SlideShare a Scribd company logo
1 of 59
สารบัญ
มารู้จักมะเร็งกันเถอะ
มะเร็งคือ
สาเหตุและปัจจัย
อาการของโรค
ระยะของมะเร็ง
สัญญาณเตือนการ
เกิดโรค
วิธีรักษา
รายชื่อของโรค
9 อันดับของโรค
วิธีการป้องกัน
อาหารต้านมะเร็ง
12 ผักต้านมะเร็ง
15 ผลไม้ต้านมะเร็ง
9 ประเภทอาหารที่ต้านมะเร็ง
แหล่งที่มา
มารู้จักมะเร็งกันเถอะ
มะเร็งคืออะไร ?
มะเร็ง (Cancer) คือ ภาวะที่เซลล์ในร่างกายของเรามีการแบ่งตัวและเจริญขึ้นโดย
รวดเร็วอย่างผิดปกติในสารพันธุกรรม (DNA) โดยเริ่มจากเป็นเซลล์เล็กๆ แล้วค่อยๆ
ขยายใหญ่ขึ้นตามเวลา นานวันเข้าเซลล์นั้นก็จะขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงทาให้เซลล์ในก้อน
เนื้อนั้นตาย จนกลายเป็นก้อนเนื้องอกร้ายที่ไปเบียดบังทั้งส่วนที่เกิดและส่วนอื่นๆ ที่อยู่
ข้างเคียง จากนั้นก็จะค่อยๆ กระจายไปในส่วนอื่นๆ ของร่างกายโดยผ่านระบบกระแส
เลือดหรือน้าเหลืองของเราเป็นตัวนาเชื้อไป
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็ง
1. ปัจจัยภายนอก
– ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี มักเกิดในคนที่ไม่นิยมกินร้อนช้อนกลาง โดยอาจติดจากทางน้าลายในการรับประทานอาหาร
ร่วมกัน
– การติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ ในกรณีที่ชอบรับประทานอาหารแบบดิบๆ หรือกึ่งสุกกึ่งดิบ
– ผู้ที่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นชีวิตจิตใจ และผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจา
– ผู้ได้รับรังสีอัลตราไวโลเลตจากแสงแดดเป็นเวลานาน
– ผู้ที่เคยผ่านการฉายรังสีเอกซเรย์
– สารอะฟลาทอกซินที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารและเครื่องดื่มที่เรารับประทานกันทุกวัน โดยเฉพาะในพวกพริกแห้ง ถั่ว ฯลฯ
– สารก่อมะเร็งในอาหารจาพวกปิ้ง ย่าง ทอด โดยเฉพาะเนื้อที่ย่างหรือปิ้งจนไหม้เกรียมหรือเนื้อที่ทอดโดยใช้น้ามันซ้าๆ ทุกวัน
– สารไฮโดรคาร์บอน เป็นสารเคมีที่นามาใช้ในการถนอมอาหารอย่างไนโตรซามิน ซึ่งเป็นสีย้อมผ้าที่นามาใช้เป็นสีผสมอาหาร
2. ปัจจัยภายใน
– เกิดจากความผิดปกติภายในร่างกาย เช่น เด็กพิการแต่กาเนิด ซึ่งเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรม
– ร่างกายมีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือขาดสารอาหารบางอย่าง เช่น พวกวิตามินเอ หรือซี ฯลฯ
ซึ่งจะเห็นได้ว่ามะเร็งส่วนใหญ่นั้นเกิดจากปัจจัยภายนอกมากกว่าปัจจัยภายใน นั่นหมายความว่าเรา
สามารถป้องกันการก่อเกิดโรคมะเร็งได้มากพอสมควร ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและระเบียบวินัยการเลือก
ปฏิบัติของเราเป็นหลัก รวมทั้งความรู้ในเรื่องของสารก่อมะเร็งด้วย
อาการของโรคมะเร็ง
– สาหรับในช่วงแรกของการเกิดโรคมะเร็งขึ้นในร่างกายนั้นเรียกได้ว่าแทบไม่มีอาการอะไรส่อเค้า หรือบอกให้
ผู้ป่วยทราบได้เลยว่ากาลังเผชิญกับโรคมะเร็งนี้อยู่ ทาให้กว่าที่จะรู้ตัวก็สายเกินแก้
– เมื่อเป็นประสักระยะหนึ่งหรือหลายปี ผู้ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งส่วนใหญ่มักจะเริ่มรู้สึกอ่อนเพลียง่าย เบื่ออาหาร
รับประทานอาหารได้น้อยลง อิ่มเร็ว ผอมซูบ น้าหนักลด ร่างกายเริ่มดูทรุดโทรมลง ไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่า
เหมือนเดิม
– และเมื่ออยู่ในระยะที่มะเร็งเริ่มลุกลามมากขึ้นก็จะเริ่มปรากฏอาการอย่างชัดเจนในระยะนี้ จะรู้สึกเจ็บปวดและ
ทรมานเป็นอย่างมากตามจุดต่างๆ ที่เกิดมะเร็งขึ้น ทั้งนี้จะมีอาการมากน้อยอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับโรคมะเร็งที่เป็นว่า
เป็นมะเร็งชนิดใด ประเภทไหน และการกระจายของเซลล์มะเร็งภายในนั้นไปเบียดบังอวัยวะส่วนใดบ้าง ณ
ขณะนั้น
โรคมะเร็งมีกี่ระยะ
โดยทั่วไปโรคมะเร็งมี 4 ระยะ ซึ่งทั้ง 4 ระยะ อาจแบ่งย่อยได้อีกเป็น เอ (A) บี (B) หรือ ซี (C)
หรือ เป็น หนึ่ง หรือ สอง เพื่อแพทย์โรคมะเร็งใช้ช่วยประเมินการรักษา ส่วนโรคมะเร็งระยะศูนย์ (0) ยัง
ไม่จัดเป็นโรคมะเร็งอย่างแท้จริง เพราะเซลล์แค่เริ่มมีลักษณะเป็นมะเร็งแต่ยังไม่มีการรุกราน (Invasive) เข้า
เนื้อเยื่อข้างเคียง
• ระยะที่ 1 : ก้อนเนื้อ หรือ แผลมะเร็งมีขนาดเล็ก และยังไม่ลุกลาม
• ระยะที่ 2 : ก้อนเนื้อ หรือ แผลมะเร็งมีขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มลุกลามภายในเนื้อเยื่อหรืออวัยวะ
• ระยะที่ 3 : ก้อนเนื้อ หรือ แผลมะเร็งมีขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มลุกลามเข้าเนื้อเยื่อหรืออวัยวะข้างเคียง และ
ลุกลามเข้าต่อมน้าเหลืองที่อยู่ใกล้เนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่เป็นมะเร็ง
• ระยะที่ 4 : ก้อนเนื้อ หรือ แผลมะเร็งมีขนาดโตมาก และ (หรือ) ลุกลามเข้าเนื้อเยื่อหรืออวัยวะข้างเคียง จนทะลุ และ
(หรือ) เข้าต่อมน้าเหลืองที่อยู่ใกล้ก้อนมะเร็ง โดยพบต่อมน้าเหลืองโตคลาได้ และ (หรือ) มีหลายต่อม และ (หรือ)
แพร่กระจายเข้ากระแสโลหิต และ (หรือ) หลอดน้าเหลืองหรือกระแสน้าเหลือง ไปยังเนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่อยู่ไกลออกไป
เช่น ปอด ตับ สมอง กระดูก ไขกระดูก ต่อมหมวกไต ต่อมน้าเหลืองในช่องท้อง ในช่องอก และ (หรือ) ต่อมน้าเหลือง
เหนือกระดูกไหปลาร้า
โรคมะเร็งมีกี่ระยะ
สัญญาณเตือนว่าโรคมะเร็งกาลังมาเยือน
ร่างกายของมนุษย์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน คุณต้องหมั่นสังเกตและตรวจดูการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
ทันทีที่รู้ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกาย นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าโรคร้ายอย่างมะเร็งกาลังมาเยือน และ
สิ่งที่ดีที่สุดในการป้องกันไม่ให้ปัญหาเล็กๆ ลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่และสายเกินกว่าจะรักษา คือการรีบไปพบ
แพทย์ทันทีเมื่อเกิดอาการดังต่อไปนี้
• มีก้อนเนื้อโตเร็วหรือมีแผลเรื้อรัง และไม่หายภายใน 1-2 สัปดาห์ หลังจากการดูแลตนเองในเบื้องต้น
• มีต่อมน้าเหลืองโต มักคลาเจอก้อนแข็งและขนาดโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่มีอาการเจ็บ
• ไฝ ปาน หูด ที่โตเร็วผิดปกติหรือเป็นแผลแตก
• ลมหายใจมีกลิ่น หรือ มีกลิ่นปากรุนแรงจากที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
• เลือดกาเดาออกเรื้อรัง มักออกเพียงข้างเดียว ในบางกรณีก็อาจจะออกทั้งสองข้างได้
• ไอเรื้อรัง หรือ ไอเป็นเลือด
• มีเสมหะ หรือ น้าลายปนเลือดบ่อย
• อาเจียนเป็นเลือด
• ปัสสาวะเป็นเลือด
• ปัสสาวะบ่อย ขัดลา ปัสสาวะเล็ด โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
• อุจจาระเป็นเลือด มูก หรือ เป็นมูกเลือด
• ท้องผูก สลับท้องเสีย โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
• หลังมีเพศสัมพันธ์ทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อน
• มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ
• มีประจาเดือนผิดปกติ
สัญญาณเตือนว่าโรคมะเร็งกาลังมาเยือน
• มีเลือดออกทางช่องคลอดในวัยหมดประจาเดือน
• ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นอึดอัดท้อง โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
• มีไข้ต่าๆ หาสาเหตุไม่ได้
• มีไข้สูงบ่อย หาสาเหตุไม่ได้
• น้าหนักลดลงมากใน 6 เดือน (ตั้งแต่ 10% ขึ้นไปของน้าหนักตัวเดิม)
• มีจ้าห้อเลือดง่าย หรือ มีจุดแดงคล้ายไข้เลือดออกตามผิวหนังบ่อย
• ปวดศีรษะรุนแรงเรื้อรัง หรือ แขน/ขาอ่อนแรง
• ชักโดยไม่เคยชักมาก่อน
• ปวดหลังเรื้อรังและปวดมากขึ้นเรื่อยๆ อาจร่วมกับอาการแขน/ขาอ่อนแรง
สัญญาณเตือนว่าโรคมะเร็งกาลังมาเยือน
วิธีรักษาโรคมะเร็ง
สาหรับการรักษาโรคมะเร็งนี้แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยอาการของโรค มีการตรวจอย่างละเอียดว่าเซลล์มะเร็ง
ร้ายกระจายไปอยู่ในบริเวณใดของร่างกายบ้าง เมื่อทราบแล้วก็จะรักษาไปตามอาการ โดยมะเร็งแต่ละชนิดการ
รักษาก็อาจจะแตกต่างกันออกไปบ้าง แต่ทั้งนี้ก็มีวิธีที่แพทย์นิยมรักษากันอยู่ คือ
1. การผ่าตัด
หากผ่าตัดออกได้แพทย์จะทาการผ่าตัดก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อกาจัดก้อนเนื้อร้ายที่อยู่ในร่างกายเราออกไป แต่วิธีนี้
ไม่ได้สามารถทาการรักษาได้กับมะเร็งทุกประเภท และหากทาการผ่าตัดแล้วก็ยังไม่แน่นอนว่าจะหายขาด 100
เปอร์เซ็นต์หรือไม่ เพราะเซลล์มะเร็งอาจยังหลงเหลือหรือหลบซ่อนอยู่ในร่างกาย โดยอาจเป็นเซลล์มะเร็งที่กาลังเริ่ม
จะเกิดแต่ยังไม่โตให้เห็น ทาให้แพทย์ไม่สามารถรู้หรือสังเกตเห็น เมื่อปล่อยไปสักระยะก็จะกลับเข้าสู่วังวนเดิม คือ
เริ่มก่อตัวขยายใหญ่ขึ้น ก็ต้องมาผ่าตัดกันใหม่อีกรอบ แต่โดยมากกับวิธีการผ่าตัดนี้แพทย์มักแนะนาให้ทาคีโมหรือเคมี
บาบัดร่วมด้วย เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะช่วยให้หายขาดจากโรคมะเร็งนี้ได้
2. การใช้รังสีรักษา
เป็นการฉายแสงไปยังเซลล์มะเร็งในร่างกาย เพื่อทาลายกลุ่มก้อนเซลล์มะเร็งนั้น สาหรับการฉายแสงนี้เป็นการ
รักษาแบบเฉพาะที่ โดยอาศัยปัจจัยจากชนิดของมะเร็งที่เป็น รวมทั้งระยะเวลาที่เกิดมะเร็ง ตลอดจนสุขภาพของ
ผู้ป่วยด้วยว่าแข็งแรงพอหรือไม่ ซึ่งหากผู้ป่วยพร้อมก็จะทาการฉายแสงประมาณ 2 – 10 นาที โดยต้องทาการ
ฉายแสงสัปดาห์ละ 5 วัน รวมประมาณ 5 – 8 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ แต่การรักษาด้วย
รังสีรักษานี้จะทาให้เกิดผลข้างเคียงขึ้น ได้แก่ ผิวหนังจะแห้งๆ คันๆ แดง หรือคล้า รวมทั้งมีอาการเจ็บคอ ลิ้น
ไม่รู้รส ปากแห้ง และอ่อนเพลียมาก
วิธีรักษาโรคมะเร็ง
3. เคมีบาบัด (คีโม)
สาหรับวิธีนี้ถือเป็นการรักษาอย่างถูกจุด เรียกว่าถึงรากถึงโคน แก้ที่สาเหตุโดยตรงของปัญหา เพราะเป็นการให้
ยาเข้าไปทาลายเซลล์มะเร็งทั้งหมดที่อยู่ภายในร่างกาย รวมทั้งที่กระจายเข้าไปตามต่อมน้าเหลืองหรือกระแสเลือด
ด้วย โดยแพทย์จะนัดมาทาการตรวจร่างกายวัดความดันและทาการเจาะเลือด ซึ่งหากผลการตรวจร่างกายผ่าน
แพทย์ก็จะให้ไปทาการให้คีโมซึ่งก็เหมือนกับการให้น้าเกลือทั่วไป เพียงแต่ต้องนอนรอหลายชั่วโมงจนกว่าตัวยาจะ
หมด และในระหว่างการให้คีโมนี้ผู้ป่วยบางคนอาจเกิดอาการแพ้ได้ ซึ่งอาจรู้สึกเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หรืออาเจียน
และผลข้างเคียงที่ตามมาหลังจากการให้คีโมประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ผมจะเริ่มร่วง รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน เป็น
แผลในปาก และปริมาณเม็ดเลือดลดลงทาให้รู้สึกอ่อนเพลีย ตลอดจนอาจรู้สึกหายใจลาบาก มีผื่นขึ้น ท้องผูก
ถ่ายไม่ออก หรือมีไข้ เป็นต้น แต่การรักษาด้วยวิธีนี้ก็มีราคาค่อนข้างแพงเลยทีเดียว แถมยังต้องทาหลายครั้ง
ขึ้นอยู่กับแพทย์เป็นผู้วินิจฉัยว่าต้องทาทั้งหมดกี่ครั้งจึงจะหายเป็นปกติ
วิธีรักษาโรคมะเร็ง
รายชื่อโรคมะเร็งที่พบได้บ่อย
1. มะเร็งตับ
2. มะเร็งปอด
3. มะเร็งเม็ดเลือดขาว
4. มะเร็งสมอง
5. มะเร็งปากมดลูก
6. มะเร็งลาไส้
7. มะเร็งกล่องเสียง
8. มะเร็งผิวหนัง
9. มะเร็งรังไข่
10. มะเร็งต่อมน้าเหลือง
11. มะเร็งต่อมลูกหมาก
12. มะเร็งเต้านม
13. มะเร็งกระเพาะอาหาร
14. มะเร็งกระดูก
15. มะเร็งหลอดอาหาร
16. มะเร็งลิ้น
17. มะเร็งช่องปากและลาคอ
18. มะเร็งท่อน้าดีและถุงน้าดี
รายชื่อโรคมะเร็งที่พบได้บ่อย
19. มะเร็งหลอดลม
20. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
21. มะเร็งตับอ่อน
22. มะเร็งไต
23. มะเร็งไทรอยด์
24. มะเร็งโพรงมดลูก
9 อันดับของโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุด
ป้องกันมะเร็งได้อย่างไร
ผลการวิจัยจากทั่วโลกยืนยันตรงกันว่าโรคมะเร็งร้อยละ 60 สามารถป้องกันได้ โดยการ:
• ตรวจร่างกายเป็นประจาทุกปี
• ตรวจเต้านมด้วยเครื่องดิจิตอลแมมโมแกรม
• ฉีดวัคซีนป้องกันในมะเร็งบางประเภท
• ไม่สูบบุหรี่หรือยาเส้น
• ไม่ดื่มสุรา
• ไม่สาส่อนทางเพศ
• ปกป้องตัวเองจากแสงแดดจัด
• ออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอ
• รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นอาหารจากพืชมากขึ้นทั้งผักและผลไม้ เลือกรับประทานอาหารที่ไม่
ผ่านการขัดสีให้มากขึ้น
• ไม่รับประทานอาหารที่ผ่านกรรมวิธีที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น อาหารปิ้งย่างและรมควัน
และสิ่งที่สาคัญที่สุดนั่นคืออาหารที่เรารับประทานเข้าไป ซึ่งมีอาหารหลายชนิดที่สามารถต้านทานมะเร็ง
ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นผู้จัดทาจึงได้จัดรวบรวมข้อมูลของอาหารต้านมะเร็งมาให้ได้ศึกษาและเลือกรับประทานได้
ตามใจชอบ
ป้องกันมะเร็งได้อย่างไร
อาหารต้านมะเร็ง
12 ผักต้านมะเร็ง
ผักต้านมะเร็ง 12 ชนิด ที่สามารถหากินได้ง่าย ๆ มาแนะนาให้ทุกคนรู้ว่า ตัวเราเองสามารถป้องกันมะเร็งได้ไม่ยาก แค่
เพียงกินผักตามนี้
1. คะน้า
คะน้าเป็นผักที่มีวิตามินเอสูงมาก ซึ่งวิตามินเอที่เราได้จากคะน้ามี
คุณสมบัติเป็นสารต้านการเกิดเซลล์มะเร็ง และยังช่วยส่งเสริม
ภูมิคุ้มกันในร่างกาย ลดโอกาสเกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ และ
ลดความเสี่ยงอาการเจ็บป่วยโดยรวมได้
2. ตาลึง
ตาลึงเป็นผักใบเขียวที่มีวิตามินเอสูงเช่นกัน ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยแคลเซียม วิตามินซี ฟอสฟอรัส ที่
มีคุณสมบัติแก้อาการแพ้ แก้อักเสบ ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง และช่วยป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด
รวมทั้งต้านมะเร็งได้ด้วย
3. กะหล่าปลี
ข้อมูลจากสภากาชาดไทย ระบุว่า กะหล่าปลีสายพันธุ์ที่ปลูกในไทยสามารถยับยั้งหรือ
ป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมได้ เนื่องจากในผักประเภทหัวชนิดนี้มีซิลิเนียมค่อนข้างสูง ซึ่งซิลิ
เนียมก็มีคุณสมบัติในการช่วยกาจัดอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังพบว่าสารอาหารในกะหล่าปลีมี
คุณสมบัติช่วยกระตุ้นเอนไซม์ที่มีหน้าที่กาจัดสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยลดโอกาสที่เซลล์จะ
เปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็งได้
4. กะหล่าสีม่วง
พืชผักสีม่วงมีสารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการเกิดเซลล์มะเร็งใน
ร่างกายได้ นอกจากนี้ในกะหล่าสีม่วงยังมีฟลาโวนอยด์ สารต้านอนุมูลอิสระอีกชนิด
หนึ่ง และมีสารซัลเฟอร์ที่ช่วยกระตุ้นการทางานของลาไส้ใหญ่ ทั้งยังช่วยต้านสารก่อ
มะเร็งเข้าสู่ร่างกายอีกด้วย
5. ผักกาดขาว
สารสีขาวจากผักอย่างผักกาดขาวมีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งตับสามารถเปลี่ยนสารนี้ให้เป็น
วิตามินเอ ช่วยต้านการเกิดเซลล์มะเร็งในร่างกายได้ นอกจากนี้เส้นใยของผักกาดขาวยังช่วย
กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลาไส้ ช่วยในการย่อยอาหาร ป้องกันอุจจาระแข็ง จึงทาให้การ
ขับถ่ายเป็นไปอย่างไหลลื่นมากขึ้น
6. ถั่วงอก
ผักราคาถูกและปลูกง่ายมาก ๆ อย่างถั่วงอกมีสารต้านมะเร็งที่เรียกว่า ซัลโฟราเฟน โดย
ในถั่วงอกจะมีสารต้านมะเร็งชนิดนี้สูงกว่าถั่วปกติถึง 50 เท่าเลยทีเดียวค่ะ นอกจากนี้
ถั่วงอกยังเป็นผักที่มีวิตามินซีสูง จึงมีคุณสมบัติช่วยสมานแผล ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก
ทาให้ร่างกายมีภูมิต้านทานสูงขึ้นด้วย
7. ใบกะเพรา
ในใบกะเพราก็มีวิตามินเอสูงมาก จึงมีคุณสมบัติต่อต้าน
การเกิดมะเร็ง และช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ให้แข็งแรง นอกจากนี้ใบกะเพรายังถูกใช้ในการรักษาโรค
ที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ หัวใจ
และผิวหนังมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลเลยด้วย
8. แครอท
แครอทไม่เพียงแต่มีเบต้าแคโรทีนที่จะเปลี่ยนเป็น
วิตามินเอในตับเท่านั้น แต่ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ
อย่างแคโรทีนอยด์ รวมไปทั้งไบโอฟลาโวนอยด์ที่มี
คุณสมบัติช่วยต้านเซลล์มะเร็งในร่างกาย โดยเฉพาะ
ความเสี่ยงโรคมะเร็งปอดและมะเร็งมดลูก
9. บรอกโคลี
บรอกโคลีอุดมไปด้วยวิตามินซี และยังมีวิตามินเอ วิตามินบี และพิกเมนต์คลอโรฟิลล์ รวมทั้ง
อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างฟลาโวนอยด์ด้วย จึงจัดเป็นผักต้านมะเร็งชนิดหนึ่งที่กินง่าย
10. บัวบก
ใบบัวบกและต้นสดมีวิตามินและแคลเซียมสูงมาก นอกจากนี้ในบัวบกยังมีวิตามินบี 1 และเป็นพืชที่
ประกอบไปด้วยไกลโคไซด์ซึ่งมีคุณสมบัติทาให้เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ผิวหนังแข็งแรงขึ้น ส่งผลให้ผิวหนังเรียบตึง
แน่น และยังช่วยบรรเทาอาการเส้นเลือดขอด ผิวด่างดา และช่วยให้แผลเป็นจางหาย
ทั้งนี้ยังพบว่า สารสกัดจากใบบัวบกมีสรรพคุณทาให้แผลหายเร็ว เร่งการสร้างเนื้อเยื่อและเยื่อบุเซลล์ใหม่
ช่วยระงับการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ทาให้เกิดหนองและการอักเสบ ทั้งยังมีคุณสมบัติทาให้หลอด
เลือดขยายตัว กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตให้ดีขึ้น และยังช่วยกระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้ทาลายแบคทีเรียได้เต็ม
ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้บัวบกจึงช่วยต้านมะเร็งและทาลายเซลล์มะเร็งได้นั่นเอง
11. มะระขี้นก
ผักที่พ่วงตาแหน่งสมุนไพรอย่างมะระขี้นกก็ช่วยต้าน
มะเร็งได้เป็นอย่างดีค่ะ เพราะใต้ความขมของมะระขี้นก
นั้นเปี่ยมไปด้วยวิตามินเอ นอกจากนี้ยังพบว่าในมะระ
ขี้นกมีสารสาคัญที่ออกฤทธิ์ต้านไวรัสและฆ่าเซลล์มะเร็ง
เต้านม รวมทั้งเซลล์มะเร็งสมองได้ผลดี สรรพคุณสุด
ยอดจริง ๆ
12. ยอ
ลูกยอเป็นผักที่มีวิตามินซีสูง คนไทยใช้เป็นยาอายุวัฒนะมา
ตั้งแต่โบราณ ช่วยบารุงธาตุ และจากการศึกษาในสัตว์ทดลอง
ก็พบว่า ยอมีสารยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งขั้นต้น โดย
เป็นสารที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
ต้านมะเร็งได้ แต่ทั้งนี้ยอก็เป็นผักที่มีโพแทสเซียมค่อนข้างสูง
อาจเสี่ยงต่อผู้ป่วยโรคไตและโรคหัวใจนะคะ ฉะนั้นผู้ป่วย 2
โรคนี้อาจต้องเลือกกินผักต้านมะเร็งชนิดอื่นแทน
15 ผลไม้ต้านมะเร็ง
1. ทับทิม
ทับทิมไม่ได้มีแค่ไฟโตนิวเทรียนต์เท่านั้น แต่ยังพกกรดเอลลาจิก (Ellagic Acid) ซึ่งเป็นกรดที่
ช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในร่างกายมนุษย์ รวมทั้งยับยั้งการขยายของเซลล์ผิดปกติที่อาจจะ
กลายเป็นเซลล์มะเร็ง โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา ยังบอกเพิ่มเติมด้วยว่า สารเอลลา
จิกในทับทิม สามารถป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกของผู้หญิงได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
2. มะขามป้อม
จากข้อมูลของมูลนิธิหมอชาวบ้าน เราก็พบว่า มะขามป้อมเป็นผลไม้อีกชนิดที่มีกรดเอลลาจิก (Ellagic Acid)
แฝงอยู่ด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีวิตามินสูงมาก จนเกือบจะเป็นราชาผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีเลยทีเดียวล่ะ แถมยัง
พ่วงกรดฟิลเลมลิก (Phyllemblic Acid) และสารฟีนอล (Phenols) มาเป็นเพื่อนด้วย ซึ่งก็หมายความว่า
มะขามป้อมเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณช่วยป้องกันมะเร็ง
3. มันเทศ (Sweet Potato)
ในที่นี้อาจจะรวมไปถึงมันฝรั่งพันธุ์ต่าง ๆ ด้วยนะคะ ที่ศูนย์มันฝรั่งระหว่างประเทศ (The International
Potato Center : CIP) เขายืนยันว่า มันฝรั่งเกือบทุกชนิดมีคุณสัมบัติ ป้องกันมะเร็งได้ โดยอธิบายว่า มันฝรั่งอุดม
ไปด้วยคาร์โบไฮเดรต, เบต้าแคโรทีน, ไฟเบอร์, วิตามินเอ, วิตามินซี, ไรโบฟลาวิน (วิตามินบีชนิดหนึ่ง), กรดโพลีฟี
นอล แอนตี้ออกซิแดนท์ คาเฟอิก (Polyphenol Anti-oxidants Caffeic Acid) และกรดคาเฟโออิวควินิก
(Caffeoylquinic Acid) ซึ่งช่วยป้องกันโรคมะเร็ง รวมทั้งลดความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านม
4. มะละกอ
ผลมะละกอดิบมีวิตามินเอ และสารเบต้าเคโรทีน ช่วยบารุงสายตาและช่วยต้านโรคมะเร็ง อีกทั้งยังมีวิตามินซี,
แคลเซียม, ฟอสฟอรัส, และเหล็กซึ่งช่วยป้องกันและรักษาโรคหวัด โรคลักปิดลักเปิด เลือดออกตามไรฟันและใต้
ผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีเอนไซม์พาเพน ซึ่งสามารถนามาเป็นยาช่วยย่อยสาหรับผู้ที่มีปัญหาอาหารไม่ย่อย รวมทั้งช่วย
กระตุ้นน้านมสาหรับคุณแม่ที่เพิ่งคลอดอีกด้วย
แต่ที่น่าสนใจก็คือ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟลอริด้า ได้ทาการศึกษาและพบว่า คุณประโยชน์เหล่านี้ในผล
มะละกอไม่ว่าจะดิบ หรือสุก สามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการเข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโต
ของเนื้องอก หรือเซลล์ผิดปกติที่ทาท่าว่าจะเป็นเซลล์ก่อมะเร็ง ที่สาคัญยังเจ๋งขนาดป้องกันได้ทั้งมะเร็งปากมดลูก,
มะเร็งเต้านม, มะเร็งตับ และมะเร็งตับอ่อน
5. แก้วมังกร
ผลไม้ไทย ๆ อย่างแก้วมังกร มีสารต้าน
มะเร็งกับเขาด้วย แต่ทั้งนี้ผลการศึกษาจากศูนย์วิจัย
สารต้านอนุมูลอิสระก็แนะนาว่า สารสกัดจากเปลือก
แก้วมังกรสีสด ๆ มีศักยภาพในการป้องกันมะเร็งดีกว่า
การรับประทานผลสดซะอย่างนั้น แต่อย่างไรก็แล้วแต่
การรับประทานแก้วมังกรเป็นประจาก็สามารถป้องกัน
ไขมันอุดตันในเส้นเลือด และช่วยในเรื่องระบบ
ขับถ่ายเราได้เป็นอย่างดี
6. มังคุด
มังคุดเป็นผลไม้สัญชาติไทยแท้ที่หากินได้ง่ายในบ้านเรา
ซึ่งผลการวิจัยโดย Current Molecular Medicine ก็บอก
ข่าวดีกับเราว่า ในมังคุดมีสารต้านเซลล์มะเร็งที่น่าสนใจนั่นก็คือ
สารที่เรียกว่า แซนโทน (XANTHONE) ซึ่งเป็นสารต้าน
อนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถซ่อมแซม
เซลล์ส่วนมี่ถูกทาลายโดยปัจจัยต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี จึงถูก
ยอมรับว่าเป็นสารที่ช่วยต้านเซลล์มะเร็งตัวจี๊ดที่ไม่ควรมองข้าม
เลยทีเดียว ทั้งนี้นอกจากกินผลสด ๆ แล้ว เรายังสามารถนา
เปลือกมังคุดไปทาเป็นไวน์ไว้ดื่มได้อีก
7. องุ่น
มหาวิทยาลัยเวย์นสเตต (Wayne State University)
ทาการศึกษาคุณสมบัติขององุ่นกับการต้านมะเร็งและพบว่า จาก
หลักฐานที่ทดลองกับมนุษย์มาอย่างยาวนาน สามารถพิสูจน์ได้
ว่า วิตามินและสารอาหารที่พบในองุ่นทุกชนิด มีผลโดยตรงใน
การป้องกันโรคมะเร็ง อีกทั้งองุ่นยังมีสารอาหารที่สาคัญที่ดีคือ
น้าตาล และสารอาหารจาพวกกรดอินทรีย์ เช่น น้าตาลกลูโคส
น้าตาลซูโครส วิตามินซี เหล็กและแคลเซียม มีส่วนช่วยในการ
บารุงสมอง บารุงหัวใจ แก้กระหาย ขับปัสสาวะ และช่วยฟื้น
กาลังคนที่ร่างกายผอมแห้ง แก่ก่อนวัยและไม่มีเรี่ยวแรงด้วย
8. ส้ม และผลไม้ตระกูลส้มทุกชนิด
นอกจากจะอัดแน่นไปด้วยกรดวิตามินซีแล้ว ในผลไม้
จาพวกส้มยังมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง โดยเฉพาะป้องกันมะเร็ง
เต้านม โดยข้อมูลทั้งหมดผ่านการรับรองและยืนยันความ
น่าเชื่อถือจากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยเทกซัสเอแอนด์เอ็ม
(Texas A&M University) แล้วด้วยนะ
9. แอปเปิล
สถาบัน Advances in Nutrition ได้ทาการวิจัยและพบว่า แอปเปิลเป็นผลไม้ที่
มีคุณประโยชน์ในเรื่องของการลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง อีกทั้งยังป้องกันโรคมะเร็งได้ตั้งแต่สาเหตุของ
โรคเลยทีเดียว เนื่องจากสารฟลาโวนอยด์ในปริมาณที่สูงมากของเปลือกแอปเปิล สามารถล้างพิษออก
จากร่างกาย และช่วยป้องกันอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งลาไส้ได้นั่นเอง
10. สตรอว์เบอร์รี
ไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrients) หรือ
สารพฤษเคมี บวกกับวิตามินซี และแร่ธาตุดี ๆ อีก
หลายชนิดในสตรอว์เบอร์รี ก็เป็นส่วนสาคัญในการต้าน
เซลล์มะเร็ง และมีสรรพคุณบาบัดโรค โดยเฉพาะ
ป้องกันโรคมะเร็งเต้านมของคุณผู้หญิง การันตีโดยผล
วิจัยที่เว็บไซต์ Exan Health ได้นามาเผยแพร่
11. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี
จริง ๆ แล้วผลไม้ตระกูลเบอร์รีทุกชนิดมีสารที่ช่วยป้องกัน
โรคมะเร็งได้เกือบทั้งหมด แต่ดอกเตอร์แกรี่ ดี สโตเนอร์
คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอ (The
Ohio State University College of Medicine) ชี้แจง
ว่า ในผลแบล็กเบอร์รีจะมีคุณสมบัติต้านมะเร็งที่โดดเด่นกว่าใคร
เพื่อน เนื่องจากมีสารพฤษเคมีจาพวกแอนโทไซยานิน
(Anthocyanins) สูง ซึ่งช่วยชะลอการเกิดเซลล์มะเร็ง แถม
ยังสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งลาไส้ได้อีกต่างหาก
12. เลมอน
นักวิจัยจากประเทศออสเตรเลียเผยว่า วิตามิน
ซี และกรดหลากชนิดในผลเลมอน สามารถป้องกัน
มะเร็งช่องปาก, มะเร็งลาคอ และมะเร็งในช่องท้องได้
หากดื่มน้าเลมอนคั้นสดวันละ 1 แก้วกาแฟเป็นประจา
ทุกวัน และแม้ว่าเลมอนจะไม่ใช่ผลไม้สัญชาติไทยแท้
แต่เลมอนก็ไม่ใช่ผลไม้ที่หายากในบ้านเราซะทีเดียว
13. กีวี
วารสาร Ethnopharmacology เผยว่า ผลไม้
ที่อัดแน่นไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ, วิตามินซี, วิตามิน
อี, ลูเตียน (Lutein) และสังกะสีชนิดนี้ มี
ประสิทธิภาพมากพอจะต้านเซลล์มะเร็งได้อยู่หมัด เพียง
แค่กินกีวีสดวันละครึ่งลูกก็เท่ากับกินยาต้านมะเร็งเกรดพ
รีเมียมเข้าไปแล้ว
14. อะโวคาโด
จากการศึกษาของวารสาร Experimental
Therapeutics & Oncology พบว่า สารพฤษเคมี
ในผลอะโวคาโดมีส่วนช่วยป้องกันความผิดปกติที่เกิดจาก
เซลล์ ปกป้องเซลล์ในร่างกายไม่ได้เกิดเนื้อร้าย กาจัด
เซลล์ที่ตายแล้ว รวมทั้งยับยั้งการเจิญเติบโตของเซลล์ที่
ผิดปกติ และกาลังจะเติบโตเป็นเนื้อร้ายได้อีกด้วย
15. มะเขือเทศ
มะเขือเทศอาจจะก้ากึ่งระหว่างผักและผลไม้ แต่ประเด็นนั้น
ไม่น่าสนใจเท่ากับผลวิจัยที่สถาบันวิจัยโรคมะเร็งอเมริกาพบว่า มะเขือ
เทศมีคุณสัมบัติป้องกันโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก รวมไปถึงมะเร็งปอด,
มะเร็งเต้านม และมะเร็งมดลูกได้ชะงัด เนื่องจากในมะเขือเทศลูก
สีแดงแจ๊ดอุดมไปด้วยไลโคปีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกกัน
ว่า ตระกูลสารสีแดง และสารพฤกษเคมี รวมไปถึงวิตามิน และเกลือ
แร่อีกหลายชนิด ที่ช่วยบารุงเซลล์ในร่างกายให้ทางานอย่างปกติ ซึ่ง
เมื่อไรที่มีเซลล์ใดเซลล์หนึ่งเกิดความผิดปกติขึ้น เจ้าสารบารุงต่าง ๆ ก็
จะเข้าไปจัดการไม่ให้เซลล์ร้ายเจริญเติบโตลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ ใน
ร่างกายเรานั่นเอง
9 ประเภทอาหารที่ต้านมะเร็ง
1. ผัก
ผักหลายชนิดที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง เพราะอุดม
ไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น
- ผักสีเข้ม ไม่ว่าจะเป็นสีเขียว ส้ม แดง ม่วง เช่น ผักโขม แค
รอท มะเขือเทศ
- กะหล่าต่างๆ เช่น กะหล่าปลี บล็อกโคลี กะหล่าดอก
- หัวหอม และกระเทียม
2. ถั่ว
ไม่ว่าจะเป็นถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดา ถั่วแดง ถั่วลิสง
ที่นอกจากจะช่วยต้านมะเร็งแล้ว ยังดีต่อสุขภาพ เพราะ
อุดมไปด้วยโปรตีนที่ดี และกากใยอาหารตามธรรมชาติ
ขับถ่ายได้สะดวกอีกด้วย
3. ธัญพืชต่างๆ
เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวบาเล่ย์ ข้าวโพด ข้าวสาลี ต้าน
มะเร็งก็ดี วิตามินบีก็ได้ ลดความดันโลหิตก็เยี่ยม
4. สาหร่ายทะเล
เป็นแหล่งแร่ธาตุชั้นดี เต็มไปด้วยสารอาหารที่ดี
ต่อร่างกายมากมาย มีให้เลือกทานหลายชนิด แต่ควร
เลือกทานสลับชนิดกันไปเรื่อยๆ ไม่ควรทานสาหร่ายชนิด
เดียวติดต่อกันนานเกินไป
5. ปลาน้าเย็น
ส่วนใหญ่จะเป็นปลาทะเล เช่น แซลมอน ที่มีโอเมก้า 3
และไขมันที่ดีต่อร่างกาย ปลาคอท ปลาแมคเคอเรล ปลาซาร์ดีน
6. เครื่องเทศต่างๆ
เช่น เก๋ากี้ (หรือโกจิเบอร์รี่) พริกไทย กระเทียม หัวหอม ขิง โรสแมรี่ สามารถนามา
ทาอาหาร หรือทานสดได้ (หากทานได้) ช่วยต้านมะเร็ง และกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
ได้อีกด้วย
7. โยเกิร์ต
ไม่ได้มีประโยชน์แค่เรื่องการขับถ่าย และช่วยควบคุมน้าหนักได้เท่านั้น แต่ยังช่วยต้าน
มะเร็ง เพราะมีสารอนุมูลอิสระ ช่วยการหมุนเวียนของโลหิต และชะลอการเสื่อมของเซลล์ใน
ร่างกาย หรือจะลองกรีกโยเกิร์ต ที่เข้มข้นกว่า สารอาหารมากกว่า และมีโปรไบโอติกส์ที่ช่วยลด
โอกาสในการเกิดเชื้อราในช่องคลอดได้ดีกว่าด้วย
8. เห็ดต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นเห็ดหอม เห็ดฟาง เห็ดออรินจิ และ
อื่นๆ ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิด มีเส้นใยอาหารที่
ช่วยเรื่องการย่อย และการขับถ่ายให้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยัง
มีวิตามินต่างๆ ที่ดีต่อร่างกายอีกด้วย
9. น้าดื่ม
น้าดื่มสะอาด ช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้คล่องตัวขึ้น
เป็นตัวกลางสาคัญที่จะทาให้เซลล์ในร่างกายทางานได้
อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการนาพาเอาของเสียออก
จากร่างกายได้ดีขึ้นอีกด้วย
แหล่งที่มา
http://www.phukethospital.com/Thai/Health-Information/Cancer.php#01
http://www.homebodyfit2u.com/?p=1406
https://health.kapook.com/view90449.html
http://www.xn--
12cg1cxchd0a2gzc1c5d5a.net/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%
B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87/
จบการนาเสนอ
ขอบคุณค่ะ

More Related Content

Similar to อาหารต้านมะเร็ง

โรคทางพันธุกรรม
โรคทางพันธุกรรมโรคทางพันธุกรรม
โรคทางพันธุกรรมRoongroeng
 
ความรู้ทั่วไปเรื่องโรคของเต้านม
ความรู้ทั่วไปเรื่องโรคของเต้านมความรู้ทั่วไปเรื่องโรคของเต้านม
ความรู้ทั่วไปเรื่องโรคของเต้านมthaibreastcancer
 
กินอยู่อย่างไรให้ห่างไกลโรค
กินอยู่อย่างไรให้ห่างไกลโรคกินอยู่อย่างไรให้ห่างไกลโรค
กินอยู่อย่างไรให้ห่างไกลโรคสปสช นครสวรรค์
 
โรคเพรเดอร์ วิลลี่ ซินโดรมใหม่มาก
โรคเพรเดอร์ วิลลี่ ซินโดรมใหม่มากโรคเพรเดอร์ วิลลี่ ซินโดรมใหม่มาก
โรคเพรเดอร์ วิลลี่ ซินโดรมใหม่มากfainaja
 
วัฒนา
วัฒนาวัฒนา
วัฒนาsupphawan
 
ธรรมชาติบำบัด
ธรรมชาติบำบัดธรรมชาติบำบัด
ธรรมชาติบำบัดVorramon1
 
โรคอ้วน007
โรคอ้วน007โรคอ้วน007
โรคอ้วน007Anirut007
 
การวินิจฉัยโรคไตเรื้อรังและแนวทางการคัดกรอง
การวินิจฉัยโรคไตเรื้อรังและแนวทางการคัดกรองการวินิจฉัยโรคไตเรื้อรังและแนวทางการคัดกรอง
การวินิจฉัยโรคไตเรื้อรังและแนวทางการคัดกรองCAPD AngThong
 
โครงงานการทดลองน้ำอัดลม B
โครงงานการทดลองน้ำอัดลม  Bโครงงานการทดลองน้ำอัดลม  B
โครงงานการทดลองน้ำอัดลม BKM117
 
มะเร็งการรักษาและการป้องกัน1
มะเร็งการรักษาและการป้องกัน1มะเร็งการรักษาและการป้องกัน1
มะเร็งการรักษาและการป้องกัน14LIFEYES
 
Blood donation power point templates
Blood donation power point templatesBlood donation power point templates
Blood donation power point templatesmearnfunTamonwan
 
ตับอักเสบ (ผศ.นพ.วาฑิต วัฒนศัพท์)
ตับอักเสบ (ผศ.นพ.วาฑิต วัฒนศัพท์)ตับอักเสบ (ผศ.นพ.วาฑิต วัฒนศัพท์)
ตับอักเสบ (ผศ.นพ.วาฑิต วัฒนศัพท์)daeng
 
Mdcu Preventive Screening
Mdcu Preventive ScreeningMdcu Preventive Screening
Mdcu Preventive Screeningvora kun
 
โรคตับอักเสบ โดย นพ.วาฑิต วัฒนศัพท์
โรคตับอักเสบ โดย นพ.วาฑิต วัฒนศัพท์โรคตับอักเสบ โดย นพ.วาฑิต วัฒนศัพท์
โรคตับอักเสบ โดย นพ.วาฑิต วัฒนศัพท์daeng
 

Similar to อาหารต้านมะเร็ง (20)

โรคทางพันธุกรรม
โรคทางพันธุกรรมโรคทางพันธุกรรม
โรคทางพันธุกรรม
 
Tumor Marker
Tumor MarkerTumor Marker
Tumor Marker
 
ความรู้ทั่วไปเรื่องโรคของเต้านม
ความรู้ทั่วไปเรื่องโรคของเต้านมความรู้ทั่วไปเรื่องโรคของเต้านม
ความรู้ทั่วไปเรื่องโรคของเต้านม
 
Handbook chapter33 34
Handbook chapter33 34Handbook chapter33 34
Handbook chapter33 34
 
กินอยู่อย่างไรให้ห่างไกลโรค
กินอยู่อย่างไรให้ห่างไกลโรคกินอยู่อย่างไรให้ห่างไกลโรค
กินอยู่อย่างไรให้ห่างไกลโรค
 
Detail2
Detail2Detail2
Detail2
 
โรคเพรเดอร์ วิลลี่ ซินโดรมใหม่มาก
โรคเพรเดอร์ วิลลี่ ซินโดรมใหม่มากโรคเพรเดอร์ วิลลี่ ซินโดรมใหม่มาก
โรคเพรเดอร์ วิลลี่ ซินโดรมใหม่มาก
 
วัฒนา
วัฒนาวัฒนา
วัฒนา
 
ธรรมชาติบำบัด
ธรรมชาติบำบัดธรรมชาติบำบัด
ธรรมชาติบำบัด
 
โรคอ้วน007
โรคอ้วน007โรคอ้วน007
โรคอ้วน007
 
การรักษามะเร็งตับ
การรักษามะเร็งตับการรักษามะเร็งตับ
การรักษามะเร็งตับ
 
Example osce
Example osceExample osce
Example osce
 
2010 breast & reproductve examination
2010 breast & reproductve examination2010 breast & reproductve examination
2010 breast & reproductve examination
 
การวินิจฉัยโรคไตเรื้อรังและแนวทางการคัดกรอง
การวินิจฉัยโรคไตเรื้อรังและแนวทางการคัดกรองการวินิจฉัยโรคไตเรื้อรังและแนวทางการคัดกรอง
การวินิจฉัยโรคไตเรื้อรังและแนวทางการคัดกรอง
 
โครงงานการทดลองน้ำอัดลม B
โครงงานการทดลองน้ำอัดลม  Bโครงงานการทดลองน้ำอัดลม  B
โครงงานการทดลองน้ำอัดลม B
 
มะเร็งการรักษาและการป้องกัน1
มะเร็งการรักษาและการป้องกัน1มะเร็งการรักษาและการป้องกัน1
มะเร็งการรักษาและการป้องกัน1
 
Blood donation power point templates
Blood donation power point templatesBlood donation power point templates
Blood donation power point templates
 
ตับอักเสบ (ผศ.นพ.วาฑิต วัฒนศัพท์)
ตับอักเสบ (ผศ.นพ.วาฑิต วัฒนศัพท์)ตับอักเสบ (ผศ.นพ.วาฑิต วัฒนศัพท์)
ตับอักเสบ (ผศ.นพ.วาฑิต วัฒนศัพท์)
 
Mdcu Preventive Screening
Mdcu Preventive ScreeningMdcu Preventive Screening
Mdcu Preventive Screening
 
โรคตับอักเสบ โดย นพ.วาฑิต วัฒนศัพท์
โรคตับอักเสบ โดย นพ.วาฑิต วัฒนศัพท์โรคตับอักเสบ โดย นพ.วาฑิต วัฒนศัพท์
โรคตับอักเสบ โดย นพ.วาฑิต วัฒนศัพท์
 

อาหารต้านมะเร็ง

  • 4. มะเร็งคืออะไร ? มะเร็ง (Cancer) คือ ภาวะที่เซลล์ในร่างกายของเรามีการแบ่งตัวและเจริญขึ้นโดย รวดเร็วอย่างผิดปกติในสารพันธุกรรม (DNA) โดยเริ่มจากเป็นเซลล์เล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นตามเวลา นานวันเข้าเซลล์นั้นก็จะขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงทาให้เซลล์ในก้อน เนื้อนั้นตาย จนกลายเป็นก้อนเนื้องอกร้ายที่ไปเบียดบังทั้งส่วนที่เกิดและส่วนอื่นๆ ที่อยู่ ข้างเคียง จากนั้นก็จะค่อยๆ กระจายไปในส่วนอื่นๆ ของร่างกายโดยผ่านระบบกระแส เลือดหรือน้าเหลืองของเราเป็นตัวนาเชื้อไป
  • 5. สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็ง 1. ปัจจัยภายนอก – ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี มักเกิดในคนที่ไม่นิยมกินร้อนช้อนกลาง โดยอาจติดจากทางน้าลายในการรับประทานอาหาร ร่วมกัน – การติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ ในกรณีที่ชอบรับประทานอาหารแบบดิบๆ หรือกึ่งสุกกึ่งดิบ – ผู้ที่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นชีวิตจิตใจ และผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจา – ผู้ได้รับรังสีอัลตราไวโลเลตจากแสงแดดเป็นเวลานาน – ผู้ที่เคยผ่านการฉายรังสีเอกซเรย์ – สารอะฟลาทอกซินที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารและเครื่องดื่มที่เรารับประทานกันทุกวัน โดยเฉพาะในพวกพริกแห้ง ถั่ว ฯลฯ – สารก่อมะเร็งในอาหารจาพวกปิ้ง ย่าง ทอด โดยเฉพาะเนื้อที่ย่างหรือปิ้งจนไหม้เกรียมหรือเนื้อที่ทอดโดยใช้น้ามันซ้าๆ ทุกวัน – สารไฮโดรคาร์บอน เป็นสารเคมีที่นามาใช้ในการถนอมอาหารอย่างไนโตรซามิน ซึ่งเป็นสีย้อมผ้าที่นามาใช้เป็นสีผสมอาหาร
  • 6. 2. ปัจจัยภายใน – เกิดจากความผิดปกติภายในร่างกาย เช่น เด็กพิการแต่กาเนิด ซึ่งเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรม – ร่างกายมีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือขาดสารอาหารบางอย่าง เช่น พวกวิตามินเอ หรือซี ฯลฯ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามะเร็งส่วนใหญ่นั้นเกิดจากปัจจัยภายนอกมากกว่าปัจจัยภายใน นั่นหมายความว่าเรา สามารถป้องกันการก่อเกิดโรคมะเร็งได้มากพอสมควร ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและระเบียบวินัยการเลือก ปฏิบัติของเราเป็นหลัก รวมทั้งความรู้ในเรื่องของสารก่อมะเร็งด้วย
  • 7. อาการของโรคมะเร็ง – สาหรับในช่วงแรกของการเกิดโรคมะเร็งขึ้นในร่างกายนั้นเรียกได้ว่าแทบไม่มีอาการอะไรส่อเค้า หรือบอกให้ ผู้ป่วยทราบได้เลยว่ากาลังเผชิญกับโรคมะเร็งนี้อยู่ ทาให้กว่าที่จะรู้ตัวก็สายเกินแก้ – เมื่อเป็นประสักระยะหนึ่งหรือหลายปี ผู้ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งส่วนใหญ่มักจะเริ่มรู้สึกอ่อนเพลียง่าย เบื่ออาหาร รับประทานอาหารได้น้อยลง อิ่มเร็ว ผอมซูบ น้าหนักลด ร่างกายเริ่มดูทรุดโทรมลง ไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่า เหมือนเดิม – และเมื่ออยู่ในระยะที่มะเร็งเริ่มลุกลามมากขึ้นก็จะเริ่มปรากฏอาการอย่างชัดเจนในระยะนี้ จะรู้สึกเจ็บปวดและ ทรมานเป็นอย่างมากตามจุดต่างๆ ที่เกิดมะเร็งขึ้น ทั้งนี้จะมีอาการมากน้อยอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับโรคมะเร็งที่เป็นว่า เป็นมะเร็งชนิดใด ประเภทไหน และการกระจายของเซลล์มะเร็งภายในนั้นไปเบียดบังอวัยวะส่วนใดบ้าง ณ ขณะนั้น
  • 8. โรคมะเร็งมีกี่ระยะ โดยทั่วไปโรคมะเร็งมี 4 ระยะ ซึ่งทั้ง 4 ระยะ อาจแบ่งย่อยได้อีกเป็น เอ (A) บี (B) หรือ ซี (C) หรือ เป็น หนึ่ง หรือ สอง เพื่อแพทย์โรคมะเร็งใช้ช่วยประเมินการรักษา ส่วนโรคมะเร็งระยะศูนย์ (0) ยัง ไม่จัดเป็นโรคมะเร็งอย่างแท้จริง เพราะเซลล์แค่เริ่มมีลักษณะเป็นมะเร็งแต่ยังไม่มีการรุกราน (Invasive) เข้า เนื้อเยื่อข้างเคียง • ระยะที่ 1 : ก้อนเนื้อ หรือ แผลมะเร็งมีขนาดเล็ก และยังไม่ลุกลาม • ระยะที่ 2 : ก้อนเนื้อ หรือ แผลมะเร็งมีขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มลุกลามภายในเนื้อเยื่อหรืออวัยวะ • ระยะที่ 3 : ก้อนเนื้อ หรือ แผลมะเร็งมีขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มลุกลามเข้าเนื้อเยื่อหรืออวัยวะข้างเคียง และ ลุกลามเข้าต่อมน้าเหลืองที่อยู่ใกล้เนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่เป็นมะเร็ง
  • 9. • ระยะที่ 4 : ก้อนเนื้อ หรือ แผลมะเร็งมีขนาดโตมาก และ (หรือ) ลุกลามเข้าเนื้อเยื่อหรืออวัยวะข้างเคียง จนทะลุ และ (หรือ) เข้าต่อมน้าเหลืองที่อยู่ใกล้ก้อนมะเร็ง โดยพบต่อมน้าเหลืองโตคลาได้ และ (หรือ) มีหลายต่อม และ (หรือ) แพร่กระจายเข้ากระแสโลหิต และ (หรือ) หลอดน้าเหลืองหรือกระแสน้าเหลือง ไปยังเนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่อยู่ไกลออกไป เช่น ปอด ตับ สมอง กระดูก ไขกระดูก ต่อมหมวกไต ต่อมน้าเหลืองในช่องท้อง ในช่องอก และ (หรือ) ต่อมน้าเหลือง เหนือกระดูกไหปลาร้า โรคมะเร็งมีกี่ระยะ
  • 10. สัญญาณเตือนว่าโรคมะเร็งกาลังมาเยือน ร่างกายของมนุษย์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน คุณต้องหมั่นสังเกตและตรวจดูการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ทันทีที่รู้ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกาย นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าโรคร้ายอย่างมะเร็งกาลังมาเยือน และ สิ่งที่ดีที่สุดในการป้องกันไม่ให้ปัญหาเล็กๆ ลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่และสายเกินกว่าจะรักษา คือการรีบไปพบ แพทย์ทันทีเมื่อเกิดอาการดังต่อไปนี้ • มีก้อนเนื้อโตเร็วหรือมีแผลเรื้อรัง และไม่หายภายใน 1-2 สัปดาห์ หลังจากการดูแลตนเองในเบื้องต้น • มีต่อมน้าเหลืองโต มักคลาเจอก้อนแข็งและขนาดโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่มีอาการเจ็บ • ไฝ ปาน หูด ที่โตเร็วผิดปกติหรือเป็นแผลแตก • ลมหายใจมีกลิ่น หรือ มีกลิ่นปากรุนแรงจากที่ไม่เคยเป็นมาก่อน • เลือดกาเดาออกเรื้อรัง มักออกเพียงข้างเดียว ในบางกรณีก็อาจจะออกทั้งสองข้างได้ • ไอเรื้อรัง หรือ ไอเป็นเลือด
  • 11. • มีเสมหะ หรือ น้าลายปนเลือดบ่อย • อาเจียนเป็นเลือด • ปัสสาวะเป็นเลือด • ปัสสาวะบ่อย ขัดลา ปัสสาวะเล็ด โดยไม่เคยเป็นมาก่อน • อุจจาระเป็นเลือด มูก หรือ เป็นมูกเลือด • ท้องผูก สลับท้องเสีย โดยไม่เคยเป็นมาก่อน • หลังมีเพศสัมพันธ์ทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อน • มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ • มีประจาเดือนผิดปกติ สัญญาณเตือนว่าโรคมะเร็งกาลังมาเยือน
  • 12. • มีเลือดออกทางช่องคลอดในวัยหมดประจาเดือน • ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นอึดอัดท้อง โดยไม่เคยเป็นมาก่อน • มีไข้ต่าๆ หาสาเหตุไม่ได้ • มีไข้สูงบ่อย หาสาเหตุไม่ได้ • น้าหนักลดลงมากใน 6 เดือน (ตั้งแต่ 10% ขึ้นไปของน้าหนักตัวเดิม) • มีจ้าห้อเลือดง่าย หรือ มีจุดแดงคล้ายไข้เลือดออกตามผิวหนังบ่อย • ปวดศีรษะรุนแรงเรื้อรัง หรือ แขน/ขาอ่อนแรง • ชักโดยไม่เคยชักมาก่อน • ปวดหลังเรื้อรังและปวดมากขึ้นเรื่อยๆ อาจร่วมกับอาการแขน/ขาอ่อนแรง สัญญาณเตือนว่าโรคมะเร็งกาลังมาเยือน
  • 13. วิธีรักษาโรคมะเร็ง สาหรับการรักษาโรคมะเร็งนี้แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยอาการของโรค มีการตรวจอย่างละเอียดว่าเซลล์มะเร็ง ร้ายกระจายไปอยู่ในบริเวณใดของร่างกายบ้าง เมื่อทราบแล้วก็จะรักษาไปตามอาการ โดยมะเร็งแต่ละชนิดการ รักษาก็อาจจะแตกต่างกันออกไปบ้าง แต่ทั้งนี้ก็มีวิธีที่แพทย์นิยมรักษากันอยู่ คือ 1. การผ่าตัด หากผ่าตัดออกได้แพทย์จะทาการผ่าตัดก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อกาจัดก้อนเนื้อร้ายที่อยู่ในร่างกายเราออกไป แต่วิธีนี้ ไม่ได้สามารถทาการรักษาได้กับมะเร็งทุกประเภท และหากทาการผ่าตัดแล้วก็ยังไม่แน่นอนว่าจะหายขาด 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ เพราะเซลล์มะเร็งอาจยังหลงเหลือหรือหลบซ่อนอยู่ในร่างกาย โดยอาจเป็นเซลล์มะเร็งที่กาลังเริ่ม จะเกิดแต่ยังไม่โตให้เห็น ทาให้แพทย์ไม่สามารถรู้หรือสังเกตเห็น เมื่อปล่อยไปสักระยะก็จะกลับเข้าสู่วังวนเดิม คือ เริ่มก่อตัวขยายใหญ่ขึ้น ก็ต้องมาผ่าตัดกันใหม่อีกรอบ แต่โดยมากกับวิธีการผ่าตัดนี้แพทย์มักแนะนาให้ทาคีโมหรือเคมี บาบัดร่วมด้วย เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะช่วยให้หายขาดจากโรคมะเร็งนี้ได้
  • 14. 2. การใช้รังสีรักษา เป็นการฉายแสงไปยังเซลล์มะเร็งในร่างกาย เพื่อทาลายกลุ่มก้อนเซลล์มะเร็งนั้น สาหรับการฉายแสงนี้เป็นการ รักษาแบบเฉพาะที่ โดยอาศัยปัจจัยจากชนิดของมะเร็งที่เป็น รวมทั้งระยะเวลาที่เกิดมะเร็ง ตลอดจนสุขภาพของ ผู้ป่วยด้วยว่าแข็งแรงพอหรือไม่ ซึ่งหากผู้ป่วยพร้อมก็จะทาการฉายแสงประมาณ 2 – 10 นาที โดยต้องทาการ ฉายแสงสัปดาห์ละ 5 วัน รวมประมาณ 5 – 8 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ แต่การรักษาด้วย รังสีรักษานี้จะทาให้เกิดผลข้างเคียงขึ้น ได้แก่ ผิวหนังจะแห้งๆ คันๆ แดง หรือคล้า รวมทั้งมีอาการเจ็บคอ ลิ้น ไม่รู้รส ปากแห้ง และอ่อนเพลียมาก วิธีรักษาโรคมะเร็ง
  • 15. 3. เคมีบาบัด (คีโม) สาหรับวิธีนี้ถือเป็นการรักษาอย่างถูกจุด เรียกว่าถึงรากถึงโคน แก้ที่สาเหตุโดยตรงของปัญหา เพราะเป็นการให้ ยาเข้าไปทาลายเซลล์มะเร็งทั้งหมดที่อยู่ภายในร่างกาย รวมทั้งที่กระจายเข้าไปตามต่อมน้าเหลืองหรือกระแสเลือด ด้วย โดยแพทย์จะนัดมาทาการตรวจร่างกายวัดความดันและทาการเจาะเลือด ซึ่งหากผลการตรวจร่างกายผ่าน แพทย์ก็จะให้ไปทาการให้คีโมซึ่งก็เหมือนกับการให้น้าเกลือทั่วไป เพียงแต่ต้องนอนรอหลายชั่วโมงจนกว่าตัวยาจะ หมด และในระหว่างการให้คีโมนี้ผู้ป่วยบางคนอาจเกิดอาการแพ้ได้ ซึ่งอาจรู้สึกเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หรืออาเจียน และผลข้างเคียงที่ตามมาหลังจากการให้คีโมประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ผมจะเริ่มร่วง รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน เป็น แผลในปาก และปริมาณเม็ดเลือดลดลงทาให้รู้สึกอ่อนเพลีย ตลอดจนอาจรู้สึกหายใจลาบาก มีผื่นขึ้น ท้องผูก ถ่ายไม่ออก หรือมีไข้ เป็นต้น แต่การรักษาด้วยวิธีนี้ก็มีราคาค่อนข้างแพงเลยทีเดียว แถมยังต้องทาหลายครั้ง ขึ้นอยู่กับแพทย์เป็นผู้วินิจฉัยว่าต้องทาทั้งหมดกี่ครั้งจึงจะหายเป็นปกติ วิธีรักษาโรคมะเร็ง
  • 16. รายชื่อโรคมะเร็งที่พบได้บ่อย 1. มะเร็งตับ 2. มะเร็งปอด 3. มะเร็งเม็ดเลือดขาว 4. มะเร็งสมอง 5. มะเร็งปากมดลูก 6. มะเร็งลาไส้ 7. มะเร็งกล่องเสียง 8. มะเร็งผิวหนัง 9. มะเร็งรังไข่ 10. มะเร็งต่อมน้าเหลือง 11. มะเร็งต่อมลูกหมาก 12. มะเร็งเต้านม
  • 17. 13. มะเร็งกระเพาะอาหาร 14. มะเร็งกระดูก 15. มะเร็งหลอดอาหาร 16. มะเร็งลิ้น 17. มะเร็งช่องปากและลาคอ 18. มะเร็งท่อน้าดีและถุงน้าดี รายชื่อโรคมะเร็งที่พบได้บ่อย 19. มะเร็งหลอดลม 20. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ 21. มะเร็งตับอ่อน 22. มะเร็งไต 23. มะเร็งไทรอยด์ 24. มะเร็งโพรงมดลูก
  • 19. ป้องกันมะเร็งได้อย่างไร ผลการวิจัยจากทั่วโลกยืนยันตรงกันว่าโรคมะเร็งร้อยละ 60 สามารถป้องกันได้ โดยการ: • ตรวจร่างกายเป็นประจาทุกปี • ตรวจเต้านมด้วยเครื่องดิจิตอลแมมโมแกรม • ฉีดวัคซีนป้องกันในมะเร็งบางประเภท • ไม่สูบบุหรี่หรือยาเส้น • ไม่ดื่มสุรา • ไม่สาส่อนทางเพศ • ปกป้องตัวเองจากแสงแดดจัด • ออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอ
  • 20. • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นอาหารจากพืชมากขึ้นทั้งผักและผลไม้ เลือกรับประทานอาหารที่ไม่ ผ่านการขัดสีให้มากขึ้น • ไม่รับประทานอาหารที่ผ่านกรรมวิธีที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น อาหารปิ้งย่างและรมควัน และสิ่งที่สาคัญที่สุดนั่นคืออาหารที่เรารับประทานเข้าไป ซึ่งมีอาหารหลายชนิดที่สามารถต้านทานมะเร็ง ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นผู้จัดทาจึงได้จัดรวบรวมข้อมูลของอาหารต้านมะเร็งมาให้ได้ศึกษาและเลือกรับประทานได้ ตามใจชอบ ป้องกันมะเร็งได้อย่างไร
  • 22. 12 ผักต้านมะเร็ง ผักต้านมะเร็ง 12 ชนิด ที่สามารถหากินได้ง่าย ๆ มาแนะนาให้ทุกคนรู้ว่า ตัวเราเองสามารถป้องกันมะเร็งได้ไม่ยาก แค่ เพียงกินผักตามนี้ 1. คะน้า คะน้าเป็นผักที่มีวิตามินเอสูงมาก ซึ่งวิตามินเอที่เราได้จากคะน้ามี คุณสมบัติเป็นสารต้านการเกิดเซลล์มะเร็ง และยังช่วยส่งเสริม ภูมิคุ้มกันในร่างกาย ลดโอกาสเกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ และ ลดความเสี่ยงอาการเจ็บป่วยโดยรวมได้
  • 23. 2. ตาลึง ตาลึงเป็นผักใบเขียวที่มีวิตามินเอสูงเช่นกัน ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยแคลเซียม วิตามินซี ฟอสฟอรัส ที่ มีคุณสมบัติแก้อาการแพ้ แก้อักเสบ ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง และช่วยป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด รวมทั้งต้านมะเร็งได้ด้วย
  • 24. 3. กะหล่าปลี ข้อมูลจากสภากาชาดไทย ระบุว่า กะหล่าปลีสายพันธุ์ที่ปลูกในไทยสามารถยับยั้งหรือ ป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมได้ เนื่องจากในผักประเภทหัวชนิดนี้มีซิลิเนียมค่อนข้างสูง ซึ่งซิลิ เนียมก็มีคุณสมบัติในการช่วยกาจัดอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังพบว่าสารอาหารในกะหล่าปลีมี คุณสมบัติช่วยกระตุ้นเอนไซม์ที่มีหน้าที่กาจัดสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยลดโอกาสที่เซลล์จะ เปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็งได้
  • 25. 4. กะหล่าสีม่วง พืชผักสีม่วงมีสารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการเกิดเซลล์มะเร็งใน ร่างกายได้ นอกจากนี้ในกะหล่าสีม่วงยังมีฟลาโวนอยด์ สารต้านอนุมูลอิสระอีกชนิด หนึ่ง และมีสารซัลเฟอร์ที่ช่วยกระตุ้นการทางานของลาไส้ใหญ่ ทั้งยังช่วยต้านสารก่อ มะเร็งเข้าสู่ร่างกายอีกด้วย
  • 26. 5. ผักกาดขาว สารสีขาวจากผักอย่างผักกาดขาวมีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งตับสามารถเปลี่ยนสารนี้ให้เป็น วิตามินเอ ช่วยต้านการเกิดเซลล์มะเร็งในร่างกายได้ นอกจากนี้เส้นใยของผักกาดขาวยังช่วย กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลาไส้ ช่วยในการย่อยอาหาร ป้องกันอุจจาระแข็ง จึงทาให้การ ขับถ่ายเป็นไปอย่างไหลลื่นมากขึ้น
  • 27. 6. ถั่วงอก ผักราคาถูกและปลูกง่ายมาก ๆ อย่างถั่วงอกมีสารต้านมะเร็งที่เรียกว่า ซัลโฟราเฟน โดย ในถั่วงอกจะมีสารต้านมะเร็งชนิดนี้สูงกว่าถั่วปกติถึง 50 เท่าเลยทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ ถั่วงอกยังเป็นผักที่มีวิตามินซีสูง จึงมีคุณสมบัติช่วยสมานแผล ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก ทาให้ร่างกายมีภูมิต้านทานสูงขึ้นด้วย
  • 28. 7. ใบกะเพรา ในใบกะเพราก็มีวิตามินเอสูงมาก จึงมีคุณสมบัติต่อต้าน การเกิดมะเร็ง และช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ให้แข็งแรง นอกจากนี้ใบกะเพรายังถูกใช้ในการรักษาโรค ที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ หัวใจ และผิวหนังมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลเลยด้วย
  • 29. 8. แครอท แครอทไม่เพียงแต่มีเบต้าแคโรทีนที่จะเปลี่ยนเป็น วิตามินเอในตับเท่านั้น แต่ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างแคโรทีนอยด์ รวมไปทั้งไบโอฟลาโวนอยด์ที่มี คุณสมบัติช่วยต้านเซลล์มะเร็งในร่างกาย โดยเฉพาะ ความเสี่ยงโรคมะเร็งปอดและมะเร็งมดลูก
  • 30. 9. บรอกโคลี บรอกโคลีอุดมไปด้วยวิตามินซี และยังมีวิตามินเอ วิตามินบี และพิกเมนต์คลอโรฟิลล์ รวมทั้ง อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างฟลาโวนอยด์ด้วย จึงจัดเป็นผักต้านมะเร็งชนิดหนึ่งที่กินง่าย
  • 31. 10. บัวบก ใบบัวบกและต้นสดมีวิตามินและแคลเซียมสูงมาก นอกจากนี้ในบัวบกยังมีวิตามินบี 1 และเป็นพืชที่ ประกอบไปด้วยไกลโคไซด์ซึ่งมีคุณสมบัติทาให้เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ผิวหนังแข็งแรงขึ้น ส่งผลให้ผิวหนังเรียบตึง แน่น และยังช่วยบรรเทาอาการเส้นเลือดขอด ผิวด่างดา และช่วยให้แผลเป็นจางหาย ทั้งนี้ยังพบว่า สารสกัดจากใบบัวบกมีสรรพคุณทาให้แผลหายเร็ว เร่งการสร้างเนื้อเยื่อและเยื่อบุเซลล์ใหม่ ช่วยระงับการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ทาให้เกิดหนองและการอักเสบ ทั้งยังมีคุณสมบัติทาให้หลอด เลือดขยายตัว กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตให้ดีขึ้น และยังช่วยกระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้ทาลายแบคทีเรียได้เต็ม ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้บัวบกจึงช่วยต้านมะเร็งและทาลายเซลล์มะเร็งได้นั่นเอง
  • 32. 11. มะระขี้นก ผักที่พ่วงตาแหน่งสมุนไพรอย่างมะระขี้นกก็ช่วยต้าน มะเร็งได้เป็นอย่างดีค่ะ เพราะใต้ความขมของมะระขี้นก นั้นเปี่ยมไปด้วยวิตามินเอ นอกจากนี้ยังพบว่าในมะระ ขี้นกมีสารสาคัญที่ออกฤทธิ์ต้านไวรัสและฆ่าเซลล์มะเร็ง เต้านม รวมทั้งเซลล์มะเร็งสมองได้ผลดี สรรพคุณสุด ยอดจริง ๆ
  • 33. 12. ยอ ลูกยอเป็นผักที่มีวิตามินซีสูง คนไทยใช้เป็นยาอายุวัฒนะมา ตั้งแต่โบราณ ช่วยบารุงธาตุ และจากการศึกษาในสัตว์ทดลอง ก็พบว่า ยอมีสารยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งขั้นต้น โดย เป็นสารที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ต้านมะเร็งได้ แต่ทั้งนี้ยอก็เป็นผักที่มีโพแทสเซียมค่อนข้างสูง อาจเสี่ยงต่อผู้ป่วยโรคไตและโรคหัวใจนะคะ ฉะนั้นผู้ป่วย 2 โรคนี้อาจต้องเลือกกินผักต้านมะเร็งชนิดอื่นแทน
  • 34. 15 ผลไม้ต้านมะเร็ง 1. ทับทิม ทับทิมไม่ได้มีแค่ไฟโตนิวเทรียนต์เท่านั้น แต่ยังพกกรดเอลลาจิก (Ellagic Acid) ซึ่งเป็นกรดที่ ช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในร่างกายมนุษย์ รวมทั้งยับยั้งการขยายของเซลล์ผิดปกติที่อาจจะ กลายเป็นเซลล์มะเร็ง โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา ยังบอกเพิ่มเติมด้วยว่า สารเอลลา จิกในทับทิม สามารถป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกของผู้หญิงได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
  • 35. 2. มะขามป้อม จากข้อมูลของมูลนิธิหมอชาวบ้าน เราก็พบว่า มะขามป้อมเป็นผลไม้อีกชนิดที่มีกรดเอลลาจิก (Ellagic Acid) แฝงอยู่ด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีวิตามินสูงมาก จนเกือบจะเป็นราชาผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีเลยทีเดียวล่ะ แถมยัง พ่วงกรดฟิลเลมลิก (Phyllemblic Acid) และสารฟีนอล (Phenols) มาเป็นเพื่อนด้วย ซึ่งก็หมายความว่า มะขามป้อมเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณช่วยป้องกันมะเร็ง
  • 36. 3. มันเทศ (Sweet Potato) ในที่นี้อาจจะรวมไปถึงมันฝรั่งพันธุ์ต่าง ๆ ด้วยนะคะ ที่ศูนย์มันฝรั่งระหว่างประเทศ (The International Potato Center : CIP) เขายืนยันว่า มันฝรั่งเกือบทุกชนิดมีคุณสัมบัติ ป้องกันมะเร็งได้ โดยอธิบายว่า มันฝรั่งอุดม ไปด้วยคาร์โบไฮเดรต, เบต้าแคโรทีน, ไฟเบอร์, วิตามินเอ, วิตามินซี, ไรโบฟลาวิน (วิตามินบีชนิดหนึ่ง), กรดโพลีฟี นอล แอนตี้ออกซิแดนท์ คาเฟอิก (Polyphenol Anti-oxidants Caffeic Acid) และกรดคาเฟโออิวควินิก (Caffeoylquinic Acid) ซึ่งช่วยป้องกันโรคมะเร็ง รวมทั้งลดความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านม
  • 37. 4. มะละกอ ผลมะละกอดิบมีวิตามินเอ และสารเบต้าเคโรทีน ช่วยบารุงสายตาและช่วยต้านโรคมะเร็ง อีกทั้งยังมีวิตามินซี, แคลเซียม, ฟอสฟอรัส, และเหล็กซึ่งช่วยป้องกันและรักษาโรคหวัด โรคลักปิดลักเปิด เลือดออกตามไรฟันและใต้ ผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีเอนไซม์พาเพน ซึ่งสามารถนามาเป็นยาช่วยย่อยสาหรับผู้ที่มีปัญหาอาหารไม่ย่อย รวมทั้งช่วย กระตุ้นน้านมสาหรับคุณแม่ที่เพิ่งคลอดอีกด้วย แต่ที่น่าสนใจก็คือ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟลอริด้า ได้ทาการศึกษาและพบว่า คุณประโยชน์เหล่านี้ในผล มะละกอไม่ว่าจะดิบ หรือสุก สามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการเข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโต ของเนื้องอก หรือเซลล์ผิดปกติที่ทาท่าว่าจะเป็นเซลล์ก่อมะเร็ง ที่สาคัญยังเจ๋งขนาดป้องกันได้ทั้งมะเร็งปากมดลูก, มะเร็งเต้านม, มะเร็งตับ และมะเร็งตับอ่อน
  • 38. 5. แก้วมังกร ผลไม้ไทย ๆ อย่างแก้วมังกร มีสารต้าน มะเร็งกับเขาด้วย แต่ทั้งนี้ผลการศึกษาจากศูนย์วิจัย สารต้านอนุมูลอิสระก็แนะนาว่า สารสกัดจากเปลือก แก้วมังกรสีสด ๆ มีศักยภาพในการป้องกันมะเร็งดีกว่า การรับประทานผลสดซะอย่างนั้น แต่อย่างไรก็แล้วแต่ การรับประทานแก้วมังกรเป็นประจาก็สามารถป้องกัน ไขมันอุดตันในเส้นเลือด และช่วยในเรื่องระบบ ขับถ่ายเราได้เป็นอย่างดี
  • 39. 6. มังคุด มังคุดเป็นผลไม้สัญชาติไทยแท้ที่หากินได้ง่ายในบ้านเรา ซึ่งผลการวิจัยโดย Current Molecular Medicine ก็บอก ข่าวดีกับเราว่า ในมังคุดมีสารต้านเซลล์มะเร็งที่น่าสนใจนั่นก็คือ สารที่เรียกว่า แซนโทน (XANTHONE) ซึ่งเป็นสารต้าน อนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถซ่อมแซม เซลล์ส่วนมี่ถูกทาลายโดยปัจจัยต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี จึงถูก ยอมรับว่าเป็นสารที่ช่วยต้านเซลล์มะเร็งตัวจี๊ดที่ไม่ควรมองข้าม เลยทีเดียว ทั้งนี้นอกจากกินผลสด ๆ แล้ว เรายังสามารถนา เปลือกมังคุดไปทาเป็นไวน์ไว้ดื่มได้อีก
  • 40. 7. องุ่น มหาวิทยาลัยเวย์นสเตต (Wayne State University) ทาการศึกษาคุณสมบัติขององุ่นกับการต้านมะเร็งและพบว่า จาก หลักฐานที่ทดลองกับมนุษย์มาอย่างยาวนาน สามารถพิสูจน์ได้ ว่า วิตามินและสารอาหารที่พบในองุ่นทุกชนิด มีผลโดยตรงใน การป้องกันโรคมะเร็ง อีกทั้งองุ่นยังมีสารอาหารที่สาคัญที่ดีคือ น้าตาล และสารอาหารจาพวกกรดอินทรีย์ เช่น น้าตาลกลูโคส น้าตาลซูโครส วิตามินซี เหล็กและแคลเซียม มีส่วนช่วยในการ บารุงสมอง บารุงหัวใจ แก้กระหาย ขับปัสสาวะ และช่วยฟื้น กาลังคนที่ร่างกายผอมแห้ง แก่ก่อนวัยและไม่มีเรี่ยวแรงด้วย
  • 41. 8. ส้ม และผลไม้ตระกูลส้มทุกชนิด นอกจากจะอัดแน่นไปด้วยกรดวิตามินซีแล้ว ในผลไม้ จาพวกส้มยังมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง โดยเฉพาะป้องกันมะเร็ง เต้านม โดยข้อมูลทั้งหมดผ่านการรับรองและยืนยันความ น่าเชื่อถือจากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยเทกซัสเอแอนด์เอ็ม (Texas A&M University) แล้วด้วยนะ
  • 42. 9. แอปเปิล สถาบัน Advances in Nutrition ได้ทาการวิจัยและพบว่า แอปเปิลเป็นผลไม้ที่ มีคุณประโยชน์ในเรื่องของการลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง อีกทั้งยังป้องกันโรคมะเร็งได้ตั้งแต่สาเหตุของ โรคเลยทีเดียว เนื่องจากสารฟลาโวนอยด์ในปริมาณที่สูงมากของเปลือกแอปเปิล สามารถล้างพิษออก จากร่างกาย และช่วยป้องกันอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งลาไส้ได้นั่นเอง
  • 43. 10. สตรอว์เบอร์รี ไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrients) หรือ สารพฤษเคมี บวกกับวิตามินซี และแร่ธาตุดี ๆ อีก หลายชนิดในสตรอว์เบอร์รี ก็เป็นส่วนสาคัญในการต้าน เซลล์มะเร็ง และมีสรรพคุณบาบัดโรค โดยเฉพาะ ป้องกันโรคมะเร็งเต้านมของคุณผู้หญิง การันตีโดยผล วิจัยที่เว็บไซต์ Exan Health ได้นามาเผยแพร่
  • 44. 11. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี จริง ๆ แล้วผลไม้ตระกูลเบอร์รีทุกชนิดมีสารที่ช่วยป้องกัน โรคมะเร็งได้เกือบทั้งหมด แต่ดอกเตอร์แกรี่ ดี สโตเนอร์ คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอ (The Ohio State University College of Medicine) ชี้แจง ว่า ในผลแบล็กเบอร์รีจะมีคุณสมบัติต้านมะเร็งที่โดดเด่นกว่าใคร เพื่อน เนื่องจากมีสารพฤษเคมีจาพวกแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สูง ซึ่งช่วยชะลอการเกิดเซลล์มะเร็ง แถม ยังสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งลาไส้ได้อีกต่างหาก
  • 45. 12. เลมอน นักวิจัยจากประเทศออสเตรเลียเผยว่า วิตามิน ซี และกรดหลากชนิดในผลเลมอน สามารถป้องกัน มะเร็งช่องปาก, มะเร็งลาคอ และมะเร็งในช่องท้องได้ หากดื่มน้าเลมอนคั้นสดวันละ 1 แก้วกาแฟเป็นประจา ทุกวัน และแม้ว่าเลมอนจะไม่ใช่ผลไม้สัญชาติไทยแท้ แต่เลมอนก็ไม่ใช่ผลไม้ที่หายากในบ้านเราซะทีเดียว
  • 46. 13. กีวี วารสาร Ethnopharmacology เผยว่า ผลไม้ ที่อัดแน่นไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ, วิตามินซี, วิตามิน อี, ลูเตียน (Lutein) และสังกะสีชนิดนี้ มี ประสิทธิภาพมากพอจะต้านเซลล์มะเร็งได้อยู่หมัด เพียง แค่กินกีวีสดวันละครึ่งลูกก็เท่ากับกินยาต้านมะเร็งเกรดพ รีเมียมเข้าไปแล้ว
  • 47. 14. อะโวคาโด จากการศึกษาของวารสาร Experimental Therapeutics & Oncology พบว่า สารพฤษเคมี ในผลอะโวคาโดมีส่วนช่วยป้องกันความผิดปกติที่เกิดจาก เซลล์ ปกป้องเซลล์ในร่างกายไม่ได้เกิดเนื้อร้าย กาจัด เซลล์ที่ตายแล้ว รวมทั้งยับยั้งการเจิญเติบโตของเซลล์ที่ ผิดปกติ และกาลังจะเติบโตเป็นเนื้อร้ายได้อีกด้วย
  • 48. 15. มะเขือเทศ มะเขือเทศอาจจะก้ากึ่งระหว่างผักและผลไม้ แต่ประเด็นนั้น ไม่น่าสนใจเท่ากับผลวิจัยที่สถาบันวิจัยโรคมะเร็งอเมริกาพบว่า มะเขือ เทศมีคุณสัมบัติป้องกันโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก รวมไปถึงมะเร็งปอด, มะเร็งเต้านม และมะเร็งมดลูกได้ชะงัด เนื่องจากในมะเขือเทศลูก สีแดงแจ๊ดอุดมไปด้วยไลโคปีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกกัน ว่า ตระกูลสารสีแดง และสารพฤกษเคมี รวมไปถึงวิตามิน และเกลือ แร่อีกหลายชนิด ที่ช่วยบารุงเซลล์ในร่างกายให้ทางานอย่างปกติ ซึ่ง เมื่อไรที่มีเซลล์ใดเซลล์หนึ่งเกิดความผิดปกติขึ้น เจ้าสารบารุงต่าง ๆ ก็ จะเข้าไปจัดการไม่ให้เซลล์ร้ายเจริญเติบโตลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ ใน ร่างกายเรานั่นเอง
  • 49. 9 ประเภทอาหารที่ต้านมะเร็ง 1. ผัก ผักหลายชนิดที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง เพราะอุดม ไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น - ผักสีเข้ม ไม่ว่าจะเป็นสีเขียว ส้ม แดง ม่วง เช่น ผักโขม แค รอท มะเขือเทศ - กะหล่าต่างๆ เช่น กะหล่าปลี บล็อกโคลี กะหล่าดอก - หัวหอม และกระเทียม
  • 50. 2. ถั่ว ไม่ว่าจะเป็นถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดา ถั่วแดง ถั่วลิสง ที่นอกจากจะช่วยต้านมะเร็งแล้ว ยังดีต่อสุขภาพ เพราะ อุดมไปด้วยโปรตีนที่ดี และกากใยอาหารตามธรรมชาติ ขับถ่ายได้สะดวกอีกด้วย
  • 51. 3. ธัญพืชต่างๆ เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวบาเล่ย์ ข้าวโพด ข้าวสาลี ต้าน มะเร็งก็ดี วิตามินบีก็ได้ ลดความดันโลหิตก็เยี่ยม
  • 52. 4. สาหร่ายทะเล เป็นแหล่งแร่ธาตุชั้นดี เต็มไปด้วยสารอาหารที่ดี ต่อร่างกายมากมาย มีให้เลือกทานหลายชนิด แต่ควร เลือกทานสลับชนิดกันไปเรื่อยๆ ไม่ควรทานสาหร่ายชนิด เดียวติดต่อกันนานเกินไป
  • 53. 5. ปลาน้าเย็น ส่วนใหญ่จะเป็นปลาทะเล เช่น แซลมอน ที่มีโอเมก้า 3 และไขมันที่ดีต่อร่างกาย ปลาคอท ปลาแมคเคอเรล ปลาซาร์ดีน
  • 54. 6. เครื่องเทศต่างๆ เช่น เก๋ากี้ (หรือโกจิเบอร์รี่) พริกไทย กระเทียม หัวหอม ขิง โรสแมรี่ สามารถนามา ทาอาหาร หรือทานสดได้ (หากทานได้) ช่วยต้านมะเร็ง และกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ได้อีกด้วย
  • 55. 7. โยเกิร์ต ไม่ได้มีประโยชน์แค่เรื่องการขับถ่าย และช่วยควบคุมน้าหนักได้เท่านั้น แต่ยังช่วยต้าน มะเร็ง เพราะมีสารอนุมูลอิสระ ช่วยการหมุนเวียนของโลหิต และชะลอการเสื่อมของเซลล์ใน ร่างกาย หรือจะลองกรีกโยเกิร์ต ที่เข้มข้นกว่า สารอาหารมากกว่า และมีโปรไบโอติกส์ที่ช่วยลด โอกาสในการเกิดเชื้อราในช่องคลอดได้ดีกว่าด้วย
  • 56. 8. เห็ดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเห็ดหอม เห็ดฟาง เห็ดออรินจิ และ อื่นๆ ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิด มีเส้นใยอาหารที่ ช่วยเรื่องการย่อย และการขับถ่ายให้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยัง มีวิตามินต่างๆ ที่ดีต่อร่างกายอีกด้วย