More Related Content
More from Matdavit Physics (12)
349 2
- 1. อิสลาม : ความรัก ?
วาดวยความสัมพันธระหวางชายหญิงในมุมมองอิสลาม
ซุฟอัม อุษมาน
เรียบเรียง
2
อิสลาม : ความรัก ?
วาดวยความสัมพันธระหวางชายหญิงในมุมมองอิสลาม
ซุฟอัม อุษมาน เรียบเรียง
พิมพครั้งแรก
สงวนลิขสิทธิ์ © 2004
- 3. 5
คํานํา
หลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสังคมมนุษย ทั้งดีและราย ทั้งที่ดําเนินไป
อยางเงียบเชียบหรือเปนที่โจษจันเอิกเกริก ทุกอยางเกิดขึ้นโดยมี
ผลกระทบตอตัวมนุษยเองอยางหลีกเลี่ยงไมได
สิ่งที่ดําเนินและเกิดขึ้นในชีวิตมนุษยนั้นลวนมิอาจหนีพน
กําหนดแหงองคอัลลอฮฺผูเปนเจา ความรักก็เปนเพียงหนึ่งในสิ่งอันนา
อัศจรรยซึ่งมีอยูมากมายมหาศาลที่พระองคสรางขึ้น
โดยความจริงแลว ความรักเปนกรรมสิทธิแหงการเสกสรรค
ขององคอภิบาลอยางแนแท การไดรูจักความรักในแงมุมที่พระองคได
เปดเผยไวในบัญญัติของพระองคจึงควรแกการศึกษาและซึมซับใหดียิ่ง
หากเราเปนหนึ่งในจํานวนผูสนใจไยดีความรัก
แมนมีหนุมสาวคูใดที่กําลังจะรักใคร หรือตกอยูในหลุมแหงรัก
และแมกระทั่งคูชีวิตที่ตัดสินใจรวมเดินบนเสนทางแหงรักดวยกันแลว
ลวนพึงไดรับอานิสงคจาก “อิสลาม : ความรัก ?” เลมเล็กๆ เลมนี้
ดวยมุมมองที่อาจจะแปลกไปจากความเขาใจเดิมๆ ไมมากก็นอย
ขาพเจาหวังไวเชนนั้น
6
ในการเรียบเรียง ผูเขียนไดรับประโยชนจากงานของทาน อิบนุ
อัล-ก็อยยิม อยางมากมายยิ่ง ขอมูลสําคัญที่ผูเรียบเรียงนํามาเสนอ ณ
ที่นี้สวนใหญหยิบยกมาจาก เราเฎาะตุล มุหิบบีน วะ นุซฮะตุล
มุชตากกีน และ อัด-ดาอฺ วะ อัด-ดะวาอฺ ทั้งสองเลมของทาน
สําหรับผูสนใจที่จะศึกษาเพิ่มเติมแลว อิบนุ อัล-ก็อยยิม ได
นําเสนอแงมุมที่นาสนใจยิ่งเกี่ยวกับความรัก และความสัมพันธระหวาง
ชายหญิงในมุมมองของอิสลาม และเปนการยากที่จะหาผูอธิบายทาน
อื่นๆ มาเปรียบเทียบ
ขอองคอัลลอฮฺผูเปนเจาแหงความรัก ชี้ทางแหงความถูกตอง
และประทานความรักอันบริสุทธิ์สถาพร แดหัวใจผูใฝหาสัจธรรมอัน
เปยมดวยศรัทธาทุกคนดวยเทอญ อามีน
ผูเขียน
- 4. 7
ยามไดมองครั้งแรก
หลุมพรางของหัวใจและความใคร
“จงกลาวแกบรรดาผูศรัทธาผูเปนชายทั้งหลายใหพวกเขา
ลดสายตาของพวกเขาลงต่ํา และใหรักษาอวัยวะเพศของ
พวกเขาไว นั่นจะเปนการบริสุทธิ์ยิ่งสําหรับพวกเขา
ทั้งหลาย แทจริงอัลลอฮทรงรอบรูในสิ่งที่พวกเขากระทํา
โดยแน และจงกลาวแกบรรดาผูศรัทธาผูเปนหญิงทั้งหลาย
ใหพวกนางลดสายตาของพวกนางลงต่ํา และใหรักษา
อวัยวะเพศของพวกนางไวเชนกัน” (ความหมายจาก สู
เราะฮฺ อัน-นูรฺ อายะฮฺที่ 30-31)
8
ทานที่มีดวงตาทั้งหลาย คงจะซาบซึ้งถึงนิอฺมัตการมองเห็น
ที่อัลลอฮฺไดประทานใหเขา ดวงตาอันเปนอวัยวะที่บอกถึงเสนหของแต
ละคนได ยังมีอะไรหลาย ๆ อยางที่เปนคุณคาใหกับมนุษย ใน
ขณะเดียวกันในความลับของดวงตายังมีสิ่งที่เลวรายซอนเรนอยูอีกดวย
เชนกัน
โองการอัลกุรอานขางตน เปนคําสั่งแหงองคอภิบาลใหเราทาน
ทั้งหลายจัดการควบคุมดวงตาใหลดสายตาหรือหรี่ตาลงต่ํา เราอาจจะ
อธิบายโดยใชคําวา คําสั่งหามไมใหเปดดวงตามองอะไรแบบพร่ําเพรื่อ
มุทะลุ อยางนี้ก็คงจะไมผิด
อัลกุรอานไมไดบอกวา ใหเราลดสายตาของเราลงเมื่อใด นั่น
ชี้ใหเห็นวา ทุกสิ่งที่สามารถนําภัยมาสู สายตา ความคิด หัวใจที่เปนตัว
คอยควบคุมตา หรืออามัลฺที่ดี (ซึ่งบางอยางจําตองพึ่งตา) ยอมตองถูก
สั่งหาม ไมใหมองทั้งสิ้น
ทีนี้ก็มาถึงคําถาม อะไรบางละที่เปนตัวนําความวินาศมาให
เราได ? และเปนสิ่งที่ถูกสั่งหามไมใหมอง ? คําตอบก็คือ มีอยูหลาย
อยาง นับแทบจะไมหมดดวยซ้ํา แตอยากใหเราลองกลับไปดูโองการ
ขางตนอีกครั้ง อัลกุรอานยังกําชับอีกวา ใหพวกเขารักษาอวัยวะพึง
สงวนของพวกเขา ความหมายก็คือ ใหปองกัน อยาไดละเมิดการ
กระทําทางเพศที่ผิดตอบทบัญญัติของศาสนา มาถึงตรงนี้เราคงจะมอง
ออกวา ระหวางคําสั่ง “ใหลด” กับคําสั่ง “ใหปองกัน” นั้นมี
ความสัมพันธกัน สรุปก็คือ การมองดูอะไรก็แลวแตที่ทําใหเกิด
- 5. 9
ความรูสึกทางเพศ หรือความตองการที่จะปลดปลอยอารมณที่คลั่งอยู
ภายในใหหมดไป ถือวาเปนของตองหามทั้งสิ้น
ความปรารถนาที่จะมีคูชีวิตและความตองการทางเพศ เปนสิ่ง
ที่อัลลอฮฺประทานมาใหเปนธรรมชาติสําหรับมนุษยตั้งแตเกิด เราเองก็
พบวา อิสลามไดสนับสนุนความตองการนี้ แตนั่นก็มีขอบเขตของมัน
ซึ่งเปนการเพียงพอแลวที่จะใชดับไฟอารมณของหัวใจ ในสูเราะฮฺ อัน-
นิสาอฺ อายะฮฺที่ 3 อัลกุรอานระบุไวมีใจความวา
“ดังนั้นจงแตงงานกับหญิงที่ดีสําหรับสูเจา สองคน สามคน
หรือสี่คน ถาเกรงวาพวกเจาจะไมยุติธรรม ก็จงมีแตหญิง
เดียว”
ปญหาอีกขอหนึ่งก็คือ คนที่ไมสามารถหรือยังไมพรอมที่จะ
แตงงานเลาจะทําอยางไร ? คําตอบของคําถาม อิสลามไดบอกทั้งวิธี
รักษาและปองกันใหเราไดรูไวดวย วิธีรักษาก็คือ พยายามถือศีลอดให
บอยเพราะการอดอาหารมีสวนลดความตองการและความรูสึกทางเพศ
ไดอยางมาก สวนวิธีปองกัน ก็คือ โองการอัลกุรอานขางตนอีกนั่น
แหละ คําสั่งใหลดสายตาลงต่ํา ทําไมตองมีคําสั่งแบบนี้ดวย สายตามัน
เกี่ยวของอะไรดวยกับความตองการทางเพศ ?
ใช แนนอนการมองดวยตาเปนสาเหตุใหญและคงเปนสาเหตุ
แรกดวยซ้ําที่ปลุกอารมณใหลุกพลานจนบังคับไมอยู ดวงตาคือประตู
ดานแรกที่รับเอาภาพตางๆ ที่มองเห็น แลวจัดการสงไปใหสมองคิด ถึง
ตรงนี้ก็จะเกิดปฏิกิริยาทางความคิดขึ้นมา ตัวอยางเชน อาจจะเกิด
10
อาการเหมอลอย ขี้เกียจและเชื่องชา บางทีอาจจะเครียด หรือไมก็เฮฮา
จนเกินไปอะไรทํานองนี้ ที่เลี่ยงเสียไมไดก็คือ อากัปกิริยาเหลานี้จะมี
ผลตอความรูสึกทางใจดวย ถาสะสมมากเกินไป โรคนี้สามารถทําให
คนเสียคนไดเหมือนกัน การปองกันดวยการลดสายตาจากการมองสิ่ง
ยั่วยวน จึงเปนเรื่องสําคัญ โดยเฉพาะในสังคมปจจุบันที่เต็มไปดวย
สีสันของการแตงกายโปเปลือยเปดสวนที่พึงปกปดใหคนอื่นเห็นภายใต
ขออาง “แฟชั่นใหมที่ทันสมัย”
สิ่งที่อิสลามสั่งใหลดสายตาจากการมอง
ในบรรดาสิ่งตองหามที่อิสลามกําหนดใหลดสายตาลงจากการ
มองคือ
• ผูหญิงที่อนุญาตใหแตงงานกันได ทานศาสนทูต ศ็อลลัลลอฮฺ
อะลัยฮิ วะสัลลัม ไดกลาวไวมีใจความวา “ไมมีฟตนะฮฺ(การ
ทดสอบ)ใดที่หลงเหลือหลังจากที่ฉันตายแลวจะเปน
อันตรายรายแรงตอผูชาย มากไปกวาฟตนะฮฺผูหญิง”
(รายงานโดย อัล-บุคอรีย 9096)
• เด็กผูชายที่เริ่มเขาสูวัยหนุม ครั้งหนึ่งมีเด็กหนุมหนาตาดีได
เขาไปหาทานซุฟยาน อัซเษารีย พอทานเห็น ทานก็บอกวา
"เอาเขาออกไปจากฉัน แทจริงฉันพบวามีชัยฏอนหนึ่งตนอยู
กับผูหญิง แตกับเด็กชายหนาตาดีมีชัยฏอนอยูถึง 17 ตนเลย
- 6. 11
ทีเดียว" (ดู อัล-อุลวาน,อับดุลลอฮฺ นาศิฮฺ. ตัรบิยะตุล เอา
ลาด ฟล อิสลาม(การอบรมบุตรในอิสลาม). 2 : 400)
อัน-นัคอีย กลาววา "พวกเขาอยูในฐานะผูหญิง" (ดู อิบนุ อัล-
ก็อยยิม. เราเฏาะตุล มุหิบบีน วะ นุซฮะตุล มุชตากกีน. หนา
75)
• สวนผูหญิงก็ตองลดสายตาจากการมองเพศตรงขามเชนกัน
โดยใชหลักฐานคือโองการอัลกรุอานขางตน
ภัยจากการมองแบบพร่ําเพรื่อ
• ในหะดีษฺของทานรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม มีวา “ถูก
กําหนดใหลูกหลานอาดัม(มนุษยทุกคน)ตองพบกับการทํา
ซินาหรือการประพฤติผิดทางเพศอยางหลีกเลี่ยงไมได สอง
ตาทําซินาดวยการมอง สองหูทําซินาดวยการฟง ลิ้นซินา
ของมันคือการพูด มือก็ทําซินาดวยการจับตอง เทาทําซินา
ดวยการเดินไปหา หัวใจทําซินาดวยการแสดงอารมณและ
ความตองการ อวัยวะเพศจะทําเปนผูที่ทําใหมันเปนจริง
หรือยกเลิก” (รายงานโดย มุสลิม 6696)
12
• จากหะดีษฺขางตน เราพบวาการมองดวยตาเปนชนวนสําคัญที่
ทําใหอวัยวะอื่นตองตกกระไดพลอยโจนไปดวย เพราะหะดีษฺ
เริ่มจากดวงตากอนแลวนับไปจนถึงหัวใจ
• บางคนกระวนกระวายเพราะอยากมอง แตพอมองแลวก็ไมเกิด
ประโยชนอะไรขึ้น ซ้ําการมองสิ่งที่เราตองการแตเอามันมา
ไมได จะเพิ่มความทุกขใหกับหัวใจมากขึ้นไปอีก
• ถาหากการมองนําไปสูความคิดและการกระทําที่เปนบาป จะมี
ผลตอหัวใจคือจะมีจุดดําสะสมขึ้น เปนสาเหตุใหหางไกลจาก
ความบะเราะกัต(ความจําเริญ)
• การจองมองผูอื่นโดยเฉพาะเพศตรงขาม เปนการเสียมารยาท
ไมใชบุคลิกภาพของมุอฺมินผูคิดใครครวญเปน
• การมองอาจจะเปนตัวนําไปสูการวิพากษวิจารณ และนินทา
ลับหลังคนอื่น และแนนอนทั้งหมดนี้ยอมตองเปนบาปใหญ
ผลดีของการลดสายตา
• หัวใจจะเขมแข็ง เปนการฝกใหรูจักอดทนตอสิ่งยั่วยวนที่
สามารถชักนําไปสูการกระทําที่เปนบาปทั้งหลาย
• ชัยชนะที่สามารถหักหามใจได ทําใหเกิดความสุข เปน
ความสุขที่ไดรสชาติกวาความสุขจากการทําบาปเปนหลายเทา
นัก
- 7. 13
• ปลดปลอยตัวเองใหพนจากความเจ็บปวดทางใจ และความ
ตองการทางอารมณที่ไมสิ้นสุด
• กําจัดโรคใจลอย อันเปนสาเหตุของความขี้เกียจและไม
กระตือรือรน หรือโรคเมารักนั่นเอง อัลกุรอานระบุถึงพวก
ของนบีลูฏ ซึ่งรักชอบรวมกับเพศเดียวกันมีใจความวา “ขอ
สาบานดวยชีวิตของเจาโอมุหัมมัด แทจริงพวกเขาอยูใน
ความมึนเมาหลงทาง” (ความหมายจาก สูเราะฮฺ อัล-หิจรฺ
อายะฮฺที่ 72) นั่นคือไมสนตอการเสื่อมเสียเกียรติ
• แสดงใหเห็นถึงความสามารถในการใชเหตุผลใครครวญ
ไตรตรอง และแยกแยะสิ่งถูกผิด
• เปนการปองกันการลวงผิดทางเพศซึ่งเปนบาปใหญ มีโทษ
หนัก ทั้งยังเปนที่ชิงชังของทุกคน
• เปนการรักษาชื่อเสียงและความบริสุทธิ์ของตัวเองและวงศ
ตระกูล
บทสรุป
• อัลกุรอานไดสั่งเพียงใหเราลดสายตาลงต่ํา ไมไดสั่งใหปดตา
จนสนิทไปเลย เพราะเราจําเปนตองใชมัน คําสั่งใหลดสายตา
เองก็ถูกใชเฉพาะในกรณีที่ตองหามเทานั้น
14
• นี่เปนวิธีที่ดีที่สุดเพื่อปองกันไมใหเกิดปญหาตางๆ ในสังคม
โดยเฉพาะปญหาการลวงผิดทางเพศ ไปจนถึงปญหา
อาชญากรรม กระทําชําเรา การขมขืน ที่ลวนแลวแตเกิดมา
จากจุดเล็กๆ ที่บางคนอาจจะคิดไมถึง
• อิสลามไดนําเอาวิถีทางที่ครอบคลุมทุกอิริยาบถการดําเนิน
ชีวิตมาใหมนุษย เปนการยากที่เราจะพบเห็นในบทบัญญัติของ
คําสอนอื่น นี่เปนหลักฐานอันชัดแจงถึงความเที่ยงแทหนึ่ง
เดียวของอิสลาม
คําสั่งแหงองคอภิบาลจะยังคงอยูไปจนถึงวันสิ้นโลก รอ
คอยผูที่จะมายึดใชมันเปนหลักในการดําเนินชีวิต ปญหาไมไดอยู
ที่วาเราทํามันไดหรือไม แตปญหามันคือ เราจริงจังและจริงใจแค
ไหนที่จะปฎิบัติตาม ?
- 8. 15
หญิงคบชาย ชายคบหญิง
ความสัมพันธระหวางหญิงชาย ในมุมมองอิสลาม
ขอสดุดีสรรเสริญเอกองคอัลลอฮฺ องคผูอภิบาลที่ไดชี้นํา
ใหแกเราซึ่งแนวทางแหงศาสนาอิสลาม ระบอบการดําเนินชีวิตที่
สมบูรณและครอบคลุมทุกแงมุมของการดําเนินชีวิต ศาสนาอันมี
เปาประสงคหลักของศาสนบัญญัติเพื่อพิทักษปกปองรากฐานหา
ประการของชีวิตมนุษย อันไดแก ศาสนา ชีวิต ทรัพยสิน
สติปญญา และเกียรติศักดิ์ศรี บัญญัติทุกบทของอิสลามไดมุงเพื่อ
รักษาและพิทักษปกปองรากฐานทั้งหาประการนี้
16
ในสูเราะฮฺ อัล-อิสรออฺ อายะฮฺที่ 32 อัลลอฮฺไดตรัสวา
“และสูเจาอยาไดเขาใกลซินา(การผิดประเวณี) เพราะแน
แท มันยอมเปนความโสมมที่แยยิ่ง และเปนหนทางที่ชั่ว
ชาที่สุด”
คําสั่งหามการเขาใกลซินาในอายะฮฺนี้ เปนบัญญัติหลักที่
อัลลอฮฺไดประทานลงมาเพื่อพิทักษเกียรติของความเปนมนุษย เปน
การสั่งใชใหผูเปนบาวรักษาเกียรติแหงความบริสุทธิ์ของตนจาก
กามารมณและตัณหาอันต่ําทราม
เปนที่นาสังเกตอยางยิ่ง อัลลอฮฺไดใชคําสั่งวา “อยาเขาใกล
ซินา” ซึ่งใหความหมายที่หนักแนนและรัดกุมกวาคําสั่ง “อยาทําซินา”
เพราะคําสั่งแรกขางตนเปนการหามและปองกันปญหาตั้งแตเริ่มแรกที่
สาเหตุเลยทีเดียว
อีกประการหนึ่งที่นาสนใจก็คือ การใหคุณลักษณะของอัลลอฮฺ
ตอ “ซินา” หรือ การผิดประเวณี วาเปนการกระทําที่สกปรกแสนโสมม
และเปนหนทางที่แสนชั่ว ดวยเพราะมันคือการตอบสนองความ
ตองการของอารมณและตัณหาดวยการฝาฝนคําสั่งองคอภิบาล ในขณะ
ที่พระองคไดเปดใหมีโอกาสอื่นเพื่อการตอบสนองความใครในทางที่
ถูกตอง การใหคุณลักษณะเชนนี้ชี้ใหเห็นถึงความเกลียดชังของ
พระองคตอการกระทําผิดนี้ และไดกําหนดใหมันเปนบาปใหญที่มีโทษ
มหันต นั่นคือการลงโทษดวยไฟนรกที่รุนแรงกวาไฟตัณหาอันเรารอน
ของสองผูกระทําผิดนี้
- 9. 17
ขอสังเกตที่กลาวมาขางตนมีความสําคัญอยางยิ่ง และสามารถ
ใหความกระจางตอความเขาใจผิดของหลายๆ คนที่มักจะตั้งคําถามวา
คบกันเฉยๆ โดยไมไดทําอะไรผิดศีลธรรม อยางนี้บาปดวยหรือ?
คําถามลักษณะนี้ อันที่จริงบอกถึงความเขาใจผิดของผูถามอยางชัดเจน
โดยตัวมันเองแลว และอายะฮฺที่ไดยกมาขางตน ก็คือคําตอบที่ชัดเจน
สําหรับคําถามอีกดวยเชนกัน
เพื่อเปนการเนนย้ําและเปนหลักฐานวา ไมเพียงซินาเทานั้นที่
อิสลามบัญญัติเปนความประพฤติตองหาม ทวาสาเหตุตางๆ ที่อาจจะ
นําไปสูความประพฤติอันต่ําทรามนี้ก็ถูกหามเชนเดียวกัน แนนอน
พฤติกรรมตางๆ ที่เปนสาเหตุนําไปสูการตกหลุมพรางของชัยฏอนนั้น
มีมากมายเหลือเกิน ในเรื่องนี้ ทานรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮฺ วะสัลลัม
ไดมีวจนะความวา
“ถูกกําหนดใหมนุษยตองพบกับการทําซินาอยางหลีกเลี่ยง
ไมได สองตาทําซินาโดยการมอง สองหูทําซินาดวยการฟง
ลิ้นซินาของมันคือการเปลงวาจา มือก็ทําซินาดวยการจับ
ตอง เทาทําซินาดวยการเดินไปหา หัวใจทําซินาดวยการ
แสดงอารมณและความตองการ อวัยวะเพศจะเปนผูทําให
มันเปนจริงหรือยกเลิก” (รายงานโดย มุสลิม 6696)
หะดีษฺนี้ไดระบุถึงประตูแหงความหายนะไวอยางชัดเจนและ
ครบสมบูรณ และที่สําคัญที่สุด คือการที่ทานรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ
วะสัลลัม ใหลักษณะนามสาเหตุตางๆ ของการซินา ทั้งการมอง การฟง
การพูด การจับ การเดิน การคิด ที่เกี่ยวของกับการผิดประเวณี วาเปน
18
“ซินา” ทั้งสิ้น ดังนั้นอายะฮฺในสูเราะฮฺอัล-อิสรออฺ ที่หามไมใหเขาใกล
ซินา จึงสามารถอธิบายไดอีกนัยหนึ่งวา หามไมใหทําสาเหตุตางๆ ที่
เปนพฤติกรรมตามที่กลาวถึงในหะดีษนี้ทั้งหมดดวยกันทั้งสิ้น
สรุปแลว การคบเฉยๆ โดยไมไดทําอะไรที่เลยเถิดถึงขั้นผิด
ประเวณีก็ถูกหาม เพราะพฤติกรรมคบกันระหวางชายหญิงเองก็อยูใน
ขายบัญญัติของการหามในอายะฮฺที่กลาวมาแลว
ทําไมตองหามที่สาเหตุ
ความรูสึกของคนผูหนึ่งตอเพศตรงขามเปนธรรมชาติที่มีอยู
ตามกําหนดของอัลลอฮฺในมนุษยปกติทั่วไป การสรรคสรางของอัลลอฮฺ
นั้นเปยมดวยวิทยปญญาอันล้ําเลิศ บุรุษเพศและสตรีเพศ ตางมีสิ่ง
ดึงดูดอีกฝายดวยกันทั้งนั้น เชนนี้จึงไมแปลกที่จะเกิดปฏิกิริยาทาง
อารมณและความรูสึก เมื่อธรรมชาติที่มีอยูเดิมถูกกระตุนดวยการได
มอง ไดฟง ไดคุย ไดจับ ไดคิดถึง วิถีทางแหงการปองกันของทานรสูล
ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮฺ วะสัลลัม จึงนับไดวาแยบยลและถูกตองเลยทีเดียว
ดวยเพราะผลกรรมของการผิดประเวณีนั้นชางเสียหายและ
รุนแรงมากทั้งในโลกนี้และโลกหนา อิสลามจึงเอาจริงเอาจังในการ
จํากัดการเกิดขึ้นของมัน เริ่มตนตั้งแตกระบวนการปองกันไปจนถึงการ
กําหนดบทลงโทษของผูคนที่ประพฤติความผิดอันมีบาปมหันตนี้
- 10. 19
ครั้งหนึ่งทานรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เคยกลาว
คุฏบะฮฺวา
“โอ ประชาชาติแหงมุหัมมัด ขาขอสาบานดวยอัลลอฮฺ
แทจริงไมมีผูใดที่หึงหวงเทาอัลลอฮฺ ที่จะยอมเห็นบาวชาย
หรือบาวหญิงของพระองคกระทําความผิดซินา ขอสาบาน
ดวยอัลลอฮฺ ถาพวกทานรูในสิ่งที่ขารู แนนอน พวกทาน
ยอมตองหัวเราะนอยลงและรองไหมากขึ้น” จากนั้นทานได
ยกมือทั้งสองและกลาววา “โอองคอภิบาลของขา ขาพระองค
ไดกลาวแจงจนชัดแลวหรือไม?” (รายงานโดยอัล-บุคอรีย
และมุสลิม ในเรื่องที่วาดวยการละหมาดสุริยคราส)
การแพรกระจายของซินาถือเปนหนึ่งในสัญญาณของวันแหง
การสิ้นโลก ยิ่งใกลวันโลกดับ ความอุบาทวและความหายนะตางๆ จะ
เพิ่มขึ้นเปนทวี การผิดประเวณีก็คือหนึ่งในสาเหตุที่ทําใหเกิดความ
หายนะอันประจักษอยูในคราบของโรคเอดสที่เปนภัยรายตอสังคมโลก
ทุกวันนี้ และเปนพิษภัยที่สงผลรายใหกับมนุษยชาติในทุกดาน ไมใช
เพียงดานสังคมและสาธารณสุขอยางเดียว แมกระทั่งดานเศรษฐกิจ
และการเมืองก็พลอยตองรับภาระในการคิดหาทางแกไขปญหานี้ดวย
เชนกัน แคนี้ก็พอใหไดกระจางถึงความสําคัญของปญหา และผลอัน
เลวรายของซินาแลว
บทลงโทษของผูทําซินาถายังเปนโสดนั้นมีระบุในอัล-กุรอาน
สูเราะฮฺ อัน-นูรฺ อายะฮฺ ที่ 2 ความวา
20
“หญิงที่ผิดประเวณีและชายที่ผิดประเวณี(ถายังโสด) ก็จง
โบยเขาทั้งสองคนละรอยหวาย และสูเจาอยาไดทําใหความ
เมตตาของสูเจาตอผูกระทําผิดทั้งสองเปนเหตุขัดขวางการ
ดําเนินโทษตามบัญญัติของอัลลอฮฺ ถาสูเจาศรัทธาตออัลลอ
ฮฺและวันอาคิเราะฮฺ และจงใหเหลาผูศรัทธากลุมหนึ่งเปน
สักขีตอการลงโทษคนทั้งสองนั้น”
มีการใหเหตุผลวาทําไมตองโบยคนทําผิดซินาวา เพราะ
ผูกระทําเสพสุขดวยรางกายหมดทุกสวน ดังนั้นจึงมีหิกมะฮฺใหลงโทษ
ดวยการโบยซึ่งจะทําใหความเจ็บซานทั่วรางกายเชนกัน การดังกลาว
เพื่อใหผูกระทําผิดไดหลาบจํานั่นเอง อีกประการหนึ่งที่เปนขอคิดให
ไตรตรองจากอายะฮฺคือ คําสั่งที่อัลลอฮฺใชวา “สูเจาอยาไดทําใหความ
เมตตาของสูเจาตอผูกระทําผิดทั้งสองเปนเหตุขัดขวางการดําเนินโทษ
ตามบัญญัติของอัลลอฮฺ” ทั้งๆ ที่อิสลามเปนศาสนาแหงความเมตตา
และมีคําสอนใหเมตตาปราณีตอสรรพสิ่งทั้งมวลในโลก
อันที่จริง ความเมตตาและความปราณีไมสามารถจะใชเปน
ปจจัยขัดขวางการดําเนินโทษตามบทบัญญัติตอผูกระทําผิดได ไมวาจะ
เปนความผิดในการลักขโมย การฆาคน เสพสุรา หรือทําผิดซินา แต
ที่อัลลอฮฺไดกําชับในอายะฮฺที่เกี่ยวของกับความผิดซินาโดยเฉพาะ เปน
เพราะธรรมดาของคนมักจะรูสึกอาทรผูกระทําผิดซินามากกวา
ผูกระทําผิดอื่นๆ การซินาสามารถเกิดขึ้นไดกับผูคนทุกชั้นวรรณะ ดวย
สาเหตุที่ผูคนทั่วๆ ไปตางก็มีอยูในหัวใจ นั่นคือความใครหลง เรามักจะ
เห็นใจคนที่มีลักษณะอาการเชนนี้ หนําซ้ําบางครั้งเรายังเต็มใจมอบ
ความชวยเหลือใหเขาไดบรรลุถึงความปรารถนา นอกจากจะเห็นวา
- 11. 21
การกระทําดังกลาวไมไดเปนการขัดขืนใจหรือถูกบังคับ แตเปนความ
พอใจที่ทั้งสองฝายยอมรับกระทํา การกําชับของอัลลอฮฺไมใหเห็นใจใน
การลงโทษผูกระทําผิด ณ จุดนี้จึงชางเหมาะสมเปนอยางยิ่ง
ขอสังเกตประการสุดทายจากอายะฮฺ คือ คําสั่งของอัลลอฮฺที่มี
ดํารัสวา “จงใหเหลาผูศรัทธากลุมหนึ่งเปนสักขีตอการลงโทษคนทั้ง
สองนั้น” นี่เปนกระบวนการปลูกฝงความเกรงกลัวลงในหัวใจคนอื่นที่
ไมใชผูกระทําผิด และเปนการปองกันไมใหพวกเขาประพฤติตนเยี่ยงผู
โดนลงโทษ
เรื่องตางๆ ที่เกี่ยวของกับประเด็นความสําคัญของปญหาซินา
และผลอันเลวรายของมันยังมีอีกมากมาย เพียงที่กลาวคงอาจจะพอ
เปนคําอธิบายไดวา เหตุใดอิสลามจึงกําหนดใหหลีกหางจากซินา ไม
เพียงเฉพาะตัวของการกระทําซินาเทานั้น แตหามกันที่สาเหตุของมัน
เลยทีเดียว
ทางรอดจากสาเหตุแหงหายนะ
จากดํารัสของอัลลอฮฺในสูเราะฮฺ อัล-อิสรออฺ อายะฮฺที่ 32
สามารถที่จะสรุปไดวาดั้งเดิมนั้น การคบหาและการคลุกคลีปะปน
ระหวางชายหญิงที่มีสิทธิแตงงานกันไดยอมตองถูกหาม เพราะการคบ
หาและคลุกคลีเปนการรวมพฤติกรรมทั้งการมอง ฟง พูดคุย อยาง
หลีกเลี่ยงไมได ยิ่งถาหากกระทําการที่เลยเถิดไปกวานั้นเชน การจับ
ตอง และอยูดวยกันสองตอสอง พฤติกรรมทั้งหมดเหลานี้ เปนสิ่งที่
22
ทานรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ไดสั่งหามและใหนามมันวา
“ซินา” เชนกัน ดวยมันเปนพฤติกรรมที่อาจเปนเหตุกอใหเกิดซินา
นั่นเอง
กระนั้น บัญญัติของอิสลามไมไดมองผานและละเลยการสราง
ความสัมพันธและการแลกเปลี่ยนธุระตางๆ บนพื้นฐานของความ
จําเปนสําหรับการดํารงชีวิตที่มีอยูจริงในสังคมมนุษย
ดวยเหตุนี้ เราจึงพบวาอิสลามมีกรอบและเงื่อนไขที่ชัดเจนใน
การอนุญาตใหผูชายพบปะกับผูหญิง โดยหลักตางๆ ที่เกี่ยวของกับ
กรอบและเงื่อนไขที่วานี้เปนปราการสําคัญที่จะปกปองไมใหเกิดความ
เสื่อมเสียขึ้น ที่สําคัญที่สุดก็คือการกําหนดบัญญัติเชนนี้ ทําใหเรา
ประจักษวา อิสลามเขาใจที่จะแกปญหาโดยไมไดปดกั้นความจําเปน
ของมนุษยใหคับแคบเลยไม
สิ่งที่จะไดกลาวตอไปนี้เปนตัวอยางวิถีทางแหงการปองกันตน
และระเบียบวิธีที่อิสลามใหมุสลิมทุกคนทั้งชายหญิงไดเอาไปปฏิบัติใช
เมื่อมีความจําเปนตองพบปะและแลกเปลี่ยนธุระระหวางกัน
1. จงลดสายตาของพวกเจา เปนคําสั่งที่อัลลอฮฺใชทั้งชายและ
หญิง เปนหนทางแรกที่ใชปองกันตนจากสาเหตุแหงความหายนะ ชาง
นาเสียดายที่ผูคนมากมายไมเขาใจที่จะใชคําสั่งนี้ อัลลอฮฺทรงมีดํารัส
ในสูเราะฮฺ อัน-นูรฺ อายะฮฺที่ 30-31 มีความวา
“จงกลาวแกบรรดาผูศรัทธาชายใหพวกเขาลดสายตาของ
พวกเขา และรักษาอวัยวะเพศของพวกเขา นั่นยอมบริสุทธิ์
- 12. 23
กวาสําหรับพวกเขา แทจริงอัลลอฮฺทรงรูถึงสิ่งที่พวกเขา
กระทํา และจงกลาวแกบรรดาผูศรัทธาหญิงใหพวกนาง
ลดสายตาของพวกนางและใหพวกนางรักษาอวัยวะเพศ
ของพวกนาง”
2. อยาอยูดวยกันสองตอสองโดยไมมีมะหฺร็อมหรือญาติสนิทที่
แตงงานกันไมได (มีรายงานในหะดีษฺบันทึกโดยอัล-บุคอรีย และ
มุสลิม)
3. คําสั่งสําหรับผูชาย อยาเขาในบานที่มีแตผูหญิง (มีรายงาน
ในหะดีษฺ ดู เศาะฮีหฺ อัล-ญามิอฺ 2677)
4. คําสั่งสําหรับผูหญิง
4.1 อยูในบานใหมากที่สุด (ดูสูเราะฮฺอัล-อะหฺซาบ
อายะฮฺที่ 33)
4.2 หิญาบ (ดูสูเราะฮฺอัล-อะหฺซาบ อายะฮฺที่ 53,59 สู
เราะฮฺ อัน-นูรฺ อายะฮฺที่ 31)
4.3 ไมดัดเสียงจนฟงนาดึงดูดและเยายวนใจ (ดูสู
เราะฮฺอัล-อะหฺซาบ อายะฮฺที่ 32)
4.4 อยาใชเครื่องหอมเมื่อออกนอกบาน (มีรายงานใน
หะดีษฺ ดู เศาะฮีหฺ อัล-ญามิอฺ 634)
4.5 ไมเดินทําตัวเดนแบบอวดองคโชวตัวแตควรสงบ
เสงี่ยมเจียมตน (มีรายงานในหะดีษฺบันทึกโดย อัล-บัยฮะกีย)
24
ถาถามวาเหตุใดที่มีคําสั่งแบบนี้กับผูหญิงมากกวาผูชาย แนแท
คําตอบก็คือเปนเพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นมักจะมีผลเสียตอผูหญิง
มากกวาผูชายเปนหลายเทา ดังนั้นจึงมีคําสั่งตางๆ เพื่อปกปองเกียรติ
ของผูหญิงมากกวาเพศตรงขาม
นี่คือบทสรุป ที่ควรคาแกการไตรตรอง สําหรับมุสลิมทุก
คนที่มีจิตแหงความบริสุทธิ์ และพึงอยากเห็นสังคมที่สะอาดขึ้น
ทามกลางสภาพสังคมที่นับวันยิ่งดูนาอดสูดวยปญหาตางๆ ที่
คุกคามความสงบสุขของการใชชีวิต โดยเฉพาะสตรีเพศผูมักจะ
เสียเปรียบและไดรับความเสียหาย ที่ควรตองรักษาตนและเอาจริง
ในการประพฤติตามคําสั่งแหงองคอภิบาลและรสูลของพระองค
เพื่อความปลอดภัยของตนทั้งในโลกนี้และโลกหนา วัลลอฮฺ
อะอฺลัม
- 13. 25
อิสลาม : ความรัก ?
อมตะแหงความงดงามที่บริสุทธิ์ ... สมบูรณ
กี่หมื่นกี่พันลานปมาแลวที่จักรวาลถูกกอกําเนิด? กี่ชวง
สมัยมาแลวที่ประวัติศาสตรมนุษยถูกจารึกเอาไว? และอีกนาน
เทาใดจะถึงจุดจบของทุกสิ่ง หรือเมื่อใดเลาคือจุดเริ่มตนของ ‘ชีวิต
ใหม’ ที่นิรันดร?
26
กาลเวลามิอาจรอผูใดได มันยังคงดําเนินไปเรื่อยๆ เหมือนที่
มันเดินทางมาแลว ไมมีใครลวงรูวากาลเวลาจะหยุดเดิน ณ ที่ใด สิ่งที่
เรารูเห็นมีเพียงรองรอยการเดินทางอันยาวนานของกาลเวลาเทานั้น มี
รองรอยบางอยางที่เลือนหายไปแลว บางอยางก็เปลี่ยนไป บางอยาง
ยังคงอยูและกําลังรอการเปลี่ยนแปลง บางอยางยังเปนรองรอยอมตะที่
มิอาจยอมรับการเปลี่ยนแปลงได มันจะยังคงอยูเชนเดิมตราบจนสิ้น
เวลาของมันในโลกนี้ บางอยางที่วา อาจจะเปน ‘ความรัก’
โลกเปลี่ยนไปมากเทาใดแลว หลังจากการกอกําเนิดครั้งแรก
แตความรักยังคงอยู ยืนหยัดทามกลางการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย
อายธรรมมนุษย วัฒนธรรมอันหลากหลายที่สับเปลี่ยนหมุนเวียน ผาน
มาถึงยุคนี้ ที่โลกแหงความจริงกําลังจะกลายตัวเปน ‘โลกเสมือนจริง’
มากเขาไปทุกที
ถาเทคโนโลยีคืออภินิหารความรูที่พระเจาประทานใหมนุษย
ความรักก็คืออภินิหารความยิ่งใหญแหงพลังอํานาจของพระเจาผูทรง
เอกาและปรีชายิ่ง ความซับซอนของเทคโนโลยีไหนเลยจะนํามา
เทียบเคียงกับความซับซอนของความรักได !
ตั้งแตอดีตกาลจนถึงปจจุบันมีผูใดที่ใหนิยามของความรักได
อยาง ‘ลงตัว’ มากที่สุด จนมิตองใหนิยามซ้ําหรือใหความหมาย
เพิ่มเติมอีก?
มีผูพยามยามอธิบายวาความรักคือ ความผูกพัน ความโหยหา
ความคิดถึง เปนความรุมรอน เปนการผูกมัด เปนการบเรา คือการ
- 14. 27
แผดเผาในใจ ความโศกเศราอาดูร คืออาการเสียใจ เปนอุปสรรค เปน
ความเจ็บปวด เปนโรค เปนความคลั่งไคล คือการหลอกลวง คือการ
ทดสอบ เปนความรูสึกเหนือขอบเขต คือการเดินทางของหัวใจ คือ
เสียงกระซิบ คือความตองการ ความกังวล ความงดงาม ... ฯลฯ
นอกจากนี้ยังปรากฏจากวจนะของทานศาสนทูตวา “ความรัก
ของทานตอสิ่งหนึ่งสิ่งใด จะทําใหทานหูหนวกตาบอด” (รายงาน
โดย อะหฺมัด 5:94 และอบู ดาวูด 5130)
ในภาษาอาหรับมีคําที่เกี่ยวของกับคําวา ‘รัก’ มากกวาสี่สิบคํา
ตามที่อิบนุล ก็อยยิมไดหยิบยกมาในหนังสือของทาน เราะเฎาะตุล
มุหิบบีน วะ นุซฮะตุล มุชตากกีน
ขาพเจาวาไมจําเปนที่เราตองใหความหมายวา อะไรคือความ
รัก เพราะในที่สุดแลว พระผูเปนเจาเทานั้นที่รูวาความรักคืออะไร และ
พระองคเทานั้นที่กําหนดวาความรักอันเที่ยงแทและสูงสงเปนเชนไร
อยาไดรูสึกอัศจรรยใจ ถาหากพบวามีการกลาวถึงความรักใน
คําสอนของอิสลาม อันที่จริงมีเรื่องราวตางๆ มากมายที่เปนความ
งดงามสมบูรณในคําสอนอันบริสุทธิ์ นาเสียดายที่ไมมากคนเคยไดรับรู
เพราะนอยคนนักที่สามารถเผยความงดงามที่สมบูรณนี้ได อาจจะเปน
เพราะเราไมไดปรารถนาที่จะรูตั้งแตตน หรือเปนเพราะมีสิ่งอื่นที่ถูก
‘โฆษณา’ วาดีกวา จนเราพลอยหลงเชื่อและหลงทําตามจนมิคิดวามี
ความงดงามที่สมบูรณกวาในคําสอนขององคอภิบาลเจา
28
แนแท ถาเราทานรูและมั่นใจวา อิสลามเปนบัญญัติที่
ครอบคลุมและสมบูรณที่สุดแลว ไหนเลยตองคอยหาสิ่งอื่นมาประเคน
และปรนเปรอความปรารถนา หรือตองฝนลําบากทําตัวเชนพวกที่อาง
ตนวาเปน ‘อารยชน’
ความรักระหวางชายหญิง ถูกสาธยายในอัลกุรอานโดย
พระองคผูทรงยิ่งดวยความปรีชาความวาวา
“และในจํานวนเครื่องหมายทั้งหลายของพระองคคือทรง
สรางใหแกพวกเจาซึ่งคูครองจากตัวของพวกเจาเอง เพื่อ
พวกเจาจะได ‘สงบ’ อยูกับนาง และทรงทําใหมี ‘ความรัก
ใครหา’ และ ‘ความเมตตาอาทร’ ระหวางพวกเจา แทจริง
ในการนี้ยอมเปนเครื่องหมายแกบรรดาผูใครครวญ”
(อัรฺ-รูม : 21)
ในขณะที่ทานรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ไดอธิบายวา
“แทจริงบรรดาสตรีนั้นเปนคู(ที่มาจากสวนหนึ่ง)ของเหลาบุรุษ”
(อบู ดาวูด 236)
นี่คือที่สุดแหงความหมายของคําวารัก ความรักที่อัลกุรอาน
และทานนบีใหความหมาย คือการเติมเต็มระหวางชายหญิง ใหหัวใจที่
รุมรอนและอารมณรบเราของบุรุษ ‘สงบ’ อยูกับ ‘นาง’ ของเขา ในขณะ
ที่นางก็ไมสามารถที่จะปฏิเสธ ‘เขา’ ได เพราะนางเปนสวนหนึ่งที่
ดั้งเดิมแลวมาจากตัวของเขาเอง
- 15. 29
มีการอธิบายในลักษณะนี้อยางชัดเจนในอัลกุรอานความวา
“พวกนางเปนอาภรณใหแกพวกเจา และพวกเจาก็เปน
อาภรณใหแกพวกนาง” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 187)
ทุกสิ่งทุกอยางในอิสลามลวนตั้งอยูบนพื้นฐานความเปนจริง
และวิสัยความตองการอันดั้งเดิม หรือที่เรียกวา ‘ฟฏเราะฮฺ’ ของมนุษย
ความรักก็เชนกัน ในฐานะบาวของอัลลอฮฺ มุสลิมผูศรัทธาจะมองความ
รักเปนหนึ่งในกําหนดขององคอภิบาลเพื่อการเปนมนุษยที่มีหนาที่ตอง
รับใชคําสั่งและดําเนินชีวิตตามลิขิตของพระองค
ขอแตกตางที่พิเศษกวาก็คือ ความรักที่อยูในกรอบขอบเขต
แหงคําสอนอันสูงสงนี้ สามารถทําหนาที่ทุกประการของสิ่งที่ไดชื่อวา
เปน ‘ความรัก’ ไดอยางสมบูรณ โดยไมสรางพิษภัยใดๆ เชนที่อาจจะ
เกิดขึ้นไดจากความรักในรูปแบบอื่น
ความรักของอิสลามไมใชสิ่งที่ตองคอยเพอฝน ไมตองจัดฉาก
ไมตองจินตนาการหรือกระตุนดวยสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น หากแตเปนคุณคาที่
เกิดขึ้นในใจผูศรัทธา เมื่อใดที่ไดสดับฟงโองการแหงบัญญัติอันบริสุทธิ์
ของพระผูเปนเจา ดวยใจยอมรับและพรอมที่จะดําเนินตามดํารัสของ
พระองค
คาของความรักในอิสลามจึงมิอาจนําไปเทียบเคียงกับความรัก
อื่นๆ ได เพราะนอกจากจะมี ‘จุดรวมแหงความสุข’ เดียวกันกับความ
รักรูปแบบอื่นๆ ทั้งหลายแลว ความรักในอิสลามยังเหนือกวาดวยการ
30
ที่มีพื้นฐานของการกอรางสรางรูปมาจากการ ‘ตอบรับ’ บัญญัติของ
พระเจา มิใชเพียง ‘สนอง’ ตอความตองการและราคะเทานั้น
ความรัก ความผูกพันระหวางชายหญิงผูศรัทธามีมากกวามิติ
ของ ‘ความตองการระหวางกัน’ ทวายังเกี่ยวของกับมิติของ ‘บัญญัติ
แหงคําสอนจากฟากฟา’ อีกดวย
ดวยเหตุนี้ จึงไมจําเปนตองพูดถึงคุณคาและความสมบูรณของ
มันอีกตอไป เพราะความรักนี้จะยั่งยืนไมเพียงแคอายุขัยของโลกนี้
เทานั้น แตจะคงถาวรตลอดไปหลังชีวิตแหงความตายอันนิรันดร
“บรรดาผูศรัทธาทั้งหลายและพวกเขาเปนมุสลิม จงเขา
พํานักในสวรรค ทั้งพวกเจาและคูครองของพวกเจา ดวย
ความสําราญอันเปยมยิ่งดวยเกียรติเถิด” (ความหมายจากสู
เราะฮฺ อัซ-ซุครุฟ อายะฮฺที่ 69-70)
มีผูใดที่กลาตีคาความรักที่ยั่งยืนไดเพียงนี้บาง ?
แนแท ไมมีคาใดๆ อีกเลยที่คูควรกับ ‘ความงดงาม’ ที่งอกเงย
มาจาก ‘ความบริสุทธิ์ใจ’ ในการนอมรับดํารัสแหงพระผูเปนเจา
ความรัก ที่โดยทั่วไปอาจจะเปนราคีคาวอันนาเหยียดหยาม
และต่ําตอย ถาหากใชผิดโดยพร่ําเพรื่อและไมยั้งคิด ขณะเดียวกันกลับ
สามารถเปนสิ่งที่สูงคายิ่งจนมิอาจเปรียบเปรย ถาเมื่อใดที่ถูกใชในทาง
ที่ถูกตอง ดวยความบริสุทธิ์ใจ
- 16. 31
ความใครหาระหวางชายหญิงเปนสิ่งปกติ ความใครหาเปน
สวนหนึ่งของอารมณมนุษยที่อัลลอฮฺกําหนดใหเปนเครื่องหมายของ
ความออนแอประการหนึ่งในตัวของมนุษยทุกคน มีหลายคราที่อัลกุ
รอานไดชี้ใหเราเห็นจุดออนนี้ ตัวอยางเชน
“อัลลอฮฺประสงคจะผอนใหเบาแกพวกเจา(ดวยบัญญัติ
ตางๆที่สอดคลองกับความตองการของมนุษย) และมนุษย
นั้นถูกสรางเปนผูออนแอ” (ความหมายจาก สูเราะฮฺ อัน-นิ
สาอฺ อายะฮฺที่ 28)
“อัลลอฮฺทรงรูวาพวกเจาไมซื่อสัตยตอตัวเอง (ดวยการ
ปกปดความใครหาคูรัก)” (ความหมายจาก สูเราะฮฺ อัล-บะ
เกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 187)
“อัลลอฮฺทรงรูวาพวกเจาจะคิดถึงพวกนาง” (ความหมาย
จากสูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 235 )
เมื่อมีความใครหาอยูในตัว มนุษยจึงตองหาทาง ‘สนอง’ ตอ
ความปรารถนานี้ ไมตองอธิบายวามีหนทางมากเทาใดที่ผูคนในยุคนี้
ไดใชมันเพื่อสนองตอบอารมณความใครหาของตน วิธีการสนองตอบ
อารมณใครหาคือเสนแบงอีกประการหนึ่งที่สามารถนํามาเปรียบเทียบ
ระหวางความรักในอิสลามกับความนาอดสูที่เกิดขึ้นจากผลของการใช
ความรักไมถูกทาง
32
เพราะมนุษยไมนึกถึงกรอบในการควบคุมอารมณ เพราะ
ความใครหาความรักกลายเปนสินคาหนึ่งของธุรกิจสมัยใหม และ
เพราะองคประกอบอีกหลายๆ อยาง ทําใหในที่สุด สิ่งที่ผูคนเรียกมัน
หรือ ‘อาง’ วามันเปนความรักไดสรางพิษภัยมากมายและพิสดารใหกับ
สังคมมนุษย อันที่จริงสิ่งนี้ควรจะไดชื่อเรียกวา ‘ความรักจอมปลอม’
สําหรับอิสลาม ความรักแทคือการประสานชีวิตของหญิงชาย
สองคนใหเปนชีวิตเดียวดวยการสมรส การตกลงเพื่ออยูรวมกันเปน
คูชีวิตของทั้งสองคนคือประจักษพยานอันยิ่งใหญถึงความรักที่ทั้งสอง
ตางมีใหตอกัน ไมมีสิ่งอื่นใดที่ดีกวานี้สําหรับคนสองคนที่มีความรัก
เปนความหมายที่ไดรับการถายทอดจากทาน นบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ
วะสัลลัม ความวา
“ไมเห็นปรากฏมีสิ่งใด(ที่ดี)สําหรับ(หญิงชาย)สองคนที่รัก
กัน จะเทียมเทาการแตงงาน” (รายงานโดย อิบนุ มาญะฮฺ
1847)
ในที่สุด ‘การแตงงาน’ จึงเปนขอสรุปของความรัก และเปนสิ่งที่
อิสลามไมเพียงสงเสริมและสนับสนุน หากแตไดกําชับและกําหนด
บัญญัติไวอยางละเอียดและชัดเจนที่สุด
นอกจากจะเปนบัญญัติแหงองคอภิบาลผูทรงสรางสรรพสิ่งแลว
การแตงงานยังซอนไวซึ่งความลับอีกมากมายที่ยากแกการอธิบายให
หมดได ที่สําคัญที่สุดสําหรับผูศรัทธาก็คือ การแตงงานเปนการสราง
ความสมบูรณใหกับชีวิตในฐานะบาวผูหนึ่งของอัลลอฮฺ การแตงงานใน
- 18. 35
“บรรดาผูเปนหนุมทั้งหลาย ผูใดที่มีความสามารถก็จง
สมรสเสีย เพราะแทจริงมันชวยลดสายตาของพวกเจา และปกปอง
อวัยวะเพศจากการกระทําผิดไดดีกวา ผูใดที่ไมมีความสามารถก็จง
ถือศีลอด เพราะมันชวยหักหามความพลุงพลานได” (หะดีษฺ
รายงานโดย อัล-บุคอรีย 5065,5066 มุสลิม 3384)
“สี่ประการที่เปนแนวทางของบรรดารอซูล นั่นคือ ความ
ละอาย การใชเครื่องหอม การสีฟน และการแตงงาน” (หะดีษฺ
รายงานโดย อัต-ติรฺมิซีย 1086 หะสัน เฆาะรีบ)
“คนสามพวกที่อัลลอฮฺรับจะทรงชวยอยางแนแท นั่นคือ
ทาสีผูซื่อสัตยที่ตองการปลดปลอยตัวเอง ผูแตงงานที่ตองการหลีก
หางจากราคะ และผูที่ออกรบในหนทางแหงอัลลอฮฺ” (หะดีษฺ
รายงานโดยอัต-ติรฺมิซีย 1706 หะสัน, อัน-นะสาอีย 3120,3218)
“ไมเห็นปรากฏมีสิ่งใด(ที่ดี)สําหรับ(หญิงชาย)สองคนที่รัก
กัน จะเทียมเทาการแตงงาน” (หะดีษฺรายงานโดย อิบนุ มาญะฮฺ
1847)
จงจัดการแตงบุตรีใหกับชายที่ดี
“เมื่อมีชายใดที่ทานพอใจศาสนาและมารยาทของเขามาสู
ขอกับทาน ก็จงจัดการสมรสใหเขาเสีย หากทานไมทํา มันจะเปน
36
เหตุแหงความปนปวนบนแผนดินและความหายนะที่ใหญหลวง”
(หะดีษฺรายงานโดย อัต-ติรฺมิซีย 1090 อิบนุ มาญะฮฺ 1967)
คูชีวิตในดวงใจ
“ผูคนเลือกสตรีที่จะเปนคูครองดวยสาเหตุสี่ประการ ดวย
ทรัพยของนาง ดวยศักดิ์ศรีของนาง ดวยความงามของนาง และ
ดวยการยึดมั่นของนางในศาสนา ดังนั้นจงฉวยเอาผูที่ยึดมั่นใน
ศาสนา แลวสองมือทานจะไมเสียหาย” (หะดีษฺรายงานโดย อัล-บุ
คอรีย 5090 มุสลิม 3620)
“โลกนี้ลวนคือทรัพย และทรัพยที่ดีที่สุดในโลกคือผูหญิงที่
ศอลิหะฮฺ” (หะดีษฺรายงานโดย มุสลิม 3628)
อยาเรียกสินสมรสจนเกินเขต
“ฟงเถิด อยาไดตั้งสินสมรสไวเสียสูง! ฟงเถิด อยาไดตั้ง
สินสมรสไวเสียสูง! ฟงเถิด อยาไดตั้งสินสมรสไวเสียสูง! เพราะแนแท
ถามันเปนเกียรติแกพวกทานบนโลกนี้ หรือเปนการยําเกรงแกองคผู
อภิบาล แนนอนผูที่สมควรตองปฏิบัติเชนนั้นกอนพวกเจาคือ ทานรอ
ซูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม (แตทานไมไดทํา) ทานไมเคย
แตงงานกับภริยาคนใด และไมเคยแตงบุตรสาวของทานใหกับผูใด
- 19. 37
ดวยสินสมรสที่มากเกินกวาสิบสองอูกิยะฮฺ ” (รายงานโดย อะหฺมัด
1:40,48 จากคํากลาวของ อุมัรฺ อิบนฺ อัล-ค็อฏฏอบ รอฎิยัลลอฮุ อันฮฺ
หนึ่งอูกิยะฮฺ เทากับเงิน 40 ดิรฺฮัม เงินหนึ่งดิรฺฮัม เทากับ 3.17 กรัม
สิบสองอูกิยะฮฺ หนักเทากับเงินประมาณ 1,522 กรัม )
ดุอาอฺแกคูบาวสาว
มีหลายดุอาอฺที่สามารถกลาวได เชน
- ใหบรรดามุสลิมะฮฺกลาวแกเจาสาววา
ﺔﹶﻛﺮﺒﹾﻟﺍﻭ ﹺﺮﻴﺨﹾﻟﺍ ﹶﻰﻠﻋﺧ ﹶﻰﻠﻋﻭﹴﺮﺋﹾﺎﹶﻃ ﹺﺮﻴ
ความวา ดวยความดีงาม ความจําเริญ และไดมาซึ่งสิ่งที่ดีเลิศ
(หะดีษฺรายงานโดยอัล-บุคอรีย 3894 มุสลิม 3464)
- ดุอาอฺแกเจาบาว เชน
ﻚﹶﻟ ُﷲﺍ ﻙﺭﹾﺎﺑ
ความวา ขออัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญแกทาน (หะดีษฺ
รายงานโดย อัล-บุคอรีย 6386)
ُﷲﺍ ﻙﺭﹾﺎﺑﻚﻴﹶﻠﻋ
38
ความวา ขออัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญบนตัวทาน (หะ
ดีษฺ รายงานโดย อัล-บุคอรีย 6387)
ﻚﹶﻟ ﻙﺭﹾﺎﺑ)ﻢﹸﻜﹶﻟ(ﻚﻴﹶﻠﻋ ﻙﺭﹾﺎﺑﻭ)ﻢﹸﻜﻴﹶﻠﻋ(ﻊﻤﺟﻭﹴﺮﻴﺧ ﻲﻓ ﺎﻤﹸﻜﻨﻴﺑ
ความวา ขออัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญแกทาน บนตัว
ทาน และทรงรวมพวกทานทั้งสองในสิ่งที่ดี (หะดีษฺรายงานโด
ยอบู ดาวูด 2130 อัต-ติรฺมิซีย 1097 อิบนุ มาญะฮฺ 1905)
ดุอาอฺของเจาบาวตอเจาสาว
ใหเจาบาวตั้งมือบนศรีษะของเจาสาวและกลาววา
ﻲﻧﹺﺇ ﻢﻬﺍﻟﻠ،ﻪﻴﹶﻠﻋ ﺖﹶﻠﹺﺒﺟ ﺎﻣ ﹺﺮﻴﺧﻭ ﺎﻫﹺﺮﻴﺧ ﻦﻣ ﻚﹸﻟﹶﺄﺳﹶﺃ
ﻚﹺﺑ ﹸﺫﻮﻋﹶﺃﻭﻦﻣﻪﻴﹶﻠﻋ ﺖﹶﻠﹺﺒﺟ ﺎﻣ ﺮﺷﻭ ﺎﻫﺮﺷ
ความวา โออัลลอฮฺ ขาพระองคขอจากพระองคซึ่งสิ่งที่ดีในตัว
นาง และสิ่งที่ดีที่ถูกสรางมากับนาง และขาพระองคขอหลีกพน
ดวยพระองคจากสิ่งที่ไมดีของนาง และสิ่งไมดีที่ถูกสรางมากับ
นาง (หะดีษฺรายงานโดย อบู ดาวูด 2160 อิบนุ มาญะฮฺ 1918)
- 20. 39
ดุอาอฺเมื่อตองการมีเพศสัมพันธ
، ِﷲﺍ ﹺﻢﺴﹺﺑﺎﻨﺘﹾﻗﺯﺭ ﺎﻣ ﹶﻥﹾﺎﹶﻄﻴﺸﺍﻟ ﹺﺐﻨﺟﻭ ﹶﻥﹾﺎﹶﻄﻴﺸﺍﻟ ﺎﻨﺒﻨﺟ ﻢﻬﺍﻟﻠ
ความวา ดวยพระนามของอัลลอฮฺ โอ อัลลอฮฺขอพระองคทรง
หลีกพวกเราใหพนจากมารราย และขอพระองคทรงไลมารราย
ใหพนจากบุตรที่พระองคทรงประทานใหเรา (หะดีษฺรายงาน
โดยอัล-บุคอรีย 6388 มุสลิม 3519)
ดุอาอฺเพื่อการสรางครอบครัวที่เปยมสุข
ﺭﺑﻨﻫ ﺎﺐﹶﻟﹶﺎﻨﻣﻦﹶﺃﺯﻭﹺﺟﺍﹶﺎﻨﻭﹸﺫّﹺﺭﻳﱠﺎـﺗﹶﺎﻨﹸﻗﺮﹶﺓﹶﺃﻋﻴﹴﻦ
ﻭﺟﺍﻌﹾﻠﹶﺎﻨﻟﹾﻠﻤﺘﻘﻴﹺﻦﹺﺇﻣﹰﺎﺎﻣ
ความวา โอ องคอภิบาลแหงเรา ขอพระองคทรงมอบใหแกเรา
ซึ่งความเย็นตาเย็นใจในคูครองและลูกหลานของเรา และขอ
พระองคทรงทําใหเราเปนผูนํา(ตัวอยางที่ดี)แกบรรดาผูยํา
เกรง (จากสูเราะฮฺ อัล-ฟุรกอน อายะฮฺที่ 74)
40
ดวยรักและอาทร
ฐานแหงความเขาใจ ...เพื่อการรวมชีวิตนิรันดร
ยามราตรี ณ หวงเวหาอันเวิ้งวาง แลดวงดาวดาษดาทอแสงสกาว
เปนประกายระยิบระยับจับตา รัศมีจันทรสีนวลสองยอดไมเปนเงา
วาบไหวเมื่อตองลมพัดเบาๆ ดวงเดือนสงาบนฉากของทองฟาสี
เทาแก ยินเสียงหมูแมลงกลางคืนรองระงมขับขานบทเพลงแหง
รัตติกาล คลายกําลังรื่นเริงเพราะเพลินไดชมจันทร ความงามของ
ทองฟายามดึก แมสิ่งที่เล็กที่สุดในจักรวาลยังพลอยชื่นชม แนแท
เครื่องหมายแหงองคอภิบาลมีคาเสมอสําหรับทุกสรรพสิ่งที่รู หรือ
เขาใจใครครวญ
- 21. 41
ในคัมภีรอัลกุรอานของพระองค อัลลอฮฺไดบอกวา มิไดทรง
สรางฟากฟาและแผนดิน รวมทั้งสรรพสิ่งทั้งหลายโดยไรเหตุผล แตได
สรางทุกสิ่งทั้งหมดดวยสัจธรรม มิใชสรางขึ้นมาเพียงเลนๆเทานั้น
(ดูอัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัด-ดุคอน อายะฮฺที่ 38-39)
อยางนอยที่สุดก็เพื่อใหเปนเครื่องหมายหรือเปนสัญลักษณ
แหงความเปนพระเจาผูทรงเอกะ และเปยมยิ่งดวยเดชานุภาพของ
พระองค
แมแตในตัวมนุษยเองก็ยังเพียบพรอมดวยเครื่องหมายที่วานี้
นับประสาอะไรกับเอกภพและจักรวาลทั้งมวล
“แลวเราจะใหพวกเขาไดเห็นเครื่องหมายตางๆ ของเรา ใน
หวงเวหาและในตัวพวกเขาเอง กระทั่งเปนที่ประจักษแกพวก
เขาวา แทจริงแลวมัน(คําสอนแหงพระผูเปนเจานั้น)คือสัจ
ธรรม” (ความหมายอัลกุรอานจากสูเราะฮฺ ฟุซซิลัต อายะฮฺที่ 53)
หนึ่งในเครื่องหมายอันอัศจรรยแหงองคผูสราง คือตัวมนุษย
นั่นเอง สิ่งมีชีวิตที่เรียกวาคน และเปนประชาคมผูอาศัยอยูในโลกใบนี้
กระจัดกระจายกันเปนหมูเหลาเผาพันธุมากมาย หากแตจุดกําเนิดของ
ผูคนทั้งหมดลวนมาจากแหลงเดียวกัน
“โอมวลมนุษยเอย จงยําเกรงตอองคอภิบาลของสูเจาเถิด
ที่ไดสรางสูเจามาจากรางเดียว(คืออาดัม บิดาแหง
มนุษยชาติ) และไดสรางใหขึ้นมาจากรางนั้นซึ่งคูของเขา
(คือเฮาวาอ)” (ความหมายจากอัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัน-นิ
สาอฺ อายะฮฺที่ 1)
42
มนุษยผูแรกที่อัลลอฮฺสรางขึ้นมาคือ อาดัม และจากอาดัม
นั้นเองที่พระองคทรงใหกําเนิดผูหญิงคนแรกและเปนภรรยาของอาดัม
โดยแทที่จริงแลวเฮาวาอคือสวนหนึ่งของรางอาดัมเพราะนางกําเนิด
จากซี่โครงดานซายของเขา
“จงปฎิบัติตอผูหญิงดีๆเพราะนางถูกสรางมาจากกระดูก
ซี่โครง และสวนที่งอที่สุดของซี่กระดูกคือสวนบน ถาทาน
ตองการที่จะดัดมันใหตรงมันก็จะหัก แตถาทานไมดัดมัน
มันก็จะงออยูเชนนั้น ดังนั้นจงปฎิบัติตอผูหญิงดีๆ”
(ความหมายหะดีษฺรายงานโดย อัล-บุคอรีย 3331 และมุสลิม
3632)
มนุษยทั้งหมดตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบันลวนตองดํารงอยูเฉก
เชนชายหญิงคูแรกผูเปนบรรพบุรุษของพวกเขา เพราะเราทั้งหลายลวน
เปนลูกหลานของอาดัมกับเฮาวาอทั้งสิ้น หญิงกับชายตางเปนคูของกัน
และกันตราบจนฟาถลมดินทลาย
ขอเท็จจริงเหลานี้ อัลลอฮฺไดสรุปไวอยางชัดเจนในอัลกุรอาน
วา
“และในจํานวนเครื่องหมายทั้งหลายของพระองคคือทรง
สรางใหแกสูเจาซึ่งคูครองจากตัวของพวกเจาเอง เพื่อพวก
เจาจะไดสงบอยูกับนาง และทรงทําใหมีความรักใครใฝหา
และความเมตตาอาทรระหวางพวกเจา แทจริงในการนี้