SlideShare a Scribd company logo
1 of 19
Download to read offline
จัดทำโดย นายปฏิญญา พันธ์ธร 56131109031 
ชั้นปีที่ 2 หมู่เรียน 01 สาขาวิชาภาษาไทย 
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
FTP 
FTP เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับ upload/download หรือดูโครงสร้างของไฟล์และ directory ใน Server FTP (File Transfer Protocol) เป็นมาตรฐานในการถ่ายโอนไฟล์ และเป็นส่วนหนึ่งของชุดโปรโตคอล TCP/IP มีประโยชน์มากสำหรับการรับส่งไฟล์ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นเครื่องลูก (FTP Client) กับ เครื่องที่เป็นเครื่องให้บริการ (FTP Server) โดยเครื่องFTP Client อาจจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้งาน กันทั่วไป ส่วนเครื่อง FTP Server ก็อาจจะเป็นเครื่อง PC ธรรมดาจนถึงเครื่องที่มีสมรรถภาพสูง 
FTP (File Transfer Protocol) เป็นระบบโอนย้ายไฟล์ข้ามระบบเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีความ ปลอดภัยพอสมควร โดยใช้โปรโตคอล TCP เป็นกลไกขนส่งข้อมูล การเข้าใช้งานผู้ใช้จะต้องแนะนำตนเองต่อ เซิร์ฟเวอร์ด้วยชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน จากนั้นจะแสดงชื่อโฟล์เดอร์และชื่อไฟล์ที่มีอยู่ออกมา ความสามารถของ FTP ทำให้ไคลเอนต์โอนย้ายไฟล์ ระหว่างไคลเอนต์ และ FTP Server ได้ รวมทั้งระหว่างเครื่องสองเครื่องที่อยู่ ห่างไกลกัน 
FTP เป็นโปรโตคอลที่ยุ่งยากพอสมควร เพราะต้องสร้างช่องทางสื่อสารในระดับ TCP ถึงสองช่องทาง โดยช่องหนึ่งสำหรับโอนถ่ายข้อมูลและอีกหนึ่งใช้ส่งคำสั่ง เซิร์ฟเวอร์จะต้องมีตัวแปลโปรโตคอล (PI: Protocol Interpreter) สำหรับทำหน้าที่แปลและดำเนินงานตามคำสั่งของ FTP นอกจากนี้ยังต้องมีโมดูล โดนย้ายข้อมูล ที่เรียกว่า DT (Data Transfer ) มารับผิดชอบจัดการกับข้อมูล ทั้ง PI ได้ โดยเรียกใช้ Telnet หรือไม่ก็จัดการ โปรโตคอล Telnet หรือไม่ก็จัดการโปรโตคอล Telnet ใหม่ทั้งหมดเอง คำสั่งของ FTP 
FTP (File Transfer Protocal) คือ มาตรฐานที่กำหนดใช้เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลหรือการ Upload / Download ข้อมูลบน Internet ครับ โดยเราจะใช้โปรแกรมที่เรียกว่า FTP Client มาช่วยในการ Upload / Download ข้อมูลไปเก็บไว้ที่ Server เช่น โปรแกรม CuteFTP, WS_FTP ฯลฯ 
FTP (File Transfer Protocol) คือการถ่ายโอนไฟล์ หรือเรียกได้อีกอย่างว่า การคัดลอกแฟ้มข้อมูล บนเครือข่าย คือ การโอนย้ายแฟ้มข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบหนึ่งมายังอีกระบบหนึ่งผ่านเครือข่าย ซึ่ง ทำได้หลายรูปแบบ เช่น การโอนจากแม่ข่ายมายังเครื่องพีซี หรือเครื่องพีซีไปแม่ข่ายหรือระหว่างแม่ข่าย ด้วยกันเอง การถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลหรือการโอนย้ายแฟ้มข้อมูลอาศัยโปรแกรมหนึ่งที่มีการใช้งานกันมากและมี บริการอยู่ในโฮสต์แทบทุกเครื่อง คือ โปรแกรม FTP 
FTP มีความสำคัญและประโยชน์อย่างไร 
ในโลกธุรกิจปัจจุบันที่มีการแข่งขันกันมากในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการผลิต ด้าน การตลาด การ บริหาร การจัดการ และด้านที่ขาดไม่ได้ด้วยเช่นกัน คือ ด้านการสื่อสาร ซึ่งแต่ละธุรกิจมีความจำเป็นต้องใช้ ไม่ ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า การติดต่อสื่อสารภายในหรือระหว่างบริษัท ซึ่ง FTP มีส่วนช่วยอย่างมาก ในการสื่อสารต่างๆ FTP จะช่วยให้การถ่ายโอนข้อมูลเป็นไปได้ง่ายมากขึ้น แต่ละบริษัทหรือหน่วยงานสามารถ มีข้อมูลมากมายหลายรูปแบบที่ต้องการสื่อสารไปยังแหล่งอื่น หรือแม้แต่ต้องการข้อมูลที่เป็นประโยชน์จาก แหล่งอื่นเข้ามาใช้ เช่น ข้อมูลข่าวสารประจำวัน บทความ ข้อมูลทางสถิติ ผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์
เป็นต้น การจะเดินทางไปเอาข้อมูลต่างๆ เองก็ถือเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ในเมื่อมีเทคโนโลยีเข้า มาช่วยเหลือแล้ว FTP จะเป็นตัวช่วยให้การได้รับข้อมูลเหล่านี้สามารถทำได้ง่ายยิ่งขึ้นเพียงอยู่หน้า จอคอมพิวเตอร์เท่านั้น ผู้ใช้งานสามารถใช้ FTP ในการโอนข้อมูลจำนวนมากจากแหล่งที่อนุญาต ให้ใช้ได้ ซึ่ง เรียกว่าเป็นแหล่งบริการ FTP ซึ่งมักเป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลข่าวสารต่างๆอยู่มาก และเปิดบริการทั่วไป เพียง แค่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเข้าไปใช้บริการคัดลอกแฟ้มข้อมูลต่างๆ มาใช้งาน 
วิธีการทำงานของ FTP 
Ftp ทำงานในแบบไคลเอนต์เซิร์ฟเวอร์ โดยพัฒนาขึ้นตามโปรโตคอลพื้นฐาน TCP ซึ่งจะต้องมีการ ติดต่อเพื่อจองช่องสื่อสาร (Connection Establishment) ก่อนทำการสื่อสารจริง ซึ่งเรียกว่าเป็นการติดต่อ แบบที่ต้องขอเชื่อมต่อก่อน (Connection - Oriented) ในการใช้งาน FTP เพื่อเริ่มการติดต่อสื่อสารนั้น จะต้องระบุหมายเลข IP ปลายทาง และต้องผ่านการแจ้งรหัส Login และ Password ของเซิร์ฟเวอร์ที่จะ ติดต่อก่อนจึงจะเข้าใช้งานได้ 
ข้อมูลของ FTP ที่สื่อสารระหว่างกันมี 2 ประเภทคือ 
• ข้อมูล (Data) หมายถึงข้อมูลต่างๆที่ต้องการรับส่ง รวมทั้งไฟล์ที่รับมาจากเซิร์ฟเวอร์ หรือส่งมาจาก ไคลเอนต์แล้วไปเก็บที่เซิร์ฟเวอร์ 
• ข้อมูลคำสั่ง (Command) FTP จะมีคำสั่งที่ใช้สั่งงานต่างๆ เช่น dir เป็นคำสั่งที่ใช้แสดงชื่อไฟล์หรือ ไดเรคทอรีในเครื่องเซิร์ฟเวอร์ หรือ get ใช้โหลดไฟล์มาที่เครื่องไคลเอนต์ผ่านโปรแกรม FTP แล้วโปรแกรม จะส่งคำสั่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ เพื่อทำงาน และแจ้งผลการทำงานกลับมายังไคลเอนต์ ซึ่งผลการทำงานนี้ จะนำหน้าด้วยตัวเลข 3 หลัก เป็นรหัสที่ใช้แสดงสถานะการทำงานภายในของ FTP และต่อด้วยข้อความที่ เป็นเท็กซ์ต่อท้าย ซึ่งก็คือผลการทำงานหรือคำอธิบายต่างๆ โดยที่ FTP มีกระบวนการภายในที่จะ ตรวจสอบได้ว่าข้อมูลที่จะรับส่งนี้เป็นประเภทคำสั่งไม่ใช่ตัวข้อมูลที่ต้องการจะโอนย้าย การที่ FTP สามารถ แยกแยะข้อมูลจริงออกจากข้อมูลที่เป็นคำสั่งได้นั้น ถือว่าเป็นหน้าที่การทำงานของโมดูลใน FTP ที่เรียกว่า โปรโตคอล (Protocol Interpreter Module หรือ PI) ซึ่งทำหน้าที่รองรับการทำงานคำสั่งต่างๆของ FTP และในส่วนของข้อมูลที่รับส่งนั้นจะเป็นหน้าที่ของโมดูลโอนข้อมูล (Data Transfer หรือ DT) ซึ่งโมดูลทั้ง สองนี้จะต้องทำงานอยู่ทั้งในเครื่องที่เป็นเซิร์ฟเวอร์ และไคลเอ็นต์ 
ส่วน Shareware หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่ผู้ผลิตแจกให้ลองไปใช้ดูก่อน และเมื่อใช้แล้วพอใจจะนำไปใช้ จริงก็ค่อยส่งเงินมาชำระทีหลัง ถ้าไม่นำไปใช้จริงก็ไม่ต้องส่งเงินมาชำระ 
ผู้ผลิต Freeware และ ผู้ผลิต Shareware จะทำการส่งซอฟต์แวร์ของตนเองที่ต้องการแจกจ่ายไปไว้ ที่คอมพิวเตอร์ที่เป็น ftp server และใครก็ตามที่สนใจจะลองนำไปซอฟต์แวร์ของผู้ผลิตไปใช้ดูก็ให้ไปทำ การ download จากคอมพิวเตอร์ที่เป็น ftp server เครื่องนั้นมายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเอง ในบาง กรณีถ้าท่านมีข้อมูลที่น่าสนใจและต้องการเผยแพร่ ท่านก็สามารถส่งข้อมูลนั้นไปไว้ที่ ftp server ได้ ตัวอย่าง ftp server เช่น ftp.chula.ac.th
RSS 
RSS หรือ Really Simple Syndication เป็นบริการใหม่บนเว็บไซต์ภาษา XML ใช้สำหรับดึงข่าวจาก เว็บต่างๆ มาแสดงบนหน้าเว็บเพจ โดยนำมาเฉพาะหัวข้อข่าว เมื่อผู้ใช้คลิกลิงค์ก็จะแสดงรายละเอียดข่าวใน เว็บต้นฉบับนั้นๆ โดยที่หัวข้อข่าวจะอัปเดตตามเว็บต้นทาง ซึ่งการดึงหัวข้อข่าวไปแสดงนั้นจะมีส่วนประกอบ ทั้งหมดสามส่วนคือส่วนผู้ให้บริการดึงข่าว และส่วนผู้สร้างเว็บไซต์ใช้ทั่วไปที่ต้องการดึงข่าวไปแสดง และส่วน ผู้ใช้ทั่วไป 
RSS ช่วยลดข้อจำกัดในการคัดลอกข้อมูลในเว็บไซต์โดยเฉพาะกรณีการละเมิดลิขสิทธิ์ ขณะที่ผู้สร้าง ไม่ต้องเสียเวลาทำหน้าเพจแสดงข่าว ซึ่งต้องทำทุกครั้งเมื่อต้องการเพิ่มข่าว โดย RSS จะดึงข่าวมาอัตโนมัติ ทำ ให้ข้อมูลบนเว็บไซต์เป็นศูนย์กลางมากขึ้น 
ปัจจุบัน RSS ถูกนำมาประยุกต์ใช้เป็นรูปแบบกลางในการบริการข้อมูลทางธุรกิจ และมีการแข่งขันกัน สูง โดยเฉพาะธุรกิจที่มีการแชร์ข้อมูล เช่นเว็บไซต์ข่าว เว็บล็อก ซึ่งจะมีการแสดงข้อมูลบนหน้าต่างพรีวิวแยก ต่างหากเพื่อให้ผู้ใช้ไม่สับสน รวมถึงสามารถสืบค้นข้อมูลได้ 
จุดเด่นของ RSS คือผู้ใช้จะไม่จำเป็นต้องเข้าไปตามเว็บไซต์ต่างๆเพื่อดูว่ามีข้อมูลอัปเดตใหม่หรือไม่ ขณะที่เว็บไซต์แต่ละแห่งอาจมีระยะความถี่ในการอัปเดตไม่เท่ากัน บางครั้งผู้ใช้ยังอาจหลงลืมจนเข้าไปดู เนื้อหาอัพเดทใหม่บนเว็บไม่ครบถ้วน รูปแบบ RSS จะช่วยให้ผู้สามารถรับข่าวสารอัปเดตใหม่ได้โดยไม่ต้องเข้า ไปดูทุกครั้งให้เสียเวลา ได้ประโยชน์ทั้งฝ่ายผู้บริโภคและฝ่ายเจ้าของเว็บไซต์ 
วิธีการใช้งาน และการติดตามข่าวสาร โดยใช้โปรแกรม RSS Reader? 
บริการ TAT RSS เป็นบริการที่จะช่วยให้คุณจะไม่พลาดทุกข่าวสารใหม่ๆ จากเว็บไซต์ www.tat.or.th โดยใช้โปรแกรม RSS Reader มีลักษณะคล้ายกับ โปรแกรม MS-Outlook ใช้งานง่าย และ สะดวกเป็นอย่างยิ่ง โดยมีวิธีการติดตั้งโปรแกรม RSS Reader ดังนี้ 
ขั้นตอนที่ 1 : ดาวน์โหลด ตัวติดตั้งโปรแกรม RssReader ( ขนาด 1.4 MB ) 
http://www.rssreader.com/download/rssreader.exe 
ขั้นตอนที่ 2 : ติดตั้งโปรแกรม RssReader 
หลังจากที่ดาว์นโหลดตัวติดตั้งโปรแกรม RssReader ไฟล์ rssreader.exe มาเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มทำการติดตั้ง โปรแกรม โดย กดดับเบิ้ลคลิก ที่ไฟล์ rssreader.exe แล้วก็ กดตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ
Mashup 
MashUp เป็นวิธีการหนึ่งในการการสร้าง application ( Rich Application, Web Application ) ด้วยการดึงข้อมูลจากแหล่งที่มา ( Sources : Web Site .. etc. ) หลายๆแหล่ง มารวมกันเพื่อสร้าง application ใหม่ๆ ขึ้นมา ตัวอย่างเช่น Google Map เป็นต้น ถ้าเปรียบในการแต่งเพลง ก็คือ การ mix เพลง นั่นเอง ซึ่งจะเรียกว่าการ MashUp 
เนื้อหา ( Content ) ที่ใช้งานในการทำ MashUp นั้นจะเรียกใช้ผ่าน Public Interface หรือ API ที่ผู้ให้บริการ ( Provider ) จัดเตรียมไว้ให้ โดย API เหล่านี้จะมีการรับส่งข้อมูลในลักษณะที่เป็น Web Feed เช่น RSS, Atom, Web Services และ Screen Scraping เป็นต้น 
Vendor เจ้าใหญ่ๆ ให้ความสนใจในการทำ MashUp อย่างกว้างขวาง เช่น Microsoft, Google, eBay, Amazon, Flickr และ Yahoo โดย vendor เหล่านี้จะเตรียมโปรแกรมช่วยในการทำ MashUp ซึ่งเรียกว่า MashUp Editor 
MashUp Editor คือ WYSUWYG ของ MashUp นั่นเอง โดยเครื่องมือตัวนี้จะมีหน้าตามเป็น Graphic User Interface ใช้งานง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างของ MashUp Editor เช่น http://mashupawards.com/create/ 
Microsoft: http://www.popfly.com/ 
Yahoo: http://pipes.yahoo.com/pipes/ 
Google MashUp Editor: http://googlemashups.com/ 
ประเภทของ MashUp 
MashUp แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 
1. Consumer MashUp 
2. Data MashUp 
3. Business MashUp 
1. Consumer MashUp เป็นการรวมข้อมูลจากหลายๆ ที่มารวมกันไว้ แล้วทำซ่อนข้อมูลเหล่านี้ด้วย การแสดงผลแบบ GUI ตั้วอย่างที่เห้นได้ชัดเจนคือ Google Map นั่นเอง
2. Data MashUp หรือ Enterprise MashUp เป็นการรวมข้อมูลจากหลายๆ ที่มารวมกันไว้ 
โดยจะไม่มีส่วนแสดงผล เช่น RSS, Atom เป็นต้น ถ้าเป็น website ก็เช่น www.rssthai.com 
3. Business MashUp เป็นการรวมทั้ง Consumer MashUp และ Data MashUp เข้าด้วยกัน 
ทำให้ผู้ใช้งานใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้นระบบ business application 
Software ทั้งฟรีและเสียเงิน ซึ่งจะเป็นระบบ MashUp ที่รวม content จากที่ต่างๆ มาเก็บไว้เพื่อ 
เตรียมให้บริการ เช่น 
http://openkapow.com 
http://www.kapowtech.com
Gadget 
Gadget คือ เทคโนโลยีขนาดเล็ก ซึ่งอาจจะเป็นโปรแกรมหรือสิ่งประดิษฐ์ที่มีใช้งานกันอยู่ในหลาย ๆ ด้าน ส่วนใหญ่จะเป็นด้านความบันเทิง หรือเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ตัวอย่างเช่น ในหน้าจอของ Window Vista น้อง ๆ คงจะเคยเห็นนาฬิกา ปฏิทิน หรือโน้ต ที่ไว้แปะเตือนความจำบน Desktop หรือแม้แต่ ตุ๊กตาในรูปซึ่งเป็นหุ่นไดโนเสาร์ Pleo รองรับ SD Card เพื่อบันทึกเสียงได้ เหล่านี้ล่ะค่ะเป็นตัวอย่างของสิ่ง ที่ถูกเรียกว่า Gadget 
Microsoft ได้แบ่ง Gadget ออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 
1. Web gadgets คือ โปรแกรมที่ทำงานบนเว็บไซต์ เช่น Live.com หรือ Spaces.Live.com 
2. Sidebar gadgets คือ โปรแกรมที่ทำงานบน Desktop หรือที่วางอยู่ด้านข้างของ Window (Windows Sidebar) 
3. SideShow gadgets คือ อุปกรณ์ที่ทำงานแสดงผลรูปแบบต่างๆ ได้ เช่น ฝาด้านนอกของ Laptop หรือ panel บนคีย์บอร์ดและมือถือ 
สรุปว่า Gadget คือสิ่งประดิษฐ์ของเทคโนโลยีขนาดเล็ก ซึ่งอาจจะเป็นโปรแกรม อุปกรณ์ หรือแม้แต่ ของเล่นที่มีการใส่ความทันสมัยเข้าไปเพื่อมอบความบันเทิงให้กับ ผู้ใช้
Widget 
Widget (วิจิท) คือ ชุดคำสั่งโปรแกรมขนาดเล็ก หรือโปรแกรมสำหรับการควบคุมในการทำงานที่ สร้างจากโปรแกรมแฟลช หรือจาวาสคริปต์ ช่วยรองรับการทำงานของอินเตอร์เฟสกับแอพพลิเคชั่นหรือ ระบบปฏิบัติการ Widget ที่พบกันบ่อยๆ เช่น ปุ่ม ไอคอน และแถบเมนู Widget ถูกนำไปติดไว้บนเว็บไซต์ต่าง ๆ หน้าจอคอมพิวเตอร์ รวมถึง บล็อค และมือถือด้วย 
Widget เพิ่มสีสันและลูกเล่นในการใช้งานมือถือมากขึ้นโทรศัพท์มือถือโดยทั่วไป ผู้ใช้ต้องทำการเลือก Widget ที่ตัวเองต้องการและสมัครสมาชิกบนเว็บ จากนั้นโหลดโปรแกรมของผู้ให้บริการ Mobile Widget ลงเครื่อง และล็อกอินถึงจะใช้งาน Widget ที่ตัวเองเลือกไว้ได้
ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ เอไอ (AI) 
ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ เอไอ (AI) หมายถึงความฉลาดเทียมที่สร้างขึ้นให้กับ สิ่งที่ไม่มีชีวิต ปัญญาประดิษฐ์เป็นสาขาหนึ่งในด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ และวิศวกรรมเป็นหลัก แต่ยังรวมถึง ศาสตร์ในด้านอื่นๆอย่างจิตวิทยา ปรัชญา หรือชีววิทยา ซึ่งสาขาปัญญาประดิษฐ์เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับ กระบวนการการคิด การกระทา การให้เหตุผล การปรับตัว หรือการอนุมาน และการทางานของสมอง แม้ว่า ดังเดิมนั้นเป็นสาขาหลักในวิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่แนวคิดหลายๆ อย่างในศาสตร์นี้ได้มาจากการปรับปรุง เพิ่มเติมจากศาสตร์อื่นๆ เช่น การเรียนรู้ของเครื่อง นั้นมีเทคนิคการเรียนรู้ที่เรียกว่า การเรียนรู้ต้นไม้ตัดสินใจ ซึ่งประยุกต์เอาเทคนิคการอุปนัยของ จอห์น สจวร์ต มิลล์ นักปรัชญาชื่อดังของอังกฤษ มาใช้ เครือข่าย ประสาทเทียมก็นาเอาแนวคิดของการทางานของสมองของมนุษย์ มาใช้ในการแก้ปัญหาการแบ่งประเภทของ ข้อมูล และแก้ปัญหาอื่นๆ ทางสถิติ เช่น การวิเคราะห์ความถดถอยหรือ การปรับเส้นโค้ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันวงการปัญญาประดิษฐ์ มีการพัฒนาส่วนใหญ่โดยนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ อีกทั้งวิชา ปัญญาประดิษฐ์ ก็ต้องเรียนที่ภาควิชาคอมพิวเตอร์ของคณะวิทยาศาสตร์หรือคณะวิศวกรรมศาสตร์ เราจึงถือเอาง่าย ๆ ว่า ศาสตร์นี้เป็นสาขาของวิทยาการคอมพิวเตอร์นั่นเอง 
นิยามของปัญญาประดิษฐ์ 
มีคำนิยามของปัญญาประดิษฐ์มากมาย ซึ่งสามารถจัดแบ่งออกเป็น 4 ประเภทโดยมองใน 2 มิติ ได้แก่ ระหว่าง นิยามที่เน้นระบบที่เลียนแบบมนุษย์ กับ นิยามที่เน้นระบบที่ระบบที่มีเหตุผล (แต่ไม่จำเป็นต้อง เหมือนมนุษย์) ระหว่าง นิยามที่เน้นความคิดเป็นหลัก กับ นิยามที่เน้นการกระทาเป็นหลัก 
ปัจจุบันงานวิจัยหลักๆ ของ AI จะมีแนวคิดในรูปที่เน้นเหตุผลเป็นหลัก เนื่องจากการนา AI ไป ประยุกต์ใช้แก้ปัญหา ไม่จาเป็นต้องอาศัยอารมณ์หรือความรู้สึกของมนุษย์ อย่างไรก็ตามนิยามทั้ง 4 ไม่ได้ ต่างกันโดยสมบูรณ์ นิยามทั้ง 4 ต่างก็มีส่วนร่วมที่คาบเกี่ยวกันอยู่ นิยามดังกล่าวคือ 
1. ระบบที่คิดเหมือนมนุษย์ (Systems that think like humans) 
1.1 [AI คือ] ความพยายามใหม่อันน่าตื่นเต้นที่จะทาให้คอมพิวเตอร์คิดได้ ... เครื่องจักรที่มีสติปัญญา อย่างครบถ้วนและแท้จริง ("The exciting new effort to make computers think ... machines with minds, in the full and literal sense." [Haugeland, 1985]) 
1.2 [AI คือ กลไกของ] กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความคิดมนุษย์ เช่น การตัดสินใจ การแก้ปัญหา การ เรียนรู้ ("[The automation of] activities that we associate with human thinking, activities such as decision-making, problem solving, learning." [Bellman, 1978]) 
หมายเหตุ ก่อนที่จะทาให้เครื่องคิดอย่างมนุษย์ได้ ต้องรู้ก่อนว่ามนุษย์มีกระบวนการคิดอย่างไร ซึ่งการ วิเคราะห์ลักษณะการคิดของมนุษย์ เป็นศาสตร์ด้าน cognitive science เช่น ศึกษาการเรียงตัวของเซลล์ สมองในสามมิติ ศึกษาการถ่ายเทประจุไฟฟ้า และวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทางเคมีไฟฟ้าในร่างกาย ระหว่าง การคิด ซึ่งจนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2548) เราก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่า มนุษย์เรา คิดได้อย่างไร
2. ระบบที่กระทาเหมือนมนุษย์ (Systems that act like humans) 
2.1 [AI คือ] วิชาของการสร้างเครื่องจักรที่ทางานในสิ่งซึ่งอาศัยปัญญาเมื่อกระทำโดยมนุษย์ ("The art of creating machines that perform functions that requires intelligence when performed by people." [Kurzweil, 1990]) 
2.2 [AI คือ] การศึกษาวิธีทาให้คอมพิวเตอร์กระทาในสิ่งที่มนุษย์ทาได้ดีกว่าในขณะนั้น ("The study of how to make computers do things at which, at the moment, people are better." [Rich and Knight, 1991]) 
หมายเหตุ การกระทำเหมือนมนุษย์ เช่น 
- สื่อสารได้ด้วยภาษาที่มนุษย์ใช้ เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ตัวอย่างคือ การแปลงข้อความเป็นคา พูด และ การแปลงคาพูดเป็นข้อความ 
- มีประสาทรับสัมผัสคล้ายมนุษย์ เช่น คอมพิวเตอร์รับภาพได้โดยอุปกรณ์รับสัมผัส แล้วนาภาพไป ประมวลผล 
- เคลื่อนไหวได้คล้ายมนุษย์ เช่น หุ่นยนต์ช่วยงานต่าง ๆ อย่างการ ดูดฝุ่น เคลื่อนย้ายสิ่งของ 
- เรียนรู้ได้ โดยสามารถตรวจจับรูปแบบการเกิดของเหตุการณ์ใด ๆ แล้วปรับตัวสู่สิ่งแวดล้อมที่ เปลี่ยนไป 
ได้ 
3. ระบบที่คิดอย่างมีเหตุผล (Systems that think rationally) 
3.1 [AI คือ] การศึกษาความสามารถในด้านสติปัญญาโดยการใช้โมเดลการคานวณ ("The study of mental faculties through the use of computational model." [Charniak and McDermott, 1985]) 
3.2 [AI คือ] การศึกษาวิธีการคำนวณที่สามารถรับรู้ ใช้เหตุผล และกระทา ("The study of the computations that make it possible to perceive, reason, and act" [Winston, 1992]) 
หมายเหตุ คิดอย่างมีเหตุผล หรือคิดถูกต้อง เช่น ใช้หลักตรรกศาสตร์ในการคิดหาคาตอบอย่างมีเหตุผล เช่น ระบบผู้เชี่ยวชาญ 
4. ระบบที่กระทำอย่างมีเหตุผล (Systems that act rationally) 
ปัญญาประดิษฐ์คือการศึกษาเพื่อออกแบบเอเจนต์ที่มีปัญญา ("Computational Intelligence is the study of the design of intelligent agents" [Poole et al., 1998]) 
4.1 AI เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมที่แสดงปัญญาในสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ("AI ... is concerned with intelligent behavior in artifacts" [Nilsson, 1998]) 
หมายเหตุ กระทำอย่างมีเหตุผล เช่น เอเจนต์ (โปรแกรมที่มีความสามารถในการกระทา หรือเป็นตัวแทนใน ระบบอัตโนมัติต่าง ๆ) สามารถกระทาอย่างมีเหตุผลเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ เช่น เอเจนต์ในระบบขับรถ อัตโนมัติ ที่มีเป้าหมายว่าต้องไปถึงเป้าหมายในระยะทางที่สั้นที่สุด ต้องเลือกเส้นทางที่ไปยังเป้าหมายที่สั้นที่สุดที่เป็นไป
ได้ จึงจะเรียกได้ว่า เอเจนต์กระทาอย่างมีเหตุผล อีกตัวอย่างเช่น เอเจนต์ในเกมหมากรุก ที่มีเป้าหมายว่าต้อง เอาชนะคู่ต่อสู้ ก็ต้องเลือกเดินหมากที่จะทาให้คู่ต่อสู้แพ้ให้ได้ เป็นต้น 
สาขาของปัญญาประดิษฐ์ 
หนังสืออ้างอิงที่ดีและทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน คือของ Russell and Norvig, 2003 โครงสร้างของ ปัญญาประดิษฐ์ แสดงสาขาที่เป็นหัวใจของสาขา ความสัมพันธ์ระหว่างสาขา และบทบาทที่มีผลกระทบต่อโลก ภายนอก 
หัวใจของปัญญาประดิษฐ์ 
1. คอมพิวเตอร์วิทัศน์ (Computer vision) 
เป็นการศึกษาเรื่องการมองเห็น การรู้จาภาพ มีสาขาย่อยเช่น การประมวลผลภาพ (image processing) 
2. การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural language processing) 
เป็นการศึกษาการแปลความหมายจากภาษามนุษย์ มาเป็นความรู้ที่เครื่องจักรเข้าใจได้ สาขานี้เกี่ยวข้องใกล้ชิด กับ 
ภาษาศาสตร์เชิงคานวณ (computational linguistics) 
3. การแทนความรู้ (Knowledge representation) 
เป็นการศึกษาด้านเก็บความรู้ (knowledge) ไว้ในเครื่องจักร โดยมีประเด็นสำคัญคือ 
- ทาอย่างไรจะแสดงความรู้ได้อย่างกะทัดรัด ประหยัดหน่วยความจา 
- จะนำความรู้ที่เก็บไว้นี้ไปใช้ในการให้เหตุผลอย่างไร; และ 
- จะมีการเรียนรู้ความรู้ใหม่ ๆ ด้วยเทคนิคการเรียนรู้ของเครื่อง ให้ความรู้ที่ได้อยู่ในรูปแบบความรู้ที่ เรา 
ออกแบบไว้ได้อย่างไร 
การแทนความรู้สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลัก คือ 
- ความรู้ที่แน่นอน (certain knowledge) เช่น การแทนความรู้ด้วยตรรกศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น first- order logic หรือ propositional logic 
- ความรู้ที่มีความไม่แน่นอนมาเกี่ยวข้อง (uncertain knowledge) เช่น ฟัซซี่ลอจิก (fuzzy logic) และเครือข่ายแบบเบย์ ( bayesian networks) 
4. การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine learning) 
เป็นการศึกษากระบวนการเรียนรู้ เพื่อให้เครื่องจักรสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้คล้ายมนุษย์ มีสาขา ย่อยมากมาย เช่น 
- การสังเคราะห์โปรแกรม (program synthesis) 
- การคิดให้เหตุผล (Inference หรือ automated reasoning) 
เป็นการคิดให้เหตุผลเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างอัตโนมัติจากความรู้ที่มีอยู่ในเครื่อง การให้เหตุผลด้วยวิธีใดนั้น ขึ้นอยู่กับการแทนความรู้ของเครื่อง (knowledge representation)โดยตรง เทคนิคที่นิยมใช้กันมากก็คือ
การเขียนโปรแกรมเชิงตรรกะ (Logic programming) เมื่อเราแทนความรู้ของเครื่องด้วย first-order logic และ bayesian inference เมื่อเราแทนความรู้ของเครื่องด้วย bayesian networks 
- การวางแผนของเครื่อง (Automated Planning) 
- การค้นหาเชิงการจัด (Combinatorial search) 
เนื่องจากเวลาเราพยายามแก้ปัญหาในงานวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ วิธีมาตรฐานอย่างหนึ่งคือ พยายามมอง ปัญหาให้อยู่ในรูปปัญหาของการค้นหา การค้นหาจึงเป็นพื้นฐานของการโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์แทบทุก ประเภท 
5. ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert system) 
เป็นการศึกษาเรื่องสร้างระบบความรู้ของปัญหาเฉพาะอย่าง เช่น การแพทย์หรือวิทยาศาสตร์ จุดประสงค์ของระบบนี้คือ ทาให้เสมือนมีมนุษย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คาปรึกษา และคาตอบเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ 
งานวิจัยด้านนี้มีจุดประสงค์หลักว่า เราไม่ต้องพึ่งมนุษย์ในการแก้ปัญหา แต่อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติ แล้ว ระบบผู้เชี่ยวชาญยังต้องพึ่งมนุษย์เพื่อให้ความรู้พื้นฐานในช่วงแรก 
การจะทำงานวิจัยเรื่องนี้ต้องอาศัยความรู้พื้นฐานหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น การแทนความรู้, การให้ เหตุผล และ การเรียนรู้ของเครื่อง (กรอบสีเขียวในรูปข้างบน) 
สาขาอื่นที่สำคัญและมีบทบาทมากในปัจจุบัน 
วิทยาการหุ่นยนต์ (Robotics) 
การจะสร้างหุ่นยนต์ที่อาศัยอยู่กับมนุษย์ได้จริง ต้องใช้ความรู้ทางปัญญาประดิษฐ์ทั้งหมด นอกจากนั้น ยังต้องใช้ความรู้อื่น ๆ ทางเครื่องกล เพื่อสร้างสรีระให้หุ่นยนต์สามารถเคลื่อนไหวได้เช่นเดียวกับมนุษย์ 
ในวงการวิทยการหุ่นยนต์ เขาก็ถือว่าปัญญาประดิษฐ์เป็นสาขาของเขาเช่นกัน 
ขั้นตอนวิธีเชิงพันธุกรรม (Genetic algorithm) 
- เป็นการประยุกต์นาแนวความคิดทางด้านการวิวัฒนาการที่มีอยู่ในธรรมชาติ มาใช้ในการแก้ปัญหา ทางคณิตศาสตร์และคอมพิวเตอร์ 
- เป็นอัลกอริทึมเชิงสุ่ม (stochastic) (ไม่ได้คาตอบเดิมทุกครั้งที่แก้ปัญหาเดิม) 
มักประยุกต์ใช้ในปัญหาการหาค่าที่เหมาะสมที่สุด (optimization) ที่ไม่สามารถแก้ได้ด้วยวิธีมาตรฐานทาง คณิตศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพ 
แนวคิดที่นาเอาหลักการวิวัฒนาการมาใช้นี้ มีรูปแบบอื่นอีกหลายรูปแบบ เช่น การโปรแกรมเชิง พันธุกรรม (genetic programming) และ evolution strategy อย่างไรก็ตามเทคนิคเหล่านี้มีแนวความคิด หลักเหมือนกัน ต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อยเท่านั้น
ข่ายงานประสาทเทียม (Neural network) 
- ชีวิตประดิษฐ์ (Artificial life) เป็นการศึกษาพฤติกรรมของชีวิตเทียมที่เราออกแบบและสร้างขึ้น 
- ปัญญาประดิษฐ์แบบกระจาย (Distributed Artificial Intelligence) 
สรุป 
ความ เจริญก้าวหน้า ของคอมพิวเตอร์ เป็นไปใน ทุกด้าน ทั้งทางด้าน ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ การ ที่มี พัฒนาการ เจริญก้าวหน้า จึงทาให้ นักคอมพิวเตอร์ ตั้งความหวัง ที่จะทาให้ คอมพิวเตอร์ มีความฉลาด และช่วยทางาน ให้มนุษย์ได้มากขึ้น โดยเฉพาะวิทยาการ ด้านปัญญา ประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ซึ่งเชื่อกันว่า จะเป็นวิทยาการที่ จะช่วยให้มนุษย์ใช้ คอมพิวเตอร์ แก้ปัญหาต่างๆ ที่สำคัญ เช่นการให้ คอมพิวเตอร์ เข้าใจ ภาษามนุษย์ รู้จักการ ใช้เหตุผล การเรียนรู้ ตลอดจนการ สร้างหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ มี ความหมายถึง การสร้าง เครื่องจักร ให้สามารถ ทางาน ได้เหมือนคน ที่ใช้ปัญญา หรืออาจ กล่าวได้ว่า เป็น การ ประดิษฐ์ปัญญา ให้คอมพิวเตอร์ เพื่อให้ คอมพิวเตอร์ สามารถจาลอง การทางานต่างๆ เลียนแบบ พฤติกรรม ของคน โดยเน้นแนวคิด ตามแบบ สมองมนุษย์ ที่มีการวาง แผนการเรียนรู้ การให้เหตุผล การ ตัดสินใจ การแก้ปัญหา ตลอดจน การเลือกแนวทาง ดาเนินการใน ลักษณะคล้ายมนุษย์ ความรู้ ทางด้าน ปัญญาประดิษฐ์ จึงรวมไปถึง การสร้างระบบ ที่ทาให้ คอมพิวเตอร์ สามารถ มองเห็น และจำแนกรูปภาพ หรือ สิ่งต่างๆ ออกจากกัน ในด้าน การฟังเสียง ก็รับรู้ และแยกแยะเสียง และจดจา คาพูด และเสียงต่างๆ ได้ การ สัมผัส และรับรู้ข้อมูล ข่าวสาร จะต้องมี กระบวนการ เก็บความรอบรู้ การถ่ายทอด การแปลความ และการ นาเอา ความรู้มา ใช้ประโยชน์ หากให้ คอมพิวเตอร์ รับรู้ข่าวสาร และเหตุการณ์ ต่างๆ แล้ว ก็สามารถ นาเอา ความรู้ต่างๆ เหล่านั้น มาประมวลผล ได้ ก็จะ มีประโยชน์ได้มาก เช่น ถ้าให้ คอมพิวเตอร์ มีข้อมูล เกี่ยวกับคา ศัพท์ มีความเข้าใจ ในเรื่องประโยค และความหมายแล้ว สามารถ ประมวลผล เข้าใจประโยค ที่รับเข้าไป การ ประมวลผล ภาษาในลักษณะ นี้จึงเรียกว่า การประมวลผล ภาษาธรรมชาติ โดยจุดมุ่งหมาย ที่จะทาให้ คอมพิวเตอร์ มีความสามารถ ในการใช้ภาษา เข้าใจภาษา และนาไปประยุกต์ งานด้านต่างๆ เช่น การ ตรวจสอบ ตัวสะกดใน โปรแกรมประมวลคา ตรวจสอบการ ใช้ประโยคที่กากวม ตรวจสอบ ไวยากรณ์ ที่อาจ ผิดพลาด และหากมี ความสามารถ ดีก็จะนาไปใช้ ในเรื่อง การแปลภาษาได้ ปัญญาประดิษฐ์ จึงเป็นเรื่องที่ นักวิจัย ได้พยายาม ดาเนินการ และสร้างรากฐาน ไว้สาหรับอนาคต มีการคิดค้น หลักการ ทฤษฎี และวิธีการ ต่างๆ เพื่อทาให้ คอมพิวเตอร์ สามารถทางาน อย่างมีเหตุผล มีการพัฒนา โครงสร้างฐาน ความรอบรู้ ปัญญาประดิษฐ์ เป็นวิชาการ ที่มีหลักการต่างๆ มากมาย และมีการนาออกไป ใช้บ้างแล้ว เช่น การแทน ความ รอบรู้ ด้วยโครงสร้าง ข้อมูล ลักษณะพิเศษ การคิดหาเหตุผล เพื่อนาข้อสรุป ไปใช้งาน การค้นหา เปรียบเทียบ รูปแบบ ตลอดจน กระบวนการเรียนรู้ ที่เป็นประโยชน์ อย่างมีขั้นตอน เพื่อให้ เครื่องคอมพิวเตอร์ สะสม ความรู้ได้เอง
ตารางเปรียบเทียบ ปัญญาของมนุษย์และ AI
Phishing 
ในปี 2554 ที่ผ่านมา สถิติภัยคุกคามที่แจ้งมายังเว็บไซต์ไทยเซิร์ตมากที่สุดคือภัยคุกคามประเภท การฉ้อฉลฉ้อโกงหรือหลอกลวงเพื่อผลประโยชน์ (Fraud) ดังรูปที่ 1 ซึ่งแทบจะทั้งหมดเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Phishing ดังนั้นบทความนี้จึงขอนำท่านผู้อ่านให้ทำความรู้จักและระวังตัวจากภัยชนิดนี้ 
รูปที่ 1 สถิติภัยคุกคามระหว่างเดือนกรกฏาคมถึงธันวาคมปี 2554 จำแนกตามประเภทภัยคุกคาม [1] 
Phishing คือคำที่ใช้เรียกเทคนิคการหลอกลวงโดยใช้อีเมลหรือหน้าเว็บไซต์ปลอมเพื่อให้ได้มาซึ่ง ข้อมูล เช่น ชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน หรือข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับ อนุญาต หรือสร้างความเสียหายในด้านอื่น ๆ เช่น ด้านการเงิน เป็นต้น ในบทความนี้จะเน้นในเรื่องของ Phishing ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อหลอกลวงทางการเงิน เนื่องจากจะทำให้ผู้อ่านมองเห็นผลกระทบได้ง่าย คำว่า Phishing เป็นคำพ้องเสียงจากคำว่า Fishing ซึ่งหมายถึงการตกปลา หากจะเปรียบเทียบง่าย ๆ ผู้อ่านสามารถจินตนาการได้ว่า เหยื่อล่อที่ใช้ในการตกปลา ก็คือกลวิธีที่ผู้โจมตีใช้ในการหลอกลวงผู้เสียหาย ซึ่งเหยื่อล่อที่เด่น ๆ ในการหลอกลวงแบบ Phishing มักจะเป็นการปลอมอีเมล หรือปลอมหน้าเว็บไซต์ที่มี ข้อความซึ่งทำให้ผู้เสียหายอ่านแล้วหลงเชื่อ เช่น ปลอมอีเมลว่าอีเมลฉบับนั้นถูกส่งออกมาจากธนาคารที่ ผู้เสียหายใช้บริการอยู่ โดยเนื้อความในอีเมลแจ้งว่า ขณะนี้ธนาคารมีการปรับเปลี่ยนระบบรักษาความมั่นคง ปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า และธนาคารต้องการให้ลูกค้าเข้าไปยืนยันความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลผ่านทาง ลิงก์ที่แนบมาในอีเมล เป็นต้น เมื่อผู้เสียหายคลิกที่ลิงก์ดังกล่าว ก็จะพบกับหน้าเว็บไซต์ปลอมของธนาคารซึ่งผู้ โจมตีได้เตรียมไว้ เมื่อผู้เสียหายเข้าไปล็อกอิน ผู้โจมตีก็จะได้ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของผู้เสียหายไปในทันที ใน หลาย ๆ ครั้งการหลอกลวงแบบ Phishing จะอาศัยเหตุการณ์สำคัญที่เกิดในช่วงเวลานั้น ๆ เพื่อเพิ่มโอกาส ของการหลอกลวงสำเร็จ เช่น อาศัยช่วงเวลาที่มีภัยธรรมชาติหรือโรคระบาด โดยปลอมเป็นอีเมลจากธนาคาร เพื่อขอรับบริจาค เป็นต้น [2]
หน้าเว็บไซต์ปลอมบางหน้าจะใช้วิธีการที่แยบยล นั่นคือการฝังโทรจันที่สามารถขโมยข้อมูลที่ต้องการ มากับหน้าเว็บไซต์ปลอมนั้นด้วย เช่น โทรจันที่ทำหน้าที่เป็น Key-logger ซึ่งจะคอยติดตามว่าผู้เสียหายพิมพ์ คีย์บอร์ดอะไรบ้าง เป็นต้น เมื่อผู้เสียหายหลงกล กดลิงก์ตามเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ปลอมก็จะติดโทรจันชนิดนี้ไป โดยอัตโนมัติ และหากผู้เสียหายทำการล็อกอินเข้าใช้งานระบบใด ๆ ข้อมูลชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่าน ของระบบนั้น ก็จะถูกส่งไปยังผู้ไม่ประสงค์ดี [3] [4] 
ตัวอย่างของอีเมลและหน้าเว็บไซต์หลอกลวง มีอยู่มากมายเต็มไปหมดในโลกอินเทอร์เน็ต เช่นรูปที่ 2 ด้านล่าง เป็นรูปของสถาบันทางการเงินแห่งหนึ่ง หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่า URL ที่แสดงขึ้นมา ไม่ใช่ URL ที่ ถูกต้องของสถาบันการเงินนั้น 
รูปที่ 2 ตัวอย่างหน้าเว็บไซต์หลอกลวงของสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง [6] 
นอกจาก Phishing แล้วยังมีเทคนิคการหลอกลวงอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งแต่ละวิธีก็มีชื่อเรียก แตกต่างกันออกไป เช่น 
Vishing และ Smishing: หลายคนคงเคยได้ยินหรือเคยประสบกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่บ้าง พฤติกรรมของแก๊งเหล่านี้เข้าข่ายของ Vishing โดยตัวอักษร ‘V’ นี้มาจากคำว่า Voice ซึ่งแปลว่าเสียง ดังนั้น Vishing จึงเป็นการใช้ Voice ร่วมกับ Phishing ซึ่งมักเป็นการหลอกลวงให้ได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลผ่านทาง โทรศัพท์นั่นเอง แต่หากเป็น Smishing ก็จะเป็นการหลอกลวงโดยใช้ SMS เช่น การได้รับ SMS อ้างว่ามาจาก ธนาคารเพื่อแจ้งลูกค้าว่าบัญชีของท่านถูกระงับ กรุณาติดต่อกลับที่หมายเลข ดังต่อไปนี้ ซึ่งเมื่อโทรตาม หมายเลขที่ระบุไว้ ก็จะเข้าสู่กระบวนการ Vishing ต่อไป เป็นต้น [9]
Spear-phishing และ Whaling: อย่างที่กล่าวมาแล้วในข้างต้นเกี่ยวกับกลวิธีของ Phishing ในการ นำไปใช้งาน ผู้ไม่ประสงค์ดีบางคนก็ได้เล็งองค์กร หรือบุคคลที่เป็นเป้าหมายไว้ชัดเจนอยู่แล้ว บุคคลที่มักตก เป็นเป้าหมายส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในองค์กร มีความสามารถหรือรู้วิธีการเข้าถึงข้อมูลสำคัญของ องค์กร การหลอกลวงแบบ Phishing ที่มีเป้าหมายชัดเจนนี้มีคำเรียกเฉพาะคือ Spear-phishing และหาก เป้าหมายของ Spear-phishing นี้เป็นบุคคลที่มีตำแหน่งสูงหรือเป็นบุคคลสำคัญในองค์กร จะเรียกการ หลอกลวงนี้ว่า Whaling (ตลกร้ายที่เปรียบเทียบบุคคลสำคัญเป็นปลาตัวโต ในที่นี้คือปลาวาฬนั่นเอง) [10] 
แล้วผู้อ่านควรระวังตัวอย่างไร? ข้อแนะนำต่อไปนี้ สามารถลดโอกาสไม่ให้ผู้อ่านถูกหลอกลวง ได้ [2] [6] [7] [8] 
ไม่เปิดลิงก์ที่แนบมาในอีเมล เนื่องจากมีโอกาสสูงที่จะถูกหลอกลวง เพราะบางครั้งลิงก์ที่มองเห็นใน อีเมลว่าเป็นเว็บไซต์ของธนาคาร แต่เมื่อคลิกไปแล้วอาจจะไปที่เว็บไซต์ปลอมที่เตรียมไว้ก็เป็นได้ เนื่องจากใน การสร้างลิงก์นั้นสามารถกำหนดให้แสดงข้อความหรือรูปภาพได้ตามต้องการ ดังนั้นบางเว็บไซต์ปลอมจึงทำ URL ให้สังเกตความแตกต่างจาก URL จริงได้ยาก 
พึงระวังอีเมลที่ขอให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะหากเป็นอีเมลที่มาจากสถาบันการเงิน ทั้งนี้ธนาคารหลายแห่งได้แจ้งอย่างชัดเจนว่า ธนาคารไม่มีนโยบายในการขอให้ลูกค้าเปิดเผยเลขประจำตัว หรือข้อมูลที่มีความสำคัญอื่น ๆ ผ่านทางอีเมลโดยเด็ดขาด 
ไม่เปิดลิงก์ที่แนบมาในอีเมล เนื่องจากในปัจจุบัน ผู้โจมตีมีเทคนิคมากมายในการปลอมชื่อผู้ส่งให้ เหมือนมาจากองค์กรนั้นจริง ๆ หากต้องการเข้าใช้งานเว็บไซต์นั้น ขอให้พิมพ์ URL ด้วยตัวเอง 
สังเกตให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ที่ใช้งานเป็น HTTPS ก่อนให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญ เช่น เลขบัตรเครดิต หรืออื่น ๆ 
ลบอีเมลน่าสงสัยออกไป เพื่อไม่ให้พลั้งเผลอกดเปิดครั้งถัดไป 
ติดตั้งโปรแกรม Anti-Virus, Anti-Spam และ Firewall เนื่องจากผลพลอยได้อย่างหนึ่งของการ ติดตั้ง Firewall คือสามารถทำการยับยั้งไม่ให้โทรจันแอบส่งข้อมูลออกไปจากระบบได้ นอกจากนี้ ผู้ใช้ควร หมั่นศึกษาและอัพเดทโปรแกรมดังกล่าวให้เป็นรุ่นปัจจุบันเสมอ 
หากท่านผู้อ่านพบเห็นเว็บไซต์หลอกลวงซึ่งมีจุดประสงค์ในการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล สามารถแจ้ง เหตุภัยคุกคามได้ที่เจ้าของบริการเหล่านั้น หรือส่งอีเมลมาที่ report[@]thaicert.or.th ตลอด 24 ชั่วโมงหรือ โทร 02-142-2483 ในเวลา 8.30-17.30 ทุกวันทำการ 
หากรู้ตัวว่าพลาดท่าไปแล้ว จะทำอย่างไรดี? ข้อแนะนำต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ผู้เสียหายควรปฏิบัติตามโดย ทันที [2] 
ในกรณีที่เป็นข้อมูลสำคัญขององค์กร ผู้เสียหายควรแจ้งเรื่องไปยังบุคคลที่เหมาะสมรวมทั้งผู้ดูแล ระบบ เพื่อเป็นการเตรียมมาตราการปกป้ององค์กรต่อไป 
ในกรณีที่เป็นข้อมูลบัญชีธนาคาร ผู้เสียหายควรแจ้งเรื่องไปยังธนาคารที่ใช้บริการ และทำการปิดบัญชี ที่คาดว่าสามารถถูกขโมยได้ หรือเฝ้าระวังการใช้งานบัญชีอย่างต่อเนื่อง
ทำการเปลี่ยนรหัสผ่าน ในทุกระบบที่ใช้รหัสผ่านเดียวกัน และไม่กลับมาใช้รหัสผ่านนั้นอีก 
ถึงแม้ Phishing เป็นภัยคุกคามที่สร้างความเสียหายมากมาย แต่ก็สามารถระมัดระวังตัวได้ หากผู้ใช้มี ความตระหนักในการใช้งานอินเทอร์เน็ต รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้น
แหล่งอ้างอิง 
1. http://www.thaicert.or.th/statistics2011.html 2. http://www.us-cert.gov/cas/tips/ST04-014.html 3. http://www.focus.com/fyi/44-ways-protect-phishing/ 4. http://www.theregister.co.uk/2007/02/23/trojan_phishing_attack/ 5. http://www.bustspammers.com/phishing_links.html 6. http://www.scb.co.th/th/about-scb/phishing-mail 7. http://www.kasikornbank.com/TH/Phishing_Website_Report/Pages/PhishingWebsiteReport. aspx 8. http://www.tmbbank.com/personal/e-banking/popup/Phishing.html 9. http://www.usatoday.com/tech/news/story/2011-10-18/smishing-bank-scam/50817688/1 10. http://blogs.iss.net/archive/SpearPhishing.html 
11. http://www.sanphun.co.th/2012/article/?s=10 
12. http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E 
0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%AA, 13. http://www.tat.or.th/webservice.asp 
14. http://en.wikipedia......ation_hybrid) 15. http://www.programmableweb.com 16. http://www.kapowtech.com/index.html 17. http://openkapow.com/Default.aspx 18. http://tendou-jp.blogspot.com/2013/04/gadget.html 
19. http://www.satriwit3.ac.th/external_links.php?links=6058 
20. http://elearning.northcm.ac.th/mis/content.asp?ContentID=75&LessonID=11 
21. http://www.kitty.in.th/index.php?room=article&id=61

More Related Content

What's hot

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 อินเทอร์เน็ต(แก้ไข)
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4  อินเทอร์เน็ต(แก้ไข)หน่วยการเรียนรู้ที่ 4  อินเทอร์เน็ต(แก้ไข)
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 อินเทอร์เน็ต(แก้ไข)Prapatsorn Keawnoun
 
เอกสารกันลืมของCirno(สำหรับผู้ใช้linuxทั่วไป)
เอกสารกันลืมของCirno(สำหรับผู้ใช้linuxทั่วไป)เอกสารกันลืมของCirno(สำหรับผู้ใช้linuxทั่วไป)
เอกสารกันลืมของCirno(สำหรับผู้ใช้linuxทั่วไป)Rose Banioki
 
การเขียนโปรแกรมบนเว็บ
การเขียนโปรแกรมบนเว็บการเขียนโปรแกรมบนเว็บ
การเขียนโปรแกรมบนเว็บKhon Kaen University
 
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการSiriwan Udomtragulwong
 
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการSiriwan Udomtragulwong
 
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการrunjaun
 

What's hot (9)

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 อินเทอร์เน็ต(แก้ไข)
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4  อินเทอร์เน็ต(แก้ไข)หน่วยการเรียนรู้ที่ 4  อินเทอร์เน็ต(แก้ไข)
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 อินเทอร์เน็ต(แก้ไข)
 
เอกสารกันลืมของCirno(สำหรับผู้ใช้linuxทั่วไป)
เอกสารกันลืมของCirno(สำหรับผู้ใช้linuxทั่วไป)เอกสารกันลืมของCirno(สำหรับผู้ใช้linuxทั่วไป)
เอกสารกันลืมของCirno(สำหรับผู้ใช้linuxทั่วไป)
 
Ch07
Ch07Ch07
Ch07
 
Joomla3 : XAMPP Portable
Joomla3 : XAMPP PortableJoomla3 : XAMPP Portable
Joomla3 : XAMPP Portable
 
การเขียนโปรแกรมบนเว็บ
การเขียนโปรแกรมบนเว็บการเขียนโปรแกรมบนเว็บ
การเขียนโปรแกรมบนเว็บ
 
Ch19
Ch19Ch19
Ch19
 
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการ
 
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการ
 
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการ
 

Viewers also liked

Flow chart การดำเนินงาน ทวิภพ
Flow chart การดำเนินงาน ทวิภพFlow chart การดำเนินงาน ทวิภพ
Flow chart การดำเนินงาน ทวิภพItt Bandhudhara
 
การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์
การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์
การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์Hami dah'Princess
 
การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์
การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์ การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์
การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์ Itt Bandhudhara
 
พจนานุกรมคำเทียบศัพท์คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
พจนานุกรมคำเทียบศัพท์คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศพจนานุกรมคำเทียบศัพท์คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
พจนานุกรมคำเทียบศัพท์คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศItt Bandhudhara
 
วรรณกรรมเรื่อง ทวิภพ
วรรณกรรมเรื่อง ทวิภพวรรณกรรมเรื่อง ทวิภพ
วรรณกรรมเรื่อง ทวิภพItt Bandhudhara
 

Viewers also liked (7)

Phishing
PhishingPhishing
Phishing
 
Storyboardthwiphp
StoryboardthwiphpStoryboardthwiphp
Storyboardthwiphp
 
Flow chart การดำเนินงาน ทวิภพ
Flow chart การดำเนินงาน ทวิภพFlow chart การดำเนินงาน ทวิภพ
Flow chart การดำเนินงาน ทวิภพ
 
การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์
การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์
การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์
 
การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์
การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์ การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์
การทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์
 
พจนานุกรมคำเทียบศัพท์คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
พจนานุกรมคำเทียบศัพท์คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศพจนานุกรมคำเทียบศัพท์คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
พจนานุกรมคำเทียบศัพท์คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
 
วรรณกรรมเรื่อง ทวิภพ
วรรณกรรมเรื่อง ทวิภพวรรณกรรมเรื่อง ทวิภพ
วรรณกรรมเรื่อง ทวิภพ
 

Similar to Ftp rss mashup gedget widget ai phishing

การใช้เครื่องมือต่างๆ1
การใช้เครื่องมือต่างๆ1การใช้เครื่องมือต่างๆ1
การใช้เครื่องมือต่างๆ1guestdfabcfa
 
การใช้เครื่องมือต่างๆ
การใช้เครื่องมือต่างๆการใช้เครื่องมือต่างๆ
การใช้เครื่องมือต่างๆguest3f77f6
 
การใช้เครื่องมือต่างๆ1
การใช้เครื่องมือต่างๆ1การใช้เครื่องมือต่างๆ1
การใช้เครื่องมือต่างๆ1guestdfabcfa
 
การใช้เครื่องมือต่างๆ
การใช้เครื่องมือต่างๆการใช้เครื่องมือต่างๆ
การใช้เครื่องมือต่างๆguest3f77f6
 
การใช้เครื่องมือต่างๆ12
การใช้เครื่องมือต่างๆ12การใช้เครื่องมือต่างๆ12
การใช้เครื่องมือต่างๆ12guest7878b9
 
อินเตอร์เน็ตเบื้องต้นสำหรับครูยุคใหม่
อินเตอร์เน็ตเบื้องต้นสำหรับครูยุคใหม่อินเตอร์เน็ตเบื้องต้นสำหรับครูยุคใหม่
อินเตอร์เน็ตเบื้องต้นสำหรับครูยุคใหม่Kobwit Piriyawat
 
บริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ต2
บริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ต2บริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ต2
บริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ต2Peetza
 
เผยแพร่ความรู้ออนไลน์ ใหม่
เผยแพร่ความรู้ออนไลน์ ใหม่เผยแพร่ความรู้ออนไลน์ ใหม่
เผยแพร่ความรู้ออนไลน์ ใหม่jamiezaa123
 
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการ0804000803
 

Similar to Ftp rss mashup gedget widget ai phishing (20)

ใบงานที่ 4
ใบงานที่ 4ใบงานที่ 4
ใบงานที่ 4
 
ใบงานที่ 4
ใบงานที่ 4ใบงานที่ 4
ใบงานที่ 4
 
Ftp
FtpFtp
Ftp
 
การใช้เครื่องมือต่างๆ1
การใช้เครื่องมือต่างๆ1การใช้เครื่องมือต่างๆ1
การใช้เครื่องมือต่างๆ1
 
การใช้เครื่องมือต่างๆ
การใช้เครื่องมือต่างๆการใช้เครื่องมือต่างๆ
การใช้เครื่องมือต่างๆ
 
การใช้เครื่องมือต่างๆ1
การใช้เครื่องมือต่างๆ1การใช้เครื่องมือต่างๆ1
การใช้เครื่องมือต่างๆ1
 
การใช้เครื่องมือต่างๆ
การใช้เครื่องมือต่างๆการใช้เครื่องมือต่างๆ
การใช้เครื่องมือต่างๆ
 
การใช้เครื่องมือต่างๆ12
การใช้เครื่องมือต่างๆ12การใช้เครื่องมือต่างๆ12
การใช้เครื่องมือต่างๆ12
 
อินเตอร์เน็ตเบื้องต้นสำหรับครูยุคใหม่
อินเตอร์เน็ตเบื้องต้นสำหรับครูยุคใหม่อินเตอร์เน็ตเบื้องต้นสำหรับครูยุคใหม่
อินเตอร์เน็ตเบื้องต้นสำหรับครูยุคใหม่
 
Php
PhpPhp
Php
 
บริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ต2
บริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ต2บริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ต2
บริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ต2
 
NETWORK SERVICEOPENSSH + NTP + SQUID
NETWORK SERVICEOPENSSH + NTP + SQUIDNETWORK SERVICEOPENSSH + NTP + SQUID
NETWORK SERVICEOPENSSH + NTP + SQUID
 
Presentation2
Presentation2Presentation2
Presentation2
 
โปรโตคอล
โปรโตคอลโปรโตคอล
โปรโตคอล
 
เผยแพร่ความรู้ออนไลน์ ใหม่
เผยแพร่ความรู้ออนไลน์ ใหม่เผยแพร่ความรู้ออนไลน์ ใหม่
เผยแพร่ความรู้ออนไลน์ ใหม่
 
Protocol
ProtocolProtocol
Protocol
 
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการ
 
Joomla CMS
Joomla CMSJoomla CMS
Joomla CMS
 
Software
SoftwareSoftware
Software
 
OSI Model
OSI ModelOSI Model
OSI Model
 

Ftp rss mashup gedget widget ai phishing

  • 1. จัดทำโดย นายปฏิญญา พันธ์ธร 56131109031 ชั้นปีที่ 2 หมู่เรียน 01 สาขาวิชาภาษาไทย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
  • 2. FTP FTP เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับ upload/download หรือดูโครงสร้างของไฟล์และ directory ใน Server FTP (File Transfer Protocol) เป็นมาตรฐานในการถ่ายโอนไฟล์ และเป็นส่วนหนึ่งของชุดโปรโตคอล TCP/IP มีประโยชน์มากสำหรับการรับส่งไฟล์ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นเครื่องลูก (FTP Client) กับ เครื่องที่เป็นเครื่องให้บริการ (FTP Server) โดยเครื่องFTP Client อาจจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้งาน กันทั่วไป ส่วนเครื่อง FTP Server ก็อาจจะเป็นเครื่อง PC ธรรมดาจนถึงเครื่องที่มีสมรรถภาพสูง FTP (File Transfer Protocol) เป็นระบบโอนย้ายไฟล์ข้ามระบบเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีความ ปลอดภัยพอสมควร โดยใช้โปรโตคอล TCP เป็นกลไกขนส่งข้อมูล การเข้าใช้งานผู้ใช้จะต้องแนะนำตนเองต่อ เซิร์ฟเวอร์ด้วยชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน จากนั้นจะแสดงชื่อโฟล์เดอร์และชื่อไฟล์ที่มีอยู่ออกมา ความสามารถของ FTP ทำให้ไคลเอนต์โอนย้ายไฟล์ ระหว่างไคลเอนต์ และ FTP Server ได้ รวมทั้งระหว่างเครื่องสองเครื่องที่อยู่ ห่างไกลกัน FTP เป็นโปรโตคอลที่ยุ่งยากพอสมควร เพราะต้องสร้างช่องทางสื่อสารในระดับ TCP ถึงสองช่องทาง โดยช่องหนึ่งสำหรับโอนถ่ายข้อมูลและอีกหนึ่งใช้ส่งคำสั่ง เซิร์ฟเวอร์จะต้องมีตัวแปลโปรโตคอล (PI: Protocol Interpreter) สำหรับทำหน้าที่แปลและดำเนินงานตามคำสั่งของ FTP นอกจากนี้ยังต้องมีโมดูล โดนย้ายข้อมูล ที่เรียกว่า DT (Data Transfer ) มารับผิดชอบจัดการกับข้อมูล ทั้ง PI ได้ โดยเรียกใช้ Telnet หรือไม่ก็จัดการ โปรโตคอล Telnet หรือไม่ก็จัดการโปรโตคอล Telnet ใหม่ทั้งหมดเอง คำสั่งของ FTP FTP (File Transfer Protocal) คือ มาตรฐานที่กำหนดใช้เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลหรือการ Upload / Download ข้อมูลบน Internet ครับ โดยเราจะใช้โปรแกรมที่เรียกว่า FTP Client มาช่วยในการ Upload / Download ข้อมูลไปเก็บไว้ที่ Server เช่น โปรแกรม CuteFTP, WS_FTP ฯลฯ FTP (File Transfer Protocol) คือการถ่ายโอนไฟล์ หรือเรียกได้อีกอย่างว่า การคัดลอกแฟ้มข้อมูล บนเครือข่าย คือ การโอนย้ายแฟ้มข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบหนึ่งมายังอีกระบบหนึ่งผ่านเครือข่าย ซึ่ง ทำได้หลายรูปแบบ เช่น การโอนจากแม่ข่ายมายังเครื่องพีซี หรือเครื่องพีซีไปแม่ข่ายหรือระหว่างแม่ข่าย ด้วยกันเอง การถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลหรือการโอนย้ายแฟ้มข้อมูลอาศัยโปรแกรมหนึ่งที่มีการใช้งานกันมากและมี บริการอยู่ในโฮสต์แทบทุกเครื่อง คือ โปรแกรม FTP FTP มีความสำคัญและประโยชน์อย่างไร ในโลกธุรกิจปัจจุบันที่มีการแข่งขันกันมากในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการผลิต ด้าน การตลาด การ บริหาร การจัดการ และด้านที่ขาดไม่ได้ด้วยเช่นกัน คือ ด้านการสื่อสาร ซึ่งแต่ละธุรกิจมีความจำเป็นต้องใช้ ไม่ ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า การติดต่อสื่อสารภายในหรือระหว่างบริษัท ซึ่ง FTP มีส่วนช่วยอย่างมาก ในการสื่อสารต่างๆ FTP จะช่วยให้การถ่ายโอนข้อมูลเป็นไปได้ง่ายมากขึ้น แต่ละบริษัทหรือหน่วยงานสามารถ มีข้อมูลมากมายหลายรูปแบบที่ต้องการสื่อสารไปยังแหล่งอื่น หรือแม้แต่ต้องการข้อมูลที่เป็นประโยชน์จาก แหล่งอื่นเข้ามาใช้ เช่น ข้อมูลข่าวสารประจำวัน บทความ ข้อมูลทางสถิติ ผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์
  • 3. เป็นต้น การจะเดินทางไปเอาข้อมูลต่างๆ เองก็ถือเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ในเมื่อมีเทคโนโลยีเข้า มาช่วยเหลือแล้ว FTP จะเป็นตัวช่วยให้การได้รับข้อมูลเหล่านี้สามารถทำได้ง่ายยิ่งขึ้นเพียงอยู่หน้า จอคอมพิวเตอร์เท่านั้น ผู้ใช้งานสามารถใช้ FTP ในการโอนข้อมูลจำนวนมากจากแหล่งที่อนุญาต ให้ใช้ได้ ซึ่ง เรียกว่าเป็นแหล่งบริการ FTP ซึ่งมักเป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลข่าวสารต่างๆอยู่มาก และเปิดบริการทั่วไป เพียง แค่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเข้าไปใช้บริการคัดลอกแฟ้มข้อมูลต่างๆ มาใช้งาน วิธีการทำงานของ FTP Ftp ทำงานในแบบไคลเอนต์เซิร์ฟเวอร์ โดยพัฒนาขึ้นตามโปรโตคอลพื้นฐาน TCP ซึ่งจะต้องมีการ ติดต่อเพื่อจองช่องสื่อสาร (Connection Establishment) ก่อนทำการสื่อสารจริง ซึ่งเรียกว่าเป็นการติดต่อ แบบที่ต้องขอเชื่อมต่อก่อน (Connection - Oriented) ในการใช้งาน FTP เพื่อเริ่มการติดต่อสื่อสารนั้น จะต้องระบุหมายเลข IP ปลายทาง และต้องผ่านการแจ้งรหัส Login และ Password ของเซิร์ฟเวอร์ที่จะ ติดต่อก่อนจึงจะเข้าใช้งานได้ ข้อมูลของ FTP ที่สื่อสารระหว่างกันมี 2 ประเภทคือ • ข้อมูล (Data) หมายถึงข้อมูลต่างๆที่ต้องการรับส่ง รวมทั้งไฟล์ที่รับมาจากเซิร์ฟเวอร์ หรือส่งมาจาก ไคลเอนต์แล้วไปเก็บที่เซิร์ฟเวอร์ • ข้อมูลคำสั่ง (Command) FTP จะมีคำสั่งที่ใช้สั่งงานต่างๆ เช่น dir เป็นคำสั่งที่ใช้แสดงชื่อไฟล์หรือ ไดเรคทอรีในเครื่องเซิร์ฟเวอร์ หรือ get ใช้โหลดไฟล์มาที่เครื่องไคลเอนต์ผ่านโปรแกรม FTP แล้วโปรแกรม จะส่งคำสั่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ เพื่อทำงาน และแจ้งผลการทำงานกลับมายังไคลเอนต์ ซึ่งผลการทำงานนี้ จะนำหน้าด้วยตัวเลข 3 หลัก เป็นรหัสที่ใช้แสดงสถานะการทำงานภายในของ FTP และต่อด้วยข้อความที่ เป็นเท็กซ์ต่อท้าย ซึ่งก็คือผลการทำงานหรือคำอธิบายต่างๆ โดยที่ FTP มีกระบวนการภายในที่จะ ตรวจสอบได้ว่าข้อมูลที่จะรับส่งนี้เป็นประเภทคำสั่งไม่ใช่ตัวข้อมูลที่ต้องการจะโอนย้าย การที่ FTP สามารถ แยกแยะข้อมูลจริงออกจากข้อมูลที่เป็นคำสั่งได้นั้น ถือว่าเป็นหน้าที่การทำงานของโมดูลใน FTP ที่เรียกว่า โปรโตคอล (Protocol Interpreter Module หรือ PI) ซึ่งทำหน้าที่รองรับการทำงานคำสั่งต่างๆของ FTP และในส่วนของข้อมูลที่รับส่งนั้นจะเป็นหน้าที่ของโมดูลโอนข้อมูล (Data Transfer หรือ DT) ซึ่งโมดูลทั้ง สองนี้จะต้องทำงานอยู่ทั้งในเครื่องที่เป็นเซิร์ฟเวอร์ และไคลเอ็นต์ ส่วน Shareware หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่ผู้ผลิตแจกให้ลองไปใช้ดูก่อน และเมื่อใช้แล้วพอใจจะนำไปใช้ จริงก็ค่อยส่งเงินมาชำระทีหลัง ถ้าไม่นำไปใช้จริงก็ไม่ต้องส่งเงินมาชำระ ผู้ผลิต Freeware และ ผู้ผลิต Shareware จะทำการส่งซอฟต์แวร์ของตนเองที่ต้องการแจกจ่ายไปไว้ ที่คอมพิวเตอร์ที่เป็น ftp server และใครก็ตามที่สนใจจะลองนำไปซอฟต์แวร์ของผู้ผลิตไปใช้ดูก็ให้ไปทำ การ download จากคอมพิวเตอร์ที่เป็น ftp server เครื่องนั้นมายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเอง ในบาง กรณีถ้าท่านมีข้อมูลที่น่าสนใจและต้องการเผยแพร่ ท่านก็สามารถส่งข้อมูลนั้นไปไว้ที่ ftp server ได้ ตัวอย่าง ftp server เช่น ftp.chula.ac.th
  • 4. RSS RSS หรือ Really Simple Syndication เป็นบริการใหม่บนเว็บไซต์ภาษา XML ใช้สำหรับดึงข่าวจาก เว็บต่างๆ มาแสดงบนหน้าเว็บเพจ โดยนำมาเฉพาะหัวข้อข่าว เมื่อผู้ใช้คลิกลิงค์ก็จะแสดงรายละเอียดข่าวใน เว็บต้นฉบับนั้นๆ โดยที่หัวข้อข่าวจะอัปเดตตามเว็บต้นทาง ซึ่งการดึงหัวข้อข่าวไปแสดงนั้นจะมีส่วนประกอบ ทั้งหมดสามส่วนคือส่วนผู้ให้บริการดึงข่าว และส่วนผู้สร้างเว็บไซต์ใช้ทั่วไปที่ต้องการดึงข่าวไปแสดง และส่วน ผู้ใช้ทั่วไป RSS ช่วยลดข้อจำกัดในการคัดลอกข้อมูลในเว็บไซต์โดยเฉพาะกรณีการละเมิดลิขสิทธิ์ ขณะที่ผู้สร้าง ไม่ต้องเสียเวลาทำหน้าเพจแสดงข่าว ซึ่งต้องทำทุกครั้งเมื่อต้องการเพิ่มข่าว โดย RSS จะดึงข่าวมาอัตโนมัติ ทำ ให้ข้อมูลบนเว็บไซต์เป็นศูนย์กลางมากขึ้น ปัจจุบัน RSS ถูกนำมาประยุกต์ใช้เป็นรูปแบบกลางในการบริการข้อมูลทางธุรกิจ และมีการแข่งขันกัน สูง โดยเฉพาะธุรกิจที่มีการแชร์ข้อมูล เช่นเว็บไซต์ข่าว เว็บล็อก ซึ่งจะมีการแสดงข้อมูลบนหน้าต่างพรีวิวแยก ต่างหากเพื่อให้ผู้ใช้ไม่สับสน รวมถึงสามารถสืบค้นข้อมูลได้ จุดเด่นของ RSS คือผู้ใช้จะไม่จำเป็นต้องเข้าไปตามเว็บไซต์ต่างๆเพื่อดูว่ามีข้อมูลอัปเดตใหม่หรือไม่ ขณะที่เว็บไซต์แต่ละแห่งอาจมีระยะความถี่ในการอัปเดตไม่เท่ากัน บางครั้งผู้ใช้ยังอาจหลงลืมจนเข้าไปดู เนื้อหาอัพเดทใหม่บนเว็บไม่ครบถ้วน รูปแบบ RSS จะช่วยให้ผู้สามารถรับข่าวสารอัปเดตใหม่ได้โดยไม่ต้องเข้า ไปดูทุกครั้งให้เสียเวลา ได้ประโยชน์ทั้งฝ่ายผู้บริโภคและฝ่ายเจ้าของเว็บไซต์ วิธีการใช้งาน และการติดตามข่าวสาร โดยใช้โปรแกรม RSS Reader? บริการ TAT RSS เป็นบริการที่จะช่วยให้คุณจะไม่พลาดทุกข่าวสารใหม่ๆ จากเว็บไซต์ www.tat.or.th โดยใช้โปรแกรม RSS Reader มีลักษณะคล้ายกับ โปรแกรม MS-Outlook ใช้งานง่าย และ สะดวกเป็นอย่างยิ่ง โดยมีวิธีการติดตั้งโปรแกรม RSS Reader ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 : ดาวน์โหลด ตัวติดตั้งโปรแกรม RssReader ( ขนาด 1.4 MB ) http://www.rssreader.com/download/rssreader.exe ขั้นตอนที่ 2 : ติดตั้งโปรแกรม RssReader หลังจากที่ดาว์นโหลดตัวติดตั้งโปรแกรม RssReader ไฟล์ rssreader.exe มาเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มทำการติดตั้ง โปรแกรม โดย กดดับเบิ้ลคลิก ที่ไฟล์ rssreader.exe แล้วก็ กดตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ
  • 5. Mashup MashUp เป็นวิธีการหนึ่งในการการสร้าง application ( Rich Application, Web Application ) ด้วยการดึงข้อมูลจากแหล่งที่มา ( Sources : Web Site .. etc. ) หลายๆแหล่ง มารวมกันเพื่อสร้าง application ใหม่ๆ ขึ้นมา ตัวอย่างเช่น Google Map เป็นต้น ถ้าเปรียบในการแต่งเพลง ก็คือ การ mix เพลง นั่นเอง ซึ่งจะเรียกว่าการ MashUp เนื้อหา ( Content ) ที่ใช้งานในการทำ MashUp นั้นจะเรียกใช้ผ่าน Public Interface หรือ API ที่ผู้ให้บริการ ( Provider ) จัดเตรียมไว้ให้ โดย API เหล่านี้จะมีการรับส่งข้อมูลในลักษณะที่เป็น Web Feed เช่น RSS, Atom, Web Services และ Screen Scraping เป็นต้น Vendor เจ้าใหญ่ๆ ให้ความสนใจในการทำ MashUp อย่างกว้างขวาง เช่น Microsoft, Google, eBay, Amazon, Flickr และ Yahoo โดย vendor เหล่านี้จะเตรียมโปรแกรมช่วยในการทำ MashUp ซึ่งเรียกว่า MashUp Editor MashUp Editor คือ WYSUWYG ของ MashUp นั่นเอง โดยเครื่องมือตัวนี้จะมีหน้าตามเป็น Graphic User Interface ใช้งานง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างของ MashUp Editor เช่น http://mashupawards.com/create/ Microsoft: http://www.popfly.com/ Yahoo: http://pipes.yahoo.com/pipes/ Google MashUp Editor: http://googlemashups.com/ ประเภทของ MashUp MashUp แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. Consumer MashUp 2. Data MashUp 3. Business MashUp 1. Consumer MashUp เป็นการรวมข้อมูลจากหลายๆ ที่มารวมกันไว้ แล้วทำซ่อนข้อมูลเหล่านี้ด้วย การแสดงผลแบบ GUI ตั้วอย่างที่เห้นได้ชัดเจนคือ Google Map นั่นเอง
  • 6. 2. Data MashUp หรือ Enterprise MashUp เป็นการรวมข้อมูลจากหลายๆ ที่มารวมกันไว้ โดยจะไม่มีส่วนแสดงผล เช่น RSS, Atom เป็นต้น ถ้าเป็น website ก็เช่น www.rssthai.com 3. Business MashUp เป็นการรวมทั้ง Consumer MashUp และ Data MashUp เข้าด้วยกัน ทำให้ผู้ใช้งานใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้นระบบ business application Software ทั้งฟรีและเสียเงิน ซึ่งจะเป็นระบบ MashUp ที่รวม content จากที่ต่างๆ มาเก็บไว้เพื่อ เตรียมให้บริการ เช่น http://openkapow.com http://www.kapowtech.com
  • 7. Gadget Gadget คือ เทคโนโลยีขนาดเล็ก ซึ่งอาจจะเป็นโปรแกรมหรือสิ่งประดิษฐ์ที่มีใช้งานกันอยู่ในหลาย ๆ ด้าน ส่วนใหญ่จะเป็นด้านความบันเทิง หรือเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ตัวอย่างเช่น ในหน้าจอของ Window Vista น้อง ๆ คงจะเคยเห็นนาฬิกา ปฏิทิน หรือโน้ต ที่ไว้แปะเตือนความจำบน Desktop หรือแม้แต่ ตุ๊กตาในรูปซึ่งเป็นหุ่นไดโนเสาร์ Pleo รองรับ SD Card เพื่อบันทึกเสียงได้ เหล่านี้ล่ะค่ะเป็นตัวอย่างของสิ่ง ที่ถูกเรียกว่า Gadget Microsoft ได้แบ่ง Gadget ออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. Web gadgets คือ โปรแกรมที่ทำงานบนเว็บไซต์ เช่น Live.com หรือ Spaces.Live.com 2. Sidebar gadgets คือ โปรแกรมที่ทำงานบน Desktop หรือที่วางอยู่ด้านข้างของ Window (Windows Sidebar) 3. SideShow gadgets คือ อุปกรณ์ที่ทำงานแสดงผลรูปแบบต่างๆ ได้ เช่น ฝาด้านนอกของ Laptop หรือ panel บนคีย์บอร์ดและมือถือ สรุปว่า Gadget คือสิ่งประดิษฐ์ของเทคโนโลยีขนาดเล็ก ซึ่งอาจจะเป็นโปรแกรม อุปกรณ์ หรือแม้แต่ ของเล่นที่มีการใส่ความทันสมัยเข้าไปเพื่อมอบความบันเทิงให้กับ ผู้ใช้
  • 8. Widget Widget (วิจิท) คือ ชุดคำสั่งโปรแกรมขนาดเล็ก หรือโปรแกรมสำหรับการควบคุมในการทำงานที่ สร้างจากโปรแกรมแฟลช หรือจาวาสคริปต์ ช่วยรองรับการทำงานของอินเตอร์เฟสกับแอพพลิเคชั่นหรือ ระบบปฏิบัติการ Widget ที่พบกันบ่อยๆ เช่น ปุ่ม ไอคอน และแถบเมนู Widget ถูกนำไปติดไว้บนเว็บไซต์ต่าง ๆ หน้าจอคอมพิวเตอร์ รวมถึง บล็อค และมือถือด้วย Widget เพิ่มสีสันและลูกเล่นในการใช้งานมือถือมากขึ้นโทรศัพท์มือถือโดยทั่วไป ผู้ใช้ต้องทำการเลือก Widget ที่ตัวเองต้องการและสมัครสมาชิกบนเว็บ จากนั้นโหลดโปรแกรมของผู้ให้บริการ Mobile Widget ลงเครื่อง และล็อกอินถึงจะใช้งาน Widget ที่ตัวเองเลือกไว้ได้
  • 9. ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ เอไอ (AI) ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ เอไอ (AI) หมายถึงความฉลาดเทียมที่สร้างขึ้นให้กับ สิ่งที่ไม่มีชีวิต ปัญญาประดิษฐ์เป็นสาขาหนึ่งในด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ และวิศวกรรมเป็นหลัก แต่ยังรวมถึง ศาสตร์ในด้านอื่นๆอย่างจิตวิทยา ปรัชญา หรือชีววิทยา ซึ่งสาขาปัญญาประดิษฐ์เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับ กระบวนการการคิด การกระทา การให้เหตุผล การปรับตัว หรือการอนุมาน และการทางานของสมอง แม้ว่า ดังเดิมนั้นเป็นสาขาหลักในวิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่แนวคิดหลายๆ อย่างในศาสตร์นี้ได้มาจากการปรับปรุง เพิ่มเติมจากศาสตร์อื่นๆ เช่น การเรียนรู้ของเครื่อง นั้นมีเทคนิคการเรียนรู้ที่เรียกว่า การเรียนรู้ต้นไม้ตัดสินใจ ซึ่งประยุกต์เอาเทคนิคการอุปนัยของ จอห์น สจวร์ต มิลล์ นักปรัชญาชื่อดังของอังกฤษ มาใช้ เครือข่าย ประสาทเทียมก็นาเอาแนวคิดของการทางานของสมองของมนุษย์ มาใช้ในการแก้ปัญหาการแบ่งประเภทของ ข้อมูล และแก้ปัญหาอื่นๆ ทางสถิติ เช่น การวิเคราะห์ความถดถอยหรือ การปรับเส้นโค้ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันวงการปัญญาประดิษฐ์ มีการพัฒนาส่วนใหญ่โดยนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ อีกทั้งวิชา ปัญญาประดิษฐ์ ก็ต้องเรียนที่ภาควิชาคอมพิวเตอร์ของคณะวิทยาศาสตร์หรือคณะวิศวกรรมศาสตร์ เราจึงถือเอาง่าย ๆ ว่า ศาสตร์นี้เป็นสาขาของวิทยาการคอมพิวเตอร์นั่นเอง นิยามของปัญญาประดิษฐ์ มีคำนิยามของปัญญาประดิษฐ์มากมาย ซึ่งสามารถจัดแบ่งออกเป็น 4 ประเภทโดยมองใน 2 มิติ ได้แก่ ระหว่าง นิยามที่เน้นระบบที่เลียนแบบมนุษย์ กับ นิยามที่เน้นระบบที่ระบบที่มีเหตุผล (แต่ไม่จำเป็นต้อง เหมือนมนุษย์) ระหว่าง นิยามที่เน้นความคิดเป็นหลัก กับ นิยามที่เน้นการกระทาเป็นหลัก ปัจจุบันงานวิจัยหลักๆ ของ AI จะมีแนวคิดในรูปที่เน้นเหตุผลเป็นหลัก เนื่องจากการนา AI ไป ประยุกต์ใช้แก้ปัญหา ไม่จาเป็นต้องอาศัยอารมณ์หรือความรู้สึกของมนุษย์ อย่างไรก็ตามนิยามทั้ง 4 ไม่ได้ ต่างกันโดยสมบูรณ์ นิยามทั้ง 4 ต่างก็มีส่วนร่วมที่คาบเกี่ยวกันอยู่ นิยามดังกล่าวคือ 1. ระบบที่คิดเหมือนมนุษย์ (Systems that think like humans) 1.1 [AI คือ] ความพยายามใหม่อันน่าตื่นเต้นที่จะทาให้คอมพิวเตอร์คิดได้ ... เครื่องจักรที่มีสติปัญญา อย่างครบถ้วนและแท้จริง ("The exciting new effort to make computers think ... machines with minds, in the full and literal sense." [Haugeland, 1985]) 1.2 [AI คือ กลไกของ] กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความคิดมนุษย์ เช่น การตัดสินใจ การแก้ปัญหา การ เรียนรู้ ("[The automation of] activities that we associate with human thinking, activities such as decision-making, problem solving, learning." [Bellman, 1978]) หมายเหตุ ก่อนที่จะทาให้เครื่องคิดอย่างมนุษย์ได้ ต้องรู้ก่อนว่ามนุษย์มีกระบวนการคิดอย่างไร ซึ่งการ วิเคราะห์ลักษณะการคิดของมนุษย์ เป็นศาสตร์ด้าน cognitive science เช่น ศึกษาการเรียงตัวของเซลล์ สมองในสามมิติ ศึกษาการถ่ายเทประจุไฟฟ้า และวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทางเคมีไฟฟ้าในร่างกาย ระหว่าง การคิด ซึ่งจนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2548) เราก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่า มนุษย์เรา คิดได้อย่างไร
  • 10. 2. ระบบที่กระทาเหมือนมนุษย์ (Systems that act like humans) 2.1 [AI คือ] วิชาของการสร้างเครื่องจักรที่ทางานในสิ่งซึ่งอาศัยปัญญาเมื่อกระทำโดยมนุษย์ ("The art of creating machines that perform functions that requires intelligence when performed by people." [Kurzweil, 1990]) 2.2 [AI คือ] การศึกษาวิธีทาให้คอมพิวเตอร์กระทาในสิ่งที่มนุษย์ทาได้ดีกว่าในขณะนั้น ("The study of how to make computers do things at which, at the moment, people are better." [Rich and Knight, 1991]) หมายเหตุ การกระทำเหมือนมนุษย์ เช่น - สื่อสารได้ด้วยภาษาที่มนุษย์ใช้ เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ตัวอย่างคือ การแปลงข้อความเป็นคา พูด และ การแปลงคาพูดเป็นข้อความ - มีประสาทรับสัมผัสคล้ายมนุษย์ เช่น คอมพิวเตอร์รับภาพได้โดยอุปกรณ์รับสัมผัส แล้วนาภาพไป ประมวลผล - เคลื่อนไหวได้คล้ายมนุษย์ เช่น หุ่นยนต์ช่วยงานต่าง ๆ อย่างการ ดูดฝุ่น เคลื่อนย้ายสิ่งของ - เรียนรู้ได้ โดยสามารถตรวจจับรูปแบบการเกิดของเหตุการณ์ใด ๆ แล้วปรับตัวสู่สิ่งแวดล้อมที่ เปลี่ยนไป ได้ 3. ระบบที่คิดอย่างมีเหตุผล (Systems that think rationally) 3.1 [AI คือ] การศึกษาความสามารถในด้านสติปัญญาโดยการใช้โมเดลการคานวณ ("The study of mental faculties through the use of computational model." [Charniak and McDermott, 1985]) 3.2 [AI คือ] การศึกษาวิธีการคำนวณที่สามารถรับรู้ ใช้เหตุผล และกระทา ("The study of the computations that make it possible to perceive, reason, and act" [Winston, 1992]) หมายเหตุ คิดอย่างมีเหตุผล หรือคิดถูกต้อง เช่น ใช้หลักตรรกศาสตร์ในการคิดหาคาตอบอย่างมีเหตุผล เช่น ระบบผู้เชี่ยวชาญ 4. ระบบที่กระทำอย่างมีเหตุผล (Systems that act rationally) ปัญญาประดิษฐ์คือการศึกษาเพื่อออกแบบเอเจนต์ที่มีปัญญา ("Computational Intelligence is the study of the design of intelligent agents" [Poole et al., 1998]) 4.1 AI เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมที่แสดงปัญญาในสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ("AI ... is concerned with intelligent behavior in artifacts" [Nilsson, 1998]) หมายเหตุ กระทำอย่างมีเหตุผล เช่น เอเจนต์ (โปรแกรมที่มีความสามารถในการกระทา หรือเป็นตัวแทนใน ระบบอัตโนมัติต่าง ๆ) สามารถกระทาอย่างมีเหตุผลเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ เช่น เอเจนต์ในระบบขับรถ อัตโนมัติ ที่มีเป้าหมายว่าต้องไปถึงเป้าหมายในระยะทางที่สั้นที่สุด ต้องเลือกเส้นทางที่ไปยังเป้าหมายที่สั้นที่สุดที่เป็นไป
  • 11. ได้ จึงจะเรียกได้ว่า เอเจนต์กระทาอย่างมีเหตุผล อีกตัวอย่างเช่น เอเจนต์ในเกมหมากรุก ที่มีเป้าหมายว่าต้อง เอาชนะคู่ต่อสู้ ก็ต้องเลือกเดินหมากที่จะทาให้คู่ต่อสู้แพ้ให้ได้ เป็นต้น สาขาของปัญญาประดิษฐ์ หนังสืออ้างอิงที่ดีและทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน คือของ Russell and Norvig, 2003 โครงสร้างของ ปัญญาประดิษฐ์ แสดงสาขาที่เป็นหัวใจของสาขา ความสัมพันธ์ระหว่างสาขา และบทบาทที่มีผลกระทบต่อโลก ภายนอก หัวใจของปัญญาประดิษฐ์ 1. คอมพิวเตอร์วิทัศน์ (Computer vision) เป็นการศึกษาเรื่องการมองเห็น การรู้จาภาพ มีสาขาย่อยเช่น การประมวลผลภาพ (image processing) 2. การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural language processing) เป็นการศึกษาการแปลความหมายจากภาษามนุษย์ มาเป็นความรู้ที่เครื่องจักรเข้าใจได้ สาขานี้เกี่ยวข้องใกล้ชิด กับ ภาษาศาสตร์เชิงคานวณ (computational linguistics) 3. การแทนความรู้ (Knowledge representation) เป็นการศึกษาด้านเก็บความรู้ (knowledge) ไว้ในเครื่องจักร โดยมีประเด็นสำคัญคือ - ทาอย่างไรจะแสดงความรู้ได้อย่างกะทัดรัด ประหยัดหน่วยความจา - จะนำความรู้ที่เก็บไว้นี้ไปใช้ในการให้เหตุผลอย่างไร; และ - จะมีการเรียนรู้ความรู้ใหม่ ๆ ด้วยเทคนิคการเรียนรู้ของเครื่อง ให้ความรู้ที่ได้อยู่ในรูปแบบความรู้ที่ เรา ออกแบบไว้ได้อย่างไร การแทนความรู้สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลัก คือ - ความรู้ที่แน่นอน (certain knowledge) เช่น การแทนความรู้ด้วยตรรกศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น first- order logic หรือ propositional logic - ความรู้ที่มีความไม่แน่นอนมาเกี่ยวข้อง (uncertain knowledge) เช่น ฟัซซี่ลอจิก (fuzzy logic) และเครือข่ายแบบเบย์ ( bayesian networks) 4. การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine learning) เป็นการศึกษากระบวนการเรียนรู้ เพื่อให้เครื่องจักรสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้คล้ายมนุษย์ มีสาขา ย่อยมากมาย เช่น - การสังเคราะห์โปรแกรม (program synthesis) - การคิดให้เหตุผล (Inference หรือ automated reasoning) เป็นการคิดให้เหตุผลเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างอัตโนมัติจากความรู้ที่มีอยู่ในเครื่อง การให้เหตุผลด้วยวิธีใดนั้น ขึ้นอยู่กับการแทนความรู้ของเครื่อง (knowledge representation)โดยตรง เทคนิคที่นิยมใช้กันมากก็คือ
  • 12. การเขียนโปรแกรมเชิงตรรกะ (Logic programming) เมื่อเราแทนความรู้ของเครื่องด้วย first-order logic และ bayesian inference เมื่อเราแทนความรู้ของเครื่องด้วย bayesian networks - การวางแผนของเครื่อง (Automated Planning) - การค้นหาเชิงการจัด (Combinatorial search) เนื่องจากเวลาเราพยายามแก้ปัญหาในงานวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ วิธีมาตรฐานอย่างหนึ่งคือ พยายามมอง ปัญหาให้อยู่ในรูปปัญหาของการค้นหา การค้นหาจึงเป็นพื้นฐานของการโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์แทบทุก ประเภท 5. ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert system) เป็นการศึกษาเรื่องสร้างระบบความรู้ของปัญหาเฉพาะอย่าง เช่น การแพทย์หรือวิทยาศาสตร์ จุดประสงค์ของระบบนี้คือ ทาให้เสมือนมีมนุษย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คาปรึกษา และคาตอบเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ งานวิจัยด้านนี้มีจุดประสงค์หลักว่า เราไม่ต้องพึ่งมนุษย์ในการแก้ปัญหา แต่อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติ แล้ว ระบบผู้เชี่ยวชาญยังต้องพึ่งมนุษย์เพื่อให้ความรู้พื้นฐานในช่วงแรก การจะทำงานวิจัยเรื่องนี้ต้องอาศัยความรู้พื้นฐานหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น การแทนความรู้, การให้ เหตุผล และ การเรียนรู้ของเครื่อง (กรอบสีเขียวในรูปข้างบน) สาขาอื่นที่สำคัญและมีบทบาทมากในปัจจุบัน วิทยาการหุ่นยนต์ (Robotics) การจะสร้างหุ่นยนต์ที่อาศัยอยู่กับมนุษย์ได้จริง ต้องใช้ความรู้ทางปัญญาประดิษฐ์ทั้งหมด นอกจากนั้น ยังต้องใช้ความรู้อื่น ๆ ทางเครื่องกล เพื่อสร้างสรีระให้หุ่นยนต์สามารถเคลื่อนไหวได้เช่นเดียวกับมนุษย์ ในวงการวิทยการหุ่นยนต์ เขาก็ถือว่าปัญญาประดิษฐ์เป็นสาขาของเขาเช่นกัน ขั้นตอนวิธีเชิงพันธุกรรม (Genetic algorithm) - เป็นการประยุกต์นาแนวความคิดทางด้านการวิวัฒนาการที่มีอยู่ในธรรมชาติ มาใช้ในการแก้ปัญหา ทางคณิตศาสตร์และคอมพิวเตอร์ - เป็นอัลกอริทึมเชิงสุ่ม (stochastic) (ไม่ได้คาตอบเดิมทุกครั้งที่แก้ปัญหาเดิม) มักประยุกต์ใช้ในปัญหาการหาค่าที่เหมาะสมที่สุด (optimization) ที่ไม่สามารถแก้ได้ด้วยวิธีมาตรฐานทาง คณิตศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพ แนวคิดที่นาเอาหลักการวิวัฒนาการมาใช้นี้ มีรูปแบบอื่นอีกหลายรูปแบบ เช่น การโปรแกรมเชิง พันธุกรรม (genetic programming) และ evolution strategy อย่างไรก็ตามเทคนิคเหล่านี้มีแนวความคิด หลักเหมือนกัน ต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อยเท่านั้น
  • 13. ข่ายงานประสาทเทียม (Neural network) - ชีวิตประดิษฐ์ (Artificial life) เป็นการศึกษาพฤติกรรมของชีวิตเทียมที่เราออกแบบและสร้างขึ้น - ปัญญาประดิษฐ์แบบกระจาย (Distributed Artificial Intelligence) สรุป ความ เจริญก้าวหน้า ของคอมพิวเตอร์ เป็นไปใน ทุกด้าน ทั้งทางด้าน ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ การ ที่มี พัฒนาการ เจริญก้าวหน้า จึงทาให้ นักคอมพิวเตอร์ ตั้งความหวัง ที่จะทาให้ คอมพิวเตอร์ มีความฉลาด และช่วยทางาน ให้มนุษย์ได้มากขึ้น โดยเฉพาะวิทยาการ ด้านปัญญา ประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ซึ่งเชื่อกันว่า จะเป็นวิทยาการที่ จะช่วยให้มนุษย์ใช้ คอมพิวเตอร์ แก้ปัญหาต่างๆ ที่สำคัญ เช่นการให้ คอมพิวเตอร์ เข้าใจ ภาษามนุษย์ รู้จักการ ใช้เหตุผล การเรียนรู้ ตลอดจนการ สร้างหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ มี ความหมายถึง การสร้าง เครื่องจักร ให้สามารถ ทางาน ได้เหมือนคน ที่ใช้ปัญญา หรืออาจ กล่าวได้ว่า เป็น การ ประดิษฐ์ปัญญา ให้คอมพิวเตอร์ เพื่อให้ คอมพิวเตอร์ สามารถจาลอง การทางานต่างๆ เลียนแบบ พฤติกรรม ของคน โดยเน้นแนวคิด ตามแบบ สมองมนุษย์ ที่มีการวาง แผนการเรียนรู้ การให้เหตุผล การ ตัดสินใจ การแก้ปัญหา ตลอดจน การเลือกแนวทาง ดาเนินการใน ลักษณะคล้ายมนุษย์ ความรู้ ทางด้าน ปัญญาประดิษฐ์ จึงรวมไปถึง การสร้างระบบ ที่ทาให้ คอมพิวเตอร์ สามารถ มองเห็น และจำแนกรูปภาพ หรือ สิ่งต่างๆ ออกจากกัน ในด้าน การฟังเสียง ก็รับรู้ และแยกแยะเสียง และจดจา คาพูด และเสียงต่างๆ ได้ การ สัมผัส และรับรู้ข้อมูล ข่าวสาร จะต้องมี กระบวนการ เก็บความรอบรู้ การถ่ายทอด การแปลความ และการ นาเอา ความรู้มา ใช้ประโยชน์ หากให้ คอมพิวเตอร์ รับรู้ข่าวสาร และเหตุการณ์ ต่างๆ แล้ว ก็สามารถ นาเอา ความรู้ต่างๆ เหล่านั้น มาประมวลผล ได้ ก็จะ มีประโยชน์ได้มาก เช่น ถ้าให้ คอมพิวเตอร์ มีข้อมูล เกี่ยวกับคา ศัพท์ มีความเข้าใจ ในเรื่องประโยค และความหมายแล้ว สามารถ ประมวลผล เข้าใจประโยค ที่รับเข้าไป การ ประมวลผล ภาษาในลักษณะ นี้จึงเรียกว่า การประมวลผล ภาษาธรรมชาติ โดยจุดมุ่งหมาย ที่จะทาให้ คอมพิวเตอร์ มีความสามารถ ในการใช้ภาษา เข้าใจภาษา และนาไปประยุกต์ งานด้านต่างๆ เช่น การ ตรวจสอบ ตัวสะกดใน โปรแกรมประมวลคา ตรวจสอบการ ใช้ประโยคที่กากวม ตรวจสอบ ไวยากรณ์ ที่อาจ ผิดพลาด และหากมี ความสามารถ ดีก็จะนาไปใช้ ในเรื่อง การแปลภาษาได้ ปัญญาประดิษฐ์ จึงเป็นเรื่องที่ นักวิจัย ได้พยายาม ดาเนินการ และสร้างรากฐาน ไว้สาหรับอนาคต มีการคิดค้น หลักการ ทฤษฎี และวิธีการ ต่างๆ เพื่อทาให้ คอมพิวเตอร์ สามารถทางาน อย่างมีเหตุผล มีการพัฒนา โครงสร้างฐาน ความรอบรู้ ปัญญาประดิษฐ์ เป็นวิชาการ ที่มีหลักการต่างๆ มากมาย และมีการนาออกไป ใช้บ้างแล้ว เช่น การแทน ความ รอบรู้ ด้วยโครงสร้าง ข้อมูล ลักษณะพิเศษ การคิดหาเหตุผล เพื่อนาข้อสรุป ไปใช้งาน การค้นหา เปรียบเทียบ รูปแบบ ตลอดจน กระบวนการเรียนรู้ ที่เป็นประโยชน์ อย่างมีขั้นตอน เพื่อให้ เครื่องคอมพิวเตอร์ สะสม ความรู้ได้เอง
  • 15. Phishing ในปี 2554 ที่ผ่านมา สถิติภัยคุกคามที่แจ้งมายังเว็บไซต์ไทยเซิร์ตมากที่สุดคือภัยคุกคามประเภท การฉ้อฉลฉ้อโกงหรือหลอกลวงเพื่อผลประโยชน์ (Fraud) ดังรูปที่ 1 ซึ่งแทบจะทั้งหมดเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Phishing ดังนั้นบทความนี้จึงขอนำท่านผู้อ่านให้ทำความรู้จักและระวังตัวจากภัยชนิดนี้ รูปที่ 1 สถิติภัยคุกคามระหว่างเดือนกรกฏาคมถึงธันวาคมปี 2554 จำแนกตามประเภทภัยคุกคาม [1] Phishing คือคำที่ใช้เรียกเทคนิคการหลอกลวงโดยใช้อีเมลหรือหน้าเว็บไซต์ปลอมเพื่อให้ได้มาซึ่ง ข้อมูล เช่น ชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน หรือข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับ อนุญาต หรือสร้างความเสียหายในด้านอื่น ๆ เช่น ด้านการเงิน เป็นต้น ในบทความนี้จะเน้นในเรื่องของ Phishing ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อหลอกลวงทางการเงิน เนื่องจากจะทำให้ผู้อ่านมองเห็นผลกระทบได้ง่าย คำว่า Phishing เป็นคำพ้องเสียงจากคำว่า Fishing ซึ่งหมายถึงการตกปลา หากจะเปรียบเทียบง่าย ๆ ผู้อ่านสามารถจินตนาการได้ว่า เหยื่อล่อที่ใช้ในการตกปลา ก็คือกลวิธีที่ผู้โจมตีใช้ในการหลอกลวงผู้เสียหาย ซึ่งเหยื่อล่อที่เด่น ๆ ในการหลอกลวงแบบ Phishing มักจะเป็นการปลอมอีเมล หรือปลอมหน้าเว็บไซต์ที่มี ข้อความซึ่งทำให้ผู้เสียหายอ่านแล้วหลงเชื่อ เช่น ปลอมอีเมลว่าอีเมลฉบับนั้นถูกส่งออกมาจากธนาคารที่ ผู้เสียหายใช้บริการอยู่ โดยเนื้อความในอีเมลแจ้งว่า ขณะนี้ธนาคารมีการปรับเปลี่ยนระบบรักษาความมั่นคง ปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า และธนาคารต้องการให้ลูกค้าเข้าไปยืนยันความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลผ่านทาง ลิงก์ที่แนบมาในอีเมล เป็นต้น เมื่อผู้เสียหายคลิกที่ลิงก์ดังกล่าว ก็จะพบกับหน้าเว็บไซต์ปลอมของธนาคารซึ่งผู้ โจมตีได้เตรียมไว้ เมื่อผู้เสียหายเข้าไปล็อกอิน ผู้โจมตีก็จะได้ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของผู้เสียหายไปในทันที ใน หลาย ๆ ครั้งการหลอกลวงแบบ Phishing จะอาศัยเหตุการณ์สำคัญที่เกิดในช่วงเวลานั้น ๆ เพื่อเพิ่มโอกาส ของการหลอกลวงสำเร็จ เช่น อาศัยช่วงเวลาที่มีภัยธรรมชาติหรือโรคระบาด โดยปลอมเป็นอีเมลจากธนาคาร เพื่อขอรับบริจาค เป็นต้น [2]
  • 16. หน้าเว็บไซต์ปลอมบางหน้าจะใช้วิธีการที่แยบยล นั่นคือการฝังโทรจันที่สามารถขโมยข้อมูลที่ต้องการ มากับหน้าเว็บไซต์ปลอมนั้นด้วย เช่น โทรจันที่ทำหน้าที่เป็น Key-logger ซึ่งจะคอยติดตามว่าผู้เสียหายพิมพ์ คีย์บอร์ดอะไรบ้าง เป็นต้น เมื่อผู้เสียหายหลงกล กดลิงก์ตามเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ปลอมก็จะติดโทรจันชนิดนี้ไป โดยอัตโนมัติ และหากผู้เสียหายทำการล็อกอินเข้าใช้งานระบบใด ๆ ข้อมูลชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่าน ของระบบนั้น ก็จะถูกส่งไปยังผู้ไม่ประสงค์ดี [3] [4] ตัวอย่างของอีเมลและหน้าเว็บไซต์หลอกลวง มีอยู่มากมายเต็มไปหมดในโลกอินเทอร์เน็ต เช่นรูปที่ 2 ด้านล่าง เป็นรูปของสถาบันทางการเงินแห่งหนึ่ง หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่า URL ที่แสดงขึ้นมา ไม่ใช่ URL ที่ ถูกต้องของสถาบันการเงินนั้น รูปที่ 2 ตัวอย่างหน้าเว็บไซต์หลอกลวงของสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง [6] นอกจาก Phishing แล้วยังมีเทคนิคการหลอกลวงอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งแต่ละวิธีก็มีชื่อเรียก แตกต่างกันออกไป เช่น Vishing และ Smishing: หลายคนคงเคยได้ยินหรือเคยประสบกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่บ้าง พฤติกรรมของแก๊งเหล่านี้เข้าข่ายของ Vishing โดยตัวอักษร ‘V’ นี้มาจากคำว่า Voice ซึ่งแปลว่าเสียง ดังนั้น Vishing จึงเป็นการใช้ Voice ร่วมกับ Phishing ซึ่งมักเป็นการหลอกลวงให้ได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลผ่านทาง โทรศัพท์นั่นเอง แต่หากเป็น Smishing ก็จะเป็นการหลอกลวงโดยใช้ SMS เช่น การได้รับ SMS อ้างว่ามาจาก ธนาคารเพื่อแจ้งลูกค้าว่าบัญชีของท่านถูกระงับ กรุณาติดต่อกลับที่หมายเลข ดังต่อไปนี้ ซึ่งเมื่อโทรตาม หมายเลขที่ระบุไว้ ก็จะเข้าสู่กระบวนการ Vishing ต่อไป เป็นต้น [9]
  • 17. Spear-phishing และ Whaling: อย่างที่กล่าวมาแล้วในข้างต้นเกี่ยวกับกลวิธีของ Phishing ในการ นำไปใช้งาน ผู้ไม่ประสงค์ดีบางคนก็ได้เล็งองค์กร หรือบุคคลที่เป็นเป้าหมายไว้ชัดเจนอยู่แล้ว บุคคลที่มักตก เป็นเป้าหมายส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในองค์กร มีความสามารถหรือรู้วิธีการเข้าถึงข้อมูลสำคัญของ องค์กร การหลอกลวงแบบ Phishing ที่มีเป้าหมายชัดเจนนี้มีคำเรียกเฉพาะคือ Spear-phishing และหาก เป้าหมายของ Spear-phishing นี้เป็นบุคคลที่มีตำแหน่งสูงหรือเป็นบุคคลสำคัญในองค์กร จะเรียกการ หลอกลวงนี้ว่า Whaling (ตลกร้ายที่เปรียบเทียบบุคคลสำคัญเป็นปลาตัวโต ในที่นี้คือปลาวาฬนั่นเอง) [10] แล้วผู้อ่านควรระวังตัวอย่างไร? ข้อแนะนำต่อไปนี้ สามารถลดโอกาสไม่ให้ผู้อ่านถูกหลอกลวง ได้ [2] [6] [7] [8] ไม่เปิดลิงก์ที่แนบมาในอีเมล เนื่องจากมีโอกาสสูงที่จะถูกหลอกลวง เพราะบางครั้งลิงก์ที่มองเห็นใน อีเมลว่าเป็นเว็บไซต์ของธนาคาร แต่เมื่อคลิกไปแล้วอาจจะไปที่เว็บไซต์ปลอมที่เตรียมไว้ก็เป็นได้ เนื่องจากใน การสร้างลิงก์นั้นสามารถกำหนดให้แสดงข้อความหรือรูปภาพได้ตามต้องการ ดังนั้นบางเว็บไซต์ปลอมจึงทำ URL ให้สังเกตความแตกต่างจาก URL จริงได้ยาก พึงระวังอีเมลที่ขอให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะหากเป็นอีเมลที่มาจากสถาบันการเงิน ทั้งนี้ธนาคารหลายแห่งได้แจ้งอย่างชัดเจนว่า ธนาคารไม่มีนโยบายในการขอให้ลูกค้าเปิดเผยเลขประจำตัว หรือข้อมูลที่มีความสำคัญอื่น ๆ ผ่านทางอีเมลโดยเด็ดขาด ไม่เปิดลิงก์ที่แนบมาในอีเมล เนื่องจากในปัจจุบัน ผู้โจมตีมีเทคนิคมากมายในการปลอมชื่อผู้ส่งให้ เหมือนมาจากองค์กรนั้นจริง ๆ หากต้องการเข้าใช้งานเว็บไซต์นั้น ขอให้พิมพ์ URL ด้วยตัวเอง สังเกตให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ที่ใช้งานเป็น HTTPS ก่อนให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญ เช่น เลขบัตรเครดิต หรืออื่น ๆ ลบอีเมลน่าสงสัยออกไป เพื่อไม่ให้พลั้งเผลอกดเปิดครั้งถัดไป ติดตั้งโปรแกรม Anti-Virus, Anti-Spam และ Firewall เนื่องจากผลพลอยได้อย่างหนึ่งของการ ติดตั้ง Firewall คือสามารถทำการยับยั้งไม่ให้โทรจันแอบส่งข้อมูลออกไปจากระบบได้ นอกจากนี้ ผู้ใช้ควร หมั่นศึกษาและอัพเดทโปรแกรมดังกล่าวให้เป็นรุ่นปัจจุบันเสมอ หากท่านผู้อ่านพบเห็นเว็บไซต์หลอกลวงซึ่งมีจุดประสงค์ในการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล สามารถแจ้ง เหตุภัยคุกคามได้ที่เจ้าของบริการเหล่านั้น หรือส่งอีเมลมาที่ report[@]thaicert.or.th ตลอด 24 ชั่วโมงหรือ โทร 02-142-2483 ในเวลา 8.30-17.30 ทุกวันทำการ หากรู้ตัวว่าพลาดท่าไปแล้ว จะทำอย่างไรดี? ข้อแนะนำต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ผู้เสียหายควรปฏิบัติตามโดย ทันที [2] ในกรณีที่เป็นข้อมูลสำคัญขององค์กร ผู้เสียหายควรแจ้งเรื่องไปยังบุคคลที่เหมาะสมรวมทั้งผู้ดูแล ระบบ เพื่อเป็นการเตรียมมาตราการปกป้ององค์กรต่อไป ในกรณีที่เป็นข้อมูลบัญชีธนาคาร ผู้เสียหายควรแจ้งเรื่องไปยังธนาคารที่ใช้บริการ และทำการปิดบัญชี ที่คาดว่าสามารถถูกขโมยได้ หรือเฝ้าระวังการใช้งานบัญชีอย่างต่อเนื่อง
  • 18. ทำการเปลี่ยนรหัสผ่าน ในทุกระบบที่ใช้รหัสผ่านเดียวกัน และไม่กลับมาใช้รหัสผ่านนั้นอีก ถึงแม้ Phishing เป็นภัยคุกคามที่สร้างความเสียหายมากมาย แต่ก็สามารถระมัดระวังตัวได้ หากผู้ใช้มี ความตระหนักในการใช้งานอินเทอร์เน็ต รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้น
  • 19. แหล่งอ้างอิง 1. http://www.thaicert.or.th/statistics2011.html 2. http://www.us-cert.gov/cas/tips/ST04-014.html 3. http://www.focus.com/fyi/44-ways-protect-phishing/ 4. http://www.theregister.co.uk/2007/02/23/trojan_phishing_attack/ 5. http://www.bustspammers.com/phishing_links.html 6. http://www.scb.co.th/th/about-scb/phishing-mail 7. http://www.kasikornbank.com/TH/Phishing_Website_Report/Pages/PhishingWebsiteReport. aspx 8. http://www.tmbbank.com/personal/e-banking/popup/Phishing.html 9. http://www.usatoday.com/tech/news/story/2011-10-18/smishing-bank-scam/50817688/1 10. http://blogs.iss.net/archive/SpearPhishing.html 11. http://www.sanphun.co.th/2012/article/?s=10 12. http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E 0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%AA, 13. http://www.tat.or.th/webservice.asp 14. http://en.wikipedia......ation_hybrid) 15. http://www.programmableweb.com 16. http://www.kapowtech.com/index.html 17. http://openkapow.com/Default.aspx 18. http://tendou-jp.blogspot.com/2013/04/gadget.html 19. http://www.satriwit3.ac.th/external_links.php?links=6058 20. http://elearning.northcm.ac.th/mis/content.asp?ContentID=75&LessonID=11 21. http://www.kitty.in.th/index.php?room=article&id=61