SlideShare a Scribd company logo
1 of 2
Download to read offline
ภาษาซี เป็นการเขียน โปรแกรม
พื้นฐาน สามารถประยุกต์ใช้กับงานต่างๆได้มากมาย
ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ทางคณิตศาสตร์
โ ป ร แ ก ร ม ท า ง ไ ฟ ฟ้ า อิ เ ล็ ก ท ร อ นิ ก ส์
ไมโครคอนโทรลเลอร์ เช่น โปรแกรม MATLAB (The
MathWorks - MATLAB and Simulink for
Technical Computing) ซึ่งเวลาใช้สามารถพิมพ์
ชุดคาสั่งภาษาซีเพิ่มเข้าไปในโปรแกรมคานวณทาง
คณิตศาสตร์ ประมวลผลทางสัญญาณไฟฟ้า ทาง
ไฟฟ้าสื่อสารก็ได้ ทาให้ประสิทธิภาพของงานที่ทาดี
ยิ่งขึ้นครับ และยังมีโปรแกรมอื่นๆ ที่มีภาษาซี
ประยุกต์ใช้กันอีกมากมาย ไม่สามารถนามากล่าวได้
หมด ถึงแม้ว่าภาษาซีอาจจะดูเก่าไปสาหรับคนอื่น แต่
ผมว่าควรศึกษาภาษาซีที่เป็นรากฐานของภาษาอื่นๆ
เสียก่อน เพราะภาษา C++ จาวา (Java) ฯลฯ และ
ระบบลีนุกซ์ เป็นระบบที่ถูกพัฒนามาจากระบบยูนิกซ์
ซึ่งก็เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า ภาษาคู่บารมีของ
ระบบปฏิบัติการตระกูลยูนิกซ์มีการพัฒนามาจาก
ภาษาซีเช่นกัน
ระดับกลาง คือไม่เป็นภาษาระดับต่าแบบ
แอสเซมบลีหรือเป็นภาษาสูงแบบ เบสิค โคบอล
ฟอร์แทรน หรือ ปาสคาล เนื่องจากคุณสามารถจะ
จัดการเกี่ยวกับเรื่องของพอยน์เตอร์ได้อย่างอิสระ
และบางทีคุณก็สามารถควบคุมฮาร์ดแวร์ผ่านทาง
ภาษาซี ได้ราวกับคุณเขียนมันด้วภาษาแอสเซมบลี
ด้วยข้อดีเหล่านี้เองทาให้โปรแกรมที่ถูกเขียนด้วย
ภาษาซีมีความเร็วในการปฏิบัติงานสูงกว่าภาษา
ทั่วๆไป แต่ก็ต้องแลกกับการเรียนรู้และการฝึกฝน
อย่างหนัก
ตัวอย่างภาษาซี
ประวัติภาษาซี
ภาษาซี เป็นภาษาที่ถือว่าเป็นทั้งภาษา ระดับสูง
และระดับต่า ถูกพัฒนาโดย เดนนิส ริดชี(Dennis
Ritche)
Dennis Ritche
แห่งห้องทดลองเบลล์ (Bell Laboratories) ที่
เมอร์รีฮิล มลรัฐนิวเจอร์ซี่ โดยเดนนิสได้ ใช้
หลักการของภาษา บีซีพีแอล (BCPL : Basic
CombineProgramming Language) ซึ่งพัฒนาขึ้น
โดย เคน ทอมสัน (Ken Tomson) การออกแบบและ
พัฒนาภาษาซีของเดนนิส ริดชี มีจุดมุ่งหมายให้เป็น
ภาษาสาหรับใช้เขียนโปรแกรมปฏิบัติการระบบ
ยูนิกซ์ และได้ตั้งชื่อว่า ซี (C) เพราะเห็นว่า ซี (C)
เป็นตัวอักษรต่อจากบี (B) ของภาษา BCPL
ภาษาซีถือว่าเป็นภาษาระดับสูงและภาษาระดับต่า
ทั้งนี้เพราะ ภาษาซีมีวิธีใช้ข้อมูลและมีโครงสร้าง
การควบคุมการทางานของโปรแกรมเป็นอย่าง
เดียวกับภาษาของโปรแกรมระดับสูงอื่นๆ จึง ถือว่า
เป็นภาษาระดับสูง ในด้านที่ถือว่าภาษาซีเป็น
ภาษาระดับต่า เพราะภาษาซีมีวิธีการเข้าถึงใน
ระดับต่าที่สุดของฮาร์ดแวร์ ความสามารถทั้งสอง
ด้านของภาษานี้เป็นสิ่งที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน
ประวัติความเป็นมาของภาษาซี
ความสามารถระดับต่าทาให้ภาษาซีสามารถใช้
เฉพาะเครื่องได้ และความสามารถระดับสูง ทาให้
ภาษาซีเป็นอิสระจากฮาร์ดแวร์ ภาษาซีสามารถ
สร้างรหัสภาษาเครื่องซึ่งตรงกับชนิดของข้อมูลนั้น
ได้เอง ทาให้โปรแกรมที่เขียนด้วยภาษาซีที่เขียนบน
เครื่องหนึ่ง สามารถนาไปใช้กับอีกเครื่องหนึ่งได้
ประกอบกับการใช้พอยน์เตอร์ในภาษาซี นับได้ว่า
เป็นตัวอย่างที่ดีของการเป็นอิสระจากฮาร์ดแวร์
วิวัฒนาการของภาษาซี
(Ken Thompson)
- ค.ศ. 1970 มีการพัฒนาภาษา B โดย Ken
Thompson ซึ่งทางานบนเครื่อง DEC PDP-7 ซึ่ง
ทางานบนเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ไม่ได้ และยังมี
ข้อจากัดในการใช้งานอยู่ (ภาษา B สืบทอดมาจาก
ภาษา BCPL ซึ่งเขียนโดย Marth Richards
- ค.ศ. 1972 Dennis M. Ritchie และ Ken
Thompson ได้สร้างภาษา C เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ภาษา B ให้ดียิ่งขึ้น ในระยะแรกภาษา C ไม่เป็นที่
นิยมแก่นักโปรแกรมเมอร์โดยทั่วไปนัก
- ค.ศ. 1978 Brian W. Kernighan และ Dennis
M. Ritchie ได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า The C
Programming Language และหนังสือเล่มนี้ทาให้
บุคคลทั่วไปรู้จักและนิยมใช้ภาษา C ในการเขียน
โปรแกรมมากขึ้น
- แต่เดิม ภาษา C ใช้ Run บนเครื่องคอมพิวเตอร์
8 bit ภายใต้ระบบปฏิบัติการ CP/M ของ IBM PC
ซึ่งในช่วงปี ค. ศ. 1981 เป็นช่วงของการพัฒนา
เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ ภาษา C จึงมี บทบาท
สาคัญในการ นามาใช้บนเครื่อง PC ตั้งแต่นั้นเป็น
ต้นมา และมีการพัฒนาต่อมาอีกหลาย ๆ ค่าย
ดังนั้นเพื่อกาหนดทิศทางการใช้ภาษา C ให้เป็นไป
แนวทางเดียวกัน ANSI (American National
Standard Institute) ได้กาหนดข้อตกลงที่
เรียกว่า 3J11 เพื่อสร้างภาษา C มาตรฐานขึ้นมา
เรียนว่า ANSI C
- ค.ศ. 1983 Bjarne Stroustrup แห่ง
ห้องปฏิบัติการเบล (Bell Laboratories) ได้
พัฒนาภาษา C++ ขึ้นรายละเอียดและ
ความสามารถของ C++ มีส่วนขยายเพิ่มจาก C ที่
สาคัญ ๆ ได้แก่ แนวความคิดของการเขียน
โปรแกรมแบบกาหนดวัตถุเป้าหมายหรือแบบ OOP
(Object Oriented Programming) ซึ่งเป็นแนว
การเขียนโปรแกรมที่เหมาะกับการพัฒนาโปรแกรม
ขนาดใหญ่ที่มีความสลับซับซ้อนมาก มีข้อมูลที่ใช้
ในโปรแกรมจานวนมาก จึงนิยมใช้เทคนิคของการ
เขียนโปรแกรมแบบ OOP ในการพัฒนาโปรแกรม
ขนาดใหญ่ในปัจจุบันนี้

More Related Content

Viewers also liked (6)

ภาษาซีแผ่นพับ
ภาษาซีแผ่นพับภาษาซีแผ่นพับ
ภาษาซีแผ่นพับ
 
ภาษาซี.Pdf
ภาษาซี.Pdfภาษาซี.Pdf
ภาษาซี.Pdf
 
แผ่นพับภาษาซี
แผ่นพับภาษาซีแผ่นพับภาษาซี
แผ่นพับภาษาซี
 
1. ประวัติภาษาซี
1. ประวัติภาษาซี1. ประวัติภาษาซี
1. ประวัติภาษาซี
 
3.3. ชนิดของข้อมูล
3.3. ชนิดของข้อมูล3.3. ชนิดของข้อมูล
3.3. ชนิดของข้อมูล
 
แผ่นพับโครงงาน
แผ่นพับโครงงานแผ่นพับโครงงาน
แผ่นพับโครงงาน
 

Similar to แผ่นพับภาษาซี

ภาษา C
ภาษา Cภาษา C
ภาษา Cnattawt
 
ประวัติภาษาซี
ประวัติภาษาซี ประวัติภาษาซี
ประวัติภาษาซี Sun ZaZa
 
นาย ทรงพล สายทอง-58170105-กลุ่ม-01
นาย ทรงพล สายทอง-58170105-กลุ่ม-01นาย ทรงพล สายทอง-58170105-กลุ่ม-01
นาย ทรงพล สายทอง-58170105-กลุ่ม-01Wasan Larreng
 
ตัวอย่างโครงงาน
ตัวอย่างโครงงานตัวอย่างโครงงาน
ตัวอย่างโครงงานjokercoke
 
บทที่ 3. คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์
บทที่ 3. คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์บทที่ 3. คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์
บทที่ 3. คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์Pokypoky Leonardo
 
บทที่ 3 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ [slide]
บทที่ 3 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ [slide]บทที่ 3 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ [slide]
บทที่ 3 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ [slide]Nattapon
 
โครงงานคอม 5
โครงงานคอม 5โครงงานคอม 5
โครงงานคอม 5wipawanmmiiww
 

Similar to แผ่นพับภาษาซี (20)

ภาษา.ซี
ภาษา.ซีภาษา.ซี
ภาษา.ซี
 
ภาษาซี
ภาษาซีภาษาซี
ภาษาซี
 
ภาษาซี
ภาษาซีภาษาซี
ภาษาซี
 
ภาษาซี
ภาษาซีภาษาซี
ภาษาซี
 
ภาษา C
ภาษา Cภาษา C
ภาษา C
 
แผ่นพับภาษาซี
แผ่นพับภาษาซีแผ่นพับภาษาซี
แผ่นพับภาษาซี
 
ประวัติภาษาซี
ประวัติภาษาซี ประวัติภาษาซี
ประวัติภาษาซี
 
ภาษาซี
ภาษาซีภาษาซี
ภาษาซี
 
ภาษาซี
ภาษาซีภาษาซี
ภาษาซี
 
Kk
KkKk
Kk
 
Software
SoftwareSoftware
Software
 
Presentation1
Presentation1Presentation1
Presentation1
 
นาย ทรงพล สายทอง-58170105-กลุ่ม-01
นาย ทรงพล สายทอง-58170105-กลุ่ม-01นาย ทรงพล สายทอง-58170105-กลุ่ม-01
นาย ทรงพล สายทอง-58170105-กลุ่ม-01
 
Presentation1
Presentation1Presentation1
Presentation1
 
ตัวอย่างโครงงาน
ตัวอย่างโครงงานตัวอย่างโครงงาน
ตัวอย่างโครงงาน
 
650 1
650 1650 1
650 1
 
บทที่ 3. คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์
บทที่ 3. คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์บทที่ 3. คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์
บทที่ 3. คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์
 
บทที่ 3 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ [slide]
บทที่ 3 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ [slide]บทที่ 3 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ [slide]
บทที่ 3 วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ [slide]
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
โครงงานคอม 5
โครงงานคอม 5โครงงานคอม 5
โครงงานคอม 5
 

แผ่นพับภาษาซี

  • 1. ภาษาซี เป็นการเขียน โปรแกรม พื้นฐาน สามารถประยุกต์ใช้กับงานต่างๆได้มากมาย ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ทางคณิตศาสตร์ โ ป ร แ ก ร ม ท า ง ไ ฟ ฟ้ า อิ เ ล็ ก ท ร อ นิ ก ส์ ไมโครคอนโทรลเลอร์ เช่น โปรแกรม MATLAB (The MathWorks - MATLAB and Simulink for Technical Computing) ซึ่งเวลาใช้สามารถพิมพ์ ชุดคาสั่งภาษาซีเพิ่มเข้าไปในโปรแกรมคานวณทาง คณิตศาสตร์ ประมวลผลทางสัญญาณไฟฟ้า ทาง ไฟฟ้าสื่อสารก็ได้ ทาให้ประสิทธิภาพของงานที่ทาดี ยิ่งขึ้นครับ และยังมีโปรแกรมอื่นๆ ที่มีภาษาซี ประยุกต์ใช้กันอีกมากมาย ไม่สามารถนามากล่าวได้ หมด ถึงแม้ว่าภาษาซีอาจจะดูเก่าไปสาหรับคนอื่น แต่ ผมว่าควรศึกษาภาษาซีที่เป็นรากฐานของภาษาอื่นๆ เสียก่อน เพราะภาษา C++ จาวา (Java) ฯลฯ และ ระบบลีนุกซ์ เป็นระบบที่ถูกพัฒนามาจากระบบยูนิกซ์ ซึ่งก็เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า ภาษาคู่บารมีของ ระบบปฏิบัติการตระกูลยูนิกซ์มีการพัฒนามาจาก ภาษาซีเช่นกัน ระดับกลาง คือไม่เป็นภาษาระดับต่าแบบ แอสเซมบลีหรือเป็นภาษาสูงแบบ เบสิค โคบอล ฟอร์แทรน หรือ ปาสคาล เนื่องจากคุณสามารถจะ จัดการเกี่ยวกับเรื่องของพอยน์เตอร์ได้อย่างอิสระ และบางทีคุณก็สามารถควบคุมฮาร์ดแวร์ผ่านทาง ภาษาซี ได้ราวกับคุณเขียนมันด้วภาษาแอสเซมบลี ด้วยข้อดีเหล่านี้เองทาให้โปรแกรมที่ถูกเขียนด้วย ภาษาซีมีความเร็วในการปฏิบัติงานสูงกว่าภาษา ทั่วๆไป แต่ก็ต้องแลกกับการเรียนรู้และการฝึกฝน อย่างหนัก ตัวอย่างภาษาซี ประวัติภาษาซี ภาษาซี เป็นภาษาที่ถือว่าเป็นทั้งภาษา ระดับสูง และระดับต่า ถูกพัฒนาโดย เดนนิส ริดชี(Dennis Ritche) Dennis Ritche แห่งห้องทดลองเบลล์ (Bell Laboratories) ที่ เมอร์รีฮิล มลรัฐนิวเจอร์ซี่ โดยเดนนิสได้ ใช้ หลักการของภาษา บีซีพีแอล (BCPL : Basic CombineProgramming Language) ซึ่งพัฒนาขึ้น โดย เคน ทอมสัน (Ken Tomson) การออกแบบและ พัฒนาภาษาซีของเดนนิส ริดชี มีจุดมุ่งหมายให้เป็น ภาษาสาหรับใช้เขียนโปรแกรมปฏิบัติการระบบ ยูนิกซ์ และได้ตั้งชื่อว่า ซี (C) เพราะเห็นว่า ซี (C) เป็นตัวอักษรต่อจากบี (B) ของภาษา BCPL ภาษาซีถือว่าเป็นภาษาระดับสูงและภาษาระดับต่า ทั้งนี้เพราะ ภาษาซีมีวิธีใช้ข้อมูลและมีโครงสร้าง การควบคุมการทางานของโปรแกรมเป็นอย่าง เดียวกับภาษาของโปรแกรมระดับสูงอื่นๆ จึง ถือว่า เป็นภาษาระดับสูง ในด้านที่ถือว่าภาษาซีเป็น ภาษาระดับต่า เพราะภาษาซีมีวิธีการเข้าถึงใน ระดับต่าที่สุดของฮาร์ดแวร์ ความสามารถทั้งสอง ด้านของภาษานี้เป็นสิ่งที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ประวัติความเป็นมาของภาษาซี
  • 2. ความสามารถระดับต่าทาให้ภาษาซีสามารถใช้ เฉพาะเครื่องได้ และความสามารถระดับสูง ทาให้ ภาษาซีเป็นอิสระจากฮาร์ดแวร์ ภาษาซีสามารถ สร้างรหัสภาษาเครื่องซึ่งตรงกับชนิดของข้อมูลนั้น ได้เอง ทาให้โปรแกรมที่เขียนด้วยภาษาซีที่เขียนบน เครื่องหนึ่ง สามารถนาไปใช้กับอีกเครื่องหนึ่งได้ ประกอบกับการใช้พอยน์เตอร์ในภาษาซี นับได้ว่า เป็นตัวอย่างที่ดีของการเป็นอิสระจากฮาร์ดแวร์ วิวัฒนาการของภาษาซี (Ken Thompson) - ค.ศ. 1970 มีการพัฒนาภาษา B โดย Ken Thompson ซึ่งทางานบนเครื่อง DEC PDP-7 ซึ่ง ทางานบนเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ไม่ได้ และยังมี ข้อจากัดในการใช้งานอยู่ (ภาษา B สืบทอดมาจาก ภาษา BCPL ซึ่งเขียนโดย Marth Richards - ค.ศ. 1972 Dennis M. Ritchie และ Ken Thompson ได้สร้างภาษา C เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ภาษา B ให้ดียิ่งขึ้น ในระยะแรกภาษา C ไม่เป็นที่ นิยมแก่นักโปรแกรมเมอร์โดยทั่วไปนัก - ค.ศ. 1978 Brian W. Kernighan และ Dennis M. Ritchie ได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า The C Programming Language และหนังสือเล่มนี้ทาให้ บุคคลทั่วไปรู้จักและนิยมใช้ภาษา C ในการเขียน โปรแกรมมากขึ้น - แต่เดิม ภาษา C ใช้ Run บนเครื่องคอมพิวเตอร์ 8 bit ภายใต้ระบบปฏิบัติการ CP/M ของ IBM PC ซึ่งในช่วงปี ค. ศ. 1981 เป็นช่วงของการพัฒนา เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ ภาษา C จึงมี บทบาท สาคัญในการ นามาใช้บนเครื่อง PC ตั้งแต่นั้นเป็น ต้นมา และมีการพัฒนาต่อมาอีกหลาย ๆ ค่าย ดังนั้นเพื่อกาหนดทิศทางการใช้ภาษา C ให้เป็นไป แนวทางเดียวกัน ANSI (American National Standard Institute) ได้กาหนดข้อตกลงที่ เรียกว่า 3J11 เพื่อสร้างภาษา C มาตรฐานขึ้นมา เรียนว่า ANSI C - ค.ศ. 1983 Bjarne Stroustrup แห่ง ห้องปฏิบัติการเบล (Bell Laboratories) ได้ พัฒนาภาษา C++ ขึ้นรายละเอียดและ ความสามารถของ C++ มีส่วนขยายเพิ่มจาก C ที่ สาคัญ ๆ ได้แก่ แนวความคิดของการเขียน โปรแกรมแบบกาหนดวัตถุเป้าหมายหรือแบบ OOP (Object Oriented Programming) ซึ่งเป็นแนว การเขียนโปรแกรมที่เหมาะกับการพัฒนาโปรแกรม ขนาดใหญ่ที่มีความสลับซับซ้อนมาก มีข้อมูลที่ใช้ ในโปรแกรมจานวนมาก จึงนิยมใช้เทคนิคของการ เขียนโปรแกรมแบบ OOP ในการพัฒนาโปรแกรม ขนาดใหญ่ในปัจจุบันนี้