SlideShare a Scribd company logo
1 of 6
ชาคื อ อะไร ?
     ชา เป็นผลผลิตทางเกษตรกรรมจากใบ ยอดอ่อน และก้าน ของต้นชา (Camellia sinensis) นำามาผ่าน
กรรมวิธีแปรรูปหลายหลาย "ชา" ยังหมายรวมถึงเครื่องดื่มกลิ่นหอม ที่ทำาจากพืชตากแห้งชนิดต่างๆ
นำามาชงหรือต้มกับนำำาร้อน นอกจากนีำ ชา ยังเป็นเครื่องดื่มที่มีการบริโภคมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รอง
จากนำำาเปล่า ซึ่งเป็นที่นิยมบริโภคของคนทั่วโลกเช่นเดียวกับ กาแฟ และโกโก้ โดยจีนเป็นประเทศ
แรก ที่เริ่มนำาชามาทำาเป็นเครื่องดื่มเมื่อกว่า 2,000 ปี ที่แล้ว จากนัำนความนิยมในการดื่มนำำาชา ก็ได้แพร่
กระจายไปทั่วโลก ทัำงในทวีปอเมริกา ยุโรป เอเชีย และในบางประเทศของทวีปแอฟริกา
    ชา มาจากพืชตระกูลคาเมลเลีย (Camelliea) มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Camelliea sinensis ถิ่นกำาเนิด อยู่
ในอินเดียและจีน มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม ใบแหลมสีเขียว ดอกสีขาว มีกลิ่นหอม เมื่อปล่อยให้โตตาม
ธรรมชาติสามารถสูงได้ถึง 20 เมตร แต่ในการทำาไร่ชามักจะเลีำยงไว้ที่ความสูง 3-5 เมตร และตัดแต่งกิ่ง
ให้ส่วนบนเป็นพืำนราบ เพื่อสะดวกในการ เก็บยอดชาที่จะผลิออกมาใหม่
A Tea Bush
     ถึงแม้ว่า ประเทศในเขตร้อน ใกล้เส้นศูนย์สูตรจะเป็นประเทศที่ปลูกชาได้ดี เนื่องจากสภาพ
อากาศที่เหมาะสม แต่ปริมาณนำำาฝนและสภาพดินยังเป็นปัจจัยหลักๆ ที่ส่งเสริมการเพาะปลูกและการ
เติบโตของต้นชา และยังมีผลต่อรสชาติชาอีกด้วย ชาที่มีคุณภาพดีส่วนใหญ่จะต้องปลูกอยู่ที่ความสูง
ไม่เกิน 1,500 เมตร หรือ 5,000 ฟุต ซึ่งต้นชาจะมีการเติบโตช้าแต่ให้รสชาติที่ดี
     ส่วนของต้นชาที่นำามาใช้ทำาเครื่องดื่มจะอยู่ส่วนบนสุดของต้น 1-2 นิำวของยอดชา ซึ่งเป็นตำาแหน่ง
ของการผลิใบอ่อน และการแตกหน่อ ซึ่งเป็นส่วนที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด ต้นชาจะผลิตยอดชาใหม่โดย
ใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน
 สายพั น ธุ ์ ช า
ชามี 2 สายพันธุ์หลัก ได้แก่
ชาอั ส สั ม (Camellia sinensis vav. Assamica)
 เป็นไม้ยืนต้นสูง 6-18 เมตร ใบใหญ่เป็นรูปรี กว้าง 3-6 เซนติเมตร ยาว 8-20 เซนติเมตร ผิวใบเป็นคลื่น
และเป็นมันลื่น ปลายใบเรียวแหลม ต้นชาชนิดนีำโตเร็วกว่าต้นชาจีน ด้วยมีใบขนาดใหญ่กว่าและมี
รสชาติเข้มข้น
ชาจี น (Camelli sinensis vav. Sinensis)
 เป็นไม้พุ่มเตีำย ใบของชาจีนมีขนาดเล็กและแคบกว่าใบของชาอัสสัม กว้าง 2-4 เซนติเมตร เนืำอใบด้าน
ปลายใบแหลม ชาชนิดนีำทนต่อความหนาวเย็นและเติบโตอย่างช้า ๆ ออกใบดกและมีกลิ่นหอมมาก

ในปัจจุบันอาจมีการนำาชา 2 สายพันธุ์มาผสมกัน ออกมาให้ได้ชาพันธุ์ใหม่เรียกว่า Hybrid
องค์ประกอบทางเคมีของชา
      ชามีส่วนประกอบสำาคัญ 3 ส่วน ได้แก่ เมทิลแซนทีน (Methylxanthines) แทนนิน (Tea /tannins) และส่วน
ที่ให้กลิ่นหอม (Aromatic Principles) ใบชาสดประกอบด้วย เซลลูโลส ไฟเบอร์และโปรตีน ซึ่งมีปริมาณ
ของแข็งรวมกันได้ 25 % โดยปริมาตรและมีสารที่ละลายนำำาได้ อันได้แก่ แทนนิน คาเฟอีน โปรตีน กัม
(Gummy Matter) และนำำาตาลต่างๆ ละลายอยู่
 ประเภทของชา
         ประเภทของชาที่เราพบมากในปัจจุบันสามารถแบ่งได้เป็น 4 ชนิด คือ ชาดำา (Black Tea), ชาอู
หลง (Oolong Tea), ชาเขียว (Green Tea), และชาขาว (White Tea) ซึ่งแท้ที่จริงแล้วชาทุกประเภทที่กล่าวมา
ข้างต้น อาจมาจากต้นชาต้นเดียวกัน แต่ผ่านกระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน ทำาให้ได้ชาที่ต่างกัน ซึ่ง
ล้วนแล้วแต่มาจากชาจีนทัำงสิำน
ชาผู ่ เ อ๋ อ (Pu-erh Tea) เป็นชาดำาชนิดหนึ่ง ซึ่งใช้วิธีการหมักนานเป็น 2 เท่าของชาดำา ทำาให้ได้รสชาติ
ที่เข้มข้นและแตกต่าง
คำาว่า "ชาสมุนไพร" (Herbal Tea) นัำน หมายถึง นำำาที่ชงจากสมุนไพร ใบไม้ ดอกไม้ หรือผลไม้ ของพืช
สมุนไพรชนิดอื่น ที่ไม่ใช่จากต้นชา ส่วนคำาว่า "ชาแดง" นัำน หมายถึง นำำาที่ชงจากชาดำา (ใช้เรียกกัน
ในเอเชียตะวันออก เช่น จีน เกาหลี และญี่ปุ่น เป็นต้น) และนำำาที่ชงจากต้นรอยบอส (Rooibos) ของ
ประเทศแอฟริกาใต้
ชา ถูกจัดประเภทตามกระบวนการแปรรูป หลังจากการเก็บเกี่ยว ใบของต้นชาจะถูกทิำงให้สลด
และ "บ่ม" โดย ทำาให้เอนไซม์ในใบชาเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับออกซิเจนในอากาศ ใบชาจะมีสี
เข้มขึำน คลอโรฟิลล์ในใบชาจะแตกตัว กลายเป็นสารแทนนินที่ให้รสฝาด ต่อจากนัำน ต้องหยุดการ
ทำางานของเอนไซม์ โดยใช้ความร้อน เพื่อให้หยุดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น โดยในชาดำา กระบวนการนีำ
จะดำาเนินคู่กันไปกับการทำาให้แห้ง
หากไม่ระมัดระวังในการควบคุมความชืำนและอุณหภูมิระหว่างกระบวนการผลิต ใบชาอาจขึำนรา เกิด
ปฏิกิริยาสร้างสารพิษที่อาจเป็นสารก่อมะเร็งขึำนได้ ทำาให้รสชาติเสียไป และอันตรายต่อการบริโภค
ชา สามารถจั ด ประเภทตามกระบวนการแปรรู ป ต่ า งๆ ได้ ด ั ง นี ำ
• ชาขาว: ใบชาที่ถูกทิำงให้สลด แต่ไม่ได้บ่ม
• ชาเหลือง: ใบชาที่ไม่ได้ถูกทิำงให้สลด และไม่ได้บ่ม แต่ทิำงใบชาให้เป็นสีเหลือง
• ชาเขียว: ใบชาที่ไม่ได้ถูกทิำงให้สลดและไม่ได้บ่ม
• ชาอูหลง: ใบชาที่ทิำงให้สลด นวด และบ่มเล็กน้อย (เป็นชาดำาชนิดหนึ่ง)
• ชาดำา: ใบชาที่ทิำงให้สลด (อาจมีการนวดอย่างแรง) และผ่านการบ่มเต็มกระบวนการ
• ชาหมัก: ชาเขียวที่ผ่านกระบวนการหมักนานนับปี
ชาดำ า (ชาหมั ก ) - Black Tea
      เป็นชาที่นิยมดื่มกันทั่วโลก โดยเฉพาะแถบยุโรปหรือพวกฝรั่ง คนไทยจึงเรียกว่าชาฝรั่ง บางคน
เรียกชาผง เพราะส่วนใหญ่จะเห็นมีลักษณะเป็นผง บางครัำงเรียกชาดำาตามลักษณะสีใบชาแห้ง แต่
ชาวจีนเรียกชาแดง ตามลักษณะสีนำาชาซึ่งเป็นสีส้มหรือนำำาตาลแดง
     ชาฝรั่งสันนิษฐานว่ามาจากชาหมักชื่อ เจียน ซี หวู ของชนเผ่าฉี อาศัยอยู่แถบภูเขา หวู่ ยิ เมื่อมี
การค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้ากับพ่อค้าจากมณฑลกวางตุ้ง ชาถูกเปลี่ยนชื่อเป็นโบเฮีย และถูกส่งจาก
มณฑลกวางตุ้งไปประเทศอังกฤษในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 การผลิตชาฝรั่งจะให้สีและรสชาติเข้มข้น
ที่สุด นำำาชาเป็นสีส้มหรือนำำาตาลแดง ชาฝรั่งจะนิยมใช้ยอดชาพันธุ์อัสสัม เพราะชาอัสสัมจะมีสารโพลี
พินอลสูง ชาประเภทนีำ ได้แก่ ชาคีมุนของจีน ชาของอินเดีย และชาของศรีลังกา
ชาเขี ย ว – Green Tea
      ชาเขียวเป็นชาที่ไม่ผ่านขัำนตอนการหมักใบชาสดระหว่างกระบวนการผลิต โดยนำายอดชาสดมา
ทำาให้แห้ง ใช้วิธีให้ความร้อนหยุดยัำงการสลายตัวของยอดชา หรือปฏิกิริยาของเอ็นไซม์ ในการย่อย
สลายตัวเอง หรือเรียกว่าการหมัก
      ชาประเภทนีำเป็นชาที่นิยมดื่มกันมากในประเทศจีนและญี่ปุ่น รสอ่อน สีนำาชาเป็นสีเขียว หรือ
เหลืองอมเขียว กากชามีสีเขียวค่อนข้างสดชาเขียวรู้จักกันแพร่หลาย เช่น ชาหลงจิ่ง หวง ซันเหมา
ฟง ผู โถ ฉา ชุนหมี่ ชาญี่ปุ่น เป็นต้น
ชาอู ่ ห ลง (ชากึ ่ ง หมั ก ) – Oolong Tea
      เป็นชาที่มีการหมักใบชาสดในระหว่างการผลิตเพียงบางส่วน โดยเพิ่มการนำายอดชามาผึ่งแดด
20-40 นาที ทำาให้อุณหภูมิในยอดชาสูงขึำน เกิดกลิ่นหอม แล้วนำาไปผึ่งในร่มอีกครัำงพร้อมเขย่ากระตุ้น
ยอดชาให้ตื่นตัว เร่งการหมัก ทำาให้สีนำามีสีเข้มขึำน ความแก่อ่อนของการหมักขึำนกับระยะเวลาการผึ่ง
และเขย่ากระตุ้น ชนิดชาที่รู้จักกันดีที่สุดคือ ชาอู่หลง รสชาติของชาประเภทนีำจะเข้มข้นและมีกลิ่น
หอม นำำาชามีสีเหลืองอมเขียว นำำาตาลอมเขียว นำำาตาลอมเหลือง นำำาตาลส้ม ขึนอยู่กับวิธีการผลิต กาก
                                                                          ำ
ชาที่มีสีเขียวอมเหลืองนิยมดื่มกันมากในประเทศจีนตอนกลาง แถบมณฑลฝูเจี๋ยน กวางตุ้ง ไต้หวัน
เมื่อดื่มชาชนิดนีำจะให้รสฝาด และขมเล็กน้อย ชุ่มคอ
      ชากึ่งหมัก เป็นชาประเภทที่ผู้ดื่มชาจีนในประเทศไทยส่วนใหญ่รู้จักดี ชาที่ดื่มจะเป็นชาหมักปาน
กลาง ค่อนข้างแก่ถึงหมักแก่ ชามีกลิ่นหอม รสฝาดชุ่มคอ ส่วนใหญ่นำาเข้ามาจากประเทศจีนแถบ
มณฑลกวางตุ้ง มณฑลฝูเจี๋ยน ต่อมามีการผลิตชาอูหลงแถบดอยแม่สลอง ดอยวาวี โดยนำาเทคโนโลยี
การผลิตจากไต้หวัน จึงได้ชาอูหลงที่มีคุณภาพดี กลิ่นหอม รสชาติชุ่มคอ ทำาให้ชาอูหลงเป็นที่รู้จัก
และนิยมดื่มมากขึำน
ชาขาว – White Tea
ยอดชาที่ยังปกคลุมด้วยปุยขนอ่อนสีขาวผ่านขัำนตอนการนำาไปตากแห้งในแสงอาทิตย์ธรรมชาติ
ขัำนตอนง่ายๆ ดังกล่าวนีำเป็นสิ่งที่ทำาให้ White Tea แตกต่างจากชาประเภทอื่น และยังเป็นการรักษาคุณ
ประโยชน์นานาประการมิให้สลายไปกับกรรมวิธีของมนุษย์ แหล่งผลิตปลูกกันกว้างขวางในประเทศ
จีน บนภูเขาสูงแห่งจังหวัดฟูเจีำยน         เนื่องจากการผลิตชาขาวมีขัำนตอนที่สัำนที่สุด ทำาให้ชามีความ
บริสุทธิ์กว่าและอยู่ในสภาวะมีพลังงานมากกว่า ชาวขาวมีคุณค่าของแอนติออกซิเดนท์มากกว่าชา
เขียวถึงสามเท่า และยังป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายมากกว่าชาเขียวถึงสิบเท่า และความ
สามารถในการปกป้องผิวก็ยิ่งสูงกว่าด้วยเช่นกัน
ชาในรู ป แบบต่ า งๆ
      และจากชาพืำนฐานเหล่านีำก็ได้มีการผสมผสานใบชาจากแหล่งต่างๆ พัฒนาเป็นชาผสมที่มีกลิ่น
และรสชาติต่างๆ กัน และมีชื่อเรียกเฉพาะต่างๆ เช่น “Darjeeling” เป็นชารสเยี่ยมจากเทือกเขาหิมาลัย
ทางตอนเหนือของอินเดีย ให้รสนุ่มและกลิ่นหอม สามารถเติมนมเพิ่มได้ตามชอบ, “Earl Grey” เป็นชาที่
ผสมกันระหว่างชา Darjeeling กับชาจีน แต่งกลิ่นด้วยสมุนไพรเบอร์กามอต (Bergamot), “English Breakfast”
เป็นการผสมผสานกันของใบชาจาก 3 แหล่ง คือชาซีลอน (Ceylon) จากศรีลังกาที่ให้กลิ่นหอม ชาอัสสัม
(Assam) จากอินเดียที่ให้รสเข้ม และชาเคนยา (Kenya) จากประเทศเคนยา ซึ่งช่วยเพิ่มสีสันของชา นับ
เป็นชาที่ได้รับความนิยมมากในอังกฤษ ถึงขนาดตัำงชื่อเฉพาะให้อย่างเป็นทางการ
      นอกจากนีำยังมีการแต่งกลิ่นชา ไม่ว่าจะเป็น ชาเขียว ชาอูหลง หรือชาดำา โดยผสมใบชากับ
ดอกไม้ ผลไม้ เครื่องเทศ นำำามันหอมระเหยต่างๆ หรือสมุนไพร เช่น ชิำนมะม่วง พีช กลีบกุหลาบ ลงไป
ในใบชาก่อนบรรจุ ทำาให้เกิดชารสชาติใหม่ ที่เรียกว่า “Flavored Tea” หรือชาแต่งกลิ่น
      ส่วนชาเมี่ยงหรือชาหมักดอง เป็นผลิตภัณฑ์ชาของท้องถิ่นทางภาคเหนือของประเทศไทย โดย
การนำาใบชาสด มามัดเป็นกำา นึ่งแล้วมักทิำงไว้จนใบชาเปลี่ยนสภาพเป็นสีเหลือง ใบยุ่ย จึงนำามาบริ
โภค นิยมใช้เป็นของขบเคีำยว หรืออมเป็นของว่างระหว่างการทำางาน ยามว่างหลังอาหารหรือชงดื่ม
กับนำำาร้อน ช่วยผ่อนคลาย ความเหน็ดเหนื่อย ปัจจุบันมีอยู่หลายชนิด เช่น เมี่ยงหวาน เมี่ยงเค็ม เมี่ยง
หมี่ เมี่ยงขิง เมี่ยงใส่กระเทียมดอง เป็นต้น
รูปแบบการบรรจุใบชาที่ขายในท้องตลาดมีดังนีำ ใบชาผงในภาชนะปิดสนิท (Loose Tea)
เป็นใบชาแห้งที่บรรจุในกระป๋องหรือภาชนะปิดสนิท ซึ่งผู้ชงสามารถตวงปริมาณใบชาแห้งเองได้
ตามต้องการ ในการชงจะต้องมีอุปกรณ์ช่วยในการกรองกากชาออกด้วย
ใบชาแห้ ง อั ด (Compressed Tea)
เป็นใบชาแห้งที่อัดแน่นเพื่อสะดวกในการเก็บรักษา โดยเฉพาะชาชนิดผู่เอ๋อ (Pu-Erh) จะถูกอัดเป็นก้อน
เวลาจะนำาใบชามาชงให้ใช้ปลายมีดเขี่ยใบชาออกมาในปริมาณที่ต้องการ ใบชาแห้งอัดนีำสามารถ
เก็บไว้ได้นานกว่าใบชาแห้งธรรมดา เนื่องจากมีส่วนที่สามารถสัมผัสกับอากาศน้อยกว่า
ชาแท่ ง หรื อ ชาแผ่ น (Tea Sticks)
เป็นการบรรจุใบชาสำาหรับการบริโภคในรูปแบบใหม่ แท่งชานีำกำาเนิดในประเทศฮอลแลนด์ช่วงปี
ค.ศ. 1990 โดยบริษัท Venezia Trading ได้ผลิตแท่งชาที่เรียกว่า “Ticolino” ซึ่งเป็นแท่งบรรจุชาสำาหรับ 1 ที่
ภายในบรรจุใบชาหรือใบชาผสมสมุนไพรหรือกลิ่นรสตามต้องการ วิธีใช้คือใส่แท่งชาลงนแก้ว เท
นำำาร้อนลงไป แช่ไว้นาน 90 วินาทีเพื่อสกัดกลิ่นรสของใบชาที่อยู่ภายในออกมา จากนัำนก็คนเล็กน้อย
แล้วดึงแท่งชาออก
ชาสำ า เร็ จ รู ป (Instant Tea)
เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นผงหรือเกล็ดละลายนำำา โดยการทำาการสกัดสารในใบชาออกมาเป็นชา
เข้มข้น นำำาชาเข้มข้นถูกทำาให้แห้งเป็นของแข็ง โดยการฉีดพ่นสารละลายชาเข้มข้นผ่านอากาศร้อน
หรือความเย็น ระเหยนำำาออกไปภายใต้สุญญากาศ เมื่อจะดื่มนำามาชงสามารถละลายนำำาได้ทันที
สะดวกต่อการบริโภค การผลิตชาสำาเร็จรูปสามารถใช้เครื่องจักรกลในการเก็บเกี่ยวมากขึำน สามารถ
ขนส่งไปยังประเทศผู้บริโภค ได้สะดวก ช่วยลดต้นทุนการขนส่ง เช่น ชาผงสำาเร็จรูปเนสที เป็นต้น
ชาถุ ง (Tea Bags)
เป็นใบชาที่บรรจุถุงกระดาษหรือถุงผ้าไหมขนาดเล็ก ข้อดีของชาถุงคือ ง่ายและสะดวกต่อการชง แต่
มีข้อด้อยคือ อากาศสามารถผ่านเข้าออกได้ ใบชาแห้งซึ่งสัมผัสกับอากาศจะสูญเสียกลิ่นรสได้ง่าย
และรวดเร็ว นอกจากนีำใบชาที่นำามาบรรจุด้วยวิธีการนีำส่วนใหญ่จะเป็นชาเกรดตำ่าลงมา อย่างไร
ก็ตาม ผู้ผลิตบางรายก็สร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ชาถุงด้วยการบรรจุใบชาเต็มใบชัำนดีลง
ในถุงชา ทัำงนีำผู้บริโภคสามารถสังเกตได้จากราคาที่มีความแตกต่างกันค่อนข้างมา
ชาพร้ อ มดื ่ ม (Ready-to-Drink Teas)
เป็นการผลิตนำำาชาบรรจุก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นำำาชาธรรมดา นำำาชาที่เติมกลิ่นและสี เช่น กลิ่นรส
มะนาว รสเบอรี่ พีช เป็นต้น บางครัำงเติมนำำาตาลบรรจุในกระป๋องหรือขวด ทำาให้สะดวกต่อการบริโภค
และการขาย นำำาชาประเภทนีำเป็นที่นิยมของวัยรุ่น โดยเฉพาะประเทศที่มีอากาศร้อน และนิยมดื่มชา
เย็น
เกรดของใบชา
         การแบ่ ง เกรดของใบชาจี น
ชาจี น จะแบ่ ง เกรดและคุ ณ ภาพ ดั ง นี ำ
• ชนิดของพันธุ์ชา
• อายุของต้นชา
• ลักษณะของใบชา
• ฤดูที่เด็ดใบ
• วันและเวลาที่เด็ด
• ลักษณะของอากาศในวันเวลาที่เด็ด
• แหล่งที่มา
• กรรมวิธีในการผลิต
เมื่อนำาข้อมูลทัำงหมดพิจารณาแล้ว ผู้เชี่ยวชาญก็จะให้เกรดกับปริมาณของผลผลิตของใบชาในปีนัำน
         การแบ่ ง เกรดใบชาของยุ โ รป
      ใบชาเป็นสินค้าที่ผลิตจากหลายประเทศ มีกรรมวิธีในการผลิตต่างกัน ดังนัำนในการควบคุม
คุณภาพจึงความจำาเป็นที่ต้องมีการแบ่งเกรด และการแบ่งเกรดของใบชาจึงขึำนอยู่กับคุณภาพของใบ
ชาที่ผลิตออกมาจากโรงงาน

เกรดของใบชา
การแบ่งเกรด แบ่งเป็น 3 เกรด ดังนีำ
       1.      ชาเต็มใบ (Whole Leaf)
       โดยทั่วไปชาเต็มใบถือว่าเป็นชาเกรดดี แบ่งได้ 4 เกรดย่อย ตามขนาดของใบซึ่งขึำนอยู่กับ
แหล่งที่ปลูกใบชานัำนๆ คือ
1.1    ใบตูม หรือ ใบอ่อน - ชาที่ได้รับคัดเลือกในเกรดนีำ ถือว่าเป็นชาที่ดีที่สุด ขนาดของใบจะมีขนาด
ไม่เกิน 5-15 มิลลิเมตร อักษรย่อของชาเกรดนีำ คือ F.P. หรือ F.O.P. (Flowery Pekoe หรือ Flowery Orange Pekoe)
1.2    ใบชาคู่แรก - เป็นเกรอรองลงมา ขนาดของใบใหญ่ขึำนมาหน่อยมีขนาดประมาณ 8-15 มิลลิเมตร
ชาเกรดนีำมีชื่อว่า "Orange Pekoe" มีตัวย่อว่า O.P. เวลาชงนำำาชาจะมีสีส้ม
1.3    Pekoe - มีตวย่อว่า "P" ชาเกรดนีำ ใบจะมีลักษณะหนาและบิดเกลียว
                  ั
1.4    Pekoe Slouching - มีตวย่อว่า P.S. มีลักษณะใบใหญ่ ค่อนข้างเหนียวและหยาบ เวลาผลิตเครื่องจักร
                            ั
จะปั้นใบชาเป็นก้อนกลม ๆ เวลาชงก้อนชานีำจะขยายตัวออกให้เห็นลักษณะใบอย่างชัดเจน
       2.      เกรดใบชาร่วง (Broken Tea Leaf)
       เป็นใบชาเกรดรองลงมา ซึ่งลักษณะใบชาจะมีการแตกหักบางส่วน ไม่เต็มใบ หรือไม่เต็มรูป
สมบูรณ์ สามารถแบ่งออกได้เป็น
2.1    Broken Pekoe – หรือตัวย่อว่า BP จะเป็นใบชาที่ไม่เต็มใบ แตกหักบางส่วน ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดใน
บรรดาใบชาประเภทไม่เต็มใบด้วยกัน
2.2    Broken Orange Pekoe – หรือตัวย่อว่า BOP จะเป็นใบชาแตกหักที่มีขนาดเล็กกว่า BP
       3.      เกรดใบชาผง (Fine Leaf Teas)
       เป็นชาที่เหลือจากการคัดเกรด โดยการนำาเศษที่เหลือมาหั่นเป็นชิำนเล็ก ๆ ใช้บรรจุเป็นชาถุง
หรือขายเป็นชาที่มีราคารองลงมา แบ่งได้เป็น
3.1   Fannings – เศษของใบชาที่แตกหักละเอียดกว่า BOP
3.2   Dust – เป็นผงชาที่ถูกแยกออกมา โดยส่วนใหญ่จะนำาไปใช้ทำาชาถุง          หรือผสมทำาชาสำาเร็จรูป
คุณสมบัติของชาผงทัำงสองเกรดนีำ คือ เวลาชงด้วยนำำาร้อนจะขับสีออกเร็วมาก จึงเป็นที่นิยมของผู้ดื่ม
ชา ชาทัำงสองเกรดมีจำาหน่ายในรูปของชากระป๋องและชาซอง กลิ่น สี และรสชาติขึำนอยู่กับผู้ผลิต
ราคา ก็เหมาะสมสำาหรับคนทั่วไป
การเก็ บ รั ก ษาใบชา
         ใบชาจะต้องเก็บรักษาเป็นอย่างดี เพื่อจะคงไว้ซึ่งกลิ่น สีและรสชาติ ภาชนะที่จะใช้บรรจ ุุใบชา
จะต้องแห้งและปราศจากกลิ่น อากาศเข้าไม่ได้ สิ่งสำาคัญที่มีผลกระทบต่อคุณภาพใบชา คือ ความชืำน
อุณหภูมิ และกลิ่น
วิ ธ ี เ ก็ บ ใบชาที ่ ถ ู ก ต้ อ งมี ด ั ง นี ำ
1.          ใช้ภาชนะดินเผาหรือภาชนะโลหะขนาดพอเหมาะมีฝาสองชัำนเพื่อป้องกันไม่ให้อากาศเข้า
2.          ไม่ควรให้ใบชาถูกอากาศโดยไม่จำาเป็น เพราะอากาศมีผลกระทบต้อสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่
ในใบชา
3.          หลีกเลี่ยงความชืำน เพราะความชืำนจะเป็นตัวทำาลายคุณภาพของใบชา ในกรณีที่ซืำอใบชามา
ในปริมาณที่มาก ควรแบ่งใบชาใส่ภาชนะที่เล็กพอเหมาะกับการใช้ในแต่ละสัปดาห์
4.          เนื่องจากความชืำนในอากาศมีผลต่อใบชา ดังนัำนใบชาควรจะบรรจุอยู่ในถุงฟอยล์ มัดให้แน่น
ก่อนจะเก็บไว้ในกระป๋อง
5.          หลีกเลี่ยงการนำาใบชาออกตากแดดเพราะแสงแดดจะทำาลายคุณภาพของใบชา
6.          ไม่ควรนำาภาชนะที่มีกลิ่นมาบรรจุใบชา หรือเก็บใบชาไว้ใกล้กับอาหารหรือสิ่งของที่มีกลิ่น
เพราะใบชามีคุณสมบัติดูดกลิ่น
7.          เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความชืำนและรักษาอุณหภูมิของใบชาให้คงที่ ควรเก็บใบชาไว้ในที่
อากาศถ่ายเทได้ดี
8.          ถ้าเป็นชาดีมีคุณภาพและราคาแพงไม่ควรใช้มือหยิบแต่ควรใช้ช้อนที่แห้งสนิทตัก ปัจจุบันมี
ช้อนที่ทำาขึำนสำาหรับตักใบชาโดยเฉพาะ
9.          ใบชาแต่ละชนิด อุณหภูมิที่เก็บรักษาต่างกัน ชาเขียวโดยเฉพาะถ้าเป็นชาใหม่จะต้องเก็บในที่
แห้งและอุณหภูมิตำ่า อาจจะเก็บใส่กระป๋องที่ปิดมิดชิด หรือไว้ในตู้เย็นก็ได้ ไม่ควรเก็บชาเขียวไว้ชง
ดื่มนานเกิน 12-18 เดือน ส่วนชาอูหลงหรือชาดำา สามารถเก็บไว้ได้ในอุณหภูมิปกติแต่ไม่ควรให้ถูก
แสงแดด จะเก็บไว้ในตู้เย็นก็ได้แต่ไม่จำาเป็น
เทคนิ ค การชงชา
ชาใบและชาสำาเร็จรูปมีวิธีชงที่แตกต่างกัน
วิธีชงชาใบหรือชาจีน มีขัำนตอนดังนีำ
• อุ่นกานำำาชาโดยให้นำาร้อนลวกภาชนะเพื่อให้กานำำาชาและถ้วยชาอุ่นขึำน ช่วยฆ่าเชื่อโรคและดับ
กลิ่นต่างๆในภาชนะ
• ใส่ใบชาลงในปริมาณที่เหมาะไม่เกิน 1 ใน 3 ของกานำำาชา
• เทนำำาร้อนลงในกานำำาชาในเต็ม เพื่อกระตุ่นใบชาให้คลี่ออกและช่วยล้างใบชาให้สะอาด แล้วเทนำำา
ทิำง
• เทนำำาร้อนเดือดใหม่ๆ ลงในกานำำาชาอีกครัำงทิำงไว้ประมาณ 2 นาที
• เทนำำาชาลงในถ้วยเสิร์ฟให้หมด ยกเสิร์ฟ
• เมื่อต้องการดื่มชาเพิ่มให้เติมนำำาเดือดลงไปอีกครัำงทิำงไว้ประมาณ 2-3 นาที แล้วจึงเทนำำา ชาเสิร์ฟใหม่
อีกครัำงใบชาที่ใช้ชงแต่ละครัำงใช้ได้ประมาณ 3-7 ครัำง ในครัำงต่อๆไป หลังจากเติมนำำาร้อน เพิ่มแล้วควร
ทิำงไว้ประมาณ 3 นาที และนานไปเรื่อยๆเพื่อให้นำาชาจืด
วิ ธ ี ช งชาถุ ง มี ข ั ำ น ตอนดั ง นี ำ
• การชงในกา ทำาการอุ่นกานำำาชาโดยเทนำำาร้อนลวกกาให้ร้อนวางถุงชาในกาตามจำานวนผู้บริโภค
เติมนำำาเดือดใหม่ๆ ทิำงไว้อย่างน้อย 3 นาที
• ชงในถ้วยโดยใส่ถุงชาลงในถ้วยเติมนำำาเดือดใหม่ๆ ทิำงไว้ 3 นาที   จึงเอาถุงชาออก แต่หากต้องการ
ให้ชารสจัดขึำน ก็ควรจะเพิ่มเวลาให้มากขึำน
• ชาฝรั่งสามารถเพิ่มรสชาติได้โดยเติมนำำาตาล นมและมะนาวตามชอบและสามารถทำาชาเย็นโดยชง
ชาด้วยนำำาร้อนให้เข้มข้นเป็น 2 เท่า แล้วจึงเติมรสชาติและนำำาแข็งตามชอบ
การเก็ บ รั ก ษา
ใบชามีคุณสมบัติดูดซับกลิ่นได้ดี ควรเก็บในภาชนะที่มีมีกลิ่น แห้ง มีผาปิดสนิท
การเลื อ กซื ำ อ ใบชา
      ใบชาในท้องตลาดมีให้เลือกซืำอมากมาย เช่น มีทัำงใบชาแห้งสำาเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ใบชาแปรรูป
เป็นต้น แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใบชาเราที่เราซืำอมาเป็นใบชาที่มีคุณภาพ เพราะฉะนัำน เราควรที่จะมี
ความรู้พืำนฐานในการเลือกซืำอใบชาง่ายๆ ดังนีำ
1. ลักษณะใบ ใบชาจะคืนชีพเมื่อถูกนำำาร้อน เมื่อใบชาคืนสู่สภาพเดิม เราก็สามารถที่จะบอกเกรดของ
ใบชาได้โดยสังเกตจากลักษณะใบว่าเป็นใบตูม ใบอ่อนใบนุ่ม ใบเล็ก ใบใหญ่ ใบเหนียว ใบแข็ง ใบ
สมบูรณ์ หรือขาดแหว่ง ตลอดจนสีว่าใบชามีสีอ่อนหรือสีเข้ม
2. ความสมบูรณ์ของยอดใบชา กากใบชาที่ชงมีความสมบูรณ์ของยอดใบชาให้เห็นหรือไม่ คือเมื่อ
เขี่ยดูแล้วจะเห็นยอดใบชาที่มียอดตูมและใบอีกสองใบติดอยู่กับก้าน ถ้ามี มีทัำงหมดหรือมีเป็นบางส่วน
3. มีสิ่งสกปรกเช่นก้านใบชา เศษใบชา หรือเศษผงมากน้อยแค่ไหน
http://www.refresherthai.com/Article/tea.php

More Related Content

More from Jintana Somrit

แผนผังไปบ้านสวนป้าต้อย
แผนผังไปบ้านสวนป้าต้อยแผนผังไปบ้านสวนป้าต้อย
แผนผังไปบ้านสวนป้าต้อย
Jintana Somrit
 
Kap ประวัติ
Kap ประวัติKap ประวัติ
Kap ประวัติ
Jintana Somrit
 
บัญชีรุ่น
บัญชีรุ่นบัญชีรุ่น
บัญชีรุ่น
Jintana Somrit
 
บัญชีรุ่น
บัญชีรุ่นบัญชีรุ่น
บัญชีรุ่น
Jintana Somrit
 
Kapประวัติ
KapประวัติKapประวัติ
Kapประวัติ
Jintana Somrit
 
บัญชีรุ่น
บัญชีรุ่นบัญชีรุ่น
บัญชีรุ่น
Jintana Somrit
 
บัญชีรุ่น
บัญชีรุ่นบัญชีรุ่น
บัญชีรุ่น
Jintana Somrit
 
ทำวีซ่าท่องเที่ยวUsa
ทำวีซ่าท่องเที่ยวUsaทำวีซ่าท่องเที่ยวUsa
ทำวีซ่าท่องเที่ยวUsa
Jintana Somrit
 
สมุนไพร ลดไขมันในเส้นเลือด คลอเรสเตอรอล
สมุนไพร ลดไขมันในเส้นเลือด คลอเรสเตอรอลสมุนไพร ลดไขมันในเส้นเลือด คลอเรสเตอรอล
สมุนไพร ลดไขมันในเส้นเลือด คลอเรสเตอรอล
Jintana Somrit
 
เครื่องดื่มทำลายฤทธิ์ยา
เครื่องดื่มทำลายฤทธิ์ยาเครื่องดื่มทำลายฤทธิ์ยา
เครื่องดื่มทำลายฤทธิ์ยา
Jintana Somrit
 
ศัพท์อังกฤษป.3
ศัพท์อังกฤษป.3ศัพท์อังกฤษป.3
ศัพท์อังกฤษป.3
Jintana Somrit
 
ข้อความศิลป์
ข้อความศิลป์ข้อความศิลป์
ข้อความศิลป์
Jintana Somrit
 

More from Jintana Somrit (17)

แผนผังไปบ้านสวนป้าต้อย
แผนผังไปบ้านสวนป้าต้อยแผนผังไปบ้านสวนป้าต้อย
แผนผังไปบ้านสวนป้าต้อย
 
Kap สังคม
Kap สังคมKap สังคม
Kap สังคม
 
Kap ประวัติ
Kap ประวัติKap ประวัติ
Kap ประวัติ
 
Kap คณิต
Kap คณิตKap คณิต
Kap คณิต
 
บัญชีรุ่น
บัญชีรุ่นบัญชีรุ่น
บัญชีรุ่น
 
บัญชีรุ่น
บัญชีรุ่นบัญชีรุ่น
บัญชีรุ่น
 
Kapคณิต
KapคณิตKapคณิต
Kapคณิต
 
Kapสังคม
KapสังคมKapสังคม
Kapสังคม
 
Kapประวัติ
KapประวัติKapประวัติ
Kapประวัติ
 
บัญชีรุ่น
บัญชีรุ่นบัญชีรุ่น
บัญชีรุ่น
 
บัญชีรุ่น
บัญชีรุ่นบัญชีรุ่น
บัญชีรุ่น
 
ทำวีซ่าท่องเที่ยวUsa
ทำวีซ่าท่องเที่ยวUsaทำวีซ่าท่องเที่ยวUsa
ทำวีซ่าท่องเที่ยวUsa
 
สมุนไพร ลดไขมันในเส้นเลือด คลอเรสเตอรอล
สมุนไพร ลดไขมันในเส้นเลือด คลอเรสเตอรอลสมุนไพร ลดไขมันในเส้นเลือด คลอเรสเตอรอล
สมุนไพร ลดไขมันในเส้นเลือด คลอเรสเตอรอล
 
เครื่องดื่มทำลายฤทธิ์ยา
เครื่องดื่มทำลายฤทธิ์ยาเครื่องดื่มทำลายฤทธิ์ยา
เครื่องดื่มทำลายฤทธิ์ยา
 
ศัพท์อังกฤษป.3
ศัพท์อังกฤษป.3ศัพท์อังกฤษป.3
ศัพท์อังกฤษป.3
 
ข้อความศิลป์
ข้อความศิลป์ข้อความศิลป์
ข้อความศิลป์
 
สันธาน
สันธานสันธาน
สันธาน
 

ชาคืออะไร

  • 1. ชาคื อ อะไร ? ชา เป็นผลผลิตทางเกษตรกรรมจากใบ ยอดอ่อน และก้าน ของต้นชา (Camellia sinensis) นำามาผ่าน กรรมวิธีแปรรูปหลายหลาย "ชา" ยังหมายรวมถึงเครื่องดื่มกลิ่นหอม ที่ทำาจากพืชตากแห้งชนิดต่างๆ นำามาชงหรือต้มกับนำำาร้อน นอกจากนีำ ชา ยังเป็นเครื่องดื่มที่มีการบริโภคมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รอง จากนำำาเปล่า ซึ่งเป็นที่นิยมบริโภคของคนทั่วโลกเช่นเดียวกับ กาแฟ และโกโก้ โดยจีนเป็นประเทศ แรก ที่เริ่มนำาชามาทำาเป็นเครื่องดื่มเมื่อกว่า 2,000 ปี ที่แล้ว จากนัำนความนิยมในการดื่มนำำาชา ก็ได้แพร่ กระจายไปทั่วโลก ทัำงในทวีปอเมริกา ยุโรป เอเชีย และในบางประเทศของทวีปแอฟริกา ชา มาจากพืชตระกูลคาเมลเลีย (Camelliea) มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Camelliea sinensis ถิ่นกำาเนิด อยู่ ในอินเดียและจีน มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม ใบแหลมสีเขียว ดอกสีขาว มีกลิ่นหอม เมื่อปล่อยให้โตตาม ธรรมชาติสามารถสูงได้ถึง 20 เมตร แต่ในการทำาไร่ชามักจะเลีำยงไว้ที่ความสูง 3-5 เมตร และตัดแต่งกิ่ง ให้ส่วนบนเป็นพืำนราบ เพื่อสะดวกในการ เก็บยอดชาที่จะผลิออกมาใหม่ A Tea Bush ถึงแม้ว่า ประเทศในเขตร้อน ใกล้เส้นศูนย์สูตรจะเป็นประเทศที่ปลูกชาได้ดี เนื่องจากสภาพ อากาศที่เหมาะสม แต่ปริมาณนำำาฝนและสภาพดินยังเป็นปัจจัยหลักๆ ที่ส่งเสริมการเพาะปลูกและการ เติบโตของต้นชา และยังมีผลต่อรสชาติชาอีกด้วย ชาที่มีคุณภาพดีส่วนใหญ่จะต้องปลูกอยู่ที่ความสูง ไม่เกิน 1,500 เมตร หรือ 5,000 ฟุต ซึ่งต้นชาจะมีการเติบโตช้าแต่ให้รสชาติที่ดี ส่วนของต้นชาที่นำามาใช้ทำาเครื่องดื่มจะอยู่ส่วนบนสุดของต้น 1-2 นิำวของยอดชา ซึ่งเป็นตำาแหน่ง ของการผลิใบอ่อน และการแตกหน่อ ซึ่งเป็นส่วนที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด ต้นชาจะผลิตยอดชาใหม่โดย ใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน สายพั น ธุ ์ ช า ชามี 2 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ ชาอั ส สั ม (Camellia sinensis vav. Assamica) เป็นไม้ยืนต้นสูง 6-18 เมตร ใบใหญ่เป็นรูปรี กว้าง 3-6 เซนติเมตร ยาว 8-20 เซนติเมตร ผิวใบเป็นคลื่น และเป็นมันลื่น ปลายใบเรียวแหลม ต้นชาชนิดนีำโตเร็วกว่าต้นชาจีน ด้วยมีใบขนาดใหญ่กว่าและมี รสชาติเข้มข้น ชาจี น (Camelli sinensis vav. Sinensis) เป็นไม้พุ่มเตีำย ใบของชาจีนมีขนาดเล็กและแคบกว่าใบของชาอัสสัม กว้าง 2-4 เซนติเมตร เนืำอใบด้าน ปลายใบแหลม ชาชนิดนีำทนต่อความหนาวเย็นและเติบโตอย่างช้า ๆ ออกใบดกและมีกลิ่นหอมมาก ในปัจจุบันอาจมีการนำาชา 2 สายพันธุ์มาผสมกัน ออกมาให้ได้ชาพันธุ์ใหม่เรียกว่า Hybrid องค์ประกอบทางเคมีของชา ชามีส่วนประกอบสำาคัญ 3 ส่วน ได้แก่ เมทิลแซนทีน (Methylxanthines) แทนนิน (Tea /tannins) และส่วน ที่ให้กลิ่นหอม (Aromatic Principles) ใบชาสดประกอบด้วย เซลลูโลส ไฟเบอร์และโปรตีน ซึ่งมีปริมาณ ของแข็งรวมกันได้ 25 % โดยปริมาตรและมีสารที่ละลายนำำาได้ อันได้แก่ แทนนิน คาเฟอีน โปรตีน กัม (Gummy Matter) และนำำาตาลต่างๆ ละลายอยู่ ประเภทของชา ประเภทของชาที่เราพบมากในปัจจุบันสามารถแบ่งได้เป็น 4 ชนิด คือ ชาดำา (Black Tea), ชาอู หลง (Oolong Tea), ชาเขียว (Green Tea), และชาขาว (White Tea) ซึ่งแท้ที่จริงแล้วชาทุกประเภทที่กล่าวมา ข้างต้น อาจมาจากต้นชาต้นเดียวกัน แต่ผ่านกระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน ทำาให้ได้ชาที่ต่างกัน ซึ่ง ล้วนแล้วแต่มาจากชาจีนทัำงสิำน ชาผู ่ เ อ๋ อ (Pu-erh Tea) เป็นชาดำาชนิดหนึ่ง ซึ่งใช้วิธีการหมักนานเป็น 2 เท่าของชาดำา ทำาให้ได้รสชาติ ที่เข้มข้นและแตกต่าง คำาว่า "ชาสมุนไพร" (Herbal Tea) นัำน หมายถึง นำำาที่ชงจากสมุนไพร ใบไม้ ดอกไม้ หรือผลไม้ ของพืช สมุนไพรชนิดอื่น ที่ไม่ใช่จากต้นชา ส่วนคำาว่า "ชาแดง" นัำน หมายถึง นำำาที่ชงจากชาดำา (ใช้เรียกกัน ในเอเชียตะวันออก เช่น จีน เกาหลี และญี่ปุ่น เป็นต้น) และนำำาที่ชงจากต้นรอยบอส (Rooibos) ของ ประเทศแอฟริกาใต้
  • 2. ชา ถูกจัดประเภทตามกระบวนการแปรรูป หลังจากการเก็บเกี่ยว ใบของต้นชาจะถูกทิำงให้สลด และ "บ่ม" โดย ทำาให้เอนไซม์ในใบชาเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับออกซิเจนในอากาศ ใบชาจะมีสี เข้มขึำน คลอโรฟิลล์ในใบชาจะแตกตัว กลายเป็นสารแทนนินที่ให้รสฝาด ต่อจากนัำน ต้องหยุดการ ทำางานของเอนไซม์ โดยใช้ความร้อน เพื่อให้หยุดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น โดยในชาดำา กระบวนการนีำ จะดำาเนินคู่กันไปกับการทำาให้แห้ง หากไม่ระมัดระวังในการควบคุมความชืำนและอุณหภูมิระหว่างกระบวนการผลิต ใบชาอาจขึำนรา เกิด ปฏิกิริยาสร้างสารพิษที่อาจเป็นสารก่อมะเร็งขึำนได้ ทำาให้รสชาติเสียไป และอันตรายต่อการบริโภค ชา สามารถจั ด ประเภทตามกระบวนการแปรรู ป ต่ า งๆ ได้ ด ั ง นี ำ • ชาขาว: ใบชาที่ถูกทิำงให้สลด แต่ไม่ได้บ่ม • ชาเหลือง: ใบชาที่ไม่ได้ถูกทิำงให้สลด และไม่ได้บ่ม แต่ทิำงใบชาให้เป็นสีเหลือง • ชาเขียว: ใบชาที่ไม่ได้ถูกทิำงให้สลดและไม่ได้บ่ม • ชาอูหลง: ใบชาที่ทิำงให้สลด นวด และบ่มเล็กน้อย (เป็นชาดำาชนิดหนึ่ง) • ชาดำา: ใบชาที่ทิำงให้สลด (อาจมีการนวดอย่างแรง) และผ่านการบ่มเต็มกระบวนการ • ชาหมัก: ชาเขียวที่ผ่านกระบวนการหมักนานนับปี ชาดำ า (ชาหมั ก ) - Black Tea เป็นชาที่นิยมดื่มกันทั่วโลก โดยเฉพาะแถบยุโรปหรือพวกฝรั่ง คนไทยจึงเรียกว่าชาฝรั่ง บางคน เรียกชาผง เพราะส่วนใหญ่จะเห็นมีลักษณะเป็นผง บางครัำงเรียกชาดำาตามลักษณะสีใบชาแห้ง แต่ ชาวจีนเรียกชาแดง ตามลักษณะสีนำาชาซึ่งเป็นสีส้มหรือนำำาตาลแดง ชาฝรั่งสันนิษฐานว่ามาจากชาหมักชื่อ เจียน ซี หวู ของชนเผ่าฉี อาศัยอยู่แถบภูเขา หวู่ ยิ เมื่อมี การค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้ากับพ่อค้าจากมณฑลกวางตุ้ง ชาถูกเปลี่ยนชื่อเป็นโบเฮีย และถูกส่งจาก มณฑลกวางตุ้งไปประเทศอังกฤษในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 การผลิตชาฝรั่งจะให้สีและรสชาติเข้มข้น ที่สุด นำำาชาเป็นสีส้มหรือนำำาตาลแดง ชาฝรั่งจะนิยมใช้ยอดชาพันธุ์อัสสัม เพราะชาอัสสัมจะมีสารโพลี พินอลสูง ชาประเภทนีำ ได้แก่ ชาคีมุนของจีน ชาของอินเดีย และชาของศรีลังกา ชาเขี ย ว – Green Tea ชาเขียวเป็นชาที่ไม่ผ่านขัำนตอนการหมักใบชาสดระหว่างกระบวนการผลิต โดยนำายอดชาสดมา ทำาให้แห้ง ใช้วิธีให้ความร้อนหยุดยัำงการสลายตัวของยอดชา หรือปฏิกิริยาของเอ็นไซม์ ในการย่อย สลายตัวเอง หรือเรียกว่าการหมัก ชาประเภทนีำเป็นชาที่นิยมดื่มกันมากในประเทศจีนและญี่ปุ่น รสอ่อน สีนำาชาเป็นสีเขียว หรือ เหลืองอมเขียว กากชามีสีเขียวค่อนข้างสดชาเขียวรู้จักกันแพร่หลาย เช่น ชาหลงจิ่ง หวง ซันเหมา ฟง ผู โถ ฉา ชุนหมี่ ชาญี่ปุ่น เป็นต้น ชาอู ่ ห ลง (ชากึ ่ ง หมั ก ) – Oolong Tea เป็นชาที่มีการหมักใบชาสดในระหว่างการผลิตเพียงบางส่วน โดยเพิ่มการนำายอดชามาผึ่งแดด 20-40 นาที ทำาให้อุณหภูมิในยอดชาสูงขึำน เกิดกลิ่นหอม แล้วนำาไปผึ่งในร่มอีกครัำงพร้อมเขย่ากระตุ้น ยอดชาให้ตื่นตัว เร่งการหมัก ทำาให้สีนำามีสีเข้มขึำน ความแก่อ่อนของการหมักขึำนกับระยะเวลาการผึ่ง และเขย่ากระตุ้น ชนิดชาที่รู้จักกันดีที่สุดคือ ชาอู่หลง รสชาติของชาประเภทนีำจะเข้มข้นและมีกลิ่น หอม นำำาชามีสีเหลืองอมเขียว นำำาตาลอมเขียว นำำาตาลอมเหลือง นำำาตาลส้ม ขึนอยู่กับวิธีการผลิต กาก ำ ชาที่มีสีเขียวอมเหลืองนิยมดื่มกันมากในประเทศจีนตอนกลาง แถบมณฑลฝูเจี๋ยน กวางตุ้ง ไต้หวัน เมื่อดื่มชาชนิดนีำจะให้รสฝาด และขมเล็กน้อย ชุ่มคอ ชากึ่งหมัก เป็นชาประเภทที่ผู้ดื่มชาจีนในประเทศไทยส่วนใหญ่รู้จักดี ชาที่ดื่มจะเป็นชาหมักปาน กลาง ค่อนข้างแก่ถึงหมักแก่ ชามีกลิ่นหอม รสฝาดชุ่มคอ ส่วนใหญ่นำาเข้ามาจากประเทศจีนแถบ มณฑลกวางตุ้ง มณฑลฝูเจี๋ยน ต่อมามีการผลิตชาอูหลงแถบดอยแม่สลอง ดอยวาวี โดยนำาเทคโนโลยี การผลิตจากไต้หวัน จึงได้ชาอูหลงที่มีคุณภาพดี กลิ่นหอม รสชาติชุ่มคอ ทำาให้ชาอูหลงเป็นที่รู้จัก และนิยมดื่มมากขึำน ชาขาว – White Tea
  • 3. ยอดชาที่ยังปกคลุมด้วยปุยขนอ่อนสีขาวผ่านขัำนตอนการนำาไปตากแห้งในแสงอาทิตย์ธรรมชาติ ขัำนตอนง่ายๆ ดังกล่าวนีำเป็นสิ่งที่ทำาให้ White Tea แตกต่างจากชาประเภทอื่น และยังเป็นการรักษาคุณ ประโยชน์นานาประการมิให้สลายไปกับกรรมวิธีของมนุษย์ แหล่งผลิตปลูกกันกว้างขวางในประเทศ จีน บนภูเขาสูงแห่งจังหวัดฟูเจีำยน เนื่องจากการผลิตชาขาวมีขัำนตอนที่สัำนที่สุด ทำาให้ชามีความ บริสุทธิ์กว่าและอยู่ในสภาวะมีพลังงานมากกว่า ชาวขาวมีคุณค่าของแอนติออกซิเดนท์มากกว่าชา เขียวถึงสามเท่า และยังป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายมากกว่าชาเขียวถึงสิบเท่า และความ สามารถในการปกป้องผิวก็ยิ่งสูงกว่าด้วยเช่นกัน ชาในรู ป แบบต่ า งๆ และจากชาพืำนฐานเหล่านีำก็ได้มีการผสมผสานใบชาจากแหล่งต่างๆ พัฒนาเป็นชาผสมที่มีกลิ่น และรสชาติต่างๆ กัน และมีชื่อเรียกเฉพาะต่างๆ เช่น “Darjeeling” เป็นชารสเยี่ยมจากเทือกเขาหิมาลัย ทางตอนเหนือของอินเดีย ให้รสนุ่มและกลิ่นหอม สามารถเติมนมเพิ่มได้ตามชอบ, “Earl Grey” เป็นชาที่ ผสมกันระหว่างชา Darjeeling กับชาจีน แต่งกลิ่นด้วยสมุนไพรเบอร์กามอต (Bergamot), “English Breakfast” เป็นการผสมผสานกันของใบชาจาก 3 แหล่ง คือชาซีลอน (Ceylon) จากศรีลังกาที่ให้กลิ่นหอม ชาอัสสัม (Assam) จากอินเดียที่ให้รสเข้ม และชาเคนยา (Kenya) จากประเทศเคนยา ซึ่งช่วยเพิ่มสีสันของชา นับ เป็นชาที่ได้รับความนิยมมากในอังกฤษ ถึงขนาดตัำงชื่อเฉพาะให้อย่างเป็นทางการ นอกจากนีำยังมีการแต่งกลิ่นชา ไม่ว่าจะเป็น ชาเขียว ชาอูหลง หรือชาดำา โดยผสมใบชากับ ดอกไม้ ผลไม้ เครื่องเทศ นำำามันหอมระเหยต่างๆ หรือสมุนไพร เช่น ชิำนมะม่วง พีช กลีบกุหลาบ ลงไป ในใบชาก่อนบรรจุ ทำาให้เกิดชารสชาติใหม่ ที่เรียกว่า “Flavored Tea” หรือชาแต่งกลิ่น ส่วนชาเมี่ยงหรือชาหมักดอง เป็นผลิตภัณฑ์ชาของท้องถิ่นทางภาคเหนือของประเทศไทย โดย การนำาใบชาสด มามัดเป็นกำา นึ่งแล้วมักทิำงไว้จนใบชาเปลี่ยนสภาพเป็นสีเหลือง ใบยุ่ย จึงนำามาบริ โภค นิยมใช้เป็นของขบเคีำยว หรืออมเป็นของว่างระหว่างการทำางาน ยามว่างหลังอาหารหรือชงดื่ม กับนำำาร้อน ช่วยผ่อนคลาย ความเหน็ดเหนื่อย ปัจจุบันมีอยู่หลายชนิด เช่น เมี่ยงหวาน เมี่ยงเค็ม เมี่ยง หมี่ เมี่ยงขิง เมี่ยงใส่กระเทียมดอง เป็นต้น รูปแบบการบรรจุใบชาที่ขายในท้องตลาดมีดังนีำ ใบชาผงในภาชนะปิดสนิท (Loose Tea) เป็นใบชาแห้งที่บรรจุในกระป๋องหรือภาชนะปิดสนิท ซึ่งผู้ชงสามารถตวงปริมาณใบชาแห้งเองได้ ตามต้องการ ในการชงจะต้องมีอุปกรณ์ช่วยในการกรองกากชาออกด้วย ใบชาแห้ ง อั ด (Compressed Tea) เป็นใบชาแห้งที่อัดแน่นเพื่อสะดวกในการเก็บรักษา โดยเฉพาะชาชนิดผู่เอ๋อ (Pu-Erh) จะถูกอัดเป็นก้อน เวลาจะนำาใบชามาชงให้ใช้ปลายมีดเขี่ยใบชาออกมาในปริมาณที่ต้องการ ใบชาแห้งอัดนีำสามารถ เก็บไว้ได้นานกว่าใบชาแห้งธรรมดา เนื่องจากมีส่วนที่สามารถสัมผัสกับอากาศน้อยกว่า ชาแท่ ง หรื อ ชาแผ่ น (Tea Sticks) เป็นการบรรจุใบชาสำาหรับการบริโภคในรูปแบบใหม่ แท่งชานีำกำาเนิดในประเทศฮอลแลนด์ช่วงปี ค.ศ. 1990 โดยบริษัท Venezia Trading ได้ผลิตแท่งชาที่เรียกว่า “Ticolino” ซึ่งเป็นแท่งบรรจุชาสำาหรับ 1 ที่ ภายในบรรจุใบชาหรือใบชาผสมสมุนไพรหรือกลิ่นรสตามต้องการ วิธีใช้คือใส่แท่งชาลงนแก้ว เท นำำาร้อนลงไป แช่ไว้นาน 90 วินาทีเพื่อสกัดกลิ่นรสของใบชาที่อยู่ภายในออกมา จากนัำนก็คนเล็กน้อย แล้วดึงแท่งชาออก ชาสำ า เร็ จ รู ป (Instant Tea) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นผงหรือเกล็ดละลายนำำา โดยการทำาการสกัดสารในใบชาออกมาเป็นชา เข้มข้น นำำาชาเข้มข้นถูกทำาให้แห้งเป็นของแข็ง โดยการฉีดพ่นสารละลายชาเข้มข้นผ่านอากาศร้อน หรือความเย็น ระเหยนำำาออกไปภายใต้สุญญากาศ เมื่อจะดื่มนำามาชงสามารถละลายนำำาได้ทันที สะดวกต่อการบริโภค การผลิตชาสำาเร็จรูปสามารถใช้เครื่องจักรกลในการเก็บเกี่ยวมากขึำน สามารถ ขนส่งไปยังประเทศผู้บริโภค ได้สะดวก ช่วยลดต้นทุนการขนส่ง เช่น ชาผงสำาเร็จรูปเนสที เป็นต้น ชาถุ ง (Tea Bags) เป็นใบชาที่บรรจุถุงกระดาษหรือถุงผ้าไหมขนาดเล็ก ข้อดีของชาถุงคือ ง่ายและสะดวกต่อการชง แต่ มีข้อด้อยคือ อากาศสามารถผ่านเข้าออกได้ ใบชาแห้งซึ่งสัมผัสกับอากาศจะสูญเสียกลิ่นรสได้ง่าย
  • 4. และรวดเร็ว นอกจากนีำใบชาที่นำามาบรรจุด้วยวิธีการนีำส่วนใหญ่จะเป็นชาเกรดตำ่าลงมา อย่างไร ก็ตาม ผู้ผลิตบางรายก็สร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ชาถุงด้วยการบรรจุใบชาเต็มใบชัำนดีลง ในถุงชา ทัำงนีำผู้บริโภคสามารถสังเกตได้จากราคาที่มีความแตกต่างกันค่อนข้างมา ชาพร้ อ มดื ่ ม (Ready-to-Drink Teas) เป็นการผลิตนำำาชาบรรจุก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นำำาชาธรรมดา นำำาชาที่เติมกลิ่นและสี เช่น กลิ่นรส มะนาว รสเบอรี่ พีช เป็นต้น บางครัำงเติมนำำาตาลบรรจุในกระป๋องหรือขวด ทำาให้สะดวกต่อการบริโภค และการขาย นำำาชาประเภทนีำเป็นที่นิยมของวัยรุ่น โดยเฉพาะประเทศที่มีอากาศร้อน และนิยมดื่มชา เย็น เกรดของใบชา การแบ่ ง เกรดของใบชาจี น ชาจี น จะแบ่ ง เกรดและคุ ณ ภาพ ดั ง นี ำ • ชนิดของพันธุ์ชา • อายุของต้นชา • ลักษณะของใบชา • ฤดูที่เด็ดใบ • วันและเวลาที่เด็ด • ลักษณะของอากาศในวันเวลาที่เด็ด • แหล่งที่มา • กรรมวิธีในการผลิต เมื่อนำาข้อมูลทัำงหมดพิจารณาแล้ว ผู้เชี่ยวชาญก็จะให้เกรดกับปริมาณของผลผลิตของใบชาในปีนัำน การแบ่ ง เกรดใบชาของยุ โ รป ใบชาเป็นสินค้าที่ผลิตจากหลายประเทศ มีกรรมวิธีในการผลิตต่างกัน ดังนัำนในการควบคุม คุณภาพจึงความจำาเป็นที่ต้องมีการแบ่งเกรด และการแบ่งเกรดของใบชาจึงขึำนอยู่กับคุณภาพของใบ ชาที่ผลิตออกมาจากโรงงาน เกรดของใบชา การแบ่งเกรด แบ่งเป็น 3 เกรด ดังนีำ 1. ชาเต็มใบ (Whole Leaf) โดยทั่วไปชาเต็มใบถือว่าเป็นชาเกรดดี แบ่งได้ 4 เกรดย่อย ตามขนาดของใบซึ่งขึำนอยู่กับ แหล่งที่ปลูกใบชานัำนๆ คือ 1.1 ใบตูม หรือ ใบอ่อน - ชาที่ได้รับคัดเลือกในเกรดนีำ ถือว่าเป็นชาที่ดีที่สุด ขนาดของใบจะมีขนาด ไม่เกิน 5-15 มิลลิเมตร อักษรย่อของชาเกรดนีำ คือ F.P. หรือ F.O.P. (Flowery Pekoe หรือ Flowery Orange Pekoe) 1.2 ใบชาคู่แรก - เป็นเกรอรองลงมา ขนาดของใบใหญ่ขึำนมาหน่อยมีขนาดประมาณ 8-15 มิลลิเมตร ชาเกรดนีำมีชื่อว่า "Orange Pekoe" มีตัวย่อว่า O.P. เวลาชงนำำาชาจะมีสีส้ม 1.3 Pekoe - มีตวย่อว่า "P" ชาเกรดนีำ ใบจะมีลักษณะหนาและบิดเกลียว ั 1.4 Pekoe Slouching - มีตวย่อว่า P.S. มีลักษณะใบใหญ่ ค่อนข้างเหนียวและหยาบ เวลาผลิตเครื่องจักร ั จะปั้นใบชาเป็นก้อนกลม ๆ เวลาชงก้อนชานีำจะขยายตัวออกให้เห็นลักษณะใบอย่างชัดเจน 2. เกรดใบชาร่วง (Broken Tea Leaf) เป็นใบชาเกรดรองลงมา ซึ่งลักษณะใบชาจะมีการแตกหักบางส่วน ไม่เต็มใบ หรือไม่เต็มรูป สมบูรณ์ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2.1 Broken Pekoe – หรือตัวย่อว่า BP จะเป็นใบชาที่ไม่เต็มใบ แตกหักบางส่วน ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดใน บรรดาใบชาประเภทไม่เต็มใบด้วยกัน 2.2 Broken Orange Pekoe – หรือตัวย่อว่า BOP จะเป็นใบชาแตกหักที่มีขนาดเล็กกว่า BP 3. เกรดใบชาผง (Fine Leaf Teas) เป็นชาที่เหลือจากการคัดเกรด โดยการนำาเศษที่เหลือมาหั่นเป็นชิำนเล็ก ๆ ใช้บรรจุเป็นชาถุง หรือขายเป็นชาที่มีราคารองลงมา แบ่งได้เป็น
  • 5. 3.1 Fannings – เศษของใบชาที่แตกหักละเอียดกว่า BOP 3.2 Dust – เป็นผงชาที่ถูกแยกออกมา โดยส่วนใหญ่จะนำาไปใช้ทำาชาถุง หรือผสมทำาชาสำาเร็จรูป คุณสมบัติของชาผงทัำงสองเกรดนีำ คือ เวลาชงด้วยนำำาร้อนจะขับสีออกเร็วมาก จึงเป็นที่นิยมของผู้ดื่ม ชา ชาทัำงสองเกรดมีจำาหน่ายในรูปของชากระป๋องและชาซอง กลิ่น สี และรสชาติขึำนอยู่กับผู้ผลิต ราคา ก็เหมาะสมสำาหรับคนทั่วไป การเก็ บ รั ก ษาใบชา ใบชาจะต้องเก็บรักษาเป็นอย่างดี เพื่อจะคงไว้ซึ่งกลิ่น สีและรสชาติ ภาชนะที่จะใช้บรรจ ุุใบชา จะต้องแห้งและปราศจากกลิ่น อากาศเข้าไม่ได้ สิ่งสำาคัญที่มีผลกระทบต่อคุณภาพใบชา คือ ความชืำน อุณหภูมิ และกลิ่น วิ ธ ี เ ก็ บ ใบชาที ่ ถ ู ก ต้ อ งมี ด ั ง นี ำ 1. ใช้ภาชนะดินเผาหรือภาชนะโลหะขนาดพอเหมาะมีฝาสองชัำนเพื่อป้องกันไม่ให้อากาศเข้า 2. ไม่ควรให้ใบชาถูกอากาศโดยไม่จำาเป็น เพราะอากาศมีผลกระทบต้อสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ ในใบชา 3. หลีกเลี่ยงความชืำน เพราะความชืำนจะเป็นตัวทำาลายคุณภาพของใบชา ในกรณีที่ซืำอใบชามา ในปริมาณที่มาก ควรแบ่งใบชาใส่ภาชนะที่เล็กพอเหมาะกับการใช้ในแต่ละสัปดาห์ 4. เนื่องจากความชืำนในอากาศมีผลต่อใบชา ดังนัำนใบชาควรจะบรรจุอยู่ในถุงฟอยล์ มัดให้แน่น ก่อนจะเก็บไว้ในกระป๋อง 5. หลีกเลี่ยงการนำาใบชาออกตากแดดเพราะแสงแดดจะทำาลายคุณภาพของใบชา 6. ไม่ควรนำาภาชนะที่มีกลิ่นมาบรรจุใบชา หรือเก็บใบชาไว้ใกล้กับอาหารหรือสิ่งของที่มีกลิ่น เพราะใบชามีคุณสมบัติดูดกลิ่น 7. เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความชืำนและรักษาอุณหภูมิของใบชาให้คงที่ ควรเก็บใบชาไว้ในที่ อากาศถ่ายเทได้ดี 8. ถ้าเป็นชาดีมีคุณภาพและราคาแพงไม่ควรใช้มือหยิบแต่ควรใช้ช้อนที่แห้งสนิทตัก ปัจจุบันมี ช้อนที่ทำาขึำนสำาหรับตักใบชาโดยเฉพาะ 9. ใบชาแต่ละชนิด อุณหภูมิที่เก็บรักษาต่างกัน ชาเขียวโดยเฉพาะถ้าเป็นชาใหม่จะต้องเก็บในที่ แห้งและอุณหภูมิตำ่า อาจจะเก็บใส่กระป๋องที่ปิดมิดชิด หรือไว้ในตู้เย็นก็ได้ ไม่ควรเก็บชาเขียวไว้ชง ดื่มนานเกิน 12-18 เดือน ส่วนชาอูหลงหรือชาดำา สามารถเก็บไว้ได้ในอุณหภูมิปกติแต่ไม่ควรให้ถูก แสงแดด จะเก็บไว้ในตู้เย็นก็ได้แต่ไม่จำาเป็น เทคนิ ค การชงชา ชาใบและชาสำาเร็จรูปมีวิธีชงที่แตกต่างกัน วิธีชงชาใบหรือชาจีน มีขัำนตอนดังนีำ • อุ่นกานำำาชาโดยให้นำาร้อนลวกภาชนะเพื่อให้กานำำาชาและถ้วยชาอุ่นขึำน ช่วยฆ่าเชื่อโรคและดับ กลิ่นต่างๆในภาชนะ • ใส่ใบชาลงในปริมาณที่เหมาะไม่เกิน 1 ใน 3 ของกานำำาชา • เทนำำาร้อนลงในกานำำาชาในเต็ม เพื่อกระตุ่นใบชาให้คลี่ออกและช่วยล้างใบชาให้สะอาด แล้วเทนำำา ทิำง • เทนำำาร้อนเดือดใหม่ๆ ลงในกานำำาชาอีกครัำงทิำงไว้ประมาณ 2 นาที • เทนำำาชาลงในถ้วยเสิร์ฟให้หมด ยกเสิร์ฟ • เมื่อต้องการดื่มชาเพิ่มให้เติมนำำาเดือดลงไปอีกครัำงทิำงไว้ประมาณ 2-3 นาที แล้วจึงเทนำำา ชาเสิร์ฟใหม่ อีกครัำงใบชาที่ใช้ชงแต่ละครัำงใช้ได้ประมาณ 3-7 ครัำง ในครัำงต่อๆไป หลังจากเติมนำำาร้อน เพิ่มแล้วควร ทิำงไว้ประมาณ 3 นาที และนานไปเรื่อยๆเพื่อให้นำาชาจืด วิ ธ ี ช งชาถุ ง มี ข ั ำ น ตอนดั ง นี ำ • การชงในกา ทำาการอุ่นกานำำาชาโดยเทนำำาร้อนลวกกาให้ร้อนวางถุงชาในกาตามจำานวนผู้บริโภค เติมนำำาเดือดใหม่ๆ ทิำงไว้อย่างน้อย 3 นาที
  • 6. • ชงในถ้วยโดยใส่ถุงชาลงในถ้วยเติมนำำาเดือดใหม่ๆ ทิำงไว้ 3 นาที จึงเอาถุงชาออก แต่หากต้องการ ให้ชารสจัดขึำน ก็ควรจะเพิ่มเวลาให้มากขึำน • ชาฝรั่งสามารถเพิ่มรสชาติได้โดยเติมนำำาตาล นมและมะนาวตามชอบและสามารถทำาชาเย็นโดยชง ชาด้วยนำำาร้อนให้เข้มข้นเป็น 2 เท่า แล้วจึงเติมรสชาติและนำำาแข็งตามชอบ การเก็ บ รั ก ษา ใบชามีคุณสมบัติดูดซับกลิ่นได้ดี ควรเก็บในภาชนะที่มีมีกลิ่น แห้ง มีผาปิดสนิท การเลื อ กซื ำ อ ใบชา ใบชาในท้องตลาดมีให้เลือกซืำอมากมาย เช่น มีทัำงใบชาแห้งสำาเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ใบชาแปรรูป เป็นต้น แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใบชาเราที่เราซืำอมาเป็นใบชาที่มีคุณภาพ เพราะฉะนัำน เราควรที่จะมี ความรู้พืำนฐานในการเลือกซืำอใบชาง่ายๆ ดังนีำ 1. ลักษณะใบ ใบชาจะคืนชีพเมื่อถูกนำำาร้อน เมื่อใบชาคืนสู่สภาพเดิม เราก็สามารถที่จะบอกเกรดของ ใบชาได้โดยสังเกตจากลักษณะใบว่าเป็นใบตูม ใบอ่อนใบนุ่ม ใบเล็ก ใบใหญ่ ใบเหนียว ใบแข็ง ใบ สมบูรณ์ หรือขาดแหว่ง ตลอดจนสีว่าใบชามีสีอ่อนหรือสีเข้ม 2. ความสมบูรณ์ของยอดใบชา กากใบชาที่ชงมีความสมบูรณ์ของยอดใบชาให้เห็นหรือไม่ คือเมื่อ เขี่ยดูแล้วจะเห็นยอดใบชาที่มียอดตูมและใบอีกสองใบติดอยู่กับก้าน ถ้ามี มีทัำงหมดหรือมีเป็นบางส่วน 3. มีสิ่งสกปรกเช่นก้านใบชา เศษใบชา หรือเศษผงมากน้อยแค่ไหน http://www.refresherthai.com/Article/tea.php