2. ผูเ รีย นจะต้อ งเข้า รหัส หรือ บัน ทึก สิ่ง
้
ที่ส ง เกตหรือ สิง ที่ร ับ รู้ไ ว้ใ นความจำา ระยะ
ั ่
ยาว
- 19. สรุป
การเรีย นรู้พ ฤติก รรมสำา คัญ
ต่า ง ๆ ทั้ง ที่เ สริม สร้า งสัง คม
(Prosocial Behavior) และ
พฤติก รรมที่เ ป็น ภัย ต่อ สัง คม
(Antisocial Behavior) ได้เ น้น
ความสำา คัญ ของการเรีย นรู้แ บบ
การสัง เกตหรือ เลีย นแบบจากตัว
แบบ ซึ่ง อาจจะเป็น ได้ท ั้ง ตัว บุค คล
จริง ๆ เช่น ครู เพื่อ น หรือ จาก
ภาพยนตร์โ ทรทัศ น์ การ์ต ูน หรือ
จากการอ่า นจากหนัง สือ ได้ การ
- 20. และขั้น การกระทำา ตัว แบบที่ม ี
อิท ธิพ ลต่อ พฤติก รรมของ
บุค คลมีท ั้ง ตัว แบบในชีว ิต จริง
และตัว แบบที่เ ป็น สัญ ลัก ษณ์
เพราะฉะนั้น พฤติก รรมของ
ผู้ใ หญ่ใ นครอบครัว โรงเรีย น
สถาบัน การศึก ษา และผู้น ำา ใน