ผ้าไหมมัดหมี่
- 1. ผลการศึกษาค้นคว้า
ผลการศึกษาค้นคว้า
จากการได้ศึกษาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับผ้าไหมมัดหมี่
คณะผู้จัดทาได้เริ่มดาเนินการศึกษาตามขั้นตอนการศึกษาที่เสนอใ
นบทที่ 3 แล้ว
และได้รับความรู้เรื่องผ้าไหมมัดหมี่จากเว็บไซต์ต่างๆดังนี้
ของผ้าไหมมัดหมี่
มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานเป็นเวลานานเกือบ200 ปี
ตั้งแต่สมัยเจ้าพ่อพระยาแล
เป็นชุมชนที่มีการทอผ้าไหมที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันมานานในหมู่
ผู้นิยมผ้าไหม
และเกิดการเล่าขานแพร่กระจายในกลุ่มนักสะสมผ้าไหมว่าเป็นผลิ
ตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ของตนเองสืบต่อถ่ายทอดกันมาแต่โบราณ
สะท้อนความเป็นอยู่และวิถีชีวิตของชุมชนที่เชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้
อมของชุมชน
ก่อให้เกิดจินตนาการคิดค้นออกมาเป็นลวดลายต่างๆ
บนผืนผ้าถ่ายทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเพื่อนๆ ในชั้นม.2
/1
ก็ได้ให้ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับประโยชน์ของผ้าไห
มมัดหมี่ ดังนี้ ดังนี้ 1) เด็กหญิง เพชรณิชา คนหาญ
ได้ให้ความคิดเห็นว่า
ผ้าไหมมัดหมี่มีประโยชน์ในการนาเป็นชุดแต่กายได้ 2) เด็กหญิง
ช่อผกา แต่งสุวรรณ ได้ให้ความคิดเห็นว่า
ผ้าไหมมัดหมี่สามานามาตัดทาเป็นสิ่งของต่างๆได้
จากงานวิจัยที่คณะผู้จัดทาได้สืบค้นมามีเนื้อหา ดังนี้คือ
งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับผ้าไหมมัดหมี่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับลายบ
น
การสื่อสารและการนาเสนอ(IS2)
เรื่อง ผ้าไหมมัดหมี่
เสนอ
คุณครู อุไร ทองดี
จัดทาโดย
1.เด็กหญิง อินทิรา ศิริชัยโชค เลขที่5
2. เด็กหญิง ปวีณ์นุช จิตอรุโณทัย เลขที่6
3.แด็กหญิง ณิชากร ขนชัยภูมิ เลขที่10
- 2. ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1
ที่มาและความสาคัญ
ในปัจจุบันโลกได้ก้าวสู่ยุคโลกาภิวัตน์สิ่งต่างๆรอบตัวได้ก้าวหน้าเ
ข้าสู่ความทันสมัยอย่างเต็มรูปแบบไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้
อุปกรณ์สื่อสาร แม้กระทั่งความเป็นอยู่ของเรา จนในบางครั้ง
เราอาจลืมสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นวัฒนธรรม
เป็นสมบัติล้าค่าที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ของเราไป
จนทาให้เอกลักษณ์ของเราอาจเลือนหายไป
ดังนั้นเราจึงได้หยิบยก”ผ้าไหมมัดหมี่”
มาจัดทาเป็นหัวข้อในการศึกษาค้นคว้าความรู้เหตุผลที่เลือกหัวข้อ
นี้เพราะ”ผ้าไหมมัดหมี่”เป็นเอกลักษณ์ภายในท้องถิ่นของทางภาค
อีสาน จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปถึงระดับ ตาบล อาเภอจังหวัด
ประเทศ และสู่สายตาชาวโลกได้ไม่ยาก
เพราะที่มาและความสาคัญที่มีมายาวนานมีความละเอียด
ประณีตในการลงมือทาแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นหน้าที่ของพวกเรา
ที่จะนาผ้าไหมมัดหมี่ให้เป็นที่รู้จัก และ
สามารถอยู่คู่ประเทศไทยตลอดไป
วัตถุประสงค์
1.ต้องการศึกษาเรื่องราวต่างๆ
ของผ้าไหมมัดหมี่ให้มีความรู้มากยิ่งขึ้น
2.ศึกษาประโยชน์ของผ้าไหมมัดหมี่
3.ศึกษาเพื่อนาไปเผยแพร่แก่คนที่ยังไม่รู้
ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
1.ศึกษาเกี่ยวกับถิ่นกาเนิดขงผ้าไหมมัดหมี่
2.สถานที่ที่ศึกษาค้นคว้าส่วนมากศึกษาที่โรงเรียนชุมแพศึกษาโดย
ศึกษาผ่านอินเตอร์เน็ต
3.ระยะเวลาในการศึกษา ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2556
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.ผู้ศึกษามีความรู้เกี่ยวกับผ้าไหมมัดหมี่มากขึ้น
2.ประชาชนต่างมีความรู้เกี่ยวกับที่มาของผ้าไหมมัดหมี่มากขึ้น
3.สามารถนาความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่ให้กับคนที่ไม่รู้
วิธีดาเนินการศึกษาค้นคว้า
ในการศึกษาเรื่อง ผ้าไหมมัดหมี่
คณะผู้จัดทาได้มีวิธีการดาเนินงานในการศึกษาเรื่อง ผ้าไหมมัดหมี่
ซึ่งมีดังนี้
1. วัสดุอุปกรณ์และโปรแกรมที่ใช้ในการศึกษา
1.1 คอมพิวเตอร์
1.2 โปรแกรมไมโครซอฟต์เวิร์ด
1.3.เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของโครงงาน
1.4.หนังสือที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของโครงงาน
2. วิธีดาเนินการศึกษาค้นคว้า
2.1 คิดหัวข้อที่สนใจเพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษาการค้นคว้า
2.2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สนใจ คือ เรื่อง
มหัศจรรย์เรื่องผ้าไหมมัดหมี่ ว่ามีเนื้อหามากน้อยเพียงใด
และต้องศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเพียงใดจากเว็บไซต์ต่างๆ
และเก็บข้อมูลไว้เพื่อจัดทาเนื้อหาต่อไป
2.3 ทบทวนเรื่องที่ศึกษาจากการเรียน IS1
(การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้) เรื่อง ผ้าไหมมัดหมี่
2.4 จัดทาโครงร่างการเขียนรายงานทางวิชาการ
2.5 จัดทาโครงร่างต่อครูที่ปรึกษาการค้นคว้าเพื่อพิจารณาอนุมัติ
2.6 ศึกษาวิธีการจัดทารายงานทางวิชาการเป็นรูปเล่ม
2.7 นาเสนอความก้าวหน้าเป็นระยะๆ
ตามระยะเวลาที่ครูที่ปรึกษาการค้นคว้ากาหนด
เพื่อตรวจสอบความก้าวหน้า
2.8 ศึกษาวิธีการเขียนอ้างอิงและบรรณานุกรม
2.9 จัดทาร่างรายงานทางวิชาการและเป็นรูปเล่ม
2.10 ตรวจสอบความถูกต้องของร่างรายงานทางวิชาการ
2.11
นาเสนอร่างรายงานทางวิชาการเป็นรูปเล่มต่อครูที่ปรึกษาการค้นค
ว้าเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง
2.12 จัดทารายงานเป็นรูปเล่มฉบับสมบูรณ์
2.13 จัดทา Power Pointนาเสนอในชั้นเรียน
2.14 เผยแพร่ผลงานสู่สาธารณชนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
3. ข้อเสนอแนะ
ใ น ก า ร ศึ ก ษ า ผ้ า ไ ห ม มั ด ห มี่
ที่ผู้จัดทาได้ศึกษาขึ้นนี้สามารถนาไปใช้ประโยชน์ในการสนับสนุ
น กา รเรี ย น ก า ร ส อ น ขอ งก า ร ศึก ษ า ไ ด้ เป็ น อย่ า ง ดี
