Thai the life of mother-son cooperation - goy(ล าส-ด)
- 3. ปฐมกาล 4:1-12
1. อาดัมได้สมสู่กับเอวาภรรยาของเขานางได้ตังครรภ์ และคลอดบุตรชื่อคาอิน
จึงกล่าวว่า "ข้าพเจ้าได้รับชายคนหนึ่งจากพระเยโฮวาห์”
2. นางได้คลอดบุตรอีกครังหนึ่งซึ่งเป็นน้องชายของเขาชื่ออาแบล อาแบลเป็น
คนเลียงแกะ แต่คาอินเป็นคนท้าไร่ไถนา
3. อยู่มาวันหนึ่งปรากฏว่า คาอินได้น้าผลไม้จากไร่นามาเป็นเครื่องบูชาถวาย
พระเยโฮวาห์
4. เช่นกันอาแบลได้น้าผลแรกจากฝูงแกะของเขาและไขมันของแกะ พระเยโฮ
วาห์ทรงพอพระทัยต่ออาแบลและเครื่องบูชาของเขา
5. แต่พระองค์ไม่ทรงพอพระทัยต่อคาอินและเครื่องบูชาของเขา และคาอินได้
โกรธแค้นยิ่งนัก สีหน้าหม่นหมองไป
- 4. 6. พระเยโฮวาห์ได้ตรัสแก่คาอินว่า "ท้าไมเจ้าถึงโกรธแค้น และท้าไมสีหน้าเจ้า
หม่นหมองไป
7. ถ้าเจ้าท้าดี เจ้าจะไม่เป็นที่ยอมรับหรอกหรือ ถ้าเจ้าท้าไม่ดี บาปก็ซุ่มอยู่ที่
ประตู มันปรารถนาในตัวเจ้า และเจ้าจะครอบครองมัน“
8. คาอินพูดกับอาแบลน้องชายของเขา ต่อมาเมื่อเขาทังสองอยู่ในที่นาด้วยกัน
คาอินได้ลุกขึนต่อสู้อาแบลน้องชายของเขาและฆ่าเขา
9. พระเยโฮวาห์ตรัสแก่คาอินว่า "อาแบลน้องชายของเจ้าอยู่ที่ไหน" เขาทูลว่า
"ข้าพระองค์ไม่ทราบ ข้าพระองค์เป็นผู้ดูแลน้องชายหรือ”
ปฐมกาล 4:1-12
- 5. 10. พระองค์ตรัสว่า "เจ้าท้าอะไรไป เสียงร้องของโลหิตน้องชายของเจ้า
ร้องจากดินถึงเรา
11. บัดนีเจ้าถูกสาปแช่งจากแผ่นดินแล้ว ซึ่งได้อ้าปากรับโลหิตน้องชาย
ของเจ้าจากมือเจ้า
12. เมื่อเจ้าท้าไร่ไถนา มันจะไม่เกิดผลแก่เจ้าเหมือนเดิม เจ้าจะต้อง
พเนจรร่อนเร่ไปมาในโลก"
ปฐมกาล 4:1-12
- 7. ปฐมกาล 27:1-14
1. เมื่ออิสอัคแก่ ตามัวจนมองไม่เห็น ท่านก็เรียกเอซาวบุตรชายคนโตของ
ท่านมาและกล่าวแก่เขาว่า "ลูกเอ๋ย" เขาตอบว่า "ดูเถิด ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่“
2. ท่านว่า "ดูเถิด บัดนีพ่อแก่แล้ว จะถึงวันตายเมื่อไรก็ไม่รู้
3. ฉะนันบัดนีเจ้าจงเอาอาวุธของเจ้า คือแล่งธนูและคันธนูออกไปที่ท้องทุ่ง
หาเนือมาให้พ่อ
4. จัดอาหารอร่อยอย่างที่พ่อชอบนัน และน้ามาให้พ่อกิน เพื่อจิตวิญญาณ
ของพ่อจะได้อวยพรแก่เจ้าก่อนพ่อตาย
5. เมื่ออิสอัคพูดกับเอซาวบุตรชายนัน นางเรเบคาห์ได้ยิน เอซาวก็ออกไป
ท้องทุ่งเพื่อล่าเนือมา
- 8. 6. นางเรเบคาห์จึงพูดกับยาโคบบุตรชายของนางว่า "ดูเถิด แม่ได้ยินบิดา
ของเจ้าพูดกับเอซาวพี่ชายของเจ้าว่า
7. ‘จงน้าเนือมาให้พ่อและจัดอาหารอร่อยให้พ่อกิน และเราจะอวยพรเจ้า
ต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ก่อนพ่อตาย’
8. เพราะฉะนั้น ลูกเอ๋ย บัดนี้จงฟังเสียงของแม่ตามที่แม่สั่งเจ้า
9. บัดนี้ไปที่ฝูงแพะแกะ นาลูกแพะดีๆสองตัวมาให้แม่ แม่จะเอามันปรุง
อาหารอร่อยให้บิดาเจ้าอย่างที่ท่านชอบ
10. และเจ้าจะต้องนาไปให้บิดาเจ้ารับประทาน เพื่อว่าท่านจะอวยพร
เจ้าก่อนท่านสิ้นชีวิต"
ปฐมกาล 27:1-14
- 9. 11. ยาโคบพูดกับนางเรเบคาห์มารดาของตนว่า "ดูเถิด เอซาวพี่ชายของ
ข้าพเจ้าเป็นคนมีขนดก และข้าพเจ้าเป็นคนเกลียงเกลา
12. บิดาของข้าพเจ้าคงจะคล้าตัวข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะดูเหมือนว่าเป็นผู้
หลอกลวงท่าน แล้วข้าพเจ้าจะน้าการสาปแช่งมาเหนือข้าพเจ้าเอง หาใช่
น้าพรมาไม่"
13. มารดาของเขาพูดกับเขาว่า "ลูกเอ๋ย ขอให้การสาปแช่งของเจ้าตกอยู่กับ
แม่เถิด ฟังเสียงของแม่เท่านัน ไปเอาลูกแพะมาให้แม่เถิด”
14. เขาจึงไปจับเอามาให้มารดาของตน มารดาของเขาได้จัดอาหารอร่อย
อย่างที่บิดาของเขาชอบนัน
ปฐมกาล 27:1-14
- 12. มัทธิว 2:13-14
13. ครั้นเขาไปแล้ว ดูเถิด ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้มาปรากฏแก่โย
เซฟในความฝันแล้วบอกว่า "จงลุกขึ้นพากุมารกับมารดาหนีไปประเทศ
อียิปต์ และคอยอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกเจ้า เพราะว่าเฮโรดจะแสวงหา
กุมารเพื่อจะประหารชีวิตเสีย“
14. ในเวลากลางคืนโยเซฟจึงลุกขึ้นพากุมารกับมารดาไปยังประเทศอียิปต์
- 16. พระเจ้า
โมเสส
พืนฐาน
แห่งศรัทธา
บุคคลศูนย์กลาง : โมเสส
เงื่อนไข
- จิตสานึกของการเป็นประชาชนที่ถูกเลือก
- ซื่อสัตย์และภักดีต่อสายเลือดอิสราเอล
-ออกจากพระราชวัง
ช่วงเวลาการชดใช้ : 40 ปีในพระราชวังของ
ฟาโรห์
พืนฐานแห่งศรัทธา -- สร้างขึน
ระหว่างอยู่ในพระราชวัง โมเสสได้รับการศึกษาจากแม่ ผู้ถูกว่าจ้างให้เป็นแม่นม
โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ นางได้ปลูกฝังจิตส้านึกและความภาคภูมิใจของการเป็น
ประชาชนที่ถูกเลือกแก่โมเสสอย่างลับๆ
- 17. แม้ในวังจะสะดวกสบาย แต่โมเสสก็ตังมั่นอยู่บนศรัทธาอันไม่เคยสั่นคลอน หลังจาก 40 ปี
โมเสสออกจากพระราชวัง “เลือกจะทุกข์ยากร่วมกับประชาชนของพระเจ้ามากกว่าจะเสวยสุข
แห่งบาปที่ไม่จีรัง”
พระเจ้า
โมเสส
พืนฐาน
แห่งศรัทธา
บุคคลศูนย์กลาง : โมเสส
เงื่อนไข
- จิตสานึกของการเป็นประชาชนที่ถูก
เลือก
- ซื่อสัตย์และภักดีต่อสายเลือดอิสราเอล
-ออกจากพระราชวัง
ช่วงเวลาการชดใช้ : 40 ปีในพระราชวังของ
ฟาโรห์
พืนฐานแห่งศรัทธา -- สร้างขึน