More Related Content
Similar to Lernning 07 (20)
More from Mayuree Janpakwaen
More from Mayuree Janpakwaen (14)
Lernning 07
- 1. ใบความรู้ ที 7
เรือง ระบบเครือข่ ายท้ องถิน(LAN)
ระบบเครือข่ ายท้ องถิน (LAN)
ระบบเครื อข่ายแบบ LAN หรื อระบบเครื อข่ายเฉพาะบริ เวณ โดยปกติแล้วจะเป็ นระบบเครื อข่าย
ส่ วนตัว (Private Network) นันคือองค์กรที/ตองการใช้งานเครื อข่าย ทําการสร้าง เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ที/
/ ้
เชื/อมต่อกันเป็ นระบบเครื อข่ายในระยะใกล้ ๆ ซึ/ งจะช่วยให้เกิดประโยชน์แก่องค์กรและธุ รกิจต่างๆ มากมาย
เช่น
- สามารถแบ่งเบาการประมวลผลไปยังเครื/ องต่างๆ เฉลี/ยกันไป
- สามารถแบ่งกันใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื/ องพิมพ์ ซี ดีรอมไดร์ ฟ เครื/ องคอมพิวเตอร์ ที/มี
ประสิ ทธิ ภาพสู ง เป็ นต้น
- สามารถแบ่งกันใช้งานซอฟต์แวร์ และข้อมูลหรื อสารสนเทศต่างๆ รวมทัEงทําให้สามารถจัดเก็บข้อมูล
เหล่านัEนไว้เพียงที/เดียว
- สามารถวางแผนหรื อทํางานร่ วมกันเป็ นกลุ่มได้ แม้จะไม่ได้อยูใกล้กนก็ตาม
่ ั
- สามารถใช้ในการติดต่อกัน เช่น ส่ งจดหมายทางอิเลคทรอนิคส์ หรื อการส่ งเสี ยงหรื อภาพทาง
อิเลคทรอนิคส์ เป็ นต้น
- ช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยรวมขององค์กร
ชนิดการเชื อมต่ อของเครื อข่ าย LAN
การเชื/อมต่อคอมพิวเตอร์ เข้าด้วยกันเป็ นเครื อข่ายเฉพาะบริ เวณ (LAN) นัEน จุดประสงค์หลักอย่าง
หนึ/งก็คือการแบ่งกันใช้ทรัพยากรที/มีอยู่ โดยทรัพยากรเหล่านัEนอาจเป็ นหน่วยประมวลผลกลาง (CPU)
่ ั
ความเร็ วสู ง ฮาร์ ดดิสก์ เครื/ องพิมพ์ หรื อแม้แต่อุปกรณ์สื/อสารต่างๆ ซึ/ งอุปกรณ์เหล่านีEจะเชื/อมอยูกบ
คอมพิวเตอร์ เครื/ องใดเครื/ องหนึ/ง
วิธีการเชื/อมต่อเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ เพื/อจัดสรรการใช้งานทรัพยากรในระบบเครื อข่ายสามารถจําแนกได้
เป็ น 3 รู ปแบบ คือ
1. เครื อข่ายแบบ Peer-to-Peer
2. เครื อข่ายแบบ Server-based
3. เครื อข่ายแบบ Client/Server
- 2. ตาราง เปรี ยบเทียบการเชื/อมต่อแบบ Server based เทียบกับ Peer-to-Peer
เครือข่ าย ข้ อดี ข้ อเสีย
- เสี ยค่าใช้จ่ายสูงสําหรับเครื/ อง Server โดยเฉพาะอย่าง
- มีประสิ ทธิภาพสูงกว่าโดยเฉพาะอย่างยิง /
ยิงหากเป็ นแบบ Dedicated Server ซึ/งไม่สามารถ
/
ถ้าเป็ นแบบ Dedicated Server
นําไปใช้งานอย่างอื/นได้
Server- - การดูแลระบบสามารถทําได้ง่ายกว่า
่ ั
- ไม่สามารถใช้งานทรัพยากรที/เชื/อมอยูกบ Workstation
Based -เร็ ว
ได้
ั
-ใช้กบเครื อข่ายขนาดใหญ่ได้
- ถ้า Server เสี ยระบบจะหยุดหมด
-ระบบรักษาความปลอดภัยดี
-ติดตัEงยากกว่า
่ ั
- สามารถใช้งานทรัพยากรซึ/งเชื/อมอยูกบ - การดูแลระบบทําได้ยาก เนื/องจากทรัพยากรกระจัด
เครื/ องใดๆ ในเครื อข่าย กระจายกันไปในเครื/ องต่างๆ
- ประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของ Server - มีประสิ ทธิภาพที/ต/ากว่าแบบ Server based มาก
ํ
Peer-to-
- สามารถกระจายโปรแกรมประยุกต์ไป - เครื/ องทุกเครื/ องต้องมีหน่วยความจําและประสิทธิภาพ
Peer
ไว้ยงเครื/ องต่างๆ เพื/อลดการจราจรใน สูงกว่าเครื/ อง workstaion ในแบบ Server-based
ั
เครื อข่ายได้ -ความเร็ วไม่สูงเท่าแบบ Server-based
-ติดตัEงง่าย ใช้งานง่าย -ระบบความปลอดภัยไม่ค่อยดี
เครือข่ ายแบบ Peer-to-Peer
เครื อข่ายแบบนีEจะเก็บไฟล์และการเชื/อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ
ไว้ที/เครื/ องคอมพิวเตอร์ ของผูใช้แต่ละคน โดยไม่มีคอมพิวเตอร์ ส่วนกลางที/ทาหน้าที/นE ี เรี ยกได้วาต่างคนต่าง
้ ํ ่
เก็บ ต่างคนต่างใช้ แต่ผใช้ในเครื อข่ายสามารถเรี ยกใช้ไฟล์จากคอมพิวเตอร์ เครื/ องอื/นได้ ถ้าคอมพิวเตอร์
ู้
เครื/ องนัEนทําการแชร์ ไฟล์เหล่านัEนไว้ เครื อข่ายแบบ Peer-to-Peer นีEเหมาะสําหรับองค์กรขนาดเล็กที/มี
ุ่
คอมพิวเตอร์ เชื/ อมต่อกันไม่เกิน 10 เครื/ อง เนื/องจากติดตัEงง่าย ราคาไม่แพง และการดูแลไม่ยงยากนัก แต่ถา ้
คอมพิวเตอร์ ในเครื อข่ายมีมากกว่า 10 เครื/ องขึEนไปควรจะใช้เครื อข่ายแบบอื/นดีกว่า
- 3. ทรัพยากร
ทรัพยากรของเครื อข่าย เช่น เครื/ องพิมพ์ หรื อแฟกซ์โมเด็ม ปกติจะเชื/อมต่อกับคอมพิวเตอร์ เครื/ อง
ใดเครื/ องหนึ/งในเครื อข่าย สําหรับเครื/ องที/ไม่มีทรัพยากรเหล่านีEก็สามารถเข้าใช้ทรัพยากรเหล่านีEผาน ่
เครื อข่ายได้
โปรแกรมใช้ งาน
โดยปกติโปรแกรมใช้งานทัวไป เช่น เวิร์ดโปรเซสเซอร์ หรื อสเปรดชี ต ที/ใช้ในเครื อข่ายแบบ Peer-
/
to-Peer จะติดตัEงในคอมพิวเตอร์ ของผูใช้แต่ละเครื/ องเลย
้
สมรรถนะ
เมื/อคอมพิวเตอร์ ในเครื อข่ายถูกร้องขอข้อมูล หรื อเรี ยกใช้ทรัพยากร สมรรถนะในการทํางานของ
คอมพิวเตอร์ ก็จะลดตํ/าลง เช่น ถ้ามีเครื/ องพิมพ์เชื/อมต่อกับคอมพิวเตอร์ เครื/ องใดเครื/ องนัEนก็จะทํางานช้า ลง
ทันทีที/มีผใช้คนอื/นในเครื อข่ายส่ งเอกสารมาพิมพ์ที/เครื/ องพิมพ์ตวนีE
ู้ ั
การติดตั5ง
เมื/อติดตัEงและเซตอัปฮาร์ ดแวร์ ของเครื อข่ายเสร็ จแล้ว ต่อไปก็ตองติดตัEงระบบปฏิบติการเครื อข่าย
้ ั
และโปรแกรมใช้งานลงเครื/ องคอมพิวเตอร์ ทุกเครื/ องด้วย หลังจากนัEนก็ตองเซตอัปการเชื/อมต่อคอมพิวเตอร์
้
แต่ละเครื/ องให้มองเห็นเครื อข่ายและทรัพยากรในเครื อข่าย
การบริ หารระบบ
การบริ หารเครื อข่ายแบบ Peer-to-Peer นีEไม่ซบซ้อนมากนัก ดังนัEนจึงไม่จาเป็ นจะต้องมีการตัEง
ั ํ
ตําแหน่งผูบริ หารเครื อข่ายโดยเฉพาะ เพียงแต่ให้ผใช้ในเครื อข่ายศึกษาวิธีการบริ หารระบบในเครื/ องของ
้ ู้
่
ตนเองก็ เพียงพอแล้ว เรี ยกได้วาต่างคนต่างช่วยกันดูแล
ระบบรักษาความปลอดภัย
ลักษณะการเก็บไฟล์ในเครื อข่ายแบบ Peer-to-Peer นีEจะใช้หลักการต่างคนต่างเก็บในเครื/ อง
คอมพิวเตอร์ ของตนเอง จุดนีEเองทําให้ผใช้คนอื/นสามารถเข้าไปดูไฟล์ขอมูลในเครื/ องต่าง ๆ ในเครื อข่ายได้
ู้ ้
ไม่ยากนัก ระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในเครื อข่ายแบบนีEจึงค่อนข้างหละหลวมกว่าระบบรักษา
ความปลอดภัยที/เก็บไว้ที/เซิ ร์ฟเวอร์
ค่ าใช้ จ่าย
ในกรณี ที/เครื/ องที/เชื/อมต่อมีนอยเครื/ องค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าเครื อข่ายรู ปแบบอื/น ๆ
้
คุณสมบัติข5 ันสู ง
เครื อข่ายแบบนีEจะเน้นในเรื/ องของการแลกเปลี/ยนข้อมูล และการใช้ทรัพยากรร่ วมกันในเครื อข่าย
เท่านัEน คุณสมบัติขE นสู งอื/น ๆ เช่น การควบคุมระยะไกล หรื อระบบรับส่ งอีเมล์ จะไม่มีให้ใช้ในเครื อข่ายนีE
ั
- 4. การขยายระบบ
เครื อข่ายแบบ Peer-to-Peer เหมาะสําหรับการเชื/ อมต่อคอมพิวเตอร์ จานวนน้อยๆ ซึ/ งไม่เหมาะใน
ํ
การขยายระบบเพิ/มเติม ถ้าองค์กรต้องการขยายระบบเพิ/มเติมควรจะสร้างเป็ นเครื อข่ายแบบอื/น
เครือข่ ายแบบ Server-Based
่
ระบบเครื อข่ายแบบนีE จะมีคอมพิวเตอร์ หลักอยูหนึ/งเครื/ อง เรี ยกว่า เซิ ร์ฟเวอร์ (server) หรื อ เครื/ องแม่
ั
ข่าย ทําหน้าที/เก็บข้อมูล โปรแกรม และแชร์ ไฟล์หรื อโปรแกรมนัEนให้กบเครื/ องลูกข่าย อีกทัEงยังทําหน้าที/
ประมวลผล และส่ งผลลัพธ์ที/ได้ไปให้เครื/ องลูกข่าย ซึ/ งเป็ นเสมือนเครื/ องให้บริ การเครื/ องคอมพิวเตอร์ อื/นใน
เครื อข่ายที/ร้องขอ เข้ามา รวมทัEงเป็ นยังผูจดการดูแลการจราจรในระบบเครื อข่ายทัEงหมด
้ั
เครื/ องคอมพิวเตอร์ อื/นๆ ในเครื อข่าย จะสามารถเข้าใช้งานไฟล์ต่าง ๆ ในเซิ ร์ฟเวอร์ ได้ แต่ไม่สามารถเข้า
ใช้งานไฟล์ในเครื/ องอื/นๆ ได้ นันคือการติดต่อกันระหว่างเครื/ องต่างๆ จะต้องผ่านเครื/ องเซิ ร์ฟเวอร์ เครื/ อง
/
ผูใช้จะทําการประมวลผลในงานของตนเท่านัEน ไม่มีหน้าที/ในการให้บริ การกับเครื/ องอื/นๆ ในระบบ
้
เซิ ร์ฟเวอร์ จะต้องมีหน่วยความจําสํารอง (harddisk) ขนาดใหญ่เพื/อเก็บข้อมูลทัEงหมด และควรเป็ นเครื/ อง
ที/มีสมรรถนะสู ง ชนิดของเซิ ร์ฟเวอร์ มีได้ 2 รู ปแบบคือ
(1) Dedicated server หมาย ถึง เซิ ร์ฟเวอร์ ที/ทาหน้าที/บริ การอย่างเดียวเท่านัEน ไม่สามารถนําไปใช้ใน
ํ
งานทัวๆ ไปได้ ข้อดีคือทําให้ระบบมีเสถียรภาพและมีประสิ ทธิภาพสู ง ข้อเสี ยคือไม่สามารถใช้งานเครื/ อง
/
เซิ ร์ฟเวอร์ ซึ/ งมีราคาค่อนข้างสู งได้
(2) Non-dedicated server หมาย ถึง เซิ ร์ฟเวอร์ ที/สามารถใช้งานได้ตามปกติเหมือนเครื/ องลูกข่าย ซึ/ งมี
ข้อเสี ยที/สาคัญคือประสิ ทธิ ภาพของเครื อข่ายจะลดลง ทําให้วธีนE ีไม่เป็ นที/นิยมในการใช้งาน
ํ ิ
เครือข่ ายแบบ Client/Server
เป็ นรู ปแบบหนึ/งของเครื อข่ายแบบ server-based โดยจะมี
คอมพิวเตอร์ หลักเครื/ องหนึ/งเป็ น เซิ ร์ฟเวอร์ ซึ/ งจะไม่ได้ทาหน้าที/
ํ
ประมวลผลทัEงหมดให้เครื/ องลูกข่าย หรื อไคลเอนต์ (client)
เซิ ร์ฟเวอร์ ทาหน้าที/เสมือนเป็ นที/เก็บข้อมูลระยะไกล (remote disk)
ํ
ั
และประมวลผลบางอย่างให้กบไคลเอนต์เท่านัEน เช่น ประมวลผล
คําสั/งในการดึงข้อมูลจากเซิ ร์ฟเวอร์ ฐานข้อมูล (database server)
เป็ นต้น
- 5. ประสิ ทธิภาพ
ั
เครื อข่ายแบบ Client/Server นัEน เซิ ร์ฟเวอร์ จะต้องทํางานบริ การให้กบเครื/ องไคลเอนต์ที/ร้องขอเข้า
มา ซึ/ งนับว่าเป็ นงานประมวลผลที/หนักพอสมควร ดังนัEนเครื/ องเซิ ร์ฟเวอร์ ก็ควรจะเป็ นเครื/ องคอมพิวเตอร์ ที/
ทรงพลัง เพียงพอในการรองรับงานหนัก ๆ แบบนีEในเครื อข่าย
บริการ
่
อาจจะมีเซิ ร์ฟเวอร์ อยูหลายตัวในการทํางานเฉพาะด้าน เช่น ไฟล์เซอร์ เวอร์ ทาหน้าที/ในการจัดเก็บ
ํ
และบริ หารไฟล์ทE งหมดที/อยูในเครื อข่าย พริ นต์เซิ ร์ฟเวอร์ ทําหน้าที/เกี/ยวกับการควบคุมการพิมพ์ทE งหมดใน
ั ่ ั
เครื อข่าย ดาต้าเบสเซอร์ เวอร์ จดเก็บและบริ หารฐานข้อมูลขององค์กร เป็ นต้น
ั
โปรแกรม
องค์กรที/ใช้เครื อข่ายแบบนีE มักมีการเก็บโปรแกรมไว้บนเซิ ร์ฟเวอร์ เพื/อให้ผใช้สามารถเข้าไป
ู้
เรี ยกใช้ได้ทนที เช่น เซิ ร์ฟเวอร์ เก็บโปรแกรมเวิร์ดโปรเซสเซอร์ ไว้ เมื/อผูใช้ตองการใช้โปรแกรมนีEก็สามารถ
ั ้ ้
รันโปรแกรมนีEจากเซิ ร์ฟเวอร์ ได้
ขนาด
เครื อข่ายแบบ Client/Server สามารถรองรับเครื อข่ายตัEงแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ แต่ที/
เหมาะสมจะเป็ นเครื อข่ายขนาดใหญ่
การบริ หารระบบ
จะต้องมีเจ้าหน้าที/ในการบริ หารระบบโดยเฉพาะ ซึ/ งทําหน้าที/จดการเกี/ยวกับงานพืEนฐานประจําวัน
ั
เช่น การสํารองข้อมูล การตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัย และการดูแลระบบให้ทางานได้อย่าง ํ
สมํ/าเสมอ
ระบบรักษาความปลอดภัย
เครื/ องเซิ ร์ฟเวอร์ ส่วนใหญ่จะเปิ ดให้ทางานตลอดเวลา และต้องมีการป้ องกันไม่ให้ใครเข้ามา
ํ
ปรับเปลี/ยนระบบภายในเครื/ องเซิ ร์ฟเวอร์ เพื/อเป็ นการป้ องกันรักษาข้อมูล บริ ษทส่ วนใหญ่จึงมักจะเก็บ
ั
เซิ ร์ฟเวอร์ ไว้ในห้องที/แยกต่างหากและมีการปิ ด ล็อคไว้เป็ นอย่างดี
การขยายระบบ
่
เครื อข่ายแบบ Client/Server ยืดหยุนต่อการเพิ/มเติมขยายระบบ การเพิ/มเครื/ องไคลเอนต์ในเครื อข่าย
ไม่จาเป็ นต้องใช้เครื/ องสเป็ กสู ง ราคาแพง โดยเครื/ องที/มีสมรรถนะสู งนัEนเอาไว้ใช้เป็ นเครื/ องเซิ ร์ฟเวอร์
ํ
การดูแลซ่ อมแซม
ปั ญหาที/เกิดขึEนในเครื อข่ายแบบนีEหาพบได้ไม่ยาก เช่น ถ้าเครื/ องไคลเอนต์หลาย ๆ เครื/ องทํางาน
ไม่ได้ ปั ญหาก็มกจะมาจากที/เครื/ องเซิ ร์ฟเวอร์ และถ้าเครื/ องไคลเอนต์เครื/ องใดมีปัญหาผูบริ หารระบบก็เพียง
ั ้
แก้ไขที/เครื/ อง นีE ซึ/ งจะไม่กระทบต่อเครื/ องไคลเอนต์เครื/ องอื/น