2. PRESENT PERFECT
หลักการใช้ Present Perfect
1. ใช้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เราเคยทามา
I have worked in Phetchaburi.
2. ใช้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดในอดีต และยังมีผลต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน
I have lived in Bangkok for 25
years.
13. ประโยคคาถาม: Have/Has + S. + v.3 ?
They, wash, car
Have they washed the car?
Yes they have./ No, they
haven’t.
14. I have just…, I have
already…,
I haven’t yet…
Just : เพิ่งจะ... มักใช้หน้ากริยาแท้
Already : แล้ว … มักใช้หน้ากริยาแท้
Yet = ยัง... มักจะใช้เวลาถาม หรือปฏิเสธ จาง่ายๆ มัก
อยู่ท้ายประโยค
15. I have just…
Just : เพิ่งจะ... มักใช้หน้ากริยาแท้
I have just eaten an apple.
She has just finished cooking.
(FINISH มักตามด้วย V. ing)
1. I, just, eat
2. She, just,
finish cooking
16. I have just…
Already : แล้ว … มักใช้หน้ากริยาแท้
I’ve already done my
homework.
She’s already made dinner.1. I, already, do homework
2. 2. She, already, make dinner
17. I HAVEN’T YET…
Yet = ยัง... มักจะใช้เวลาถาม หรือปฏิเสธ จา
ง่ายๆ มักอยู่ท้ายประโยค
Have you had dinner yet?
I haven’t spoken to her yet.
1.You, have,
dinner
2. I, speak to h
18. PAST SIMPLE TENSE
Past Simple Tense ใช้พูดถึง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและจบสิ้นลงไป
แล้ว โดยมักจะมีการระบุช่วงเวลาไว้ด้วยว่า
เกิดขึ้นเมื่อไหร่
19. ประโยคบอกเล่า: S. + v.2
I to the theme park
yesterday.
went
They at home last
night.
stayed
20. ประโยคปฏิเสธ: S. + did not +
v.1
I to the theme park
yesterday.
did not
go
They at home
last night.
didn’t
stay
21. ประโยคคาถาม: (Wh-q) Did + S. + V.1
+ ?
to the theme park
yesterday?
Did you
go
at home last
night?
Did they
stay
24. หลักการผันรูป VERB ช่อง 1 ไป ช่อง 2
Regular verb กริยาผันด้วยการมีรูป –ed ต่อท้าย (ผันแบบปกติ)
3. กริยาที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม –ed
เช่น study studied (เรียน)
marry married (แต่งงาน)
25. หลักการผันรูป VERB ช่อง 1 ไป ช่อง 2
Regular verb กริยาผันด้วยการมีรูป –ed ต่อท้าย (ผันแบบปกติ)
3. กริยาที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม –ed
*ยกเว้นกริยาที่หน้า y เป็นสระ (a e i o u) สามารถเติม –ed
ต่อท้ายได้เลย spray sprayed (ฉีดพ่น)
26. หลักการผันรูป VERB ช่อง 1 ไป ช่อง 2
Regular verb กริยาผันด้วยการมีรูป –ed ต่อท้าย (ผันแบบปกติ)
4. กริยาที่มีพยางค์เดียว หรือสองพยางค์ที่เน้นหนักเสียงหลัง และมีสระ
(a e i o u) เพียงตัวเดียว ให้ซ้าตัวอักษร ท้ายสุดแล้วเติม –ed
เช่น stop stopped (หยุด)
prefer preferred (ชอบ, เลือกมากกว่า)
27. หลักการผันรูป VERB ช่อง 1 ไป ช่อง 2
Irregular verb กริยาผันไม่ปกติ (ต้องจา)
1. กริยาที่แปลงรูปไปเลย
เช่น sing sang
fall fell
28. หลักการผันรูป VERB ช่อง 1 ไป ช่อง 2
Irregular verb กริยาผันไม่ปกติ (ต้องจา)
1. กริยาที่ ไม่แปลงรูปเลย
เช่น cut cut
put put