SlideShare a Scribd company logo
1 of 8
ปอมเมอเรเนียน (Pomeranian)
ตัวเล็ก เห่าเก่ง และสวยงาม
ลักษณะทั่วไป
สุนัขปอมเมอเรเนียนหรือเรียกสั้นๆ ว่า น้องปอมอยู่ในกลุ่ม Toy
Group มีขนาดกระทัดรัด หลังสั้น ขนชั้นล่างอ่อนนุ่ม แน่นทึบ
ขนชั้นนอก ยาว ฟู มีมาก ค่อนข้างหยาบ ตาแหน่งโคนหางสูง
ขนหางแน่น เป็ นพวง หางวางราบบนหลัง ปอมส่วนใหญ่
ท่าทางตื่นตัว ร่าเริง อยากรู้อยากเห็น
แสดงความฉลาดให้เห็นได้เสมอ มีย่างก้าวที่คล่องแคล่ว สง่างาม
และมั่นคง
ความเป็ นมา
บรรพบุรุษของน้องปอมย้อนกลับไปถึงยุคก่อนคริสตกาล
พบภาพวาดในแผ่นหินและรูปหล่อสัมฤทธิ์ตามโลงศพที่พบในอียิปต์
พบโครงกระดูกสุนัขพันธุ์เล็กคล้ายพันธุ์ปอมเมอเรเนียน
ในอุโมงค์ที่บรรจุศพสมัยโบราณของชาวอียิปต์
เชื่อกันว่า
ปอมเมอเรเนียนได้รับการพัฒนาให้เป็ นน้องปอมในปัจจุบัน
ครั้งแรกที่เมืองปอมเมอเรเนีย ประเทศเยอรมัน
ตั้งอยู่ในยุโดรเหนือแถบทะเลบอลติก
ดินแดนกว้างใหญ่จากตะวันตกของเกาะรูเกนถึงแม่น้าวิทูลา
ที่แห่งนี้มีการเลี้ยงสุนัขอย่างแพร่หลาย
ทั้งเพื่อให้เป็นสัตว์และเพื่อให้เป็ นสุนัขอารักขา
ปอมเมอเรเนียนมีต้นกาเนิดจากพันธุ์สปิทซ์ในสมัยโบราณ
บางคนเชื่อว่าสุนัขปอมเมอเรเนียนพัฒนาจากสุนัขพันธุ์ซามอยด์
ซึ่งมีต้นกาเนิดอยู่ที่ตอนเหนือของประเทศรัสเซียแถบไซบีเรีย
บางคนเชื่อว่าพัฒนามาจากสุนัขป่า
ซึ่งอาศัยอยู่ตามถ้าในประเทศเยอรมัน
และถูกนามาใช้เป็ นสุนัขเลี้ยงแกะในทวีปยุโรปตอนกลางและตอนล่าง
นามาพัฒนาในยุโรปเพื่อช่วยในการเลี้ยงแกะ
ซึ่งบรรพบุรุษของปอมฯ น่าจะมีน้าหนักมากถึง 30 ปอนด์
บางคนเชื่อว่าสุนัขปอมฯ มีต้นกาเนิดมาจากประเทศกรีซ
โดยอ้างหลักฐานจากภาพวาดสมัยโบราณหลายภาพที่มีอายุ 400
ปี ก่อนคริสตกาล หรือเกือบประมาณ 2500 ปี มาแล้ว
มีภาพของสุนัขขนาดเล็กที่มีรูปร่างลักษณะเหมือนสุนัขปอมฯ
ในปัจจุบัน คือ Stop ที่เด่นชัดช่วงปากแหลม หูสั้น
ลักษณะการเดินและการแสดงออกเหมือนกับที่พบได้ในปัจจุบันทุกปร
ะการ ยกเว้นแต่ตาแหน่งของหางที่อยู่ต่าเกินไปเท่านั้น
แสดงว่าสุนัขพันธุ์ปอมนี้มีขนาดเล็กมากตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว
ไม่ใช่เพิ่งพัฒนาให้มีขนาดเล็กลงเมื่อ 40-50
ปี ที่ผ่านมาตามที่มีคนในประเทศอังกฤษอ้างเสมอ ประมาณปี 1800
สมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย
ทรงมีความชื่นชอบในสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนและส่งสุนัขของพระ
องค์ลงประกวด
ทาให้เกิดความนิยมปอมเมอเรเนียนอย่างแพร่หลายในประเทศอังกฤ
ษ และเพราะความที่พระองค์โปรดปรานสุนัขที่มีขนาดเล็ก
ผู้เพาะพันธุ์หลายคนเริ่มที่จะคัดสุนัขที่มีขนาดเล็ก ปัจจุบันปอมฯ
ที่เราเห็นอยู่มีขนาดที่เล็กลงจากปอมฯ ที่เป็ นต้นตารับ 4-5 ปอนด์
ความฉลาดและความสามารถของปอมฯ
ทาให้สุนัขพันธุ์นี้เป็ นพระเอกในคณะละครสัตว์อย่างต่อเนื่อง
ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเยอรมัน นิยมเลี้ยงกันเป็ นฝูง
บางแห่งทาเป็ นสุนัขลากเลื่อนก็มี ปอมฯ
เข้าสู่อังกฤษช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 และได้รับความนิยมอย่างสูง
เช่น มีการตั้งชมรมคือ English Pomeranian Club ในปี 1891
ภายหลังสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียทรงออกงานพร้อมสุนัขพันธุ์นี้บ่อย
ครั้ง ทาให้สุนัขพันธุ์นี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว
ส่วนในประเทศอเมริกามีการปรากฎตัวครั้งแรกของปอมฯ
ที่งานกระกวดสุนัขแห่งหนึ่งประมาณปี 1892
ไม่กี่ปี หลังจากนั้นมีการสั่งนาเข้าอีกเกือบ 200 ตัว
มาตรฐานของปอมฯ โดยทั่วไป รูปรางจะเหมือนสุนัขจิ้งจอก
มีขนาดกลาง ตาเป็ นวงรีสีดา หูเล็กตั้งตรง ลาตัวสั้นขนาดกระทัดรัด
หางเป็ นพวงแผ่อยู่บนส่วนหลัง
ลักษณะนิสัย
น้องปอมส่วนใหญ่มีการแสดงออกถึงความเฉลียวฉลาด
ร่าเริงและตื่นตัวอยู่เสมอ ซื่อสัตย์ รักเจ้าของ ขี้ประจบ
แต่เป็ นสุนัขค่อนข้างตกใจง่าย เห่ามาก ยิ่งตัวเล็กยิ่งเห่าเก่ง
การดูแล
การที่จะรักษาขนของสุนัขปอมเมอเรเนียน
ให้สวยงามนั้นทาได้ง่ายมาก เจ้าของสุนัขใหม่ๆส่วนใหญ่จะเชื่อว่า
จะต้องอาบน้าให้สุนัขทุกสัปดาห์ และต้องคอยแปรงขนตลอด
ซึ่งเป็ นความเชื่อที่ผิดและจะทาให้ขนของเค้าเสียอีกด้วย
การอาบน้าบ่อยเกินไป จะทาให้ขนของปอมเมอเรเนียนแห้ง บาง
และทาให้ขนร่วงตลอดเวลา การใช้โลชั่น
และน้ายาทาความสะอาดชนิดต่างๆ
ติดต่อกันก็จะทาให้ผิวหนังอักเสบได้
ส่วนใหญ่แม้ว่าขนชั้นนอกจะสกปรกแล้ว
แต่ขนชั้นในก็จะยังคงสะอาดอยู่ ด้งนั้นการแปรงขน
เพียงสัปดาห์ละครั้ง และใช้ฟองน้าชุบน้าสบู่อุ่นๆ ลูบขน
จากนั้นจึงเช็ดด้วยผ้าชุบน้าสะอาดอุ่นๆ ซึ่งบิดพอหมาดๆ ก็นับว่า
เพียงพอที่จะทาให้ขน ของปอมเมอเรเนียนอยู่ในสภาพดีแล้ว
แชมพูที่ใช้อาบน้าให้สุนัขควรเป็ นแชมพูที่ผลิตโดยเฉพาะ
เพราะจะไม่ส่งผลกระทบต่อการระคายเคืองของผิวหนังและสภาพขน
ในขณะอาบน้าอาจจะใช้สาลีอุดรูหูทั้งสองข้างก่อนอาบ
หรือใช้มือกดใบหูทั้งสองข้างให้หลุบลง
เวลาอาบน้าควรราดน้าให้เปี ยกทั่วตัวก่อนแล้วจึงเทแชมพูลงไปแล้วเก
าให้ทั่วลาตัว หลังจากนั้นก็ใช้น้าล้างสบู่ออกให้สะอาดหมดจด
เมื่ออาบเสร็จก็ต้องเช็ดตัวให้แห้งพร้อมกับแปรงขนทุกครั้ง
การเช็ดตัวให้แห้งเป็ นการป้ องกันความอับชื้นซึ่งเป็ นบ่อเกิดของเชื้อโ
รค และช่วยป้ องกันโรคปอดบวมได้
ส่วนในด้านของการออกกาลังกายนั้น การออกกาลังกายมากๆ
หรือใช่พื้นที่เยอะๆ ไม่ค่อยจาเป็ นสาหรับปอมเมอเรเนียน
แต่เราควรหันมาใส่ใจสักนิด
ควรเริ่มพาปอมฯออกกาลังกายตั้งแต่ยังเล็กเพราะจะสามารถควบคุมเ
วลาในการออกกาลังกายไ ด้ ควรให้เดินเล่นวันละ1-2 ครั้ง
ครั้งละไม่เกิน 15 นาที
ถ้าปล่อยให้วิ่งเล่นกลางแจ้งนานเกินไป(โดยเฉพาะเวลาที่แดดจัด)อาจ
ทาให้สุนัขเกิดอาการช็อค อาการนี้อาจส่งผลให้สุนัขเสียชีวิตได้
การพาน้องปอมไปออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอจะช่วยทาให้ปอม
ท้องไม่ผูก และสามารถป้ องกันโรคได้อีกหลายๆชนิด
การที่สุนัขได้วิ่งด้วยความเร็วและสนุกสนาน มีผลดีต่อหัวใจ
หลอดเลือดกล้ามเนื้อ ต่อมขับต่างๆ ได้อุ่นเครื่องจนร้อน
เมื่อกลับจากการออกกาลังกายก็สามารถกินอาหารได้มากขึ้น
ยิ่งถ้าได้อาหารที่ถูกต้องยิ่งทาให้สุนัขมีสัดส่วนที่ดี ร่างกายที่แข็งแรง
รวมถึงมันจะมี step การเคลื่อนไหวที่ดี และสวยงาม
อย่างไรก็ดีไม่ควรให้สุนัขออกกาลังกายหลังจากที่กินอาหารอิ่มเต็มที่
ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม
เหมาะสาหรับผู้เลี้ยงที่มีเวลาเอาใจใส่ดูแลเรื่องความสวยงามของสุ
นัข
จาเป็ นต้องมีการดูแลตัดแต่งขนของสุนัขอยู่เสมอเพื่อความสวยงาม
นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้เลี้ยงที่มีพื้นที่ในการเลี้ยงที่จากัด
มาตรฐานสายพันธุ์
ขนา
ด
น้าหนักของปอมฯ โดยเฉลี่ยแล้วจะหนักประมาณ 3-7 ปอนด์
(ประมาณ 1.25-3 กก.)
แต่ขนาดที่ดีสาหรับการประกวดนั้นควรหนักประมาณ 4-6
ปอนด์ (1.7-2.5 กก.)
ถ้าสุนัขหนักมากกว่าหรือน้อยกว่ามาตรฐานที่กาหนดไว้ถือว่า
ผิดมาตรฐาน รูปร่างของสุนัขมีความสาคัญกว่าขนาดของสุนัข
ช่วงตั้งแต่หน้าอกจนถึงสะโพกจะสั้นกว่าหรือเท่ากับส่วนสูงตั้ง
แต่ช่วงไหล่จนถึงพื้น กระดูกมีขนาดปานกลาง
ศรีษ
ะ
ขนาดของหัวต้องได้สัดส่วนกับลาตัว ช่วงปาก (MUZZLE)
สั้นตรง หน้าดูคล้ายกับสุนัขจิ้งจอก (FOXY
EXPRESSION) หัวกะโหลกปิด
ช่วงบนของหัวกะโหลกจะกลมเล็กน้อยแต่ไม่โหนกนูน
ถ้ามองจากด้านหน้าและด้านข้างแล้วจะต้องเห็นหูที่มีขนาดเล็ก
อยู่ในตาแหน่งที่สูง (HIGH EARSET) และตั้งตรง
รูปร่างปากจะมีลักษณะคล้ายรูปลิ่ม(WEDGE SHAPE)
เส้นที่ลากจากจมูกไปถึงจุดหัก (STOP)
จะต้องอยู่ตรงกลางระหว่างตาทั้งสองข้างและหูทั้งสองข้าง
ตามีสีดาสนิท สดใส ขนาดปานกลาง คล้ายเมล็ดอัลมอนด์
(ALMOND SHAPE) สีของจมูกและขอบตาต้องดาสนิท
ยกเว้นปอมฯ สีน้าตาล BEAVER และ BLUE
ฟันต้องกัดสบกันพอดี (SCISSORSBITE)
ฟัน ฟันมีลักษระแบบขบกรรไกร
ปาก ริงฝีปากดา กระชับ กระบอกปากเล็ก
ตา ตาสีดาเป็ นประกายสดใส ดวงตาไม่กลม
หู หูเล็ก มีลักษระเป็ นสามเหลี่ยม
จมูก จมูกสีดา
คอ คอค่อนข้างสั้น ตั้งอยู่บนไหล่ ทาให้ช่วงคอตั้งสูง แลดูสง่างาม
ช่วงหลังสั้น มีระดับของเส้นหลัง หางมีตาแหน่งที่สูง (HIGH
TAILSET) วางราบตรงอยู่บนหลัง
อก อกกลม ลึกกาลังดี
ลาตัว ลาตัวด้านหน้า ไหล่จะต้องมีการเอียงลาดลงเพียงพอ
เพื่อให้สามารถชูคอและหัวได้สูงและสง่างาม
ความยาวของช่วงไหล่และขาตอนบนต้องเท่ากัน
ขาหน้าต้องตรงและขนานกัน
ความยาวตั้งแต่ไหล่จนถึงข้อศอกต้องมีความยาวเท่ากับข้อศอ
กถึงพื้น ขาต้องตรงและแข็งแรง ไม่เอียงเข้าหรือเอียงออก
ลาตัวด้านหลัง ได้สัดส่วนกับลาตัวส่วนหน้า
ตาแหน่งของหางจะต้องอยู่เหนือสะโพกค่อนมาทางด้านหน้าต้
นขา ต้องมีกล้ามเนื้อแข็งแรงปานกลาง
และมีส่วนหน้าของขาหลัง (STIFLES) มีมุม
(ANGULATION) ที่โค้งงอพอสมควรรับกับส่วนน่อง
(HOCK) ต้องตั้งฉากกับพื้น ถ้ามองจากด้านหลังขาทั้ง 2
ข้างต้องตรงและขนานกัน เท้ามีลักษณะโค้งมนกระชับ
ไม่เอียง สุนัขต้องยืนอยู่ปลายเท้า (TOES) นิ้วติ่ง
(DEWCLAWS) ถ้ามีควรตัดออก
เอว -
ขาห
น้า
ไหล่เอนไปด้านหลังเล็กน้อย ขายาวกาลังพอดี
แข็งแรงมีสมดุล
ขาห
ลัง
ต้นขาแข็งแรง ท่อนขาตรงไปยังข้อเท้า
เคลื่อนไหวคล่องแคล่ว
หาง ตั้งสูงม้วนไปยังกางหลัง ดูร่าเริง
ขน สุนัขปอมฯ มีขน 2 ชั้น คือ ขนชั้นใน (UNDERCOAT)
ต้องนุ่มและแน่น ขนชั้นนอก(OUTTERCOAT)
ต้องยาวตรงเป็นประกายและหยาบ
ขนชั้นในที่หนาแน่นจะช่วยพยุงขนชั้นนอกให้ฟูไม่ลู่ เหยียดตรง
ขนจะต้องหนาแน่นตั้งแต่ช่วงคอ หน้าอก ช่วงไหล่ด้านหน้า
ขนช่วงหัวและขาจะแน่นแต่สั้นกว่าขนช่วงลาตัว ขนหางยาว
หยาบและเหยียดตรง
การตัดแต่งเล็มขนให้ดูสวยงามและดูเรียบร้อยไม่ถือเป็นข้อผิด
สีขน สีที่ได้รับการยอมรับและรับรอง
ควรได้รับการพิจารณาการตัดสินอย่างเท่าเทียมกัน
สีที่ได้รับการยอมรับได้แก่
1. สีใดๆ ก็ได้ที่ขึ้นเป็นสีเดียวกันทั้งตัว
หรืออาจจะมีสีที่อ่อนหรือแก่กว่าแซมอยู่ด้วย (SELT-COLOR)
2. สีแซมกัน 2 สี (PARTI-COLOR) หมายถึงปอมฯ
ที่มีสีขาวและมีสีอื่นแซมเป็นพื้นๆ กระจายเท่าๆ กันทั่วตัว
และควรมีแถบสีขาวบนหัวด้วย
3. สีดาและน้าตาล (BLACK AND TAN) หมายถึงปอมฯ
มีสีดาที่มีสีน้าตาลอยู่เหนือตาทั้ง 2 ข้างและปาก ลาคอ หน้าอก ใต้หาง
ขาและเท้าทั้ง 4 ข้าง สีน้าตาลนี้ยิ่งเข้มยิ่งดี
4. BRINDLE ได้แก่ปอมฯ ที่มีพื้น คือ สีทอง แดงหรือส้ม
และมีสีดาแซมอยู่ทั่วทั้งตัว

More Related Content

More from kchwjrak

วิทย์ศาสตร์(ทั่วไป)
วิทย์ศาสตร์(ทั่วไป)วิทย์ศาสตร์(ทั่วไป)
วิทย์ศาสตร์(ทั่วไป)kchwjrak
 
ภาษาอังกฤษ
ภาษาอังกฤษภาษาอังกฤษ
ภาษาอังกฤษkchwjrak
 
ภาษาไทย
ภาษาไทยภาษาไทย
ภาษาไทยkchwjrak
 
ฟิสิกซ์
ฟิสิกซ์ฟิสิกซ์
ฟิสิกซ์kchwjrak
 
เคมี
เคมีเคมี
เคมีkchwjrak
 
คณิตศาสตร์
คณิตศาสตร์คณิตศาสตร์
คณิตศาสตร์kchwjrak
 
สังคมศึกษา
สังคมศึกษาสังคมศึกษา
สังคมศึกษาkchwjrak
 
07science ge-55
07science ge-5507science ge-55
07science ge-55kchwjrak
 
ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6kchwjrak
 

More from kchwjrak (9)

วิทย์ศาสตร์(ทั่วไป)
วิทย์ศาสตร์(ทั่วไป)วิทย์ศาสตร์(ทั่วไป)
วิทย์ศาสตร์(ทั่วไป)
 
ภาษาอังกฤษ
ภาษาอังกฤษภาษาอังกฤษ
ภาษาอังกฤษ
 
ภาษาไทย
ภาษาไทยภาษาไทย
ภาษาไทย
 
ฟิสิกซ์
ฟิสิกซ์ฟิสิกซ์
ฟิสิกซ์
 
เคมี
เคมีเคมี
เคมี
 
คณิตศาสตร์
คณิตศาสตร์คณิตศาสตร์
คณิตศาสตร์
 
สังคมศึกษา
สังคมศึกษาสังคมศึกษา
สังคมศึกษา
 
07science ge-55
07science ge-5507science ge-55
07science ge-55
 
ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6ใบงานสำรวจตนเอง M6
ใบงานสำรวจตนเอง M6
 

ปอมเมอเรเนียน

  • 1. ปอมเมอเรเนียน (Pomeranian) ตัวเล็ก เห่าเก่ง และสวยงาม ลักษณะทั่วไป สุนัขปอมเมอเรเนียนหรือเรียกสั้นๆ ว่า น้องปอมอยู่ในกลุ่ม Toy Group มีขนาดกระทัดรัด หลังสั้น ขนชั้นล่างอ่อนนุ่ม แน่นทึบ ขนชั้นนอก ยาว ฟู มีมาก ค่อนข้างหยาบ ตาแหน่งโคนหางสูง ขนหางแน่น เป็ นพวง หางวางราบบนหลัง ปอมส่วนใหญ่ ท่าทางตื่นตัว ร่าเริง อยากรู้อยากเห็น แสดงความฉลาดให้เห็นได้เสมอ มีย่างก้าวที่คล่องแคล่ว สง่างาม และมั่นคง
  • 2. ความเป็ นมา บรรพบุรุษของน้องปอมย้อนกลับไปถึงยุคก่อนคริสตกาล พบภาพวาดในแผ่นหินและรูปหล่อสัมฤทธิ์ตามโลงศพที่พบในอียิปต์ พบโครงกระดูกสุนัขพันธุ์เล็กคล้ายพันธุ์ปอมเมอเรเนียน ในอุโมงค์ที่บรรจุศพสมัยโบราณของชาวอียิปต์ เชื่อกันว่า ปอมเมอเรเนียนได้รับการพัฒนาให้เป็ นน้องปอมในปัจจุบัน ครั้งแรกที่เมืองปอมเมอเรเนีย ประเทศเยอรมัน ตั้งอยู่ในยุโดรเหนือแถบทะเลบอลติก ดินแดนกว้างใหญ่จากตะวันตกของเกาะรูเกนถึงแม่น้าวิทูลา ที่แห่งนี้มีการเลี้ยงสุนัขอย่างแพร่หลาย ทั้งเพื่อให้เป็นสัตว์และเพื่อให้เป็ นสุนัขอารักขา ปอมเมอเรเนียนมีต้นกาเนิดจากพันธุ์สปิทซ์ในสมัยโบราณ บางคนเชื่อว่าสุนัขปอมเมอเรเนียนพัฒนาจากสุนัขพันธุ์ซามอยด์ ซึ่งมีต้นกาเนิดอยู่ที่ตอนเหนือของประเทศรัสเซียแถบไซบีเรีย บางคนเชื่อว่าพัฒนามาจากสุนัขป่า ซึ่งอาศัยอยู่ตามถ้าในประเทศเยอรมัน และถูกนามาใช้เป็ นสุนัขเลี้ยงแกะในทวีปยุโรปตอนกลางและตอนล่าง นามาพัฒนาในยุโรปเพื่อช่วยในการเลี้ยงแกะ ซึ่งบรรพบุรุษของปอมฯ น่าจะมีน้าหนักมากถึง 30 ปอนด์ บางคนเชื่อว่าสุนัขปอมฯ มีต้นกาเนิดมาจากประเทศกรีซ โดยอ้างหลักฐานจากภาพวาดสมัยโบราณหลายภาพที่มีอายุ 400 ปี ก่อนคริสตกาล หรือเกือบประมาณ 2500 ปี มาแล้ว มีภาพของสุนัขขนาดเล็กที่มีรูปร่างลักษณะเหมือนสุนัขปอมฯ ในปัจจุบัน คือ Stop ที่เด่นชัดช่วงปากแหลม หูสั้น ลักษณะการเดินและการแสดงออกเหมือนกับที่พบได้ในปัจจุบันทุกปร ะการ ยกเว้นแต่ตาแหน่งของหางที่อยู่ต่าเกินไปเท่านั้น แสดงว่าสุนัขพันธุ์ปอมนี้มีขนาดเล็กมากตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ไม่ใช่เพิ่งพัฒนาให้มีขนาดเล็กลงเมื่อ 40-50
  • 3. ปี ที่ผ่านมาตามที่มีคนในประเทศอังกฤษอ้างเสมอ ประมาณปี 1800 สมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย ทรงมีความชื่นชอบในสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนและส่งสุนัขของพระ องค์ลงประกวด ทาให้เกิดความนิยมปอมเมอเรเนียนอย่างแพร่หลายในประเทศอังกฤ ษ และเพราะความที่พระองค์โปรดปรานสุนัขที่มีขนาดเล็ก ผู้เพาะพันธุ์หลายคนเริ่มที่จะคัดสุนัขที่มีขนาดเล็ก ปัจจุบันปอมฯ ที่เราเห็นอยู่มีขนาดที่เล็กลงจากปอมฯ ที่เป็ นต้นตารับ 4-5 ปอนด์ ความฉลาดและความสามารถของปอมฯ ทาให้สุนัขพันธุ์นี้เป็ นพระเอกในคณะละครสัตว์อย่างต่อเนื่อง ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเยอรมัน นิยมเลี้ยงกันเป็ นฝูง บางแห่งทาเป็ นสุนัขลากเลื่อนก็มี ปอมฯ เข้าสู่อังกฤษช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 และได้รับความนิยมอย่างสูง เช่น มีการตั้งชมรมคือ English Pomeranian Club ในปี 1891 ภายหลังสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียทรงออกงานพร้อมสุนัขพันธุ์นี้บ่อย ครั้ง ทาให้สุนัขพันธุ์นี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว ส่วนในประเทศอเมริกามีการปรากฎตัวครั้งแรกของปอมฯ ที่งานกระกวดสุนัขแห่งหนึ่งประมาณปี 1892 ไม่กี่ปี หลังจากนั้นมีการสั่งนาเข้าอีกเกือบ 200 ตัว มาตรฐานของปอมฯ โดยทั่วไป รูปรางจะเหมือนสุนัขจิ้งจอก มีขนาดกลาง ตาเป็ นวงรีสีดา หูเล็กตั้งตรง ลาตัวสั้นขนาดกระทัดรัด หางเป็ นพวงแผ่อยู่บนส่วนหลัง ลักษณะนิสัย น้องปอมส่วนใหญ่มีการแสดงออกถึงความเฉลียวฉลาด ร่าเริงและตื่นตัวอยู่เสมอ ซื่อสัตย์ รักเจ้าของ ขี้ประจบ แต่เป็ นสุนัขค่อนข้างตกใจง่าย เห่ามาก ยิ่งตัวเล็กยิ่งเห่าเก่ง การดูแล การที่จะรักษาขนของสุนัขปอมเมอเรเนียน ให้สวยงามนั้นทาได้ง่ายมาก เจ้าของสุนัขใหม่ๆส่วนใหญ่จะเชื่อว่า
  • 4. จะต้องอาบน้าให้สุนัขทุกสัปดาห์ และต้องคอยแปรงขนตลอด ซึ่งเป็ นความเชื่อที่ผิดและจะทาให้ขนของเค้าเสียอีกด้วย การอาบน้าบ่อยเกินไป จะทาให้ขนของปอมเมอเรเนียนแห้ง บาง และทาให้ขนร่วงตลอดเวลา การใช้โลชั่น และน้ายาทาความสะอาดชนิดต่างๆ ติดต่อกันก็จะทาให้ผิวหนังอักเสบได้ ส่วนใหญ่แม้ว่าขนชั้นนอกจะสกปรกแล้ว แต่ขนชั้นในก็จะยังคงสะอาดอยู่ ด้งนั้นการแปรงขน เพียงสัปดาห์ละครั้ง และใช้ฟองน้าชุบน้าสบู่อุ่นๆ ลูบขน จากนั้นจึงเช็ดด้วยผ้าชุบน้าสะอาดอุ่นๆ ซึ่งบิดพอหมาดๆ ก็นับว่า เพียงพอที่จะทาให้ขน ของปอมเมอเรเนียนอยู่ในสภาพดีแล้ว แชมพูที่ใช้อาบน้าให้สุนัขควรเป็ นแชมพูที่ผลิตโดยเฉพาะ เพราะจะไม่ส่งผลกระทบต่อการระคายเคืองของผิวหนังและสภาพขน ในขณะอาบน้าอาจจะใช้สาลีอุดรูหูทั้งสองข้างก่อนอาบ หรือใช้มือกดใบหูทั้งสองข้างให้หลุบลง เวลาอาบน้าควรราดน้าให้เปี ยกทั่วตัวก่อนแล้วจึงเทแชมพูลงไปแล้วเก าให้ทั่วลาตัว หลังจากนั้นก็ใช้น้าล้างสบู่ออกให้สะอาดหมดจด เมื่ออาบเสร็จก็ต้องเช็ดตัวให้แห้งพร้อมกับแปรงขนทุกครั้ง การเช็ดตัวให้แห้งเป็ นการป้ องกันความอับชื้นซึ่งเป็ นบ่อเกิดของเชื้อโ รค และช่วยป้ องกันโรคปอดบวมได้ ส่วนในด้านของการออกกาลังกายนั้น การออกกาลังกายมากๆ หรือใช่พื้นที่เยอะๆ ไม่ค่อยจาเป็ นสาหรับปอมเมอเรเนียน แต่เราควรหันมาใส่ใจสักนิด ควรเริ่มพาปอมฯออกกาลังกายตั้งแต่ยังเล็กเพราะจะสามารถควบคุมเ วลาในการออกกาลังกายไ ด้ ควรให้เดินเล่นวันละ1-2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 15 นาที ถ้าปล่อยให้วิ่งเล่นกลางแจ้งนานเกินไป(โดยเฉพาะเวลาที่แดดจัด)อาจ ทาให้สุนัขเกิดอาการช็อค อาการนี้อาจส่งผลให้สุนัขเสียชีวิตได้ การพาน้องปอมไปออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอจะช่วยทาให้ปอม ท้องไม่ผูก และสามารถป้ องกันโรคได้อีกหลายๆชนิด การที่สุนัขได้วิ่งด้วยความเร็วและสนุกสนาน มีผลดีต่อหัวใจ
  • 5. หลอดเลือดกล้ามเนื้อ ต่อมขับต่างๆ ได้อุ่นเครื่องจนร้อน เมื่อกลับจากการออกกาลังกายก็สามารถกินอาหารได้มากขึ้น ยิ่งถ้าได้อาหารที่ถูกต้องยิ่งทาให้สุนัขมีสัดส่วนที่ดี ร่างกายที่แข็งแรง รวมถึงมันจะมี step การเคลื่อนไหวที่ดี และสวยงาม อย่างไรก็ดีไม่ควรให้สุนัขออกกาลังกายหลังจากที่กินอาหารอิ่มเต็มที่ ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม เหมาะสาหรับผู้เลี้ยงที่มีเวลาเอาใจใส่ดูแลเรื่องความสวยงามของสุ นัข จาเป็ นต้องมีการดูแลตัดแต่งขนของสุนัขอยู่เสมอเพื่อความสวยงาม นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้เลี้ยงที่มีพื้นที่ในการเลี้ยงที่จากัด มาตรฐานสายพันธุ์ ขนา ด น้าหนักของปอมฯ โดยเฉลี่ยแล้วจะหนักประมาณ 3-7 ปอนด์ (ประมาณ 1.25-3 กก.) แต่ขนาดที่ดีสาหรับการประกวดนั้นควรหนักประมาณ 4-6 ปอนด์ (1.7-2.5 กก.) ถ้าสุนัขหนักมากกว่าหรือน้อยกว่ามาตรฐานที่กาหนดไว้ถือว่า
  • 6. ผิดมาตรฐาน รูปร่างของสุนัขมีความสาคัญกว่าขนาดของสุนัข ช่วงตั้งแต่หน้าอกจนถึงสะโพกจะสั้นกว่าหรือเท่ากับส่วนสูงตั้ง แต่ช่วงไหล่จนถึงพื้น กระดูกมีขนาดปานกลาง ศรีษ ะ ขนาดของหัวต้องได้สัดส่วนกับลาตัว ช่วงปาก (MUZZLE) สั้นตรง หน้าดูคล้ายกับสุนัขจิ้งจอก (FOXY EXPRESSION) หัวกะโหลกปิด ช่วงบนของหัวกะโหลกจะกลมเล็กน้อยแต่ไม่โหนกนูน ถ้ามองจากด้านหน้าและด้านข้างแล้วจะต้องเห็นหูที่มีขนาดเล็ก อยู่ในตาแหน่งที่สูง (HIGH EARSET) และตั้งตรง รูปร่างปากจะมีลักษณะคล้ายรูปลิ่ม(WEDGE SHAPE) เส้นที่ลากจากจมูกไปถึงจุดหัก (STOP) จะต้องอยู่ตรงกลางระหว่างตาทั้งสองข้างและหูทั้งสองข้าง ตามีสีดาสนิท สดใส ขนาดปานกลาง คล้ายเมล็ดอัลมอนด์ (ALMOND SHAPE) สีของจมูกและขอบตาต้องดาสนิท ยกเว้นปอมฯ สีน้าตาล BEAVER และ BLUE ฟันต้องกัดสบกันพอดี (SCISSORSBITE) ฟัน ฟันมีลักษระแบบขบกรรไกร ปาก ริงฝีปากดา กระชับ กระบอกปากเล็ก ตา ตาสีดาเป็ นประกายสดใส ดวงตาไม่กลม หู หูเล็ก มีลักษระเป็ นสามเหลี่ยม จมูก จมูกสีดา คอ คอค่อนข้างสั้น ตั้งอยู่บนไหล่ ทาให้ช่วงคอตั้งสูง แลดูสง่างาม ช่วงหลังสั้น มีระดับของเส้นหลัง หางมีตาแหน่งที่สูง (HIGH TAILSET) วางราบตรงอยู่บนหลัง อก อกกลม ลึกกาลังดี ลาตัว ลาตัวด้านหน้า ไหล่จะต้องมีการเอียงลาดลงเพียงพอ เพื่อให้สามารถชูคอและหัวได้สูงและสง่างาม ความยาวของช่วงไหล่และขาตอนบนต้องเท่ากัน ขาหน้าต้องตรงและขนานกัน ความยาวตั้งแต่ไหล่จนถึงข้อศอกต้องมีความยาวเท่ากับข้อศอ กถึงพื้น ขาต้องตรงและแข็งแรง ไม่เอียงเข้าหรือเอียงออก ลาตัวด้านหลัง ได้สัดส่วนกับลาตัวส่วนหน้า
  • 7. ตาแหน่งของหางจะต้องอยู่เหนือสะโพกค่อนมาทางด้านหน้าต้ นขา ต้องมีกล้ามเนื้อแข็งแรงปานกลาง และมีส่วนหน้าของขาหลัง (STIFLES) มีมุม (ANGULATION) ที่โค้งงอพอสมควรรับกับส่วนน่อง (HOCK) ต้องตั้งฉากกับพื้น ถ้ามองจากด้านหลังขาทั้ง 2 ข้างต้องตรงและขนานกัน เท้ามีลักษณะโค้งมนกระชับ ไม่เอียง สุนัขต้องยืนอยู่ปลายเท้า (TOES) นิ้วติ่ง (DEWCLAWS) ถ้ามีควรตัดออก เอว - ขาห น้า ไหล่เอนไปด้านหลังเล็กน้อย ขายาวกาลังพอดี แข็งแรงมีสมดุล ขาห ลัง ต้นขาแข็งแรง ท่อนขาตรงไปยังข้อเท้า เคลื่อนไหวคล่องแคล่ว หาง ตั้งสูงม้วนไปยังกางหลัง ดูร่าเริง ขน สุนัขปอมฯ มีขน 2 ชั้น คือ ขนชั้นใน (UNDERCOAT) ต้องนุ่มและแน่น ขนชั้นนอก(OUTTERCOAT) ต้องยาวตรงเป็นประกายและหยาบ ขนชั้นในที่หนาแน่นจะช่วยพยุงขนชั้นนอกให้ฟูไม่ลู่ เหยียดตรง ขนจะต้องหนาแน่นตั้งแต่ช่วงคอ หน้าอก ช่วงไหล่ด้านหน้า ขนช่วงหัวและขาจะแน่นแต่สั้นกว่าขนช่วงลาตัว ขนหางยาว หยาบและเหยียดตรง การตัดแต่งเล็มขนให้ดูสวยงามและดูเรียบร้อยไม่ถือเป็นข้อผิด สีขน สีที่ได้รับการยอมรับและรับรอง ควรได้รับการพิจารณาการตัดสินอย่างเท่าเทียมกัน สีที่ได้รับการยอมรับได้แก่ 1. สีใดๆ ก็ได้ที่ขึ้นเป็นสีเดียวกันทั้งตัว หรืออาจจะมีสีที่อ่อนหรือแก่กว่าแซมอยู่ด้วย (SELT-COLOR) 2. สีแซมกัน 2 สี (PARTI-COLOR) หมายถึงปอมฯ ที่มีสีขาวและมีสีอื่นแซมเป็นพื้นๆ กระจายเท่าๆ กันทั่วตัว และควรมีแถบสีขาวบนหัวด้วย 3. สีดาและน้าตาล (BLACK AND TAN) หมายถึงปอมฯ มีสีดาที่มีสีน้าตาลอยู่เหนือตาทั้ง 2 ข้างและปาก ลาคอ หน้าอก ใต้หาง ขาและเท้าทั้ง 4 ข้าง สีน้าตาลนี้ยิ่งเข้มยิ่งดี
  • 8. 4. BRINDLE ได้แก่ปอมฯ ที่มีพื้น คือ สีทอง แดงหรือส้ม และมีสีดาแซมอยู่ทั่วทั้งตัว