Drug used in asthma2. Drug used in Asthma Bronchodilator Corticosteroid Cromolyn&nedocromil Leukotriene pathway inhibitor 5. Direct effect of autonomic nerve activity on bronchiolar smooth muscle Sympathetic Receptor Beta-2 Action ralaxation Parasympathetic Receptor M3 Action contraction 9. A. Sympathomimetic agents Clinical uses Acute bronchoconstriction Exercise-induced bronchoconstriction Nocturnal asthma(long-acting) 20. B. Methylxanthines Clinical uses Pt. intalerant of inhaled beta-agonists Noctural asthma (sustained-release) Adverse effects Narrow theraputic window(10-20mg/L) 15mg/L => anorexia, N/V, abd.discomfort, headache, anxiety 40mg/L => seizure or arrythmias 24. 2.Corticosteroids Belomethasone, budesonide, flunisolide, prednisolone Mechanism of action Inhalation of production of inflammatory citokines Anti-inflammatory effect Decreased bronchailhyperresponsiveness Decreased frequency of asthma exacerbations Increased effects of Beta-agonists 25. 2.Corticosteroids Clinical uses Block late response(inhaled) Severe persistent asthma(Oral) Adverse effects Oropharyngealcandidiasis, hoarseness Adrenal insufficiency Osteoporosis, cataracts Slow rate of growth(asthma) 26. 3. Cromolyn & nedocromil Mechanism of actions Inhibit mast cell degranulation Prevent inflammatory response Little inhibitory effect on mediator release form basophil Decreased bronchial hyperresponsiveness (chronic use) 27. 3. Cromolyn & nedocromil Pharmacokinetic Poorly absorbed from GI tract Maximal bronchodilate(15min) Excretion(urine,bile) 28. 3. Cromolyn & nedocromil Clinical uses Children Protective effect - antigen and exercise-induced asthma Adverse effects Minor Throat irriation, cough, mouth dryness, chest tightness, wheezing 29. 4. Leukotreine pathway inhibitor Mechanism of action Zileuton - 5-lipoxyginase inh. - prevent leukotreine synthesis Zafirlukast, montelukast - LTD4-receptor antagonist - Inh. Binding of LTD4 to its receptor 30. 4. Leukotreine pathway inhibitor Pharmacodynamics Decreased airway response to antigen Decreased frequency of exacerbation Clinical uses Pt. intolerant of inhaled beta-agonists Aspirin-induced asthma Adverse effects Liver toxicity(Zileuton) 42. Imflammide MDI ตัวยาสำคัญBudesenideเป็นตัวยาสำคัญโดยมีชื่อทางเคมีว่า 16alpha-17alpha-butylidene dioxypregna-1,4-dine-11bata-21-diol-3,20-dioneข้อบ่งใช้ รักษาโรคหอบหืดหลอดลม เภสัชวิทยาBudesenideเป็นยาในกลุ่ม inhaler corticosteroid มีคุณสมบัติต้านการอักเสบจึงใช้ในการรักษาโรคหอบหืด มีประสิทธิผลในการเพิ่มการทำงานของปอดให้ดีขึ้น ลด airway hyper-responsiveness ลดอาการและลดความถี่ของการจับหืดส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น กลไกที่สำคัญคือ ต้าน IgEรบกวน arachidonic acid metabolism และกระบวนการสร้าง leukotrimrteและ prostaglandins ป้องกันการสร้างและการหลั่ง cytokine จึงลดการกระตุ้น inflammatory cells เพิ่มการตอบสนองของ ?-receptor ที่กล้ามเนื้อเรียบทางเดินหายใจขนาดยาแลวิธีการบริหารยา ผู้ใหญ่และเด็กอายุ > 12 ปี ขนาดใช้เริ่มต้น : 400-1600 ?g ต่อวัน โดยแบ่งให้วันละ 2 ครั้ง ขนาดยารักษาต่อเนื่อง : 200-400 mcg วันละ 2 ครั้ง หากอาการหอบหืดแย่ลงอาจต้อง เพิ่มขนาดยาแต่ไม่ควรเกิน 1600 mcg ต่อวันเด็กอายุ 6-12 ปี ขนาดใช้เริ่มต้น : 200-400 ?g ต่อวัน โดยแบ่งให้วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 100-200 mcg ขนาดยารักษาต่อเนื่อง : 100-200 mcg ต่อวัน วันละ 2 ครั้งวิธีใช้ เขย่าเครี่องพ่น 4-5 ครั้ง แล้วดึงฝาครอบกระบอกเครี่องพ่นออก วางเครื่องพ่นไว้ในช่องปากและหุบปากให้สนิท กดเครื่องพ่นพร้อมสูดหายใจช้าๆลึกๆ เอาละอองยาเข้าไปในปอด เอาเครื่องพ่นออกจากปาก หุบปากและกลั้นหายใจประมาณ 10 วินาที เมื่อครบเวลาที่กลั้นหายใจ ให้หายใจออกช้าๆ ควรให้ยาซ้ำห่างจากครั้งแรกประมาณ 1-2 นาที ถ้าเป็นยาที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ควรบ้วนปากหลังใช้ทุกครั้งด้วยน้ำสะอาดการได้รับยาเกินขนาดอาการ ส่วนมากการได้รับยาที่เกินขนาดที่เกิดขึ้นบางโอกาสนั้นไม่ก่อให้เกิดอาการเด่นชัดแต่จะทำให้ระดับ cortisolในสมองลดลงและไปเพิ่มจำนวนและเปอร์เซ็นต์ของจำนวนของ neutrohilsในระบบหมุนเวียนพร้อมลดจำนวนและเปอร์เซ็นต์ของ lymphocyte และ esinophilesลง ส่วนการได้รับยาเกินขนาดเป็นประจำก่อให้เกิดภาวะ hypercorticismและhypothalamic-pituitary-adrenal suppression การรักษา การถอนยาหรือลดขนาดยาลงจะช่วยให้อาการเหล่านี้หมดไป แม้ว่าการกลับคืนสู่ภาวะปกติของ HPA-Axis อาจจะเป็นขบวนการที่เกิดช้าก็ตามข้อห้ามใช้ ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่มีความไวอย่างผิดปกติต่อบูเดโซไนด์ หรือส่วนประกอบใดๆของยานี้ข้อควรระวัง1. ยานี้เป็นยาควบคุมป้องกันอาการอักเสบของทางเดินหายใจซึ่งจะเห็นผลช้า ควรใช้ อย่างสม่ำเสมอและถูกต้องแม้ผู้ป่วยไม่มีอาการ2. ยานี้ไม่มีข้อบ่งใช้บรรเทาอาการหลอดลมหดเกร็งอย่างรวดเร็ว จึงไม่เหมาะที่จะใช้budesonideเดี่ยวๆเพื่อรักษา asthma attack3. ผู้ป่วยที่เปลี่ยนจากการรับประทาน corticosteroid มาใช้ inhaler steroid ต้องให้การดูและเป็นพิเศษ เนื่องจากต้องใช้เวลาหลายเดือนเพื่อให้ hypothalamic-pituitary-adrenal axis ฟื้นตัวเต็มที่ เมื่อเริ่มการรักษา ด้วย Budesonideผู้ป่วยควรอยู่ในภาวะปลอดอาการและให้เริ่มต้นด้วยการให้ใช้ ขนาดสูงๆ ร่วมกับการรับประทานยา corticosteroid ที่ใช้อยู่ก่อนเป็นเวลา ประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากนั้น จึงค่อยๆลดการใช้ corticosteroid ชนิดรับ ประทานทีละน้อย จนถึงขนาดต่ำสุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ควรเปลี่ยนขนาดการใช้ Budesonideในระหว่างที่คนไข้ยังคงรับประทาน corticosteroid เวลาที่ ร่างกายต้องใช้เพื่อการผลิต corticosteroid ตามธรรมชาติเพียงพอได้อีกครั้งหนึ่ง มักจะถูกยืดออกไปอาจใช้เวลานานถึง 12 เดือน ผู้ป่วยที่เปลี่ยนการรักษาควรพกบัตร เตือนที่ระบุว่าผู้ป่วยอาจต้องรับประทาน corticosteroid ร่วมด้วย ระหว่างที่ อาการหอบหืดทรุดหนัก เช่น เมื่อมีการติดเชื้ออย่างรุนแรง บาดเจ็บหรือได้รับการผ่าตัด ระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว อาจมีความจำเป็นต้องให้รับประทาน corticosteroid 4. ระหว่างที่เปลี่ยนการรักษาจากการรับประทาน corticosteroid มาเป็นแบบสูดพ่น อาจเกิดภาวะที่ฤทธิ์ของ steroid ต่อร่างกายลดลง อาการแพ้ต่างๆที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเริ่ม ป่วยอาจกลับมาใหม่ (เช่น เยื่อเมือกในช่องจมูกอักเสบ eczema เยื่อบุตาอักเสบ)หรือ ผู้ป่วยอาจทุกข์ทรมานจากอาการเหนื่อย ปวดศรีษะ ปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ หรือ บางครั้งอาจคลื่นไส้อาเจียน ในกรณีเหล่านี้อาจต้องให้การรักษาช่วยเหลือเพิ่มเติม5. glucocorticosteroidในขนาดสูงๆ อาจไปบดบังอาการบางอย่างของการติด เชื้อเกิดขึ้นใหม่ระหว่างที่ใช้ glucocorticosteroidจึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ในผู้ป่วยที่กำลังเป็นวัณโรคปอดหรืออยู่ในช่วงที่โรคสงบลง หรือผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อ แบคทีเรีย หรือไวรัสที่ระบบทางเดินหายใจ6. เนื่องจากพบว่าในผู้ป่วยบางคนที่ได้รับการรักษาด้วยขนาดยาสูงและเป็นเวลานาน มี การกดต่อมหมวกไตเกิดขึ้นในระดับหนึ่ง จึงแนะนำให้มีการติดตามดูการทำงานของ ต่อมหมวกไตและเลือดด้วยการใช้ยาในสตรีมีครรภ์ จากการศึกษาในสัตว์พบว่า Budesonideสามารถผ่าน blood placental barrier ได้เช่นเดียวกับ corticosteroid อื่นๆ พบว่า Budesonideอาจก่อให้เกิดความผิดปกติต่อการพัฒนาของตัวอ่อนในกระต่ายและหนู rat ได้ เมื่อให้ยาโดยฉีดเข้าทางผิวหนัง พบผลอย่างเดียวกันนี้ในหนู rat ภายหลังได้รับยาโดยการสูดพ่นแต่ยังไม่มีการทดลองเดียวกันนี้ในคน ดังนั้นในขณะที่ยังไม่มีการทดลองเพิ่มเติมในคน จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาระหว่างตั้งครรภ์ หากมีความจำเป็นต้องใช้ยา glucocorticosteroidในสตรีมีครรภ์ การให้ยาโดยวิธีการสูดพ่นจะปลอดภัยกว่ารับประทาน เนื่องจากมีผลต่อร่างกายทั้งร่างกายน้อยกว่าการใช้ยาระยะให้นมบุตร ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการผ่านออกมาทางน้ำนมของ Budesonideดังนั้นจึงแนะนำให้สตรีที่ได้รับ Budesonideหยุดให้นมบุตรชั่วคราวปฏิกิริยาระหว่างยา ประสิทธิผลและอาการไม่พึงประสงค์ต่อร่างกายทั้งระบบอาจเพิ่มขึ้นหากใช้ร่วมกับ corticosteroid แบบรับประทานหรือฉีดและยังไม่พบปฏิกิริยาระหว่าง Budesonideกับยาตัวอื่นที่นัยสำคัญทางคลินิกอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา โดยทั่วไปอาการไม่พึงประสงค์ส่วนมากไม่รุนแรง ที่พบบ่อย (อัตรามากกว่า 1%) ได้แก่ เสียงแหบ ระคายเคือง แสบคอ ระคายเคืองที่ลิ้นและปาก ปากแห้ง ไอ ติดเชื้อ candidaที่ปาก หากพบการติดเชื้อ candidaที่คอหอยส่วนบน (oropharynx) ให้การรักษาด้วยยาต้านเชื้อราที่เหมาะสม โดยไม่ต้องหยุดใช้ Budesonideเพื่อลดการติดเชื้อ candidaควรบ้วนปากทุกครั้งหลังสูดดมยาแต่ละครั้ง หรือการใช้ spacer จะสามารถลดการติดเชื้อ candidaได้ อาการไม่พึงประสงค์ที่พบน้อย (อัตราน้อยกว่า1%) ได้แก่ ปวดศีรษะ การรับรสเสื่อมลง กระหาย ท้องเดิน คลื่นไส้ น้ำหนักเพิ่ม เหนื่อยง่าย ผื่นแดง อาการทางประสาท เช่น ซึมเศร้า กระวนกระวาย 44. Imflammide MDI เภสัชวิทยาBudesenideเป็นยาในกลุ่ม inhaler corticosteroid มีคุณสมบัติต้านการอักเสบจึงใช้ในการรักษาโรคหอบหืด มีประสิทธิผลในการเพิ่มการทำงานของปอดให้ดีขึ้น ลด airway hyper-responsiveness ลดอาการและลดความถี่ของการจับหืดส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น กลไกที่สำคัญคือ ต้าน IgEรบกวน arachidonic acid metabolism และกระบวนการสร้าง leukotrimrteและ prostaglandins ป้องกันการสร้างและการหลั่ง cytokine จึงลดการกระตุ้น inflammatory cells เพิ่มการตอบสนองของ ?-receptor ที่กล้ามเนื้อเรียบทางเดินหายใจ 45. Imflammide MDI ขนาดยาแลวิธีการบริหารยา ผู้ใหญ่และเด็กอายุ > 12 ปี ขนาดใช้เริ่มต้น : 400-1600 mcg ต่อวัน โดยแบ่งให้วันละ 2 ครั้ง ขนาดยารักษาต่อเนื่อง : 200-400 mcg วันละ 2 ครั้ง หากอาการหอบหืดแย่ลงอาจต้อง เพิ่มขนาดยาแต่ไม่ควรเกิน 1600 mcg ต่อวัน เด็กอายุ 6-12 ปี ขนาดใช้เริ่มต้น : 200-400 ?g ต่อวัน โดยแบ่งให้วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 100-200 mcg ขนาดยารักษาต่อเนื่อง : 100-200 mcg ต่อวัน วันละ 2 ครั้ง 52. Imflammide MDI ส่วนประกอบ ยาชนิดน้ำบรรจุหลอดพลาสติกใช้ได้ครั้งเดียวกับเครื่องพ่นสูด หลอดละ 4 มล. มีตัวยาสำคัญคือ ipratropium bromide 500 mcg และ fenoterol 1250 mcg 61. Berodual ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา บีโรดูอัลฟอร์ท ประกอบด้วยยาขยายหลอดลม 2 ชนิด คือ ipratropium bromide ซึ่งเป็นยาประเภทแอนตี้โคลิเนอร์จิคและ fenoterolhydrobromideซึ่งเป็นยาเบต้าแอดรีเนอร์จิค 62. Berodual ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ipratropium bromide มีฤทธิ์ยับยั้งการกระตุ้นรีเฟลกซ์ของเส้นประสาท vagusโดยมีการออกฤทธิ์ต่อต้านอะเซติลโคลินป้องกันการเพิ่มความเข้มข้นของ cyclic GMP โดยการทำปฏิกิริยาร่วมกันของอะเซติลโคลินกับมาสคารินิค รีเซพเตอร์ ของกล้ามเนื้อผนังหลอดลมทำให้ขยายหลอดลม เมื่อพ่นสูด ipratropium bromide จะออกฤทธิ์เจาะจงเฉพาะที่ 63. Berodual ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา fenoterolhydrobromideเป็นยากระตุ้นซิมพาเทติคที่ออกฤทธิ์กระตุ้นเฉพาะต่อ Beta-2 receptor เมื่อได้รับยาในขนาดที่แนะนำให้ใช้ในการรักษา ทำให้เกิดการขยายตัวของกล้ามเนื้อเรียบของผนังหลอดเลือดและหลอดลมจะช่วยป้องกันการเกิดภาวะหลอดลมหดตัวจากการกระตุ้นของสารกระตุ้น เช่น histamine , methacholineอากาศเย็นและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ 64. Berodual ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา การใช้ยาสองตัวนี้ร่วมกันจะขยายหลอดลมโดยมีตำแหน่งการออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่ต่างกัน ตัวยาสำคัญทั้ง 2 ตัวจะเสริมฤทธิ์ในการลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหลอดลมและทำให้ขอบเขตของการรักษากว้างขึ้น ใช้ในการรักษาความผิดปกติของหลอดลมซึ่งเกี่ยงข้องกับการหดตัวของระบบทางเดินหายใจ ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการหอบหืดชนิดเฉียบพลัน การให้ยาผสม fenoterolและ ipratropium bromide จะให้ประสิทธิภาพอย่างรวดเร็วหลังจากได้รับยา การให้ยาผสมของ fenoterolและipratropium bromide มีประสิทธิภาพมากกว่าการให้ตัวยาแต่ละตัวเดี่ยวๆ 65. Berodual ข้อบ่งใช้ บีโรดูอัลฟอร์ท เป็นยาขยายหลอดลมที่ใช้ป้องกันและรักษาอาการที่เกิดจากทางเดินหายใจตีบแคบลงในโรคหอบหืดและโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังที่อาจมีหรือไม่มีถุงลมโป่งพองร่วมด้วยควรพิจารณาให้ยาต้านการอักเสบร่วมด้วยในผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืดและผู้ป่วยที่เป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่ตอบสนองต่อยาสเตียรอยด์ 67. Berodual ข้อควรระวังการรักษาระยะยาว · ในผู้ป่วยที่มีอาการหอบหืดและผู้ป่วยโรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรังระดับความรุนแรงน้อย ควรใช้ยาเฉพาะเมื่อมีอาการจะดีกว่าการใช้ยาเป็นประจำ · ในผู้ป่วยที่มีอาการหอบหืดและผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่ตอบสนองต่อยาสเตียรอยด์ควรพิจารณาว่าควรให้ยาต้านการอักเสบด้วยหรือไม่เพื่อควบคุมการอักเสบของทางเดินหายใจ 68. Berodual ข้อควรระวัง · การใช้ยากลุ่มที่กระตุ้นเบต้า-2 อาจจะทำให้ระดับของโปตัสเซียมในเลือดต่ำลง (hypokalemia) ควรระมัดระวังการใช้ยา บีโรดัลฟอร์ท ในผู้ป่วยต่อมลูกหมากโต หรือกระเพาะปัสสาวะอุดตัน หรือผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อโรคต้อหินแบบ narrow-angle 69. Berodual S/E อาจพบอาการกล้ามเนื้อสั่น กระสับกระส่าย ปากแห้ง ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หัวใจเต้นเร็วและใจสั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่ไวต่อยากลุ่มนี้ การใช้ยาในกลุ่มเบต้า-2 อาจทำให้ระดับโปแตสเซียมในเลือดต่ำลง มีรายงานว่าอาจเกิดการไอ ระคายเคืองเฉพาะ 71. Salbutamol(Ventolin) ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ( Pharmacology ) Salbutamolมีคุณสมบัติเป็น b - adrenergic agonist ดังนั้นจึงให้ผล · ขยายหลอดลม ( bronchodilater ) · ขยายหลอดเลือดและหลอดเลือดส่วนปลาย (vasodilater) · คลายกล้ามเนื้อมดลูก ( uterine relaxation ) · กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อลาย · ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ( tachycardia 72. Salbutamol(Ventolin) ขนาดและวิธีการใช้ ( Administration ) ผู้ใหญ่และเด็กอายุ > 12 ปีขึ้นไป · Inhaler for asthma : Metered-dose inhaler 90-180 mg ( 1-2 puff ) ทุกๆ 4-6 ชั่วโมงหรือเมื่อมีอาการ และก่อนออกกำลังกาย : Inhalation solution ( Nubulizar ) 2.5 mg 3-4 ครั้งต่อวัน · Inhaler for severe bronchospasm : Nubulizer 2.5-5 mg ( 0.5-1 ml ของnubulizerขนาด 0.5% ใน 2-3 ml ) ทุก 4-6 ชั่วโมงและเมื่อมีอาการ หรืออาจให้ทุก 1-2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแพทย์ 73. Salbutamol(Ventolin) ขนาดและวิธีการใช้ ( Administration ) · PO for asthma 2-4 mg ทุก 6-8 ชั่วโมง ถ้าผู้ป่วยไม่ตอบสนองอาจเพิ่มขนาดได้ไม่เกิน 32 mg/day · Sustain-release tablet 4-8 mg ทุก 12 ชั่วโมง และสามารถเพิ่มขนาดยาได้ไม่เกิน 32 mg/day Evohaler.JPG 74. Salbutamol(Ventolin) ขนาดและวิธีการใช้ ( Administration ) เด็กอายุ < 12 ปี · Inhaler for asthma : Metered-dose inhaler ใช้ร่วมกับ spacer 90-180 mg (1-2 puff ) ทุก 4-6 ชั่วโมง ท Inhalation solution 0.05-0.15 mg/kg ทุก 4-6 ชั่วโมง และเมื่อมีอาการหรือ · ถ้าน้ำหนักน้อยกว่า 20 กิโลกรัม ให้ใช้ Nubulizerขนาด 0.5% 0.25 ml · ถ้าน้ำหนักมากกว่า 20 กิโลกรัม ให้ใช้ Nubulizerขนาด 0.5% 0.5 ml และเพิ่มขนาดได้ไม่เกิน1ml ให้ใช้ทุก 4-6 ชั่วโมง และเมื่อมีอาการ หรือทุก 1-2 ชั่วโมง สำหรับ severe bronchospasmต้องอยู่ภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์ · PO for asthma 75. Salbutamol(Ventolin) ขนาดและวิธีการใช้ ( Administration ) เด็กอายุ 2-6 ปี · 100-200 mg/kg/dose ทุก 8 ชั่วโมง เพิ่มขนาดยาได้แต่ไม่เกิน 4 mg ทุก 8 ชั่วโมง เด็กอายุ 6-12 ปี · 2 mg ทุก 6-8 ชั่วโมง เพิ่มขนาดยาได้แต่ไม่เกิน 24 mg / day 76. Salbutamol(Ventolin) ขนาดและวิธีการใช้ ( Administration ) ผู้สูงอายุ · Inhaler for asthma ขนาดใช้เหมือนผู้ใหญ่ · PO : 2 mg 3-4 ครั้งต่อวันและอาจเพิ่มขนาดได้เมื่อมีอาการแต่ไม่เกิน 8 mg 3-4 ครั้งต่อวันวิธีการใช้ร่วมกับ spacer · เขย่าเครื่องพ่น 4-5 ครั้ง แล้วดึงฝาครอบกระบอกเครื่องพ่นออก 77. Salbutamol(Ventolin) · ต่อเครื่องพ่น เข้ากับหลอกต่อ · อมปลายอีกด้านของหลอดต่อ ถือให้เครื่องพ่นตั้งตรง แล้วกดเครื่องพ่นยา 1 ครั้ง · สูดหายใจเข้าจากหลอดต่อจนสุดแล้วกลั้นหายใจประมาณ 10 วินาที · ถ้าจะพ่นซ้ำ ควรรอประมาณ 1-2 นาที ถ้เป็นยาที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ควรบ้วนปากหลังใช้ทุกครั้งด้วยน้ำสะอาด 78. Salbutamol(Ventolin) รูปแบบยา ( dosage form ) Inhaler · Metered-dose ขนาด 90 mg/puff บรรจุ 200 puff /inhaler · Metered-dose ( HFA ) ขนาด 90 mg/puff บรรจุ 200 puff /inhaler Inhaler solution · 0.5% ( 5 mg/ml ) · 0.083% ( unit dose solution ขนาด 3 ml ) Tablet ขนาด 2 mg และ 4 mg Syrup ขนาด 0.4 mg/ml Sustain-release tablet ขนาด 4 mg และ 8 mg 79. Salbutamol(Ventolin) เภสัชจลนศาสตร์ ( pharmacokinetic )เวลาที่ยาเริ่มออกฤทธิ์ ( onset ) Inhaler · onset ภายใน 15 นาที · peak ภายในเวลาหรือน้อยกว่า 60-90 นาท Oral · onset 30-60 นาที · peak 2-3 ชั่วโมง 80. Salbutamol(Ventolin) เภสัชจลนศาสตร์ ( pharmacokinetic )ระยะเวลาที่ยายังคงมีฤทธิ์อยู่ ( duration ) · ประมาณ 4-6 ชั่วโมง ขึ้นกับขนาดยา รูปแบบยาและภาวะของผู้ป่วยFate ของยา Oral bioavailability เท่ากับ 50% Peak serum level · inhaler ขนาด 0.15 mg/kg ได้ peak ที่ 5.6 mg/L ( 23 nmol/L ) · tablet ขนาด 4 mg ได้ peak ที่ 10 mg/L ( 42 nmol/L ) ยาผ่านขบวนการ Hepatic first-pass metabolism ยาถูกกำจัดออกทางปัสสาวะ 50% ในรูปของ inactive sulfate conjugate และไม่พบว่ามีการ metabolized ยาที่ปอด 81. Salbutamol(Ventolin) อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (Adverse reaction ) อาการใจสั่น ซึ่งเป็น dose related tachycardia เนื่องจากฤทธิ์ขยายหลอดเลือดส่วนปลาย ( peripheral vasodilation ) และผลจากการกระตุ้น b - receptor ที่หัวใจโดยตรง, มือสั่น ( tremor ), การที่หัวใจเต้นเร็วจนรู้สึกได้ ( palpitation ) และคลื่นไส้ ( nausea ) dose- related effect ที่เกิดขึ้นจะลดลงเมื่อใช้ยาในรูปของ aerosol และ b - agonist ที่ทำให้ระดับ potassium ในเลือดลดลง 82. Salbutamol(Ventolin) ข้อควรระวัง ( precaution ) · ควรระวังการใช้ในหญิงตั้งครรภ์ ( pregnancy ) , ผู้ป่วย cardiac disorder รวมทั้ง coronary insufficiency , ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ( hypertension ) และผู้ป่วยเบาหวาน การได้รับยาเกินขนาดหรือใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการดื้อยาได้ 83. Prednisolone is a synthetic corticosteroid drug that is particularly effective as an immunosuppressant, and affects virtually all of the immune system Uses in severe asthma,severeallergies, juvenile dermatomyositis