Com3. ประวัติความเป็นมา
ในปี พ.ศ.2493 นักดำรำศำสตร์ชำวเนเธอร์แลนด์ แจน ออร์ด ( Jan Oort ) เป็นผู้เสนอทฤษฎีว่ำ
ต้องมีแหล่งที่อยู่ของดำวหำงจำนวนหลำย ๆ ล้ำนดวงอยู่ไกลเลยจำกดำวเครำะห์ดวงนอก ของระบบสุริยะ
ออกไป โดยมีระยะห่ำงจำกดวงอำทิตย์รำว 30,000 หน่วยดำรำศำสตร์ ไปจนถึง 1ปีแสง หรือไกลกว่ำนั้น จึง
เรียกถิ่นที่อยู่ของดำวหำงตำมควำมคิดนี้ว่ำ ดงดำวหำงออร์ด(The Oort Cloud)
4. จุดกำเนิดของดำวหำง
ดำวหำงมีกำเนิดมำจำกเมฆออร์ท (Oort cloud) ซึ่งเป็นผลึกน้ำแข็งอยู่ที่ขอบของระบบสุริยะ เมื่อ
มีแรงภำยนอกมำกระทำ เช่น ซูเปอร์โนวำ (Supernova) ดำวหำงจะหลุดออกจำกถิ่นกำเนิดและถูกแรงโน้ม
ถ่วงของดวงอำทิตย์ดึงดูดมำเป็น บริวำร วงโคจรของดำวหำงจึงยำวไกลและมีควำมรีมำกไม่อยู่ในระนำบสุริย
วิถี เนื่องจำกเมฆออร์ทมีลักษณะเป็นทรงกลมที่ห่อหุ้มดวงอำทิตย์ ดำวหำงจึงเคลื่อนที่เข้ำดวงอำทิตย์ได้จำก
ทุกทิศทำง
7. โครงสร้างของดาวหาง
- นิวเคลียส เป็นใจกลำงหัวดำวหำง ซึ่งประกอบด้วยธำตุต่ำง ๆ จำพวก คำร์บอน (C) ไฮโดรเจน
(H) ออกซิเจน (O) และ ไนโตรเจน (N) รวมตัวกัน โดยมีน้ำ เป็นองค์ประกอบสำคัญ นอกจำกนั้น ยังมีฝุ่น
ของซิลิกอน แมกนีเซียม และธำตุหนักอื่น ๆ ฝุ่นเหล่ำนี้รวมตัวกับน้ำแข็งอัดแน่นอยู่ด้วยกัน ทำให้เกิดเป็น
นิวเคลียสสีดำเหมือนถ่ำน
10. - หำงก๊ำซ ก๊ำซในหำงดำวหำงทำปฏิกิริยำกับ
ลมสุริยะจำกดวงอำทิตย์ ทำให้ก๊ำซต่ำง ๆ แตกตัว เป็น
อนุภำคที่มีประจุไฟฟ้ำ หรือ ไอออน เช่น อนุภำคประจุ
คำร์บอนมอนนอกไซด์ (CO+)เปล่งแสง สีน้ำเงินในหำง
ก๊ำซเคลื่อนที่หนีออกจำกดวงอำทิตย์ด้วยควำมเร็ว
หลำยร้อยกิโลเมตรต่อวินำที หำงก๊ำซ มีลักษณะเหยียด
ตรง และยืดยำวออกไปหลำยล้ำนกิโลเมตร
17. นับจำกปี 2547 สหพันธ์ดำรำศำสตร์สำกลได้กำหนดวิธีตั้งชื่อที่เป็นทำงกำรของดำวหำงไว้ใหม่ มี
รูปแบบเป็น T/YYYY HS
โดยที่ T คือรหัสชนิดของดำวหำง มีดังนี้ P หมำยถึงดำวหำงคำบสั้น
C หมำยถึงดำวหำงคำบยำว (หรือไม่มีคำบ)
X หมำยถึงดำวหำงที่คำนวณวงโคจรไม่ได้ เนื่องจำกเป็นดำวหำงใน
อดีต ไม่มีข้อมูลเพียงพอ
D หมำยถึงดำวหำงที่สลำยหรือสำบสูญไปแล้ว
A หมำยถึงดำวเครำะห์น้อยที่เคยเข้ำใจผิดว่ำเป็นดำวหำง
YYYY คือ คริสต์ศักรำชที่ค้นพบ หรือ ปีที่ทรำบว่ำเป็นดำวหำงรำยคำบ
H คือ อักษรบอกปักษ์ที่ค้นพบ เช่น A คือปักษ์แรกของเดือนมกรำคม
B คือปักษ์ที่สองของเดือนมกรำคม C คือปักษ์แรกของเดือนกุมภำพันธ์
จนสิ้นสุดที่อักษร Y (ข้ำมอักษรตัว I ไป)
S คือลำดับกำรค้นพบในปักษ์นั้น
18. หำกดำวหำงดวงนั้นได้กลับมำปรำกฏให้เห็นมำกกว่ำหนึ่งครั้ง (ซึ่งหมำยควำมว่ำเป็นดำวหำง
รำยคำบ มีอักษร P นำหน้ำ) หน้ำอักษร P จะมีเลขลำดับนำหน้ำอยู่ เช่นดำวหำงแฮลลีย์ มีชื่อว่ำ
1P/1682 Q1
อย่ำงไรก็ตำม ในกำรเรียกชื่อที่ไม่เป็นทำงกำรมำกนัก กำรเรียกชื่อดำวหำงด้วยชื่อสำมัญตำม
บุคคลนั้นยังคงเป็นที่นิยมกันอยู่ เรำจึงมักพบกำรใช้ชื่อแบบผสมระหว่ำงชื่อทำงกำรกับชื่อสำมัญ เช่น
ดำวหำงเฮียะกุตะเกะ มักเขียนเป็น C/1996 B2 (Hyakutake) ดำวหำงแฮลลีย์ ก็จะเขียนเป็น 1P/1682
Q1 (Halley) หรือย่อเข้ำไปอีกก็เป็น 1P/Halley
21. ดาวหางชูเมกเกอร์-เลวี 9 (D/1993 F2)
ดำวหำงดวงนี้ได้แตกออกเป็นสำยของดำวหำง
น้อย ๆ วิ่งเป็นขบวน และทั้งหมดก็พุ่งเข้ำชนดำว
พฤหัสบดีในเดือนกรกฎำคม 2537เป็นครั้งแรกที่มีกำร
สำรวจกำรพุ่งชนของวัตถุในระบบสุริยะ แต่ละชิ้นมี
ขนำดตั้งแต่เล็กน้อยจนถึง 2กิโลเมตร ที่น่ำสนใจคือ
ขณะที่ค้นพบนั้น พบว่ำดำวหำงดวงนี้กำลังโคจรรอบดำว
พฤหัสบดี ไม่ได้โคจรรอบดวงอำทิตย์ ซึ่งคำนวณ
ย้อนหลังกลับไปได้ว่ำดำวหำงดวงนี้เคยเป็นบริวำรของ
ดวงอำทิตย์มำ ก่อน แต่ถูกดำวพฤหัสบดีคว้ำจับไปเป็น
บริวำรของตนเองก่อนหน้ำนั้นประมำณ20-30ปี กำรพุ่ง
ชนได้ทิ้งรอยแผลบนบรรยำกำศของดำวพฤหัสบดีจน
พรุนไปทั้งวง
22. นักวิทยำศำสตร์เชื่อว่ำ ดำวหำง วัตถุจำกสุดขอบระบบสุริยะนี้เก็บควำมลับดำมืดเกี่ยวกับต้น
กำเนิดระบบสุริยะ เอำไว้ บำงทีกำรศึกษำดำวหำงอำจช่วยให้เรำมองเห็นกำรกำเนิดระบบสุริยะได้ชัดเจนยิ่ง
ขึ้น อำจอธิบำยแหล่งที่มำเกี่ยวกับน้ำบนโลกได้ รวมถึงอำจตอบคำถำมได้ว่ำสิ่งมีชีวิตบนโลกเกิดขึ้นได้อย่ำงไร
ดำวหำงอำจมีบทบำทเป็นผู้ให้ชีวิตบนดำวเครำะห์โลก ในทำงกลับกัน วันหนึ่งข้ำงหน้ำอำจมีดำวหำงบำงดวง
พุ่งตรงมำยังโลก ยุติชีวิตทั้งหมดบนดำวเครำะห์ดวงนี้ก็ได้ จึงต้องมีกำรเฝ้ำระวัง ติดตำม และเตรียมกำรหำ
วิธีหลีกเลี่ยงภัยที่อำจเกิดขึ้นจำกดำวหำง ด้วยเหตุนี้ นักวิทยำศำสตร์ยังคงต้องศึกษำดำวหำงต่อไป
25. ดำวหำงคำบยำว บำงครั้งก็เรียกว่ำ ดำวหำงไม่มีคำบ หมำยถึงดำวหำงที่มีคำบกำรโคจร 200 ปี
หรือมำกกว่ำ มีบันทึกกำรพบเห็นเพียงครั้งเดียว ดำวหำงในกลุ่มนี้มีเส้นทำงโคจรเป็นรูปวงรีหรือพำรำโบลำ
หรืออำจเป็นไฮเพอร์โบ ลำ จึงถือได้ว่ำเป็นดำวหำงที่มีโอกำสเห็นเพียงครั้งเดียวในชั่วชีวิตหนึ่ง ดำวหำงที่
สว่ำงมำก ๆ มักเป็นดำวหำงประเภทนี้
29. วัตถุที่มีหาง แต่ไม่ใช่ดาวหาง
วัตถุบนท้องฟ้ำที่ทอดหำงสีขำวเป็นทำงยำวก็อำจไม่ใช่ดำวหำงเสมอไป บำงครั้งดำวเครำะห์น้อย
ก็สำดหำงคล้ำยดำวหำงได้เหมือนกัน นักวิทยำศำสตร์พบวัตถุจำนวนหนึ่งในแถบดำวเครำะห์น้อยหลัก ซึ่ง
อยู่ระหว่ำงวงโคจรของดำวอังคำรกับดำวพฤหัสบดี วัตถุเหล่ำนี้มีรูปร่ำงคล้ำยดำวหำง ทั้งที่มีวงโคจรแบบ
ดำวเครำะห์น้อยแถบหลัก นั่นคือ มีวงโคจรเกือบกลม และมีระนำบวงโคจรใกล้เคียงกับระนำบสุริยวิถี
เชื่อว่ำวัตถุประเภทนี้มีองค์ประกอบเช่นเดียวกับดำวเครำะห์น้อย เมื่อดำวเครำะห์น้อยถูกวัตถุดวงอื่นพุ่ง
ชน กำรชนนั้นอำจทำให้มีเศษหินฝุ่นกระเด็นออกไปเป็นสำยจนดูคล้ำยดำวหำงได้ หำกเป็นดำวเครำะห์
น้อยที่มีองค์ประกอบเป็นน้ำแข็งอยู่ใต้พื้นผิวมำก เมื่อถูกวัตถุพุ่งชน จะเกิดแผลเปิดบนพื้นผิว เผยให้
น้ำแข็งที่อยู่เบื้องล่ำงสัมผัสรังสีจำกดวงอำทิตย์ ก็จะเกิดปฏิกิริยำแบบเดียวกับดำวหำงได้เช่นกัน แม้ว่ำจะ
มีหำงเหมือนดำวหำง แต่กำรที่กลไกกำรเกิดหำงต่ำงจำกดำวหำง จึงไม่ถือว่ำเป็นดำวหำงที่แท้จริง บำงครั้ง
อำจเรียกวัตถุจำพวกนี้ว่ำ ดำวหำงแถบหลัก
30. ดำวเครำะห์น้อยมีหำง ค้นพบใน พ.ศ. 2554 ถ่ำยโดยกล้องโทรทรรศน์อวกำศฮับเบิล แต่วัตถุดวงนี้
ก็ไม่ใช่ดำวหำง หำกแต่เป็นดำวเครำะห์น้อยที่เพิ่งถูกชนกับวัตถุอื่น แรงจำกกำรชนได้สำดฝุ่นออกไปเป็นหำง
คล้ำยดำวหำง
31. ดำวเครำะห์น้อย พี/2010 เอ 2 (ลิเนียร์) ดูคล้ำยดำวหำงมำก มีหำงยำวถึง 300,000 กิโลเมตร
คำดว่ำหำงที่เกิดขึ้นเป็นผลจำกกำรพุ่งชนของวัตถุอื่นจนเกิดเป็นหำงฝุ่นทอด ยำวออกไป
35. ที่น่ำสนใจก็คือ ดำวหำงเฉียดดวงอำทิตย์
ที่พบโดยโซโฮรำว 83 เปอร์เซ็นต์มีวงโคจร
คล้ำยกัน คำดว่ำดำวหำงในกลุ่มนี้ทั้งหมดเป็นเศษ
ชิ้นส่วนที่แตกมำจำกดำวหำงใหญ่ดวง หนึ่งเมื่อ
หลำยร้อยปีก่อน นักดำรำศำสตร์เรียกกลุ่มดำวหำง
พวกนี้ว่ำ กลุ่มครอยทซ์ ตั้งชื่อตำม ไฮน์ริช
ครอยทซ์ ผู้ค้นพบควำมสัมพันธ์นี้ ดำวหำงในกลุ่ม
ครอยทซ์หลำยดวงกลำยมำเป็นดำวหำงที่ได้รับ
กำรขนำนนำมว่ำ ดำวหำงยักษ์ เช่น ดำวหำงอิเกะ
ยะ-เซะกิ ดำวหำงยักษ์แห่งปี 1843 ดำวหำงเลิฟ
จอย
48. คาศัพท์น่ารู้
• 1 ปีแสง หมำยถึง เป็นหน่วยวัดระยะทำง มีค่ำเท่ำกับแสงเดินทำงได้ใน 1 ปี โดยเอำตัวเลข
ของ "ควำมเร็วแสง“ คือ 299,793 กิโลเมตร/วินำที มำเป็นตัวกำหนด
ดังนั้น 1 ปีแสงก็เท่ากับ 299,793 X 3,600 X 24 X 365 = 9.46 X 1012 กิโลเมตร
49. • ซูเปอร์โนวำ (Supernova )หมำยถึง ปรำกฏกำรณ์ที่เกิดขึ้นหลังจำกที่ดำวฤกษ์ที่มีมวลมำกกว่ำดวงอำทิตย์
หลำยเท่ำเดินทำงมำถึงวำระสุดท้ำย คือ เหลือเชื้อเพลิงไม่มำกพอที่จะทำ
ให้ดำวอยู่ได้อีกต่อไป และส่งผลให้เกิดธำตุหนักที่แกนกลำง จำกนั้นแรง
โน้มถ่วงของดำวทำให้ดำวยุบตัวลง เกิดปฏิกิริยำนิวเคลียร์อย่ำงรุนแรง
ก่อนจะระเบิดตัวแตกสลำยครั้งใหญ่
50. • กำรระเหิด หมำยถึง เป็นกระบวนกำรที่ของแข็งเปลี่ยนสถำนะกลำยเป็นไอ โดยไม่ผ่ำนกำรเป็นของเหลว
ก่อน เมื่ออนุภำคของสำรได้รับควำมร้อนจากสิ่งแวดล้อมเพียงเล็กน้อย
51. • ระบบสุริยะ หมำยถึง ระบบดำวที่มีดำวฤกษ์เป็นศูนย์กลำง และมีดำวเครำะห์ (Planet) เป็นบริวำรโคจร
อยู่โดยรอบ เมื่อสภำพแวดล้อมเอื้ออำนวย ต่อกำรดำรงชีวิต สิ่งมีชีวิตก็จะเกิดขึ้นบน
ดำวเครำะห์เหล่ำนั้น หรือ บริวำรของดำวเครำะห์เองที่เรียกว่ำดวงจันทร์ (Satellite)