SlideShare a Scribd company logo
1 of 32
Download to read offline
แนวคิดเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต
คำว่ำอินเทอร์เน็ต (Internet) เป็นคำย่อของ Internetwork หมำยถึง เครือข่ำยคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่
ที่สุดในโลก โดยเชื่อมโยงเครือข่ำยย่อยจำนวนมำกมำยมหำศำล นับตั้งแต่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ใช้
งำนภำยในบ้ำนและสำนักงำนไปจนถึงคอมพิวเตอร์ขนำดใหญ่แบบเมนเฟรมในโรงงำนอุตสำหกรรมและ
อินเทอร์เน็ตสำมำรถทำให้คนเรำสำมำรถติดต่อสื่อสำรกันได้อย่ำงรวดเร็วไม่ว่ำจะอยู่ส่วนใดของโลก แต่เดิมนั้น
อินเทอร์เน็ต เป็นเครือข่ำยที่ใช้ในกิจกำรทำงทหำร ของสหรัฐอเมริกำชื่อ อำร์พำเน็ต(ARPANET : Advanced
Research Projects Agency Network) ซึ่งเริ่มใช้ในกิจกำรเมื่อประมำณพ.ศ. 2512 คือ 39 ปีมำแล้ว
ภำยหลังมีมหำวิทยำลัยหลำยแห่งขอร่วมเครือข่ำย โดยเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์ของมหำวิทยำลัยกับ
เครือข่ำยดังกล่ำว เพื่อใช้ประโยชน์ในกำรศึกษำและกำรวิจัย ต่อมำเมื่อมีกำรใช้เทคนิคกำรสื่อสำรโต้ตอบที่
เรียกว่ำโพรโทคอล (protocol)แบบเฉพำะของอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่ำ Transmission Control Protocol/
Internet Protocol (TCP/IP)เครือข่ำยนี้จึงได้รับควำมนิยมต่อเนื่องและมีคอมพิวเตอร์มำเชื่อมโยงมำกขึ้น
จนกระทั่งกลำยเป็นเครือข่ำยระบบคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (สุพิชญำ เข็มทอง,2547)
ประเทศไทยเริ่มสนใจ และติดต่อกับอินเตอร์เน็ต ตั้งแต่ พ.ศ.2530 โดยมหำวิทยำลัยสงขลำนครินทร์(วิทยำเขต
หำดใหญ่) และสถำบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ซึ่งในปี พ.ศ.2531 วิทยำเขตดังกล่ำวนับเป็นที่อยู่ของอินเทอร์เน็ต
แห่งแรกของประเทศไทย โดยได้รับที่อยู่ (Address) ชื่อ sritrang.psu.th พ.ศ. 2534 เป็นปีที่มีกำรนำ
อินเทอร์เน็ตเข้ำมำอยู่ในประเทศไทยอย่ำงสมบูรณ์แบบโดยจุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย ได้เช่ำสำยเป็นสำย
ควำมเร็วสูงต่อเชื่อมกับเครือข่ำย UUNET ของบริษัทเอกชนที่รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกำ ต่อมำ
มหำวิทยำลัยมหิดล มหำวิทยำลัยเชียงใหม่สถำบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้ำ และมหำวิทยำลัยอัสสัมชัญ
บริหำรธุรกิจ ได้ขอเชื่อมต่อผ่ำนจุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย และเรียกเครือข่ำยนี้ว่ำ “ไทยเน็ต” (THAI net)
นับเป็นเกตเวย์ (Gateway)แรกสู่เครือข่ำยอินเทอร์เน็ตสำกลของประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2535 ศูนย์เทคโนโลยี
อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชำติ (NECTEC: National Electronic and Computer Technology
Centre) ได้จัดตั้งกลุ่มเครือข่ำยประกอบด้วยมหำวิทยำลัยอีกหลำยแห่ง เรียกว่ำ เครือข่ำย “ไทยสำร”
ต่อเชื่อมกับเครือข่ำย UUNETด้วยนับเป็นเกตเวย์สู่เครือข่ำยอินเทอร์เน็ตแห่งที่สอง (อธิปัตย์ คลี่สุนทร, 2542)
ประโยชน์โดยทั่วไปของอินเทอร์เน็ต อธิปัตย์ คลี่สุนทร (2542) ได้กล่ำวถึงประโยชน์โดยทั่วไปของอินเทอร์เน็ต
ว่ำอินเทอร์เน็ตเป็นระบบเครือข่ำยเปิดและสำมำรถติดต่อเชื่อมโยงตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นเรำจึงสำมำรเข้ำถึง
ข้อมูล ซึ่งประกอบด้วยข้อควำม ภำพ และเสียง ที่มีผู้นำเสนอไว้ได้โดยผ่ำนรูปแบบและเนื้อหำที่แตกต่ำงกัน
นอกจำกนั้นยังสำมำรถเป็นที่สื่อสำรแลกเปลี่ยนควำมรู้ประสบกำรณ์ แนวคิดที่หลำกหลำย อำทิ ด้ำนกำรเมือง
กำรอุตสำหกรรม กำรแพทย์ ศำสนำสิ่งแวดล้อม ดนตรี กีฬำ กำรค้ำ กำรท่องเที่ยว วัฒนธรรม เป็นต้น ซึ่ง
นอกจำกจะรวดเร็วแล้วยังประหยัดค่ำใช้จ่ำยอีกด้วย
ความหมายของเว็บไซต์
ควำมหมำยของเวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web) เวิลด์ไวด์เว็บ นิยมเรียกสั้นๆ ว่ำเว็บ หรือ WWW
ถือเป็นส่วนที่น่ำสนใจที่สุดบนอินเทอร์เน็ต เพรำะสำมำรถแสดงสำรสนเทศต่ำงๆ ได้หลำกหลำย เช่น นิตยสำร
หรือหนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ ข้อมูลด้ำนดนตรีกีฬำ กำรศึกษำ ซึ่งสำมำรถนำเสนอได้ทั้งภำพ เสียง รวมถึง
ภำพเคลื่อนไหว เช่นแฟ้มภำพวีดิทัศน์หรือตัวอย่ำงภำพยนตร์และกำรสืบค้นสำรสนเทศในเวิลด์ไวด์เว็บนั้น
จำเป็นต้องอำศัยโปรแกรมค้นดูเว็บ (web browser) ในกำรเข้ำถึงแหล่งข้อมูล โดยที่เว็บกับโปรแกรมค้นผ่ำน
จะทำหน้ำที่รวบรวมและกระจำยเอกสำรที่เครือข่ำยที่ทำไว้ โดยกิดำนันท์ มลิทอง (2540) ได้กล่ำวถึง
เวิลด์ไวด์เว็บว่ำ เป็นบริกำรสืบค้นสำรสนเทศที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตในระบบข้อควำมหลำยมิติ (hypertext) โดย
คลิกที่จุดเชื่อมโยง เพื่อเสนอหน้ำเอกสำรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องสำรสนเทศที่นำเสนอจะมีรูปแบบทั้งในลักษณะของ
ตัวอักษรภำพนิ่ง ภำพเคลื่อนไหว และเสียง
สำหรับคำว่ำเว็บไซต์ กิดำนันท์ มลิทอง (2542) ได้อธิบำยว่ำเว็บไซต์ก็คือแหล่งที่รวบรวมเว็บเพจ
จำนวนมำกมำยหลำยหน้ำในเรื่องเดียวกันมำรวมอยู่ด้วยกัน แต่สิ่งหนึ่งในกำรเสนอเรื่องรำวที่อยู่บนเว็บไซต์ที่
แตกต่ำงไปจำกโปรแกรมโทรทัศน์ เนื้อหำในนิตยสำร หรือหนังสือพิมพ์ เนื่องจำกกำรทำงำนบนเว็บจะไม่มีวัน
สิ้นสุด ทั้งนี้เนื่องจำกเรำสำมำรถเปลี่ยนแปลงและเพิ่มสำรสนเทศบนเว็บไซต์ได้ตลอดเวลำ และแต่ละเว็บเพจ
จะมีกำรเชื่อมโยงกันภำยในเว็บไซต์หรือไปยังเว็บไซต์อื่นๆเพื่อให้ผู้อ่ำนสำมำรถอ่ำนได้ในเวลำอันรวดเร็ว ซึ่ง
สอดคล้องกับนิรุธ อำนวยศิลป์ (2542) ซึ่งกล่ำวถึงเว็บไซต์ว่ำเป็นชื่อเรียก Host หรือ Server ที่ได้จดทะเบียน
อยู่ใน เวิลด์ไวด์เว็บ ซึ่งก็คือชื่อชื่อ Host ที่ถูกกำหนดให้มีชื่อในเวิลด์ไวด์เว็บ และขึ้นต้นด้วย http และมีโดเมน
หรือนำมสกุลเป็น .com, .net,.org หรืออื่นๆ
สำหรับควำมหมำยของคำว่ำเว็บเพจ (Web page) นั้น สำนักงำนเลขำนุกำรคณะกรรมกำรเทคโนโลยี
สำรสนเทศแห่งชำติ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชำติ (2540) ได้ให้ควำมหมำยของเว็บ
เพจไว้ดังนี้ เว็บเพจ คือหน้ำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์บนเว็บ ที่เจ้ำของเว็บเพจต้องกำรจะใส่ลงไปในหน้ำหนังสือ
อิเล็กทรอนิกส์นั้น เช่น ข้อมูลแนะนำตัวเองซึ่งอำจเป็นบุคคลหรือองค์กรที่ต้องกำรให้ผู้อื่นได้ทรำบ หรือข้อมูลที่
น่ำสนใจ เป็นต้น โดยที่ข้อมูลที่แสดงเป็นได้ทั้งข้อควำม เสียง ภำพนิ่ง และภำพเคลื่อนไหวและข้อมูลที่นำเสนอ
สำมำรถเชื่อมโยงในรูปของไฮเพอร์เท็กซ์ คือ เชื่อมโยงไปยังเว็บเพอื่นที่จะให้ข้อมูลนั้นๆ ในระดับลึกลงไปได้
เรื่อยๆและเว็บเพจจะต้องมีที่อยู่อิเล็กทรอนิกส์บนเครือข่ำยเฉพำะของตน ซึ่งแหล่งที่อยู่นี้เรียกว่ำ URL
(Uniform Resource Locator)
ส่วนอีกควำมหมำยหนึ่งของเว็บเพจ คือ รูปแบบกำรปฏิสัมพันธ์ของกำรสื่อสำรโดยใช้เครือข่ำย
คอมพิวเตอร์ โดยส่วนประกอบสำคัญของเว็บเพจมีสองส่วนคือ ส่วนที่เป็นปฏิสัมพันธ์ และส่วนที่เป็นสื่อ
ประสมสำหรับส่วนที่เป็นสื่อประสมนั้นจะประกอบไปด้วย ตัวอักษร เสียงภำพเคลื่อนไหว และแฟ้มวีดิทัศน์ซึ่ง
ทั้งหมดนี้จะประกอบกันเพื่อนำเสนอเนื้อหำ และในส่วนที่เป็นปฏิสัมพันธ์ เนื่องจำกผู้ใช้สำมำรถส่งข้อมูล หรือ
คำสั่งไปยังเว็บไซต์ที่ถูกควบคุมด้วยบริกำรเว็บอีกทอดหนึ่ง ในแต่ละเว็บเพจจะมีที่อยู่เว็บที่เรียกว่ำUniform
Resource Locator (URL) โดยที่อยู่เว็บ จะปรำกฏในช่อง Address (เป็นส่วนของกล่องข้อควำมและ drop-
down) ที่ส่วนบนของจอภำพโดยที่อยู่เว็บนั้นเปรียบเสมือนทำงผ่ำนบนอินเทอร์เน็ตเพื่อไปยังเว็บเพจที่ต้องกำร
เช่นเดียวกับกำรค้นหำแฟ้มต่ำงๆ ในคอมพิวเตอร์
การออกแบบและการพัฒนา
กระบวนการออกแบบหน้าเว็บไซต์ (Page design)
กำรออกแบบหน้ำเว็บไซต์เป็นขั้นตอนที่มีควำมสำคัญมำกขั้นตอนหนึ่ง เนื่องจำกเป็นตัวกลำงในกำร
นำเสนอเนื้อหำ ข้อมูลข่ำวสำร และวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ ทำหน้ำที่ดึงดูดควำมสนใจของผู้เข้ำชม สร้ำควำม
พึงพอใจให้แก่ผู้รับสำร รวมทั้งกำหนดรูปแบบของกำรปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้บริกำรอีกด้วย จำกกำรศึกษำข้อมูล
เบื้องต้น ผู้ศึกษำแบ่งกำรออกแบบเว็บไซต์เป็น 2 ส่วน คือ
1. กำรออกแบบกรำฟิกเพื่อปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้บริกำร (Graphic User Interface)
2. กำรออกแบบเทคโนโลยีกำรนำเสนอข้อมูลของเว็บไซต์
1. การออกแบบกราฟิกเพื่อปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้บริการ (Graphic User Interface)
กำรปฏิสัมพันธ์ คือ ระบบซึ่งผู้ใช้มีกำรควบคุมและตอบสนองต่อกำรสื่อสำร กรณีของกำรสื่อสำรใน
เว็บไซต์ผู้ใช้บริกำรควบคุมกำรท่องไปในเว็บไซต์ด้วยตนเอง โดยใช้งำน Interface ซึ่งเป็นส่วนประกอบต่ำงๆ
ในหน้ำเว็บไซต์ ประกอบด้วย 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ
1.1 ระบบเนวิเกชั่นหรือระบบนำทำง (Navigation System)
เป็นกำรออกแบบลักษณะของปุ่มเมนูเนวิเกชั่น (Navigation Menu) ตำแหน่งกำรจัดวำง รวมถึง
ลักษณะกำรเชื่อมโยงข้อมูลภำยในเว็บไซต์ รวมเรียกว่ำ ระบบเนวิเกชั่นหลัก (Main Navigation)
เนวิเกชั่นเมนู ประกอบด้วยกลุ่มลิงค์ต่ำงๆ รวมกันอยู่ในบริเวณหนึ่งของหน้ำเว็บทำหน้ำที่นำเสนอ
วิธีกำรท่องเว็บไซต์ด้วยเส้นทำงต่ำงๆ กัน ระบบเนวิเกชั่นหลักที่นิยมมี 2 แบบ คือ
a. ระบบเนวิเกชั่นแบบลำดับชั้น (Hierarchical) ซึ่งเป็นเนวิเกชั่นแบบพื้นฐำน เป็นกำรเชื่อมโยง
ข้อมูลแบบรำกต้นไม้ จำกหน้ำหลักไปยังหน้ำย่อยๆ ถัดลงไป หรือย้อนกลับขึ้นมำตำมลำดับชั้น ทำให้กำร
เคลื่อนที่ในเว็บไซต์เป็นแนวตั้ง ไม่คล่องตัว ต้องอำศัยระบบเนวิเกชั่นเสริม เช่น ระบบเนวิเกชั่นแบบโลคอล
(Local) หรือระบบเนวิเกชั่นเฉพำะที่ ซึ่งมีลักษณะเป็นภำพ (Hyperlink) หรือข้อควำมแบบไฮเปอร์เท็กซ์
(Hypertext) ช่วยลิงค์ไปยังหน้ำอื่นๆ ที่ไม่ได้เชื่อมโยงกันด้วยระบบเนวิกชั่นหลัก
b. ระบบเนวิเกชั่นแบบโกลบอล (Global) หรือเชื่อมโยงแบบอิสระ (Referential) เป็นกำรลิงค์
ข้อมูล แบบอิสระทำให้สำมำรถเคลื่อนที่ได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนอย่ำงมีประสิทธิ ภำพตลอดทั่วทั้งเว็บไซต์
1.2 เนวิเกชั่นเมนูมีหลำยประเภท ทำหน้ำที่แสดงหัวข้อย่อยของเนื้อหำภำยในเว็บไซต์ เพื่อเชื่อมโยง
ไปยังเว็บเพจนั้นๆ รูปแบบที่นิยมใช้ทั่วไป เช่น
a. เนวิเกชั่นแบบแถบ (Navigation Bar) มีลักษณะเป็นแถบแสดงรำยกำรย่อย ซึ่งมักแสดง
หัวข้อเรียงกันในแนวตั้งหรือแนวนอน มีข้อดีคือ ใช้งำนง่ำย แต่ไม่เหมำะกับเว็บไซต์ที่มีหัวข้อจำนวนมำก
เพรำะเปลืองพื้นที่
b. Pull-down Menu มีลักษณะเป็นแถบที่มีช่องแสดงรำยกำรย่อย โดยรำยกำรย่อยจะเลื่อนลง
มำเมื่อคลิกลูกศรลงมีข้อดีคือ แสดงรำยกำรย่อยได้มำก ประหยัดพื้นที่เหมำะกับข้อมูลประเภทเดียวกันจำนวน
มำก เช่น ชื่อจังหวัด ภำษำ แต่ไม่เหมำะกับข้อมูลต่ำงประเภทกัน
c. Pop-up Menu มีลักษณะเป็นแถบแสดงรำยกำรย่อย ที่จะปรำกฎขึ้นมำเมื่อใช้เมำส์ชี้ หรือ
วำงเหนือตำแหน่งรำยกำรหลัก สร้ำงด้วยกำรเขียนคำสั่ง Java Script มีข้อดีคือประหยัดพื้นที่
d. Frame-based มีลักษณะเป็นแถบแสดงรำยกำรย่อย คล้ำยเนวิเกชั่นแบบแถบแต่มีกำรแบ่ง
เว็บเพจออกเป็นส่วนๆ แต่ละส่วนเรียกว่ำ เฟรม แถบเนวิเกชั่นจะอยู่คนละเฟรมกับเนื้อหำ ทำให้ไม่ว่ำจะลิงค์
ไปยังหัวข้อไหนก็ตำม ก็จะมีกำรเปลี่ยนแปลงแค่เฟรมที่เป็นเนื้อหำเท่ำนั้น เฟรมที่เป็นแถบแสดงรำยกำรย่อย
จะยังคงเหลือเดิม มีข้อดีคือ มีควำมสม่ำเสมอ แต่จะแสดงผล URL ไม่ถูกต้อง ทำให้ไม่สำมำรถ Bookmark ได้
ใช้กำรออกแบบที่ซับซ้อน และพื้นที่แสดงข้อมูลน้อยลง
เนวิเกชั่นที่นิยมใช้มีหลำยลักษณะ อำจเป็นตัวหนังสือ ปุ่มกรำฟิก หรือสัญรูป (Icon) ซึ่งเป็นภำพสื่อ
ควำมหมำยของหัวข้อหลัก ๆ ซึ่งไอคอนและปุ่มกรำฟิกมีข้อดี คือ สำมำรถดึงดูดควำมสนใจได้ดีกว่ำตัวอักษร
แต่ทำกำรแสดงผลหน้ำเว็บช้ำลง และอำจสื่อควำมหมำยได้ไม่ชัดเจนเท่ำแบบตัวอักษร ซึ่งมีข้อดีคือ แสดงผล
เร็ว สื่อควำมหมำยได้ดี และสำมำรถเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมรำยกำรในเมนูได้ง่ำยกว่ำ
ไอคอนที่ดีจะต้องจำได้ง่ำย สื่อควำมหมำยชัดเจน ทำได้โดยกำรใช้สัญลักษณ์ที่ผู้ใช้คุ้นเคยและไม่ควร
ใช้สีมำกกว่ำ 2 สี จำนวนของไอคอนควรพิจำรณำใช้ตำมควำมจำเป็นในกำรใช้งำน โดยจัดกลุ่มไอคอนแยก
ต่ำงหำกจำกเนวิเกชั่นเมนู สำหรับกำรใช้เนวิเกชั่นเมนูแบบตัวอักษรนั้น ควรเลือกใช้คำสั้นกระชับ แต่ได้
ใจควำมชัดเจน
ตำแหน่งกำรจัดวำงเนวิเกชั่นเมนูขึ้นอยู่กับระบบเนวิเกชั่นที่ใช้ เนวิเกชั่นแบบเชื่อมโยงอิสระควรวำงไว้
ตำแหน่งบนสุด หรือด้ำนซ้ำย ซึ่งผู้ใช้จะมองเห็นได้ก่อน เนื่องจำกรูปแบบกำรมอง (Viewing Pattern) ของ
ผู้อ่ำน จะเป็นแนวจำกซ้ำยไปขวำและจำกบนลงล่ำง ถ้ำเป็นเนวิเกชั่นแบบโลคอล ควรมีลิงค์ไปยังหน้ำแรกใน
ทุกๆ เว็บเพจ และอยู่ในตำแหน่เดียวกันทุกหน้ำ ซึ่งอำจเป็นด้ำนล่ำงสุดของทุกหน้ำก็ได้
นอกจำกนี้ยังมีระบบเนวิเกชั่นเสริม (Supplement Navigation) เพื่อเพิ่มควำมสะดวกในกำรใช้งำน
เว็บไซต์ แต่ไม่สำมำรถใช้แทนระบบเนวิเกชั่นหลักได้ เช่น ระบบสำรบัญ (Table of Contents)เป็นสิ่งที่ผู้ใช้
ส่วนใหญ่คุ้นเคย เนื่องจำกลักษณะเหมือนสำรบัญในหนังสือ ระบบดัชนี (Index System) คือ แบ่งข้อมูลตำม
ตัวอักษณแรกของคำ แผนที่เว็บไซต์ (Site Map) แสดงโครงสร้ำงข้อมูลแบบกรำฟิก เพื่อควำมสวยงำม
ระบบเนวิเกชั่นที่มีประสิทธิภำพควรมีคุณสมบัติ ดังนี้
1. สำมำรถเข้ำใจวิธีกำรใช้งำนได้ง่ำย เพรำะหำกผู้ใช้บริกำรต้องใช้เวลำนำนในกำรทำควำม
เข้ำใจระบบเนวิเกชั่น จะมีควำมพยำยำมในกำรติดตำมเนื้อหำน้อยลง และอำจไม่กลับเข้ำมำใช้บริกำรอีก
2. เป็น Interface Famity คือ ระบบเนวิเกชั่นที่มีควำมสม่ำเสมอตลอดทั้งเว็บไซต์ ทั้งลักษณะ
รูปร่ำงหน้ำตำ ตำแหน่งกำรจัดวำง จำนวนรำยกำรในเมนู และลำดับของรำยกำร
3. มีกำรตอบสนองต่อผู้ใช้โดยมีกำรแสดงตำแหน่งปัจจุบันของผู้ใช้ด้วยกำรเปลี่ยนแปลงสี หรือ
ลักษณะของรำยกำรปัจจุบันให้ต่ำงไปจำกรำยกำรอื่นๆ ในเมนู และบ่งชี้ให้เห็นว่ำหน้ำไหนที่ได้เข้ำไปชมแล้ว
โดยกำหนดสีของลิงค์ที่คลิกแล้ว ให้ต่ำงจำกลิงค์ที่ยังไม่ได้คลิก
4. มีควำมพร้อมและเหมำะสมในกำรใช้งำน โดยเนวิเกชั่นต้องอยู่ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจน และ
เสนอทำงเลือกที่ผู้ใช้น่ำจะต้องกำรเมื่อชมหน้ำนั้นเสร็จ
5. นำเสนอหลำยทำงเลือก โดยเนวิเกชั่นหลำยรูปแบบให้เลือกใช้ตำมควำมถนัด เช่น มีเครื่องมือ
ค้นหำ (Search Box) ให้ในกรณีที่ผู้ใช้ต้องกำรหำข้อมูลอย่ำงรวดเร็ว โดยไม่ต้องคลิกดูตำมหัวข้อต่ำงๆ เป็นต้น
6. มีขั้นตอนสั้นและประหยัดเวลำ เพื่อให้ผู้ใช้บริกำรเข้ำถึงข้อมูลโดยผ่ำนขั้นตอนน้อยที่สุด ซึ่ง
ขึ้นอยู่กับกำรออกแบบชั้นของข้อมูล รำยกำรย่อยในเมนูไม่ควรมำกกว่ำ 8–10 รำยกำร เพื่อให้ผู้ใช้ตัดสินใจ
เลือกได้ง่ำย หรือมี Navigation Shortcut เพื่อลัดเข้ำสู่เป้ำหมำยเร็วขึ้น เช่น Site Map หรือระบบดัชนี เป็น
ต้น
7. ใช้คำอธิบำยลิงค์ที่ชัดเจนและเข้ำใจง่ำย เลือกใช้คำที่มีควำมหมำยชัดเจน โดยอ้ำงอิงจำกควำม
เข้ำใจของกลุ่มผู้ใช้บริกำร เพื่อแสดงถึงเป้ำหมำยของลิงค์
8. มีรูปแบบที่สื่อถึงเนื้อหำภำยเว็บไซต์ ทำได้โดยกำรออกแบบลักษณะของเนวิเกชั่นเมนูให้
สัมพันธ์กับส่วนประกอบอื่นๆ ในเว็บไซต์ แต่ต้องเห็นได้ชัดเจนว่ำเป็นเนวิเกชั่นเมนู
9. สนับสนุนวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ เช่น เพื่อให้รำยละเอียดของสินค้ำ หรือเพื่อให้บริกำรด้ำน
ข้อมูลข่ำวสำร เป็นต้น
10. สอดคล้องกับประสบกำรณ์ และพฤติกรรมของผู้ใช้บริกำร โดยกำรสอบถำมและรับฟังควำม
คิดเห็นจำกผู้ใช้ เพื่อค้นหำวัตถุประสงค์ของกำรเข้ำชมและพฤติกรรมกำรใช้งำน
กำรออกแบบทำงทัศนะและองค์ประกอบอื่นๆ ในเว็บไซต์ หมำยถึง ลักษณะของภำพประกอบ
(Image) ตัวอักษร (Font) และพื้นหลัง (Background) กำรใช้สีโดยรวม (Color Scheme)และองค์ประกอบ
อื่นๆ ที่ใช้ดึงดูดควำมสนใจ (Gimmick) เช่น ภำพเคลื่อนไหว (Animation) เสียง (Sound) ภำพยนตร์ขนำด
สั้น (Movie Clip Video Clip) เป็นต้น
1. ลักษณะของภำพประกอบ (Image)กำรใช้รูปภำพในเว็บไซต์ มักใช้เพื่อประกอบเนื้อหำ สื่อ
ควำมหมำย หรือตกแต่งเว็บไซต์ให้มีสีสันสวยงำม ดึงดูดควำมสนใจของผู้ใช้บริกำร ผู้วิจัยแบ่งลักษณะรูปภำพที่
นิยมใช้ในเว็บไซต์ตำมควำมละเอียดของภำพและควำมต่อเนื่องในกำรไล่ระดับสี คือ ภำพถ่ำย ภำพกรำฟิกอื่นๆ
ที่ไม่ใช่ภำพถ่ำย และกำรใช้ภำพหลำยชนิดร่วมกัน ซึ่งภำพทั้งหมดนี้จะถูกแปลงอยู่ในรูปแบบไฟล์ดิจิตอล โดย
ผ่ำนโปรแกรมกรำฟิกในคอมพิวเตอร์ เช่น Photoshop หรือ Image-Ready เป็นต้น รูปแบบไฟล์กรำฟิกที่
นิยมใช้เป็นส่วนประกอบของเว็บเพจ คือ GIF (Graphic Interchange Format) และ JPEG (Joint
Photographic Experts Group) เนื่องจำกมีขนำดไฟล์ไม่ใหญ่มำก ดำวน์โหลดได้เร็ว โดยรูปแบบ GIF เหมำะ
กับภำพที่ประกอบด้วยสีพื้นๆบริเวณกว้ำงมีจำนวนสีไม่มำก และไม่ค่อยมีกำรไล่ระดับสี เช่น โลโก้ ตัวอักษร
ภำพกรำฟิก หรือภำพกำร์ตูน ซึ่งเกิดจำกกำรสร้ำงระนำบของสี (Vector) มำประกอบกันเป็นภำพ มีจุดเด่น คือ
สำมำรถนำไปใช้กับบรำวเซอร์ได้ทุกชนิดโดยไม่ต้องคำนึงถึงเวอร์ชันใดๆ ทำให้แน่ใจได้ว่ำบรำวเซอร์ของ
ผู้ใช้บริกำรสำมำรถแสดงผลภำพได้อย่ำงถูกต้อง กรำฟิกแบบ GIF มีระบบกำรเก็บข้อมูลสีแบบอินเด็กซ์ 8 บิต
หมำยควำมว่ำ สำมำรถเก็บข้อมูลสีได้สูงสุด 256 สี ขนำดของไฟล์จะใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับจำนวนสีที่ใช้ใน
ภำพ ถ้ำจำนวนสีน้อย ขนำดไฟล์ก็จะเล็กลง โดยใช้ระบบกำรบีบอัดข้อมูลแบบ LZW (Lempel-Ziv-Welch)
สำมำรถแสดงผลภำพทีละเฟรมจำกคุณภำพต่ำ แล้วเพิ่มขึ้นจนเป็นภำพที่สมบูรณ์ในที่สุด ทำให้ผู้ใช้เห็นควำม
คืบหน้ำในกำรแสดงผล นอกจำกนี้ยังมีคุณสมบัติโปร่งใส คือ สำมำรถเซฟไฟล์ภำพที่พื้นหลังโปร่งใสได้ และ
สำมำรถเซฟไฟล์ภำพต่อเนื่องเป็นภำพเคลื่อนไหวได้ รูปแบบ JPEG เหมำะกับภำพที่มีกำรไล่ระดับสีต่อเนื่องกัน
เช่น ภำพถ่ำยหรือภำพวำดที่มีสีเข้ม-อ่อน หลำยๆ ระดับ เพรำะมีระบบกำรเก็บข้อมูลสีแบบ 24 บิต ซึ่งให้สี
สมจริง (True Color) ได้มำกถึง 16.7 ล้ำนสี ทำให้ได้รูปที่มีคุณภำพสูง แต่ไม่เหมำะกับภำพที่มีสีพื้นเป็น
บริเวณกว้ำง ภำพกำร์ตูนและตัวอักษร เพรำะระบบกำรบีบอัดข้อมูลของกรำฟิกแบบ JPEG จะทำให้บริเวณที่
เป็นสีพื้นเกิดจุดหรือแถบสี และของของตัวอักษรจะไม่เรียบ ดูไม่ชัดเจน คุณภำพของภำพและขนำดของไฟล์
กรำฟิกแบบ JPEG ขึ้นอยู่กับอัตรำส่วนในกำรบีบอัดข้อมูล โดยอัตรำส่วนที่สูง จะได้ภำพที่มีคุณภำพต่ำและ
ไฟล์ขนำดเล็กนักออกแบบสำมำรถเลือกระดับกำรบีบอัดได้ตำมต้องกำรโดยเลือกระดับที่มีขนำดไฟล์เล็กที่สุด
เท่ำที่ยังสำมำรถคงคุณภำพของภำพที่ต้องกำรไว้ได้
2. ตัวอักษร (Font / Typeface)องค์ประกอบที่สำคัญในกำรออกแบบเว็บเพจอีกอย่ำงหนึ่ง คือ
ตัวอักษร ในระบบคอมพิวเตอร์จะแสดงผลโดยมีชื่อของแบบตัวอักษร (Typeface) ตำมด้วยรูปแบบ (Style)
ซึ่งปกติมีรูปแบบพื้นฐำน 3 แบบ คือ ตัวปกติ (Regular) ตัวเอน (Italic) และตัวหนำ (Bold) เช่น ตัวอักษร
Cordia New Italic Cordia New คือ ชื่อแบบตัวอักษร Italic คือ รูปแบบของตัวอักษรที่เป็นตัวเอน เป็นต้น
ซึ่งตัวอักษรแต่ละแบบจะให้ควำมรู้สึกที่แตกต่ำงกัน สำมำรถใช้เป็นส่วนประกอบในสร้ำงบุคลิกของเว็บไซต์ได้
ส่วนปัญหำที่พบในกำรใช้ตัวอักษร คือ บำงครั้งกำรแสดงผลตัวอักษรบนบรำวเซอร์ของผู้ใช้จะไม่ตรงกับที่นัก
ออกแบบระบุไว้ (Fixed Font) โดยกำรเขียนคำสั่งภำษำ HTML หรือ คำสั่งที่โปรแกรมสร้ำงเว็บเขียนด้วย
ภำษำเสริม เช่น Java Script หรือ CS Script เนื่องจำกข้อจำกัดและควำมแตกต่ำงของตัวอักษรที่ติดตั้งอยู่ใน
คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง (Default Font) และผู้ใช้ยังสำมำรถปรับเปลี่ยนควำมละเอียดของหน้ำจอ
(Resolution) สำมำรถเพิ่มหรือลดขนำดตัวอักษรมำตรฐำน ซึ่งนอกจำกจะมีผลกระทบกับควำมสวยงำมและ
ควำมสะดวกในกำรอ่ำนแล้ว บำงกรณียังกระทบถึงโครงสร้ำงเว็บเพจที่จัดไว้ลงตัวแล้ว เพรำะตัวอักษรแต่ละ
แบบมีควำมกว้ำงและควำมสูงไม่เท่ำกัน นักออกแบบมักแก้ปัญหำโดยเลือกใช้ตัวอักษรแบบมำตรฐำนที่มำ
พร้อมระบบปฏิบัติกำร (Windows) แต่กำรใช้ตัวอักษรมำตรฐำนที่มีอยู่ไม่กี่แบบก็อำจสร้ำงควำมน่ำเบื่อ
หน่ำยได้ บำงครั้งนักออกแบบจึงใช้ตัวอักษรที่สร้ำงจำกโปรแกรมกรำฟิก ซึ่งมีกำรแสดงผลบนบรำวเซอร์ใน
ลักษณะของรูปภำพ มีข้อดีคือ สวยงำม มีเอกลักษณ์ กำหนดตำแหน่งได้ง่ำย และผู้ใช้สำมำรถแสดงผล
ตัวอักษรได้เหมือนๆ กัน แต่เพิ่มเวลำในกำรดำวน์โหลด เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมข้อควำมได้ยำก และยังเสีย
โอกำสในกำรนำเสนอข้อมูลแก่ผู้บริโภคที่สืบค้นข้อมูลโดยใช้ระบบสืบค้นข้อมูล (Search Engine) อีกด้วย
เพรำะข้อควำมแบบกรำฟิกนี้จะไม่ถูกรวมอยู่ในดัชนี (Index) ของระบบสืบค้นข้อมูล
3. พื้นหลัง (Background)เรำสำมำรถกำหนดพื้นหลังของเว็บเพจให้เป็นสี หรือรูปภำพที่ต้องกำรได้
โดยพื้นหลังที่เป็นรูปภำพจะใช้เวลำในกำรแสดงผลมำกกว่ำพื้นหลังที่เป็นสีเรียบๆ ซึ่งกำหนดด้วย HTML สิ่ง
สำคัญที่ควรคำนึงถึงคือ ควำมอ่ำนง่ำย (Legibility) ของข้อควำมหำกพื้นหลังเป็นรูปภำพหรือเป็นลวดลำย
(Pattern) ต้องระวังไม่ให้มีควำมเข้ม-อ่อนของสีที่ต่ำงกันมำก กำรใช้รูปที่มีลักษณะพร่ำมัว (Blur) จะช่วยให้
อ่ำนข้อควำมได้ง่ำยกว่ำรูปที่คมชัด ส่วนพื้นหลังที่เป็นสีเรียบๆ มีหลักง่ำยๆ คือ พื้นหลังสีเข้มใช้ตัวอักษรสีอ่อน
พื้นหลังสีอ่อนใช้ตัวอักษรสีเข้ม เพื่อเน้นตัวอักษรให้เด่นขึ้น แต่ไม่ควรใช้สีที่ตัดกันมำกๆ เพรำะแสงจำก
จอคอมพิวเตอร์จะทำให้สีสว่ำงขึ้น 20% อำจรบกวนสำยตำ ทำให้ปวดตำได้ สำหรับคู่สีของตัวอักษรและพื้น
หลังที่นิยมใช้ มีดังนี้
ตาราง คู่สีของตัวอักษรและพื้นหลังที่นิยมใช้
ที่มำ : ถนอมพร เลำหจรัสแสง, หลักกำรออกแบบและกำรสร้ำงเว็บเพื่อกำรเรียน กำรสอน :Designing e-
Learning (กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย, 2545), 170.
สีตัวอักษร สีพื้นหลัง
ขำว ฟ้ำ แดง เขียว ชมพู (Magenta)
เหลือง ฟ้ำ ดำ
ฟ้ำอมเขียว (Cyan) ขำว ฟ้ำ
เขียว ขำว เหลือง
ชมพู (Magenta) ขำว ฟ้ำ
แดง ขำว เหลือง ฟ้ำอมเขียว เขียว
ฟ้ำ ขำว ดำ
ดำ ขำว เหลือง
4. กำรใช้สีโดยรวม (Color Scheme)สีเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในกำรดึงดูดควำมสนใจของผู้ใช้
สร้ำงบรรยำกำศ และควำมรู้สึกโดยรวมของเว็บไซต์ เรำสำมำรถใช้สีกับส่วนประกอบต่ำงๆ ของเว็บไซต์ เช่น
ภำพ ตัวอักษร ลิงค์ และพื้นหลัง โดยเลือกใช้ชุดสีให้กลมกลืน สอดคล้องกับบุคลิกของเว็บไซต์ ช่วยสื่อ
ควำมหมำยให้เนื้อหำ และเพิ่มควำมสวยงำมให้กับเว็บเพจ นอกจำกนี้ยังสำมำรถใช้สีประจำองค์กรหรือ
หน่วยงำนในเว็บไซต์ เพื่อสร้ำงภำพลักษณ์ในกำรกลับกัน กำรเลือกใช้สีที่ไม่เหมำะสมจะรบกวนสำยตำของผู้ใช้
สร้ำงควำมลำบำกในกำรอ่ำน และอำจทำให้กำรสื่อควำมหมำยผิดพลำดได้ สีที่ใช้ในกำรออกแบบเว็บไซต์ มี
หลักกำรผสมสีแบบบวก (Additive Color) คือ กำรผสมสีของแสง เนื่องจำกเว็บไซต์เป็นสื่อที่นำเสนอผ่ำน
จอคอมพิวเตอร์ ซึ่งใช้หลักกำรผสมแสงที่มีควำมคลื่นต่ำงกัน 3 สี (RGB) คือ แดง (RED) เขียว (Green) น้ำเงิน
(Blue) ซึ่งเมื่อคลื่นแสงทั้ง 3 สีซ้อนทับกันจะผสมเป็นแสงสีขำว โดยทั่วไปสีที่ใช้ในกำรออกแบบเว็บไซต์จะเป็น
ชุดสีสำหรับเว็บ (Web Safe Color) จำนวน 216 สี ซึ่งมีข้อดี คือ ผู้ใช้สำมำรถเห็นสีได้ถูกต้องตรงกัน ไม่ว่ำจะ
ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์แมคอินทอชหรือพีซีทั่วไป เนื่องจำกควำมละเอียดของจอคอมพิวเตอร์ ระบบกำรแสดงสี
ของบรำวเซอร์ และภำษำ HTML ซึ่งใช้ในกำรเขียนเว็บเพจ จะมีผลต่อกำรแสดงสีในเว็บไซต์ให้แตกต่ำงกัน ชุด
สีสำหรับเว็บนี้มีกำรกำหนดโค้ดเป็น HTML ในรูปตัวเลขและตัวอักษร 6 หลัก เพื่อกำหนดรูปแบบกำรผสมสี
และควำมเข้มของแสงแต่ละสีให้เป็นมำตรฐำน เช่น 000000 หมำยถึง ไม่มีแสงสีใดเลย คือ สีดำ ส่วน FFFFFF
หมำยถึง มีแสงสีแดง เขียว น้ำเงิน ที่มีควำมเข้มสูงสุดทุกสีผสมกันเป็น สีขำว เป็นต้น ซึ่งนักออกแบบไม่
จำเป็นต้องจำโค้ดเหล่ำนี้ เนื่องจำกโปรแกรมกรำฟิกที่ใช้ทำเว็บไซต์จะแสดงสีให้เลือกในรูปจำนสี (Web
Palette) แล้วไปเขียนคำสั่งเป็น HTML ให้เองตำรำงต่อไปนี้แสดงจิตวิทยำของสี ในกำรสื่อควำมหมำยทั้งใน
เชิงบวกและลบ รวมถึงสัญลักษณ์ และสิ่งของที่เกี่ยวพันกับสีนั้น เฉพำะกรณีที่ใช้สีโดยรวมเป็นสีนั้นสีเดียว แต่
ถ้ำมีกำรใช้สีหลำยสีร่วมกันอำจมีกำรสื่อควำมหมำยแตกต่ำงไปจำกนี้ได้
ตาราง 3 จิตวิทยำของสี
ที่มำ : ธวัชชัย ศรีสุเทพ, คัมภีร์เว็บดีไซน์ คู่มือออกแบบเว็บไซต์ฉบับมืออำชีพ (กรุงเทพฯ :โปรวิชั่น,2544),205.
สี ความหมายในเชิงบวก ความหมายในเชิงลบ สัญลักษณ์ สิ่งของ
ที่เกี่ยวข้อง
แดง พลัง อำนำจ กำลังใจ ควำมจริง ควำมรัก
ควำมอบอุ่น กำรแข่งขัน ควำมกล้ำหำญ
ควำมแข็งขัน ควำมตื่นเต้นควำมเร็ว ควำม
สนุกสนำน
ควำมโมโห ควำมก้ำวร้ำว
ควำมรุนแรง ควำมละอำย
ควำมผิดพลำด กำรบำดเจ็บ
ดวงอำทิตย์ ควำม
ร้อน ไฟ สัญญำณ
อันตรำย เลือด หัวใจ
ส้ม ควำมสำมำรถ ควำมทันสมัย ควำกระตือรือ
ร้น ควำมเป็นมิตร ควำมสดใสมีชีวิตชีวำ
ควำมสมดุล ควำมเข้มแข็งควำมโชคดี ควำม
เจริญ
กำรหลอกลวง ควำมอื้อฉำว
ควำมไม่เรียบร้อย
ฮำโลวีน มิตรภำพ
เหลือง ควำมสดใสร่ำเริง ควำมหวัง ควำมอบอุ่น
ควำมร่ำรวย กำรมองโลกในแง่ดี ควำมสุข
ปรัชญำ ควำมคิดฝัน
ควำมไม่ซื่อสัตย์ กำรทรยศ
ควำมขลำดกลัว ควำมอิจฉำ
ควำมไม่แน่นอน อำกำป่วย
แสงอำทิตย์ ฤดูร้อน
ทอง ศำสนำ ปรัชญำ
อุดมคติ สัญญำณ
เตือนภัย
เขียว ธรรมชำติ สุขภำพ กำรรักษำ ควำมรื่นรมย์
ยินดี ควำมหวัง กำรเริ่มต้น ควำมภักดี ควำม
เป็นอมตะ ควำมปลอดภัย ควำมอุดมสมบูรณ์
ควำมร่มรื่น
ควำมอิจฉำ ควำมเบื่อหน่ำย
กำรขำดประสบกำรณ์
ต้นไม้ สิ่งแวดล้อม
ศำสนำ วัยรุ่น ทหำร
สัญญำณปลอดภัย
น้ำเงิน ควำมแข็งแรง ควำมกระฉับกระเฉง ควำใหม่
ควำมซื่อสัตย์ ควำมมั่นคง ปลอดภัย มี
คุณธรรม ควำมสะอำด มีน้ำใจ เป็นระเบียบ
ควำมสงบ ควำมเชื่อมั่น ควำมสมดุล ควำม
เข้มแข็ง
ควำมหดหู่ ซึมเศร้ำ เสียใจ
ควำมเรียบแบบไม่น่ำสนใจ
ท้องฟ้ำ ทะเล สวรรค์
เทวดำ ผู้ชำย ควำม
เย็น เทคโนโลยี
ม่วง ควำมลึกลับ ควำมสูงส่ง หรูหรำ ควำม
ทันสมัย ควำมสร้ำงสรรค์ กำรให้ควำมรู้
กำรบำบัดรักษำ ควำมรอบรู้
ควำมหยิ่งยโส ควำมแปลก
ควำมเศร้ำโศกเสียใจ
จิต วิญญำณ ปัญญำ
น้ำตำล ควำมเรียบง่ำย ธรรมชำติ
ควำมสุขุม ควำมทนทำน
ควำมมั่นคง ควำมมีเกียรติ
ควำมสะดวกสบำย ควำม
เจริญเติบโตเต็มที่
ควำมหดหู่ซึมเศร้ำ สลด
ใจควำมเก่ำ มีอำยุ ควำม
เลอะเทอะเปรอะเปื้อน
โลก พื้นดิน ไม้ บ้ำน
กลำงแจ้ง
ขำว ควำมบริสุทธิ์ไร้เดียงสำ ควำมรัก ควำมฉลำด
ควำมสะอำด ควำมดี ควำมสงบ
ควำมเรียบง่ำย ควำมเคำรพนับถือ ควำม
นอบน้อม ควำมถ่อมตน ควำมเที่ยงตรง
ควำมอ่อนแอ กำรเจ็บป่วย
ควำมตำย ควำมเศร้ำ (จีน)
พรหมจำรี กำรเกิด
มิตรภำพ วัยสำว
แพทย์ พยำบำล หิมะ
สันติภำพ เยำวชน
ควำมหนำว ควำม
เย็น ควำมจริง
เทำ ควำมสุภำพ ควำมสงบ ควำมฉลำดสุขุม
ควำมมั่นคง ควำมเป็นไปได้ ควำมไว้ใจได้
ควำมมีเกียรติ
ควำมโศกเศร้ำ ควำมเสื่อม
ควำมน่ำเบื่อ ควำมมีอำยุ
ปัญญำ อนุรักษ์นิยม
อนำคต กำรปฏิบัติได้
(Practical)
ดำ อำนำจ ควำมฉลำดลึกล้ำ ควำมสุขุมรอบคอบ
ควำมมั่นคง ควำมเป็นทำงกำร
ควำมตั้งใจ ควำมเป็นเลิศ ควำมลับ
กำรหลอกลวง กำรปกปิด
ควำมซับซ้อน ควำมน่ำกลัว
ควำมชั่วร้ำย โทสะ ควำม
กลัว ควำมทุกข์ ควำมหดหู่
หมดหวัง ควำมเศร้ำ
ใต้ดิน ควำมมืด ควำม
ตำย เกี่ยวกับด้ำน
เพศ
5. องค์ประกอบอื่นที่ใช้ดึงดูดควำมสนใจ (Gimmick) หมำยถึง ลูกเล่นที่ใช้ดึงดูดควำมสนใจของ
ผู้ใช้บริกำร ช่วยสร้ำงบรรยำกำศในกำรนำเสนอข้อมูลให้น่ำสนใจ ลูกเล่นที่เว็บไซต์ทั่วไปนิยมใช้ คือ
6. เสียง (Sound)กำรใช้เสียงในเว็บไซต์มีประโยชน์ในแง่ของกำรสร้ำงบรรยำกำศเสริมประสบกำรณ์
และดึงดูดควำมสนใจของผู้ใช้บริกำร แต่ทำให้ใช้ระยะเวลำดำวน์โหลดมำกขึ้นไฟล์เสียงไม่ควรมีควำมยำวเกิน
5 นำที ถ้ำเป็นเสียงบรรยำย ต้องอ่ำนอย่ำงชัดเจน และสร้ำงควำมน่ำสนใจด้วยกำรใช้น้ำเสียงที่กระตือรือร้น มี
เสียงสูงเสียงต่ำอย่ำงเหมำะสม รวมทั้งปรับโทนเสียงให้คงที่ทั้งเว็บไซต์ บำงครั้งอำจเกิดปัญหำระบบเสียงไม่
ทำงำน เนื่องจำกข้อจำกัดของบรำวเซอร์ของผู้ใช้บริกำร ควรมีทำงเลือกสำรองในกำรนำเสนอข้อมูลให้ผู้ใช้
เข้ำใจข้อมูลได้โดยไม่ต้องมีเสียงประกอบ เสียงที่นิยมใช้ทั่วไป คือ เสียงดนตรี (Music) เสียงประกอบหรือเสียง
เทคนิคพิเศษ (Sound Effects) เสียงพูด (Voice) เช่น เสียงพำกย์หรือเล่ำเรื่อง เสียงรำยงำนข่ำย เสียถ่ำยทอด
ผ่ำนสถำนีวิทยุบนเว็บไซต์ เป็นต้น เว็บไซต์ที่ดีควรเปิดโอกำสให้ผู้ใช้เลือกว่ำจะฟังเสียง หยุดเสียง หรือฟังซ้ำได้
ตลอดเวลำ
7. ลูกเล่นของปุ่มหรือสัญรูป (Icon Effect)คือ ลักษณะที่ปุ่มไอคอนมีกำรเปลี่ยนแปลงสี หรือรูปร่ำง
เมื่อมีกำรนำเมำส์มำวำงไว้บนปุ่ม (On-Mouse Effect) หรือเมื่อคลิกที่ปุ่มนั้น (Click / Hit) บำงครั้งอำจมีเสียง
ประกอบ หรือมีกำรแสดงภำพที่เกี่ยวข้อง และข้อควำมอธิบำยเนื้อหำในหน้ำเว็บที่จะลิงค์ไป เมื่อกดปุ่มนั้นๆ
ซึ่งปุ่มลักษณะนี้มักสร้ำงจำกโปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้สร้ำงเว็บเพจ เช่น Macromedia Flash เป็นต้น
8. ภำพเคลื่อนไหวและตัวอักษรที่กระพริบได้ (Animation & BLINK/Scrolling Text) เป็นกำรนำ
ตัวอักษรหรือภำพที่มีกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงต่อเนื่องหลำยๆ ภำพมำเรียงกัน โดย 1 ภำพเรียกเป็น 1 เฟรม
แล้วเซฟเป็นไฟล์เดียว เมื่อแสดงบนบรำวเซอร์ จะเห็นว่ำมีกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงต่อเนื่องตำมเฟรมต่ำงๆ ที่
เรียงกันอยู่ สร้ำงควำมรู้สึกว่ำภำพ หรือตัวอักษรนั้นมีกำรเคลื่อนไหวได้ สำหรับตัวอักษรแบบที่เรียกว่ำ BLINK
Text นั้น เป็นกำรกำหนดตัวอักษรในเฟรม 2 เฟรมให้มีสีแตกต่ำงกัน เมื่อบรำวเซอร์แสดงผลทั้ง 2 เฟรม
สลับกันไปมำ ก็จะให้ควำมรู้สึกว่ำตัวอักษรนั้นกระพริบได้ไฟล์ภำพเคลื่อนไหวที่นิยมใช้ทั่วไปคือ Animated
GIF เนื่องจำกผู้ใช้บริกำรสำมำรถเห็นควำมเคลื่อนไหวได้โดยไม่ต้องอำศัยปลั๊กอิน (Plug-in) คือ โปรแกรมเสริม
ควำมสำมำรถของบรำวเซอร์ในกำรแสดงผลสื่อประเภทมัลติมีเดีย ส่วนใหญ่แล้วภำพเคลื่อนไหวมักแสดงผล
ต่อเนื่องไปไม่สิ้นสุด เมื่อดูนำนๆ อำจรบกวนสำยตำได้ ควรกำหนดในขั้นตอนกำรออกแบบ ว่ำจะมีกำร
แสดงผลต่อเนื่องกันกี่รอบ และหยุดเมื่อเหมำะสม โดยผู้ใช้สำมำรถสั่งให้เล่นซ้ำได้ตำมต้องกำร ไฟล์ต้องมีขนำด
เล็กเพื่อให้ภำพเคลื่อนไหวดำวน์โหลดได้อย่ำงรวดเร็ว เพรำะผู้ใช้บริกำรมักไม่อดทนรอนำน หลำยเว็บไซต์นิยม
ใช้ภำพหรือตัวอักษรเคลื่อนไหวจำนวนมำกในเว็บเพจหน้ำเดียวกัน ซึ่งแทนที่จะเป็นประโยชน์ในกำรดึงดูด
ควำมสนใจ กลับสร้ำงควำมรำคำญแก่ผู้ใช้บริกำร เพรำะหำกในเว็บเพจหนึ่งหน้ำมีจุดสนใจหลำยแห่ง จะทำให้
ไม่มีสิ่งใดดูน่ำสนใจจริงๆ และยังทำให้ข้อมูลขำดควำมน่ำเชื่อถืออีกด้วย ควรเลือกใช้ภำพเคลื่อนไหว เพื่อเน้น
ส่วนที่สำคัญที่สุดเพียงแห่งเดียวในหน้ำ จะให้ประโยชน์สูงสุด และไม่ก่อให้เกิดควำมสับสนแก่ผู้ใช้บริกำร
9. ภำพยนตร์ขนำดสั้น (Movie Clip / Video Clip)เป็นกำรนำเสนอข้อมูลที่เหมำะกับเว็บไซต์ที่
เกี่ยวกับข่ำว โฆษณำ หรือควำมบันเทิงอื่นๆ ภำพยนตร์ที่นำเสนอยนเว็บไซต์ควรมีควำมยำวไม่เกิน 5 นำที
เพรำะภำพยนตร์ที่มีควำมยำวมำก จะมีขนำดไฟล์ใหญ่ ใช้เวลำดำวน์โหลดนำนผู้ใช้บริกำรอำจไม่ต้องกำรรอ จึง
ควรมีทำงเลือกให้กับผู้ใช้ว่ำจะชมหรือไม่ หรือสำมำรถข้ำมไปดูหน้ำข้อมูลที่เป็นตัวอักษรได้เลย
10. โลกเสมือนจริง (Virtual Reality)คือ กำรสร้ำงภำพ 3 มิติ ที่สำมำรถมองเห็นวัตถุได้โดยรอบจำก
ทุกมุมมอง เป็นกำรจำลองให้ผู้ใช้บริกำรรู้สึกเสมือนได้เข้ำไปอยู่ในเหตุกำรณ์ หรือสถำนที่นั้นๆ มักใช้กับเกมส์
หรือเว็บไซต์ที่มีเนื้อหำเกี่ยวกับงำนออกแบบสถำปัตยกรรม ซึ่งต้องกำรควำมสมจริงในกำรมองเห็น
2. การออกแบบเทคโนโลยีการนาเสนอข้อมูลของเว็บไซต์ หมำยถึง องค์ประกอบอื่นๆ ที่มีผลต่อ
ควำมสะดวกรวดเร็วในกำรเข้ำถึงข้อมูลที่ต้องกำร รวมทั้งมีผลต่อควำมน่ำสนใจของเว็บไซต์ เช่น ลักษณะหน้ำ
เปิดของเว็บไซต์ (Intro Page) ระยะเวลำที่ใช้ในกำรดำวน์โหลด (Access Time) เครื่องมือค้นหำข้อมูล
(Search Engine) ลักษณะกำรเปิดหน้ำต่ำงแสดงผลข้อมูลที่เชื่อมโยงกัน (Target Browser) เป็นต้น
1. หน้ำเปิดของเว็บไซต์ (Intro Page / Splash Page / Splash Screen)คือ หน้ำก่อนที่จะถึง
โฮมเพจ ทำหน้ำที่สื่อข้อควำมบำงอย่ำงของเว็บไซต์เพื่อสร้ำงควำมประทับใจแก่ผู้ใช้บริกำรหน้ำนี้จะต้อง
แสดงผลอย่ำงรวดเร็ว และน่ำสนใจด้วยกำรใช้กรำฟิก หรือเทคนิคพิเศษ เหมำะสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องกำรจะ
นำเสนอข้อมูลพิเศษบำงอย่ำง เช่น กำรแนะนำตัว แนะนำสินค้ำใหม่ หรือแสดงข้อควำมในโอกำสพิเศษต่ำงๆ
โดยทั่วไปหน้ำนี้ควรจะดำวน์โหลดได้ในเวลำ 15 วินำที อำจมีลักษณะเป็นหน้ำเว็บเพจแบบ HTML ธรรมดำ
หรือเป็นภำพเคลื่อนไหวแบบ Introduction Title ที่สร้ำงด้วยโปรแกรม Flash เพื่อดึงดูดควำมสนใจก็ได้
สำหรับเว็บไซต์ทั่วๆ ไป หน้ำนี้อำจไม่จำเป็น เพรำะเป็นกำรรบกวนเวลำของผู้ใช้บริกำร ดังนั้นหน้ำ Splash จึง
ควรมีทำงเลือกสำหรับผู้ใช้บริกำรที่เคยชมหน้ำนี้แล้ว หรือไม่ต้องกำรชม ด้วยกำรมีลิงค์ที่คลิกเพื่อเข้ำสู่โฮมเพจ
ได้เลย ซึ่งมักเขียนว่ำ [Skip Intro]
2. หน้ำแนะนำอุปกรณ์กำรใช้งำนเว็บไซต์ (Utility Page)ทำหน้ำที่แนะนำผู้ใช้บริกำรให้ใช้ชนิดของ
บรำวเซอร์ และรุ่นที่เหมำะสม หรือแนะนำควำมละเอียดของหน้ำจอที่เหมำะสมในกำรแสดงผลของเว็บไซต์
บำงครั้งก็เป็นกำรนำเสนอทำงเลือกในกำรชมเว็บไซต์ให้ผู้ใช้บริกำรเลือกได้ตำมควำมเหมำะสมของอุปกรณ์
โดยกำรสร้ำงเว็บไซต์ไว้หลำยๆ เวอร์ชัน เช่น HTML หรือ Flash /Fraphic หรือ Text Only / Framed หรือ
Non-Framed / Low-speed หรือ High-speed เป็นต้น วัตถุประสงค์ของหน้ำนี้ก็เพื่อควำมสำมำรถในกำร
นำเสนอเนื้อหำของเว็บไซต์ตำมสิ่งแวดล้อมที่ผู้ใช้มีอยู่อย่ำงเหมำะสม บำงกรณีอำจเป็นกำรรบกวนเวลำของ
ผู้ใช้บริกำร และสร้ำงสับสนแก่ผู้ใช้บริกำรที่ไม่มีประสบกำรณ์เพียงพอ
3. ระยะเวลำที่ใช้ในกำรดำวน์โหลด (Access Time)กำรดำวน์โหลด (Download) คือกระบวนกำร
เคลื่อนย้ำยข้อมูลจำกคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง ในที่นี้หมำยถึง กำรรับข้อมูลจำกเว็บ
เซิร์ฟเวอร์ เมื่อมำแสดงผลเป็นเว็บเพจในบรำวเซอร์ เว็บไซต์ที่ดีควรใช้เวลำในกำรดำวน์โหลดน้อยที่สุดเท่ำที่จะ
เป็นไปได้ เพื่อสร้ำงควำมได้เปรียบ และควำมพึงพอใจแก่ผู้ใช้บริกำรซึ่งมักไม่อดทนรอนำน จำกผลกำรวิจัย
เรื่อง The Economic Impacts of Unacceptable Web Site Download Speed พบว่ำ เว็บเพจที่ใช้เวลำ
ในกำรดำวน์โหลดนำนกว่ำ 15 วินำที จะมีผลให้ผู้ใช้บริกำรขำดควำมสนใจในเว็บไซต์นั้นได้
(www.zonaresearch.com 2003) ดังนั้นกำรออกแบบเว็บไซต์ที่สวยงำม แต่ใช้เวลำดำวน์โหลดมำกจึงไม่เกิด
ประโยชน์ ควรคำนึงถึงเทคโนโลยีกำรนำเสนอให้มีควำมพอดี มีขนำดไฟล์เล็ก เพื่อให้ใช้เวลำน้อยลง เช่น
กำหนดให้ไฟล์กรำฟิกในเว็บเพจ 1 หน้ำ มีขนำดรวมกันไม่เกิน 50 Kb ใช้ตัวอักษรแบบ HTML เพื่อให้ดำวน์
โหลดได้เร็วกว่ำตัวอักษรที่เป็นกรำฟิก กำหนดขนำดของไฟล์ภำพพื้นหลังแบบ Pattern ไม่ให้เกิน 2 Kb หรือ
ตัดภำพพื้นหลังภำพใหญ่ออกเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำมำต่อกัน เพื่อให้แสดงผลได้เร็วขึ้น เป็นต้น
4. เครื่องมือค้นหำข้อมูล (Search Box)คือ โปรแกรมที่ช่วยให้ผู้ใช้บริกำรค้นหำข้อมูลที่ต้องกำรได้อย่ำงรวดเร็ว
โดยมีช่องให้ผู้ใช้บริกำรพิมพ์คำ หรือข้อควำมสั้นๆ เกี่ยวกับข้อมูลที่ต้องกำรค้นหำ แล้วกดปุ่ม “ค้นหำ”
โปรแกรมจะทำกำรค้นหำในฐำนข้อมูล (Database) ที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์นั้น แล้วแสดงผลลัพธ์ที่ได้พร้อมลิงค์
ไปสู่เว็บเพจที่มีข้อมูลที่ต้องกำร โปรแกรมค้นหำข้อมูลทั่วไปมักเขียนด้วยภำษำแบบ Sever-Side Script คือ
คำสั่งจะทำงำนที่เซิร์ฟเวอร์ และส่งเฉพำะผลกำรทำงำนมำที่บรำวเซอร์ สำมำรถใช้งำนร่วมกับ HTML ได้ทันที
เช่น ASP (Active Server Page) PHP(Personal Home Page) เป็นต้น ตำแหน่งที่เหมำะสมในกำรจัดวำง
Search Engine คือ ด้ำนบนของโฮมเพจ
5. ลักษณะกำรเปิดหน้ำต่ำงแสดงผลข้อมูลที่เชื่อมโยงกัน (Target Browser) บำงครั้งเมื่อผู้ใช้บริกำร
คลิกลิงค์ จะมีกำรแสดงผลข้อมูลบนหน้ำต่ำงบรำวเซอร์ใหม่ ซึ่งลักษณะกำรเปิดหน้ำต่ำงใหม่นี้ เกิดจำกกำร
กำหนดคำสั่ง Target Browser เป็น target_Blank ที่เหมำะกับกำรลิงค์ออกนอกเว็บไซต์ แต่ถ้ำมีกำรเปิด
หน้ำต่ำงมำมำกเกินไป ผู้ใช้อำจเบื่อที่จะต้องคอยปิดหน้ำต่ำง เมื่ออ่ำนข้อมูลจบ แต่ถ้ำกำหนดคำสั่งเป็น
target_Self หรือเรียกอีกอย่ำงว่ำ target_Parent บรำวเซอร์จะแสดงผลข้อมูลใหม่อยู่ในหน้ำต่ำงเดิม ซึ่ง
เหมำะกับเว็บเพจที่มีข้อมูลน้อยๆ แต่จะไม่สะดวกเมื่อต้องกำรเปรียบเทียบข้อมูลเดิมกับข้อมูลใหม่ (สุพิชญำ
เข็มทอง,2547)
การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์
องค์ประกอบในการออกแบบเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ
เว็บไซต์ที่ดี มีประสิทธิภำพในกำรใช้งำน เกิดจำกกำรวำงแผนอย่ำงรอบคอบในกำรออกแบบ
ส่วนประกอบต่ำงๆ ดังนี้
1. เนื้อหำและโครงสร้ำงของข้อมูล (Content & Site Structure)เว็บไซต์ที่ดีจะต้องมีเนื้อหำที่เชื่อถือ
ได้ สอดคล้องกับควำมต้องกำร และพฤติกรรมกำรใช้งำนของผู้ใช้บริกำรกลุ่มเป้ำหมำย โดยกำหนดหัวข้อต่ำงๆ
ให้ชัดเจน ไม่ยำวเกินไป เพรำะทำให้ไม่น่ำอ่ำน และหำข้อมูลได้ยำก มีเนื้อหำสั้นกระชับ และทันสมัย นำเสนอ
เนื้อหำที่กำลังอยู่ในควำมสนใจ ควรมีกำรปรับปรุงเนื้อหำ และเพิ่มบริกำรใหม่ๆ เพรำะเว็บไซต์ที่ไม่มีกำร
เปลี่ยนแปลงจะขำดควำมน่ำสนใจ กำรปรับปรุงรูปแบบของกำรนำเสนอในเว็บไซต์ในช่วงระยะเวลำที่
เหมำะสม ทำให้ผู้ใช้บริกำรไม่เกิดควำมรู้สึกซ้ำซำก และเป็นจุดดึงดูดให้ผู้ใช้บริกำรรู้สึกคุ้มค่ำที่จะกลับมำชมอีก
เรื่อยๆ นอกจำกนี้ยังช่วยให้เว็บไซต์ถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ในรำยกำรค้นหำของ Search Engine ซึ่งจะค้นหำ
เว็บไซต์ที่มีกำรปรับปรุงสม่ำเสมออีกด้วย
2. ระบบเนวิเกชั่น (Navigation System)เว็บไซต์ที่ดีต้องมีระบบเนวิเกชั่นที่เข้ำใจง่ำยโดยใช้กรำฟิก
หรือข้อควำมที่สื่อควำม หมำยชัดเจน มีรูปแบบและลำดับของรำยกำรที่สม่ำเสมอตำแหน่งกำรจัดวำงคงที่
นอกจำกนี้ยังต้องใช้งำนง่ำย (User-Friendly Navigation) ไม่สลับซับซ้อน คือ มีขั้นตอนน้อยในกำรค้นหำ
ข้อมูล โดยผู้ใช้ไม่ควรต้องคลิกเกิน 4 ครั้ง ในกำรหำข้อมูลแต่ละครั้ง จำกกำรสำรวจของ Forester Research
พบว่ำ 40% ของผู้ใช้จะไม่กลับเข้ำชมซ้ำ ถ้ำพบว่ำระบบเนวิเกชั่นได้งำนยำก แม้ว่ำเว็บไซต์นั้นจะสวยงำม
เพียงไรก็ตำม
ตำแหน่งที่เหมำะสมในกำรวำงเนวิเกชั่นเมนู คือ ด้ำนบนของเว็บเพจ และควรมีหน้ำแสดงโครงสร้ำง
กำรเชื่อมโยงข้อมูล (Link) ทั้งหมดภำยในเว็บไซต์ ในรูปแผนผัง สำรบัญ หรือ Site Map เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้
หลงทำง นอกจำกนี้ในทุกๆ เว็บเพจควรมีลิงค์กลับมำที่โฮมเพจ (หน้ำแรก) เพื่อให้ผู้ใช้สำมำรถย้อนกลับมำตั้ง
ต้นใหม่ได้ ในกรณีที่เว็บเพจมีควำมยำวมำก ควรมีกำรเชื่อมโยงภำยในหน้ำนั้น (Page Link) เพื่ออำนวยควำม
สะดวกแก่ผู้ใช้ด้วย
3. ออกแบบกรำฟิก (Graphic Design)กำรออกแบบกรำฟิกในเว็บไซต์ที่ดีควรมีคุณสมบัติ ดังนี้
1. มีควำมเรียบง่ำย (Simplicity)เว็บไซต์ที่ดีจะจำกัดองค์ประกอบเสริมที่ใช้ในกำรนำเสนอให้
เหลือแต่สิ่งที่จำเป็น ทำให้ไม่กรำฟิกรกรุงรัง มีกำรใช้ชนิดและสีของตัวอักษรไม่มำก โดยเฉพำะสีของลิงค์ 3
ประเภท คือ ลิงค์ปกติ (Link) ลิงค์ที่กำลังใช้งำน (Active Link) และลิงค์ที่ผ่ำนกำรใช้งำนแล้ว (Visited Link)
ควรใช้สีมำตรฐำนที่โปรแกรมกำหนดไว้ให้ เพรำะเป็นสีที่ผู้ใช้ทั่วไปคุ้นเคยอยู่แล้ว จึงไม่สับสน
2. มีควำมสม่ำเสมอ (Consistency)สร้ำงควำมสม่ำเสมอด้วยกำรใช้กรำฟิกรูปแบบเดียวกัน
หรือคล้ำยคลึงกันตลอดทั้งเว็บไซต์ เช่น กำรจัดหน้ำ สไตล์ของกรำฟิก รูปแบบของเนวิเกชั่น โทนสี เป็นต้น
หรือใช้ Header และ Footer ในทุกเพจ ทำให้ผู้ใช้ค้นหำเนวิเกชั่นเมนูและลิงค์ได้อย่ำงรวดเร็ว
3. มีเอกลักษณ์ (Identity)เป็นกำรออกแบบเพื่อสะท้อนลักษณะเฉพำะขององค์กร โดยกำรใช้
ชุดสี ลักษณะของตัวอักษร รูปภำพ และกรำฟิกที่เหมำะสม
4. มีคุณภำพ (Design Stability)ในที่นี้รวมกำรออกแบบที่สวยงำม ดึงดูดควำมสนใจ (Visual
Appeal) และคุณภำพในกำรออกแบบด้วย คือ มีควำมประณีต ควำมเป็นระเบียบในงำน ด้วยกำรใช้
ภำพประกอบที่มีคุณภำพและมีกำรนำเสนอที่ดี ตัวอักษรอ่ำนง่ำยสบำยตำ ใช้โทนสีกลมกลืนสวยงำมเหมำะสม
มีกำรจัดตำแหน่งภำพและตัวอักษรโดยใช้ตำรำง (Table) และสดมภ์ (Column) ทำให้ Layout เป็นระเบียบ
เรียบร้อย สร้ำงควำมน่ำเชื่อถือให้กับข้อมูลในเว็บไซต์
5. ไม่มีข้อจำกัดในกำรใช้งำน (Compatibility)เว็บไซต์ที่ดีต้องสำมำรถแสดงผลได้บนบรำวเซอร์ทุก
ชนิด ทุกควำมละเอียดของหน้ำจอ (Monitor Resolution) ต้องใช้งำนได้อย่ำงไม่มีปัญหำกับระบบทุก
ระบบปฏิบัติกำร (Operating System) และไม่ควรบังคับให้ผู้ใช้บริกำรต้องติดตั้งโปรแกรม หรืออุปกรณ์อื่นใด
เพิ่มเติมในกำรใช้งำนอีก
6. แสดงผลได้อย่ำงรวดเร็วหมำยถึง เทคนิคในกำรเลือกใช้กรำฟิก เพื่อควำมรวดเร็วในกำรดำวน์โหลด โดยใช้
กรำฟิกที่มีขนำดของไฟล์เล็กที่สุด แต่มีคุณภำพดีที่สุด (Optimized Graphic) และหลีกเลี่ยงกำรใช้กรำฟิกเกิน
ควำมจำเป็น จึงไม่ควรใช้ภำพขนำดใหญ่ หรือใช้ภำพจำนวนมำกในหน้ำเดียวกัน สำหรับเว็บไซต์ที่มีกรำฟิกมำก
ควรแน่ใจว่ำหำกปรำศจำกกรำฟิกเหล่ำนั้น เว็บไซต์จะยังสำมำรถสื่อข้อมูลข่ำวสำรที่ต้องกำรได้ โดยให้ผู้ใช้
เลือกได้ว่ำจะชมแบบที่มีภำพกรำฟิก หรือชมแบบตัวอักษร เพรำะหำกมีกรำฟิกมำกเกินไปจะใช้เวลำดำวน์
โหลดนำนสิ้นเปลืองค่ำใช้จ่ำยในกำรต่ออินเตอร์เน็ต ทำให้ผู้ใช้บริกำรไม่รอ และเลิกชมเว็บไซต์นั้นๆ
การประชาสัมพันธ์
องค์ความรู้ เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์(Public Relation)
วิวัฒนำกำรของกำรประชำสัมพันธ์ในประเทศไทยได้กำเนิดขึ้นอย่ำงเป็น ทำงกำรเกินกว่ำกึ่งศตวรรษ
แล้ว โดยเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476 เมื่อรัฐบำลได้ก่อตั้ง“กองโฆษณำกำร”(กรมประชำสัมพันธ์ในปัจจุบัน) เพื่อ
เผยแพร่ควำมรู้ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับกำรปกครองระบอบประชำธิปไตย และเพื่อเผยแพร่กิจกรรมต่ำง ๆ ของ
ทำงรำชกำรให้แก่ประชำชน จำกนั้นกำรประชำสัมพันธ์ก็ได้พัฒนำขึ้นเรื่อย ๆ ได้เริ่มขยำยด้วยกำรตั้ง โรงเรียน
กำรประชำสัมพันธ์ เพื่อสอนและอบรมให้มีบุคลำกรที่มีควำมรู้ควำมสำมำรถในงำนด้ำนนี้ไปรับใช้สังคมมำกขึ้น
และมีกำรเปิดสอนระดับปริญญำตรีในสำขำวิชำกำร ประชำสัมพันธ์ บทบำทของกำรประชำสัมพันธ์จึงมี
ควำมสำคัญมำกขึ้นเป็นลำดับ ในกำรที่ช่วยสร้ำงภำพพจน์ที่ดีให้แก่หน่วยงำน ในขณะเดียวกันกำร
ประชำสัมพันธ์เปรียบ เสมือนประตูที่เปิดรับควำมคิดเห็นของประชำชนที่มีต่อหน่วยงำนนั้น ๆ ปัจจุบันงำด้ำน
ประชำสัมพันธ์ได้เป็นที่ยอมรับในภำครัฐ รัฐวิสำหกิจเอกชนและสมำคมมูลนิธิ ต่ำงๆมำกขึ้น หน่วยงำนระดับ
กรมหรือเทียบเท่ำของภำครัฐทุกสถำบันของรัฐวิสำหกิจ หลำย ๆ ธุรกิจ เอกชนโดยเฉพำะสถำบันที่มีขนำด
ใหญ่หรือมีควำมสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับ ประชำชนจำนวนมำก ต่ำงก็มีฝ่ำยประชำสัมพันธ์และหรือผู้ปฏิบัติงำน/
เจ้ำหน้ำที่ที่ทำงำนทำงด้ำนนี้โดยตรงอย่ำงไรก็ตำมจำกอดีตถึงปัจจุบันกำรประชำสัมพันธ์สำมำรถจำแนกได้เป็น
สองลักษณะ โดยในอดีตนั้นกำรประชำสัมพันธ์เป็นเพียงกำรเผยแพร่ควำมรู้ควำมเข้ำใจ ข่ำวสำรข้อมูลและ
เรื่องรำวต่ำง ๆ ของสถำบันไปสู่ประชำชน หรืออำจสรุปได้ว่ำ เป็นกำรสื่อสำรทำงเดียวในอันที่จะให้ประชำชน
ได้รับทรำบ มีควำมรู้ควำมเข้ำใจ เกิดควำมนิยมและศรัทธำ แต่ในปัจจุบันบทบำทของกำรประชำสัมพันธ์ได้
เปลี่ยนแปลงไป นอกจำกจะมีควำมหมำยและควำมสำคัญในกำรส่งเสริม และสนับสนุนด้ำนกำรตลำดและกำร
ขำย มีควำมสัมพันธ์กับกำรโฆษณำพร้อม ๆ กับมีบทบำทหน้ำที่ในกำรสร้ำงบำรุงรักษำและแก้ภำพพจน์ให้แก่
สถำบันแล้ว กำรประชำสัมพันธ์ยังสร้ำงควำมสัมพันธ์ ระหว่ำงสถำบันกับประชำชนให้ถูกต้องเหมำะสมยิ่งขึ้น
โดยเฉพำะกำรตระหนักและเคำรพในควำมรู้ ควำมคิดเห็น ควำมต้องกำรและพฤติกรรมของประชำชนที่
เกี่ยวข้องมำกขึ้น ซึ่งยังผลให้กำรประชำสัมพันธ์มีลักษณะของกำรสื่อสำรแบบยุควิถีหรือกำรสื่อสำรสองทำงไป
กลับ (two3way communication) ที่สมบูรณ์ขึ้น
ความหมายของการประชาสัมพันธ์
คำว่ำ “กำรประชำสัมพันธ์” มำจำกคำว่ำ “ประชำ” กับ “สัมพันธ์” ซึ่งตรงกับภำษำอังกฤษว่ำ
“public relations” หรือที่เรียกกันทั่วไปว่ำ “PR” ตำมคำศัพท์นี้หมำยถึงกำรมีควำมสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับ
ประชำชน ตำมพจนำนุกรมฉบับรำชบัณฑิตยสถำน พ.ศ. 2525 หมำยถึง กำรติดต่อสื่อสำร เพื่อส่งเสริมควำม
เข้ำใจอันถูกต้องต่อกัน และถ้ำจะขยำยควำมหมำยให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น จะหมำยถึง “ควำมพยำยำมที่มีกำร
วำงแผนและเป็นกำรกระทำที่ต่อเนื่อง ในอันที่จะมีอิทธิพลเหนือควำมคิดจิตใจของประชำชน กลุ่มเป้ำหมำย
โดยกำรกระทำสิ่งที่ดีมีคุณค่ำให้กับสังคม เพื่อให้ประชำชนเหล่ำนี้เกิดทัศนคติทีดีต่อหน่วยงำนกิจกรรม และ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ

More Related Content

What's hot

ความรู้เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต..
ความรู้เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต..ความรู้เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต..
ความรู้เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต..runjaun
 
เอกสารนวัตกรรมบทที่ 1
เอกสารนวัตกรรมบทที่ 1เอกสารนวัตกรรมบทที่ 1
เอกสารนวัตกรรมบทที่ 1pom_2555
 
ความรู้เบื้องต้นอินเตอร์เน็ต2
ความรู้เบื้องต้นอินเตอร์เน็ต2ความรู้เบื้องต้นอินเตอร์เน็ต2
ความรู้เบื้องต้นอินเตอร์เน็ต2เขมิกา กุลาศรี
 
บทที่ 5 อินเทอร์เน็ตและการสืบค้น
บทที่ 5 อินเทอร์เน็ตและการสืบค้นบทที่ 5 อินเทอร์เน็ตและการสืบค้น
บทที่ 5 อินเทอร์เน็ตและการสืบค้นxsitezaa
 
รายงานอินเทอร์เน็ต
รายงานอินเทอร์เน็ตรายงานอินเทอร์เน็ต
รายงานอินเทอร์เน็ตnatlove220
 
บทที่3เรื่องอินเทอร์เน็ตและการใช้งาน
บทที่3เรื่องอินเทอร์เน็ตและการใช้งานบทที่3เรื่องอินเทอร์เน็ตและการใช้งาน
บทที่3เรื่องอินเทอร์เน็ตและการใช้งานPiyanoot Ch
 
เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อนำเสนองาน
เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อนำเสนองานเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อนำเสนองาน
เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อนำเสนองานPa Ng
 
ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตssuseraa96d2
 
ลักษณะของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่ละประเภทPDF
ลักษณะของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่ละประเภทPDFลักษณะของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่ละประเภทPDF
ลักษณะของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่ละประเภทPDFมติพร อัมพรรัตน์
 
หน่วยที่ 3 การใช้งานอินเทอร์เน็ต
หน่วยที่  3 การใช้งานอินเทอร์เน็ตหน่วยที่  3 การใช้งานอินเทอร์เน็ต
หน่วยที่ 3 การใช้งานอินเทอร์เน็ตPor Oraya
 
รายงานอินเทอร์เน็ต
รายงานอินเทอร์เน็ตรายงานอินเทอร์เน็ต
รายงานอินเทอร์เน็ตSarocha Makranit
 
อินเทอร์เน็ตเพื่องานเลขานุการ
อินเทอร์เน็ตเพื่องานเลขานุการอินเทอร์เน็ตเพื่องานเลขานุการ
อินเทอร์เน็ตเพื่องานเลขานุการPrapaporn Boonplord
 
อินเทอร์เน็ต5.1
อินเทอร์เน็ต5.1อินเทอร์เน็ต5.1
อินเทอร์เน็ต5.1Pp'dan Phuengkun
 
ลักษณะของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่ละประเภทpptx
ลักษณะของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่ละประเภทpptxลักษณะของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่ละประเภทpptx
ลักษณะของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่ละประเภทpptxมติพร อัมพรรัตน์
 
หน่วยที่ 3 อินเทอร์เน็ตและการใช้งาน
หน่วยที่  3 อินเทอร์เน็ตและการใช้งานหน่วยที่  3 อินเทอร์เน็ตและการใช้งาน
หน่วยที่ 3 อินเทอร์เน็ตและการใช้งานอรยา ม่วงมนตรี
 

What's hot (19)

Internet
InternetInternet
Internet
 
ความรู้เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต..
ความรู้เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต..ความรู้เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต..
ความรู้เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต..
 
เอกสารนวัตกรรมบทที่ 1
เอกสารนวัตกรรมบทที่ 1เอกสารนวัตกรรมบทที่ 1
เอกสารนวัตกรรมบทที่ 1
 
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Internet
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Internetความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Internet
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Internet
 
ความรู้เบื้องต้นอินเตอร์เน็ต2
ความรู้เบื้องต้นอินเตอร์เน็ต2ความรู้เบื้องต้นอินเตอร์เน็ต2
ความรู้เบื้องต้นอินเตอร์เน็ต2
 
บทที่ 5 อินเทอร์เน็ตและการสืบค้น
บทที่ 5 อินเทอร์เน็ตและการสืบค้นบทที่ 5 อินเทอร์เน็ตและการสืบค้น
บทที่ 5 อินเทอร์เน็ตและการสืบค้น
 
รายงานอินเทอร์เน็ต
รายงานอินเทอร์เน็ตรายงานอินเทอร์เน็ต
รายงานอินเทอร์เน็ต
 
บทที่3เรื่องอินเทอร์เน็ตและการใช้งาน
บทที่3เรื่องอินเทอร์เน็ตและการใช้งานบทที่3เรื่องอินเทอร์เน็ตและการใช้งาน
บทที่3เรื่องอินเทอร์เน็ตและการใช้งาน
 
เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อนำเสนองาน
เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อนำเสนองานเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อนำเสนองาน
เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อนำเสนองาน
 
ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
 
ลักษณะของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่ละประเภทPDF
ลักษณะของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่ละประเภทPDFลักษณะของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่ละประเภทPDF
ลักษณะของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่ละประเภทPDF
 
Internet
InternetInternet
Internet
 
หน่วยที่ 3 การใช้งานอินเทอร์เน็ต
หน่วยที่  3 การใช้งานอินเทอร์เน็ตหน่วยที่  3 การใช้งานอินเทอร์เน็ต
หน่วยที่ 3 การใช้งานอินเทอร์เน็ต
 
ศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
ศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
ศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
 
รายงานอินเทอร์เน็ต
รายงานอินเทอร์เน็ตรายงานอินเทอร์เน็ต
รายงานอินเทอร์เน็ต
 
อินเทอร์เน็ตเพื่องานเลขานุการ
อินเทอร์เน็ตเพื่องานเลขานุการอินเทอร์เน็ตเพื่องานเลขานุการ
อินเทอร์เน็ตเพื่องานเลขานุการ
 
อินเทอร์เน็ต5.1
อินเทอร์เน็ต5.1อินเทอร์เน็ต5.1
อินเทอร์เน็ต5.1
 
ลักษณะของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่ละประเภทpptx
ลักษณะของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่ละประเภทpptxลักษณะของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่ละประเภทpptx
ลักษณะของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่ละประเภทpptx
 
หน่วยที่ 3 อินเทอร์เน็ตและการใช้งาน
หน่วยที่  3 อินเทอร์เน็ตและการใช้งานหน่วยที่  3 อินเทอร์เน็ตและการใช้งาน
หน่วยที่ 3 อินเทอร์เน็ตและการใช้งาน
 

Similar to ทฤษฎีการออกแบบเว็บ

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตSutin Yotyavilai
 
ระบบเครือข่าย (network computer)
ระบบเครือข่าย  (network computer)ระบบเครือข่าย  (network computer)
ระบบเครือข่าย (network computer)Theruangsit
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 อินเทอร์เน็ต
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 อินเทอร์เน็ตหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 อินเทอร์เน็ต
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 อินเทอร์เน็ตPrapatsorn Keawnoun
 
คอม 2-2558
คอม 2-2558คอม 2-2558
คอม 2-2558PTtp WgWt
 
อินเตอร์เน็ตเบื้องต้นสำหรับครูยุคใหม่
อินเตอร์เน็ตเบื้องต้นสำหรับครูยุคใหม่อินเตอร์เน็ตเบื้องต้นสำหรับครูยุคใหม่
อินเตอร์เน็ตเบื้องต้นสำหรับครูยุคใหม่Kobwit Piriyawat
 
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ปิยะดนัย วิเคียน
 
บทที่ 10
บทที่ 10บทที่ 10
บทที่ 10Min Jidapa
 
บทที่ 10
บทที่ 10บทที่ 10
บทที่ 10katuckkt
 
บทที่ 10
บทที่ 10บทที่ 10
บทที่ 10Maprangmp
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1Suphattra
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1Suphattra
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1Ammarirat
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1Suphattra
 
อิรเตอร์เน็ต
อิรเตอร์เน็ตอิรเตอร์เน็ต
อิรเตอร์เน็ตNaluemonPcy
 
งานนำเสนอ1(ติ่ง)
งานนำเสนอ1(ติ่ง)งานนำเสนอ1(ติ่ง)
งานนำเสนอ1(ติ่ง)Paveenut
 

Similar to ทฤษฎีการออกแบบเว็บ (20)

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต
 
ระบบเครือข่าย (network computer)
ระบบเครือข่าย  (network computer)ระบบเครือข่าย  (network computer)
ระบบเครือข่าย (network computer)
 
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 อินเทอร์เน็ต
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 อินเทอร์เน็ตหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 อินเทอร์เน็ต
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 อินเทอร์เน็ต
 
คอม 2-2558
คอม 2-2558คอม 2-2558
คอม 2-2558
 
อินเตอร์เน็ตเบื้องต้นสำหรับครูยุคใหม่
อินเตอร์เน็ตเบื้องต้นสำหรับครูยุคใหม่อินเตอร์เน็ตเบื้องต้นสำหรับครูยุคใหม่
อินเตอร์เน็ตเบื้องต้นสำหรับครูยุคใหม่
 
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
บทที่ 10
บทที่ 10บทที่ 10
บทที่ 10
 
บทที่ 10
บทที่ 10บทที่ 10
บทที่ 10
 
บทที่ 10
บทที่ 10บทที่ 10
บทที่ 10
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1งานนำเสนอ1
งานนำเสนอ1
 
Internet
InternetInternet
Internet
 
Internet
InternetInternet
Internet
 
Internet
InternetInternet
Internet
 
Internet
InternetInternet
Internet
 
อิรเตอร์เน็ต
อิรเตอร์เน็ตอิรเตอร์เน็ต
อิรเตอร์เน็ต
 
ประวัติความเป็นมาของ Internet
ประวัติความเป็นมาของ Internetประวัติความเป็นมาของ Internet
ประวัติความเป็นมาของ Internet
 
งานนำเสนอ1(ติ่ง)
งานนำเสนอ1(ติ่ง)งานนำเสนอ1(ติ่ง)
งานนำเสนอ1(ติ่ง)
 

More from prawanya

ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บprawanya
 
การพัฒนาเว็บไซต์
การพัฒนาเว็บไซต์การพัฒนาเว็บไซต์
การพัฒนาเว็บไซต์prawanya
 
ตารางวิเคราะห์เว็บ
ตารางวิเคราะห์เว็บตารางวิเคราะห์เว็บ
ตารางวิเคราะห์เว็บprawanya
 
วิเคราะห์เว็บไซต์
วิเคราะห์เว็บไซต์วิเคราะห์เว็บไซต์
วิเคราะห์เว็บไซต์prawanya
 
วิเคราะห์เว็บไซต์
วิเคราะห์เว็บไซต์วิเคราะห์เว็บไซต์
วิเคราะห์เว็บไซต์prawanya
 
Reflection1
Reflection1Reflection1
Reflection1prawanya
 
หนังสือเล่มเล็กก
หนังสือเล่มเล็กกหนังสือเล่มเล็กก
หนังสือเล่มเล็กกprawanya
 
ตารางวิเคราะห์เว็บ
ตารางวิเคราะห์เว็บตารางวิเคราะห์เว็บ
ตารางวิเคราะห์เว็บprawanya
 
วิเคราะห์เว็บไซต์
วิเคราะห์เว็บไซต์วิเคราะห์เว็บไซต์
วิเคราะห์เว็บไซต์prawanya
 
วิเคราะห์เว็บไซต์
วิเคราะห์เว็บไซต์วิเคราะห์เว็บไซต์
วิเคราะห์เว็บไซต์prawanya
 
Reflection1
Reflection1Reflection1
Reflection1prawanya
 
Reflection
ReflectionReflection
Reflectionprawanya
 
หนังสือเล่มเล็กก
หนังสือเล่มเล็กกหนังสือเล่มเล็กก
หนังสือเล่มเล็กกprawanya
 
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บprawanya
 

More from prawanya (20)

ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
 
การพัฒนาเว็บไซต์
การพัฒนาเว็บไซต์การพัฒนาเว็บไซต์
การพัฒนาเว็บไซต์
 
Smart
SmartSmart
Smart
 
21
2121
21
 
ตารางวิเคราะห์เว็บ
ตารางวิเคราะห์เว็บตารางวิเคราะห์เว็บ
ตารางวิเคราะห์เว็บ
 
วิเคราะห์เว็บไซต์
วิเคราะห์เว็บไซต์วิเคราะห์เว็บไซต์
วิเคราะห์เว็บไซต์
 
วิเคราะห์เว็บไซต์
วิเคราะห์เว็บไซต์วิเคราะห์เว็บไซต์
วิเคราะห์เว็บไซต์
 
Smart
SmartSmart
Smart
 
21
2121
21
 
Reflection1
Reflection1Reflection1
Reflection1
 
หนังสือเล่มเล็กก
หนังสือเล่มเล็กกหนังสือเล่มเล็กก
หนังสือเล่มเล็กก
 
ตารางวิเคราะห์เว็บ
ตารางวิเคราะห์เว็บตารางวิเคราะห์เว็บ
ตารางวิเคราะห์เว็บ
 
วิเคราะห์เว็บไซต์
วิเคราะห์เว็บไซต์วิเคราะห์เว็บไซต์
วิเคราะห์เว็บไซต์
 
วิเคราะห์เว็บไซต์
วิเคราะห์เว็บไซต์วิเคราะห์เว็บไซต์
วิเคราะห์เว็บไซต์
 
Reflection1
Reflection1Reflection1
Reflection1
 
Reflection
ReflectionReflection
Reflection
 
หนังสือเล่มเล็กก
หนังสือเล่มเล็กกหนังสือเล่มเล็กก
หนังสือเล่มเล็กก
 
Smart
SmartSmart
Smart
 
21
2121
21
 
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บทฤษฎีการออกแบบเว็บ
ทฤษฎีการออกแบบเว็บ
 

ทฤษฎีการออกแบบเว็บ

  • 1. แนวคิดเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต คำว่ำอินเทอร์เน็ต (Internet) เป็นคำย่อของ Internetwork หมำยถึง เครือข่ำยคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ ที่สุดในโลก โดยเชื่อมโยงเครือข่ำยย่อยจำนวนมำกมำยมหำศำล นับตั้งแต่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ใช้ งำนภำยในบ้ำนและสำนักงำนไปจนถึงคอมพิวเตอร์ขนำดใหญ่แบบเมนเฟรมในโรงงำนอุตสำหกรรมและ อินเทอร์เน็ตสำมำรถทำให้คนเรำสำมำรถติดต่อสื่อสำรกันได้อย่ำงรวดเร็วไม่ว่ำจะอยู่ส่วนใดของโลก แต่เดิมนั้น อินเทอร์เน็ต เป็นเครือข่ำยที่ใช้ในกิจกำรทำงทหำร ของสหรัฐอเมริกำชื่อ อำร์พำเน็ต(ARPANET : Advanced Research Projects Agency Network) ซึ่งเริ่มใช้ในกิจกำรเมื่อประมำณพ.ศ. 2512 คือ 39 ปีมำแล้ว ภำยหลังมีมหำวิทยำลัยหลำยแห่งขอร่วมเครือข่ำย โดยเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์ของมหำวิทยำลัยกับ เครือข่ำยดังกล่ำว เพื่อใช้ประโยชน์ในกำรศึกษำและกำรวิจัย ต่อมำเมื่อมีกำรใช้เทคนิคกำรสื่อสำรโต้ตอบที่ เรียกว่ำโพรโทคอล (protocol)แบบเฉพำะของอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่ำ Transmission Control Protocol/ Internet Protocol (TCP/IP)เครือข่ำยนี้จึงได้รับควำมนิยมต่อเนื่องและมีคอมพิวเตอร์มำเชื่อมโยงมำกขึ้น จนกระทั่งกลำยเป็นเครือข่ำยระบบคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (สุพิชญำ เข็มทอง,2547) ประเทศไทยเริ่มสนใจ และติดต่อกับอินเตอร์เน็ต ตั้งแต่ พ.ศ.2530 โดยมหำวิทยำลัยสงขลำนครินทร์(วิทยำเขต หำดใหญ่) และสถำบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ซึ่งในปี พ.ศ.2531 วิทยำเขตดังกล่ำวนับเป็นที่อยู่ของอินเทอร์เน็ต แห่งแรกของประเทศไทย โดยได้รับที่อยู่ (Address) ชื่อ sritrang.psu.th พ.ศ. 2534 เป็นปีที่มีกำรนำ อินเทอร์เน็ตเข้ำมำอยู่ในประเทศไทยอย่ำงสมบูรณ์แบบโดยจุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย ได้เช่ำสำยเป็นสำย ควำมเร็วสูงต่อเชื่อมกับเครือข่ำย UUNET ของบริษัทเอกชนที่รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกำ ต่อมำ มหำวิทยำลัยมหิดล มหำวิทยำลัยเชียงใหม่สถำบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้ำ และมหำวิทยำลัยอัสสัมชัญ บริหำรธุรกิจ ได้ขอเชื่อมต่อผ่ำนจุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย และเรียกเครือข่ำยนี้ว่ำ “ไทยเน็ต” (THAI net) นับเป็นเกตเวย์ (Gateway)แรกสู่เครือข่ำยอินเทอร์เน็ตสำกลของประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2535 ศูนย์เทคโนโลยี อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชำติ (NECTEC: National Electronic and Computer Technology Centre) ได้จัดตั้งกลุ่มเครือข่ำยประกอบด้วยมหำวิทยำลัยอีกหลำยแห่ง เรียกว่ำ เครือข่ำย “ไทยสำร” ต่อเชื่อมกับเครือข่ำย UUNETด้วยนับเป็นเกตเวย์สู่เครือข่ำยอินเทอร์เน็ตแห่งที่สอง (อธิปัตย์ คลี่สุนทร, 2542) ประโยชน์โดยทั่วไปของอินเทอร์เน็ต อธิปัตย์ คลี่สุนทร (2542) ได้กล่ำวถึงประโยชน์โดยทั่วไปของอินเทอร์เน็ต ว่ำอินเทอร์เน็ตเป็นระบบเครือข่ำยเปิดและสำมำรถติดต่อเชื่อมโยงตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นเรำจึงสำมำรเข้ำถึง ข้อมูล ซึ่งประกอบด้วยข้อควำม ภำพ และเสียง ที่มีผู้นำเสนอไว้ได้โดยผ่ำนรูปแบบและเนื้อหำที่แตกต่ำงกัน นอกจำกนั้นยังสำมำรถเป็นที่สื่อสำรแลกเปลี่ยนควำมรู้ประสบกำรณ์ แนวคิดที่หลำกหลำย อำทิ ด้ำนกำรเมือง กำรอุตสำหกรรม กำรแพทย์ ศำสนำสิ่งแวดล้อม ดนตรี กีฬำ กำรค้ำ กำรท่องเที่ยว วัฒนธรรม เป็นต้น ซึ่ง นอกจำกจะรวดเร็วแล้วยังประหยัดค่ำใช้จ่ำยอีกด้วย
  • 2. ความหมายของเว็บไซต์ ควำมหมำยของเวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web) เวิลด์ไวด์เว็บ นิยมเรียกสั้นๆ ว่ำเว็บ หรือ WWW ถือเป็นส่วนที่น่ำสนใจที่สุดบนอินเทอร์เน็ต เพรำะสำมำรถแสดงสำรสนเทศต่ำงๆ ได้หลำกหลำย เช่น นิตยสำร หรือหนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ ข้อมูลด้ำนดนตรีกีฬำ กำรศึกษำ ซึ่งสำมำรถนำเสนอได้ทั้งภำพ เสียง รวมถึง ภำพเคลื่อนไหว เช่นแฟ้มภำพวีดิทัศน์หรือตัวอย่ำงภำพยนตร์และกำรสืบค้นสำรสนเทศในเวิลด์ไวด์เว็บนั้น จำเป็นต้องอำศัยโปรแกรมค้นดูเว็บ (web browser) ในกำรเข้ำถึงแหล่งข้อมูล โดยที่เว็บกับโปรแกรมค้นผ่ำน จะทำหน้ำที่รวบรวมและกระจำยเอกสำรที่เครือข่ำยที่ทำไว้ โดยกิดำนันท์ มลิทอง (2540) ได้กล่ำวถึง เวิลด์ไวด์เว็บว่ำ เป็นบริกำรสืบค้นสำรสนเทศที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตในระบบข้อควำมหลำยมิติ (hypertext) โดย คลิกที่จุดเชื่อมโยง เพื่อเสนอหน้ำเอกสำรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องสำรสนเทศที่นำเสนอจะมีรูปแบบทั้งในลักษณะของ ตัวอักษรภำพนิ่ง ภำพเคลื่อนไหว และเสียง สำหรับคำว่ำเว็บไซต์ กิดำนันท์ มลิทอง (2542) ได้อธิบำยว่ำเว็บไซต์ก็คือแหล่งที่รวบรวมเว็บเพจ จำนวนมำกมำยหลำยหน้ำในเรื่องเดียวกันมำรวมอยู่ด้วยกัน แต่สิ่งหนึ่งในกำรเสนอเรื่องรำวที่อยู่บนเว็บไซต์ที่ แตกต่ำงไปจำกโปรแกรมโทรทัศน์ เนื้อหำในนิตยสำร หรือหนังสือพิมพ์ เนื่องจำกกำรทำงำนบนเว็บจะไม่มีวัน สิ้นสุด ทั้งนี้เนื่องจำกเรำสำมำรถเปลี่ยนแปลงและเพิ่มสำรสนเทศบนเว็บไซต์ได้ตลอดเวลำ และแต่ละเว็บเพจ จะมีกำรเชื่อมโยงกันภำยในเว็บไซต์หรือไปยังเว็บไซต์อื่นๆเพื่อให้ผู้อ่ำนสำมำรถอ่ำนได้ในเวลำอันรวดเร็ว ซึ่ง สอดคล้องกับนิรุธ อำนวยศิลป์ (2542) ซึ่งกล่ำวถึงเว็บไซต์ว่ำเป็นชื่อเรียก Host หรือ Server ที่ได้จดทะเบียน อยู่ใน เวิลด์ไวด์เว็บ ซึ่งก็คือชื่อชื่อ Host ที่ถูกกำหนดให้มีชื่อในเวิลด์ไวด์เว็บ และขึ้นต้นด้วย http และมีโดเมน หรือนำมสกุลเป็น .com, .net,.org หรืออื่นๆ สำหรับควำมหมำยของคำว่ำเว็บเพจ (Web page) นั้น สำนักงำนเลขำนุกำรคณะกรรมกำรเทคโนโลยี สำรสนเทศแห่งชำติ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชำติ (2540) ได้ให้ควำมหมำยของเว็บ เพจไว้ดังนี้ เว็บเพจ คือหน้ำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์บนเว็บ ที่เจ้ำของเว็บเพจต้องกำรจะใส่ลงไปในหน้ำหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์นั้น เช่น ข้อมูลแนะนำตัวเองซึ่งอำจเป็นบุคคลหรือองค์กรที่ต้องกำรให้ผู้อื่นได้ทรำบ หรือข้อมูลที่ น่ำสนใจ เป็นต้น โดยที่ข้อมูลที่แสดงเป็นได้ทั้งข้อควำม เสียง ภำพนิ่ง และภำพเคลื่อนไหวและข้อมูลที่นำเสนอ สำมำรถเชื่อมโยงในรูปของไฮเพอร์เท็กซ์ คือ เชื่อมโยงไปยังเว็บเพอื่นที่จะให้ข้อมูลนั้นๆ ในระดับลึกลงไปได้ เรื่อยๆและเว็บเพจจะต้องมีที่อยู่อิเล็กทรอนิกส์บนเครือข่ำยเฉพำะของตน ซึ่งแหล่งที่อยู่นี้เรียกว่ำ URL (Uniform Resource Locator) ส่วนอีกควำมหมำยหนึ่งของเว็บเพจ คือ รูปแบบกำรปฏิสัมพันธ์ของกำรสื่อสำรโดยใช้เครือข่ำย คอมพิวเตอร์ โดยส่วนประกอบสำคัญของเว็บเพจมีสองส่วนคือ ส่วนที่เป็นปฏิสัมพันธ์ และส่วนที่เป็นสื่อ ประสมสำหรับส่วนที่เป็นสื่อประสมนั้นจะประกอบไปด้วย ตัวอักษร เสียงภำพเคลื่อนไหว และแฟ้มวีดิทัศน์ซึ่ง ทั้งหมดนี้จะประกอบกันเพื่อนำเสนอเนื้อหำ และในส่วนที่เป็นปฏิสัมพันธ์ เนื่องจำกผู้ใช้สำมำรถส่งข้อมูล หรือ คำสั่งไปยังเว็บไซต์ที่ถูกควบคุมด้วยบริกำรเว็บอีกทอดหนึ่ง ในแต่ละเว็บเพจจะมีที่อยู่เว็บที่เรียกว่ำUniform
  • 3. Resource Locator (URL) โดยที่อยู่เว็บ จะปรำกฏในช่อง Address (เป็นส่วนของกล่องข้อควำมและ drop- down) ที่ส่วนบนของจอภำพโดยที่อยู่เว็บนั้นเปรียบเสมือนทำงผ่ำนบนอินเทอร์เน็ตเพื่อไปยังเว็บเพจที่ต้องกำร เช่นเดียวกับกำรค้นหำแฟ้มต่ำงๆ ในคอมพิวเตอร์ การออกแบบและการพัฒนา กระบวนการออกแบบหน้าเว็บไซต์ (Page design) กำรออกแบบหน้ำเว็บไซต์เป็นขั้นตอนที่มีควำมสำคัญมำกขั้นตอนหนึ่ง เนื่องจำกเป็นตัวกลำงในกำร นำเสนอเนื้อหำ ข้อมูลข่ำวสำร และวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ ทำหน้ำที่ดึงดูดควำมสนใจของผู้เข้ำชม สร้ำควำม พึงพอใจให้แก่ผู้รับสำร รวมทั้งกำหนดรูปแบบของกำรปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้บริกำรอีกด้วย จำกกำรศึกษำข้อมูล เบื้องต้น ผู้ศึกษำแบ่งกำรออกแบบเว็บไซต์เป็น 2 ส่วน คือ 1. กำรออกแบบกรำฟิกเพื่อปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้บริกำร (Graphic User Interface) 2. กำรออกแบบเทคโนโลยีกำรนำเสนอข้อมูลของเว็บไซต์ 1. การออกแบบกราฟิกเพื่อปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้บริการ (Graphic User Interface) กำรปฏิสัมพันธ์ คือ ระบบซึ่งผู้ใช้มีกำรควบคุมและตอบสนองต่อกำรสื่อสำร กรณีของกำรสื่อสำรใน เว็บไซต์ผู้ใช้บริกำรควบคุมกำรท่องไปในเว็บไซต์ด้วยตนเอง โดยใช้งำน Interface ซึ่งเป็นส่วนประกอบต่ำงๆ ในหน้ำเว็บไซต์ ประกอบด้วย 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ 1.1 ระบบเนวิเกชั่นหรือระบบนำทำง (Navigation System) เป็นกำรออกแบบลักษณะของปุ่มเมนูเนวิเกชั่น (Navigation Menu) ตำแหน่งกำรจัดวำง รวมถึง ลักษณะกำรเชื่อมโยงข้อมูลภำยในเว็บไซต์ รวมเรียกว่ำ ระบบเนวิเกชั่นหลัก (Main Navigation) เนวิเกชั่นเมนู ประกอบด้วยกลุ่มลิงค์ต่ำงๆ รวมกันอยู่ในบริเวณหนึ่งของหน้ำเว็บทำหน้ำที่นำเสนอ วิธีกำรท่องเว็บไซต์ด้วยเส้นทำงต่ำงๆ กัน ระบบเนวิเกชั่นหลักที่นิยมมี 2 แบบ คือ a. ระบบเนวิเกชั่นแบบลำดับชั้น (Hierarchical) ซึ่งเป็นเนวิเกชั่นแบบพื้นฐำน เป็นกำรเชื่อมโยง ข้อมูลแบบรำกต้นไม้ จำกหน้ำหลักไปยังหน้ำย่อยๆ ถัดลงไป หรือย้อนกลับขึ้นมำตำมลำดับชั้น ทำให้กำร เคลื่อนที่ในเว็บไซต์เป็นแนวตั้ง ไม่คล่องตัว ต้องอำศัยระบบเนวิเกชั่นเสริม เช่น ระบบเนวิเกชั่นแบบโลคอล (Local) หรือระบบเนวิเกชั่นเฉพำะที่ ซึ่งมีลักษณะเป็นภำพ (Hyperlink) หรือข้อควำมแบบไฮเปอร์เท็กซ์ (Hypertext) ช่วยลิงค์ไปยังหน้ำอื่นๆ ที่ไม่ได้เชื่อมโยงกันด้วยระบบเนวิกชั่นหลัก b. ระบบเนวิเกชั่นแบบโกลบอล (Global) หรือเชื่อมโยงแบบอิสระ (Referential) เป็นกำรลิงค์ ข้อมูล แบบอิสระทำให้สำมำรถเคลื่อนที่ได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนอย่ำงมีประสิทธิ ภำพตลอดทั่วทั้งเว็บไซต์
  • 4. 1.2 เนวิเกชั่นเมนูมีหลำยประเภท ทำหน้ำที่แสดงหัวข้อย่อยของเนื้อหำภำยในเว็บไซต์ เพื่อเชื่อมโยง ไปยังเว็บเพจนั้นๆ รูปแบบที่นิยมใช้ทั่วไป เช่น a. เนวิเกชั่นแบบแถบ (Navigation Bar) มีลักษณะเป็นแถบแสดงรำยกำรย่อย ซึ่งมักแสดง หัวข้อเรียงกันในแนวตั้งหรือแนวนอน มีข้อดีคือ ใช้งำนง่ำย แต่ไม่เหมำะกับเว็บไซต์ที่มีหัวข้อจำนวนมำก เพรำะเปลืองพื้นที่ b. Pull-down Menu มีลักษณะเป็นแถบที่มีช่องแสดงรำยกำรย่อย โดยรำยกำรย่อยจะเลื่อนลง มำเมื่อคลิกลูกศรลงมีข้อดีคือ แสดงรำยกำรย่อยได้มำก ประหยัดพื้นที่เหมำะกับข้อมูลประเภทเดียวกันจำนวน มำก เช่น ชื่อจังหวัด ภำษำ แต่ไม่เหมำะกับข้อมูลต่ำงประเภทกัน c. Pop-up Menu มีลักษณะเป็นแถบแสดงรำยกำรย่อย ที่จะปรำกฎขึ้นมำเมื่อใช้เมำส์ชี้ หรือ วำงเหนือตำแหน่งรำยกำรหลัก สร้ำงด้วยกำรเขียนคำสั่ง Java Script มีข้อดีคือประหยัดพื้นที่ d. Frame-based มีลักษณะเป็นแถบแสดงรำยกำรย่อย คล้ำยเนวิเกชั่นแบบแถบแต่มีกำรแบ่ง เว็บเพจออกเป็นส่วนๆ แต่ละส่วนเรียกว่ำ เฟรม แถบเนวิเกชั่นจะอยู่คนละเฟรมกับเนื้อหำ ทำให้ไม่ว่ำจะลิงค์ ไปยังหัวข้อไหนก็ตำม ก็จะมีกำรเปลี่ยนแปลงแค่เฟรมที่เป็นเนื้อหำเท่ำนั้น เฟรมที่เป็นแถบแสดงรำยกำรย่อย จะยังคงเหลือเดิม มีข้อดีคือ มีควำมสม่ำเสมอ แต่จะแสดงผล URL ไม่ถูกต้อง ทำให้ไม่สำมำรถ Bookmark ได้ ใช้กำรออกแบบที่ซับซ้อน และพื้นที่แสดงข้อมูลน้อยลง เนวิเกชั่นที่นิยมใช้มีหลำยลักษณะ อำจเป็นตัวหนังสือ ปุ่มกรำฟิก หรือสัญรูป (Icon) ซึ่งเป็นภำพสื่อ ควำมหมำยของหัวข้อหลัก ๆ ซึ่งไอคอนและปุ่มกรำฟิกมีข้อดี คือ สำมำรถดึงดูดควำมสนใจได้ดีกว่ำตัวอักษร แต่ทำกำรแสดงผลหน้ำเว็บช้ำลง และอำจสื่อควำมหมำยได้ไม่ชัดเจนเท่ำแบบตัวอักษร ซึ่งมีข้อดีคือ แสดงผล เร็ว สื่อควำมหมำยได้ดี และสำมำรถเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมรำยกำรในเมนูได้ง่ำยกว่ำ ไอคอนที่ดีจะต้องจำได้ง่ำย สื่อควำมหมำยชัดเจน ทำได้โดยกำรใช้สัญลักษณ์ที่ผู้ใช้คุ้นเคยและไม่ควร ใช้สีมำกกว่ำ 2 สี จำนวนของไอคอนควรพิจำรณำใช้ตำมควำมจำเป็นในกำรใช้งำน โดยจัดกลุ่มไอคอนแยก ต่ำงหำกจำกเนวิเกชั่นเมนู สำหรับกำรใช้เนวิเกชั่นเมนูแบบตัวอักษรนั้น ควรเลือกใช้คำสั้นกระชับ แต่ได้ ใจควำมชัดเจน ตำแหน่งกำรจัดวำงเนวิเกชั่นเมนูขึ้นอยู่กับระบบเนวิเกชั่นที่ใช้ เนวิเกชั่นแบบเชื่อมโยงอิสระควรวำงไว้ ตำแหน่งบนสุด หรือด้ำนซ้ำย ซึ่งผู้ใช้จะมองเห็นได้ก่อน เนื่องจำกรูปแบบกำรมอง (Viewing Pattern) ของ ผู้อ่ำน จะเป็นแนวจำกซ้ำยไปขวำและจำกบนลงล่ำง ถ้ำเป็นเนวิเกชั่นแบบโลคอล ควรมีลิงค์ไปยังหน้ำแรกใน ทุกๆ เว็บเพจ และอยู่ในตำแหน่เดียวกันทุกหน้ำ ซึ่งอำจเป็นด้ำนล่ำงสุดของทุกหน้ำก็ได้ นอกจำกนี้ยังมีระบบเนวิเกชั่นเสริม (Supplement Navigation) เพื่อเพิ่มควำมสะดวกในกำรใช้งำน เว็บไซต์ แต่ไม่สำมำรถใช้แทนระบบเนวิเกชั่นหลักได้ เช่น ระบบสำรบัญ (Table of Contents)เป็นสิ่งที่ผู้ใช้ ส่วนใหญ่คุ้นเคย เนื่องจำกลักษณะเหมือนสำรบัญในหนังสือ ระบบดัชนี (Index System) คือ แบ่งข้อมูลตำม ตัวอักษณแรกของคำ แผนที่เว็บไซต์ (Site Map) แสดงโครงสร้ำงข้อมูลแบบกรำฟิก เพื่อควำมสวยงำม
  • 5. ระบบเนวิเกชั่นที่มีประสิทธิภำพควรมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1. สำมำรถเข้ำใจวิธีกำรใช้งำนได้ง่ำย เพรำะหำกผู้ใช้บริกำรต้องใช้เวลำนำนในกำรทำควำม เข้ำใจระบบเนวิเกชั่น จะมีควำมพยำยำมในกำรติดตำมเนื้อหำน้อยลง และอำจไม่กลับเข้ำมำใช้บริกำรอีก 2. เป็น Interface Famity คือ ระบบเนวิเกชั่นที่มีควำมสม่ำเสมอตลอดทั้งเว็บไซต์ ทั้งลักษณะ รูปร่ำงหน้ำตำ ตำแหน่งกำรจัดวำง จำนวนรำยกำรในเมนู และลำดับของรำยกำร 3. มีกำรตอบสนองต่อผู้ใช้โดยมีกำรแสดงตำแหน่งปัจจุบันของผู้ใช้ด้วยกำรเปลี่ยนแปลงสี หรือ ลักษณะของรำยกำรปัจจุบันให้ต่ำงไปจำกรำยกำรอื่นๆ ในเมนู และบ่งชี้ให้เห็นว่ำหน้ำไหนที่ได้เข้ำไปชมแล้ว โดยกำหนดสีของลิงค์ที่คลิกแล้ว ให้ต่ำงจำกลิงค์ที่ยังไม่ได้คลิก 4. มีควำมพร้อมและเหมำะสมในกำรใช้งำน โดยเนวิเกชั่นต้องอยู่ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจน และ เสนอทำงเลือกที่ผู้ใช้น่ำจะต้องกำรเมื่อชมหน้ำนั้นเสร็จ 5. นำเสนอหลำยทำงเลือก โดยเนวิเกชั่นหลำยรูปแบบให้เลือกใช้ตำมควำมถนัด เช่น มีเครื่องมือ ค้นหำ (Search Box) ให้ในกรณีที่ผู้ใช้ต้องกำรหำข้อมูลอย่ำงรวดเร็ว โดยไม่ต้องคลิกดูตำมหัวข้อต่ำงๆ เป็นต้น 6. มีขั้นตอนสั้นและประหยัดเวลำ เพื่อให้ผู้ใช้บริกำรเข้ำถึงข้อมูลโดยผ่ำนขั้นตอนน้อยที่สุด ซึ่ง ขึ้นอยู่กับกำรออกแบบชั้นของข้อมูล รำยกำรย่อยในเมนูไม่ควรมำกกว่ำ 8–10 รำยกำร เพื่อให้ผู้ใช้ตัดสินใจ เลือกได้ง่ำย หรือมี Navigation Shortcut เพื่อลัดเข้ำสู่เป้ำหมำยเร็วขึ้น เช่น Site Map หรือระบบดัชนี เป็น ต้น 7. ใช้คำอธิบำยลิงค์ที่ชัดเจนและเข้ำใจง่ำย เลือกใช้คำที่มีควำมหมำยชัดเจน โดยอ้ำงอิงจำกควำม เข้ำใจของกลุ่มผู้ใช้บริกำร เพื่อแสดงถึงเป้ำหมำยของลิงค์ 8. มีรูปแบบที่สื่อถึงเนื้อหำภำยเว็บไซต์ ทำได้โดยกำรออกแบบลักษณะของเนวิเกชั่นเมนูให้ สัมพันธ์กับส่วนประกอบอื่นๆ ในเว็บไซต์ แต่ต้องเห็นได้ชัดเจนว่ำเป็นเนวิเกชั่นเมนู 9. สนับสนุนวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ เช่น เพื่อให้รำยละเอียดของสินค้ำ หรือเพื่อให้บริกำรด้ำน ข้อมูลข่ำวสำร เป็นต้น 10. สอดคล้องกับประสบกำรณ์ และพฤติกรรมของผู้ใช้บริกำร โดยกำรสอบถำมและรับฟังควำม คิดเห็นจำกผู้ใช้ เพื่อค้นหำวัตถุประสงค์ของกำรเข้ำชมและพฤติกรรมกำรใช้งำน กำรออกแบบทำงทัศนะและองค์ประกอบอื่นๆ ในเว็บไซต์ หมำยถึง ลักษณะของภำพประกอบ (Image) ตัวอักษร (Font) และพื้นหลัง (Background) กำรใช้สีโดยรวม (Color Scheme)และองค์ประกอบ อื่นๆ ที่ใช้ดึงดูดควำมสนใจ (Gimmick) เช่น ภำพเคลื่อนไหว (Animation) เสียง (Sound) ภำพยนตร์ขนำด สั้น (Movie Clip Video Clip) เป็นต้น 1. ลักษณะของภำพประกอบ (Image)กำรใช้รูปภำพในเว็บไซต์ มักใช้เพื่อประกอบเนื้อหำ สื่อ ควำมหมำย หรือตกแต่งเว็บไซต์ให้มีสีสันสวยงำม ดึงดูดควำมสนใจของผู้ใช้บริกำร ผู้วิจัยแบ่งลักษณะรูปภำพที่ นิยมใช้ในเว็บไซต์ตำมควำมละเอียดของภำพและควำมต่อเนื่องในกำรไล่ระดับสี คือ ภำพถ่ำย ภำพกรำฟิกอื่นๆ
  • 6. ที่ไม่ใช่ภำพถ่ำย และกำรใช้ภำพหลำยชนิดร่วมกัน ซึ่งภำพทั้งหมดนี้จะถูกแปลงอยู่ในรูปแบบไฟล์ดิจิตอล โดย ผ่ำนโปรแกรมกรำฟิกในคอมพิวเตอร์ เช่น Photoshop หรือ Image-Ready เป็นต้น รูปแบบไฟล์กรำฟิกที่ นิยมใช้เป็นส่วนประกอบของเว็บเพจ คือ GIF (Graphic Interchange Format) และ JPEG (Joint Photographic Experts Group) เนื่องจำกมีขนำดไฟล์ไม่ใหญ่มำก ดำวน์โหลดได้เร็ว โดยรูปแบบ GIF เหมำะ กับภำพที่ประกอบด้วยสีพื้นๆบริเวณกว้ำงมีจำนวนสีไม่มำก และไม่ค่อยมีกำรไล่ระดับสี เช่น โลโก้ ตัวอักษร ภำพกรำฟิก หรือภำพกำร์ตูน ซึ่งเกิดจำกกำรสร้ำงระนำบของสี (Vector) มำประกอบกันเป็นภำพ มีจุดเด่น คือ สำมำรถนำไปใช้กับบรำวเซอร์ได้ทุกชนิดโดยไม่ต้องคำนึงถึงเวอร์ชันใดๆ ทำให้แน่ใจได้ว่ำบรำวเซอร์ของ ผู้ใช้บริกำรสำมำรถแสดงผลภำพได้อย่ำงถูกต้อง กรำฟิกแบบ GIF มีระบบกำรเก็บข้อมูลสีแบบอินเด็กซ์ 8 บิต หมำยควำมว่ำ สำมำรถเก็บข้อมูลสีได้สูงสุด 256 สี ขนำดของไฟล์จะใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับจำนวนสีที่ใช้ใน ภำพ ถ้ำจำนวนสีน้อย ขนำดไฟล์ก็จะเล็กลง โดยใช้ระบบกำรบีบอัดข้อมูลแบบ LZW (Lempel-Ziv-Welch) สำมำรถแสดงผลภำพทีละเฟรมจำกคุณภำพต่ำ แล้วเพิ่มขึ้นจนเป็นภำพที่สมบูรณ์ในที่สุด ทำให้ผู้ใช้เห็นควำม คืบหน้ำในกำรแสดงผล นอกจำกนี้ยังมีคุณสมบัติโปร่งใส คือ สำมำรถเซฟไฟล์ภำพที่พื้นหลังโปร่งใสได้ และ สำมำรถเซฟไฟล์ภำพต่อเนื่องเป็นภำพเคลื่อนไหวได้ รูปแบบ JPEG เหมำะกับภำพที่มีกำรไล่ระดับสีต่อเนื่องกัน เช่น ภำพถ่ำยหรือภำพวำดที่มีสีเข้ม-อ่อน หลำยๆ ระดับ เพรำะมีระบบกำรเก็บข้อมูลสีแบบ 24 บิต ซึ่งให้สี สมจริง (True Color) ได้มำกถึง 16.7 ล้ำนสี ทำให้ได้รูปที่มีคุณภำพสูง แต่ไม่เหมำะกับภำพที่มีสีพื้นเป็น บริเวณกว้ำง ภำพกำร์ตูนและตัวอักษร เพรำะระบบกำรบีบอัดข้อมูลของกรำฟิกแบบ JPEG จะทำให้บริเวณที่ เป็นสีพื้นเกิดจุดหรือแถบสี และของของตัวอักษรจะไม่เรียบ ดูไม่ชัดเจน คุณภำพของภำพและขนำดของไฟล์ กรำฟิกแบบ JPEG ขึ้นอยู่กับอัตรำส่วนในกำรบีบอัดข้อมูล โดยอัตรำส่วนที่สูง จะได้ภำพที่มีคุณภำพต่ำและ ไฟล์ขนำดเล็กนักออกแบบสำมำรถเลือกระดับกำรบีบอัดได้ตำมต้องกำรโดยเลือกระดับที่มีขนำดไฟล์เล็กที่สุด เท่ำที่ยังสำมำรถคงคุณภำพของภำพที่ต้องกำรไว้ได้ 2. ตัวอักษร (Font / Typeface)องค์ประกอบที่สำคัญในกำรออกแบบเว็บเพจอีกอย่ำงหนึ่ง คือ ตัวอักษร ในระบบคอมพิวเตอร์จะแสดงผลโดยมีชื่อของแบบตัวอักษร (Typeface) ตำมด้วยรูปแบบ (Style) ซึ่งปกติมีรูปแบบพื้นฐำน 3 แบบ คือ ตัวปกติ (Regular) ตัวเอน (Italic) และตัวหนำ (Bold) เช่น ตัวอักษร Cordia New Italic Cordia New คือ ชื่อแบบตัวอักษร Italic คือ รูปแบบของตัวอักษรที่เป็นตัวเอน เป็นต้น ซึ่งตัวอักษรแต่ละแบบจะให้ควำมรู้สึกที่แตกต่ำงกัน สำมำรถใช้เป็นส่วนประกอบในสร้ำงบุคลิกของเว็บไซต์ได้ ส่วนปัญหำที่พบในกำรใช้ตัวอักษร คือ บำงครั้งกำรแสดงผลตัวอักษรบนบรำวเซอร์ของผู้ใช้จะไม่ตรงกับที่นัก ออกแบบระบุไว้ (Fixed Font) โดยกำรเขียนคำสั่งภำษำ HTML หรือ คำสั่งที่โปรแกรมสร้ำงเว็บเขียนด้วย ภำษำเสริม เช่น Java Script หรือ CS Script เนื่องจำกข้อจำกัดและควำมแตกต่ำงของตัวอักษรที่ติดตั้งอยู่ใน คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง (Default Font) และผู้ใช้ยังสำมำรถปรับเปลี่ยนควำมละเอียดของหน้ำจอ (Resolution) สำมำรถเพิ่มหรือลดขนำดตัวอักษรมำตรฐำน ซึ่งนอกจำกจะมีผลกระทบกับควำมสวยงำมและ ควำมสะดวกในกำรอ่ำนแล้ว บำงกรณียังกระทบถึงโครงสร้ำงเว็บเพจที่จัดไว้ลงตัวแล้ว เพรำะตัวอักษรแต่ละ
  • 7. แบบมีควำมกว้ำงและควำมสูงไม่เท่ำกัน นักออกแบบมักแก้ปัญหำโดยเลือกใช้ตัวอักษรแบบมำตรฐำนที่มำ พร้อมระบบปฏิบัติกำร (Windows) แต่กำรใช้ตัวอักษรมำตรฐำนที่มีอยู่ไม่กี่แบบก็อำจสร้ำงควำมน่ำเบื่อ หน่ำยได้ บำงครั้งนักออกแบบจึงใช้ตัวอักษรที่สร้ำงจำกโปรแกรมกรำฟิก ซึ่งมีกำรแสดงผลบนบรำวเซอร์ใน ลักษณะของรูปภำพ มีข้อดีคือ สวยงำม มีเอกลักษณ์ กำหนดตำแหน่งได้ง่ำย และผู้ใช้สำมำรถแสดงผล ตัวอักษรได้เหมือนๆ กัน แต่เพิ่มเวลำในกำรดำวน์โหลด เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมข้อควำมได้ยำก และยังเสีย โอกำสในกำรนำเสนอข้อมูลแก่ผู้บริโภคที่สืบค้นข้อมูลโดยใช้ระบบสืบค้นข้อมูล (Search Engine) อีกด้วย เพรำะข้อควำมแบบกรำฟิกนี้จะไม่ถูกรวมอยู่ในดัชนี (Index) ของระบบสืบค้นข้อมูล 3. พื้นหลัง (Background)เรำสำมำรถกำหนดพื้นหลังของเว็บเพจให้เป็นสี หรือรูปภำพที่ต้องกำรได้ โดยพื้นหลังที่เป็นรูปภำพจะใช้เวลำในกำรแสดงผลมำกกว่ำพื้นหลังที่เป็นสีเรียบๆ ซึ่งกำหนดด้วย HTML สิ่ง สำคัญที่ควรคำนึงถึงคือ ควำมอ่ำนง่ำย (Legibility) ของข้อควำมหำกพื้นหลังเป็นรูปภำพหรือเป็นลวดลำย (Pattern) ต้องระวังไม่ให้มีควำมเข้ม-อ่อนของสีที่ต่ำงกันมำก กำรใช้รูปที่มีลักษณะพร่ำมัว (Blur) จะช่วยให้ อ่ำนข้อควำมได้ง่ำยกว่ำรูปที่คมชัด ส่วนพื้นหลังที่เป็นสีเรียบๆ มีหลักง่ำยๆ คือ พื้นหลังสีเข้มใช้ตัวอักษรสีอ่อน พื้นหลังสีอ่อนใช้ตัวอักษรสีเข้ม เพื่อเน้นตัวอักษรให้เด่นขึ้น แต่ไม่ควรใช้สีที่ตัดกันมำกๆ เพรำะแสงจำก จอคอมพิวเตอร์จะทำให้สีสว่ำงขึ้น 20% อำจรบกวนสำยตำ ทำให้ปวดตำได้ สำหรับคู่สีของตัวอักษรและพื้น หลังที่นิยมใช้ มีดังนี้ ตาราง คู่สีของตัวอักษรและพื้นหลังที่นิยมใช้ ที่มำ : ถนอมพร เลำหจรัสแสง, หลักกำรออกแบบและกำรสร้ำงเว็บเพื่อกำรเรียน กำรสอน :Designing e- Learning (กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย, 2545), 170. สีตัวอักษร สีพื้นหลัง ขำว ฟ้ำ แดง เขียว ชมพู (Magenta) เหลือง ฟ้ำ ดำ ฟ้ำอมเขียว (Cyan) ขำว ฟ้ำ เขียว ขำว เหลือง ชมพู (Magenta) ขำว ฟ้ำ แดง ขำว เหลือง ฟ้ำอมเขียว เขียว ฟ้ำ ขำว ดำ ดำ ขำว เหลือง
  • 8. 4. กำรใช้สีโดยรวม (Color Scheme)สีเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในกำรดึงดูดควำมสนใจของผู้ใช้ สร้ำงบรรยำกำศ และควำมรู้สึกโดยรวมของเว็บไซต์ เรำสำมำรถใช้สีกับส่วนประกอบต่ำงๆ ของเว็บไซต์ เช่น ภำพ ตัวอักษร ลิงค์ และพื้นหลัง โดยเลือกใช้ชุดสีให้กลมกลืน สอดคล้องกับบุคลิกของเว็บไซต์ ช่วยสื่อ ควำมหมำยให้เนื้อหำ และเพิ่มควำมสวยงำมให้กับเว็บเพจ นอกจำกนี้ยังสำมำรถใช้สีประจำองค์กรหรือ หน่วยงำนในเว็บไซต์ เพื่อสร้ำงภำพลักษณ์ในกำรกลับกัน กำรเลือกใช้สีที่ไม่เหมำะสมจะรบกวนสำยตำของผู้ใช้ สร้ำงควำมลำบำกในกำรอ่ำน และอำจทำให้กำรสื่อควำมหมำยผิดพลำดได้ สีที่ใช้ในกำรออกแบบเว็บไซต์ มี หลักกำรผสมสีแบบบวก (Additive Color) คือ กำรผสมสีของแสง เนื่องจำกเว็บไซต์เป็นสื่อที่นำเสนอผ่ำน จอคอมพิวเตอร์ ซึ่งใช้หลักกำรผสมแสงที่มีควำมคลื่นต่ำงกัน 3 สี (RGB) คือ แดง (RED) เขียว (Green) น้ำเงิน (Blue) ซึ่งเมื่อคลื่นแสงทั้ง 3 สีซ้อนทับกันจะผสมเป็นแสงสีขำว โดยทั่วไปสีที่ใช้ในกำรออกแบบเว็บไซต์จะเป็น ชุดสีสำหรับเว็บ (Web Safe Color) จำนวน 216 สี ซึ่งมีข้อดี คือ ผู้ใช้สำมำรถเห็นสีได้ถูกต้องตรงกัน ไม่ว่ำจะ ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์แมคอินทอชหรือพีซีทั่วไป เนื่องจำกควำมละเอียดของจอคอมพิวเตอร์ ระบบกำรแสดงสี ของบรำวเซอร์ และภำษำ HTML ซึ่งใช้ในกำรเขียนเว็บเพจ จะมีผลต่อกำรแสดงสีในเว็บไซต์ให้แตกต่ำงกัน ชุด สีสำหรับเว็บนี้มีกำรกำหนดโค้ดเป็น HTML ในรูปตัวเลขและตัวอักษร 6 หลัก เพื่อกำหนดรูปแบบกำรผสมสี และควำมเข้มของแสงแต่ละสีให้เป็นมำตรฐำน เช่น 000000 หมำยถึง ไม่มีแสงสีใดเลย คือ สีดำ ส่วน FFFFFF หมำยถึง มีแสงสีแดง เขียว น้ำเงิน ที่มีควำมเข้มสูงสุดทุกสีผสมกันเป็น สีขำว เป็นต้น ซึ่งนักออกแบบไม่ จำเป็นต้องจำโค้ดเหล่ำนี้ เนื่องจำกโปรแกรมกรำฟิกที่ใช้ทำเว็บไซต์จะแสดงสีให้เลือกในรูปจำนสี (Web Palette) แล้วไปเขียนคำสั่งเป็น HTML ให้เองตำรำงต่อไปนี้แสดงจิตวิทยำของสี ในกำรสื่อควำมหมำยทั้งใน เชิงบวกและลบ รวมถึงสัญลักษณ์ และสิ่งของที่เกี่ยวพันกับสีนั้น เฉพำะกรณีที่ใช้สีโดยรวมเป็นสีนั้นสีเดียว แต่ ถ้ำมีกำรใช้สีหลำยสีร่วมกันอำจมีกำรสื่อควำมหมำยแตกต่ำงไปจำกนี้ได้ ตาราง 3 จิตวิทยำของสี ที่มำ : ธวัชชัย ศรีสุเทพ, คัมภีร์เว็บดีไซน์ คู่มือออกแบบเว็บไซต์ฉบับมืออำชีพ (กรุงเทพฯ :โปรวิชั่น,2544),205. สี ความหมายในเชิงบวก ความหมายในเชิงลบ สัญลักษณ์ สิ่งของ ที่เกี่ยวข้อง แดง พลัง อำนำจ กำลังใจ ควำมจริง ควำมรัก ควำมอบอุ่น กำรแข่งขัน ควำมกล้ำหำญ ควำมแข็งขัน ควำมตื่นเต้นควำมเร็ว ควำม สนุกสนำน ควำมโมโห ควำมก้ำวร้ำว ควำมรุนแรง ควำมละอำย ควำมผิดพลำด กำรบำดเจ็บ ดวงอำทิตย์ ควำม ร้อน ไฟ สัญญำณ อันตรำย เลือด หัวใจ ส้ม ควำมสำมำรถ ควำมทันสมัย ควำกระตือรือ ร้น ควำมเป็นมิตร ควำมสดใสมีชีวิตชีวำ ควำมสมดุล ควำมเข้มแข็งควำมโชคดี ควำม เจริญ กำรหลอกลวง ควำมอื้อฉำว ควำมไม่เรียบร้อย ฮำโลวีน มิตรภำพ
  • 9. เหลือง ควำมสดใสร่ำเริง ควำมหวัง ควำมอบอุ่น ควำมร่ำรวย กำรมองโลกในแง่ดี ควำมสุข ปรัชญำ ควำมคิดฝัน ควำมไม่ซื่อสัตย์ กำรทรยศ ควำมขลำดกลัว ควำมอิจฉำ ควำมไม่แน่นอน อำกำป่วย แสงอำทิตย์ ฤดูร้อน ทอง ศำสนำ ปรัชญำ อุดมคติ สัญญำณ เตือนภัย เขียว ธรรมชำติ สุขภำพ กำรรักษำ ควำมรื่นรมย์ ยินดี ควำมหวัง กำรเริ่มต้น ควำมภักดี ควำม เป็นอมตะ ควำมปลอดภัย ควำมอุดมสมบูรณ์ ควำมร่มรื่น ควำมอิจฉำ ควำมเบื่อหน่ำย กำรขำดประสบกำรณ์ ต้นไม้ สิ่งแวดล้อม ศำสนำ วัยรุ่น ทหำร สัญญำณปลอดภัย น้ำเงิน ควำมแข็งแรง ควำมกระฉับกระเฉง ควำใหม่ ควำมซื่อสัตย์ ควำมมั่นคง ปลอดภัย มี คุณธรรม ควำมสะอำด มีน้ำใจ เป็นระเบียบ ควำมสงบ ควำมเชื่อมั่น ควำมสมดุล ควำม เข้มแข็ง ควำมหดหู่ ซึมเศร้ำ เสียใจ ควำมเรียบแบบไม่น่ำสนใจ ท้องฟ้ำ ทะเล สวรรค์ เทวดำ ผู้ชำย ควำม เย็น เทคโนโลยี ม่วง ควำมลึกลับ ควำมสูงส่ง หรูหรำ ควำม ทันสมัย ควำมสร้ำงสรรค์ กำรให้ควำมรู้ กำรบำบัดรักษำ ควำมรอบรู้ ควำมหยิ่งยโส ควำมแปลก ควำมเศร้ำโศกเสียใจ จิต วิญญำณ ปัญญำ น้ำตำล ควำมเรียบง่ำย ธรรมชำติ ควำมสุขุม ควำมทนทำน ควำมมั่นคง ควำมมีเกียรติ ควำมสะดวกสบำย ควำม เจริญเติบโตเต็มที่ ควำมหดหู่ซึมเศร้ำ สลด ใจควำมเก่ำ มีอำยุ ควำม เลอะเทอะเปรอะเปื้อน โลก พื้นดิน ไม้ บ้ำน กลำงแจ้ง ขำว ควำมบริสุทธิ์ไร้เดียงสำ ควำมรัก ควำมฉลำด ควำมสะอำด ควำมดี ควำมสงบ ควำมเรียบง่ำย ควำมเคำรพนับถือ ควำม นอบน้อม ควำมถ่อมตน ควำมเที่ยงตรง ควำมอ่อนแอ กำรเจ็บป่วย ควำมตำย ควำมเศร้ำ (จีน) พรหมจำรี กำรเกิด มิตรภำพ วัยสำว แพทย์ พยำบำล หิมะ สันติภำพ เยำวชน ควำมหนำว ควำม เย็น ควำมจริง เทำ ควำมสุภำพ ควำมสงบ ควำมฉลำดสุขุม ควำมมั่นคง ควำมเป็นไปได้ ควำมไว้ใจได้ ควำมมีเกียรติ ควำมโศกเศร้ำ ควำมเสื่อม ควำมน่ำเบื่อ ควำมมีอำยุ ปัญญำ อนุรักษ์นิยม อนำคต กำรปฏิบัติได้ (Practical)
  • 10. ดำ อำนำจ ควำมฉลำดลึกล้ำ ควำมสุขุมรอบคอบ ควำมมั่นคง ควำมเป็นทำงกำร ควำมตั้งใจ ควำมเป็นเลิศ ควำมลับ กำรหลอกลวง กำรปกปิด ควำมซับซ้อน ควำมน่ำกลัว ควำมชั่วร้ำย โทสะ ควำม กลัว ควำมทุกข์ ควำมหดหู่ หมดหวัง ควำมเศร้ำ ใต้ดิน ควำมมืด ควำม ตำย เกี่ยวกับด้ำน เพศ 5. องค์ประกอบอื่นที่ใช้ดึงดูดควำมสนใจ (Gimmick) หมำยถึง ลูกเล่นที่ใช้ดึงดูดควำมสนใจของ ผู้ใช้บริกำร ช่วยสร้ำงบรรยำกำศในกำรนำเสนอข้อมูลให้น่ำสนใจ ลูกเล่นที่เว็บไซต์ทั่วไปนิยมใช้ คือ 6. เสียง (Sound)กำรใช้เสียงในเว็บไซต์มีประโยชน์ในแง่ของกำรสร้ำงบรรยำกำศเสริมประสบกำรณ์ และดึงดูดควำมสนใจของผู้ใช้บริกำร แต่ทำให้ใช้ระยะเวลำดำวน์โหลดมำกขึ้นไฟล์เสียงไม่ควรมีควำมยำวเกิน 5 นำที ถ้ำเป็นเสียงบรรยำย ต้องอ่ำนอย่ำงชัดเจน และสร้ำงควำมน่ำสนใจด้วยกำรใช้น้ำเสียงที่กระตือรือร้น มี เสียงสูงเสียงต่ำอย่ำงเหมำะสม รวมทั้งปรับโทนเสียงให้คงที่ทั้งเว็บไซต์ บำงครั้งอำจเกิดปัญหำระบบเสียงไม่ ทำงำน เนื่องจำกข้อจำกัดของบรำวเซอร์ของผู้ใช้บริกำร ควรมีทำงเลือกสำรองในกำรนำเสนอข้อมูลให้ผู้ใช้ เข้ำใจข้อมูลได้โดยไม่ต้องมีเสียงประกอบ เสียงที่นิยมใช้ทั่วไป คือ เสียงดนตรี (Music) เสียงประกอบหรือเสียง เทคนิคพิเศษ (Sound Effects) เสียงพูด (Voice) เช่น เสียงพำกย์หรือเล่ำเรื่อง เสียงรำยงำนข่ำย เสียถ่ำยทอด ผ่ำนสถำนีวิทยุบนเว็บไซต์ เป็นต้น เว็บไซต์ที่ดีควรเปิดโอกำสให้ผู้ใช้เลือกว่ำจะฟังเสียง หยุดเสียง หรือฟังซ้ำได้ ตลอดเวลำ 7. ลูกเล่นของปุ่มหรือสัญรูป (Icon Effect)คือ ลักษณะที่ปุ่มไอคอนมีกำรเปลี่ยนแปลงสี หรือรูปร่ำง เมื่อมีกำรนำเมำส์มำวำงไว้บนปุ่ม (On-Mouse Effect) หรือเมื่อคลิกที่ปุ่มนั้น (Click / Hit) บำงครั้งอำจมีเสียง ประกอบ หรือมีกำรแสดงภำพที่เกี่ยวข้อง และข้อควำมอธิบำยเนื้อหำในหน้ำเว็บที่จะลิงค์ไป เมื่อกดปุ่มนั้นๆ ซึ่งปุ่มลักษณะนี้มักสร้ำงจำกโปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้สร้ำงเว็บเพจ เช่น Macromedia Flash เป็นต้น 8. ภำพเคลื่อนไหวและตัวอักษรที่กระพริบได้ (Animation & BLINK/Scrolling Text) เป็นกำรนำ ตัวอักษรหรือภำพที่มีกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงต่อเนื่องหลำยๆ ภำพมำเรียงกัน โดย 1 ภำพเรียกเป็น 1 เฟรม แล้วเซฟเป็นไฟล์เดียว เมื่อแสดงบนบรำวเซอร์ จะเห็นว่ำมีกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงต่อเนื่องตำมเฟรมต่ำงๆ ที่ เรียงกันอยู่ สร้ำงควำมรู้สึกว่ำภำพ หรือตัวอักษรนั้นมีกำรเคลื่อนไหวได้ สำหรับตัวอักษรแบบที่เรียกว่ำ BLINK Text นั้น เป็นกำรกำหนดตัวอักษรในเฟรม 2 เฟรมให้มีสีแตกต่ำงกัน เมื่อบรำวเซอร์แสดงผลทั้ง 2 เฟรม สลับกันไปมำ ก็จะให้ควำมรู้สึกว่ำตัวอักษรนั้นกระพริบได้ไฟล์ภำพเคลื่อนไหวที่นิยมใช้ทั่วไปคือ Animated GIF เนื่องจำกผู้ใช้บริกำรสำมำรถเห็นควำมเคลื่อนไหวได้โดยไม่ต้องอำศัยปลั๊กอิน (Plug-in) คือ โปรแกรมเสริม ควำมสำมำรถของบรำวเซอร์ในกำรแสดงผลสื่อประเภทมัลติมีเดีย ส่วนใหญ่แล้วภำพเคลื่อนไหวมักแสดงผล ต่อเนื่องไปไม่สิ้นสุด เมื่อดูนำนๆ อำจรบกวนสำยตำได้ ควรกำหนดในขั้นตอนกำรออกแบบ ว่ำจะมีกำร แสดงผลต่อเนื่องกันกี่รอบ และหยุดเมื่อเหมำะสม โดยผู้ใช้สำมำรถสั่งให้เล่นซ้ำได้ตำมต้องกำร ไฟล์ต้องมีขนำด เล็กเพื่อให้ภำพเคลื่อนไหวดำวน์โหลดได้อย่ำงรวดเร็ว เพรำะผู้ใช้บริกำรมักไม่อดทนรอนำน หลำยเว็บไซต์นิยม
  • 11. ใช้ภำพหรือตัวอักษรเคลื่อนไหวจำนวนมำกในเว็บเพจหน้ำเดียวกัน ซึ่งแทนที่จะเป็นประโยชน์ในกำรดึงดูด ควำมสนใจ กลับสร้ำงควำมรำคำญแก่ผู้ใช้บริกำร เพรำะหำกในเว็บเพจหนึ่งหน้ำมีจุดสนใจหลำยแห่ง จะทำให้ ไม่มีสิ่งใดดูน่ำสนใจจริงๆ และยังทำให้ข้อมูลขำดควำมน่ำเชื่อถืออีกด้วย ควรเลือกใช้ภำพเคลื่อนไหว เพื่อเน้น ส่วนที่สำคัญที่สุดเพียงแห่งเดียวในหน้ำ จะให้ประโยชน์สูงสุด และไม่ก่อให้เกิดควำมสับสนแก่ผู้ใช้บริกำร 9. ภำพยนตร์ขนำดสั้น (Movie Clip / Video Clip)เป็นกำรนำเสนอข้อมูลที่เหมำะกับเว็บไซต์ที่ เกี่ยวกับข่ำว โฆษณำ หรือควำมบันเทิงอื่นๆ ภำพยนตร์ที่นำเสนอยนเว็บไซต์ควรมีควำมยำวไม่เกิน 5 นำที เพรำะภำพยนตร์ที่มีควำมยำวมำก จะมีขนำดไฟล์ใหญ่ ใช้เวลำดำวน์โหลดนำนผู้ใช้บริกำรอำจไม่ต้องกำรรอ จึง ควรมีทำงเลือกให้กับผู้ใช้ว่ำจะชมหรือไม่ หรือสำมำรถข้ำมไปดูหน้ำข้อมูลที่เป็นตัวอักษรได้เลย 10. โลกเสมือนจริง (Virtual Reality)คือ กำรสร้ำงภำพ 3 มิติ ที่สำมำรถมองเห็นวัตถุได้โดยรอบจำก ทุกมุมมอง เป็นกำรจำลองให้ผู้ใช้บริกำรรู้สึกเสมือนได้เข้ำไปอยู่ในเหตุกำรณ์ หรือสถำนที่นั้นๆ มักใช้กับเกมส์ หรือเว็บไซต์ที่มีเนื้อหำเกี่ยวกับงำนออกแบบสถำปัตยกรรม ซึ่งต้องกำรควำมสมจริงในกำรมองเห็น 2. การออกแบบเทคโนโลยีการนาเสนอข้อมูลของเว็บไซต์ หมำยถึง องค์ประกอบอื่นๆ ที่มีผลต่อ ควำมสะดวกรวดเร็วในกำรเข้ำถึงข้อมูลที่ต้องกำร รวมทั้งมีผลต่อควำมน่ำสนใจของเว็บไซต์ เช่น ลักษณะหน้ำ เปิดของเว็บไซต์ (Intro Page) ระยะเวลำที่ใช้ในกำรดำวน์โหลด (Access Time) เครื่องมือค้นหำข้อมูล (Search Engine) ลักษณะกำรเปิดหน้ำต่ำงแสดงผลข้อมูลที่เชื่อมโยงกัน (Target Browser) เป็นต้น 1. หน้ำเปิดของเว็บไซต์ (Intro Page / Splash Page / Splash Screen)คือ หน้ำก่อนที่จะถึง โฮมเพจ ทำหน้ำที่สื่อข้อควำมบำงอย่ำงของเว็บไซต์เพื่อสร้ำงควำมประทับใจแก่ผู้ใช้บริกำรหน้ำนี้จะต้อง แสดงผลอย่ำงรวดเร็ว และน่ำสนใจด้วยกำรใช้กรำฟิก หรือเทคนิคพิเศษ เหมำะสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องกำรจะ นำเสนอข้อมูลพิเศษบำงอย่ำง เช่น กำรแนะนำตัว แนะนำสินค้ำใหม่ หรือแสดงข้อควำมในโอกำสพิเศษต่ำงๆ โดยทั่วไปหน้ำนี้ควรจะดำวน์โหลดได้ในเวลำ 15 วินำที อำจมีลักษณะเป็นหน้ำเว็บเพจแบบ HTML ธรรมดำ หรือเป็นภำพเคลื่อนไหวแบบ Introduction Title ที่สร้ำงด้วยโปรแกรม Flash เพื่อดึงดูดควำมสนใจก็ได้ สำหรับเว็บไซต์ทั่วๆ ไป หน้ำนี้อำจไม่จำเป็น เพรำะเป็นกำรรบกวนเวลำของผู้ใช้บริกำร ดังนั้นหน้ำ Splash จึง ควรมีทำงเลือกสำหรับผู้ใช้บริกำรที่เคยชมหน้ำนี้แล้ว หรือไม่ต้องกำรชม ด้วยกำรมีลิงค์ที่คลิกเพื่อเข้ำสู่โฮมเพจ ได้เลย ซึ่งมักเขียนว่ำ [Skip Intro] 2. หน้ำแนะนำอุปกรณ์กำรใช้งำนเว็บไซต์ (Utility Page)ทำหน้ำที่แนะนำผู้ใช้บริกำรให้ใช้ชนิดของ บรำวเซอร์ และรุ่นที่เหมำะสม หรือแนะนำควำมละเอียดของหน้ำจอที่เหมำะสมในกำรแสดงผลของเว็บไซต์ บำงครั้งก็เป็นกำรนำเสนอทำงเลือกในกำรชมเว็บไซต์ให้ผู้ใช้บริกำรเลือกได้ตำมควำมเหมำะสมของอุปกรณ์ โดยกำรสร้ำงเว็บไซต์ไว้หลำยๆ เวอร์ชัน เช่น HTML หรือ Flash /Fraphic หรือ Text Only / Framed หรือ Non-Framed / Low-speed หรือ High-speed เป็นต้น วัตถุประสงค์ของหน้ำนี้ก็เพื่อควำมสำมำรถในกำร นำเสนอเนื้อหำของเว็บไซต์ตำมสิ่งแวดล้อมที่ผู้ใช้มีอยู่อย่ำงเหมำะสม บำงกรณีอำจเป็นกำรรบกวนเวลำของ ผู้ใช้บริกำร และสร้ำงสับสนแก่ผู้ใช้บริกำรที่ไม่มีประสบกำรณ์เพียงพอ
  • 12. 3. ระยะเวลำที่ใช้ในกำรดำวน์โหลด (Access Time)กำรดำวน์โหลด (Download) คือกระบวนกำร เคลื่อนย้ำยข้อมูลจำกคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง ในที่นี้หมำยถึง กำรรับข้อมูลจำกเว็บ เซิร์ฟเวอร์ เมื่อมำแสดงผลเป็นเว็บเพจในบรำวเซอร์ เว็บไซต์ที่ดีควรใช้เวลำในกำรดำวน์โหลดน้อยที่สุดเท่ำที่จะ เป็นไปได้ เพื่อสร้ำงควำมได้เปรียบ และควำมพึงพอใจแก่ผู้ใช้บริกำรซึ่งมักไม่อดทนรอนำน จำกผลกำรวิจัย เรื่อง The Economic Impacts of Unacceptable Web Site Download Speed พบว่ำ เว็บเพจที่ใช้เวลำ ในกำรดำวน์โหลดนำนกว่ำ 15 วินำที จะมีผลให้ผู้ใช้บริกำรขำดควำมสนใจในเว็บไซต์นั้นได้ (www.zonaresearch.com 2003) ดังนั้นกำรออกแบบเว็บไซต์ที่สวยงำม แต่ใช้เวลำดำวน์โหลดมำกจึงไม่เกิด ประโยชน์ ควรคำนึงถึงเทคโนโลยีกำรนำเสนอให้มีควำมพอดี มีขนำดไฟล์เล็ก เพื่อให้ใช้เวลำน้อยลง เช่น กำหนดให้ไฟล์กรำฟิกในเว็บเพจ 1 หน้ำ มีขนำดรวมกันไม่เกิน 50 Kb ใช้ตัวอักษรแบบ HTML เพื่อให้ดำวน์ โหลดได้เร็วกว่ำตัวอักษรที่เป็นกรำฟิก กำหนดขนำดของไฟล์ภำพพื้นหลังแบบ Pattern ไม่ให้เกิน 2 Kb หรือ ตัดภำพพื้นหลังภำพใหญ่ออกเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำมำต่อกัน เพื่อให้แสดงผลได้เร็วขึ้น เป็นต้น 4. เครื่องมือค้นหำข้อมูล (Search Box)คือ โปรแกรมที่ช่วยให้ผู้ใช้บริกำรค้นหำข้อมูลที่ต้องกำรได้อย่ำงรวดเร็ว โดยมีช่องให้ผู้ใช้บริกำรพิมพ์คำ หรือข้อควำมสั้นๆ เกี่ยวกับข้อมูลที่ต้องกำรค้นหำ แล้วกดปุ่ม “ค้นหำ” โปรแกรมจะทำกำรค้นหำในฐำนข้อมูล (Database) ที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์นั้น แล้วแสดงผลลัพธ์ที่ได้พร้อมลิงค์ ไปสู่เว็บเพจที่มีข้อมูลที่ต้องกำร โปรแกรมค้นหำข้อมูลทั่วไปมักเขียนด้วยภำษำแบบ Sever-Side Script คือ คำสั่งจะทำงำนที่เซิร์ฟเวอร์ และส่งเฉพำะผลกำรทำงำนมำที่บรำวเซอร์ สำมำรถใช้งำนร่วมกับ HTML ได้ทันที เช่น ASP (Active Server Page) PHP(Personal Home Page) เป็นต้น ตำแหน่งที่เหมำะสมในกำรจัดวำง Search Engine คือ ด้ำนบนของโฮมเพจ 5. ลักษณะกำรเปิดหน้ำต่ำงแสดงผลข้อมูลที่เชื่อมโยงกัน (Target Browser) บำงครั้งเมื่อผู้ใช้บริกำร คลิกลิงค์ จะมีกำรแสดงผลข้อมูลบนหน้ำต่ำงบรำวเซอร์ใหม่ ซึ่งลักษณะกำรเปิดหน้ำต่ำงใหม่นี้ เกิดจำกกำร กำหนดคำสั่ง Target Browser เป็น target_Blank ที่เหมำะกับกำรลิงค์ออกนอกเว็บไซต์ แต่ถ้ำมีกำรเปิด หน้ำต่ำงมำมำกเกินไป ผู้ใช้อำจเบื่อที่จะต้องคอยปิดหน้ำต่ำง เมื่ออ่ำนข้อมูลจบ แต่ถ้ำกำหนดคำสั่งเป็น target_Self หรือเรียกอีกอย่ำงว่ำ target_Parent บรำวเซอร์จะแสดงผลข้อมูลใหม่อยู่ในหน้ำต่ำงเดิม ซึ่ง เหมำะกับเว็บเพจที่มีข้อมูลน้อยๆ แต่จะไม่สะดวกเมื่อต้องกำรเปรียบเทียบข้อมูลเดิมกับข้อมูลใหม่ (สุพิชญำ เข็มทอง,2547)
  • 13. การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ องค์ประกอบในการออกแบบเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ เว็บไซต์ที่ดี มีประสิทธิภำพในกำรใช้งำน เกิดจำกกำรวำงแผนอย่ำงรอบคอบในกำรออกแบบ ส่วนประกอบต่ำงๆ ดังนี้ 1. เนื้อหำและโครงสร้ำงของข้อมูล (Content & Site Structure)เว็บไซต์ที่ดีจะต้องมีเนื้อหำที่เชื่อถือ ได้ สอดคล้องกับควำมต้องกำร และพฤติกรรมกำรใช้งำนของผู้ใช้บริกำรกลุ่มเป้ำหมำย โดยกำหนดหัวข้อต่ำงๆ ให้ชัดเจน ไม่ยำวเกินไป เพรำะทำให้ไม่น่ำอ่ำน และหำข้อมูลได้ยำก มีเนื้อหำสั้นกระชับ และทันสมัย นำเสนอ เนื้อหำที่กำลังอยู่ในควำมสนใจ ควรมีกำรปรับปรุงเนื้อหำ และเพิ่มบริกำรใหม่ๆ เพรำะเว็บไซต์ที่ไม่มีกำร เปลี่ยนแปลงจะขำดควำมน่ำสนใจ กำรปรับปรุงรูปแบบของกำรนำเสนอในเว็บไซต์ในช่วงระยะเวลำที่ เหมำะสม ทำให้ผู้ใช้บริกำรไม่เกิดควำมรู้สึกซ้ำซำก และเป็นจุดดึงดูดให้ผู้ใช้บริกำรรู้สึกคุ้มค่ำที่จะกลับมำชมอีก เรื่อยๆ นอกจำกนี้ยังช่วยให้เว็บไซต์ถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ในรำยกำรค้นหำของ Search Engine ซึ่งจะค้นหำ เว็บไซต์ที่มีกำรปรับปรุงสม่ำเสมออีกด้วย 2. ระบบเนวิเกชั่น (Navigation System)เว็บไซต์ที่ดีต้องมีระบบเนวิเกชั่นที่เข้ำใจง่ำยโดยใช้กรำฟิก หรือข้อควำมที่สื่อควำม หมำยชัดเจน มีรูปแบบและลำดับของรำยกำรที่สม่ำเสมอตำแหน่งกำรจัดวำงคงที่ นอกจำกนี้ยังต้องใช้งำนง่ำย (User-Friendly Navigation) ไม่สลับซับซ้อน คือ มีขั้นตอนน้อยในกำรค้นหำ ข้อมูล โดยผู้ใช้ไม่ควรต้องคลิกเกิน 4 ครั้ง ในกำรหำข้อมูลแต่ละครั้ง จำกกำรสำรวจของ Forester Research พบว่ำ 40% ของผู้ใช้จะไม่กลับเข้ำชมซ้ำ ถ้ำพบว่ำระบบเนวิเกชั่นได้งำนยำก แม้ว่ำเว็บไซต์นั้นจะสวยงำม เพียงไรก็ตำม ตำแหน่งที่เหมำะสมในกำรวำงเนวิเกชั่นเมนู คือ ด้ำนบนของเว็บเพจ และควรมีหน้ำแสดงโครงสร้ำง กำรเชื่อมโยงข้อมูล (Link) ทั้งหมดภำยในเว็บไซต์ ในรูปแผนผัง สำรบัญ หรือ Site Map เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ หลงทำง นอกจำกนี้ในทุกๆ เว็บเพจควรมีลิงค์กลับมำที่โฮมเพจ (หน้ำแรก) เพื่อให้ผู้ใช้สำมำรถย้อนกลับมำตั้ง ต้นใหม่ได้ ในกรณีที่เว็บเพจมีควำมยำวมำก ควรมีกำรเชื่อมโยงภำยในหน้ำนั้น (Page Link) เพื่ออำนวยควำม สะดวกแก่ผู้ใช้ด้วย 3. ออกแบบกรำฟิก (Graphic Design)กำรออกแบบกรำฟิกในเว็บไซต์ที่ดีควรมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1. มีควำมเรียบง่ำย (Simplicity)เว็บไซต์ที่ดีจะจำกัดองค์ประกอบเสริมที่ใช้ในกำรนำเสนอให้ เหลือแต่สิ่งที่จำเป็น ทำให้ไม่กรำฟิกรกรุงรัง มีกำรใช้ชนิดและสีของตัวอักษรไม่มำก โดยเฉพำะสีของลิงค์ 3 ประเภท คือ ลิงค์ปกติ (Link) ลิงค์ที่กำลังใช้งำน (Active Link) และลิงค์ที่ผ่ำนกำรใช้งำนแล้ว (Visited Link) ควรใช้สีมำตรฐำนที่โปรแกรมกำหนดไว้ให้ เพรำะเป็นสีที่ผู้ใช้ทั่วไปคุ้นเคยอยู่แล้ว จึงไม่สับสน
  • 14. 2. มีควำมสม่ำเสมอ (Consistency)สร้ำงควำมสม่ำเสมอด้วยกำรใช้กรำฟิกรูปแบบเดียวกัน หรือคล้ำยคลึงกันตลอดทั้งเว็บไซต์ เช่น กำรจัดหน้ำ สไตล์ของกรำฟิก รูปแบบของเนวิเกชั่น โทนสี เป็นต้น หรือใช้ Header และ Footer ในทุกเพจ ทำให้ผู้ใช้ค้นหำเนวิเกชั่นเมนูและลิงค์ได้อย่ำงรวดเร็ว 3. มีเอกลักษณ์ (Identity)เป็นกำรออกแบบเพื่อสะท้อนลักษณะเฉพำะขององค์กร โดยกำรใช้ ชุดสี ลักษณะของตัวอักษร รูปภำพ และกรำฟิกที่เหมำะสม 4. มีคุณภำพ (Design Stability)ในที่นี้รวมกำรออกแบบที่สวยงำม ดึงดูดควำมสนใจ (Visual Appeal) และคุณภำพในกำรออกแบบด้วย คือ มีควำมประณีต ควำมเป็นระเบียบในงำน ด้วยกำรใช้ ภำพประกอบที่มีคุณภำพและมีกำรนำเสนอที่ดี ตัวอักษรอ่ำนง่ำยสบำยตำ ใช้โทนสีกลมกลืนสวยงำมเหมำะสม มีกำรจัดตำแหน่งภำพและตัวอักษรโดยใช้ตำรำง (Table) และสดมภ์ (Column) ทำให้ Layout เป็นระเบียบ เรียบร้อย สร้ำงควำมน่ำเชื่อถือให้กับข้อมูลในเว็บไซต์ 5. ไม่มีข้อจำกัดในกำรใช้งำน (Compatibility)เว็บไซต์ที่ดีต้องสำมำรถแสดงผลได้บนบรำวเซอร์ทุก ชนิด ทุกควำมละเอียดของหน้ำจอ (Monitor Resolution) ต้องใช้งำนได้อย่ำงไม่มีปัญหำกับระบบทุก ระบบปฏิบัติกำร (Operating System) และไม่ควรบังคับให้ผู้ใช้บริกำรต้องติดตั้งโปรแกรม หรืออุปกรณ์อื่นใด เพิ่มเติมในกำรใช้งำนอีก 6. แสดงผลได้อย่ำงรวดเร็วหมำยถึง เทคนิคในกำรเลือกใช้กรำฟิก เพื่อควำมรวดเร็วในกำรดำวน์โหลด โดยใช้ กรำฟิกที่มีขนำดของไฟล์เล็กที่สุด แต่มีคุณภำพดีที่สุด (Optimized Graphic) และหลีกเลี่ยงกำรใช้กรำฟิกเกิน ควำมจำเป็น จึงไม่ควรใช้ภำพขนำดใหญ่ หรือใช้ภำพจำนวนมำกในหน้ำเดียวกัน สำหรับเว็บไซต์ที่มีกรำฟิกมำก ควรแน่ใจว่ำหำกปรำศจำกกรำฟิกเหล่ำนั้น เว็บไซต์จะยังสำมำรถสื่อข้อมูลข่ำวสำรที่ต้องกำรได้ โดยให้ผู้ใช้ เลือกได้ว่ำจะชมแบบที่มีภำพกรำฟิก หรือชมแบบตัวอักษร เพรำะหำกมีกรำฟิกมำกเกินไปจะใช้เวลำดำวน์ โหลดนำนสิ้นเปลืองค่ำใช้จ่ำยในกำรต่ออินเตอร์เน็ต ทำให้ผู้ใช้บริกำรไม่รอ และเลิกชมเว็บไซต์นั้นๆ
  • 15. การประชาสัมพันธ์ องค์ความรู้ เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์(Public Relation) วิวัฒนำกำรของกำรประชำสัมพันธ์ในประเทศไทยได้กำเนิดขึ้นอย่ำงเป็น ทำงกำรเกินกว่ำกึ่งศตวรรษ แล้ว โดยเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476 เมื่อรัฐบำลได้ก่อตั้ง“กองโฆษณำกำร”(กรมประชำสัมพันธ์ในปัจจุบัน) เพื่อ เผยแพร่ควำมรู้ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับกำรปกครองระบอบประชำธิปไตย และเพื่อเผยแพร่กิจกรรมต่ำง ๆ ของ ทำงรำชกำรให้แก่ประชำชน จำกนั้นกำรประชำสัมพันธ์ก็ได้พัฒนำขึ้นเรื่อย ๆ ได้เริ่มขยำยด้วยกำรตั้ง โรงเรียน กำรประชำสัมพันธ์ เพื่อสอนและอบรมให้มีบุคลำกรที่มีควำมรู้ควำมสำมำรถในงำนด้ำนนี้ไปรับใช้สังคมมำกขึ้น และมีกำรเปิดสอนระดับปริญญำตรีในสำขำวิชำกำร ประชำสัมพันธ์ บทบำทของกำรประชำสัมพันธ์จึงมี ควำมสำคัญมำกขึ้นเป็นลำดับ ในกำรที่ช่วยสร้ำงภำพพจน์ที่ดีให้แก่หน่วยงำน ในขณะเดียวกันกำร ประชำสัมพันธ์เปรียบ เสมือนประตูที่เปิดรับควำมคิดเห็นของประชำชนที่มีต่อหน่วยงำนนั้น ๆ ปัจจุบันงำด้ำน ประชำสัมพันธ์ได้เป็นที่ยอมรับในภำครัฐ รัฐวิสำหกิจเอกชนและสมำคมมูลนิธิ ต่ำงๆมำกขึ้น หน่วยงำนระดับ กรมหรือเทียบเท่ำของภำครัฐทุกสถำบันของรัฐวิสำหกิจ หลำย ๆ ธุรกิจ เอกชนโดยเฉพำะสถำบันที่มีขนำด ใหญ่หรือมีควำมสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับ ประชำชนจำนวนมำก ต่ำงก็มีฝ่ำยประชำสัมพันธ์และหรือผู้ปฏิบัติงำน/ เจ้ำหน้ำที่ที่ทำงำนทำงด้ำนนี้โดยตรงอย่ำงไรก็ตำมจำกอดีตถึงปัจจุบันกำรประชำสัมพันธ์สำมำรถจำแนกได้เป็น สองลักษณะ โดยในอดีตนั้นกำรประชำสัมพันธ์เป็นเพียงกำรเผยแพร่ควำมรู้ควำมเข้ำใจ ข่ำวสำรข้อมูลและ เรื่องรำวต่ำง ๆ ของสถำบันไปสู่ประชำชน หรืออำจสรุปได้ว่ำ เป็นกำรสื่อสำรทำงเดียวในอันที่จะให้ประชำชน ได้รับทรำบ มีควำมรู้ควำมเข้ำใจ เกิดควำมนิยมและศรัทธำ แต่ในปัจจุบันบทบำทของกำรประชำสัมพันธ์ได้ เปลี่ยนแปลงไป นอกจำกจะมีควำมหมำยและควำมสำคัญในกำรส่งเสริม และสนับสนุนด้ำนกำรตลำดและกำร ขำย มีควำมสัมพันธ์กับกำรโฆษณำพร้อม ๆ กับมีบทบำทหน้ำที่ในกำรสร้ำงบำรุงรักษำและแก้ภำพพจน์ให้แก่ สถำบันแล้ว กำรประชำสัมพันธ์ยังสร้ำงควำมสัมพันธ์ ระหว่ำงสถำบันกับประชำชนให้ถูกต้องเหมำะสมยิ่งขึ้น โดยเฉพำะกำรตระหนักและเคำรพในควำมรู้ ควำมคิดเห็น ควำมต้องกำรและพฤติกรรมของประชำชนที่ เกี่ยวข้องมำกขึ้น ซึ่งยังผลให้กำรประชำสัมพันธ์มีลักษณะของกำรสื่อสำรแบบยุควิถีหรือกำรสื่อสำรสองทำงไป กลับ (two3way communication) ที่สมบูรณ์ขึ้น ความหมายของการประชาสัมพันธ์ คำว่ำ “กำรประชำสัมพันธ์” มำจำกคำว่ำ “ประชำ” กับ “สัมพันธ์” ซึ่งตรงกับภำษำอังกฤษว่ำ “public relations” หรือที่เรียกกันทั่วไปว่ำ “PR” ตำมคำศัพท์นี้หมำยถึงกำรมีควำมสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับ ประชำชน ตำมพจนำนุกรมฉบับรำชบัณฑิตยสถำน พ.ศ. 2525 หมำยถึง กำรติดต่อสื่อสำร เพื่อส่งเสริมควำม เข้ำใจอันถูกต้องต่อกัน และถ้ำจะขยำยควำมหมำยให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น จะหมำยถึง “ควำมพยำยำมที่มีกำร วำงแผนและเป็นกำรกระทำที่ต่อเนื่อง ในอันที่จะมีอิทธิพลเหนือควำมคิดจิตใจของประชำชน กลุ่มเป้ำหมำย โดยกำรกระทำสิ่งที่ดีมีคุณค่ำให้กับสังคม เพื่อให้ประชำชนเหล่ำนี้เกิดทัศนคติทีดีต่อหน่วยงำนกิจกรรม และ