More Related Content
More from KoNg KoNgpop (11)
เครื่องเขียน
- 3. การเขียนในสมัยอดีต
• ในสมัยอดีต การเขียนเรื่องต่างๆไม่ว่าจะเป็นแบบแผนทาง
วัฒนธรรม ตารา หรือการวาดรูป มนุษย์ในสมัยก่อนใช้อุปกรณ์ที่
เป็นแปรงหรือกิ่งไม้เล็กๆ และเหล็กที่มีปลายแหลม นาไปเผาไฟ
จุ่มลงในน้าหมึกเพื่อใช้ในการขีดเขียน ( ภาษาโรมันเรียกแปรง
หรือเหล็กแหลมนี้ว่า " Pencillus " หรือ " Little tail " ซึ่ง
ต่อมากลายเป็นคาว่า " Pencil " มีความหมายว่า " หางน้อย " )
ส่วน " ปากไก่ หรือ ปากกาขนห่าน " เริ่มมีการประดิษฐ์ขึ้นใช้ใน
ทวีปยุโรปเมื่อศตวรรษที่ 6
- 4. • ดินสอ สิ่งประดิษฐ์ที่ทาด้วยไม้แท่งเล็กๆ ยาวประมาณ 7 นิ้ว
บรรจุภายในด้วยแกรไฟต์ นับว่าเป็นเครื่องมือของการขีดเขียนที่
มีราคาถูกที่สุด ในการทางานด้านการเขียนต่างๆ ที่ยังไม่แน่ใจใน
ความถูกต้อง และอาจจะมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงผลงานต่างๆ
อาทิเช่น งานวาดรูป งานออกแบบเสื้อผ้า ฯลฯ ไปจนถึงสูตรทา
ระเบิดนิวเคลียร์ ต่างก็เกิดขึ้นจากดินสอทั้งนั้น
- 5. กาเนิดและประวัติของดินสอ
• มื่อประมาณ 400 กว่าปีก่อน บาทหลวงชาวสวิสเซอร์แลนด์ได้เป็นผู้คิดค้นประดิษฐ์
เครื่องเขียนที่ทาจากขนนกขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ใช้ต้นทุนค่อนข้างสูงและไส้ดินสอมี
ความเปราะเกินกว่าจะใช้ในงานเขียนปกติได้ ทาให้งานเขียนช้ามาก
• ต่อมาในปี ค.ศ. 1564 ได้มีการค้นพบวัสดุที่ใช้ทาไส้ดินสอได้ดีโดยบังเอิญ
เนื่องจากเกิดพายุใหญ่ในทุ่งเลี้ยงแกะ ใกล้กับหมู่บ้านบอร์โรว์เดล ตาบลคัมเบอร์
แลนด์ ประเทศอังกฤษ ต้นไม้ใหญ่ถูกพายุพัดถอนรากถอนโคนเป็นจานวนมาก
หลังจากพายุสงบชาวบ้านได้พบหินสีดาอยู่ใต้ดิน ณ บริเวณรากของต้นไม้ที่โค่นล้ม
เมื่อทดลองนามาขีดเขียน ปรากฏว่ามีความคมชัดดีมาก คนเลี้ยงแกะจึงนามาเขียน
สัญลักษณ์ลงบนตัวแกะของตนเอง หินสีดาที่ค้นพบในครั้งนั้นคือ แกรไฟต์ (
Graphite เป็นคาร์บอนชนิดหนึ่ง ) หลังจากนั้นไม่นานมีผู้นาหินนี้มาทาเป็นแท่ง
และนาไปขายโดยโฆษณาว่าเป็น " หินสี " สามารถนาไปเขียนบนสิ่งใดก็ติดทั้งนั้น
พ่อค้านิยมซื้อไปเขียนตราสัญลักษณ์และทาเครื่องหมายบนสินค้า หรือหีบห่อที่
บรรจุสินค้าของตน เพื่อเป็นการบอกชนิด จานวน และราคาของสินค้านั้นๆ
- 6. • ต่อมาพระเจ้าจอร์ช ที่ 2 ได้ยึดเหมืองแร่แกรไฟต์แห่งบอร์โรว์เดลให้เป็น
ของรัฐ โดยเข้าไปดาเนินการแบบผูกขาด (แกรไฟต์ เป็นวัตถุสาหรับทา
กระสุนปืนใหญ่) ไม่ต้องการให้ประชาชนเข้าไปเกี่ยวข้อง เกรงจะถูกแย่งชิง
โดยเปิดดาเนินการปีละ 2 - 3 เดือน เท่านั้น เพื่อเป็นการสงวน
ทรัพยากรธรรมชาติและลดต้นทุนในการผลิต ขณะหยุดดาเนินการจะห้าม
ไม่ให้ผู้ใดเข้ามาภายในเหมืองแร่อย่างเด็ดขาด
- 8. • ในปี ค.ศ. 1761 คาสปาร์ เปเปอร์ (ช่างงานฝีมือชาวบาวาเรีย) ซึ่งอดีตเป็นนัก
เคมี ได้นาแท่งแกรไฟต์ไปบดให้ละเอียดแล้วผสมด้วย กามะถัน พลวง และ
ยางสน จากนั้นจึงนาไปใส่ในพิมพ์ทาเป็นแท่ง เพื่อให้เกิดความสะดวกในการ
ใช้งาน
• ปี ค.ศ. 1795 พระเจ้านโปเลียนที่ 1 มีรับสั่งให้ นิโคลาส แจ๊ค ดังเต้ ซึ่ง
เป็นหัวหน้านักเคมีและนักประดิษฐ์ชั้นแนวหน้าของประเทศฝรั่งเศส นา
แกรไฟต์ที่สามารถหาได้ทั้งหมดในฝรั่งเศสมาทาเป็นดินสอ แต่เมื่อนานเข้า
ทาให้เกิดการขาดแคลนแกรไฟต์ นิโคลาสจึงได้นาเอาแกรไฟต์มาบดเป็นผง
แล้วผสมเข้ากับดินเหนียวชนิดหนึ่ง (Clay) ในสัดส่วนที่แตกต่างกันเพื่อหา
ส่วนผสมที่ดีที่สุด แล้วจึงนาไปเข้าเตาเผา จนกลายเป็นต้นตารับของการทา
ดินสอ คือ เนื้อเหนียวขึ้น ไม่หักเปราะง่าย และด้วยการเพิ่มดินเหนียวเข้าไป
ตามอัตราส่วนนี้เองทาให้สามารถผลิตไส้ดินสอออกมาได้หลายขนาด คือ
แข็ง ( Hard ) หรือ H ลงมาจนอ่อนสามารถเขียนได้ติดดาสนิท ( Black )
หรือ B ซึ่งในปัจจุบันมีตั้งแต่ 5 H และ 6 B เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน
- 9. • ต่อมาชาวอเมริกัน ชื่อ วิลเลียม มอนโร ซึ่งเป็นช่างทาเฟอร์นิเจอร์ ได้
ประดิษฐ์เครื่องมือสาหรับผลิตดินสอขนาดมาตรฐานได้สาเร็จ สามารถตัด
ไม้ออกเป็นแผ่นบางๆ ยาวประมาณ 6-7 นิ้ว เซาะเป็นร่องเล็กๆตลอด
ความยาวของแผ่นไม้ เพื่อบรรจุแท่งแกรไฟต์
และใช้ไม้อีกแผ่นหนึ่งเซาะร่องไว้อย่างชิ้นแรก นามาทากาวแล้วประกบลง
ไป ซึ่งเป็นดินสอที่มีไม้หุ้มและเป็นดินสอที่ทันสมัยแท่งแรกของโลก เป็น
เครื่องมือสาหรับใช้ในการขีด - เขียน ที่มีราคาถูกและ สะดวก รูปร่าง
กระทัดรัดและสวยงาม เป็นที่ยอมรับในทุกวงการ ทาให้ปากกาขนห่านจุ่ม
น้าหมึกในสมัยนั้นเสื่อมความนิยมไป
- 12. กระบวนการในการทาดินสอ
• นาไม้ที่ตัดเป็นแท่งสี่เหลี่ยมเล็กๆ ( ขนาด 3 X 3 นิ้ว ) ไปตากแดดหรืออบ
จนแห้งสนิทจากนั้นจึงนามาตัดให้เป็นแผ่นบางๆ หนา
5 ม.ม. ( ครึ่งหนึ่งของความกว้างของดินสอ) แล้วจึงนาไปเข้าเครื่องเซาะ
ร่องสาหรับบรรจุไส้ดินสอ หลังจากนั้นใช้ไม้อีกชิ้นหนึ่งมาประกบด้วยการ
ติดกาว เข้าเครื่องตัดเป็นแท่ง พ่นสี ติดตรา และติดยางลบ ก่อนที่จะนา
ออกจาหน่ายต่อไป ซึ่งบริษัทผู้ผลิตสามารถผลิตดินสอให้แตกต่างในการ
ใช้งานได้กว่า 300 ชนิด รวมทั้งดินสอที่สาหรับใช้ในทางศัลยกรรมของ
แพทย์ เนื่องจากดินสอชนิดนี้สามารถนามาขีดเขียนบนผิวหนังของคนไข้
ได้
- 13. รูปร่างและขนาดของดินสอ
• ดินสอมาตรฐานมีความยาว 7 นิ้ว แท่งหนึ่งๆสามารถลากเส้นได้ยาวถึง 35
ไมล์ เขียนได้อย่างน้อย 45,000 คา เหลาดินสอ 17 ครั้ง จะเหลือเศษความ
ยาวเพียง 2 นิ้ว บางชนิดจะติดยางลบ ไว้ด้วยเพื่อให้สะดวกในการใช้งาน
สีที่นิยมใช้มากที่สุด คือ สีเหลือง บริษัทผู้ผลิตได้พยายามทาออกจาหน่าย
หลายสีด้วยกัน เช่น สีเขียว สีแดง สีน้าเงิน แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่ากับสี
เหลือง
- 14. ชนิดของดินสอ
ปัจจุบันดินสอแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดด้วยกัน คือ
• ดินสอดา ( Lead Pencil ) คือดินสอที่นิยมใช้กันทั่วๆไป ไส้ดินสอทา
จากถ่านแกรไฟต์ผสมกับดินเหนียว ( Clay ) ใช้ตัวอักษร B ( Black )
และ H ( Hard ) กาหนดความแข็งและความเข้มของไส้ดินสอ ขนาด 6
B จะมี Clay ผสมน้อย ส่วนขนาด 6 H จะมี Clay ผสมมากที่สุด ดินสอ
ที่มีความเข้มน้อยจะใช้ในการร่างภาพ ส่วนดินสอที่มีความเข้มมากจะใช้
ในการแรเงา
• ดินสอคาร์บอน ( Carbon Pencil ) หรือดินสอถ่าน ทาจากส่วนผสม
ของถ่านไม้ (Charcoal) ไส้ดินสอดาคล้ายถ่านไม้ มีชนิดแข็งและอ่อน
ลาดับจาก HH (แข็งมาก),HB(ปานกลาง ), B(ไส้อ่อนแต่ดา),BB (ดา
มาก),BBB (ดาที่สุด) บางบริษัทใช้ตัวอักษร E แทนตัวอักษร B
- 15. การผลิตในปัจจุบัน
• ดินสอผลิตโดยการใส่แกรไฟต์กับผงถ่าน เติมน้าลงไป ผสมแล้วทาให้เป็น
แท่งยาวคล้ายสปาเกตตี้ เผาในเตาให้แข็ง จากนั้นจุ่มในน้ามันหรือ
ขี้ผึ้ง เพื่อให้เขียนได้ง่ายขึ้น จากนั้นประกอบเข้ากับไม้ที่เจาะรูไว้ให้เป็น
แท่งดินสอ
• ดินสอส่วนใหญ่ โดยเฉพาะดินสอที่ใช้ในงานศิลปะ จะระบุความเข้มของ
ดินสอเอาไว้ด้วยตามระบบยุโรป โดยใช้อักษร "H" (hardness - ความ
แข็ง) "B" (blackness - ความดา) และ "F" (fine point - เนื้อ
ละเอียด) ดินสอสาหรับศิลปะจะมีความเข้มหลายขนาดให้เลือกใช้ เพื่อให้
มีความเข้ม ความสวยงาม และให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน มีตั้งแต่ดินสอที่
แข็งและสีอ่อน ไปจนถึงสีเข้มมาก โดยมักเรียงตามลาดับต่อไปนี้
- 19. • เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 1858 ไฮเมน ลิปแมน(Hymen
Lipman) จากฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา จดสิทธิบัตรในการ
ติดยางลบเข้ากับปลายดินสออีกข้างหนึ่งเป็นครั้งแรก แต่ในภายหลังถูกยกเลิก
เนื่องจากเป็นเพียงการนาอุปกรณ์สองชนิดประกอบเข้าด้วยกัน มากกว่าที่จะ
เป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่
- 20. • ยางลบอาจจะบล็อกสี่เหลี่ยม (บล็อกและยางลบลิ่ม) หรือหมวกรูปกรวยที่
สามารถลื่นบนปลายของดินสอ (ยางลบหมวก)ยางลบบาร์เรลหรือคลิก
เป็นอุปกรณ์ที่มีรูปร่างเหมือนดินสอ แต่แทนที่จะถูกเต็มไปด้วยไส้ดินสอ,
ถังมีถังหดของวัสดุยางลบ (ไวนิลอ่อนที่สุดปกติ) ยางลบแปลกในบทบาทคู่
เป็นรูปแกะสลัก (เช่นโน้ตดนตรี, สัตว์, ขนม) เป็นส่วนใหญ่ตกแต่งเป็นไว
นิลหนักของพวกเขามีแนวโน้มที่จะหนักเครื่องหมาย smear
- 21. สี
• สี คือการรับรู้ความถี่ (หรือความยาวคลื่น) ของแสง ในทานองเดียวกันกับ
ที่ระดับเสียง (หรือโน้ตดนตรี) คือการรับรู้ความถี่หรือความยาวคลื่นของ
เสียง
• มนุษย์สามารถรับรู้สีได้เนื่องจากโครงสร้างอันละเอียดอ่อนของดวงตา ซึ่ง
มีความสามารถในการรับรู้แสงในช่วงความถี่ที่ต่างกัน การรับรู้สีนั้นขึ้นกับ
ปัจจัยทางชีวภาพ (คนบางคนตาบอดสี ซึ่งหมายถึงคนคนนั้นเห็นสีบางค่า
ต่างจากคนอื่นหรือไม่สามารถแยกแยะสีที่มีค่าความอิ่มตัวใกล้เคียงกันได้
หรือแม้กระทั่งไม่สามารถเห็นสีได้เลยมาแต่กาเนิด), ความทรงจาระยะยาว
ของบุคคลผู้นั้น, และผลกระทบระยะสั้น เช่น สีที่อยู่ข้างเคียง