SlideShare a Scribd company logo
1 of 64
จัดทำโดย
น.ส.หทัยกำญจน์ วรรณก้อน เลขที่ 4
น.ส.ชลธิดำ สุวรรณไชยำ เลขที่ 34
ชั้น มัธยมศึกษำปีที่ 6/14
โรงเรียนยุพรำชวิทยำลัยเชียงใหม่
สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ยุคโบราณ
Menu
สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ(อายุตั้งแต่ 5,000 ปี ก่อนคริสต์กาล - ค.ศ.
500 )ประมวลและจัดโดยนักปราชญ์กรีก ชื่อ แอนติเพเตอร์( Antipater ) แห่ง
ไซดอน ( Sidon )ในศตวรรษที่สองก่อน ค.ศ. สิ่งมหัศจรรย์ของโลก 7 อย่าง
สมัยโบราณเป็นผล งานของมนุษย์ทางด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรมและศิลปะ
ชวนพิศวง จากยุคสมัยแรกเริ่มอารยธรรมของโลกในแถบลุ่มแม่น้าไนล์ ใน
อียิปต์ ถึงยุคความรุ่งเรืองของอารยธรรมกรีกโบราณและยุคสมัยอาณาจักรโรมัน
เรืองอานาจ
Menu
1.พีระมิดอียิปต์ (The Pyramids of Egypt)
พีระมิดอียิปต์เป็นสิ่งมหัสจรรย์ยุคโบราณเพียงสิ่งเดียวที่ยังคง
สภาพเกือบสมบูรณ์เหมือนใน อดีต ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้า
ไนล์ ณ เมืองกีเซ (Giza) ตอนเหนือของกรุงไคโร เมืองหลวงของ
อียิปต์ ประกอไปด้วยพีระมิดใหญ่ 3 องค์ คือ พีระมิดที่บรรจุพระ
ศพของฟาโรห์คีออปส์ (Cheops) คีเฟรน (Chephren) และไม
เซอริมุส (Mycerimus) พีระมิดคีออปส์เป็นพีระมิดที่ใหญ่ที่สุด
Menu
สร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ 3500 ปีก่อนคริสต์ศักราช เดิมสูง
ถึง 481 ฟุต แต่ปัจจุบันลดลงเหลือ 450 ฟุต ฐานของพีระมิด
ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 32.5 ไร่ ( 13 เอเคอร์ ) สร้างขึ้นโดยการใช้
หินทรายตัดเป็นแท่งสี่เหลี่ยมก้อนละประมาณ 2.5
ตัน ถึง 30 ตัน โดยใช้หินทั้งหมดกว่า 2.3 ล้านก้อน ใช้แรงงาน
ทาสและกรรมกรในการก่อสร้างประมาณ 100,000 คน ใช้เวลาก่อสร้าง
ประมาณ 20 ปี สาหรับพีระมิดคีเฟรนหรือพีระมิดรูปสฟิงซ์ซึ่งเป็นคน
ครึ่งราชสีห์ โดยมีใบหน้าเป็นคนมีตัวเป็นราชสีห์อยู่ในท่าหมอบเฝ้า
หน้าพีระมิดคีออปส์สูงประมาณ 66 ฟุต
Menu
พีระมิดอียิปต์
Menu
2.ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย
(The Pharos (Lighthouse)
of Alexandria)
ประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย ตั้งอยู่บนเกาะฟาโรสริมฝั่ง
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ณเมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ สร้าง
ขึ้นมาเมื่อประมาณ 270 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในสมัยของพระเจ้าป
โตเลมีที่ 2 (Ptolemy II ) โดยสถาปนิกชากรีกนามว่าโซสเตรโตส
(Sostratos)
Menu
ตัวประภาคารสูงประมาณ 200 - 600 ฟุต
สร้างด้วยหินอ่อนสลักลวดลายวิจิตรบรรจงมาก
มีบันไดวนเป็นทางขึ้นไปสู่ยอดประภาคาร ซึ่งมีตะเกียง
ขนาดใหญ่ส่องแสงสว่างเห็นได้ชัดในยามค่าคืน ทาให้อเล็ก
ซานเดรียเป็นเมืองท่าที่งดงามยิ่งนัก แต่ในศตวรรษที่ 13
ประภาคารฟาโรสได้พังทลายลงเนื่องจากเกิดแผ่นดินไหว
Menu
ประภาคารฟาโรส
Menu
3.สวนลอยแห่งบาบิโลน
(The Hanging Garden of Babylon)
สวนลอยแห่งบาบิโลนตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ายูเฟรติส
บนผืนแผ่นดินของประเทศอิรักในปัจจุบัน
สวนลอยบาบิโลนเป็นสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์
ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ที่ 2
แห่งกรุงบาบิโลเนียทรงดาริ
ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็น
อุทยานพักผ่อนแด่
พระมเหสีของพระองค์
Menu
เมื่อประมาณ600 ปีก่อนคริสต์ศักราช สวนลอยที่สร้างบนพื้นดินกึ่งทะเลทราย
นี้มีลักษณะเป็นชั้นลดหลั่นกันขึ้นไปสูงประมาณ75ฟุตบนพื้นที่400ตารางฟุต
ระเบียงของแต่ละชั้นได้รับการตกแต่งด้วยการปลูกไม้ดอก
ไม้พุ่มและไม้ยืนต้นต่างๆโดยมีระบบชลประทาน
ชักรอกน้าจากแม่น้ายูเฟรติสขึ้นไปสู่ชั้นบนสุด
เพื่อปล่อยให้ไหลลงมายังชั้นต่างๆสร้างความชุ่มชื้น
ให้แก่ต้นไม้ตลอดทั้งปีส่วนผนังแต่ละด้าน
ประดับประดาด้วยกระจกสี
อย่างสวยงามปัจจุบันสวนลอยบาบิโลนได้พังทลายสูญหายไปหมดแล้ว
Menu
สวนลอยแห่งบาบิโลน
Menu
4.สุสานมุสโซเลียมแห่งฮาลิคานาสซัส
(The Mausoleum
at Halicarnassus)
สุสานมุสโซเลียม สร้างขึ้นโดย
พระนางอาเตมีเชียพระมเหสีของกษัตริย์
มุสโซลุส (Mausolus) แห่งคาเรีย
เพื่อเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์มุสโซลุส
หลังจากที่พระองค์สวรรคตเมื่อประมาณ353ปี
ก่อนคริสต์ศักราชตั้งอยู่ที่เมืองฮาลิคานาสซัส
หรือเมืองซาเรีย ในประเทศอิหร่านปัจจุบัน
Menu
ตัวสุสานสูงประมาณ135ฟุตความยาว
ฐานโดยรอบ460ฟุตสร้างด้วยหินอ่อนล้วน
หลังคาชั้นบนสุดเป็นฐานสี่เหลี่ยมมีรูป
แกะสลักของพระเจ้ามุสโซลุสประทับ
ราชรถเทียมม้าอย่างสง่างาม
Menu
แต่ต่อมำรำวคริสต์ศตวรรษที่ 12 - 13
ได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นทำให้สุสำนพังทลำย
ปัจจุบันจึงคงเหลือแต่ซำกปรักหักพังบำง
ส่วนที่พิพิธภัณฑ์แห่งอังกฤษเก็บอนุรักษ์ไว้
ให้อนุชนรุ่นหลังศึกษำกันต่อไป
Menu
สุสานมุสโซเลียมแห่งฮาลิคานาสซัส
Menu
5.อนุสาวรีย์โคโลสซูสแห่งเกาะโรดส์
(The Colossus of Rhodes)
อนุสาวรีย์โคโลสซูสหรือเทพ
เจ้าอพอลโล (Apollo)เป็นเทวรูปที่
หล่อขึ้นด้วยทองคาสาริดในท่ายืน
ตั้งอยู่ที่เมืองโรดส์ ประเทศกรีซ
สูงประมาณ 120 ฟุต
สร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ 300ปีก่อน
คริสต์ศักราช โดยกษัตริย์ชาเรสแห่ง
ลินดุส (chares of Lindus)
ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ12ปี
แต่พังทลายลงหลังจากก่อสร้างได้
ประมาณ 60 ปี
Menu
เนื่องจากเหตุแผ่นดินไหว
เมื่อ224ปีก่อนคริสต์ศักราช จนกระทั่งในรำวคริสต์ศตวรรษที่ 10
และไม่ได้รัการบูรณะซ่อมแซม ชำวเมืองซำรำเซนส์ได้ทำกำรซื้อเศษ
เป็นเวลาประมาณ 900ปี ทองสำริดของอนุสำวรีย์เพื่อนำไป
หล่อทำอำวุธสงครำมจนหมดสิ้น
เทวรูปขนาดใหญ่ยืนคร่อมปากอ่าว
ให้เรือลอดผ่านไปมาแห่งนี้
จึงไม่เหลือแม้แต่เศษชิ้นส่วนของความ
ยิ่งใหญ่ไว้เลย
Menu
อนุสาวรีย์โคโลสซูสแห่งเกาะโรดส์
Menu
6.วิหารไดอานา (อาร์เทมิส) แห่งเมืองเอฟิซูส
(The Temple of Diana(Artemis)at Epesus)
วิหารไดอานา ตั้งอยู่ที่เมืองเอฟิซูส ประเทศกรีซ สร้างขึ้นด้วย
หินอ่อนเมื่อประมาณ 550 ปีก่อนคริสต์ศักราช ตัววิหาร
กว้าง 160 ฟุต ยาว 342 ฟุต ด้านกว้างมีเสาหินอ่อน
เรียง 8 ต้น ด้านยาวเรียง 20 ต้น เสาแต่ละต้น
สูง 60 ฟุต เส้นผ่าศูนย์กลาง 6 ฟุต หลังคาทาด้วยไม้มุงกระเบื้อง
หินอ่อน ขนาดของวิหารครอบคลุมพื้นที่ 54,720 ตารางฟุต
Menu
เป็นวิหารที่สวยงามมาก เชื่อกันว่าสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพธิดาอาร์เท
มิสผู้เสด็จลงมาจากสรวงสรรค์เพื่อช่วยชาวเมืองให้พ้นจากภัยพิบัติและ
ความหายนะทั้งปวง วิหารไดอานาได้รับการบูรณะซ่อมแซมเมื่อปี ค.ศ.
186 เนื่องจากถูกไฟไหม้ แต่ปัจจุบันเหลือแต่ซากโครงร่างที่ยังคง
งดงามให้ได้ศึกษากันต่อไป
Menu
วิหารไดอานา (อาร์เทมิส) แห่งเมืองเอฟิซูส
Menu
7.อนุสาวรีย์เทพเจ้าซีอุส (จูปีเตอร์)แห่งโอลิมเปีย
(The Statue of Zeus (Jupeter) at Olympia)
อนุสาวรีย์เทพเจ้าซีอุสหรือจูปีเตอร์แห่งเมืองโอลิมเปีย ประเทศ
กรีซ สร้างขึ้นโดยปฎิมากรนามว่า ฟีดีอัส ในช่วงเวลาระหว่าง
ค.ศ. 53-111เป็นอนุสาวรีย์สลักด้วยงาช้างรูปเทพเจ้าซีอุสประทับนั่ง
บัลลังก์ สูงประมาณ 40 ฟุต พระหัสถ์ขวาถือรูปจาลองเทพแห่งชัย
ชนะ (A Small Figure of Victory) พระหัสถ์ซ้าย
ถือคธา ฉลองพระองค์และเครื่องประดับทาด้วยทองคาล้วน ชาวกรีก
โบราณให้ความเคารพนับถือว่าเป็นเทวรูปศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่ง แต่ปัจจุบัน
ได้พังทลายสูญหายไปหมดเนื่องจากแผ่นดินไหว ยังคงมีหลักฐานเหลือ
ไว้แต่เพียงในภาพวาดและในเหรียญโบราณเท่านั้น
Menu
อนุสาวรีย์เทพเจ้าซีอุส (จูปีเตอร์)แห่งโอลิมเปีย
Menu
สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ยุคกลาง
Menu
(อายุตั้งแต่ คริสตศตวรรษที่ 5 - คริสตศตวรรษที่ 16 ) สิ่งมหัศจรรย์ของ
โลกสมัยกลาง ถูกจัดขึ้นมาและเป็นที่ยอมรับกันแพร่หลายต่อมาหลังจากมี
การตั้งข้อสังเกตว่า 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยโบราณแทบ
ทั้งหมด ยกเว้นพีระมิดล้วนแต่เสื่อมโทรมเสื่อมสลายไปหมดสิ้น
เหลือเพียงร่องรอยหลักฐานหรือแบบจาลองเท่านั้นสิ่ง
มหัศจรรย์ของโลกสมัยกลาง ล้วนแต่ยังดารงอยู่เป็น
หลักฐานให้ศึกษากันในปัจจุบันถึงแม้จะเสื่อมโทรม
ไปบ้างตามกาลเวลา สาหรับคาว่า สมัยกลาง ของ 7
สิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยกลาง มีความหมายเพียง
เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคถัดมาจากยุค
โบราณเท่านั้น
Menu
1.หอเอนเมืองปีซา
Leaning Tower of Pisa
หอเอนเมืองปีซา ตั้งอยู่ที่เมืองปีซา ประเทศอิตาลี
เป็นหอทรงกระบอก8ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสูง181ฟุต
เริ่มสร้างเมื่อค.ศ.1174 แต่การก่อสร้างต้องหยุดชะงักลง
เมื่อก่อสร้างไปได้ประมาณ 4-5ชั้น เนื่องจากพื้นดิน
ใต้อาคารเริ่มยุบลงจากการ
ที่รากฐานของอาคาร
ไม่มั่นคงพอ
Menu
อย่างไรก็ตามต่อมาได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมจน
เสร็จสิ้นเรียบร้อยเมื่อปีค.ศ. 1350 ซึ่งมีการเปลี่ยน
แปลงบางส่วนของโครงสร้างด้านบนไปจากแผนผังเดิม
เพื่อถ่วงดุลกับการเอียงของหอ โดยรวมระยะเวลาก่อสร้าง
ทั้งสิ้น 176ปีแต่ตัวหอก็ยังเอนไปจากแนวตั้งฉากถึง14ฟุต
ปัจจุบันนี้ได้ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมข้างบนแล้ว
Menu
เนื่องจากว่าหอจะเอนลงเรื่อยๆซึ่งบรรดาวิศวกรกาลัง
หาทางที่จะหยุดยั้งการเอนและอนุรักษ์ให้มีสภาพเอียงไว้
ให้อนุชนรุ่นหลังได้ชมไปอีกนานๆสาหรับหอเอนปิซานี้
ภายในมีเสาหินอ่อนที่สลักลวดลายด้วยฝีมือจิตรกรชื่อดัง
แห่งยุคได้สลักลวดลายไว้สวยงามมาก ณ ที่หอเอนปิซา
แห่งนี้เป็นที่ที่กาลิเลโอขึ้นไปทาการทดลองทางวิทยาศาสตร์
เกี่ยวกับแรงดึงดูดของโลก
Menu
หอเอนเมืองปีซา
Menu
2. สนามกีฬาโคลอสเซียมในกรุงโรมของอิตาล
(The colosseum of Rome)
สนามกีฬาแห่งกรุงโรม เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ที่เริ่ม
สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสปาเซียนแห่งอาณาจักรโรมัน และสร้าง
เสร็จในสมัยของจักรพรรดิติตัส (Titus) ในคริสต์ศตวรรษที่ 1
หรือ ประมาณปี ค.ศ. 80 อัฒจันทร์เป็นรูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหิน
ทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตร สามารถจุ
ผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน
Menu
ใต้อัฒจรรย์มีห้องใต้ดินที่สร้างขึ้นเพื่อขัง
สิงโตและนักโทษประหาร ก่อนปล่อยให้ออกมา
ต่อสู้กันกลางสนาม นอกจากนี้ยังใช้เป็นสถานที่
ประลองฝีมือของเหล่าอัศวินในยุคนั้น ปัจจุบัน
ยังคงเหลือโครงสร้างเกือบสมบูรณ์ตั้งเด่นเป็น
โบราณสถานที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทั่ว
โลก
Menu
สนามกีฬาโคลอสเซียมในกรุงโรมของอิตาลี
Menu
3.กาแพงเมืองจีน ประเทศจีน
(The Great Wall of China)
กาแพงเมืองจีนสร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 332 - 339 โดยจิ๋นซี
ฮ่องเต้ เป็นกาแพงอิฐที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งยาวประมาณ 2400
กิโลเมตร เพื่อป้องกันการรุกรานจากชาวตาตาร์ กาแพงสร้างด้วย
ดิน หิน และก่ออิฐโดยรอบ มีการสร้างป้อมปราการ
ประมาณ 15,000 แห่ง มีฐานกว้างประมาณ 20 ฟุต ทางเดินกว้าง
ประมาณ 12 ฟุต สูงประมาณ 25 ฟุต มีระฆังบอกเหตุ
ประมาณ 20,000 หอ ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 10 ปี โดย
แรงงานของประชาชนนับล้านคน
Menu
และมีผู้เสียชีวิตในระหว่างการสร้างประมาณหมื่นคน ซึ่งเป็น
จานวนที่มากพอสมควร ปัจจุบันกาแพงเมืองจีนได้รับการบูรณะ
ซ่อมแซมในส่วนที่ชารุดเสียหาย ซึ่งทาให้กาแพงเมืองจีนกลายเป็น
สถานที่ท่องเที่ยวที่มีสภาพสมบูรณ์สวยงาม
Menu
กาแพงเมืองจีน ประเทศจีน
Menu
4.กองหินประหลาดสโตนเฮนจ์ เมือง ซัลลิสเบอรี่ ประเทศ
อังกฤษ (Stonehenge)
กองหินประหลาดสโตนเฮนจ์ มีอายุประมาณปลายยุคหินถึงต้นยุค
บรอนซ์ ตั้งอยู่ในบริเวณที่ราบซาลิสเบอรี ด้านเหนือของเมืองซาลิ
สเบอรี ในมณฑลวิลไซร์ ห่างจากกรุงลอนดอน
ไป 10 ไมล์ ประเทศอังกฤษ ไม่มีหลักฐานว่าใครเป็นผู้นามาวาง
ไว้ และนามาวางไว้เพื่อจุดประสงค์ใด นักวิทยาศาสตร์บางท่าน
สันนิษฐานว่าสร้างมาเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของมนุษย์ยุค
นั้น
Menu
กองหินประหลาดสโตนเฮนจ์ประกอบไปด้วยก้อนหินทรงสูงขนาด
ใหญ่จานวน 112 ก้อนวางตั้งเรียงเป็นรูปวงกลมซ้อนกันสามวง บาง
ก้อนล้มนอน บางก้อนวางทับซ้อนอยู่บนยอด วงหินรอบนอกมี
เส้นผ่าศูนย์กลางถึง 100 ฟุต มีน้าหนักเป็นตันๆ บริเวณที่ราบซาลิ
สเบอรีเป็นทุ่งโล่ง ไม่มีภูเขา และไม่ปรากฏว่ามีก้อนหินอยู่ในบริเวณ
ใกล้เคียง อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2507 เจอรัลด์ เอส เฮา
กินส์ นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกันได้สันนิษฐานว่า เป็นสถานที่
สาหรับทานายตาแหน่งของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่สัมพันธ์กับการ
เกิดฤดูกาลบนพื้นโลก คือเป็นปฏิทินที่สร้างขึ้นมาอย่างหยาบๆนั่นเอง
Menu
สโตนเฮนจ์
Menu
5.สุสานแห่งอเล็กซานเดรีย (คาตาโคมป์ ) เมืองอเล็กซานเดรีย
ประเทศอียิปต์ (The Catacombs of Alexandria)
สุสานแห่งอเล็กซานเดรีย มีชื่อเรียกว่า คาตาโกมบ์ ตั้งอยู่ที่เมือ
งอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์เป็นสุสานฝังศพใต้ดินของกษัตริย์
อียิปต์โบราณ ไม่ปรากฎหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง เป็นสุสานของ
ใคร และสร้างเมื่อใด ลักษณะของสุสานไม่เหมือนกับปีรามิดคือ
จัดสร้างเป็นอุโมงค์ใต้ดินขุดลึกเข้าไปในภูเขาหินทราย ทาเป็น
ชั้นๆ และมีช่องทางเดินกว้างประมาณ 3-4 ฟุตวกเวียนไปมาเป็น
ระยะทางหลายไมล์ภายในอุโมงค์บางตอนตกแต่งอย่างสวยงามที่บรรจุด
พระศพคือผนังอุโมงค์ที่เจาะเป็นช่องลึกเข้าไป มีแท่นบูชาวางด้วย
ตะเกียงดวงเล็กๆแขวนไหว้ด้านหน้า ปัจจุบันสุสานแห่งอเล็กซานเดรีย
ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงสภาพสมบูรณ์อีกแห่งหนึ่ง
Menu
สุสานแห่งอเล็กซานเดรีย
Menu
6. สุเหร่าเซนต์โซเฟีย เมืองคอนสแตนดิโนเปิล ประเทศ
ตุรกี (The Mosgue of Hagia Sophia)
สุเหร่าโซเฟีย เป็นสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะผสมผสานระหว่าง
ศิลปะกรรมกรีกและเปอร์เชีย หรือเรียกว่าสถาปัตยกรรมแบบไบเซน
ไทน์ (Byzantine) สุเหร่าโซเฟียมีจุดเด่นอยู่ที่ยอดโดมกลาง
วิหาร การประดับประดากระจกหลายสีที่บริเวณเหนือหน้าต่าง
ประตู และเสาสลักตามแบบไปเซนไทน์ถึง 108 ต้นภายในตัว
วิหาร สุเหร่าโซเฟียสร้างขึ้นมาราวคริสต์ศตวรรษที่ 13โดยจักรพรรดิ
คอนสแตนตินแห่งอาณาจักรโรมันตะวันออก ใช้เวลาก่อสร้าง
ประมาณ 17 ปี
Menu
เดิมเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนา ณ กรุงคอนสแตนติโน
เปิล ประเทศตุรกี แต่กลับถูกชนชาติเติร์กบุกทาลาย ต่อมาในสมัย
จักรพรรดิจัสติเนียน ได้สร้างขึ้นมาใหม่อย่างวิจิตรงดงามด้วย
เครื่องประดับตกแต่งที่มีค่าต่างๆ โดยใช้เวลาในการสร้างนานถึง
ประมาณ 20 ปี แต่เกิดแผ่นดินไหวขึ้นทาให้แตกร้าวเสียหาย ซึ่ง
ได้รับการซ่อมแซมจนอยู่ในสภาพเดิมในเวลาต่อมา พอหลังจากสมัย
ของจักรพรรดิจัสติเนียน พระเจ้าโมฮัมเหม็ดที่ 2 ซึ่งทรงนับถือ
ศาสนาอิสลามได้เข้ามามีอานาจเหนือตุรกี ได้ดัดแปลงให้โบสถ์
กลายเป็นสุเหร่าที่มีความงามทางสถาปัตยกรรมอีกแบบหนึ่ง
Menu
สุเหร่าเซนต์โซเฟีย
Menu
7.เจดีย์กระเบื้องเคลือบเมืองนานกิง ประเทศจีน
(The Porcelain Tower of Nanking)
เจดีย์กระเบื้องเคลือบนาน
กิง ตั้งอยู่ที่เมืองนานกิงที่อยู่ทางตอน
เหนือของประเทศจีน สร้างขึ้นใน
สมัยของราชวงศ์เหม็ง เมื่อประมาณ
คริสต์ศตวรรษที่ 15 ตัวเจดีย์มี
ลักษณะทรงสูงรูปแปดเหลื่ยม หลังคา
มุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียว แขวน
กระดิ่งไว้ 80 ลูก โดยรอบเจดีย์ก่อ
ด้วยอิฐประดับด้วยกระเบื้อง
เคลือบ ยอดปลายแหลมของเจดีย์เป็น
รูปทรงกลมต่อกันขึ้นไปและเคลือบ
ด้วยทอง Menu
แต่เจดีย์องค์เดิมมี 3 ชั้น ต่อมาใน
สมัยของจักรพรรดิยุ่งโล้แห่งราชวงค์
เหม็งประมาณ พ.ศ. 1973 ได้
โปรดให้สร้างเพิ่มขึ้นไปอีก
เป็น 9 ชั้น มีโซ่โยงลงมาจาก
ชายคาตรงแนวที่เป็นเหลี่ยมขององค์
เจดีย์ 8 เส้น โดยแขวนกระดิ่งตาม
สายโซ่รวม 72 ลูก ปัจจุบันองค์
เจดีย์อยู่ในสภาพทรุดโทรม
มาก เนื่องจากเหตุการณ์เกิดกบฎไท้
เผ็งได้ถูกเผาทาลายเมื่อ พ.ศ. 2392
Menu
เจดีย์กระเบื้องเคลือบเมืองนานกิง
Menu
สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ยุคปัจจุบัน
Menu
Menu
เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ หรือเดิมคือ เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของ
โลกยุคปัจจุบัน จัดทาขึ้นโดยองค์กรของสวิตซ์ The New Open
World Corporation (NOWC) ซึ่งผลสรุปสุดท้ายได้
ประกาศเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ที่กรุง
ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส
Menu
1.เมืองโบราณซีเชน อิตซา ของชนเผ่ามายา ในเขตยูคาทาน
เม็กซิโก
ชิเชน อิตซา ตั้งอยู่ที่คาบสมุทรยูคาทาน ประเทศเม็กซิโก เป็นเมือง
ศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของเผ่ามายา ตัววิหารที่สร้างถวายแด่เทพเจ้าของชน
เผ่ามายาสร้างอยู่บนเนื้อที่กว่า 6.4 ตรารางกิโลเมตร มีลักษณะเป็นปีระมิด
เป็นชั้นลดหลั่นลงมา และมีบันไดอยู่ตรงกลาง บนยอดเป็นแท่นบูชาสาหรับ
ทาพิธีกรรมสังเวยแด่เทพเจ้าชนเผ่ามายาได้ชื่อว่าเป็นเผ่าที่มีความป่าเถื่อนใน
การบูชายันมนุษย์แต่ก็ได้ชื่อว่ามีความเจริญทางภาษาและความรู้ทาง
คณิตศาสตร์และดาราศาสตร์ โดยมีการสร้างปฏิทินมายาขึ้นโดย
กาหนดให้ 1 ปี มี 18 เดือนและแต่ละเดือนมี 20 วัน ดังนั้น 1 ปีของชาว
มายาจึงมี 360 วันและมีการเพิ่มวันที่ไม่ขึ้นกับเดือนใดเข้าไปอีก 5 วัน แม้
จะมีความรู้ถึงเพียงนี้แต่พวกนี้กลับไม่ค้นพบการประดิษฐ์ล้อแต่อย่างใด
Menu
เมืองโบราณซีเชน อิตซา
Menu
2.รูปปั้นพระเยซูคริสต์ หรือคริสต์ รีดีมเมอร์ บนยอดเขาใน
นครริโอ เดอ จาเนโร ของบราซิล
รูปปั้นพระเยซูคริสต์ ตั้งอยู่บนยอดเขาโคคาวาดู
(Cocarvado) กรุงริโอ เดอ จาเนโร ( Rio de Janero
) ประเทศบราซิล มีความสูงราว 38 เมตร สร้างในปีค.ศ. 1921ได้รับ
การออกแบบโดยไฮตอร์ ดา ซิลวา กอสตา( Heitor da Silva
Costa )ชาวบราซิล และสร้างโดยพอล ลันดอฟสกี ( Paul
Landowski ) ประติมากรชาวฝรั่งเศสเชื้อสายโปแลนด์ ใช้เวลาใน
การสร้าง 5 ปี โดยทาพิธีเปิดอย่างเป็นทางการใน
วันที่ 12 ตุลาคม 1926 ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปยังฐานของรูป
ปั้นเพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองริโอ เดอ จาเนโรได้
Menu
รูปปั้นพระเยซูคริสต์
Menu
จากยุคกลาง จนถึงยุคปัจจุบัน
3.กำแพงเมืองจีน (ติดโผครั้งที่ 2 จำกยุคกลำง)
4. สนำมกีฬำโคลอสเซียมในกรุงโรมของอิตำลี
Menu
4.เมืองโบราณมาชูปิกชู ของชนเผ่าอินคา ในเปรู
มาชู พิคชู หรือนครสาบสูญแห่งอินคา ( The Lost City of
the Incas ) เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนภูเขาในประเทศเปรู อยู่สูง
จากระดับนาทะเลถึง 2,350 เมตร มาชู พิคชูสร้างโดยจักรวรรดิ์อินคา
และถูกทิ้งร่างเมื่ออินคาพ่ายแพ้แก่ชาวสเปน จนกระทั่งถูกค้นพบโดยนัก
สารวจชาวอเมริกันชื่อ ฮิราม บิงแฮม ( Hiram Bingham ) ในปี
ค.ศ. 1911
Menu
เมืองโบราณมาชูปิกชู
Menu
5. เมืองโบราณเพตรา ในจอร์แดน
นครเพตรา เป็นนครที่แกะสลักลงบนหุบเขาใกล้ทะเลสาบเดดซี
( Dead sea ) และอ่าวอัคบา ( Gulf of Aqaba ) เมืองเพตรา
ถูกสร้างโดยชาวบานาเทียน ( Nabataeans ) ซึ่งเป็นชนเผ่าเร่ร่อน
กลางทะเลทรายอาหรับ ซึ่งได้สกัดหน้าผาหินทรายให้เป็นบ้านเรือน
สาหรับพักอาศัย และได้เปลี่ยนจากอาชีพเลี้ยงแกะมาเป็นพ่อค้า และรับ
คุ้มครองกองคาราวาน ทาให้เพตราเป็นศูนย์กลางการค้าขนาดใหญ่มี
พ่อค้าชาวกรีกได้อธิบายถึงความมั่งคั่งของเพตราว่าเป็นตลาดที่สาคัญ
ที่สุดของชาวอาหรับ เปตราเจริญถึงขีดสูงสุดในช่วง 50 ปีก่อน
คริสตกาล
Menu
จนถึงคริสตศักราชที่ 70 ในช่วงเวลานี้เปตราถูกปกครองด้วย
กษัตริย์นาม อารีตัสที่ 4 ( Aretas IV )ผู้ที่ชาวกรีกยกย่องว่า ฟิโลเด
มอส ( Philodemos )ซึ่งแปลว่า ผู้รักประชาชน เพตราเริ่มเสีย
อานาจเมื่อมีเส้นทางการค้าที่สะดวกและปลอดภัยกว่าเกิดขึ้น จนกระทั่ง
ปีค.ศ.106 เพตราถูกผนวกเข้ากับอาณาจักรโรมัน จนคริสตศตวรรษ
ที่ 5 เพตรากลายเป็นที่ตั้งของมณฑลของบิชอบ และถูกมุสลิมยึดครอง
ในครสตศตวรรษที่ 7 และค่อยๆเสื่อมลงจนหายไปจากประวัติศาสตร์
จนกระทั่งถูกค้นพบโดย นักสารวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โจฮันน์ ลุควิก
เบิร์กฮาร์ท ( Johann Ludwig Burckhardt ) ในปี
ค.ศ. 1812 เพตราจึงได้ปรากฏโฉมต่อชาวโลกอีกครั้ง
Menu
เมืองโบราณเพตรา
Menu
7. ทัชมาฮาล ในเมืองอักรา
ประเทศอินเดีย
ทัชมาฮาล สร้างโดยจักรพรรดิ์ชาห์ เจฮัน (Emperor Shah
Jahan ) เพื่อเป็นอนุสรณืแห่งความรักแด่พระมเหสีมุมทัช มาฮาล
( Mumtaz Mahal ) ทัชมาฮาลสร้างขึ้นระหว่างสร้างระหว่าง
ค.ศ.1630-1648 ณ สวนริมผั่งแม่นายมนา เมืองอัครา ออกแบบโดย
อุสตาด ไอสา (Ustad lsa)สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวจากเมืองมะครานา
หินอ่อนสีแดงจากเมืองฟาตีบุระ หินอ่อนสีเหลืองจากฝั่งแม่น้านรภัทฑ์
เพชรตาแมวจากกรุงแบกแดด ปะการัง และ หอยมุกจากมหาสมุทร
อินเดีย หินเจียระไนสีฟ้าจากเกาะลังขะ เพชรจากเมืองบนทลขัณฑ์ ทัช
มาฮาลได้รับการรับรองจากสถาปิกทั่วโลกว่าสร้างได้ถูกสัดส่วน และ
งดงามที่สุด
Menu
กว้างยาวด้านละ 100 เมตร ตรงกลางมีโดมสูง 60 เมตร มีหอสูงมี
โดมอยู่บนรอบทั้ง 4 มุม ภายใต้โดมใหญ่มีโลงหินอ่อนประดับด้วยอัญ
มณีมากมายบรรจุอยู่ แต่โลงพระศพจริงๆอยู่ในอุโมงค์ข้างใต้โลงหินนั้น
เดิมชาห์ เจฮันตั้งพระทัยจะสร้างสุสานสาหรับพระองค์เองที่อีกฝั่งของ
แม่น้ายมนา โดยสร้างให้เหมือนกับทัชมาฮาลแต่สร้างด้วยหินอ่อนสีดา
แต่ถูกพระโอรสจับพระองค์ขังอยู่ 7 ปีจึงสิ้นพระชนม์ และพระศพของ
พรองค์ถูกฝังอยู่เคียงข้างมิ่งมเหสีสุดที่รักนั่นเอง ส่วนอุสตาด ไอสา
สถาปนิกผู้ออกแบบก็ถูกชาห์ เจฮันสั่งประหารเนื่องจากไม่ต้องการให้
ออกแบบสถาปัตยกรรมใดๆที่สวยกว่าทัชมาฮาลได้
Menu
ทัชมาฮาล
Menu
ที่มา
ที่มำ :
http://kwanlikehistory.blogs
pot.com/2013/10/blog-
post.html
Menu

More Related Content

More from Chontida Suwanchaiya (20)

2557 โครงงานคอม.
2557 โครงงานคอม.2557 โครงงานคอม.
2557 โครงงานคอม.
 
ใบงานท8.
ใบงานท8.ใบงานท8.
ใบงานท8.
 
ใบงานท7.
ใบงานท7.ใบงานท7.
ใบงานท7.
 
ใบงานท6.
ใบงานท6.ใบงานท6.
ใบงานท6.
 
ใบงาน5.
ใบงาน5.ใบงาน5.
ใบงาน5.
 
ใบงาน4.
ใบงาน4.ใบงาน4.
ใบงาน4.
 
ใบงานท3.
ใบงานท3.ใบงานท3.
ใบงานท3.
 
ใบงานท2.
ใบงานท2.ใบงานท2.
ใบงานท2.
 
ใบงาน4.
ใบงาน4.ใบงาน4.
ใบงาน4.
 
Pat7 6 .2552
Pat7 6 .2552Pat7 6 .2552
Pat7 6 .2552
 
Pat7 2 .2552 (1)
Pat7 2 .2552 (1)Pat7 2 .2552 (1)
Pat7 2 .2552 (1)
 
Pat7 4. 2552
Pat7 4. 2552Pat7 4. 2552
Pat7 4. 2552
 
Pat7-3. 2552
Pat7-3. 2552Pat7-3. 2552
Pat7-3. 2552
 
Pat7.2552
Pat7.2552Pat7.2552
Pat7.2552
 
Pat6.2552
Pat6.2552Pat6.2552
Pat6.2552
 
Pat5.2552
Pat5.2552Pat5.2552
Pat5.2552
 
Pat4.2552
Pat4.2552Pat4.2552
Pat4.2552
 
Pat3.2552
Pat3.2552Pat3.2552
Pat3.2552
 
Pat2. 2552
Pat2. 2552Pat2. 2552
Pat2. 2552
 
Pat1. 2552
Pat1. 2552Pat1. 2552
Pat1. 2552
 

7สิ่งมหัศจรรย์ของโลก.