E-Book "เสี่ยงอย่างเทพ รวยอย่างเซียน" โดยสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
- 4. เสี่ยงอย่างเทพ รวยอย่างเซียน
4
CEO TALK
สวัสดีครับ ผู้อ่านทุกท่าน
ในวาระที่ทางบริษัท ออนไลน์แอสเซ็ท จ�ำกัด หรือ กลุ่ม efin ครบรอบปีที่ 22 และก้าวขึ้นปีที่
23 ทางกลุ่ม efin ขอต้อนรับท่านสู่งานสัมมนาใหญ่ประจ�ำปี Better Trade 2023 ภายใต้หัวข้อ
“HIGH RISK HIGH RICH กล้าเสี่ยงอย่างมีความรู้ สู่อิสรภาพทางการเงิน” ที่จัดขึ้นในวันที่
11 พฤศจิกายน 2566 ณ สถานที่จัดงาน True Digital Park
โดยวัตถุประสงค์ของงาน เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจในเรื่องของสินทรัพย์ที่มีความ
เสี่ยงสูงให้กับนักลงทุนจากการคัดสรรวิทยากรที่มีความรู้ความช�ำนาญในแต่ละด้านมาให้ความรู้
ค�ำแนะน�ำและแบ่งปันประสบการณ์จริง โดยมุ่งหวังว่านักลงทุนจะได้รับความรู้และเทคนิคที่สามารถ
น�ำไปวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพบริหารความเสี่ยงได้และได้ผลตอบแทนที่ต้องการ
หนังสือ “เสี่ยงอย่างเทพ รวยอย่างเซียน” ที่ท่านอ่านอยู่นี้ เป็นสิทธิ์พิเศษที่สงวนไว้ให้
ผู้ที่เข้าร่วมงานได้อ่านก่อนใคร หนังสือนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานที่เราจัดท�ำขึ้นเพื่อเป็นแหล่งความรู้
และแนวทางในการลงทุนที่มีคุณภาพ ทั้งในหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ คริปโตเคอร์เรนซี่ และอื่น ๆ
อีกมากมาย
หนังสือนี้รวบรวมบทสัมภาษณ์จากผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนที่มีชื่อเสียงในแต่ละด้านทั้งนี้เพื่อ
ให้ท่านได้รับความรู้และเทคนิคที่จ�ำเป็นในการลงทุนและการจัดการความเสี่ยง
หนังสือนี้จะเป็นเครื่องมือที่ท่านไม่ควรพลาด และจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างความส�ำเร็จใน
การลงทุนของท่าน ขอให้ท่านสนุกกับการอ่านและได้รับความรู้มากมายจากหนังสือนี้ครับ
ขอให้ท่านสนุกและได้รับความรู้ ความส�ำเร็จ และความรวยระดับเซียนจากหนังสือ
นี้ และขอให้งาน Better Trade 2023 นี้เป็นแรงบันดาลใจให้ท่านก้าวไปสู่ความส�ำเร็จและ
ความรวยอย่างยั่งยืน
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
สาส์นจากผู้บริหาร
พรเลิศ เตชะรัตโนภาส
ประธานกรรมการบริหาร
บริษัท ออนไลน์แอสเซ็ท จ�ำกัด
- 6. เสี่ยงอย่างเทพ รวยอย่างเซียน
6
“เสี่ยงอย่างเทพ รวยอย่างเซียน” เป็นชื่อหนังสือประจ�ำปี ส�ำหรับงาน Better
Trade ปี 2023 ที่กองบรรณาธิการ ส�ำนักข่าวอีไฟแนนซ์ จัดท�ำขึ้นเพื่อเป็นคู่มือให้
กับ ผู้ร่วมงาน และนักลงทุนที่สนใจ ส�ำหรับการลงทุนในปี 2567 ที่ก�ำลังจะถึงในอีก
ไม่กี่เดือนนี้ เพื่อจะได้เข้าใจว่า “ท�ำไมจึงต้องเสี่ยงอย่างเทพ และรวยอย่างเซียน”
เกือบ 1 ขวบปีที่ก�ำลังจะผ่านไป มีเรื่องราวหลากหลายจริงๆ ส�ำหรับประเทศไทย
โดยเฉพาะเรื่องของเหตุบ้าน การเมือง เศรษฐกิจ การลงทุน ที่แม้จะไม่ได้หนักหนา
สาหัสสากรรจ์ เท่ากับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ง่ายที่นักลงทุนจะสามารถท�ำก�ำไร
ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเพราะปัจจัยทั้งในและต่างประเทศยังคงมีอิทธิพลต่อการ
ลงทุนค่อนข้างสูง
ในส่วนของเศรษฐกิจโลกปีนี้นั้น ต้องยอมรับว่าหลังจากผ่านพ้นสถานการณ์การ
ระบาดของโควิด 19 แล้ว เติบโตได้ช้าลงมาก จนหลายฝ่ายประเมินว่าเศรษฐกิจฯ ปี
นี้จะถดถอย โดยเฉพาะเศรษฐกิจประเทศหลัก ทั้ง สหรัฐอเมริกา ยุโรป หรือแม้แต่จีน
ที่ก็เติบโตลดลง และก็ไม่แน่ว่าในปีหน้า หรือปี 2567 เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยักษ์
ใหญ่เหล่านี้จะฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหรือไม่ เนื่องจากความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลก ที่มาจาก
ราคาสินค้าที่ยังคงอยู่ในระดับสูงถึงแม้เงินเฟ้อจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้วรวมไปถึงอัตรา
ดอกเบี้ยที่ยังคงเป็นขาขึ้น ตลอดจนเรื่องค่าเงิน
เพราะฉะนั้นเมื่อเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยง จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่บ้านเราจะได้รับ
ผลกระทบไปด้วยอย่างล่าสุดที่หลายหน่วยงานได้ทยอยออกมาปรับลดเป้าจีดีพีเพราะ
มูลค่าส่งออกที่ชะลอลง สืบเนื่องจากก�ำลังซื้อของกลุ่มประเทศหลักๆที่ลดลง เพราะ
ภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดี
ท�ำให้ปีนี้เราจ�ำเป็นต้องหันไปผลักดันการท่องเที่ยวเป็นตัวชูโรงโดยล่าสุดรัฐบาล
ใหม่ ได้ประกาศฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีนถึง 5 เดือน เพื่อหวังจะให้การท่องเที่ยง
เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก และน�ำเม็ดเงินเข้าประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน
เพราะอย่าลืมว่า หลังเลิอกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยเสียเวลาไป
กับการตั้งรัฐบาลใหม่นานเกือบ 4 เดือน กว่าจะได้รัฐบาลปัจจุบันมาได้
ขณะที่ในส่วนของแนวโน้มตลาดทุนไทยพูดแบบไม่เข้าข้างตัวเองภูมิภาคเอเซีย
ของเราถือว่าเนื้อหอมที่สุดแล้วเพราะหากมองเรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจเอเซียยัง
คงเป็นภูมิภาคที่ยังเติบโตอยู่ไม่ได้ถดถอยเหมือนภูมิภาคอื่นแถมยังน่าจะดูโดดเด่นกว่า
ด้วยซ�้ำดังนั้นแนวโน้มการลงทุนของนักลงทุนส่วนใหญ่จึงน่าจะเข้ามาที่ตลาดหุ้นไทยอยู่
ดังนั้น ในปี 2567 ที่ก�ำลังจะมาถึงนี้ และเมื่อประเมินสถานการณ์ต่างๆ ที่กล่าว
มาข้างต้น จึงเชื่อว่าหลายคนคงเตรียมตัว เตรียมใจ และเตรียมพร้อม แล้วว่าจะเลือก
เดินทางไหน เพราะการลงทุนแน่นอนว่ามีความเสี่ยง และเราพร้อมจะรับความเสี่ยง
ในระดับใด
และแน่นอนว่าหากได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เป็นคู่มือควบคู่ไปด้วย ตั้งแต่หน้า
แรกจนถึงหน้าสุดท้าย ทีมงานกองบรรณาธิการส�ำนักข่าวอีไฟแนนซ์ ก็หวังเป็น
อย่างยิ่งว่าทุกท่านจะได้ รวยอย่างเซียน และเสี่ยงให้เป็นเหมือนเทพ”
ด้วยความเคารพ
บทบรรณาธิการ
EDITOR’S TALK
พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน
บรรณาธิการ บริหารส�ำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
- 7. ทรู ประกาศเจตนารมณแรงกลาในการกาวไปเปนผูนําดานความเปนสวนตัว
กาวทันกับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอยาง AI, IoT และบิ๊กดาตา
เพื่อปกปองสิทธิของผูบร�โภค
ทรู ประเมินถึงผลกระทบของเทคโนโลยีใหมๆ และบร�การอัจฉร�ยะที่เขาไป
อยูในช�ว�ตสวนตัวลูกคาตอการปกปองขอมูลสวนบุคคลอยางตอเนื่อง
เพื่อการใหบร�การ
ดานโทรคมนาคม
ไดรับความยินยอม
อยางชัดแจงจากลูกคา
นํามาซ�่งประโยชน
สําหรับลูกคา
Privacy by Design เพื่อประเมิน
การใชขอมูลใหเปนไปตามกฎหมาย
และวัตถุประสงค
เพื่อนํามาพัฒนาคุณภาพ
สัญญาณและการบร�การ
ใหดียิ่งข�้น
กลไก (control point) ในการปกปองขอมูลสวนบุคคล
(เปนทางเลือก)
(สัญญาการใหบร�การ)
รับสิทธิประโยชน เพื่อตอบสนอง
ความตองการเฉพาะบุคคล
ผูใชงานขอมูลภายใน
คําขอจาก
หนวยงานภาครัฐ
เพื่อนําเสนอสิทธิพิเศษ
และแลกสิทธิประโยชน
ผานชองทาง เชน
#Transformation
ผูใชบร�การมือถือสามารถเลือกใหความยินยอมดานความเปนสวนตัวได 2 ระดับ
- 8. เสี่ยงอย่างเทพ รวยอย่างเซียน
8
• บทบรรณาธิการ
• บทน�ำ
หุ้น
• “เซียนมี่”แจกเข็มทิศพิชิตความรวย ก้าวแรกเริ่มที่ Mindset
• “อาร์ต Club VI” หุ้นพื้นฐานคือยานพาหนะสู่ความมั่งคั่ง
• “เสี่ยป๋อง” แนะเทรดหุ้นแบบ Hybrid พื้นฐาน+เทนนิค เอาตัวรอดจาก AI
• เปิดสูตรรวยยั่งยืนกับสายเทรด “โค้ชเป๊ก ปุณยวีร์ จันทรขจร”
• “ดร.นิเวศน์” สร้างพอร์ตมั่นคง ผ่านการลงทุนหุ้นต่างประเทศ
• “ตราวุทธิ์” จิตตะ เวลธ์ เชียร์ลงทุนยาว ฝ่าฟันความผันผวนระยะสั้น
ฟิวเจอร์
• ลงทุนฟิวเจอร์สแบบ “ม้าเฉียว” ต้องเข้าใจสินค้า รู้เทคนิค และแพ้เป็น
• 15 นาทีทองค�ำ สร้างก�ำไรจาก DW สม�่ำเสมอ
กองทุน
• เปิดกลยุทธ์ผู้จัดการกองทุน บริหารพอร์ตอย่างไรให้งอกเงย
• “กองทุนรวม” โอกาสสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มกับ Thematic Fund
ทองค�ำ
• “รู้พื้นฐาน-เข้าใจเทคนิค” กลยุทธ์ส�ำคัญท�ำก�ำไรจาก“ทองค�ำ”
• “ณพวีร์ พุกกะมาน” นักลงทุนผู้ชื่นชอบ XAU/USD ในตลาด FOREX
IPO
• แชร์หลักสแกนหุ้น IPO เลือกถูกตัวก�ำไรสูง จิ้มผิดบาดเจ็บหนัก
คริปโท
• Value at Risk (VAR) คือหัวใจของเทรดเดอร์ทุกระดับ
รู้ทันวางแผนการเงิน/การลงทุน
• “วางแผนการเงิน” เพิ่มความสุข ในยุคที่มีแต่ความไม่แน่นอน
• แก๊งหลอกลงทุนระบาดหนัก ระวังติดกับดักยากจะได้เงินคืน!
• ความท้าทายของธุรกิจธนาคาร ท่ามกลาง“ภัยไซเบอร์การเงิน”
• เครดิตผู้จัดท�ำหนังสือ
สารบัญ
CONTENT
6
9
14
17
20
24
28
30
34
38
42
44
48
50
54
60
64
66
70
72
หน้า
- 9. เสี่ยงอย่างเทพ รวยอย่างเซียน 9
“การลงทุนกับความเสี่ยงเป็นของคู่กัน”นักลงทุนคงเคย
ได้ยินประโยคนี้บ่อยๆจึงไม่แปลกที่อาจท�ำให้เรารู้สึกไม่มั่นใจ
ที่จะน�ำเงินออมที่มีไปลงทุน
แต่จริงๆแล้วความเสี่ยงจากการลงทุนไม่ได้น่ากลัวขนาด
นั้น ถ้าเราเข้าใจและจ�ำกัดความเสี่ยงได้ การลงทุนจะช่วยให้
เงินของเรางอกเงยได้มากกว่า
ในทางกลับกันการไม่ยอมลงทุนอะไรเลยอาจท�ำให้เงิน
ของเราเผชิญความเสี่ยงสูงสุดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยเฉพาะ
ความเสี่ยงที่มูลค่าจะลดลงจากเงินเฟ้อ
ปัจจุบันสินทรัพย์ในการลงทุนมีให้เลือกหลากหลายเช่นหุ้น
ตราสารหนี้ ทองค�ำ อนุพันธ์ สินค้าโภคภัณฑ์ คริปโทฯ เป็นต้น
ขณะที่ช่องทางลงทุนก็เปิดกว้างมีทั้งการลงทุนด้วยตัวเองหรือ
ให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยบริหาร
แต่ต้องค�ำนึงเสมอว่า สินทรัพย์แต่ละประเภทมีลักษณะ
เฉพาะตัว ผลตอบแทนกับความเสี่ยงก็แตกต่างกัน ดังนั้นจึง
จ�ำเป็นต้องศึกษาทางเลือกต่างๆให้ดีเลือกสินทรัพย์และแนวทาง
ที่สอดคล้องกับความต้องการของเรามากที่สุด และท�ำให้เงิน
ออมสร้างความมั่งคั่งอย่างคุ้มค่า
โดยหลักการ “ความเสี่ยงกับผลตอบแทน” แปรผัน
ตรงกัน กล่าวคือ หากลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง
ผลตอบแทนก็ควรจะสูงด้วยเช่นกัน(HighRisk,HighReturn)
แต่ในความเป็นจริงไม่มีอะไรที่เป็นหลักประกันได้เลยว่า การ
ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง จะต้องให้ผลตอบแทนที่
สูงกลับคืนมาเสมอไปเราอาจได้รับผลตอบแทนที่สูง-ต�่ำหรือ
อาจไม่ได้รับอะไรเลยก็เป็นได้
ดังนั้น เราจึงควรต้องมีทักษะในการบริหารจัดการความ
เสี่ยง ซึ่งไม่ได้หมายถึงการ “ก�ำจัด” ความเสี่ยงหรือความ
เสียหายให้หมดไป แต่หมายถึงการ “จ�ำกัด” ความเสี่ยงหรือ
ความเสียหายให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด ซึ่งจะท�ำให้พอร์ตของเรา
สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้
พูดง่ายๆก็คือ มีความเสี่ยงอยู่ในระดับที่เรารับได้ ขณะ
เดียวกันก็มีผลตอบแทนที่ดีพอที่จะท�ำให้เราบรรลุเป้าหมาย
ทางการเงินที่วางไว้ได้
ในวาระที่ “ส�ำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” มีอายุครบ 22 ปี
และก�ำลังก้าวเข้าสู่ปีที่23ทางส�ำนักข่าวได้จัดท�ำหนังสือดิจิทัล
ภายใต้ชื่อธีม “เสี่ยงอย่างเทพ รวยอย่างเซียน” แจกจ่ายฟรี
ให้กับผู้มีอุปการะคุณ เพื่อเป็นการตอบแทนทุกท่านที่ให้การ
สนับสนุนอีไฟแนนซ์ไทย มาโดยตลอด
โดยหนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมมุมมองประสบการณ์เทคนิค
การลงทุน การบริหารความเสี่ยง ของนักลงทุนรายใหญ่
ที่มีชื่อเสียง รวมถึงกูรูผู้มีความเชี่ยวชาญในสินทรัพย์ที่หลาก
หลาย มีรูปแบบลงทุนเฉพาะตัวที่น่าสนใจและล�้ำค่า เพื่อ
ให้ผู้อ่านได้น�ำไปใช้พัฒนาตัวเองให้กลายเป็นนักลงทุนที่
เก่งขึ้นตลอดจนต่อยอดแนวทางลงทุนของตัวเองสู่ระดับเศรษฐี
ต่อไป
คณะผู้จัดท�ำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็น
ประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่าน และรู้สึกยินดีที่ได้ช่วยกลั่นกรอง
ส่งต่อข้อมูลให้กับนักลงทุนโดยหวังว่าทุกท่านจะประสบความ
ส�ำเร็จในโลกแห่งการลงทุนและกลายเป็นผู้มีอิสรภาพทางการ
เงินเหมือนดังที่ตั้งใจไว้
บทน�ำ
INTRODUCTION
ด้วยจิตคารวะ
คณะผู้จัดท�ำ
- 13. หุ้น
“เซียนมี่”แจกเข็มทิศพิชิตความรวย ก้าวแรกเริ่มที่ Mindset
“อาร์ต Club VI” หุ้นพื้นฐานคือยานพาหนะสู่ความมั่งคั่ง
“เสี่ยป๋อง” แนะเทรดหุ้นแบบ Hybrid พื้นฐาน+เทนนิค เอาตัวรอดจาก AI
เปิดสูตรรวยยั่งยืนกับสายเทรด “โค้ชเป๊ก” ปุณยวีร์ จันทรขจร
“ดร.นิเวศน์” สร้างพอร์ตมั่นคง ผ่านการลงทุนหุ้นต่างประเทศ
“ตราวุทธิ์” จิตตะ เวลธ์ เชียร์ลงทุนยาว ฝ่าฟันความผันผวนระยะสั้น
- 14. เสี่ยงอย่างเทพ รวยอย่างเซียน
14
ปัจจุบันมีนักลงทุนจ�ำนวนมากที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักลงทุนสายหุ้นคุณค่า หรือ Value Investor (VI)
ซึ่งนักลงทุนประเภทนี้ มักจะมองภาพในระยะกลางถึงระยะยาว มีการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน การ
เติบโตของบริษัทที่ลงทุน รวมถึงต้องมีความอดทนต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ผันผวนในระยะสั้น
แจกเข็มทิศพิชิตความรวย
ก้าวแรกเริ่มที่ Mindset
“เซียนมี่”
หัวใจหลักของนักลงทุนสาย VI คือ การเลือกลงทุนใน
หุ้นคุณค่า (Value Stock) การประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น
(IntrinsicValue)เพื่อหาจุดเข้าซื้อหรือขายรวมถึงการประเมิน
การแข่งขันและโอกาสของธุรกิจที่จะเติบโตต่อไปในอุตสาหกรรม
โอกาสนี้“ทิวา ชินธาดาพงศ์”เซียนหุ้นสายVIชื่อดังของ
เมืองไทย หรือที่รู้จักกันในนาม “เซียนมี่” ซึ่งเป็นผู้คร�่ำหวอดใน
วงการลงทุนในตลาดหุ้นมามากกว่า10ปีจะมาเปิดเผยเทคนิค
หรือ Trick ส�ำหรับนักลงทุนที่อยากจะประสบความส�ำเร็จใน
สาย VI จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ตัดสินใจด้วยเหตุผล ไม่ผันผวนไปกับอารมณ์ของตลาด
“เซียนมี่” แนะน�ำว่า โดยธรรมชาติของนักลงทุนสาย VI
ส่วนใหญ่จะใช้Logicน�ำหรือเรียกว่าตัดสินใจด้วยเหตุผลไม่
ผันผวนกับอารมณ์ของตลาดโดยมักจะดูว่าแนวโน้มธุรกิจเป็น
อย่างไร เติบโตอย่างไร ปันผลเท่าไหร่ และจะดู fundamental
หรือ พื้นฐานของตัวธุรกิจมากกว่าราคาหุ้น โดยจะพิจารณา
ราคาหุ้นเป็นเรื่องท้ายๆ
“สายอื่นจะเน้นที่จังหวะ คือ ซื้อหรือลงทุน โดยหวังว่า
ราคาจะขึ้นเลย แต่ได้น้อยไม่เป็นไร ถือว่า เป็นกลุ่มที่เก็งก�ำไร
หรือเล่นกับสตอรี่ในบางช่วงแต่สายVIจะใจเย็นนิดหนึ่งอาจ
จะเป็นวิธีการวิเคราะห์ หรือ ศึกษาธุรกิจที่ดี และรอจังหวะใน
การเข้า โดยช่วงเวลาปกติ สาย VI จะเน้นดู ศึกษา Business
Modelดีๆมองระยะยาวมีการรอจังหวะที่เหมาะสมในการเข้า
ซื้อและจะศึกษาว่าความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นมีอะไรบ้างและเรา
จะจ�ำกัดความเสี่ยงอย่างไรในการเข้าไปลงทุน”
สาย VI โอกาสอาจไม่ได้สูงที่สุด แต่จ�ำกัดความเสี่ยงได้
“เซียนมี่”กล่าวต่อว่ากลยุทธ์ของนักลงทุนสายVIคือการ
พยายามหาช่องทางลงทุน แม้โอกาสอาจไม่ได้สูงที่สุด ซึ่งจะ
ไม่เหมือนกับสายเก็งก�ำไร ที่พอร์ตอาจจะโตเร็วกว่า ในจังหวะ
ที่ตลาดเป็นขาขึ้น แต่หากมองในระยะยาว นักลงทุนสาย VI ก็
จะมีความเสี่ยงที่จ�ำกัดกว่า
- 16. เสี่ยงอย่างเทพ รวยอย่างเซียน
16
“การลงทุนแบบVIเป็นวิถีเดียวที่สามารถเปลี่ยนชีวิตจาก
100 ล้านบาท เป็นหลายพันล้านบาทได้ ถามว่าสายอื่นมีหรือ
ไม่ก็มีแต่จ�ำนวนคนที่ประสบความส�ำเร็จเมื่อเทียบกับคนที่ใช้
กลยุทธ์แบบVIต่างกันเยอะมากคนที่ประสบความส�ำเร็จจาก
แนวVIอาจจะเจอสัก30-40%ที่เปลี่ยนชีวิตได้แต่สายอื่นอาจ
จะมีแค่ 2% เพราะมีความเก่ง มีความ unique มีทักษะที่ลอก
เลียนแบบยาก แต่ VI เป็นเรื่องของหลักเหตุและผล สามารถ
เรียนรู้ได้ สามารถฝึก และพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆได้”
“เซียนมี่” อธิบายว่า การลงทุนแบบ VI ถ้าเราได้ก�ำไร เรา
จะรู้ว่าก�ำไรเพราะอะไรทุกครั้งที่เราขาดทุนก็จะเข้าใจเหตุและ
ผลว่า ขาดทุนเพราะอะไร แต่หากลงทุนด้วยวิธีอื่น ต่อให้เรา
ก�ำไร ก็อาจจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร มาจากอะไร และจะท�ำซ�้ำได้
อย่างไรเวลาที่หุ้นลงจะเอายังไงต่อจะซื้อถัวเพิ่มหรือจะปล่อย
ไป หรือจะท�ำอย่างไร
แต่เข้าใจว่า ทุกคนอยากรวยเร็ว ไม่มีใครอยากรวยช้า
จริงๆต้องตั้งค�ำถามถัดไปว่า ท�ำไมคนส่วนใหญ่พยายามจะ
รวยเร็วแต่ท�ำไมท�ำไม่ได้มันมีความลับอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า
ไม่มีใครร�่ำรวย โดยไม่ขยัน ไม่ท�ำงานหนัก
“เซียนมี่” เชื่อว่า การจะเป็นสาย VI สิ่งแรกที่ต้องมี คือ
ทัศนคติ(Mindset)ที่ถูกต้อง ทัศนคติ เป็นพื้นฐานของทุกอย่าง
ทั้งการลงทุน การใช้ชีวิตให้มีความสุข การมีครอบครัว
ส�ำหรับทัศนคติในการลงทุนที่ถูกต้องต้องเริ่มจากเราซื้อ
หุ้นอย่างมีเหตุผลการซื้อหุ้นเหมือนซื้อธุรกิจหากเรามีทัศนคติ
แบบนี้ ชีวิตการลงทุนก็จะลดความเครียดลงไป และจะรู้
เป้าหมาย รู้ว่าจะต้องขยันหมั่นเพียรเพราะอะไร
ผมเชื่อว่าการเดินในทางที่ถูกต้องตั้งแต่วันแรก หรือการ
เดินในหลักเหตุและผล ไม่ให้ค�ำว่า ตรรกะวิบัติมาท�ำให้ชีวิต
ผันผวนและเปลี่ยนแปลงไป น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ดี
ความขยันซื่อสัตย์ประหยัดอดทนสอดคล้องกับแนวทาง
ของ VI แต่ส�ำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่โตขึ้นมาท่ามกลางชีวิตที่สบาย
แล้ว ความขยันอาจไม่เต็มที่เหมือนคนรุ่นเก่าที่ยากล�ำบากมา
ก่อน ไม่มีใครที่ร�่ำรวย โดยไม่ขยัน ไม่ท�ำงานหนัก ผมยังเชื่อ
เรื่องของการท�ำงานหนัก อย่างน้อยก็ในช่วงแรกของการท�ำ
ทุกสิ่งทุกอย่าง
Work life balance มีจริงไหม ค�ำตอบคือมีจริง แต่อาจ
ไม่ใช่ 2-3 ปีแรกที่เราเริ่มท�ำอะไรสักอย่าง มันจะต้อง Work
Hard เท่านั้นในช่วง 3-4 ปีแรก ไม่ว่าจะเริ่มต้นสร้างพอร์ตการ
ลงทุน หรือ เริ่มต้นท�ำธุรกิจ หลังจากนั้นเมื่อทุกอย่างลงตัว มัน
จะเป็น work life balance
เปิดใจศึกษา รับรองไม่เสียเวลาเปล่า
“เซียนมี่” ฝากถึงนักลงทุนว่า อยากให้ลองเปิดใจ ตั้งใจ
ศึกษาดูให้เวลาสักปีก็ได้อ่านให้เต็มที่ศึกษาให้เต็มที่พยายาม
เรียนรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คน VI บอก ถ้าพบว่า มันใช่ เราก็เดิน
ต่อ แต่ถ้าพบว่ามันไม่ใช่ เราอาจจะปรับเปลี่ยน แต่ผมรับรอง
ว่าจะไม่เสียเวลาเปล่า เพราะความรู้ทางธุรกิจ การลงทุนที่เรา
ได้ มันจะน�ำไปสร้างโอกาสใหม่ๆ สร้างมุมมองใหม่ๆ ท�ำให้เรา
มองโลกธุรกิจ โลกการเงินเปลี่ยนไป
ตอนผมเลือกเส้นทางสาย VI หุ้นไทย 10 ปีไม่ไปไหน
เลย จะมองว่าแย่ก็ได้ หรือ มองว่าเป็นโอกาสก็ได้ ลองให้
เวลาตั้งใจและศึกษาจะได้ค�ำตอบที่ไม่ต้องไปตามหาจาก
ใครเลยว่า “เราเหมาะสมจากอะไร แนวทางนี้จะดีหรือไม่
ตัวเราจะเป็นคนตอบได้ดีที่สุด และมั่นใจด้วย”
- 17. เสี่ยงอย่างเทพ รวยอย่างเซียน 17
การลงทุนในรูปแบบนักลงทุนเน้นคุณค่า หรือ
Value Investor (VI) หลายคนอาจเข้าใจว่า
เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต�่ำกว่าการลงทุน
ในหุ้นรูปแบบอื่นๆ เนื่องจากเป็นการลงทุน
ในหุ้นที่พื้นฐานดี และมีแนวโน้มการเติบโต
เฉพาะตัวที่ชัดเจน หรือรับผลกระทบจาก
วิกฤตต่างๆ จ�ำกัด
หุ้นพื้นฐานคือ
ยานพาหนะ
สู่ความมั่งคั่ง
“อาร์ต Club VI”
แต่ความจริงแล้วการลงทุนแบบVIก็ถือว่ามี
ความเสี่ยงอยู่ไม่น้อยซึ่งหากนักลงทุนไม่เข้าใจหลัก
การของ VI อย่างถ่องแท้ ก็อาจจะยอมยกธงขาวไป
ตั้งแต่ยกแรกๆ ก็เป็นได้
“ชัชวนันท์สันธิเดช”หรือ“อาร์ต”ผู้ก่อตั้งเพจClub
VIถือเป็นผู้ที่คร�่ำหวอดในวงการลงทุนแบบVIมาหลายสิบ
ปี ถือเป็นอีกหนึ่งนักลงทุนในวงการ VI ที่ได้รับการยอมรับ
จากวงการตลาดทุนเป็นอย่างมาก จนมีผู้ติดตามเพจแล้ว
กว่า 1.5 แสนคน จะมาถ่ายทอดประสบการณ์ให้เข้าใจ
การลงทุนแบบ VI พร้อมกับเทคนิคและวิธีการรับมือกับ
ความเสี่ยงให้นักลงทุนได้เข้าใจกมากขึ้น
หลักของ VI ใช้ได้ตลอดกาล
“เซียนอาร์ต” อธิบายว่า หลักของ VI สามารถ
ใช้ได้ตลอดกาล โดย 2 สิ่งที่ต้องใช้ในการหาหุ้น
คือ การเลือกคุณภาพและปริมาณ โดยเชิงคุณภาพ
ก็ต้องเลือกหุ้นที่กิจการได้เปรียบจากการแข่งขัน ควบคู่กับ
ความยั่งยืน ส่วนในเชิงปริมาณ ก็คือหุ้นที่ราคาต�่ำกว่ามูลค่า
วิธีที่นิยมสุดก็คือการหากระแสเงินสดของบริษัทนั้นๆ เป็นต้น
- 18. เสี่ยงอย่างเทพ รวยอย่างเซียน
18
ซึ่ง 2 เรื่องนี้เป็นจุดส�ำคัญที่สุด จากนั้นต้องมาดูตัวเองว่า
ชอบลงทุนแบบไหน จะเป็นนักลงทุนที่เน้นการเติบโต หรือ
จะเป็นนักลงทุนที่ชอบของถูก
ซึ่งแบบแรก จะให้ความส�ำคัญกับเรื่องการเติบโตของ
ธุรกิจในอนาคตเป็นหลัก ส่วนเรื่องราคาหุ้นจะเป็นเรื่องรอง
เพราะอาจจะซื้อที่ราคาสูงหน่อยแต่มั่นใจว่าในอนาคตทิศทาง
ธุรกิจและราคาจะเติบโตขึ้นมาเองส่วนแบบที่2คือนักลงทุน
ที่เน้นของถูกแต่กลุ่มนี้จะมีข้อจ�ำกัดคือในช่วงที่ภาวะตลาด
เป็นของแพงจะท�ำให้เราเสียโอกาสในการลงทุนและซื้อหุ้น
อะไรไม่ได้เลยในหลายๆ ปี
และหากเข้าใจรูปแบบดังกล่าวแล้ว ยังสามารถต่อย
อดออกมาในการหาหุ้น “ผู้ชนะ” หรือ Winning Stock ที่จะ
เป็นหุ้นมูลค่าเติบโตระยะยาวไปได้ในระดับ 20-30 ปี ซึ่ง
มีอยู่มากมายทั่วโลก เพียงแต่ต้องหาหุ้นผู้ชนะ และอยู่ใน
ประเทศผู้ชนะให้เจอ
“หุ้นไทยหลายตัวเคยเติบโตโดดเด่นในหลายปีก่อนแต่
ปัจจุบันก็เริ่มทรงตัว เพราะเต็มที่ก็โตได้แค่กรอบเศรษฐกิจ
หลายคนเลือกหุ้นผิด แต่ยังทนถือ
รอให้ราคากลับมาเท่าทุน แต่หุ้นที่
แย่มันก็คือหุ้นแย่ ถ้าปัญหามาจาก
พื้นฐาน ก็ต้องตัดใจขาย แต่ถ้าเป็น
ปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งเดียวอย่าง
เศรษฐกิจมหภาค ไม่ได้กระทบพื้น
ฐานอย่างถาวร อันนี้เราต้องซื้อ
เพิ่ม ซึ่งจุดสำ�คัญเราต้องวิเคราะห์
ปัญหาให้ออกแล้ววิกฤตจะกลาย
เป็นโอกาสเอง
- 19. เสี่ยงอย่างเทพ รวยอย่างเซียน 19
ไทย แต่หุ้นต่างประเทศยังมีอีกหลายตัว หลาย
ประเทศที่ยังเติบโตได้อีกในระยะยาว การเข้ามา
ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ท�ำให้ผมตื่นเต้นกับการ
ลงทุนอีกครั้ง เพราะเมื่อก้าวออกจากตลาดหุ้นไทย
ท�ำให้ผมเจอของถูกอยู่ทั่วโลก ซึ่งธุรกิจที่มองว่าจะ
เติบโตได้ระยะยาวถึง 20-30 ปีนั้น ต้องเป็นเทรนด์
ระดับโลก ที่ตอนนี้ทั่วโลกก�ำลังให้ความส�ำคัญ คือ
ธุรกิจสีเขียวอย่างพลังงานสะอาดพลังงานทดแทน
หรือยานยนต์ไฟฟ้า “
วิเคราะห์ปัญหาให้ออก ว่ากระทบหุ้นเราแค่ไหน
“เซียนอาร์ต”แชร์ประสบการณ์บริหารความเสี่ยง
ให้ฟังว่าต้องยกตัวอย่างการบริหารพอร์ตในปี2008
ซึ่งเป็นปีที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะเจอผล
กระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ซึ่งหลายคน
อาจจะเลือกวิธีล้างพอร์ต แล้วถือเงินสด แต่ตัว
“อาร์ต” กลับเลือกใช้วิธีการคัดกรองหุ้นที่มีอยู่ใน
พอร์ตประมาณ30ตัวด้วยการขายหุ้นที่คุณภาพไม่
ดีออกไปและเหลือหุ้นคุณภาพติดพอร์ตไว้ประมาณ
5 ตัวเท่านั้น และหาจังหวะซื้อเพิ่ม ก็สามารถท�ำให้
พอร์ตจากที่เคยติดลบหนักกับมาเติบโตได้หลายเท่า
ตัว หรือในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ในประเทศจนตลาด
หุ้นลงหนักก็ยังใช้วิธีนี้บริหารความเสี่ยงมาต่อเนื่อง
หรืออีกหนึ่งวิกฤตคือโควิด 19 ที่เกิดขึ้นสดๆ
ร้อนๆก็ต้องมาประเมินดูว่าหุ้นกลุ่มไหนรับผลกระทบ
มาก-น้อยต่างกันไปยกตัวอย่างหุ้นสายการบินกับ
หุ้นสนามบินแม้ว่าธุรกิจจะได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน
แต่กลุ่มสายการบินจะเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงกว่า
เพราะไม่ว่าอย่างไรสนามบินก็ยังคงอยู่ อย่างกรณี
นี้ก็ต้องเลือกหุ้นสนามบินติดไว้ในพอร์ต
“เซียนอาร์ต” ย�้ำเตือนว่า อีกหนึ่งความเสี่ยงที่
เกิดขึ้นก็คือการเลือกหุ้นผิดซึ่งเราจะรู้ก็ต่อเมื่อราคา
หุ้นปรับลดลงอย่างผิดสังเกตุหรือมีข่าวร้ายออกมา
กระทบกับราคาหุ้นแบบมีนัยส�ำคัญหรืองบการเงิน
มีปัญหา ตรงนี้ก็ต้องใช้วิธีตัดใจ รีบตัดใจขายหุ้นออกมา
“หลายคนเลือกหุ้นผิดแต่ยังทนถือรอให้ราคากลับมาเท่า
ทุน แต่หุ้นที่แย่มันก็คือหุ้นแย่ ถ้าปัญหามาจากพื้นฐาน ก็ต้อง
ตัดใจขาย แต่ถ้าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งเดียวอย่างเศรษฐกิจ
มหภาค ไม่ได้กระทบพื้นฐานอย่างถาวร อันนี้เราต้องซื้อเพิ่ม
ซึ่งจุดส�ำคัญเราต้องวิเคราะห์ปัญหาให้ออกแล้ววิกฤตจะ
กลายเป็นโอกาสเอง หรือหลายคนมองการถือหุ้น 100% มัน
อาจจะเสี่ยงไปแต่การออกไปลงทุนในต่างประเทศมันคือการ
กระจายความเสี่ยงในตัวอยู่แล้วเพราะภาวะเศรษฐกิจในแต่ละ
ประเทศต่างกัน”
อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นความเสี่ยง คือการเข้าถึงข้อมูลหุ้นต่าง
ประเทศ เนื่องจากมีปัญหาเรื่องภาษา เช่นหุ้นประเทศที่เรา
ไม่เข้าใจภาษา แม้ว่าจะเห็นตัวเลขงบการเงิน และสามารถ
ประเมินแนวโน้มได้แต่บางครั้งจะมีข้อมูลเสริมจากผู้บริหารหรือ
นักวิเคราะห์ แต่เป็นภาษาที่เราไม่เข้าใจ ตรงนี้ก็ถือเป็นอีกข้อ
จ�ำกัด ที่อาจจะท�ำให้พลาดโอกาสในการลงทุนไปได้
หุ้นพื้นฐาน ยานพาหนะที่ดีที่สุดที่จะพาสู่ความมั่งคั่ง
“เซียนอาร์ต” ฝากบอกนักลงทุนว่า ใครที่จะใช้แนวทาง
VI ในการบริหารจัดการพอร์ต ขอให้คุณเชื่อมั่นว่าตลาดหุ้นจะ
เป็นยานพาหนะที่ดีที่สุดที่จะพาคุณสู่ความมั่งคั่ง โดยเฉพาะ
หุ้นพื้นฐาน กรอบของ VI เป็นวิธีที่กลุ่มนักลงทุนที่รวยที่สุดใน
โลกใช้กัน จึงไม่มีเหตุที่จะต้องไปใช้แนวทางอื่นในการลงทุน
เพราะมีการพิสูจน์มาแล้วว่าให้ผลตอบแทนดีสุดในระยะยาว
และเป็นวิทยาศาสตร์ที่สุด
“ผมไม่เคยนอกใจหุ้น เพราะผมเชื่อในวิทยาศาสตร์ และ
สถิติหลายร้อยปีก็ชี้ชัดว่าการลงทุนในหุ้นให้ผลตอบแทนในระยะ
ยาวดีกว่ากการลงทุนทุกประเภท แน่นอนว่าการลงทุนของผม
อาจจะผิดพลาดในการเลือกหุ้นบ้างแต่ที่ผมไม่พลาดคือผมไม่
เคยหันหลังให้ตลาดหุ้นเพราะบางช่วงที่เป็นตลาดขาขึ้นหรือยุค
ทองของตลาด ผลตอบแทนผมก็ได้ถึงระดับ 20% ปลายๆ แต่
ตอนนี้ช่วง 7-8 ปี ผมก้าวมาลงทุนในหุ้นต่างประเทศยังไม่ได้
ค�ำนวณออกมาว่าผลตอบแทนเป็นอย่างไรแต่ที่ได้มากกว่าผล
ตอบแทนคือความสนุกในการเปิดโลกใหม่ในการลงทุนมากกว่า”
- 20. เสี่ยงอย่างเทพ รวยอย่างเซียน
20
“เสี่ยป๋อง” วัชระ แก้วสว่าง เทรดเดอร์บิ๊กเนมของไทย แนะ
สายเสี่ยงต้องปรับตัวถึงจะอยู่รอดในยุคที่ AI ก�ำลังจะครอง
ตลาดหุ้น ผนวกพื้นฐาน+เทคนิค เป็น “Hybrid Investor”
เพื่อหาหุ้นที่ใช่ในเวลาที่เหมาะสม หมั่นสะสมความรู้และ
ทบทวนความผิดพลาด ที่ส�ำคัญต้องมีวินัยในการเทรด
แนะเทรดหุ้นแบบ Hybrid
พื้นฐาน+เทคนิค เอาตัวรอดจาก AI
“เสี่ยป๋อง”
ความรู้และวินัยส�ำคัญสุด
“เสี่ยป๋อง” ให้มุมมองว่า “เทรดเดอร์” ต้องรับมือกับ
ความผันผวนสูงตลอดเวลา ดังนั้น การหาข้อมูลความรู้เป็น
สิ่งส�ำคัญที่สุดต้องศึกษาทั้งความรู้ด้านเทคนิคอลและพื้นฐาน
รวมถึงติดตามข่าวสารต่าง ๆ สม�่ำเสมอ ทั้งในประเทศและ
ต่างประเทศปัจจัยบวกหรือลบที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น
เพื่อการเลือกลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ทุกวันนี้ผมจะนั่งดูกราฟแทบทั้งวัน ตั้งแต่ 7
โมงเช้า อ่านข่าวเสร็จท�ำธุระส่วนตัวเสร็จ 10 โมง
ตลาดเปิดเที่ยงครึ่งปิดแล้วก็ภาคบ่ายสองโมง
ครึ่ง เล่นจนถึง 4 โมงครึ่ง +/- 10-15 นาที ก็
อยู่จนจบแล้วท�ำการบ้านต่อถึงหนึ่งทุ่มผม
ท�ำแบบนี้ทุกวันไม่มีใครรวยเพราะคนอื่น
หรอก ต้องลงมือท�ำเอง หมั่นฝึกฝนเข้า
ไว้ หากไม่ฝึกฝนก็จะไม่เกิดชัยชนะ”
ขณะเดียวกันวินัยในการลงทุนก็
ส�ำคัญไม่แพ้กันหากข้อมูลด้านเทคนิคอล
ส่งสัญญาณ“ซื้อ”หรือ“ขาย”ก็ควรด�ำเนิน
การตามนั้นเพราะมุมเทรดเดอร์กราฟคือ
เครื่องมือบันทึกพฤติกรรมของนักลงทุน
เหมือนผลเลือด หากเป็นเบาหวานหรือ
คอเลสเทอรอลสูงมันจะมีผลออกมา เช่น
เดียวกัน หุ้นพอคนซื้อกราฟก็จะค่อย ๆ
พล็อตขึ้นท�ำนองเดียวกันถ้ามีคนขายออก
มาหุ้นก็พล็อตลงทุกอย่างต่อสู้กันให้เห็นใน
กราฟอยู่แล้วว่าตอนนี้คนซื้อหรือคนขายชนะ
“เสี่ยป๋อง”อธิบายว่า“แม้การดูกราฟจะ
ไม่ช่วย100%แต่จะสะท้อนทางที่ถูกมากกว่า
ผิดอย่างน้อยเป็นเครื่องมือที่ช่วยตัดสินใจคน
- 21. เสี่ยงอย่างเทพ รวยอย่างเซียน 21
มีวินัยเท่านั้นถึงจะรอดกราฟไม่เคยหลอกใครก็จริงแต่อยู่ที่การ
ตีความและประสบการณ์ เช่น หากไม่เห็นกราฟ มีคนบอกให้
ซื้อหุ้นราคา2บาทและจะไป10บาทคนที่ฟังมักจะเกิดความ
โลภแต่หารู้ไม่ว่าเดือนก่อนหุ้นตัวนี้อยู่ที่0.50บาทดังนั้นกราฟ
ช่วยได้มาก จะโชว์ทิศทางการขยับของราคา แบบไหนเป็นขา
ขึ้นหรือขาลง โดยต้องมีวินัยอย่างเคร่งครัด หากเป็นสัญญาณ
ซื้อก็ต้องซื้อ หรือเจอสัญญาณขายก็ต้องขาย”
ลดความเสี่ยงด้วยการทบทวนความผิดพลาด
“เสี่ยป๋อง” ให้ข้อคิดว่า สายเทรดความเสี่ยงสูงกว่า
นักลงทุนระยะยาวเสมอดังนั้นสิ่งส�ำคัญที่ต้องท�ำคือหมั่นทบทวน
ความผิดพลาด วันนี้แพ้เพราะอะไร พลาดตรงไหน แล้วน�ำมา
แก้ไขและปรับปรุง จนกว่าจะหาวิธีที่แม่นย�ำของตนเองให้เจอ
“หากทุกคนเอาจริงเอาจังสุดท้ายจะค้นพบสิ่งที่น�ำพาเรา
ไปสู่ความส�ำเร็จที่ส�ำคัญต้องทบทวนความผิดพลาดเสมอเพื่อ
ลดความเสี่ยงในครั้งต่อไปต้องมีวินัยต้องเชื่อในสัญญาณกราฟ
อย่าหลอกตัวเองเพราะความโลภหรือความกลัว
ส่วนเทคนิคในการดูกราฟ “เสี่ยป๋อง” บอกว่า กราฟสวย
คือ ทรงทะลุไฮ, ทรงเบรกสามเหลี่ยม และทรงไซด์เวย์อัพ แต่
ถ้าทรงลงอย่างเดียวเหมือนตกหน้าผาตาย ต้องขายตอนหลุด
เทรนด์ แค่เราเห็นควันไม่ต้องรอเปลวไฟก็ต้องหนีตายก่อน
อย่างตอนก่อนเกิดวิกฤติโควิด ผมสังเกตเห็นเส้นค่าเฉลี่ย 75
เดือน ถูกทดสอบมาหลายครั้ง ปรากฏว่ามันหลุด เลยโพสต์
เฟซบุ๊กเตือนคนล่วงหน้าเป็นเดือนท�ำให้หลายคนรอดจากวิกฤติ
หากเราหมั่นทบทวนจะจ�ำกัดความเสี่ยงได้เพราะกราฟมักจะ
ส่งสัญญาณบอกเสมอทั้งขาขึ้นและลง”
“Hybrid Investor” ถึงจะรอด
“เสี่ยป๋อง” ให้ค�ำนิยามเทรดเดอร์ยุคใหม่ว่า ต้องเป็น
นักลงทุนแบบผสมผสานทั้งปัจจัยเทคนิคและพื้นฐานควบคู่กัน
ไปหรือเรียกว่า“HybridInvestor”เพื่อจะได้ซื้อหุ้นที่ดีในเวลา
ที่ถูกต้อง เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนว่าแม้จะเป็น
หุ้นที่ดีแต่ซื้อผิดจังหวะก็ไม่สามารถท�ำก�ำไรจากหุ้นนั้นได้ โดย
หุ้นที่ดีนั้นสามารถศึกษาได้จากปัจจัยทางพื้นฐานว่าบริษัทนั้น
เป็นบริษัทที่ดีมีการเติบโตอย่างแท้จริงหรือไม่ส่วนปัจจัยทาง
เทคนิคช่วยเรื่องการตัดสินใจในจังหวะซื้อขาย
โดยเฉพาะยุคปัจจุบันที่นักลงทุนต่างชาติใช้ระบบAIเข้า
มาช่วยซื้อขาย ซึ่งเก่งกว่ามนุษย์หลายเท่า ท�ำให้การลงทุน
ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งจะชนะได้ยากต้องผสมผสานต้องปรับตัว
มิเช่นนั้นจะอยู่รอดในตลาดหุ้นสมัยนี้ได้ล�ำบาก
“ผมคิดว่าปีนี้อาจจะเป็นปีสุดท้ายที่เทรดสั้น ๆ ปีหน้า
อาจจะต้องลดวอลุ่มลง เน้นเทรดระยะกลาง-ยาวมากขึ้น
เพราะพอมี AI เข้ามาสู้ได้ยาก เราไม่ไวเท่า ส่วนจะปรับ
ยังไงยังตอบไม่ได้ ต้องรอดูหน้างาน
ปีที่แล้วลองใช้วิธีเดิมแล้วสู้ AI ไม่ได้จริง เพราะเป็น
คอมพิวเตอร์ ไม่มีจิตใจ สามารถตัดสินใจได้รวดเร็ว จึง
คิดว่าคงถึงเวลาปรับตัว เปลี่ยนวิธีการที่เคยใช้แล้วส�ำเร็จเมื่อ
หลายปีก่อน(หมายถึงเดย์เทรด)เป็นแนวทางอื่นๆดูบ้างเพื่อ
ลดความเสี่ยง”
ลดพอร์ตเดย์เทรดเหลือ 30%
ปัจจุบันพอร์ตเดย์เทรดของ “เสี่ยป๋อง” อยู่ในสัดส่วน
ประมาณ 30% จากปกติเกิน 40% แล้วแต่บางช่วงของตลาด
โดยจะเน้นการเติบโตของพอร์ตรวมที่ผสมผสานการลงทุนระยะ
กลางยาวตามเทรนด์มากกว่า
ขณะที่ผลตอบแทนจากการลงทุนปีนี้อาจจะไม่สู้ดีนัก
ใกล้เคียงกับตลาดฯ ต่างจากที่ผ่านมาชนะตลาดฯ เสมอ บาง
ปีเติบโต 2 หลัก หรืออย่างน้อยก็ระดับ 7-8% ซึ่งเป็นสาเหตุที่
มีแผนในการปรับตัวในปีหน้า
หุ้นไทยยังเล่นยาก
“เสี่ยงป๋อง” ปิดท้ายว่า เชิงเทคนิคช่วงที่เหลือของปี หาก
ดัชนียืนเหนือ 1,522 - 1,545 จุดได้ น่าจะพอไหว แต่แค่ยืน
อาจจะไม่พอ ถ้าหากไม่สามารถขึ้นไปถึง 1,600 จุด ก็จะ
แสดงว่าตลาดไม่ดี เพราะไม่รับข่าวเลย แม้นโยบายกระตุ้น
เศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่จะออกมาหลายอย่างเช่นฟรีวีซ่าเชิญ
นักท่องเที่ยวจีน แต่ตลาดกลับไม่รับข่าว
กลับกันพอเป็นนโยบายที่บริษัทจดทะเบียนจะเสีย
ประโยชน์ หุ้นที่เกี่ยวข้องปรับตัวลดลงทันที ต่างจากปกติ
หลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ตลาดหุ้นมักจะตอบสนองเชิงบวก
แบบมีนัยได้บ้าง แม้จะระยะสั้น แต่ตอนนี้ไม่มีเลย ต้อง
รอดูว่ามีอะไรมากกว่านั้นหรือไม่
ต้องเป็นนักลงทุนแบบผสม
ผสานทั้งปัจจัยเทคนิคและพื้นฐาน
ควบคู่กันไป หรือ เรียกว่า
“Hybrid Investor” เพื่อจะได้ซื้อ
หุ้นที่ดีในเวลาที่ถูกต้อง เพราะจาก
ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนว่าแม้
จะเป็นหุ้นที่ดีแต่ซื้อผิดจังหวะก็ไม่
สามารถทำ�กำ�ไรจากหุ้นนั้นได้
- 24. เสี่ยงอย่างเทพ รวยอย่างเซียน
24
“โค้ชเป๊ก” ปุณยวีร์ จันทรขจร หนึ่งในผู้คร�่ำหวอดแห่งวงการเทรดเดอร์ตลาดหุ้นไทยกว่า 10 ปี เจ้าของ
หนังสือขายดีหลายเล่ม และเป็นมาสเตอร์โค้ชรายการการแข่งขัน “Super Trader Thailand” 4 ซีซั่น
รวมถึงเป็นวิทยากรด้านการลงทุนชื่อดังอีกรายหนึ่งของไทย นอกจากนี้”โค้ชเป๊ก”ยังเป็นที่ปรึกษาการ
ลงทุนของ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ควอนตัม เว็ลธ์ จ�ำกัด อีกด้วย
เปิดสูตรรวยยั่งยืนกับสายเทรด
“โค้ชเป๊ก”
ปุณยวีร์ จันทรขจร
ซึ่งบทความนี้ได้น�ำส่วนหนึ่งของประสบการณ์การเป็น
เทรดเดอร์และแนวคิดด้านการลงทุนในตลาดหุ้นของ“โค้ชเป๊ก”
มาถ่ายทอด ว่าควร “เสี่ยง” อย่างไร ? ให้ “รอด” และ “รวย”
เทรดเดอร์ คือ “ผู้หาก�ำไรจากความผันผวน”
“โค้ชเป๊ก” มองว่า เทรดเดอร์ หรือ “นักเก็งก�ำไร” ต่างจาก
นักลงทุนเน้นคุณค่าหรือVIในมิติของเวลาโดยVIจะเชื่อเรื่อง
ของการเลือกหุ้นที่ดีแล้วลงทุนระยะยาว เพราะมั่นใจใน “พลัง
ผลตอบแทนทบต้น”แต่“เทรดเดอร์”จะฝืนธรรมชาติของเวลา
หรือสามารถใช้ค�ำว่า “เร่งรอบ” ในการเปลี่ยนความผันผวน
เป็นก�ำไร ซึ่งไม่มีผิดไม่มีถูก อยู่ที่ใครถนัดแบบไหน แต่สาย
“เทรดเดอร์” จะมีความเสี่ยงมากกว่า เพราะในระยะสั้นความ
ผันผวนย่อมสูงต้องบริหารความไม่แน่นอนให้ได้ถึงจะอยู่รอด
ต้องวางแผนการเงินก่อนลงทุน
“โค้ชเป๊ก” เล่าว่า “ความนิ่ง” ถือเป็นสิ่งส�ำคัญที่สุดของ
อาชีพ “เทรดเดอร์” โดยเฉพาะการท�ำให้ “ปัจจัยภายนอก” นิ่ง
กล่าวคือ สถานะทางการเงินต้องพร้อม มีการวางแผนสภาพ
คล่องด้านรายรับ-รายจ่ายล่วงหน้าในระดับที่สามารถรองรับ
ความผันผวนต่างๆ ได้ เพราะเส้นทางนี้ต้องเจอกับความไม่
แน่นอนตลอดเวลา ควรแยกส่วนเงินทุนที่จะน�ำมาใช้เทรดหุ้น
กับเงินที่จะใช้ด�ำรงชีวิตให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบใน
ยามที่มีปัญหา
หากบริหารตรงนี้ได้จะส่งผลดีต่อ “ความนิ่งจากภายใน”
นั่นคือ “จิตใจ” ซึ่งจะท�ำให้ตัดสินใจได้มั่นคงขึ้น เฉียบคมขึ้น
ในทางตรงกันข้าม หากไม่จัดการปัจจัยภายนอกให้ดี ก็จะส่ง
ผลต่อความมั่นคงของใจด้วย อาจท�ำให้ลังเลหรือตัดสินใจผิด
พลาดทั้งที่ข้อมูลด้านเทคนิคอลประมวลผลออกมาแล้วว่าต้อง
“ซื้อ”หรือ“ขาย”แต่ไม่สามารถท�ำได้เพราะกังวลว่าการตัดสินใจ
นั้นจะส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงินรวม
หมั่นศึกษาหาความรู้
อีกประการส�ำคัญที่จะท�ำให้เรา “นิ่ง” เพิ่มขึ้นไปอีก คือ
“การศึกษาข้อมูล” โดยนอกจากข้อมูลด้านเทคนิคอลที่ต้อง
เรียนรู้และฝึกฝนตลอดเวลาแล้ว ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับ
ตลาดหุ้นทั้งในระดับโลก, ระดับประเทศ, ระดับอุตสาหกรรม
จนถึงข้อมูลหุ้นรายตัว ก็ต้องติดตามสม�่ำเสมอด้วย เพราะจะ
ช่วยให้หูตากว้างมากขึ้น
ซึ่งนั่นจะท�ำให้เราเข้าถูกแต่แรกว่าหุ้นกลุ่มไหนเป็นขาขึ้น
กลุ่มไหนเป็นขาลงหรือไซด์เวย์หากเราเลือกได้ดีก็ถือว่าชนะไป
แล้วกว่าครึ่ง แน่นอนว่าการเลือกที่ดีต้องมาจากการคัดกรอง
ข้อมูลที่ท�ำให้เราได้เปรียบ
“โค้ชเป๊ก”ย�้ำว่า“เทรดเดอร์”มักจะจดจ่ออยู่กับกราฟและ
ข้อมูลด้านเทคคนิคอลก็จริงแต่ข่าวสารด้านพื้นฐานจะช่วยให้
เราเพิ่มหรือลดน�้ำหนักเงินลงทุนได้ดียิ่งขึ้น เช่น พอร์ตเรา 10
ล้านบาท ก�ำลังจะซื้อหุ้นตัวหนึ่ง อะไรจะเป็นปัจจัยที่ท�ำให้เรา
- 25. เสี่ยงอย่างเทพ รวยอย่างเซียน 25
ใส่เงิน 1 ล้านบาท, 2 ล้านบาท, 5 ล้าน
บาท หรือ 10 ล้านบาท นั่นไม่ใช่กราฟ
อย่างเดียว แต่ต้องประเมินพื้นฐานที่ดี
ด้วย เพื่อให้เรามั่นใจในการใส่เงินลง
ไปในหุ้นตัวนั้นๆ
หุ้น “ภาชนะรองรับปัญหา”
ตัวเลือกท�ำก�ำไรช่วงวิกฤติ
“โค้ชเป๊ก”อธิบายต่อไปว่าการชนะ
ตั้งแต่เลือกในตอนแรกถือเป็นปัจจัยส�ำคัญ
ที่สุดเพราะหุ้นนั้นๆจะอยู่ในเทรนด์ไป
อย่างต่อเนื่อง...
“ส�ำหรับผม ชอบเลือกหุ้นที่เป็น
ภาชนะรองรับปัญหาอะไรบางอย่าง
เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังไงต้อง
มีการย้ายห่วงโซ่อุปทาน (Supply
Chain) แน่นอน 1,000,000% นี่นับ
ว่าเป็นปัญหาดังนั้นภาชนะคืออะไรก็
คือพวกกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่รองรับ
Supply Chain นั้นได้ ซึ่งหุ้นไทยเราก็
มีหลายบริษัทที่ Outperform ตลาดฯ
มาก เช่น WHA หรือ AMATA
อีกกรณีเมื่อราว 2 ปีก่อนที่มี
ปัญหาเรื่องขนส่งทางเรือเพราะดีมานด์
เท่าเดิมแต่ซัพพลายลดลงอย่างมีนัย
ส�ำคัญหลังจากนั้นหุ้นเรือก็เลยPerform
มากๆขณะที่วันนี้เศรษฐกิจโลกมีปัญหา
นอกจากข้อมูลด้านเทคนิคอลที่
ต้องเรียนรู้และฝึกฝนตลอดเวลา
แล้ว ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับ
ตลาดหุ้นทั้งในระดับโลก, ระดับ
ประเทศ, ระดับอุตสาหกรรม จนถึง
ข้อมูลหุ้นรายตัว ก็ต้องติดตาม
สม่ำ�เสมอด้วย เพราะจะช่วยให้
หูตากว้างมากขึ้น
- 26. เสี่ยงอย่างเทพ รวยอย่างเซียน
26
มากมาย เงินวิ่งไปไหนครับ ไปหาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นั่นก็คือ
ภาชนะในการรองรับปัญหา
ดังนั้นเราต้องวิเคราะห์ถึงปัญหาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วมา
หาหุ้นที่เป็นภาชนะรองรับปัญหาซึ่งหลายครั้งที่ผมเจอสามารถ
สร้างผลตอบแทนให้พอร์ตได้อย่างมีนัยส�ำคัญ...
ทั้งหมดที่กล่าวมาก็ต้องย้อนไปตอนศึกษาข้อมูลข่าวสาร
ให้รอบด้านเพื่อจะได้รับรู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นและจะได้เลือก
ถูกตั้งแต่แรก หากเลือกเทรนด์ถูก เลือกภาชนะถูก คุณใช้
เทคนิคอลที่ง่ายที่สุดก็สามารถสร้างก�ำไรได้เพียบแบบไม่ต้อง
ซับซ้อนเลย
สรุปคืออะไรก็ตามที่ท�ำให้เราหาเงินได้เยอะขึ้นใช้ให้หมด
ไม่ว่าจะกราฟหรือพื้นฐาน...”
รู้จักปรับตัว แพ้ได้แต่ต้องไม่ตาย
“โค้ชเป๊ก” ให้หลักการว่า “เทรดเดอร์” ที่เข้ามาในตลาด
หุ้นมักพกแนวคิดที่หวังจะ“PlaytoWin”มาด้วยเสมอแต่บาง
จังหวะ“PlaytoStay”บ้างก็ได้คือควรเทรดเพื่อให้อยู่รอดบาง
ช่วงที่ตลาดยากมากก็ไม่จ�ำเป็นต้องWinเสมอไปแต่เวลาแพ้
“ต้องไม่ตาย”หมายถึงว่าไม่ใช่พลาดไม้นี้คือหมดตัวหรือถ้าได้
ไม้นี้ถอยซุปเปอร์คาร์ได้เลยคือต้องบริหารไปอย่างต่อเนื่องเช่น
หากพลาดจะเสียเต็มที่แค่เท่านี้ แต่ถ้าชนะจะได้ประมาณนั้น
- 27. เสี่ยงอย่างเทพ รวยอย่างเซียน 27
เป็นการบริหารความเสี่ยงให้สามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์
และเงินจากตลาดได้ตลอดไปมากกว่า
“ผมเคยเจ็บมาก่อนจากการปล่อยให้พอร์ตเทรดใหญ่เกิน
ไปแต่มันจับต้องไม่ได้เช่นวันหนึ่งท�ำก�ำไรได้20-30ล้านบาท
อีก 2-3 เดือนถัดมาไม่มีอะไรการันตีได้เลยว่าก�ำไรก้อนนั้นจะ
ยังอยู่เหมือนเดิมหรือเติบโตขึ้นแค่ไหน อาจจะหายไปเลยก็ได้
จุดเปลี่ยนส�ำคัญคือปี2017ที่หุ้นไทยวิ่งBullishมากพอร์ต
โตที่สุดในชีวิตครั้งหนึ่งเลย แต่พอมาปี 2018 - 2019 ตลาดไม่
Performจังหวะนั้นก�ำไรที่ท�ำได้ในปี2017หายไปหมดเลยในปี
2018-2019ที่ส�ำคัญในช่วงเวลาสั้นๆด้วยคือปั้นพอร์ตเติบโต
มาระดับหนึ่งใช้เวลา 6 เดือน แต่หายไปกว่า 50% ในเวลา 2
เดือน ตอนนั้น Panic หนักมาก เลยได้แง่คิด
นั่นแสดงว่าเราวางแผนผิดเราเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ วิธีเดิมๆ
อาจจะไม่ใช่อีกต่อไปแม้บางช่วงเราอาจจะก�ำไรเยอะแต่ไม่ได้
แปลว่าก�ำไรนั้นจะท�ำให้มันอยู่ได้เท่าเดิมต้องจัดการอะไรใหม่
ซึ่งโชคดีมากที่ตื่นรู้ก่อนจังหวะโควิด เพราะได้ก�ำไรจาก
จังหวะShortมามหาศาลผมจึงเปลี่ยนวิธีการใหม่น�ำก�ำไรจาก
พอร์ตเทรดระยะสั้นไปเติมพอร์ตลงทุนระยะยาวเน้นเพิ่มฐาน
AUM รวมต่อปีให้เติบโตราว 7-10% ก็ถือว่าน่าพอใจมากแล้ว
ปัจจุบันบันพอร์ตเทรดอยู่สัดส่วนประมาณ20-30%แล้ว
แต่ช่วงของภาวะตลาดฯแต่จะโฟกัสAUMรวมมากกว่าเพราะ
มั่นคงและยั่งยืน แถมยังให้อิสระภาพด้านเวลาในการไปท�ำ
อย่างอื่นที่อยากท�ำได้มากขึ้น
แต่ก็ไม่ได้ทิ้งพอร์ตเทรดนะครับเพราะบางช่วงบางจังหวะ
การเทรดมีศักยภาพในการท�ำก�ำไรได้ในระยะสั้นๆเพื่อเอาตรง
นั้นไปเติมพอร์ตระยะยาวให้แแข็งแรงขึ้นไปอีก
หลักการส�ำคัญตอนนี้ส�ำหรับผมคือ เมื่อปั้นพอร์ตไปถึง
ระดับหนึ่งแล้ว จะไม่กลับไปที่เดิมอีกแน่นอน”
ระยะสั้นตลาดหุ้นเล่นยาก แต่กลาง-ยาว แจ่ม
“โค้ชเป๊ก” วิเคราะห์ว่า ภาพรวมการลงทุนระยะสั้น จาก
นี้ถึงสิ้นปี เมื่อไหร่ก็ตามที่บอนด์ยีลด์ยังเป็นขาขึ้น ดอลลาร์ยัง
แข็งค่าจะท�ำให้สินทรัพย์เสี่ยงไม่Performเท่าไหร่เพราะท�ำให้
Real Yield หรือผลตอบแทนที่แท้จริงเป็นบวก ตอนนี้ราว 2%
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่RealYieldลดลงเหลือ1%ซึ่งต้องเกิดจาก
การลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯเป็นหลักจังหวะนั้นเงินจากทั่วโลก
จะเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นเพราะตอนนี้เงินอยู่ในMoney
MarketFundเพราะให้ผลตอบแทน4-5%โดยไม่มีความเสี่ยง
ซึ่งไม่มีความจ�ำเป็นต้องซื้อหุ้นเลย เพราะมีความเสี่ยงและ
อาจจะได้ผลตอบแทนไม่ถึง 4-5% ด้วยซ�้ำ ผันผวนกว่าด้วย
ส่วนใหญ่จึงไปซื้อพันธบัตรดีกว่า
การลงทุนต้องมองเป็น Relative Value หรือต้องมอง
ในเชิงเปรียบเทียบเสมอ วันนี้ถ้าตลาดหุ้นไทยลงไปแถว
1,400 - 1,450 จุด ก็จะท�ำให้ผลตอบแทนน่าสนใจมาก เพราะ
ในเชิงพื้นฐานถือว่าถูกมาก แต่วันนี้หุ้นไทยอาจจะมีพื้นฐานที่
ดูใช้ได้มีสตอรี่ที่ดีในระยะยาวก็จริงแต่ในเชิงRelativeValue
ให้ผลตอบแทนแค่2%ดังนั้นไปลงในพันธบัตรอาจจะดีกว่าซึ่ง
มองว่าอาจจะยังไม่ใช่จังหวะเวลาหุ้นไทยจึงไม่ไปไหนแต่หาก
RealYieldลดลงหุ้นมาแน่โดยเฉพาะหุ้นไทยเพราะเข้าสู่เฟส
ก�ำลังลงทุนและจะเติบโตในระยะยาว
ทั้งนี้ “โค้ชเป๊ก” เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะเป็นภาชนะที่ดีใน
การ Enjoy Growth รอบใหม่ของ Fund Flow เพราะไทยดีกว่า
เพื่อนบ้านในอาเซียนหลายประเทศ หากมีการลงทุนพัฒนา
โครงสร้างพื้นฐาน กระตุ้นซัพพลาย จะดึงเงินจากต่างประเทศ
ได้มหาศาล และจะเป็นภาชนะได้แน่นอน กลุ่มหุ้นโครงสร้าง
พื้นฐานและโลจิสติกส์ จะน่าลงทุนมาก ยิ่งหุ้นที่ปันผลดีถือได้
ยาว ๆ เลย แต่สายลงทุนสั้นต้องวิเคราะห์ธีมแต่ละช่วงให้ดี
ผมเคยเจ็บมาก่อนจากการปล่อย
ให้พอร์ตเทรดใหญ่เกินไป แต่มันจับ
ต้องไม่ได้ เช่น วันหนึ่งทำ�กำ�ไรได้
20 - 30 ล้านบาท อีก 2-3 เดือนถัด
มาไม่มีอะไรการันตีได้เลยว่ากำ�ไร
ก้อนนั้นจะยังอยู่เหมือนเดิมหรือ
เติบโตขึ้นแค่ไหน