ศาตราจารย์ศิลป์ ระพีศรี
- 3. ประวัติส่วนตัว
เดิมชื่อของท่าน คอร์ราโด เฟโรชี Corrado Feroci เป็นชาวอิตาลี
สัญชาติไทย ถือว่าเป็นปูชนียบุคคลคนหนึ่งของไทย โดยได้สร้างคุณูปการ
ในทางศิลปะจนเป็นที่รู้จักกว้างขวาง เป็นทั้งผู้ก่อตั้งและครูสอนศิลปะใน
มหาวิทยาลัยศิลปากร จนเป็นที่รักใคร่และนับถือทั้งในหมู่คณาศิษย์และ
อาจารย์ และได้รับการยกย่องว่าเป็นปูชนียบุคคลของมหาวิทยาลัยแห่งนี้
ท่านมีผลงานที่โดดเด่นหลายอย่างในประเทศไทย ได้แก่ พระราชานุสาว
รีย์ของสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ที่สวนลุมพินี และ
อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี
- 5. ความเป็นมา
ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2435
(ค.ศ.1892) ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี นามเดิมคือ คอร์ราโด เฟ
โรจี ตรงกับรัชกาล 6 ในขณะนั้น รัฐบาลประเทศสยาม มีนโยบายขอให้
รัฐบาลประเทศอิตาลีคัดเลือกประติมากรผู้มีฝีมือมารับราชการปฏิบัติงาน
หมีคาไม่สุภาพ และถ่ายทอดความรู้แก่ชาวสยาม ให้มีความรู้ทางด้าน
ศิลปะทัดเทียมกับชาวตะวันตก ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จ
พระมงกุฏเกล้า เจ้าอยู่หัว
- 6. ปี พ.ศ.2466 ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี จึงได้รับมอบหมายและเดินทาง
มารับราชการกรมศิลปากร กระทรวงวัง ในตาแหน่งช่างปั้น ที่ประเทศ
สยาม ในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2466 เมื่ออายุท่านย่าง 32 ปี ผลงานที่
ทาให้ท่านมีชื่อเสียงจนได้รับเลือกมารับราชการในประเทศสยาม คือ
ประติมากรรมอนุสาวรีย์สงคราม ที่เมืองปอร์โตเฟอราอิโอ ทางด้านชีวิต
ครอบครัว ก่อนเดินทางมาประเทศไทย ท่านเคยแต่งงานมาครั้งหนึ่งแต่ได้
แยกทางกัน และท่านเดินทางมากับภริยาใหม่ คือ นางฟันนี วิเวียนนี
และได้ใช้ชีวิตร่วมกันใน
- 7. ประเทศสยาม จนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 ครอบครัวขอท่านจึงกลับ
ประเทศอิตาลีพร้อมลูกชาย และลูกสาว แต่ท่านกลับอยู่ประเทศสยาม
ด้วยความเสียสละเพื่องานศิลปะ และด้านศิลปะศึกษาที่ท่านรัก ท่านแยก
ทางกันแต่มีโอกาสได้พบกันเมื่อท่านลางานเพื่อเยี่ยมเยือนครอบครัวใน
บางปี
- 8. ปี พ.ศ.2486 ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ศาสตราจารย์ คอร์ราโด เฟโรจี มี
สัญชาติอิตาเลี่ยนซึ่งแพ้สงครามจึงถูกกักกันตัว ( บางครั้งกล่าวว่ากักบริเวณ )
ท่านจึงเปลี่ยนชื่อ และสัญชาติโดยมีชื่อ “ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี” แทน
นามเดิม
- 9. ท่านแต่งงานกับคุณมาลินี แคนนี่ แต่ไม่มีบุตร ธิดาด้วยกัน ท่านอุทิศ
ตนจนถึงวาระสุดท้ายให้กับการบุกเบิกศิลปะ และศิลปะศึกษาในประเทศ
ไทย แม้อายุท่านล่วงเลยเกิน 60 ปีแล้ว จวบจนท่านถึงแก่กรรม ณ
โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2505 โดยสร้างสรรค์
ผลงานศิลปกรรมโดยเฉพาะอนุสาวรีย์ที่สาคัญต่างๆ ในประเทศไทย
- 12. ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร
ปี พ.ศ.2469 ศาสตราจารย์ศิลป์ ได้ย้ายมาเป็นช่างปั้น สังกัดกอง
ประณีตศิลปกรรม กรมศิลปากร กระทรวงธรรมการ ระหว่างนั้นท่านได้
เริ่มสอนศิลปะแก่ผู้สนใจโดยเฉพาะทางด้านประติมากรรม ทั้งทางด้าน
ทฤษฎี และปฏิบัติ ศิษย์รุ่นแรกๆส่วนใหญ่มาจากโรงเรียนเพาะช่าง เมื่อ
ทางราชการเล็งเห็นความสาคัญของการศึกษา
- 13. ทางด้านศิลปะจึงให้ท่านเป็นผู้วางหลักสูตร และตาราขึ้น โดยมีมาตรฐาน
เช่นเดียวกับยุโรป อาจารย์ดารง วงศ์อุปราช กล่าวว่า ศาสตราจารย์ศิลป์ พี
ระศรี เป็นบุคคลผู้มีความสาคัญที่สุดในการทาให้เกิดศิลปิน และศิลปะแบบ
ใหม่ขึ้นในประเทศไทยอย่างแท้จริง ศิลปินมีการสร้างสรรค์ศิลปะที่มีฐานของ
ความรู้และความเข้าใจ ท่านเห็นว่า การสร้างสรรค์งานศิลปะนั้นจาเป็นต้องมี
การศึกษาอย่างเป็นระบบและแบบแผน ท่านจึงพยายามให้ทางราชการเปิด
โรงเรียนสอนศิลปะ จนเปิดโรงเรียนประณีตศิลปกรรมขึ้น
ในปี พ.ศ.2477 กรมศิลปากรจึงจัดตั้งโรงเรียนประณีตศิลปกรรม โดยมี
ศาสตราจารย์ศิลป์เป็นผู้อานวยการและเป็นผู้สอนวิชาศิลปะทั้งทางด้านทฤษฎี
และปฏิบัติ โรงเรียนประณีตศิลปกรรมได้ยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยศิลปากร
ในปี พ.ศ.2486 จนถึงปัจจุบัน นับเป็นโรงเรียนสอนศิลปะสากลแห่งแรกของ
ประเทศสยามและเอเชียอาคเนย์