Recommended
More Related Content
Featured
Featured (20)
Bigbike
- 2. ที่มาและความสาคัญของโครงงาน ทุกวันนี้เราคงไม่ปฏิเสธว่าพวกเราหลายคนต่างสนใจรถมอเตอร์ไซค์ ขนาดใหญ่ ทุกวันนี้การจราจรในเมืองกรุงและในหลายๆจังหวัดก็นรกแตกไม่ แพ้กัน ทางออกอย่างรถมอเตอร์ไซค์ก็แลดูจะง่ายกว่า แต่ก็อย่างที่หลายคน คงจะตระหนักได้ ก่อนซื้อว่า รถมอเตอร์ไซค์นั้นอันตรายมีความสุ่มเสี่ยงใน การเกิดอุบัติเหตุมากกว่า ด้วยการอาศัยการทรงตัวในการขับขี่ ทาให้ เมื่อ เสียการทรงตัวแล้วอะไรก็หยุดไม่อยู่ฟังแล้วจะดูอันตราย มันก็ยังมีวิธีที่จะ ขี่บิ๊กไบค์ได้ปลอดภัยทางเราจึงได้จัดทาโครงงานเรื่องเทคนิคขี่บิ๊กไบค์ให้ ปลอดภัย
- 3. วัตถุประสงค์ • 1.เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนนให้ลดน้อยลง • 2.เพื่อแนะนาวิธีการขี่รถให้ปลอดภัย ขอบเขตโครงงาน • 1.ศึกษาวิธีวิธีการขับขี่บิ๊กไบค์ให้ปลอดภัย • 2.ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบิ๊กไบค์
- 4. BigBike บิ๊กไบค์ หรือ BigBike ก็คือ คาที่ใช้เรียกรถจักรยานยนต์ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่ง ขนาดของรถมอเตอร์ไซค์ที่เรียกว่า Bigbike นั้นก็จะใหญ่กว่าขนาดของรถ มอเตอร์ไซค์ทั่วๆไป ไม่ว่าจะเป็นขนาดของเฟรม เครื่องยนต์ ล้อ และยาง หรือ เมื่อก่อนเราจะเรียกว่ารถ 4 สูบ แต่ในปัจจุบันรถมอเตอร์ไซค์ในรุ่นใหม่ๆนั้น ไม่ จาเป็นต้องมี 4 สูบก็สามารถที่จะทาความจุกระบอกสูบได้จานวน cc. ที่มาก ดังนั้นการเรียกรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่จึงใช้คาศัพท์ใหม่ที่เรียกว่า Bigbike ซึ่ง ในสมัยนี้รถมอเตอร์ไซค์ที่จะถูกเรียกว่า มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ ก็จะมีขนาดของ เครื่องยนต์ตั้งแต่ 250cc. ขึ้นไปจนถึง 2,400 cc.
- 5. BigBike ในสมัยนี้รถมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดของเครื่องยนต์เกิน 250cc. ขึ้นไปก็ ออกมาสู่ตลาดมากมาย แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็จะมีการออกแบบที่แตกต่าง กันออกไปอีก ตลอดจนในรถมอเตอร์ไซค์แต่ละรุ่นก็มีความแตกต่างทางด้าน เครื่องยนต์ ที่มีตั้งแต่ สูบเดียวจนถึงหกสูบ การจัดวางของลูกสูบก็มีทั้ง เครื่องยนต์สูบเรียง เครื่องยนต์สูบวี และมาถึงในด้านการส่งกาลังของรถ มอเตอร์ไซค์แต่ละรุ่นก็แตกต่างกันออกไปเหมือนกัน มีทั้งแบบที่ใช้ โซ่ แบบ ใช้ สายพาน และแบบที่ใช้ เพลาขับ เป็นต้น ฉะนั้นจึงต้องมีคาจากัดความ ของรถมอเตอร์ไซค์ Bigbike ในแต่ละแบบแต่ละทรง
- 6. ประเภทของBigBike •Naked Bike •Sport Bike •Touring Bike •Chopper Bike
- 7. Naked Bike(นักเก็ต ไบค์) เป็นรถมอเตอร์ไซค์ Bigbike ที่มีรูปแบบของตัวรถมอเตอร์ไซค์ที่เปลือยแฟริ่งใน ส่วนหน้าของรถมอเตอร์ไซค์ จะมีแฟริ่งเพียงแค่ด้ายท้ายของรถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น ซึ่งข้อดีของ บิ๊กไบค์ แนว Naked Bike นั้นจะเหมาะสาหรับการขับขี่ในเมืองหลวง การขับขี่ในชุมชน การขับขี่ในการจราจรที่หนาแน่น
- 8. Sport Bike(สปอร์ต ไบค์) เป็นรถมอเตอร์ไซค์ Bigbike ที่ออกแบบให้มีแนวเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ในการ แข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ทางเรียบ ซึ่งรถมอเตอร์ไซค์แนว Sport Bike จะมีสมรรถนะ ของเครื่องยนต์และมรรถนะของช่วงล่าง ที่ค่อนข้างสูงกว่ารถ มอเตอร์ไซค์ บิ๊กไบค์ ประเภทอื่น ส่วนท่วงท่าในการขับขี่ของรถ มอเตอร์ไซค์ สปอร์ต ไบค์ จะเป็นการขับขี่แบบกึ่งนั่งกึ่งหมอบ
- 9. Touring Bike(ทัวร์ริ่ง ไบค์) เป็นรถมอเตอร์ไซค์ Bigbike ที่ออกแบบมาสาหรับคนที่ชื่นชอบการออกทริป การขับขี่ในระยะทางไกล และใช้เวลานาน สามารถวิ่งในสภาพพื้นถนนที่ขรุขระ ท่าทางการนั่งจะมีลักษณะที่คล้ายๆกับรถมอเตอร์ไซค์ Naked Bike ที่จะมีการนั่ง ขี่ที่สบายและจุดสังเกตของรถมอเตอร์ไซค์แนว Touring ก็คือจะมีชิวล์หน้าขนาด ใหญ่ที่สามารถบังลมและฝนที่จะเข้ามาปะทะตัวผู้ขับขี่
- 10. Chopper Bike(ชอปเปอร์ ไบค์) เป็นรถมอเตอร์ไซค์ Bigbike อีกหนึ่งประเภทที่มีขนาดใหญ่ มีเสียงคล้าย เฮลีคอปเตอร์ จงทาให้เรียกรถมอเตอร์ไซค์ประเภทนี้ว่า Chopper Bike ใช้ เครื่องยนต์ 2 สูบ แบบ V มีการจุดระเบิดพร้อมกันทั้ง 2 สูบ จึงทาให้เสียงของ เครื่องยนต์ที่ออกมาดังเป็นจังหวะแบบนี้ส่วนรถประเภทนี้จะออกแบบมาให้มีที่นั่ง ที่ต่าและมีแฮนด์ที่สูง
- 11. เทคนิคการเข้าโค้ง Counter Steeringนั้นก็คือการเลี้ยวหรือการเข้าโค้งนั้นเองแต่การเข้าโค้งของ รถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่นั้นเทคนิคแรกคือการวางท่าในการเข้าโค้งนั้นต้องก็ ปลายและสั้นเท้าชิดติดลาตัวรถและขยับตัวไปทางด้านหลังเล็กน้อยก้มให้ส่วน ของหน้าอกชิดกับตัวถังน้ามันรถพร้อมทั้งเก็บเข่าและศอกให้ชิดกับลาตัวรถ เพื่อ Aerodynamics (แอร์โรไดนามิค) หรือการลดแรงต้านอากาศ พอถึงจุดที่ผู้ขับ ขี่ยกคันเร่งให้ผู้ขับขี่ยกตัวขึ้นเล็กน้อยและเบียงท่านั่งจัดท่าไปทางขวาเอี้ยวไหว่ และลาตัวไปทางขวาเล็กน้อย (เลี้ยวขวาก็จัดท่าไปทางขวา) พออยู่ในช่วงเบรกให้ เราทาการเลี้ยวเบรกและเชนเกียร์ให้เรียบร้อยจากนั้นทาการเข้าโค้งโดยการเอียง รถไปทางทิศที่เราต้องการจะเลี้ยว พร้อมใช้เข่าทั้งสองข้างหนีบถังน้ามัน โดยใช้ ปลายเท้าจิกที่พักเท้า ส่วนช่วงลาตัวด้านบนให้ปล่อยแขนและลาตัวให้ฟรีพร้อม กับแทงศอกเข้ามาในโค้ง ต่อมาถึงจุดโฟกัสการมองถ้าเป็นโค้งเปิดให้มองจนสุด โค้ง แล้วค่อยๆบิดคันเร่งจนรถอยู่ในลักษณะที่ตั้งตรงแล้งบิดคันเร่งต่อ
- 13. วิธียกบิ๊กไบค์ล้ม ท่าที่ 1 . ยกรถโดยหันหน้าออกจากมอเตอร์ไซด์
- 14. วิธียกบิ๊กไบค์ล้ม ยืนอยู่ด้านที่รถล้ม เอามือจับและหักแฮนด์สุดลงตรงด้านที่ล้ม หาจุดกึ่งกลางหันหน้าออกจากตัวรถแล้วย่อตัวลงใช้ก้นแตะที่เบาะ จากนั้นดันตัวขึ้นจนเกือบสุด โดยให้หลังอยู่ในท่าตรง มือขวาจับที่ แฮนด์เกร็งข้อมือนิดนึง มือซ้ายจับที่ด้านหลังของตัวรถที่เป็นมือจับ คนซ้อน ค่อยๆดันต่อไปเรื่อยๆ เมื่อรถเริ่มลอยขึ้นมาให้ก้าวขาขยับ ตัวเข้าหารถโดยใช้สะโพกประคองรับน้าหนักรถแล้วดันรถตั้งขึ้น วิธีนี้ผู้หญิงตัวเล็กๆยกรถขึ้นได้สบายมากครับ
- 15. วิธียกบิ๊กไบค์ล้ม ท่าที่ 2 . หันหน้าเข้าหามอเตอร์ไซด์แล้วยก
- 16. วิธียกบิ๊กไบค์ล้ม ยืนอยู่ด้านที่รถล้มเช่นกัน เอามือหักแฮนด์ไปด้านตรงข้ามกับที่ รถล้มให้สุดล้อหงายขึ้น หันหน้าเข้าหารถยืนให้ชิดแฮนด์ที่สุดนะ กางขาออกนั่งยองๆ มือสองข้างจับแฮนด์ฝั่งที่อยู่กับพื้นให้ แน่นๆ ออกแรงดึงรถขึ้นโดยใช้ขาเป็นตัวส่งแรงเมื่อรถลอยขึ้นมาใน ระดับหนึ่งให้รีบก้าวขาขยับตัวเข้าหารถ แค่นี้ก็ยกขึ้นได้แล้ว แต่ เมื่อยกรถขึ้นมาควรจับดีๆระวังล้มลงไปอีกข้าง วิธีนี้ผู้หญิงคงไม่ เหมาะ เพราะใช้แรงเยอะมากคาดว่าไม่น่ายกขึ้น
- 17. เทคนิคเพิ่มความปลอดภัย 1. สวมหมวกกันน็อค สวมหมวกกันน็อคก่อนขี่เสมอ เลือกหมวกที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย เข้ากับรูปแบบการขี่ และรู้สึกสบายเหมือนเลือกแว่นกันแดดและเสื้อผ้า 2. มองหลังให้แน่ใจก่อนออกตัว ก่อนขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ ควรเช็คขาตั้งก่อนว่าเอาขึ้นหรือยัง หลังคร่อม ก่อนออกก็ควรหันมองด้านหลังเสมอ ว่ามีรถมากน้อยแค่ไหนก่อนออกตัว เช่นเดียวกันตอนลง ก็ควรมองหลังก่อนแล้วจึงลงและเตะขาตั้ง
- 18. เทคนิคเพิ่มความปลอดภัย 3. เตรียมความพร้อมให้ผู้ซ้อนเสมอ การมีผู้ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ย่อมส่งผลต่อการขับขี่ เพราะน้าหนักที่ เพิ่มขึ้น ผู้ซ้อนท้ายทุกคนควรใส่หมวกกันน็อค สวมเสื้อผ้า หรือรองเท้าที่ รัดกุมเช่นเดียวกับผู้ขี่ นอกจากนี้ตัวผู้ขับขี่เองก็ควรฝึกซ้อมให้คุ้นเคยกับการ ขี่ที่มีผู้ซ้อนท้าย 4. เช็คสภาพอากาศก่อนออกรถ ช่วงที่มีพายุเข้าหรือฤดูฝน การขี่ระหว่างฝนตกมีความเสี่ยงสูงเสมอ เพราะมอเตอร์ไซค์มีแค่ 2 ล้อ ถ้าลื่นก็ล้มได้ง่าย แถมส่วนใหญ่ไม่มีกระจกบัง หน้าเวลาขี่ พยายามเลี่ยงการขี่กลางฝน
- 19. เทคนิคเพิ่มความปลอดภัย 5. ควรเว้นระยะห่างระหว่างรถให้สัมพันธ์กับความเร็ว ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยคือ ผู้ขี่มักเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าไม่พอ ระยะเบรก โดยอาจคิดว่ามอเตอร์ไซค์ เล็กและเบากว่ารถยนต์น่าจะเบรกได้ ง่ายกว่า แต่จริงๆ ก็ไม่ว่าจะรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ก็ต้องการระยะเบรกที่ มากพอเช่นกัน 6. มีสมาธิ เลี่ยงความสนใจสิ่งอื่นเวลาขี่ อุบัติเหตุมักเกิดขึ้นได้เสมอ เพียงขาดสมาธิช่วงเสี้ยววินาที ดังนั้นระหว่าง ขี่ห้ามสนใจสิ่งอื่นนอกจากถนน และรถคันอื่นๆ การละมือไปกดโทรศัพท์ หรือหันไปมองป้ายโฆษาณาระหว่างการขี่นั้นเป็นสิ่งไม่ควรทา
- 20. เทคนิคเพิ่มความปลอดภัย 7. ขี่ภายใต้ทักษะที่มี อย่าพยายามทาอะไรให้เกินตัวบางครั้งการเห็นมอเตอร์ไซค์คันอื่นไปได้ เร็วกว่า เข้าโค้งได้ไวกว่า อาจทาให้เราอยากทาตาม แต่ความเป็นจริง อาจ เป็นเพราะความแตกต่างทั้งตัวรถที่มีประสิทธิภาพไม่เหมือนกัน หรือทักษะ ฝีมือของผู้ขับ 8. ใช้รองเท้าสาหรับขี่รถ การขี่มอเตอร์ไซค์นอกจากใช้แขนและมือตลอดเวลา เท้าก็เป็นส่วน สาคัญเพราะต้องขยับเปลี่ยนเกียร์ตลอด การเลือกใช้รองเท้าที่เหมาะสม และปกป้องเท้าไม่ให้เจ็บเวลาสัมผัสขาเกียร์ ย่อมเป็นเรื่องสาคัญ
- 21. เทคนิคเพิ่มความปลอดภัย 9. ใส่เสื้อผ้าอย่างเหมาะสม การเลือกเสื้อผ้าก่อนขี่มอเตอร์ไซค์ให้เหมาะสม เป็นการช่วยลดความ รุนแรงเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้ทางหนึ่ง ควรหลีกเลี่ยง กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ และควรมีอุปกรณ์เสริมป้องกันส่วนต่างๆ เช่น ถุงมือ สนับศอก สนับเข่า ฯลฯ 10. ควรหาโอกาสเข้าอบรมการขับขี่ปลอดภัย ส่วนใหญ่อุบัติเหตุของนักบิดหลายคน เกิดจากความเข้าใจและมีทักษะ การขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ถูกต้อง แม้บางคนขี่จนคล่องแต่ก็ยังมีนิสัยการขับขี่ผิดๆ ติดตัวได้ ดังนั้นแนะนาให้หาโอกาสเข้าอบรมหรือเรียนการขี่มอเตอร์ไซค์ เพิ่มเติม
- 22. อ้างอิง • https://www.grandprix.co.th/2-ท่าเบสิค-บิ๊กไบค์-ล้มยก/ • http://bigbike.boxzaracing.com/knowledge/3060 • http://www.checkraka.com/knowledge/motorcycle-15-157/10-ข้อ ควรจา-สาหรับนักบิดมือใหม่-1639308/ • http://bigbike.boxzaracing.com/knowledge/5828
- 23. ผู้จัดทา นายกวิน พิชัย ม.6/2 เลขที่12 นายราชันย์ โพทะยะ ม.6/2 เลขที่38