SlideShare a Scribd company logo
1 of 32
ปุลากง
เรื่องย่อ
เข้ม ( ศกร ) เป็นเด็กชายวัย ๑๔ ปี รูปร่างผอมสูง มีนิสัยเจ้าอารมณ์ เข้มเป็นลูกของนางแพงศรี กับคุณอรรถ
ซึ่งคุณอรรถมีภรรยาหลวงอยู่แล้วคือคุณฉะอ้อน และมีลูกกับคุณฉะอ้อนถึง ๔ คน คือคุณปุ้ม หรือคุณอัมพิกา อายุ
๑๘ ปี แต่พิการเป็นโปลิโอตั้งแต่เด็ก คุณอดิศรลูกชายคนที่ ๒ คุณอนันต์ ลูกคนที่ ๓ และคุณอรนุช ลูกสาวคนสุดท้อง
ซึ่งเกิดพร้อมกับเข้ม เข้มเรียกคุณอัมพิกาว่าพี่เพียงคนเดียว เพราะเธอเป็นคนใจดี คุณปุ้มเรียนเปียโนกับคุณพิรุณ
ครูสอนซึ่งเป็นหม้าย สามีเป็นนายทหารแต่เสียชีวิตในสงคราม ครูพิรุณทางานหาเลี้ยงตัวเองกับหนูตุ่น ( ศุภรา
)ที่เป็นลูกสาวโดยการรับจ้างสอนเปียโน เธอมีลูกศิษย์มากมาย
บ้านของเธออยู่ข้างบ้านของเข้มนั่นเองความที่เข้มถูกเลี้ยงดูมากอย่างลูกที่ขาดความอบอุ่นและไม่ได้รับความยุติธรรม
จากพ่อ นั่นเป็นสาเหตุที่ทาให้เข้มกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ พูดจาห้วน และหน้าตาไม่แจ่มใส กิริยาก็ค่อนข้างกระด้าง
เนื่องด้วยความที่พ่อให้การเลี้ยงดูไม่เท่าเทียมกับลูกที่เกิดจากภรรยาหลวง การขอค่าใช้จ่ายในการเรียนค่อนข้างยาก
การกินอยู่ก็ไม่เหมือนกัน เข้มและแม่จะแยกมาอยู่ที่เรือนหลังเล็กซึ่งปลูกอยู่สุดอาณาเขตของบ้าน
เรื่องของอาหารการกินก็สุดแล้วแต่ทางครัวจะจัดมาให้
ซึ่งจะไม่เหมือนกับที่เรือนใหญ่ยามที่เข้มจะมาขอเงินค่าใช้จ่ายทุกครั้งก็จะถูกพ่อดุว่า
โดยพ่อจะอ้างอยู่เสมอว่าให้เข้มเท่าเทียมกับลูกคุณฉะอ้อนไม่ได้ เพราทรัพย์สินทั้งหมดจะเป็นของคุณฉะอ้อน
แม้แต่เมื่อเข้มขอเงินเพื่อซื้อไวโอลิน เพราะพ่อบอกว่า ถ้าสอบได้เกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์จะให้รางวัล แต่แล้วพ่อก็ไม่ให้
เข้มเสียใจมากแต่ก็ไม่เคยร้องไห้ให้พ่อเห็น นอกจากแม่เขาเคยถามแม่ถึงเหตุผลที่แม่ยอมเป็นภรรยาน้อยของพ่อ
และจายอมอยู่อย่างอดทน เพราะนางแพงศรีเป็นเมียน้อยแบบโบราณ ทุกอย่างในชีวิตแล้วแต่สามี
มารดาของเข้มเล่าให้เขาฟังถึงความหลังว่า เป็นเมียคุณอรรถ เมื่อครั้งไปอยู่หัวเมือง จนเมื่อสามีพามากรุงเทพฯ
ถึงได้ทราบว่าตนเองเป็นเมียน้อย แม้จะพอมีความรู้มีพ่อเป็นครูใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถจะเลือกวิถีชีวิตได้
ความเป็นหญิงไทยแบบโบราณ ทาให้เธอยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว สิ่งเดียวที่เธอต้องการก็คือลูก
แม้ว่าสามีจะให้เอาลูกออกเธอก็ไม่ยอม แม้เข้มจะขาดความรักจากพ่อ แต่ความรักมากมายของแม่
ก็หล่อหลอมให้เข้มเป็นเด็กใฝ่ดี
เมื่อคราวจาเป็นต้องใช้เงินเป็นค่าเทอม
เข้มจะหารายได้พิเศษโดยการรับจ้างเล่นการพนันในบ่อนของเมียตารวจ แต่เข้มไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง
นอกจากคุณปุ้ม เพราะเข้มขอยืมเงินของคุณปุ้ม และสามารถหามาใช้ได้ นั่นทาให้คุณปุ้มสงสัย
ในที่สุดเธอก็บอกให้คุณพ่อทราบ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่เข้มและกวง เพื่อนชาวจีนของเข้ม
ไปเล่นไพ่และเกิดเรื่องเจ้ามือถูกยิงตาย แต่เข้มกับกวงหนีออกมาได้ ตารวจมาตามหาเข้มที่บ้าน
แต่เกรงใจคุณอรรถจึงยอมกลับไป วันนั้นเข้มมีปากเสียงกับพ่ออย่างรุนแรง
เพราะพ่อหาว่าเขาทาให้เสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเข้มให้สัญญากับแม่ว่าจะไม่หาเงินด้วยวิธีแบบนี้อีก
ต่อมาเข้มสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตารวจได้ และอยู่ประจานานๆจึงจะได้กลับบ้านสักครั้ง
จึงได้รู้ความเปลี่ยนแปลงภายในบ้าน คุณอดิศรมีลูกกับภรรยาลูกสาวแม่ค้าถึง ๕ คน
คุณอนันต์กาลังจะไปศึกษาต่อต่างประเทศ ส่วนคุณอรนุชก็สอบได้อักษรศาสตร์จุฬา เข้มได้ไปเยี่ยมกวง
เขาได้รู้ว่ากวงติดยาเสพติดอย่างหนัก ด้วยความที่ถูกแม่บังคับให้ทางานหนัก เพื่อเป็นตัวแทนของพ่อที่ตายไป
กวงต้องเลี้ยงดูส่งเสียทุกคนในบ้าน เมื่อเหนื่อยและกลุ้มใจมาก ก็เข้าหายาเสพติดโดยที่คนทางบ้านไม่รู้
คิดว่ากวงป่วยเพราะผีเข้า เข้มจึงรีบนาตัวกวงส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษา
และสัญญาว่าเมื่อเรียนจบจะรับกวงไปอยู่ด้วยกัน
รุ่งเช้าเข้มรับกวงไปส่งที่โรงพยาบาลหลังจากนั้นจึงไปนั่งเล่นที่แถวท่าพระจันทร์
ขณะสั่งน้าดื่มเข้มเห็นหนูตุ่นซึ่งขณะนี้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มากับเพื่อนชาย
ทาให้เข้มนึกถึงเรื่องราวในอดีตของเด็กหญิงคนนั้น ซึ่งแม้โตแล้วก็ยังคงขาวผอมบาง แต่กลับดูเข้มแข็ง
เขากลับถึงบ้านและเล่าให้แม่ฟัง ก็ได้รู้ว่าเพื่อนชายคนนั้น ชื่อวีรุทย์ ลูกชายนายตารวจ บ้านอยู่ติดกับหนูตุ่น
และเป็นเพื่อนสนิทของหนูตุ่นมาตั้งแต่เด็ก เข้มเองก็เคยพบแล้วเช่นกัน คุณอนันต์มาตามเข้มไปพบคุณพ่อ
เข้มก็ยังคงห่างเหินกับพ่อไม่เปลี่ยนแปลง โดยที่คุณอรรถไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดเข้มจึงหยิ่งและห่างเหินกับพ่อนัก
แต่สาหรับเข้ม นานวันความรู้สึกกลับยิ่งฝังลึก
เข้มจึงปฏิเสธความช่วยเหลือทุกประการเกี่ยวกับหน้าที่การงานที่พ่อหยิบยื่นให้
พ่อบอกว่าแม่ของเขาขอร้องให้พ่อช่วยให้เข้มได้เป็นตารวจอยู่ในกรุงเทพฯเมื่อเรียนจบ
แต่เข้มกลับปฏิเสธพร้อมตอบว่า ตนต้องการจะไปทางานยังต่างจังหวัด
หลังเรียนจบ กลุ่มเพื่อนพากันไปฉลองตามแบบของพวกผู้ชาย เพื่อนเข้าใจเข้มจึงให้เลือกเฟ้นผู้หญิงให้เข้ม
แต่เขาปฏิเสธ เพราะเขามีความรู้สึกฝังลึก เรื่องแม่ซึ่งถูกกระทาไม่ผิดอะไรกับนางบาเรอเช่นกันมาตั้งแต่เขายังเด็ก
เข้มเคยคิดว่าหากเขามีครอบครัว เขาจะรักลูกเมียและจะไม่ทาให้เสียใจดังเช่นที่ตนเคยได้รับจากมาแล้วอย่างเด็ดขาด
เพราะมนุษย์มีจิตใจ มิได้มีเพียงความต้องการแค่มีข้าวกิน ส่งเสียให้เรียน มีบ้านให้อยู่ดังเช่นที่พ่อเข้าใจ
และมักจะตอกย้าเขาอยู่เสมอ
ความสัมพันธ์ของเข้มกับพ่อจึงเป็นแค่เพียงผู้มีพระคุณแต่สายสัมพันธ์ทางใจกลับเลือนหาย
เข้มปฏิเสธการรับทุนเพื่อไปศึกษาต่อด้านการสือสวนยังต่างประเทศ
เพราะเขาไม่ต้องการรับความช่วยเหลือใดๆจากพ่ออีก เขาหวังเพียงแค่เรียนจบ
แล้วออกไปทางานยังต่างจังหวัดเพื่อให้พ้น เข้มต้องการจะพาแม่ไปจากบ้านหลังนั้นด้วย
แต่แม่กลับปฏิเสธและให้เหตุผลว่า ถึงอย่างไรแม่ก็รักพ่อ ยังเป็นเมียของพ่ออยู่ไม่อาจจะทาเช่นนั้นได้
แม้เข้มจะขาดความรักจากพ่อ แต่เขาก็ได้รับการถ่ายทอดความหยิ่งทระนงและมีความภูมิใจในบรรพบุรุษจากตา
ซึ่งบรรพบุรุษของตาเคยเป็นถึงเจ้าเมือง ทาให้เข้มจดจาคาสอนของตาและยึดถือปฏิบัติเสมอมา
ส่วนหนูตุ่นหลังจากเรียนจบสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และครุศาสตร์ภายหลังแม่เสีย เพราะถูกรถชน
หนูตุ่นตัดสินใจไปเป็นนักพัฒนากร ตามคาชวนของวีรุทย์ ยังตาบลปุลากง อาเภอยะหริ่ง ส่วนวีรุทย์อยู่ที่อาเภอมายอ
โดยบ้านก็ให้เช่าไป ปุลากงเป็นตาบลที่เป็นชุมชนของไทยอิสลาม พูดภาษามลายูทั้งหมู่บ้าน
มีคนพูดภาษาไทยได้น้อยมาก ประชาชนมีอาชีพทานา ไม่มีร้านค้า ทั้งตาบลมีโรงเรียนเดียว ทางด้านอนามัยไม่มีส้วม
เด็กเป็นโรคหิดและโรคผิวหนังมากที่สุด หนูตุ่นต้องเตรียมตัวอย่างมากโดยเฉพาะด้านภาษา
เพื่อเตรียมตัวให้เข้ากับชาวบ้านให้ได้มากที่สุด สิ่งที่เธอได้รับมิใช่เงินเดือนซึ่งเป็นค่าตอบแทนเพียงน้อยนิด
แต่เป็นความภาคภูมิใจที่ได้และมีส่วนเป็นบุคคลที่มีค่าในวงสังคมเพื่อนร่วมชาติ
ก่อนจะมาส่งหนูตุ่นที่ปุลากง วีรุทย์ขอเลี้ยงส่งกันเพียงลาพังและได้พูดคุยกันถึงเรื่องส่วนตัว
ทั้งสองฝ่ายเปิดเผยว่ายังไม่มีคนรัก เพราะคนรอบข้างต่างคิดว่าทั้งสองเป็นคู่รักกัน
เนื่องมาจากเห็นความสนิทสนมตั้งแต่เด็ก ทั้งๆที่ความจริงแล้วทั้งสองเป็นได้แค่เพื่อนที่สนิทกันมากที่สุดเท่านั้น
เมื่อศุภรา ( หนูตุ่น ) มาถึงปุลากง ก็ได้เข้าพักที่บ้านครูใหญ่และได้สนิทสนมกับคอดีเยาะลูกสาวของครูใหญ่
คอดีเยาะพาครูคนใหม่ไปแนะนาให้เพื่อนๆรู้จัก และไปโรงเรียนปาโฮะกาเยาะกัน
ศุภราส่งข่าวให้หัวหน้าศูนย์พัฒนาอาเถอทราบถึงผลงานที่ชาวบ้านประชุมตกลงร่วมมือร่วมใจจะซ่อมถนนจากหมู่บ้
านปุลากงไปยังโรงเรียน วันรุ่งขึ้นงานซ่อมถนนก็เริ่มต้นขึ้น ช่วงบ่ายคณะเจ้าหน้าที่ตามครูใหญ่มาเยี่ยมปุลากง
มีนายอาเภอ หัวหน้าศูนย์ฯ และร้อยตารวจเอกศกร ( เข้ม ) ซึ่งเพิ่งย้ายมาประจาที่ยะหริ่งได้ ๖ เดือน
เมื่อได้รับการแนะนาศุภราจึงจาได้เข้มได้ว่าเป็นคนข้างบ้านเก่านั่งเอง ช่วงเย็นชาวบ้านกินอาหารร่วมกันที่กลางนา
โดยนางหะวอ เมียครูใหญ่และพวกผู้หญิงช่วยกันทาอาหาร กลุ่มเจ้าหน้าที่ร่วมรับประทานด้วย
เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชาวบ้าน ศุภราได้รับคาชมเรื่องการทางานได้ดี เธอจึงปรึกษาหัวหน้าศูนย์ฯ
เรื่องขอทุนการศึกษา เพื่อที่จะขอให้กับนะพี เด็กกาพร้าพ่อแม่ถูกฆ่าตาย ผู้ใหญ่บ้านจึงเลี้ยงไว้
นะพีเป็นเด็กฉลาดเรียนเก่ง และอีกทุนจะขอให้คอดีเยาะ หัวหน้าศูนย์ฯเห็นด้วย แต่ขอให้ดูให้ดี
ให้เลือกคนที่จะทาประโยชน์ให้กับชุมชนจริง เพราะบางคนได้รับทุนมีการศึกษาและกลับทิ้งถิ่น
ตอนเย็นหลังอาหารแล้วชาวบ้านก็มีการแสดงการชนวัวให้ดูวีรุทย์ได้มาเยี่ยมศุภราจึงได้พบกับเข้ม
วีรุทย์ชื่นชมเข้มที่เป็นตารวจที่ดี ซึ่งหายาก หลังจากงานซ่อมถนนเสร็จ หนูตุ่นสอนให้นักเรียนกาจัดเหา
และตระเตรียมการสร้างส้วมประจาโรงเรียนนะพีหายไปตอนครูใหญ่มาบอกข่าวเรื่องจะมีโจรผ่านมาทางหมู่บ้านให้
ทุกคนระวังตัว ตอนค่ามีตารวจมาลาดตระเวน ครั้งตกดึกก็มีการยิงปะทะกัน หลังจากเสียงปืนสงบ
เข้มมาขอพักที่บ้านครูใหญ่ เพราะมีตารวจได้รับบาดเจ็บ เข้มขอให้หนูตุ่นทาแผลให้ที่แขน พร้อมเล่าเรื่องโจรให้ฟัง
ก่อนจะขอให้ครูใหญ่ให้ความร่วมมือหากพบสมุนโจรที่กลับใจส่งข่าวให้ตารวจซึ่งยังกบดานอยู่แถวนี้
เข้มมั่นใจว่ากลุ่มโจรจะต้องกลับมาอีก เพื่อตามล้างแค้นการีมสมุนโจรคนนั้น
รุ่งขึ้นตารวจพานะพีมาส่ง นะพีจึงเล่าให้ฟังเรื่องสมุนโจรที่พบและให้เขานาข่าวมาบอกตารวจ
หลังจากเหตุการณ์สงบลง หนูตุ่นเริ่มงานสร้างส้วมโรงเรียนและได้ข่าวจะมีคนมาช่วย ซึ่งเป็นชาวบ้านแถบนี้
ชื่อมัยมูเนาะ เป็นลูกสาวกานันชาวไทยอิสลาม ตกเย็นหลังเลิกงานก็แยกย้ายกันกลับบ้าน หนูตุ่น นะพีคอดีเยาะ
ได้พบกับสมุนโจรถูกยิงบาดเจ็บ นะพีบอกว่าเขาชื่อการีม เป็นสมุนโจรที่ถูกตามล่า
การีมของความช่วยเหลือจากหนูตุ่น และขออย่าให้บอกตารวจเพราะเขาจะถูกกลุ่มโจรฆ่าตายก่อนที่ตารวจจะพบ
หนูตุ่นจาเป็นต้องช่วยเหลือการีมเพราะเห็นแก่มนุษยธรรม และตั้งใจว่าจะแจ้งให้ตารวจทราบในภายหลัง
สามวันต่อมาอาการของการีมดีขึ้น หนูตุ่นตั้งใจจะให้เขาเข้าหมู่บ้านและรับการรักษาจากอนามัย
ซึ่งจะเข้ามาเยี่ยมหมู่บ้านพรุ่งนี้เช้า การีมเล่าอดีตของเขาให้เธอฟัง เขาเป็นไทยพุทธชื่อศักดิ์สิทธิ์
เป็นนักเรียนเตรียมอุดม มีเพื่อนสนิทชื่อสุไลมาน ซึ่งหน้าตาคล้ายกับเขามาก
ต่อมาเขาเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรียนได้ ๒ ปี ทางบ้านเกิดปัญหาพ่อมีเมียน้อย
แม่ตรอมใจตาย เขาจึงเลิกเรียนและได้พบกับสุไลมานที่ยะลา สุไลมานชวนให้เขามาทางานด้วย
แต่เมื่อเข้าไปทางานด้วยแล้วจึงรู้ว่าสุไลมานเป็นโจร เพราะต้องการแก้แค้นให้พ่อที่ถูกฆ่าตาย
ตอนแรกเขาก็เห็นด้วยกับการกระทาของเพื่อน แต่ต่อมาเพื่อนของเขาเปลี่ยนไปโหดร้ายขึ้น
เขาจึงพยายามหนีแต่ก็ถูกตามจับได้ ภายหลังสุไลมานสลักชื่อสุไลมานไว้ที่ข้อมือของเขา
เพื่อหลอกลวงให้เขาถูกฆ่าตาย ตารวจจะได้เข้าใจว่าเป็นศพของสุไลมาน
ขณะที่เล่าเรื่องสุไลมานกับพวกตามมาพบ และจับตัวการีมกับหนูตุ่นไป
ส่วนนะพีหลบอยู่ใต้แคร่จึงลอดไปได้ สุไลมานจะฆ่าการีมกับหนูตุ่นที่ชายน้า การีมให้เธอดาน้าหนีไป
พอดีกับที่ตารวจล้อมจับและช่วยศุภราไว้ได้ หลังจากเหตุการณ์สงบ
เข้มต่อว่าหนูตุ่นเรื่องทาเกินหน้าที่ให้ความช่วยเหลือสมุนโจร จึงทาให้เหตุการณ์ต่างๆเลวร้ายลง
กว่าจะฆ่าหัวหน้าโจรสุไลมานลงได้ เข้มต้องเสียตารวจไปถึง ๓ คน
ครอบครัวลูกเมียของตารวจเหล่านั้นต้องได้รับความเดือดร้อนเพราะขาดหัวหน้าครอบครัว
หนูตุ่นเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเจ็บใจที่เข้มต่อว่าเธออย่างรุนแรง
แต่เธอมิได้รู้ว่าหลังจากเข้มส่งเธอถึงหมู่บ้านแล้ว ก็ยังเฝ้าดูอยู่อย่างห่วงใย
ขณะที่นางหะวอจัดการอาบน้าทาความสะอาดให้เธอ
หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป ๓ วัน
ศุภราเตรียมเก็บของเพราะคิดว่าตารวจจะต้องรายงานให้หัวหน้าศูนย์ฯทราบถึงการกระทาของเธอ
และคงจะต้องถูกคาสั่งย้ายอย่างแน่นอน แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปหลายวัน ทุกอย่างก็กลับเป็นปกติ
ศุภราจึงทางานของเธอต่อไป โดยมีมัยมูเนาะ ครูคนใหม่เป็นผู้ช่วย
วีรุทย์มาเยี่ยมเธอและเล่าถึงเหตุการณ์ที่หนังสือพิมพ์ลงเรื่องสมุนโจรกลับใจเข้ามอบตัวและเข้มได้รับการเลื่อนยศจา
กการปราบปรามโจร ศุภราจึงได้รู้ว่าศักดิ์สิทธิ์หรือการีมยังไม่ตาย โดยไม่มีใครกล่าวถึงแม้แต่วีรุทย์ก็ยังไม่รู้
ตัวเขาชอบพอมูเนาะ จึงไปมาหาสู่งปุลากงบ่อยขึ้น
ศักดิ์สิทธิ์กลับมาขออยู่ที่ปุลากง โดยพักอาศัยอยู่ที่บ้านครูใหญ่เขาได้รับการต้อนรับอย่างดีจากชาวบ้าน
เพราะเคยช่วยเด็กหญิงที่ถูกโจรจับตัวไปเรียกค่าไถ่
ศักดิ์สิทธิ์ยังไม่อยากลับไปหาพ่อที่ภูเก็ตจึงขออาศัยอยู่ที่หมู่บ้านป่าลีซึ่งเป็นไทยพุทธ เข้มได้พบกับวีรุทย์และมูเนาะ
จึงได้รู้เรื่องความเป็นไปที่ปุลากง เรื่องที่ศักดิ์สิทธิ์กลับมาจากพบพ่อที่ภูเก็ตแล้ว แม้พ่อจะยกมรดกให้
แต่เขากลับปฏิเสธและขอกลับมาอยู่ที่ปุลากง โดยทาหน้าที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และสอนภาษาไทยให้กับชาวบ้าน
ยิ่งเมื่อได้รู้ว่าศักดิ์สิทธิ์ชวนศุภราไปภูเก็ต และอยากให้อยู่สอนหนังสือที่ภูเก็ต เข้มถึงกับรีบเข้าปุลากงทันที
โดยที่เข้มเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกตนเองว่าเพราะเหตุใดจะต้องสบายใจเมื่อรู้ว่า วีรุทย์มิได้เป็นคนรักของศุภรา
อย่างที่ใครๆเข้าใจกันมาโดยตลอด
เมื่อมาถึงปุลากง เข้มเตือนศุภราเรื่องให้ระวังศักดิ์สิทธิ์ และบอกให้เธอรู้ว่าศักดิ์สิทธิ์นั้นรักเธอ
ซึ่งเธอเองแม้จะปฏิเสธคาบอกเล่าของเข้ม แต่ก็รู้ดีว่าสิ่งที่เขาบอกเป็นความจริง
คืนนั้นเข้มขอค้างที่บ้านครูใหญ่ด้วยเพราะเย็นมากแล้ว เข้มเป็นไข้ศุภราจึงนายาและผ้าห่มมาให้
เขานึกถึงความรู้สึกที่มีต่อศุภรา
แต่ด้วยความผูกพันที่มีต่อแม่ทาให้ความทุกข์ทางใจของแม่มีอิทธิพลเป็นแผลเกาะกินใจเขาตลอดเวลา
ทั้งนี้เป็นผลการกระทาอันคาดไม่ถึงของผู้ใหญ่
รุ่งเช้าวีรุทย์กลับมาเล่าถึงความสัมพันธ์ของตนกับมูเนาะ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่คือเรื่องศาสนา
และตัวเขาเองกาลังจะย้ายไปเป็นพัฒนากรในท้องถิ่นที่มี ผกค. ( ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ )
จึงขอฝากให้ศุภราดูแลมูเนาะให้ ศักดิ์สิทธิ์กลับมาจากอาเภอส่งข่าวเรื่องทุนของนะพี
และมอบบัตรเชิญร่วมงานชาวชมรมธรรมศาสตร์ปัตตานีให้ศุภรา เธอชวนศักดิ์สิทธิ์ไปร่วมงานด้วย
แต่เขากลับปฏิเสธ เมื่อวีรุทย์อ่านกาหนดการความรู้สึกของศักดิ์สิทธิ์จึงเหมือนหนามแหลมทิ่งแทงหัวใจ
ถ้าเขามีสติสักนิดในวันนั้น คงไม่ต้องชอกช้าเช่นนี้
ศักดิ์สิทธิ์ทวงถามเรื่องอยากให้ศุภราไปเที่ยวบ้านที่ภูเก็ต เพราะพ่อของเขาอยากพบเธอมาก
เขาเล่าให้ท่านฟังถึงเรื่องความช่วยเหลือต่างๆที่เธอมีต่อเขาและให้กาลังใจเขาเสมอมา
เธอจึงรับปากหากว่าวีรุทย์และมูเนาะจะไปด้วย ศักดิ์สิทธิ์ระบายความในใจที่มีต่อเธอออกมา เธอรู้ทั้งรู้ว่า
ถึงอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะมาแต่งงานกับอดีตสมุนโจรสุไลมาน
เด็กๆจัดงานเลี้ยงส่งนะพีที่จะได้เข้าไปเรียนในจังหวัด ขณะช่วยเด็กๆแล่เนื้อเพื่อย่าง ศุภราถูกตัวต่อกัด
แต่เธอก็ยังคงสอนหนังสือตามปกติ จนเกิดอาการปวดกาเริบมากขึ้นจนเป็นไข้
ศักดิ์สิทธิ์ทาหน้าที่พยาบาลอย่างห่วงใย จนรุ่งเช้าครูใหญ่จึงไปตามหมอพร้อมกับแขกติดตามมาด้วยคือเข้ม
ซึ่งเมื่อเห็นศักดิ์สิทธิ์พยาบาลศุภราความไม่พอใจก็เพิ่มมากขึ้น
และเขาก็ได้เห็นว่าชาวบ้านนั้นรักและห่วงใยศุภรามากแค่ไหน
ในวันงานหนูตุ่นได้พบกับเข้ม เขาถามถึงเรื่องไปภูเก็ตและบอกว่าไม่เหมาะสมไม่อยากให้เธอไป
แต่เธอกลับมองว่าเข้มมองศักดิ์สิทธิ์ในแง่ร้ายเกินไป พร้อมว่าเข้มเรื่องการทางานหนักจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง
เป็นคนที่เคยมีเรื่องทรมานทางด้านความรู้สึกทาเพื่อชดเชยอะไรบางอย่าง
คาพูดของเธอทาให้เข้มโกรธเพราะไปสะกิดแผลในใจของเขา
ศักดิ์สิทธิ์พาทุกคนมาแนะนาให้พ่อรู้จัก ศุภรา วีรุทย์ และมูเนาะได้รับการต้อนรับอย่างดี
ศุภราพยายามพูดให้เขาอยู่ที่ภูเก็ต เพื่อครอบครัวเพราะเขาได้รับการต้อนรับอยางดีจากทุกคน
และจะต้องเป็นผู้นาครอบครัวต่อไป น้องต่างมารดาของเขานั้นพิการ ศักดิ์สิทธิ์จายอมเพราะถึงอย่างไร่
ศุภราก็คงไม่ยอมใจอ่อนที่จะแต่งงานและอยู่กับเขาที่ภูเก็ตอย่างแน่นอน
ศกรได้รับคาสั่งให้ปฏิบัติงานลับร่วมกับตารวจมาเลเซีย
โดยทางราชการออกเป็นคาสั่งด่วนและกระจายข่าวว่า ศกรจะย้ายเข้ากรุงเทพฯ
ลูกน้องและชาวยะหริ่งต่างเสียดายกันมาก ก่อนรับคาสั่งเข้มรีบไปปุลากง เพื่อลาหนูตุ่น
แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อหนูตุ่นยังไม่กลับจากภูเก็ต เขาเสียใจที่เข้าใจความรู้สึกของตนเองช้าไป
เขาอาจจะไม่มีโอกาสได้บอกกับศุภราอีกก็ได้ เมื่อเธอกลับมาถึงปุลากงตอนเย็น
จึงได้ทราบข่าวนี้จากครูใหญ่ว่าเข้มฝากมาลา
ส่วนวีรุทย์ก็ได้รับคาสั่งให้ไปปฏิบัติงานเป็นอาสาสมัครชุดคุ้มครองหมู่บ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ซึ่งสมัครไว้นานแล้วก่อนที่จะได้พบกับมูเนาะ จึงทาให้วีรุทย์จาเป็นต้องจากไปทั้งที่มีห่วง
จึงเขียนจดหมายฝากมูเนาะและลูกในท้องไว้กับศุภรา พร้อมสัญญาว่าจะกลับมาแต่งงานให้เรียบร้อย
วีรุทย์จากไปเดือนกว่าๆ ระยะแรกก็มีจดหมายมาเสมอ แต่ระยะหลังๆ ข่าววีรุทย์หายไป มูเนาะทุกข์ใจมาก
ครูใหญ่นาหนังสือพิมพ์เพื่อจะมาไว้ที่ห้องสมุดในศูนย์พัฒนาตาบลมาให้ศุภรา
ทาให้ได้รู้ข่าววีรุทย์ตายจากการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายที่ลอบโจมตี มูเนาะเสียสติจากข่าวนั้น
แต่ชาวบ้านทุกคนเข้าใจว่าถูกผีเข้า จึงนาตาเฒ่ามารักษาตามความเชื่อของเขา แม้ศุภราจะพยายามอธิบาย
ขอให้ส่งมูเนาะรักษาในโรงพยาบาลก็ไม่เป็นผล ในที่สุดมูเนาะก็เห็นภาพหลอนว่าวีรุทย์มาเรียกให้ตามไป
จึงเดินลุยน้าจนจมน้าถึงแก่ความตายในที่สุด เป็นการจบปัญหาทั้งมวลคอดีเยาะได้เข้ามาเรียนที่จังหวัด
ส่วนศุภราอยู่ต่อจนครบ ๒ ปีก็ถูกเรียกตัวเข้ากรุงเทพฯ ชาวปุลากงต่างรักและอาลัยเธอเป็นอย่างมาก
หนูตุ่นเข้ามารับตาแหน่งใหม่ในกองวิชาการ มีจิตรีเพื่อนสนิทเป็นผู้จัดการเรื่องบ้านจนเรียบร้อย
คุณปุ้มแวะมาเยี่ยมเธอและถามถึงเข้ม เนื่องจากเห็นว่าอยู่ภาคใต้เหมือนกัน
หนูตุ่นจึงได้รู้ว่าเข้มยังไม่ได้กลับกรุงเทพฯตามที่ทราบมา เพราะทางบ้านก็ไม่ได้รับข่าวคราวใดๆมาปีกว่าแล้ว
รู้เพียงว่ายังมีชีวิตอยู่ เพราะมีเงินเดือนส่งมาให้ทุกเดือน
หนูตุ่นได้รับคาชวนจากเพื่อนให้ไปเยี่ยมอาสาสมัครที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ จึงได้รู้ว่าเข้ม ( พันตารวจตรีศกร )
บาดเจ็บสาหัส มาจากหน่วยปฏิบัติการร่วมพิเศษที่ชายแดนภาคใต้ และผู้เจ็บไม่ประสงค์จะแจ้งให้ทางบ้านทราบ
หนูตุ่นมาเยี่ยมเข้มหลายครั้งแต่เขาหลับ จึงฝากบอกวิมลพยาบาลพิเศษไว้
อีกสองอาทิตย์เข้มอาการดีขึ้นจนสามารถกลับบ้านได้ วิมลตามกลับไปพยาบาลดูแลถึงบ้าน
เมื่อหนูตุ่นกลับจากราชการต่างจังหวัด เข้มก็มาหาถามเรื่องไปภูเก็ตกับศักดิ์สิทธิ์ และบอกเธอว่าเขาไปราชการลับ
แต่ไม่พบจึงไม่ได้พบกันเลยเป็นปี เข้มชวนหนูตุ่นไปทานข้าวที่บ้าน
ได้พบวิมลซึ่งอาสาทาอาหารกับมารดาของเข้มอย่างสนิทสนม หนูตุ่นจึงตั้งใจจะไม่ไปทานข้าวที่บ้านของเขาอีก
ศุภราเล่าเรื่องความในใจที่มีต่อเข้มให้จิตรีฟัง และพยายามกลับ้านค่าโดยแวะกินข้าวกับจิตรี
แต่เธอก็ทราบความเป็นไปของเข้มเพราะพบกับคุณปุ้มทุกเช้า คุณปุ้มว่าเข้มจะแต่งงานกับวิมล
เพราะเห็นปรึกษากับคุณพ่อเรื่องแบ่งโฉนดที่ดิน โดยคุณพ่อจะปลูกบ้านให้
แต่เข้มปฏิเสธเพราะยังไม่ได้ปรึกษากับคู่รัก คุณพ่อจะซื้อแหวนหมั้นให้ก็ไม่เอา จะซื้อเองเป็นแหวนเพชรวงเล็กๆ
ต่อมาก็เล่าว่าวิมลจะไปเรียนต่อที่อเมริกา คงจะจะตามไปแต่งงานกันที่นั่น
ศุภราเห็นว่าถึงเวลาที่เธอจะต้องทาใจให้สงบ เพื่อนๆแนะนาให้เธอรับทุนไปต่างประเทศ แต่เธอก็ไม่ชอบ
จึงขอออกต่างจังหวัดแทน
เข้มได้รับคาสั่งให้ไปราชการลับต่างประเทศ ๑ เดือน ทั้งพี่และพ่อต่างสงสัยเรื่องงานแต่งงานของเข้ม
นางแพงศรีจึงถาม เข้มบอกว่าหลังจากกลับจากราชการแล้วเขาจะออกต่างจัดหวัดอีก อยากให้แม่ไปด้วย
แต่แม่ก็ยังยืนยันว่าทาไม่ได้
และขอให้เข้มนึกถึงบุญคุณของพ่อทาให้เข้มนึกถึงความหลังที่เป็นความทรมานฝังลึกในใจของเขาเสมอมา
เมื่อแม่ถามย้าเรื่องการแต่งงาน เข้มจึงบอกความรู้สึกที่มีต่อหนูตุ่น
แม่จึงบอกให้เขาจัดการเรื่องหัวใจของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่จะสายเกินไป
เข้มรู้จากคุณปุ้มว่าหนูตุ่นไปอบรมพัฒนาการที่ปัตตานี ๓ เดือน
จึงลางานและเดินทางไปหาเธอเพื่อบอกความในใจก่อนที่จะเดินทางไปต่าประเทศ ขณะอยู่บนรถไฟ
เข้มยังนึกถึงคาพูดของบิดาก่อนจากมาว่าท่านต้องการให้เข้มย้ายเข้ามาอยู่ที่กรุงเทพฯ
เพื่อจะได้สะดวกสบายซึ่งใครก็อยากได้แต่เขาปฏิเสธเสมอมา ทาให้พ่อไม่เข้าใจและว่าเข้มทาตัวเป็นนักกินอุดมคติ
ทั้งที่ได้ตามอุดมคติของตนเองมานานพอสมควรแล้ว
และหากเข้มไม่เชื่อฟังจะไปอยู่ต่างจังหวัดไกลๆก็จะไม่ยอมให้เอาแม่ไปด้วย
เมื่อถึงปัตตานีเข้มพบเพื่อน ซึ่งอาสาให้ขอยืมรถใช้ เข้มรู้จากศูนย์พัฒนาว่า วันหยุดศุภราจะไปอยู่ที่ปุลากง
เขาจึงรีบตามไปพบเธอที่นั่น สร้างความประหลาดใจให้กับเธอยิ่งนัก เข้มบอกว่ามาลา และมีธุระจะคุยด้วย
ขอให้ศุภราเข้าเมืองไปด้วยกัน ระหว่างทางรถเกิดเสีย และเป็นเวลามืดแล้ว
ศุภราเห็นกลุ่มคนเดินมาทั้งสองจึงทิ้งรถและหลบเข้าป่าข้างทาง คนกลุ่มนั้นยิงรถหลายนัดก่อนจะออกค้นหาคน
แต่ไม่พบจึงเดินจากไป เข้มและศุภราจึงหลบอยู่ที่นั่น เขาบอกความในใจของตนต่อศุภราและขอเธอแต่งงานด้วย
โดยที่ทั้งสองตั้งใจจะทางานเพื่ออุดมคติ อย่างน้อยชีวิตหนึ่งที่เกิดมาเป็นคน
ก็ได้ทาประโยชน์เพื่อเพื่อนร่วมชาติร่วมโลกที่ใฝ่หาสันติและเสรีภาพ แม้ชื่อของเขาจะไม่เป็นที่รู้จักของใครก็ตาม
ตัวละครเรื่องปุลากง
๑.เข้ม
๒.หนูตุ่น
๓.พ่อ
๔.นางแพงศรี
๕.คุณฉะอ้อน
๖.คุณปุ้ม
๗.อดิศร
๘.อนันต์
๙.นางพิรุณ
๑๐.วีรุทย์
๑๑.เมียอดิศร
๑๒.นางพุ่ม
๑๓.กวง
๑๔.ครูใหญ่
๑๕.คาดีเยาะ
๑๖.นะฟี
๑๗.การีม
๑๘.สุไลมาน
๑๙.เจ้ามือวงไพ่
๒๐.คุณจักร
๒๑.มูเนาะ
๒๒.วิมล
๒๓.นายอาเภอ
๒๔.ตารวจที่โดนยิง
๒๕.จีรภา
๒๖.จิตรี
๒๗.กลุ่มอาสาสมัคร
๒๘.ตารวจ (หลาย)
๒๙.ลูกน้องสุไลมาน
๓๐.ชาวบ้าน
๓๑.โจร๑-๔
บทละครเรื่องปุลากง
บทที่ ๑
เข้ม :ที่บ้านไม่มีใคร ผมมารับคุณพี่ ไม่ทราบว่าเธอเรียนดนตรีเสร็จหรือยัง (คุยกับนางพิรุณ)
นางพิรุณ :ครูอยากให้คุณปุ้ม เล่นทบทวนอีกสักสองสามครั้งถึงค่อยกลับ
คุณปุ้ม : ได้ค่ะ เข้ม..รอพี่ซักครู่นะจ๊ะ ได้ไหม
เข้ม :ครับ
นางพิรุณ:นั่งรอที่ระเบียงได้นะจ๊ะ
เข้มเดินออกมานั่งรอที่ระเบียงตามที่เจ้าของบ้านร้องบอก เมื่อเสียงเปียโนดังกระทบโสตประสาท
รอยยิ้มบางๆเกลี่ยที่มุมปากได้รูปของเด็กหนุ่ม เพลงนี้อีกแล้วที่คุณพี่เล่นไม่ได้ เธอเคยบอกเขาว่า เป็นคนพิการ
เขาไม่ให้ทาอะไรก็คิดว่าจะเรียนดนตรี อย่างน้อยเกิดยากจนก็จะได้รับเด็กๆมาสอนได้ คุณพี่นะไม่มีวันยากจน
ถึงพิการแต่คุณพ่อก็มีมรดกให้มากมาย ขึ้นชื่อว่าลูกเมียหลวงซะอย่าง เขาไม่เคยได้อะไรเท่าเทียมกับพี่น้องทั้งสี่คน
แม้แต่สิทธิ์ที่จะอยู่ในบ้านใหญ่
เสียงเปียโนที่บรรเลงนั้นทาให้รู้สึกถึงก้อนแข็งๆจุกอยู่ที่ลาคอ แม้จะพยายามฝืนกลืนลงไปมากแค่ไหน
ความรู้สึกเหล่านั้นก็ยังไม่หายไป ชวนให้นึกย้อนกลับไปยังอดีตที่แสนเจ็บปวด
พ่อ :จะเอาไปทาอะไรวะเข้ม ไวโอลินน่ะ ดนตรีมันเป็นของคนพิการโว้ย แกควรเอาใจใส่กับวิชาชีพมากกว่า
จบแล้วหางานทาเลี้ยงตัวเองให้รอด พ่อให้ได้แต่ความรู้ ทรัพย์สมบัติเป็นของคุณฉะอ้อนเขาแกก็รู้
จะรักดนตรีอะไรนักหนา
เข้ม :ก็คุณพ่อบอกผมว่า ถ้าสอบได้คะแนนสูงกว่าแปดสิบห้าเปอร์เซ็นต์จะให้รางวัล ทีคุณอดิศรได้คะแนนต่ากว่าผม
คุณพ่อยังให้จักรยานเขา
พ่อ :แกจะไปเทียบกับอดิศรไม่ได้ แม่เขาซื้อให้ ฉันไม่รู้เรื่อง
เข้ม :แต่คุณอดิศรบอกว่าคุณพ่อซื้อให้!!
พ่อ :เอ๊ะ! ไอ้นี่..ไป ยังไม่ให้ ถ้าขืนแกจะเล่นดนตรีละก็มันต้องหาเช้ากินค่า ไอ้พวกนักดนตรีมันเร่ร่อนจะตายไป
(เข้มวิ่งชนพ่อออกไป ปิดประตูดังปิ้ง!!)
..ปัจจุบัน..
คุณปุ้ม : กลับบ้านกันเถอะเข้ม คิดอะไรอยู่หรือป่าว พี่เรียกตั้งหลายครั้งไม่ได้ยินหรือ
เข้ม : เปล่า..คิดเรื่องสอบครับ (เข็นรถเข็นคุณปุ้ม)
เข้ม :คุณพี่ไม่อยากไปทะเลบ้างหรือครับ
คุณปุ้ม : จริงสินะ เข้มบอกว่าไม่มีคนอยู่บ้าน เขาไปไหนกันล่ะ
เข้ม :หัวหิน… (เข็นมาถึงบ้าน, เข้มนั่ง)
คุณปุ้ม : เข้มอยากไปละซิ
เข้ม :ผมไม่เคยเห็น ก็อยากไปครับ
คุณปุ้ม : ค่าใช้จ่ายตอนไปโรงเรียน..คุณพ่อยังจ่ายเงินเท่าเดิมอยู่หรือ
เข้ม :ครับ ได้วันละสามบาท
คุณปุ้ม : แล้วพอซื้อข้าวหรอ สมัยนี้ข้าวจานละสองบาทก็ไม่พออิ่ม เด็กตัวโตอย่างเข้มพอกินหรือจ๊ะ
เข้ม :แม่ห่อข้าวให้ครับคุณพี่ ผมต้องแอบไปกินหลังห้องน้า เพื่อนมันชอบล้อว่าเป็นเด็กวัด ห่อข้าวมากิน
แต่ถ้าไม่ทาอย่างนั้นผมก็เรียนไม่รู้เรื่อง ปีหน้าผมก็จะสอบเข้าโรงเรียนเตรียม บางทีอาจจะต้องขอยืมเงินคุณพี่
แล้วจะหามาใช้
คุณปุ้ม : จะยืมเท่าไหร่ แล้วจะหามาใช้พี่ยังไง
เข้ม :จะขอยืมคุณพี่สักสามร้อยบาท ผมหามาใช้คุณพี่ได้ละกัน แต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมที่จะบอกคุณพี่
คุณปุ้ม : พี่จะให้ยืมแต่ต้องสัญญานะว่าจะไม่ทาเรื่องผิดกฎหมาย
เข้ม :ผมไม่ได้ไปทางานนั้นบ่อยๆหรอกครับ ผมก็แค่อาศัยโชคเสี่ยงดูก็เท่านั้น
คุณปุ้ม : แสดงว่าไม่ค่อยถูกกฎหมายสินะ
เข้ม :คุณพี่ฉลาด แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะบอก (เข้มลุกจะเดินออกไป)
คุณปุ้ม : นั่นจะไปไหน
เข้ม :จะกลับบ้านไปทานข้าวครับ
คุณปุ้ม : พาพี่ไปด้วยสิ นั่งทานคนเดียวเหงาจะตายไป เดี๋ยวพี่ให้นังเติมยกอาการตามไป
เข้ม :นังเติมปากสว่างจะตายไป พอคุณฉะอ้อนกลับมาคุณพี่จะโดนดุได้
คุณปุ้ม : ช่างคุณแม่ประไร จะบ่นไปได้สักเท่าไหร่กัน (เข้มพยักหน้า แล้วเข็นรถเข็นไป)
บทที่ ๒
กวง : คุณนายเธอถามหาอานายเข้ม..พอดีมีเจ้ามือคนใหม่มันเงินหนา อีอยากให้อานายเข้มไปกู้หน้าให้อีหน่อย
นะอานายเข้ม..
เข้ม :ไม่..แกก็รู้ว่าฉันทาเฉพาะยามจาเป็น
กวง : อั๊วก็บอกอีไปแล้วว่าอานายเข้มไม่ได้เล่นเพราะติดงอมแงม มันก็บอกว่าคนเล่นการพนันนะมันมีผีเข้าสิง
เข้ม :แต่ผีมันไม่เข้าสิงฉันโว้ย ตอนนี้ขอยืมเงินคุณปุ้มได้แล้ว ฉันไม่อยากเล่นจนติดเป็นสันดานแบบพวกแก
กวง : อานายเข้มจะไม่ช่วยคุณนายจริงๆหรอ
เข้ม :ไม่โว้ย (มองนาฬิกา) นี่ก็ได้เวลาแล้ว ฉันจะไปรับคุณปุ้ม
บ้านครูพิรุณ
เข้ม :ที่บ้านไม่มีใคร ผมมารับคุณพี่
นางพิรุณ :อยู่หลังบ้านจ๊ะคุณเข้ม คุณปุ้มเธออยู่กับหนูตุ่น (เข้มเดินไป)
คุณปุ้ม : อ้าว เข้ม..วันนี้มารับพี่ช้าจัง นี่หนูตุ่นลูกสาวของครูพิรุณกับวีรุทย์ลูกชายนายตารวจที่อยู่ข้างบ้านครูพิรุณ
ทาความรู้จักกันไว้นะ (สองคนยกมือไหว้ เข้มมองๆแล้วกระตุกยิ้ม)
เข้ม :กลับกันเถอะครับคุณพี่
คุณปุ้ม : จ๊ะเข้ม (บ๊ายบายให้สองคน)
(เข็นรถเข็นเรื่อยๆ)
เข้ม :ที่บ้านใหญ่กาลังมีเรื่อง คุณอดิศรเขาพาเมียมากราบคุณพ่อและคุณฉะอ้อนที่ตึก เมียเขาก็ท้องโตหลายเดือนแล้ว
คุณปุ้ม : อดิศรเพิ่งจะเรียนพาณิชย์ปีหนึ่ง จะมีเมียมีลูกได้อย่างไร
เข้ม :ประเดี๋ยวก็รู้
(เข็นรถมาถึงหน้าบ้าน พาคุณปุ้มไปนั่งแล้วเข้มเดินออกมา)
คุณฉะอ้อน :ลูกชายของฉันอนาคตกาลังรุ่งเรือง แกไม่น่ามาเป็นมารขัดขวางความสาเร็จของเขาเลย
แล้วเด็กในท้องเอาออกได้ไหม ทั้งหล่อนทั้งอดิศรก็ไม่ต้องการไม่ใช่รึ
เมียอดิศร :หนูไม่คิดว่ามันจะเกิด
นางพุ่ม : ฉันบอกมันแล้วย่ะคุณนาย แต่มันบอกกลัวเจ็บก็เลยปล่อยจนท้องโตขนาดนี้
คุณฉะอ้อน :รู้แล้วย่ะ
นางพุ่ม : ลูกฉันก็อายุสิบสี่ปีเท่านั้นแหละ
พ่อ : แล้วยังไง
นางพุ่ม : ก็..พรากผู้เยาว์
พ่อ : (ปาบุหรี่ทิ้ง) เหอะ จัดการกันเองละกัน ฉันจะไม่ยุ่งด้วย ปวดหัวเต็มที
คุณฉะอ้อน :โอ้ย คุณก็ดีแต่เอาตัวรอด ดีแต่ก่อแต่แก้ไม่เป็นเหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก เจ้าลูกชายตัวดีก็หาแต่เหาใส่หัว
นางพุ่ม : (ลุกขึ้นชี้หน้า) นี่นางคุณนาย ลูกชั้นไม่ใช่เหานะย่ะ
คุณฉะอ้อน :มันไม่ใช่แค่ลูกหล่อนนะซิย่ะ ถ้ายกโขยงมาทั้งตระกูล มาเกาะกินลูกชายฉันจะทายังไง
นางพุ่ม : แหม..ก็เรื่องธรรมดา ที่ฝ่ายผัวก็ต้องดูแลพี่น้องทางฝ่ายเมีย
คุณฉะอ้อน :โอย..จะเป็นลม (ทรุดตัวนั่ง) ฉันบอกแกแล้วนะอดิศรเวลาเลือกเมียให้เลือกลูกคนเดียว
อนันต์ : คุณแม่รักแต่หนูตุ่น ลูกสาวคุณพิรุณข้างบ้าน
คุณฉะอ้อน :หุบปากของแกเถอะอนันต์ แล้วแกจะทายังไงต่ออดิศร
นางพุ่ม : ก็จดทะเบียนรับอีหนูนี่มาอยู่ที่นี่ก็จบ
คุณฉะอ้อน : ว่าไง..แกจะรับนังหนูนี่ไหม ถ้าจะรับก็ให้นอนข้างล่าง แกไม่มีสิทธิ์พานังหนูนี่ขึ้นไปข้างบน
อดิศร : ครับคุณแม่
นางพุ่ม : ขอบใจย่ะ..ชะเอมอดทนนะลูก คนแก่มันอยู่ได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวเย็นๆจะให้น้องเอาเสื้อผ้ามาให้
(นางพุ่มเดินออกไป)
บทที่ ๓
บ้านครูพิรุณ
หนูตุ่น : ขโมย ขโมย รุทย์ ขโมยขึ้นบ้านเรา
วีรุทย์ : มาหาใครครับคุณเข้ม
เข้ม :คุณอัมพิกา
หนูตุ่น : ที่หลังก็เข้าทางหน้าบ้านซิคุณเข้ม
เข้ม :ทาไม ประตูหลังก็มี
หนูตุ่น : คุณแม่ไม่ให้ใช้ทางข้างหลังแล้ว
เข้ม :ทาไมก็ฉันจะใช้
หนูตุ่น : จะฟ้องคุณแม่พูดจาไม่เพราะเลยตัวโตเสียเปล่า ใครๆเขาก็เรียกคุณเข้มว่าเสือโคร่งทั้งนั้น แบร๋ๆๆ
วีรุทย์ : หนูตุ่น (กระตุกแขนเสื้อ)
เข้ม :ทาปากดีไปเถอะ แม่ตัวดี
หนูตุ่น : เขาพูดกันทั้งนั้นว่านายคนนี้นะขี้โมโห โกรธใครต่อใครไปทั่ว เพื่อนก็ไม่มีมี โกรธคนทั้งโลกหรือไงย่ะ
วีรุทย์ : หนูตุ่น.. (จับไหล่)
เข้ม :ปากจัด
หนูตุ่น : วีรุทย์ก็เคยเห็น เวลาเขามารับคุณพี่น่ะ หน้างออย่างกับตัวหมากรุก ที่บ้านไม่มีใคร..ผมมารับคุณพี่ (ล้อเลียน)
เข้ม :เด็กบ้าอะไร ปากจัดอย่างกับแม่ค้าในตลาด ถ้าเป็นผู้ชายจะลากมาต่อยให้ปากเจ่อ
วีรุทย์ : เอ่อ..คุณพี่อยู่ในบ้านกับครูพิรุณครับ
เข้ม :ขอบใจ (เข้มเดินเข้าบ้านไป)
คุณปุ้ม : มีอะไรหรือเข้ม
เข้ม :ผมเอาเงินมาคืนคุณพี่ ที่ยืมไปสามร้อยนะครับ
คุณปุ้ม : อ้าว ทาไมเร็วนักล่ะ
เข้ม :ทาไมจะต้องถามผมด้วย
คุณปุ้ม : เข้ม..(ดึงเก้าอี้ข้างๆให้เข้มนั่ง) เมื่อไหร่จะบอกพี่ได้ซักทีว่าเอาเงินมาจากไหน
เข้ม :ผมเคยบอกคุณพี่แล้วว่ามันเป็นความลับ
คุณปุ้ม : ก็พี่สงสัย แล้วไหนว่าจะเอาไปสมัครเรียนโรงเรียนเตรียม
เข้ม :ผมว่าจะเรียนตารวจมันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว
คุณปุ้ม : ทางออกอะไร
เข้ม :ผมก็บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง แต่.. นี่ครับเงินของคุณพี่
คุณปุ้ม : (รับเงิน) เข้มรู้ตัวรึป่าว ว่าคิดอะไรเกินวัย คิดมากจนไม่ยอมยิ้มให้ใคร
เข้ม :รู้ครับ แต่ไม่เห็นจาเป็นจะต้องยิ้มให้ใคร
คุณปุ้ม : เข้ม..พี่จะถามครั้งสุดท้ายนะ บอกพี่มาตามตรงว่าเข้มไปหาเงินนี้มาจากไหน พี่สัญญาว่าจะไม่บอกน้าแพงศรี
เข้ม :ผม..ไปเล่นไพ่
คุณปุ้ม : เข้มก็รู้ว่าการพนันมันไม่ดี ถ้าหากโดนจับจะว่ายังไง
เข้ม :ผมไม่เคยประมาท อีกอย่างลูกนายตารวจที่มาเล่นก็มี
คุณปุ้ม : ใครเป็นคนชวน แล้วไปเล่นที่ไหน
เข้ม :อย่าทราบเลยครับ คุณพี่สัญญากับผมแล้วนะว่าจะไม่บอกพ่อกับแม่ ผมต้องไปแล้ว (เข้มลุกขึ้นจะเดินออกไป)
นางพิรุณ :คุณเข้ม อยู่ทานข้าวกับครูก่อนสิจ๊ะ
เข้ม :ผะ..ผมไม่ว่างครับ ขอโทษที (รีบเดินออกไป)
บทที่ ๔
วงไพ่..เป็นแหล่งมั่วสุมของผีพนันที่ชอบเสี่ยงดวง เข้มเป็นหนึ่งในคนที่ร่วมวงพนันด้วย
เจ้ามือ : เอ้าลงเงินๆใครจะสู้ก็ลงเงินมา
(กล้องจับไปที่คนเล่นแต่ลงคน บท >> คิดสด)
กวง : อานายเข้ม ป๊อกอีกแล้ว
คุณจักร : อะไรวะ เดี๋ยวป๊อก เดี๋ยวป๊อก นี่พวกมึงโกงกันใช่มั้ย
เจ้ามือ : อะไรกันคุณจักร โกงเกิงอะไรกัน มาๆเล่นต่อเถอะ (สับไพ่แล้วแจก)
(กล้องจับมาที่เข้ม)
กวง : ไชโย อานายเข้มป๊อกออีกแล้ว ห้าห้าห้า
คุณจักร : นี่มันโกงกันนี่หว่า มึงสมรู้ร่วมคิดกับไอ้เด็กเปรตนี่โกงกูใช่มั้ย
เจ้ามือ : ใจเย็นๆนะคุณจักร ไม่มีใครโกงใครหรอก ไอ้เด็กนี่มันเล่นได้เยอะเพราะดวงมันดี
คุณจักร : มึงโกงกู ไม่งั้น ไอ้เด็กนี่มันไม่ได้ทุกรอบหรอก
เจ้ามือ : คุณจักรพูดดีๆสิครับ
คุณจักร : กูจะพูดอย่างนี้ มีปัญหาอะไร พวกมึงโกงกูก็ต้องรับผิดชอบ (หยิบปืนออกมาเล็งที่เจ้ามือ)
เจ้ามือ : คุณจักรใจเย็นๆ วางปืนลงเถอะ
คุณจักร : ไม่เว้ย มึงต้องชดใช้ไอ้เจ้ามือ (ยิงเจ้ามือ)
(เกิดความวุ่นวาย มีคนมาห้ามคุณจักร กล้องจับไปที่ กวงกับเข้มที่วิ่งหนีไป)
กวง : เกือบซวยแหนะอานายเข้ม โชคดีที่ยังหนีทัน
เข้ม :เดี๋ยวไปหาที่หลบก่อนดีกว่า เย็นๆค่อยแยกย้ายกลับบ้าน
(เข้มกลับมาบ้าน)
พ่อ : อัมพิกาบอกฉันว่า เจ้าเข้มออกไปหาเงินเอง แม้แต่กางเกงขายาวยังไม่มีใส่ เงินที่ฉันให้ไปมันก็มากพออยู่
นี่เธอดูมันบ้างหรือป่าว นับวันจะเริ่มทาตัวเหมือนพวกกุ๊ย
นางแพงศรี : ดิฉันก็ดูแลอยู่ตลอดนะคะคุณ
พ่อ : เธอจะไปรู้เรื่องอะไร วันๆอยู่แต่ในบ้าน ฉันก็ส่งเสียให้มันเรียนโรงเรียนฝรั่งดีกว่าลูกบ้านนี้เสียอีก
ยังไม่รู้จักสานึกบุญคุณ ท่าทางหยิ่งผยองแบบนั้นถอดแบบพ่อของเธอมาไม่มีผิด
นางแพงศรี : ก็เข้มมีเลือดของคุณพ่ออยู่นี่คะ ดิฉันก็สอนลูกอยู่แล้วด้วย
พ่อ : แต่เจ้าเข้มมันหัวแข็ง อวดดี ใจกระด้าง คอยดูเถอะอีกไม่นานก็ต้องซมซานกลับมาพึ่งพาบารมีของฉัน
สมัยนี้ดูแค่ใบประกาศอย่างเดียวไม่ได้หรอก ต้องอาศัยเส้นสาย เธอก็อธิบายให้มันเข้าใจด้วยว่าต้องรู้จักเข้าหาผู้ใหญ่
ไม่ใช่ให้ผู้ใหญ่ยื่นมือเข้าช่วย
นางแพงศรี : เข้มไม่ใช่คนแบบนั้นนะคะ (เข้มเดินเข้ามา)
พ่อ : นั้นไง หายไปไหนมาละเจ้าเข้ม
เข้ม :ผมไปกับกวง
พ่อ : ทาอะไร
เข้ม :ผมอยากได้ไวโอลินและกางเกงขายาว อยากตัดเสื้อซักสองตัว และผม..ผมลงเรียนฟันดาบ
เขาเก็บค่าเรียนล่วงหน้า งานแสดงในวันคริสต์มาสผมเป็นหัวหน้าชั้น เป็นหัวหน้ากลุ่มโครงงานวิทยาศาสตร์
เราต้องแสดงกิจกรรมในงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเสด็จทอดพระเนตร
ผมเป็นคนกราบบังคมทูลเกี่ยวกับงานของเรา..ผมไม่เคยมีกางเกงขายาว ใครๆเขาก็นุ่งกางเกงขายาวทั้งนั้น
พ่อ : ทาไมแกไม่ขอฉันตรงๆ แทนการทาตัวต่าช้าแบบนั้น
เข้ม :ผมเคยขอแล้วครับ
พ่อ : ฉันไม่รู้
เข้ม :ครับ
พ่อ : หมายความว่าไง
เข้ม :ผมช่วยตัวเองมานายแล้วครับคุณพ่อ ผมไม่มีทางเลือก
พ่อ : เลวทาม ผีพนันมันเข้าสิงแกนะซิ อย่ามาแก้ตัวเสียให้ยาก
เข้ม :ผมไม่ได้ถูกผีพวกนั้นเข้าสิง
พ่อ : เมื่อครู่นี้ตารวจมาตามหาแก เขาถามว่าแกอยู่ไหน มีคนฟ้องว่าแกอยู่ในที่เกิดเหตุ เขาทาท่าจะไม่เชื่อ
แต่ฉันยังมีอานาจอยู่บ้างพอจะคุ้มหัวแก
เข้ม :ผมกราบขอบพระคุณครับ
พ่อ : ไม่ต้อง ฉันแค่กลัวว่านามสกุลของฉันมันจะแปดเปื้อน นั่นแกจะไปไหน บอกฉันมาว่าแกไปก่อเรื่องอะไร
เข้ม :ผมแค่ไปหาเงินเท่านั้น
พ่อ : นี่เจ้าเข้มหยุดเดี๋ยวนี้นะ มาคุยกันให้รู้เรื่อง!
บทที่ ๕-๖
(เข้มกาลังแต่งตัว ทาแป้ง บลาๆๆๆ) (อนันต์รอที่ประตู)
อนันต์ : หวัดดีนายเข้ม
เข้ม :คุณอนันต์..มีอะไร ถึงมาที่นี่
อนันต์ : คุณพ่ออยากพบ
เข้ม :ขอบคุณ..ทาไมไม่ให้คนใช้มาตามละ ปกติไม่เห็นเคยลงมา
อนันต์ : ไม่มีใครว่าง..ก็เลยอาสาลงมา..อ้าว แล้วจะไม่ไปหรอ
เข้ม :ขอเปลี่ยนกางเกงก่อน (อนันต์เดินออกไปรอข้างนอก นางแพงศรีก็เดินเข้ามา)
นางแพงศรี : ไปพบพ่อก็ยิ้มแย้มด้วยนะลูก อย่าพกความไม่พอใจไปด้วย เดี๋ยวผู้ใหญ่จะหาว่าเราเป็นคนแข็งกระด้าง
เข้ม :ผมก็เป็นคนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร คุณพ่อเขาทราบดี
นางแพงศรี : นั้นแหละจ๊ะ แม่เตือนๆเท่านั้น (เข้มเดินตามหลังอนันต์ไปถึงเรือนใหญ่)
อนันต์ : ไปนั่งรอเถอะ เดี๋ยวคุณพ่อก็ลงมา (อนันต์เดินไปหาคุณฉะอ้อน เข้มยกมือไหว้คุณฉะอ้อน)
พ่อ : ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเจ้าเข้ม อัมพิกาเขาบอกว่าปีหน้าแกก็จะจบออกมาเป็นนายตารวจรึ
เข้ม :ครับ
พ่อ : บุหรี่ไหม
เข้ม :ผมไม่สูบ
พ่อ : ดี..ลูกบ้านนี้มันสูบกันทุกคน
คุณฉะอ้อน :ผู้ชายเขาก็สูบกันทั้งนั้นนี่คุณ
พ่อ : จบมาแล้วเขาจะให้ไปอยู่ที่ไหนละ
เข้ม :ผมไม่ทราบครับ
พ่อ : แกควรจะขอให้ฉันช่วยนะเข้ม จะได้ไม่ต้องออกไปลาบากที่ต่างจังหวัด
เข้ม :แต่ผมไม่มีความจาเป็นที่จะต้องขอร้องคุณพ่อนี่ครับ เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องทาตามคาสั่งจากทางราชการ
พ่อ : แต่ใครๆก็อยากอยู่ในกรุงเทพ ถ้าแกเป็นลูกชาวบ้านธรรมดาก็ว่าไปอย่าง แต่ฉัน..เป็นพ่อของแก
อนันต์เขาจะไปอเมริกาฉันก็ส่งเสียเขาไปเรียน แกก็เป็นลูกจะเอาอะไรก็ว่ามา จะให้ฉันไปขอร้องอ้อนวอนก็ยังได้
แต่คนอย่างฉัน..ต้องการให้ลูกเข้มแข็ง ไม่ใช่อ่อนแอเป็นไอ้หน้าตัวเมีย ต้องมีความคิดเป็นของตัวเอง
แกจะเอายังไงก็บอกมา
เข้ม : ก็ผมเรียนให้ทราบแล้วว่าผมจะไม่ขอร้องใคร
พ่อ : ฉันถามว่าแกจะไปไหน
เข้ม :ผมจะออกต่างจังหวัด
พ่อ : คิดดีแล้วหรอที่จะไม่รับความช่วยเหลือจากพ่อของแก จะคิดแบบนั้นก็ตามใจ แต่แม่ของแกนั่นแหละจะลาบาก
เขามาหาฉัน เราคุยเรื่องของแกหลายวันแล้วเข้ม
เข้ม :ผมจะพาแม่ไปอยู่ด้วย คนที่เขาไม่มีเส้นสายทาไมยังอยู่ได้
ผู้ชายควรยืนได้ด้วยขาของตัวเองไม่ใช่คอยให้แต่พ่อแม่อุ้มชู ไอ้ผู้ชายแบบนั้นมันควรนุ่งกระโปรง
พ่อ : พอทีเจ้าเข้ม นี่ใครเป็นพ่อใครกันแน่วะ
เข้ม :ผมเพียงแต่อธิบายให้คุณพ่อฟังเท่านั้น
พ่อ : กลับไปคิดให้ดีเสียก่อน แล้วค่อยมาบอกฉัน
เข้ม :ผมคิดว่าตอบไปแล้ว
พ่อ : แกจะไม่ขอให้ฉันช่วยสินะ เหอะ..แกมันอวดดี ทะนงตนเหมือนตาของแก
อายุแกยังน้อยนักไม่เข้าใจหรอกว่าอุดมคติมันกินไม่ได้ ซักวันแกจะรู้ว่าเงินสาคัญกว่าอะไรทั้งสิ้น
เข้ม :ผมจะใช้เงินของผม และมันก็ไม่เคยเป็นนายผม
พ่อ : แล้วฉันจะคอยดู (เข้มลุกออกไป อนันต์เดินตามไป)
อนันต์ : เข้ม..อาชีพตารวจ นายไม่กลัวตายบ้างรึไงวะ
เข้ม :ผมชอบและรักอาชีพนี้
อนันต์ : ไม่กลัวเมียเป็นม่ายรึไง
เข้ม :ผู้หญิงที่เป็นเมียผมจะต้องเข้มแข็งอดทน ผมไม่หาเมียที่อ่อนไหวหรอกครับคุณอนันต์
อนันต์ : พูดแบบนี้แสดงว่ามีใครที่แอบมองไว้แล้วสินะ ใครกันละ
เข้ม :ไม่จาเป็นต้องตอบ
อนันต์ : โมโหอีกแล้วรึนายเข้ม
เข้ม :ผมขอลากลับก่อน คุณแม่คงรอทานข้าวอยู่ (เข้มเดินออกไป)
บทที่ ๗-๑๒
หนูตุ่นหรือศุภรา นักพัฒนากรคนใหม่
เดินทางมาที่ตาบลปุลากงเพื่อพัฒนาชุมชนตามที่ได้รับคาสั่งจากทางราชการ
วีรุทย์ : หัวหน้าเขาจัดที่พักให้แล้ว ต้องเข้าไปรายงานตัวเมื่อไหร่หรอ
หนูตุ่น : ก็คงเป็นวันจันทร์ หรือไม่ก็วันอังคาร
วีรุทย์ : ก็ดีแล้วจะได้มีเวลาคุยกันเยอะหน่อย
หนูตุ่น : คงต้องขอคาแนะนาจากเธอเยอะเลย คงไม่รบกวนเวลาของเธอนะ
วีรุทย์ : ยินดีให้คาแนะนาเสมอ.. หมู่บ้านนี่ห่างไกลจากความเจริญเยอะ ชาวบ้านส่วนมากนับถือศาสนาอิสลาม
ทางเข้าหมู่บ้านเป็นดินแดง เดินทางกลางคืนอันตราย อาทิตย์นึงจะมีคนจากอนามัยมาดูแล
คาว่าอดทนต้องจาให้ขึ้นใจเลยละ
หนูตุ่น : แล้วงานของรุทย์ละเป็นยังไงบ้าง
วีรุทย์ : อีกปีกว่าคงจะเรียบร้อย คงจะได้ย้ายเข้ากรุงเทพก่อนหนูตุ่น
หลังจากที่แยกย้ายกับวีรุทย์ หนูตุ่นจึงเข้าไปรายงานตัวแล้วมาพบกับครูใหญ่ และอาศัยอยู่ที่บ้านของครูใหญ่
เช้าวันต่อมาครูใหญ่เรียกประชุมแนะนาศุภราให้กับชาวบ้าน
และวางแผนว่าจะเริ่มซ่อมแซมโรงเรียนและถนนที่ใช้สัญจรไปโรงเรียน
คาดีเยาะ : (วิ่งมาหาแล้วเอาน้ามาให้) เหนื่อยมั้ยคะครู นี่ค่ะน้า
หนูตุ่น : ไม่เหนื่อยจ๊ะ มีคนให้กาลังใจดีขนาดนี้จ้างให้ก็ไม่เหนื่อยจ๊ะ (นายอาเภอเดินมาพร้อมกับเข้ม)
ครูใหญ่: สวัสดีครับ มาเยี่ยมพวกเราหรอครับ
นายอาเภอ : ก็ได้ข่าวว่ามีการพัฒนาอาเภอก็เลยมาเยี่ยม ไหนละคนริเริ่ม
ครูใหญ่: นั้นไงครับที่กาลังโกยดินอยู่ คุณครูครับๆๆ มานี่หน่อยครับ (หนูตุ่นเดินมา)
ครูใหญ่: นี่แหละครับ พัฒนากรของเรา คุณศุภรารู้จักท่านนายอาเภอสิครับ
หนูตุ่น : สวัสดีค่ะ
นายอาเภอ : สวัสดีครับ ตัวเล็กนิดเดียวแต่ทาได้ขนาดนี้ เยี่ยมจริงๆ เออ..แล้วนี่ผู้กองคนใหม่ นายร้อยตารวจเอกศกร
หนูตุ่น : สวัสดีค่ะ (ศกรทาแบบที่ตารวจทาอะ) (แล้วเข้มก็เดินตามนายอาเภอไป)
คืนนั้น มีเด็กหายตัวไปจากบ้านครูใหญ่ เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น
(มีเสียงเคาะประตู) เข้ม : ครูๆ ผมฝากคนเจ็บหน่อยครับ เปิดประตูหน่อย
เข้ม :ไม่มีอะไรแล้วละครับ เช้ามืดจะมีรถมารับคนเจ็บ.. ทาแผลให้หน่อยหนูตุ่น ที่แขนน่ะ แค่โดนถากๆ
(ลุกไปหยิบกล่องยา)
ครูใหญ่: ผู้กองเห็นตัวพวกมันรึยังครับ
เข้ม :ยังเลยครู แต่ได้ข่าวว่าพวกมันซ่อนตัวอยู่ ถ้าพบตัวมันช่วยส่งข่าวบอกด้วย (หนูตุ่นเดินเข้ามา)
หนูตุ่น : กินยาแก้ปวดหน่อยนะ (เอายาแก้ปวดให้คนโดนยิง)
เข้ม :เห้ย..เพิ่งกินเข้าไปตอนถูกยิง ขืนกินเข้าไปได้ตายพอดี
หนูตุ่น : ก็จะไปรู้ได้ไง (ทาเป็นหงุดหงิดนิดๆ แล้วก็ทาแผล)
คาดีเยาะ : แล้วนะฟีอยู่ที่ไหนคะ
เข้ม :(ยิ้มๆ) พรุ่งนี้เช้าเขาจะกลับมาจ๊ะหนู
ครูใหญ่: (หันไปบอกเมียกับลูก) ไปนอนได้แล้วไป
บทที่ ๑๓-๑๕
(หนูตุ่นกับคาดีเยาะเดินคุยกันเรื่อยๆ)
คาดีเยาะ : เมาะเคยบอกว่า แต่งงานกับเปาะตอนอายุสิบสี่นะค่ะ
นะฟี :ครูครับๆ
หนูตุ่น : นะฟีกลับมาแล้วหรอจ๊ะ
นะฟี :มีคนถูกยิงครับครู ตามผมมาครับ (สามคนวิ่งๆไป)
นะฟี :เขาชื่อการีมครับ คนนี้แหละที่ให้เงินผมแล้วให้ผมไปบอกตารวจ ครูช่วยเขาเถอะนะครับ
การีม : ซาลามัต
นะฟี :พวกโจรตามล่าเขามา แล้วถูกยิงที่ขา ตอนนี้เขาเจ็บปวดมากต้องการยาแก้ปวด เขาขอให้ครูช่วยเขานะครับ
หนูตุ่น : เราจะไปแจ้งครูใหญ่ เขาต้องการหมอมากกว่ายา และเราได้รับคาสั่งจากตารวจให้แจ้งข่าวว่าพบพวกโจร
การีม : ผมเดินทางมาหลายวันแล้วทาไมวันนี้จะไปต่อไม่ได้ ขอบคุณล่วงหน้าถ้าคุณไม่พูดถึงผม (การีมลุกแล้วก็เดิน)
หนูตุ่น : นายกาลังจะตายเพราะแผลนายอักเสบมากนะ (เข้าไปพยุง) พาเขาไปที่กระท่อมนั้นเถอะ (ช่วยกันพยุงไป)
เช้าวันต่อมา
หนูตุ่น : นี่ยาแก้ปวด กินซะ
การีม : ผมรู้ว่ายาของครูมันแพงมาก
หนูตุ่น : ช่างเถอะ ฉันอยากให้นายหาย จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันซะที
การีม : ดูเหมือนทุกคนอยากจะให้ผมไปให้พ้น
หนูตุ่น : ก็แน่ละ นายรู้มั้ยตั้งแต่นายมากอยู่ฉันต้องคอยเหลียวหน้าระวังหลัง เกือบจะเหมือนโจรไปทุกทีละ
การีม : คุณคงลาบากใจ เลยจะบอกตารวจ
หนูตุ่น : คุณรู้ได้ไง
การีม : ก็นะฟีบอกผม ผมอาจจะหนีไปคืนนี้
หนูตุ่น : นั้นก็เป็นสิทธิ์ของนาย ฉันจะกลับก่อนละ (หนูตุ่นเดินออกไป) (การีมผิวปาก)
หนูตุ่น : (หนูตุ่นเดินกลับมา) นายเป็นใครกันแน่คงไม่ใช่ลูกน้องสุไลมานที่ว่าใช่มั้ย
การีม : ใครว่าไม่ใช่ผมนี่แหละการีมที่คอยรับใช้สุไลมาน
หนูตุ่น : ฉันไปละ คืนนี้นะฟีจะมานอนเป็นเพื่อน พรุ่งนี้เช้าจะมีคนมารับนายไปที่โรงพยาบาล (การีมจับแขนหนูตุ่น)
การีม : เดี๋ยวก่อนสิครู คุยกันก่อนสิ แค่นี้ก็ต้องโกรธหรอ
หนูตุ่น : อวดดียังไงถึงทาแบบนี้ พูดดีๆก็ได้ไม่เห็นต้องจับไม้จับมือ
การีม : ก็ผมตามคุณไปไม่ได้หนิ
หนูตุ่น : มีอะไรก็พูดมา
การีม : ผมคือการีมสมุนโจรสุไลมาน (หนูตุ่นลุก) เดี๋ยวก่อนสิครูไม่ฟังต่อละ ไหนๆพรุ่งนี้ก็จะโดนจับแล้ว
ให้ผมเล่าอะไรให้คุณฟังหน่อยไม่ได้หรอ ผมเคยเป็นหัวหน้านักกีฬาคณะนิติศาสตร์
คุณคงจบธรรมศาสตร์ถึงได้จาเพลงนี้ได้ นี่คือรอยที่เขาทากับผมในวันที่ผมคิดหนี
แล้วนี่คือรอยที่สลักชื่อเขาไว้เพื่อผูกผมไว้กับตัวเขา (เปิดที่คอกับแขน) เพื่อต้องการเอาตัวรอด
วันไหนที่เขาจนตรอกเขาก็จะฆ่าผมแล้วซักทอดว่าผมคือสุไลมาน (เสียงพังประตู)
สุไลมาน :ฉลาดมากศักดิ์สิทธิ์ หนีฉันมาได้ไกลขนาดนี้ นั้นใครศักดิ์สิทธิ์ เมียแกหรอ
การีม : ไม่ใช่อะ
สุไลมาน :จับไปทั้งสองคนนั้นแหละ ปล่อยไว้ไม่ได้ เดี๋ยวปากโป้ง
การีม : อย่า!! (สุไลมานหัวเราะ) เห็นว่าผมจะตายก่อนคุณ
สุไลมาน :แกคงห่วงแม่คนนี้มากสินะ งั้นก็เอาหล่อนไปด้วยสิเพื่อนห้าห้าห้า
นี่หนู..การีมนะเขามีพ่อเป็นเศรษฐีที่ภูเก็ตนู้น อยู่กับเขาได้สบายไปทั้งชาติ
การีม : เธอจะไม่ไปไหนกับใครทั้งนั้น เธอเป็นคนของรัฐบาลถ้าแกยุ่งกับเธอจะมีคดีเพื่อขึ้น
ฉันจะไปกับแกเองแต่แกต้องปล่อยเธอไป
สุไลมาน : งั้นต้องฆ่าหล่อน ปล่อยไว้ไม่ได้เราจะลาบาก
การีม : งั้นเอาเธอไปด้วย (ถูกพาตัวไปแล้วก็เดินๆ)
สุไลมาน :มึงสองคนข้ามไปรอฝั่งนั้นก่อน ถึงเวลาแล้วเพื่อนฉันต้องทาวะ ขอโทษด้วยมันจาเป็นจริงๆ
การีม : แล้วผู้หญิงคนนี้ละ
สุไลมาน :แกก็พากันไปแต่งงานที่เมืองผีสิ ยากอะไรเล่า
การีม : ไอ้สารเลว ไอ้สัตว์นรก
สุไลมาน :หืมมม ตามสบายเลยเพื่อน ฉันเปิดโอกาสให้ด่าได้เป็นครั้งสุดท้าย ด่าเสร็จแล้วก็ลงไปในน้า
ตายในน้าแกจะได้ลอยไปในเมือง คนจะได้รู้ว่าสุไลมานตายแล้ว
ปุลากง
ปุลากง
ปุลากง
ปุลากง
ปุลากง
ปุลากง
ปุลากง
ปุลากง
ปุลากง
ปุลากง
ปุลากง
ปุลากง

More Related Content

What's hot

สรุปนิราศภูเขาทอง
สรุปนิราศภูเขาทองสรุปนิราศภูเขาทอง
สรุปนิราศภูเขาทองkanchana13
 
ดนตรีไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี
ดนตรีไทยสมัยอยุธยาและธนบุรีดนตรีไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี
ดนตรีไทยสมัยอยุธยาและธนบุรีวิริยะ ทองเต็ม
 
ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออก
ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออก
ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกSompak3111
 
โครงการแต้มสีเติมฝัน
โครงการแต้มสีเติมฝันโครงการแต้มสีเติมฝัน
โครงการแต้มสีเติมฝันพัน พัน
 
รูปตัวอย่าง สด.8 และ สด.3 และเลขที่ใบสำคัญทางทหาร
รูปตัวอย่าง สด.8 และ สด.3 และเลขที่ใบสำคัญทางทหารรูปตัวอย่าง สด.8 และ สด.3 และเลขที่ใบสำคัญทางทหาร
รูปตัวอย่าง สด.8 และ สด.3 และเลขที่ใบสำคัญทางทหารปริญญา สุโพธิ์
 
วรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน พร้อมแบบฝึกหัด
วรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน พร้อมแบบฝึกหัดวรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน พร้อมแบบฝึกหัด
วรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน พร้อมแบบฝึกหัดThiranan Suphiphongsakorn
 
การวางโครงเรื่อง (Plotting)
การวางโครงเรื่อง (Plotting)การวางโครงเรื่อง (Plotting)
การวางโครงเรื่อง (Plotting)Dr.Kridsanapong Lertbumroongchai
 
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาไทย
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาไทยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาไทย
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาไทยพัน พัน
 
นิราศภูเขาทอง
นิราศภูเขาทอง นิราศภูเขาทอง
นิราศภูเขาทอง Patzuri Orz
 
โครงงานคณิตบทที่ 1
โครงงานคณิตบทที่ 1โครงงานคณิตบทที่ 1
โครงงานคณิตบทที่ 1Jutarat Bussadee
 
วิทยาการคำนวณ ม.5 - บทที่ 4 การทำข้อมูลให้เป็นภาพ และการสื่อสารด้วยข้อมูล
วิทยาการคำนวณ ม.5 - บทที่ 4 การทำข้อมูลให้เป็นภาพ และการสื่อสารด้วยข้อมูลวิทยาการคำนวณ ม.5 - บทที่ 4 การทำข้อมูลให้เป็นภาพ และการสื่อสารด้วยข้อมูล
วิทยาการคำนวณ ม.5 - บทที่ 4 การทำข้อมูลให้เป็นภาพ และการสื่อสารด้วยข้อมูลCoco Tan
 
การจัดทัพของอิเหนา
การจัดทัพของอิเหนาการจัดทัพของอิเหนา
การจัดทัพของอิเหนาenksodsoon
 
การสร้างเว็บไซต์คลังความรู้ดิจิทัลด้วย Google Sites
การสร้างเว็บไซต์คลังความรู้ดิจิทัลด้วย Google Sitesการสร้างเว็บไซต์คลังความรู้ดิจิทัลด้วย Google Sites
การสร้างเว็บไซต์คลังความรู้ดิจิทัลด้วย Google SitesDr.Kridsanapong Lertbumroongchai
 
ฟิสิกส์ 5 ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 2
ฟิสิกส์ 5 ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 2ฟิสิกส์ 5 ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 2
ฟิสิกส์ 5 ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 2Wijitta DevilTeacher
 
แผ่นพับสัมฤทธิผลการปฏิบัติงานในหน้าที่ รองผู้อำนวยการสถานศึกษา
แผ่นพับสัมฤทธิผลการปฏิบัติงานในหน้าที่ รองผู้อำนวยการสถานศึกษาแผ่นพับสัมฤทธิผลการปฏิบัติงานในหน้าที่ รองผู้อำนวยการสถานศึกษา
แผ่นพับสัมฤทธิผลการปฏิบัติงานในหน้าที่ รองผู้อำนวยการสถานศึกษาNontaporn Pilawut
 
ฝึกอ่านคำศัพท์
ฝึกอ่านคำศัพท์ฝึกอ่านคำศัพท์
ฝึกอ่านคำศัพท์kunkrukularb
 
ผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยี
ผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยีผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยี
ผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยีธนกร ทองแก้ว
 
ประวัติพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
ประวัติพ่อขุนรามคำแหงมหาราชประวัติพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
ประวัติพ่อขุนรามคำแหงมหาราชAmmie Sweetty
 

What's hot (20)

สรุปนิราศภูเขาทอง
สรุปนิราศภูเขาทองสรุปนิราศภูเขาทอง
สรุปนิราศภูเขาทอง
 
ดนตรีไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี
ดนตรีไทยสมัยอยุธยาและธนบุรีดนตรีไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี
ดนตรีไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี
 
ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออก
ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออก
ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออก
 
โครงการแต้มสีเติมฝัน
โครงการแต้มสีเติมฝันโครงการแต้มสีเติมฝัน
โครงการแต้มสีเติมฝัน
 
รูปตัวอย่าง สด.8 และ สด.3 และเลขที่ใบสำคัญทางทหาร
รูปตัวอย่าง สด.8 และ สด.3 และเลขที่ใบสำคัญทางทหารรูปตัวอย่าง สด.8 และ สด.3 และเลขที่ใบสำคัญทางทหาร
รูปตัวอย่าง สด.8 และ สด.3 และเลขที่ใบสำคัญทางทหาร
 
วรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน พร้อมแบบฝึกหัด
วรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน พร้อมแบบฝึกหัดวรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน พร้อมแบบฝึกหัด
วรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน พร้อมแบบฝึกหัด
 
การวางโครงเรื่อง (Plotting)
การวางโครงเรื่อง (Plotting)การวางโครงเรื่อง (Plotting)
การวางโครงเรื่อง (Plotting)
 
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาไทย
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาไทยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาไทย
แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านภาษาไทย
 
นิราศภูเขาทอง
นิราศภูเขาทอง นิราศภูเขาทอง
นิราศภูเขาทอง
 
โครงงานคณิตบทที่ 1
โครงงานคณิตบทที่ 1โครงงานคณิตบทที่ 1
โครงงานคณิตบทที่ 1
 
วิทยาการคำนวณ ม.5 - บทที่ 4 การทำข้อมูลให้เป็นภาพ และการสื่อสารด้วยข้อมูล
วิทยาการคำนวณ ม.5 - บทที่ 4 การทำข้อมูลให้เป็นภาพ และการสื่อสารด้วยข้อมูลวิทยาการคำนวณ ม.5 - บทที่ 4 การทำข้อมูลให้เป็นภาพ และการสื่อสารด้วยข้อมูล
วิทยาการคำนวณ ม.5 - บทที่ 4 การทำข้อมูลให้เป็นภาพ และการสื่อสารด้วยข้อมูล
 
การจัดทัพของอิเหนา
การจัดทัพของอิเหนาการจัดทัพของอิเหนา
การจัดทัพของอิเหนา
 
การสร้างเว็บไซต์คลังความรู้ดิจิทัลด้วย Google Sites
การสร้างเว็บไซต์คลังความรู้ดิจิทัลด้วย Google Sitesการสร้างเว็บไซต์คลังความรู้ดิจิทัลด้วย Google Sites
การสร้างเว็บไซต์คลังความรู้ดิจิทัลด้วย Google Sites
 
ฟิสิกส์ 5 ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 2
ฟิสิกส์ 5 ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 2ฟิสิกส์ 5 ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 2
ฟิสิกส์ 5 ไฟฟ้าสถิตย์ ตอนที่ 2
 
ใบความรู้ การแต่งคำประพันธ์ประเภทฉันท์
ใบความรู้ การแต่งคำประพันธ์ประเภทฉันท์ใบความรู้ การแต่งคำประพันธ์ประเภทฉันท์
ใบความรู้ การแต่งคำประพันธ์ประเภทฉันท์
 
แผ่นพับสัมฤทธิผลการปฏิบัติงานในหน้าที่ รองผู้อำนวยการสถานศึกษา
แผ่นพับสัมฤทธิผลการปฏิบัติงานในหน้าที่ รองผู้อำนวยการสถานศึกษาแผ่นพับสัมฤทธิผลการปฏิบัติงานในหน้าที่ รองผู้อำนวยการสถานศึกษา
แผ่นพับสัมฤทธิผลการปฏิบัติงานในหน้าที่ รองผู้อำนวยการสถานศึกษา
 
ฝึกอ่านคำศัพท์
ฝึกอ่านคำศัพท์ฝึกอ่านคำศัพท์
ฝึกอ่านคำศัพท์
 
ผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยี
ผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยีผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยี
ผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยี
 
รายงาน ฟุตซอล
รายงาน ฟุตซอลรายงาน ฟุตซอล
รายงาน ฟุตซอล
 
ประวัติพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
ประวัติพ่อขุนรามคำแหงมหาราชประวัติพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
ประวัติพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
 

ปุลากง

  • 1. ปุลากง เรื่องย่อ เข้ม ( ศกร ) เป็นเด็กชายวัย ๑๔ ปี รูปร่างผอมสูง มีนิสัยเจ้าอารมณ์ เข้มเป็นลูกของนางแพงศรี กับคุณอรรถ ซึ่งคุณอรรถมีภรรยาหลวงอยู่แล้วคือคุณฉะอ้อน และมีลูกกับคุณฉะอ้อนถึง ๔ คน คือคุณปุ้ม หรือคุณอัมพิกา อายุ ๑๘ ปี แต่พิการเป็นโปลิโอตั้งแต่เด็ก คุณอดิศรลูกชายคนที่ ๒ คุณอนันต์ ลูกคนที่ ๓ และคุณอรนุช ลูกสาวคนสุดท้อง ซึ่งเกิดพร้อมกับเข้ม เข้มเรียกคุณอัมพิกาว่าพี่เพียงคนเดียว เพราะเธอเป็นคนใจดี คุณปุ้มเรียนเปียโนกับคุณพิรุณ ครูสอนซึ่งเป็นหม้าย สามีเป็นนายทหารแต่เสียชีวิตในสงคราม ครูพิรุณทางานหาเลี้ยงตัวเองกับหนูตุ่น ( ศุภรา )ที่เป็นลูกสาวโดยการรับจ้างสอนเปียโน เธอมีลูกศิษย์มากมาย บ้านของเธออยู่ข้างบ้านของเข้มนั่นเองความที่เข้มถูกเลี้ยงดูมากอย่างลูกที่ขาดความอบอุ่นและไม่ได้รับความยุติธรรม จากพ่อ นั่นเป็นสาเหตุที่ทาให้เข้มกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ พูดจาห้วน และหน้าตาไม่แจ่มใส กิริยาก็ค่อนข้างกระด้าง เนื่องด้วยความที่พ่อให้การเลี้ยงดูไม่เท่าเทียมกับลูกที่เกิดจากภรรยาหลวง การขอค่าใช้จ่ายในการเรียนค่อนข้างยาก การกินอยู่ก็ไม่เหมือนกัน เข้มและแม่จะแยกมาอยู่ที่เรือนหลังเล็กซึ่งปลูกอยู่สุดอาณาเขตของบ้าน เรื่องของอาหารการกินก็สุดแล้วแต่ทางครัวจะจัดมาให้ ซึ่งจะไม่เหมือนกับที่เรือนใหญ่ยามที่เข้มจะมาขอเงินค่าใช้จ่ายทุกครั้งก็จะถูกพ่อดุว่า โดยพ่อจะอ้างอยู่เสมอว่าให้เข้มเท่าเทียมกับลูกคุณฉะอ้อนไม่ได้ เพราทรัพย์สินทั้งหมดจะเป็นของคุณฉะอ้อน แม้แต่เมื่อเข้มขอเงินเพื่อซื้อไวโอลิน เพราะพ่อบอกว่า ถ้าสอบได้เกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์จะให้รางวัล แต่แล้วพ่อก็ไม่ให้ เข้มเสียใจมากแต่ก็ไม่เคยร้องไห้ให้พ่อเห็น นอกจากแม่เขาเคยถามแม่ถึงเหตุผลที่แม่ยอมเป็นภรรยาน้อยของพ่อ และจายอมอยู่อย่างอดทน เพราะนางแพงศรีเป็นเมียน้อยแบบโบราณ ทุกอย่างในชีวิตแล้วแต่สามี มารดาของเข้มเล่าให้เขาฟังถึงความหลังว่า เป็นเมียคุณอรรถ เมื่อครั้งไปอยู่หัวเมือง จนเมื่อสามีพามากรุงเทพฯ ถึงได้ทราบว่าตนเองเป็นเมียน้อย แม้จะพอมีความรู้มีพ่อเป็นครูใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถจะเลือกวิถีชีวิตได้ ความเป็นหญิงไทยแบบโบราณ ทาให้เธอยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว สิ่งเดียวที่เธอต้องการก็คือลูก แม้ว่าสามีจะให้เอาลูกออกเธอก็ไม่ยอม แม้เข้มจะขาดความรักจากพ่อ แต่ความรักมากมายของแม่ ก็หล่อหลอมให้เข้มเป็นเด็กใฝ่ดี เมื่อคราวจาเป็นต้องใช้เงินเป็นค่าเทอม เข้มจะหารายได้พิเศษโดยการรับจ้างเล่นการพนันในบ่อนของเมียตารวจ แต่เข้มไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง นอกจากคุณปุ้ม เพราะเข้มขอยืมเงินของคุณปุ้ม และสามารถหามาใช้ได้ นั่นทาให้คุณปุ้มสงสัย ในที่สุดเธอก็บอกให้คุณพ่อทราบ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่เข้มและกวง เพื่อนชาวจีนของเข้ม ไปเล่นไพ่และเกิดเรื่องเจ้ามือถูกยิงตาย แต่เข้มกับกวงหนีออกมาได้ ตารวจมาตามหาเข้มที่บ้าน แต่เกรงใจคุณอรรถจึงยอมกลับไป วันนั้นเข้มมีปากเสียงกับพ่ออย่างรุนแรง เพราะพ่อหาว่าเขาทาให้เสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเข้มให้สัญญากับแม่ว่าจะไม่หาเงินด้วยวิธีแบบนี้อีก ต่อมาเข้มสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตารวจได้ และอยู่ประจานานๆจึงจะได้กลับบ้านสักครั้ง จึงได้รู้ความเปลี่ยนแปลงภายในบ้าน คุณอดิศรมีลูกกับภรรยาลูกสาวแม่ค้าถึง ๕ คน คุณอนันต์กาลังจะไปศึกษาต่อต่างประเทศ ส่วนคุณอรนุชก็สอบได้อักษรศาสตร์จุฬา เข้มได้ไปเยี่ยมกวง เขาได้รู้ว่ากวงติดยาเสพติดอย่างหนัก ด้วยความที่ถูกแม่บังคับให้ทางานหนัก เพื่อเป็นตัวแทนของพ่อที่ตายไป
  • 2. กวงต้องเลี้ยงดูส่งเสียทุกคนในบ้าน เมื่อเหนื่อยและกลุ้มใจมาก ก็เข้าหายาเสพติดโดยที่คนทางบ้านไม่รู้ คิดว่ากวงป่วยเพราะผีเข้า เข้มจึงรีบนาตัวกวงส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษา และสัญญาว่าเมื่อเรียนจบจะรับกวงไปอยู่ด้วยกัน รุ่งเช้าเข้มรับกวงไปส่งที่โรงพยาบาลหลังจากนั้นจึงไปนั่งเล่นที่แถวท่าพระจันทร์ ขณะสั่งน้าดื่มเข้มเห็นหนูตุ่นซึ่งขณะนี้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มากับเพื่อนชาย ทาให้เข้มนึกถึงเรื่องราวในอดีตของเด็กหญิงคนนั้น ซึ่งแม้โตแล้วก็ยังคงขาวผอมบาง แต่กลับดูเข้มแข็ง เขากลับถึงบ้านและเล่าให้แม่ฟัง ก็ได้รู้ว่าเพื่อนชายคนนั้น ชื่อวีรุทย์ ลูกชายนายตารวจ บ้านอยู่ติดกับหนูตุ่น และเป็นเพื่อนสนิทของหนูตุ่นมาตั้งแต่เด็ก เข้มเองก็เคยพบแล้วเช่นกัน คุณอนันต์มาตามเข้มไปพบคุณพ่อ เข้มก็ยังคงห่างเหินกับพ่อไม่เปลี่ยนแปลง โดยที่คุณอรรถไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดเข้มจึงหยิ่งและห่างเหินกับพ่อนัก แต่สาหรับเข้ม นานวันความรู้สึกกลับยิ่งฝังลึก เข้มจึงปฏิเสธความช่วยเหลือทุกประการเกี่ยวกับหน้าที่การงานที่พ่อหยิบยื่นให้ พ่อบอกว่าแม่ของเขาขอร้องให้พ่อช่วยให้เข้มได้เป็นตารวจอยู่ในกรุงเทพฯเมื่อเรียนจบ แต่เข้มกลับปฏิเสธพร้อมตอบว่า ตนต้องการจะไปทางานยังต่างจังหวัด หลังเรียนจบ กลุ่มเพื่อนพากันไปฉลองตามแบบของพวกผู้ชาย เพื่อนเข้าใจเข้มจึงให้เลือกเฟ้นผู้หญิงให้เข้ม แต่เขาปฏิเสธ เพราะเขามีความรู้สึกฝังลึก เรื่องแม่ซึ่งถูกกระทาไม่ผิดอะไรกับนางบาเรอเช่นกันมาตั้งแต่เขายังเด็ก เข้มเคยคิดว่าหากเขามีครอบครัว เขาจะรักลูกเมียและจะไม่ทาให้เสียใจดังเช่นที่ตนเคยได้รับจากมาแล้วอย่างเด็ดขาด เพราะมนุษย์มีจิตใจ มิได้มีเพียงความต้องการแค่มีข้าวกิน ส่งเสียให้เรียน มีบ้านให้อยู่ดังเช่นที่พ่อเข้าใจ และมักจะตอกย้าเขาอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ของเข้มกับพ่อจึงเป็นแค่เพียงผู้มีพระคุณแต่สายสัมพันธ์ทางใจกลับเลือนหาย เข้มปฏิเสธการรับทุนเพื่อไปศึกษาต่อด้านการสือสวนยังต่างประเทศ เพราะเขาไม่ต้องการรับความช่วยเหลือใดๆจากพ่ออีก เขาหวังเพียงแค่เรียนจบ แล้วออกไปทางานยังต่างจังหวัดเพื่อให้พ้น เข้มต้องการจะพาแม่ไปจากบ้านหลังนั้นด้วย แต่แม่กลับปฏิเสธและให้เหตุผลว่า ถึงอย่างไรแม่ก็รักพ่อ ยังเป็นเมียของพ่ออยู่ไม่อาจจะทาเช่นนั้นได้ แม้เข้มจะขาดความรักจากพ่อ แต่เขาก็ได้รับการถ่ายทอดความหยิ่งทระนงและมีความภูมิใจในบรรพบุรุษจากตา ซึ่งบรรพบุรุษของตาเคยเป็นถึงเจ้าเมือง ทาให้เข้มจดจาคาสอนของตาและยึดถือปฏิบัติเสมอมา ส่วนหนูตุ่นหลังจากเรียนจบสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และครุศาสตร์ภายหลังแม่เสีย เพราะถูกรถชน หนูตุ่นตัดสินใจไปเป็นนักพัฒนากร ตามคาชวนของวีรุทย์ ยังตาบลปุลากง อาเภอยะหริ่ง ส่วนวีรุทย์อยู่ที่อาเภอมายอ โดยบ้านก็ให้เช่าไป ปุลากงเป็นตาบลที่เป็นชุมชนของไทยอิสลาม พูดภาษามลายูทั้งหมู่บ้าน มีคนพูดภาษาไทยได้น้อยมาก ประชาชนมีอาชีพทานา ไม่มีร้านค้า ทั้งตาบลมีโรงเรียนเดียว ทางด้านอนามัยไม่มีส้วม เด็กเป็นโรคหิดและโรคผิวหนังมากที่สุด หนูตุ่นต้องเตรียมตัวอย่างมากโดยเฉพาะด้านภาษา เพื่อเตรียมตัวให้เข้ากับชาวบ้านให้ได้มากที่สุด สิ่งที่เธอได้รับมิใช่เงินเดือนซึ่งเป็นค่าตอบแทนเพียงน้อยนิด แต่เป็นความภาคภูมิใจที่ได้และมีส่วนเป็นบุคคลที่มีค่าในวงสังคมเพื่อนร่วมชาติ
  • 3. ก่อนจะมาส่งหนูตุ่นที่ปุลากง วีรุทย์ขอเลี้ยงส่งกันเพียงลาพังและได้พูดคุยกันถึงเรื่องส่วนตัว ทั้งสองฝ่ายเปิดเผยว่ายังไม่มีคนรัก เพราะคนรอบข้างต่างคิดว่าทั้งสองเป็นคู่รักกัน เนื่องมาจากเห็นความสนิทสนมตั้งแต่เด็ก ทั้งๆที่ความจริงแล้วทั้งสองเป็นได้แค่เพื่อนที่สนิทกันมากที่สุดเท่านั้น เมื่อศุภรา ( หนูตุ่น ) มาถึงปุลากง ก็ได้เข้าพักที่บ้านครูใหญ่และได้สนิทสนมกับคอดีเยาะลูกสาวของครูใหญ่ คอดีเยาะพาครูคนใหม่ไปแนะนาให้เพื่อนๆรู้จัก และไปโรงเรียนปาโฮะกาเยาะกัน ศุภราส่งข่าวให้หัวหน้าศูนย์พัฒนาอาเถอทราบถึงผลงานที่ชาวบ้านประชุมตกลงร่วมมือร่วมใจจะซ่อมถนนจากหมู่บ้ านปุลากงไปยังโรงเรียน วันรุ่งขึ้นงานซ่อมถนนก็เริ่มต้นขึ้น ช่วงบ่ายคณะเจ้าหน้าที่ตามครูใหญ่มาเยี่ยมปุลากง มีนายอาเภอ หัวหน้าศูนย์ฯ และร้อยตารวจเอกศกร ( เข้ม ) ซึ่งเพิ่งย้ายมาประจาที่ยะหริ่งได้ ๖ เดือน เมื่อได้รับการแนะนาศุภราจึงจาได้เข้มได้ว่าเป็นคนข้างบ้านเก่านั่งเอง ช่วงเย็นชาวบ้านกินอาหารร่วมกันที่กลางนา โดยนางหะวอ เมียครูใหญ่และพวกผู้หญิงช่วยกันทาอาหาร กลุ่มเจ้าหน้าที่ร่วมรับประทานด้วย เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชาวบ้าน ศุภราได้รับคาชมเรื่องการทางานได้ดี เธอจึงปรึกษาหัวหน้าศูนย์ฯ เรื่องขอทุนการศึกษา เพื่อที่จะขอให้กับนะพี เด็กกาพร้าพ่อแม่ถูกฆ่าตาย ผู้ใหญ่บ้านจึงเลี้ยงไว้ นะพีเป็นเด็กฉลาดเรียนเก่ง และอีกทุนจะขอให้คอดีเยาะ หัวหน้าศูนย์ฯเห็นด้วย แต่ขอให้ดูให้ดี ให้เลือกคนที่จะทาประโยชน์ให้กับชุมชนจริง เพราะบางคนได้รับทุนมีการศึกษาและกลับทิ้งถิ่น ตอนเย็นหลังอาหารแล้วชาวบ้านก็มีการแสดงการชนวัวให้ดูวีรุทย์ได้มาเยี่ยมศุภราจึงได้พบกับเข้ม วีรุทย์ชื่นชมเข้มที่เป็นตารวจที่ดี ซึ่งหายาก หลังจากงานซ่อมถนนเสร็จ หนูตุ่นสอนให้นักเรียนกาจัดเหา และตระเตรียมการสร้างส้วมประจาโรงเรียนนะพีหายไปตอนครูใหญ่มาบอกข่าวเรื่องจะมีโจรผ่านมาทางหมู่บ้านให้ ทุกคนระวังตัว ตอนค่ามีตารวจมาลาดตระเวน ครั้งตกดึกก็มีการยิงปะทะกัน หลังจากเสียงปืนสงบ เข้มมาขอพักที่บ้านครูใหญ่ เพราะมีตารวจได้รับบาดเจ็บ เข้มขอให้หนูตุ่นทาแผลให้ที่แขน พร้อมเล่าเรื่องโจรให้ฟัง ก่อนจะขอให้ครูใหญ่ให้ความร่วมมือหากพบสมุนโจรที่กลับใจส่งข่าวให้ตารวจซึ่งยังกบดานอยู่แถวนี้ เข้มมั่นใจว่ากลุ่มโจรจะต้องกลับมาอีก เพื่อตามล้างแค้นการีมสมุนโจรคนนั้น รุ่งขึ้นตารวจพานะพีมาส่ง นะพีจึงเล่าให้ฟังเรื่องสมุนโจรที่พบและให้เขานาข่าวมาบอกตารวจ หลังจากเหตุการณ์สงบลง หนูตุ่นเริ่มงานสร้างส้วมโรงเรียนและได้ข่าวจะมีคนมาช่วย ซึ่งเป็นชาวบ้านแถบนี้ ชื่อมัยมูเนาะ เป็นลูกสาวกานันชาวไทยอิสลาม ตกเย็นหลังเลิกงานก็แยกย้ายกันกลับบ้าน หนูตุ่น นะพีคอดีเยาะ ได้พบกับสมุนโจรถูกยิงบาดเจ็บ นะพีบอกว่าเขาชื่อการีม เป็นสมุนโจรที่ถูกตามล่า การีมของความช่วยเหลือจากหนูตุ่น และขออย่าให้บอกตารวจเพราะเขาจะถูกกลุ่มโจรฆ่าตายก่อนที่ตารวจจะพบ หนูตุ่นจาเป็นต้องช่วยเหลือการีมเพราะเห็นแก่มนุษยธรรม และตั้งใจว่าจะแจ้งให้ตารวจทราบในภายหลัง สามวันต่อมาอาการของการีมดีขึ้น หนูตุ่นตั้งใจจะให้เขาเข้าหมู่บ้านและรับการรักษาจากอนามัย ซึ่งจะเข้ามาเยี่ยมหมู่บ้านพรุ่งนี้เช้า การีมเล่าอดีตของเขาให้เธอฟัง เขาเป็นไทยพุทธชื่อศักดิ์สิทธิ์ เป็นนักเรียนเตรียมอุดม มีเพื่อนสนิทชื่อสุไลมาน ซึ่งหน้าตาคล้ายกับเขามาก ต่อมาเขาเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรียนได้ ๒ ปี ทางบ้านเกิดปัญหาพ่อมีเมียน้อย แม่ตรอมใจตาย เขาจึงเลิกเรียนและได้พบกับสุไลมานที่ยะลา สุไลมานชวนให้เขามาทางานด้วย แต่เมื่อเข้าไปทางานด้วยแล้วจึงรู้ว่าสุไลมานเป็นโจร เพราะต้องการแก้แค้นให้พ่อที่ถูกฆ่าตาย ตอนแรกเขาก็เห็นด้วยกับการกระทาของเพื่อน แต่ต่อมาเพื่อนของเขาเปลี่ยนไปโหดร้ายขึ้น
  • 4. เขาจึงพยายามหนีแต่ก็ถูกตามจับได้ ภายหลังสุไลมานสลักชื่อสุไลมานไว้ที่ข้อมือของเขา เพื่อหลอกลวงให้เขาถูกฆ่าตาย ตารวจจะได้เข้าใจว่าเป็นศพของสุไลมาน ขณะที่เล่าเรื่องสุไลมานกับพวกตามมาพบ และจับตัวการีมกับหนูตุ่นไป ส่วนนะพีหลบอยู่ใต้แคร่จึงลอดไปได้ สุไลมานจะฆ่าการีมกับหนูตุ่นที่ชายน้า การีมให้เธอดาน้าหนีไป พอดีกับที่ตารวจล้อมจับและช่วยศุภราไว้ได้ หลังจากเหตุการณ์สงบ เข้มต่อว่าหนูตุ่นเรื่องทาเกินหน้าที่ให้ความช่วยเหลือสมุนโจร จึงทาให้เหตุการณ์ต่างๆเลวร้ายลง กว่าจะฆ่าหัวหน้าโจรสุไลมานลงได้ เข้มต้องเสียตารวจไปถึง ๓ คน ครอบครัวลูกเมียของตารวจเหล่านั้นต้องได้รับความเดือดร้อนเพราะขาดหัวหน้าครอบครัว หนูตุ่นเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเจ็บใจที่เข้มต่อว่าเธออย่างรุนแรง แต่เธอมิได้รู้ว่าหลังจากเข้มส่งเธอถึงหมู่บ้านแล้ว ก็ยังเฝ้าดูอยู่อย่างห่วงใย ขณะที่นางหะวอจัดการอาบน้าทาความสะอาดให้เธอ หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป ๓ วัน ศุภราเตรียมเก็บของเพราะคิดว่าตารวจจะต้องรายงานให้หัวหน้าศูนย์ฯทราบถึงการกระทาของเธอ และคงจะต้องถูกคาสั่งย้ายอย่างแน่นอน แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปหลายวัน ทุกอย่างก็กลับเป็นปกติ ศุภราจึงทางานของเธอต่อไป โดยมีมัยมูเนาะ ครูคนใหม่เป็นผู้ช่วย วีรุทย์มาเยี่ยมเธอและเล่าถึงเหตุการณ์ที่หนังสือพิมพ์ลงเรื่องสมุนโจรกลับใจเข้ามอบตัวและเข้มได้รับการเลื่อนยศจา กการปราบปรามโจร ศุภราจึงได้รู้ว่าศักดิ์สิทธิ์หรือการีมยังไม่ตาย โดยไม่มีใครกล่าวถึงแม้แต่วีรุทย์ก็ยังไม่รู้ ตัวเขาชอบพอมูเนาะ จึงไปมาหาสู่งปุลากงบ่อยขึ้น ศักดิ์สิทธิ์กลับมาขออยู่ที่ปุลากง โดยพักอาศัยอยู่ที่บ้านครูใหญ่เขาได้รับการต้อนรับอย่างดีจากชาวบ้าน เพราะเคยช่วยเด็กหญิงที่ถูกโจรจับตัวไปเรียกค่าไถ่ ศักดิ์สิทธิ์ยังไม่อยากลับไปหาพ่อที่ภูเก็ตจึงขออาศัยอยู่ที่หมู่บ้านป่าลีซึ่งเป็นไทยพุทธ เข้มได้พบกับวีรุทย์และมูเนาะ จึงได้รู้เรื่องความเป็นไปที่ปุลากง เรื่องที่ศักดิ์สิทธิ์กลับมาจากพบพ่อที่ภูเก็ตแล้ว แม้พ่อจะยกมรดกให้ แต่เขากลับปฏิเสธและขอกลับมาอยู่ที่ปุลากง โดยทาหน้าที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และสอนภาษาไทยให้กับชาวบ้าน ยิ่งเมื่อได้รู้ว่าศักดิ์สิทธิ์ชวนศุภราไปภูเก็ต และอยากให้อยู่สอนหนังสือที่ภูเก็ต เข้มถึงกับรีบเข้าปุลากงทันที โดยที่เข้มเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกตนเองว่าเพราะเหตุใดจะต้องสบายใจเมื่อรู้ว่า วีรุทย์มิได้เป็นคนรักของศุภรา อย่างที่ใครๆเข้าใจกันมาโดยตลอด เมื่อมาถึงปุลากง เข้มเตือนศุภราเรื่องให้ระวังศักดิ์สิทธิ์ และบอกให้เธอรู้ว่าศักดิ์สิทธิ์นั้นรักเธอ ซึ่งเธอเองแม้จะปฏิเสธคาบอกเล่าของเข้ม แต่ก็รู้ดีว่าสิ่งที่เขาบอกเป็นความจริง คืนนั้นเข้มขอค้างที่บ้านครูใหญ่ด้วยเพราะเย็นมากแล้ว เข้มเป็นไข้ศุภราจึงนายาและผ้าห่มมาให้ เขานึกถึงความรู้สึกที่มีต่อศุภรา แต่ด้วยความผูกพันที่มีต่อแม่ทาให้ความทุกข์ทางใจของแม่มีอิทธิพลเป็นแผลเกาะกินใจเขาตลอดเวลา ทั้งนี้เป็นผลการกระทาอันคาดไม่ถึงของผู้ใหญ่ รุ่งเช้าวีรุทย์กลับมาเล่าถึงความสัมพันธ์ของตนกับมูเนาะ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่คือเรื่องศาสนา
  • 5. และตัวเขาเองกาลังจะย้ายไปเป็นพัฒนากรในท้องถิ่นที่มี ผกค. ( ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ) จึงขอฝากให้ศุภราดูแลมูเนาะให้ ศักดิ์สิทธิ์กลับมาจากอาเภอส่งข่าวเรื่องทุนของนะพี และมอบบัตรเชิญร่วมงานชาวชมรมธรรมศาสตร์ปัตตานีให้ศุภรา เธอชวนศักดิ์สิทธิ์ไปร่วมงานด้วย แต่เขากลับปฏิเสธ เมื่อวีรุทย์อ่านกาหนดการความรู้สึกของศักดิ์สิทธิ์จึงเหมือนหนามแหลมทิ่งแทงหัวใจ ถ้าเขามีสติสักนิดในวันนั้น คงไม่ต้องชอกช้าเช่นนี้ ศักดิ์สิทธิ์ทวงถามเรื่องอยากให้ศุภราไปเที่ยวบ้านที่ภูเก็ต เพราะพ่อของเขาอยากพบเธอมาก เขาเล่าให้ท่านฟังถึงเรื่องความช่วยเหลือต่างๆที่เธอมีต่อเขาและให้กาลังใจเขาเสมอมา เธอจึงรับปากหากว่าวีรุทย์และมูเนาะจะไปด้วย ศักดิ์สิทธิ์ระบายความในใจที่มีต่อเธอออกมา เธอรู้ทั้งรู้ว่า ถึงอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะมาแต่งงานกับอดีตสมุนโจรสุไลมาน เด็กๆจัดงานเลี้ยงส่งนะพีที่จะได้เข้าไปเรียนในจังหวัด ขณะช่วยเด็กๆแล่เนื้อเพื่อย่าง ศุภราถูกตัวต่อกัด แต่เธอก็ยังคงสอนหนังสือตามปกติ จนเกิดอาการปวดกาเริบมากขึ้นจนเป็นไข้ ศักดิ์สิทธิ์ทาหน้าที่พยาบาลอย่างห่วงใย จนรุ่งเช้าครูใหญ่จึงไปตามหมอพร้อมกับแขกติดตามมาด้วยคือเข้ม ซึ่งเมื่อเห็นศักดิ์สิทธิ์พยาบาลศุภราความไม่พอใจก็เพิ่มมากขึ้น และเขาก็ได้เห็นว่าชาวบ้านนั้นรักและห่วงใยศุภรามากแค่ไหน ในวันงานหนูตุ่นได้พบกับเข้ม เขาถามถึงเรื่องไปภูเก็ตและบอกว่าไม่เหมาะสมไม่อยากให้เธอไป แต่เธอกลับมองว่าเข้มมองศักดิ์สิทธิ์ในแง่ร้ายเกินไป พร้อมว่าเข้มเรื่องการทางานหนักจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง เป็นคนที่เคยมีเรื่องทรมานทางด้านความรู้สึกทาเพื่อชดเชยอะไรบางอย่าง คาพูดของเธอทาให้เข้มโกรธเพราะไปสะกิดแผลในใจของเขา ศักดิ์สิทธิ์พาทุกคนมาแนะนาให้พ่อรู้จัก ศุภรา วีรุทย์ และมูเนาะได้รับการต้อนรับอย่างดี ศุภราพยายามพูดให้เขาอยู่ที่ภูเก็ต เพื่อครอบครัวเพราะเขาได้รับการต้อนรับอยางดีจากทุกคน และจะต้องเป็นผู้นาครอบครัวต่อไป น้องต่างมารดาของเขานั้นพิการ ศักดิ์สิทธิ์จายอมเพราะถึงอย่างไร่ ศุภราก็คงไม่ยอมใจอ่อนที่จะแต่งงานและอยู่กับเขาที่ภูเก็ตอย่างแน่นอน ศกรได้รับคาสั่งให้ปฏิบัติงานลับร่วมกับตารวจมาเลเซีย โดยทางราชการออกเป็นคาสั่งด่วนและกระจายข่าวว่า ศกรจะย้ายเข้ากรุงเทพฯ ลูกน้องและชาวยะหริ่งต่างเสียดายกันมาก ก่อนรับคาสั่งเข้มรีบไปปุลากง เพื่อลาหนูตุ่น แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อหนูตุ่นยังไม่กลับจากภูเก็ต เขาเสียใจที่เข้าใจความรู้สึกของตนเองช้าไป เขาอาจจะไม่มีโอกาสได้บอกกับศุภราอีกก็ได้ เมื่อเธอกลับมาถึงปุลากงตอนเย็น จึงได้ทราบข่าวนี้จากครูใหญ่ว่าเข้มฝากมาลา ส่วนวีรุทย์ก็ได้รับคาสั่งให้ไปปฏิบัติงานเป็นอาสาสมัครชุดคุ้มครองหมู่บ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งสมัครไว้นานแล้วก่อนที่จะได้พบกับมูเนาะ จึงทาให้วีรุทย์จาเป็นต้องจากไปทั้งที่มีห่วง จึงเขียนจดหมายฝากมูเนาะและลูกในท้องไว้กับศุภรา พร้อมสัญญาว่าจะกลับมาแต่งงานให้เรียบร้อย วีรุทย์จากไปเดือนกว่าๆ ระยะแรกก็มีจดหมายมาเสมอ แต่ระยะหลังๆ ข่าววีรุทย์หายไป มูเนาะทุกข์ใจมาก ครูใหญ่นาหนังสือพิมพ์เพื่อจะมาไว้ที่ห้องสมุดในศูนย์พัฒนาตาบลมาให้ศุภรา ทาให้ได้รู้ข่าววีรุทย์ตายจากการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายที่ลอบโจมตี มูเนาะเสียสติจากข่าวนั้น แต่ชาวบ้านทุกคนเข้าใจว่าถูกผีเข้า จึงนาตาเฒ่ามารักษาตามความเชื่อของเขา แม้ศุภราจะพยายามอธิบาย
  • 6. ขอให้ส่งมูเนาะรักษาในโรงพยาบาลก็ไม่เป็นผล ในที่สุดมูเนาะก็เห็นภาพหลอนว่าวีรุทย์มาเรียกให้ตามไป จึงเดินลุยน้าจนจมน้าถึงแก่ความตายในที่สุด เป็นการจบปัญหาทั้งมวลคอดีเยาะได้เข้ามาเรียนที่จังหวัด ส่วนศุภราอยู่ต่อจนครบ ๒ ปีก็ถูกเรียกตัวเข้ากรุงเทพฯ ชาวปุลากงต่างรักและอาลัยเธอเป็นอย่างมาก หนูตุ่นเข้ามารับตาแหน่งใหม่ในกองวิชาการ มีจิตรีเพื่อนสนิทเป็นผู้จัดการเรื่องบ้านจนเรียบร้อย คุณปุ้มแวะมาเยี่ยมเธอและถามถึงเข้ม เนื่องจากเห็นว่าอยู่ภาคใต้เหมือนกัน หนูตุ่นจึงได้รู้ว่าเข้มยังไม่ได้กลับกรุงเทพฯตามที่ทราบมา เพราะทางบ้านก็ไม่ได้รับข่าวคราวใดๆมาปีกว่าแล้ว รู้เพียงว่ายังมีชีวิตอยู่ เพราะมีเงินเดือนส่งมาให้ทุกเดือน หนูตุ่นได้รับคาชวนจากเพื่อนให้ไปเยี่ยมอาสาสมัครที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ จึงได้รู้ว่าเข้ม ( พันตารวจตรีศกร ) บาดเจ็บสาหัส มาจากหน่วยปฏิบัติการร่วมพิเศษที่ชายแดนภาคใต้ และผู้เจ็บไม่ประสงค์จะแจ้งให้ทางบ้านทราบ หนูตุ่นมาเยี่ยมเข้มหลายครั้งแต่เขาหลับ จึงฝากบอกวิมลพยาบาลพิเศษไว้ อีกสองอาทิตย์เข้มอาการดีขึ้นจนสามารถกลับบ้านได้ วิมลตามกลับไปพยาบาลดูแลถึงบ้าน เมื่อหนูตุ่นกลับจากราชการต่างจังหวัด เข้มก็มาหาถามเรื่องไปภูเก็ตกับศักดิ์สิทธิ์ และบอกเธอว่าเขาไปราชการลับ แต่ไม่พบจึงไม่ได้พบกันเลยเป็นปี เข้มชวนหนูตุ่นไปทานข้าวที่บ้าน ได้พบวิมลซึ่งอาสาทาอาหารกับมารดาของเข้มอย่างสนิทสนม หนูตุ่นจึงตั้งใจจะไม่ไปทานข้าวที่บ้านของเขาอีก ศุภราเล่าเรื่องความในใจที่มีต่อเข้มให้จิตรีฟัง และพยายามกลับ้านค่าโดยแวะกินข้าวกับจิตรี แต่เธอก็ทราบความเป็นไปของเข้มเพราะพบกับคุณปุ้มทุกเช้า คุณปุ้มว่าเข้มจะแต่งงานกับวิมล เพราะเห็นปรึกษากับคุณพ่อเรื่องแบ่งโฉนดที่ดิน โดยคุณพ่อจะปลูกบ้านให้ แต่เข้มปฏิเสธเพราะยังไม่ได้ปรึกษากับคู่รัก คุณพ่อจะซื้อแหวนหมั้นให้ก็ไม่เอา จะซื้อเองเป็นแหวนเพชรวงเล็กๆ ต่อมาก็เล่าว่าวิมลจะไปเรียนต่อที่อเมริกา คงจะจะตามไปแต่งงานกันที่นั่น ศุภราเห็นว่าถึงเวลาที่เธอจะต้องทาใจให้สงบ เพื่อนๆแนะนาให้เธอรับทุนไปต่างประเทศ แต่เธอก็ไม่ชอบ จึงขอออกต่างจังหวัดแทน เข้มได้รับคาสั่งให้ไปราชการลับต่างประเทศ ๑ เดือน ทั้งพี่และพ่อต่างสงสัยเรื่องงานแต่งงานของเข้ม นางแพงศรีจึงถาม เข้มบอกว่าหลังจากกลับจากราชการแล้วเขาจะออกต่างจัดหวัดอีก อยากให้แม่ไปด้วย แต่แม่ก็ยังยืนยันว่าทาไม่ได้ และขอให้เข้มนึกถึงบุญคุณของพ่อทาให้เข้มนึกถึงความหลังที่เป็นความทรมานฝังลึกในใจของเขาเสมอมา เมื่อแม่ถามย้าเรื่องการแต่งงาน เข้มจึงบอกความรู้สึกที่มีต่อหนูตุ่น แม่จึงบอกให้เขาจัดการเรื่องหัวใจของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่จะสายเกินไป เข้มรู้จากคุณปุ้มว่าหนูตุ่นไปอบรมพัฒนาการที่ปัตตานี ๓ เดือน จึงลางานและเดินทางไปหาเธอเพื่อบอกความในใจก่อนที่จะเดินทางไปต่าประเทศ ขณะอยู่บนรถไฟ เข้มยังนึกถึงคาพูดของบิดาก่อนจากมาว่าท่านต้องการให้เข้มย้ายเข้ามาอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อจะได้สะดวกสบายซึ่งใครก็อยากได้แต่เขาปฏิเสธเสมอมา ทาให้พ่อไม่เข้าใจและว่าเข้มทาตัวเป็นนักกินอุดมคติ ทั้งที่ได้ตามอุดมคติของตนเองมานานพอสมควรแล้ว และหากเข้มไม่เชื่อฟังจะไปอยู่ต่างจังหวัดไกลๆก็จะไม่ยอมให้เอาแม่ไปด้วย เมื่อถึงปัตตานีเข้มพบเพื่อน ซึ่งอาสาให้ขอยืมรถใช้ เข้มรู้จากศูนย์พัฒนาว่า วันหยุดศุภราจะไปอยู่ที่ปุลากง เขาจึงรีบตามไปพบเธอที่นั่น สร้างความประหลาดใจให้กับเธอยิ่งนัก เข้มบอกว่ามาลา และมีธุระจะคุยด้วย
  • 7. ขอให้ศุภราเข้าเมืองไปด้วยกัน ระหว่างทางรถเกิดเสีย และเป็นเวลามืดแล้ว ศุภราเห็นกลุ่มคนเดินมาทั้งสองจึงทิ้งรถและหลบเข้าป่าข้างทาง คนกลุ่มนั้นยิงรถหลายนัดก่อนจะออกค้นหาคน แต่ไม่พบจึงเดินจากไป เข้มและศุภราจึงหลบอยู่ที่นั่น เขาบอกความในใจของตนต่อศุภราและขอเธอแต่งงานด้วย โดยที่ทั้งสองตั้งใจจะทางานเพื่ออุดมคติ อย่างน้อยชีวิตหนึ่งที่เกิดมาเป็นคน ก็ได้ทาประโยชน์เพื่อเพื่อนร่วมชาติร่วมโลกที่ใฝ่หาสันติและเสรีภาพ แม้ชื่อของเขาจะไม่เป็นที่รู้จักของใครก็ตาม ตัวละครเรื่องปุลากง ๑.เข้ม ๒.หนูตุ่น ๓.พ่อ ๔.นางแพงศรี ๕.คุณฉะอ้อน ๖.คุณปุ้ม ๗.อดิศร ๘.อนันต์ ๙.นางพิรุณ ๑๐.วีรุทย์ ๑๑.เมียอดิศร ๑๒.นางพุ่ม ๑๓.กวง ๑๔.ครูใหญ่ ๑๕.คาดีเยาะ ๑๖.นะฟี ๑๗.การีม ๑๘.สุไลมาน ๑๙.เจ้ามือวงไพ่
  • 8. ๒๐.คุณจักร ๒๑.มูเนาะ ๒๒.วิมล ๒๓.นายอาเภอ ๒๔.ตารวจที่โดนยิง ๒๕.จีรภา ๒๖.จิตรี ๒๗.กลุ่มอาสาสมัคร ๒๘.ตารวจ (หลาย) ๒๙.ลูกน้องสุไลมาน ๓๐.ชาวบ้าน ๓๑.โจร๑-๔ บทละครเรื่องปุลากง บทที่ ๑ เข้ม :ที่บ้านไม่มีใคร ผมมารับคุณพี่ ไม่ทราบว่าเธอเรียนดนตรีเสร็จหรือยัง (คุยกับนางพิรุณ) นางพิรุณ :ครูอยากให้คุณปุ้ม เล่นทบทวนอีกสักสองสามครั้งถึงค่อยกลับ คุณปุ้ม : ได้ค่ะ เข้ม..รอพี่ซักครู่นะจ๊ะ ได้ไหม เข้ม :ครับ นางพิรุณ:นั่งรอที่ระเบียงได้นะจ๊ะ เข้มเดินออกมานั่งรอที่ระเบียงตามที่เจ้าของบ้านร้องบอก เมื่อเสียงเปียโนดังกระทบโสตประสาท รอยยิ้มบางๆเกลี่ยที่มุมปากได้รูปของเด็กหนุ่ม เพลงนี้อีกแล้วที่คุณพี่เล่นไม่ได้ เธอเคยบอกเขาว่า เป็นคนพิการ เขาไม่ให้ทาอะไรก็คิดว่าจะเรียนดนตรี อย่างน้อยเกิดยากจนก็จะได้รับเด็กๆมาสอนได้ คุณพี่นะไม่มีวันยากจน ถึงพิการแต่คุณพ่อก็มีมรดกให้มากมาย ขึ้นชื่อว่าลูกเมียหลวงซะอย่าง เขาไม่เคยได้อะไรเท่าเทียมกับพี่น้องทั้งสี่คน แม้แต่สิทธิ์ที่จะอยู่ในบ้านใหญ่ เสียงเปียโนที่บรรเลงนั้นทาให้รู้สึกถึงก้อนแข็งๆจุกอยู่ที่ลาคอ แม้จะพยายามฝืนกลืนลงไปมากแค่ไหน ความรู้สึกเหล่านั้นก็ยังไม่หายไป ชวนให้นึกย้อนกลับไปยังอดีตที่แสนเจ็บปวด
  • 9. พ่อ :จะเอาไปทาอะไรวะเข้ม ไวโอลินน่ะ ดนตรีมันเป็นของคนพิการโว้ย แกควรเอาใจใส่กับวิชาชีพมากกว่า จบแล้วหางานทาเลี้ยงตัวเองให้รอด พ่อให้ได้แต่ความรู้ ทรัพย์สมบัติเป็นของคุณฉะอ้อนเขาแกก็รู้ จะรักดนตรีอะไรนักหนา เข้ม :ก็คุณพ่อบอกผมว่า ถ้าสอบได้คะแนนสูงกว่าแปดสิบห้าเปอร์เซ็นต์จะให้รางวัล ทีคุณอดิศรได้คะแนนต่ากว่าผม คุณพ่อยังให้จักรยานเขา พ่อ :แกจะไปเทียบกับอดิศรไม่ได้ แม่เขาซื้อให้ ฉันไม่รู้เรื่อง เข้ม :แต่คุณอดิศรบอกว่าคุณพ่อซื้อให้!! พ่อ :เอ๊ะ! ไอ้นี่..ไป ยังไม่ให้ ถ้าขืนแกจะเล่นดนตรีละก็มันต้องหาเช้ากินค่า ไอ้พวกนักดนตรีมันเร่ร่อนจะตายไป (เข้มวิ่งชนพ่อออกไป ปิดประตูดังปิ้ง!!) ..ปัจจุบัน.. คุณปุ้ม : กลับบ้านกันเถอะเข้ม คิดอะไรอยู่หรือป่าว พี่เรียกตั้งหลายครั้งไม่ได้ยินหรือ เข้ม : เปล่า..คิดเรื่องสอบครับ (เข็นรถเข็นคุณปุ้ม) เข้ม :คุณพี่ไม่อยากไปทะเลบ้างหรือครับ คุณปุ้ม : จริงสินะ เข้มบอกว่าไม่มีคนอยู่บ้าน เขาไปไหนกันล่ะ เข้ม :หัวหิน… (เข็นมาถึงบ้าน, เข้มนั่ง) คุณปุ้ม : เข้มอยากไปละซิ เข้ม :ผมไม่เคยเห็น ก็อยากไปครับ คุณปุ้ม : ค่าใช้จ่ายตอนไปโรงเรียน..คุณพ่อยังจ่ายเงินเท่าเดิมอยู่หรือ เข้ม :ครับ ได้วันละสามบาท คุณปุ้ม : แล้วพอซื้อข้าวหรอ สมัยนี้ข้าวจานละสองบาทก็ไม่พออิ่ม เด็กตัวโตอย่างเข้มพอกินหรือจ๊ะ เข้ม :แม่ห่อข้าวให้ครับคุณพี่ ผมต้องแอบไปกินหลังห้องน้า เพื่อนมันชอบล้อว่าเป็นเด็กวัด ห่อข้าวมากิน แต่ถ้าไม่ทาอย่างนั้นผมก็เรียนไม่รู้เรื่อง ปีหน้าผมก็จะสอบเข้าโรงเรียนเตรียม บางทีอาจจะต้องขอยืมเงินคุณพี่ แล้วจะหามาใช้ คุณปุ้ม : จะยืมเท่าไหร่ แล้วจะหามาใช้พี่ยังไง เข้ม :จะขอยืมคุณพี่สักสามร้อยบาท ผมหามาใช้คุณพี่ได้ละกัน แต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมที่จะบอกคุณพี่ คุณปุ้ม : พี่จะให้ยืมแต่ต้องสัญญานะว่าจะไม่ทาเรื่องผิดกฎหมาย
  • 10. เข้ม :ผมไม่ได้ไปทางานนั้นบ่อยๆหรอกครับ ผมก็แค่อาศัยโชคเสี่ยงดูก็เท่านั้น คุณปุ้ม : แสดงว่าไม่ค่อยถูกกฎหมายสินะ เข้ม :คุณพี่ฉลาด แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะบอก (เข้มลุกจะเดินออกไป) คุณปุ้ม : นั่นจะไปไหน เข้ม :จะกลับบ้านไปทานข้าวครับ คุณปุ้ม : พาพี่ไปด้วยสิ นั่งทานคนเดียวเหงาจะตายไป เดี๋ยวพี่ให้นังเติมยกอาการตามไป เข้ม :นังเติมปากสว่างจะตายไป พอคุณฉะอ้อนกลับมาคุณพี่จะโดนดุได้ คุณปุ้ม : ช่างคุณแม่ประไร จะบ่นไปได้สักเท่าไหร่กัน (เข้มพยักหน้า แล้วเข็นรถเข็นไป) บทที่ ๒ กวง : คุณนายเธอถามหาอานายเข้ม..พอดีมีเจ้ามือคนใหม่มันเงินหนา อีอยากให้อานายเข้มไปกู้หน้าให้อีหน่อย นะอานายเข้ม.. เข้ม :ไม่..แกก็รู้ว่าฉันทาเฉพาะยามจาเป็น กวง : อั๊วก็บอกอีไปแล้วว่าอานายเข้มไม่ได้เล่นเพราะติดงอมแงม มันก็บอกว่าคนเล่นการพนันนะมันมีผีเข้าสิง เข้ม :แต่ผีมันไม่เข้าสิงฉันโว้ย ตอนนี้ขอยืมเงินคุณปุ้มได้แล้ว ฉันไม่อยากเล่นจนติดเป็นสันดานแบบพวกแก กวง : อานายเข้มจะไม่ช่วยคุณนายจริงๆหรอ เข้ม :ไม่โว้ย (มองนาฬิกา) นี่ก็ได้เวลาแล้ว ฉันจะไปรับคุณปุ้ม บ้านครูพิรุณ เข้ม :ที่บ้านไม่มีใคร ผมมารับคุณพี่ นางพิรุณ :อยู่หลังบ้านจ๊ะคุณเข้ม คุณปุ้มเธออยู่กับหนูตุ่น (เข้มเดินไป) คุณปุ้ม : อ้าว เข้ม..วันนี้มารับพี่ช้าจัง นี่หนูตุ่นลูกสาวของครูพิรุณกับวีรุทย์ลูกชายนายตารวจที่อยู่ข้างบ้านครูพิรุณ ทาความรู้จักกันไว้นะ (สองคนยกมือไหว้ เข้มมองๆแล้วกระตุกยิ้ม) เข้ม :กลับกันเถอะครับคุณพี่ คุณปุ้ม : จ๊ะเข้ม (บ๊ายบายให้สองคน) (เข็นรถเข็นเรื่อยๆ) เข้ม :ที่บ้านใหญ่กาลังมีเรื่อง คุณอดิศรเขาพาเมียมากราบคุณพ่อและคุณฉะอ้อนที่ตึก เมียเขาก็ท้องโตหลายเดือนแล้ว
  • 11. คุณปุ้ม : อดิศรเพิ่งจะเรียนพาณิชย์ปีหนึ่ง จะมีเมียมีลูกได้อย่างไร เข้ม :ประเดี๋ยวก็รู้ (เข็นรถมาถึงหน้าบ้าน พาคุณปุ้มไปนั่งแล้วเข้มเดินออกมา) คุณฉะอ้อน :ลูกชายของฉันอนาคตกาลังรุ่งเรือง แกไม่น่ามาเป็นมารขัดขวางความสาเร็จของเขาเลย แล้วเด็กในท้องเอาออกได้ไหม ทั้งหล่อนทั้งอดิศรก็ไม่ต้องการไม่ใช่รึ เมียอดิศร :หนูไม่คิดว่ามันจะเกิด นางพุ่ม : ฉันบอกมันแล้วย่ะคุณนาย แต่มันบอกกลัวเจ็บก็เลยปล่อยจนท้องโตขนาดนี้ คุณฉะอ้อน :รู้แล้วย่ะ นางพุ่ม : ลูกฉันก็อายุสิบสี่ปีเท่านั้นแหละ พ่อ : แล้วยังไง นางพุ่ม : ก็..พรากผู้เยาว์ พ่อ : (ปาบุหรี่ทิ้ง) เหอะ จัดการกันเองละกัน ฉันจะไม่ยุ่งด้วย ปวดหัวเต็มที คุณฉะอ้อน :โอ้ย คุณก็ดีแต่เอาตัวรอด ดีแต่ก่อแต่แก้ไม่เป็นเหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก เจ้าลูกชายตัวดีก็หาแต่เหาใส่หัว นางพุ่ม : (ลุกขึ้นชี้หน้า) นี่นางคุณนาย ลูกชั้นไม่ใช่เหานะย่ะ คุณฉะอ้อน :มันไม่ใช่แค่ลูกหล่อนนะซิย่ะ ถ้ายกโขยงมาทั้งตระกูล มาเกาะกินลูกชายฉันจะทายังไง นางพุ่ม : แหม..ก็เรื่องธรรมดา ที่ฝ่ายผัวก็ต้องดูแลพี่น้องทางฝ่ายเมีย คุณฉะอ้อน :โอย..จะเป็นลม (ทรุดตัวนั่ง) ฉันบอกแกแล้วนะอดิศรเวลาเลือกเมียให้เลือกลูกคนเดียว อนันต์ : คุณแม่รักแต่หนูตุ่น ลูกสาวคุณพิรุณข้างบ้าน คุณฉะอ้อน :หุบปากของแกเถอะอนันต์ แล้วแกจะทายังไงต่ออดิศร นางพุ่ม : ก็จดทะเบียนรับอีหนูนี่มาอยู่ที่นี่ก็จบ คุณฉะอ้อน : ว่าไง..แกจะรับนังหนูนี่ไหม ถ้าจะรับก็ให้นอนข้างล่าง แกไม่มีสิทธิ์พานังหนูนี่ขึ้นไปข้างบน อดิศร : ครับคุณแม่ นางพุ่ม : ขอบใจย่ะ..ชะเอมอดทนนะลูก คนแก่มันอยู่ได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวเย็นๆจะให้น้องเอาเสื้อผ้ามาให้ (นางพุ่มเดินออกไป) บทที่ ๓
  • 12. บ้านครูพิรุณ หนูตุ่น : ขโมย ขโมย รุทย์ ขโมยขึ้นบ้านเรา วีรุทย์ : มาหาใครครับคุณเข้ม เข้ม :คุณอัมพิกา หนูตุ่น : ที่หลังก็เข้าทางหน้าบ้านซิคุณเข้ม เข้ม :ทาไม ประตูหลังก็มี หนูตุ่น : คุณแม่ไม่ให้ใช้ทางข้างหลังแล้ว เข้ม :ทาไมก็ฉันจะใช้ หนูตุ่น : จะฟ้องคุณแม่พูดจาไม่เพราะเลยตัวโตเสียเปล่า ใครๆเขาก็เรียกคุณเข้มว่าเสือโคร่งทั้งนั้น แบร๋ๆๆ วีรุทย์ : หนูตุ่น (กระตุกแขนเสื้อ) เข้ม :ทาปากดีไปเถอะ แม่ตัวดี หนูตุ่น : เขาพูดกันทั้งนั้นว่านายคนนี้นะขี้โมโห โกรธใครต่อใครไปทั่ว เพื่อนก็ไม่มีมี โกรธคนทั้งโลกหรือไงย่ะ วีรุทย์ : หนูตุ่น.. (จับไหล่) เข้ม :ปากจัด หนูตุ่น : วีรุทย์ก็เคยเห็น เวลาเขามารับคุณพี่น่ะ หน้างออย่างกับตัวหมากรุก ที่บ้านไม่มีใคร..ผมมารับคุณพี่ (ล้อเลียน) เข้ม :เด็กบ้าอะไร ปากจัดอย่างกับแม่ค้าในตลาด ถ้าเป็นผู้ชายจะลากมาต่อยให้ปากเจ่อ วีรุทย์ : เอ่อ..คุณพี่อยู่ในบ้านกับครูพิรุณครับ เข้ม :ขอบใจ (เข้มเดินเข้าบ้านไป) คุณปุ้ม : มีอะไรหรือเข้ม เข้ม :ผมเอาเงินมาคืนคุณพี่ ที่ยืมไปสามร้อยนะครับ คุณปุ้ม : อ้าว ทาไมเร็วนักล่ะ เข้ม :ทาไมจะต้องถามผมด้วย คุณปุ้ม : เข้ม..(ดึงเก้าอี้ข้างๆให้เข้มนั่ง) เมื่อไหร่จะบอกพี่ได้ซักทีว่าเอาเงินมาจากไหน เข้ม :ผมเคยบอกคุณพี่แล้วว่ามันเป็นความลับ
  • 13. คุณปุ้ม : ก็พี่สงสัย แล้วไหนว่าจะเอาไปสมัครเรียนโรงเรียนเตรียม เข้ม :ผมว่าจะเรียนตารวจมันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว คุณปุ้ม : ทางออกอะไร เข้ม :ผมก็บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง แต่.. นี่ครับเงินของคุณพี่ คุณปุ้ม : (รับเงิน) เข้มรู้ตัวรึป่าว ว่าคิดอะไรเกินวัย คิดมากจนไม่ยอมยิ้มให้ใคร เข้ม :รู้ครับ แต่ไม่เห็นจาเป็นจะต้องยิ้มให้ใคร คุณปุ้ม : เข้ม..พี่จะถามครั้งสุดท้ายนะ บอกพี่มาตามตรงว่าเข้มไปหาเงินนี้มาจากไหน พี่สัญญาว่าจะไม่บอกน้าแพงศรี เข้ม :ผม..ไปเล่นไพ่ คุณปุ้ม : เข้มก็รู้ว่าการพนันมันไม่ดี ถ้าหากโดนจับจะว่ายังไง เข้ม :ผมไม่เคยประมาท อีกอย่างลูกนายตารวจที่มาเล่นก็มี คุณปุ้ม : ใครเป็นคนชวน แล้วไปเล่นที่ไหน เข้ม :อย่าทราบเลยครับ คุณพี่สัญญากับผมแล้วนะว่าจะไม่บอกพ่อกับแม่ ผมต้องไปแล้ว (เข้มลุกขึ้นจะเดินออกไป) นางพิรุณ :คุณเข้ม อยู่ทานข้าวกับครูก่อนสิจ๊ะ เข้ม :ผะ..ผมไม่ว่างครับ ขอโทษที (รีบเดินออกไป) บทที่ ๔ วงไพ่..เป็นแหล่งมั่วสุมของผีพนันที่ชอบเสี่ยงดวง เข้มเป็นหนึ่งในคนที่ร่วมวงพนันด้วย เจ้ามือ : เอ้าลงเงินๆใครจะสู้ก็ลงเงินมา (กล้องจับไปที่คนเล่นแต่ลงคน บท >> คิดสด) กวง : อานายเข้ม ป๊อกอีกแล้ว คุณจักร : อะไรวะ เดี๋ยวป๊อก เดี๋ยวป๊อก นี่พวกมึงโกงกันใช่มั้ย เจ้ามือ : อะไรกันคุณจักร โกงเกิงอะไรกัน มาๆเล่นต่อเถอะ (สับไพ่แล้วแจก) (กล้องจับมาที่เข้ม) กวง : ไชโย อานายเข้มป๊อกออีกแล้ว ห้าห้าห้า คุณจักร : นี่มันโกงกันนี่หว่า มึงสมรู้ร่วมคิดกับไอ้เด็กเปรตนี่โกงกูใช่มั้ย
  • 14. เจ้ามือ : ใจเย็นๆนะคุณจักร ไม่มีใครโกงใครหรอก ไอ้เด็กนี่มันเล่นได้เยอะเพราะดวงมันดี คุณจักร : มึงโกงกู ไม่งั้น ไอ้เด็กนี่มันไม่ได้ทุกรอบหรอก เจ้ามือ : คุณจักรพูดดีๆสิครับ คุณจักร : กูจะพูดอย่างนี้ มีปัญหาอะไร พวกมึงโกงกูก็ต้องรับผิดชอบ (หยิบปืนออกมาเล็งที่เจ้ามือ) เจ้ามือ : คุณจักรใจเย็นๆ วางปืนลงเถอะ คุณจักร : ไม่เว้ย มึงต้องชดใช้ไอ้เจ้ามือ (ยิงเจ้ามือ) (เกิดความวุ่นวาย มีคนมาห้ามคุณจักร กล้องจับไปที่ กวงกับเข้มที่วิ่งหนีไป) กวง : เกือบซวยแหนะอานายเข้ม โชคดีที่ยังหนีทัน เข้ม :เดี๋ยวไปหาที่หลบก่อนดีกว่า เย็นๆค่อยแยกย้ายกลับบ้าน (เข้มกลับมาบ้าน) พ่อ : อัมพิกาบอกฉันว่า เจ้าเข้มออกไปหาเงินเอง แม้แต่กางเกงขายาวยังไม่มีใส่ เงินที่ฉันให้ไปมันก็มากพออยู่ นี่เธอดูมันบ้างหรือป่าว นับวันจะเริ่มทาตัวเหมือนพวกกุ๊ย นางแพงศรี : ดิฉันก็ดูแลอยู่ตลอดนะคะคุณ พ่อ : เธอจะไปรู้เรื่องอะไร วันๆอยู่แต่ในบ้าน ฉันก็ส่งเสียให้มันเรียนโรงเรียนฝรั่งดีกว่าลูกบ้านนี้เสียอีก ยังไม่รู้จักสานึกบุญคุณ ท่าทางหยิ่งผยองแบบนั้นถอดแบบพ่อของเธอมาไม่มีผิด นางแพงศรี : ก็เข้มมีเลือดของคุณพ่ออยู่นี่คะ ดิฉันก็สอนลูกอยู่แล้วด้วย พ่อ : แต่เจ้าเข้มมันหัวแข็ง อวดดี ใจกระด้าง คอยดูเถอะอีกไม่นานก็ต้องซมซานกลับมาพึ่งพาบารมีของฉัน สมัยนี้ดูแค่ใบประกาศอย่างเดียวไม่ได้หรอก ต้องอาศัยเส้นสาย เธอก็อธิบายให้มันเข้าใจด้วยว่าต้องรู้จักเข้าหาผู้ใหญ่ ไม่ใช่ให้ผู้ใหญ่ยื่นมือเข้าช่วย นางแพงศรี : เข้มไม่ใช่คนแบบนั้นนะคะ (เข้มเดินเข้ามา) พ่อ : นั้นไง หายไปไหนมาละเจ้าเข้ม เข้ม :ผมไปกับกวง พ่อ : ทาอะไร เข้ม :ผมอยากได้ไวโอลินและกางเกงขายาว อยากตัดเสื้อซักสองตัว และผม..ผมลงเรียนฟันดาบ เขาเก็บค่าเรียนล่วงหน้า งานแสดงในวันคริสต์มาสผมเป็นหัวหน้าชั้น เป็นหัวหน้ากลุ่มโครงงานวิทยาศาสตร์
  • 15. เราต้องแสดงกิจกรรมในงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเสด็จทอดพระเนตร ผมเป็นคนกราบบังคมทูลเกี่ยวกับงานของเรา..ผมไม่เคยมีกางเกงขายาว ใครๆเขาก็นุ่งกางเกงขายาวทั้งนั้น พ่อ : ทาไมแกไม่ขอฉันตรงๆ แทนการทาตัวต่าช้าแบบนั้น เข้ม :ผมเคยขอแล้วครับ พ่อ : ฉันไม่รู้ เข้ม :ครับ พ่อ : หมายความว่าไง เข้ม :ผมช่วยตัวเองมานายแล้วครับคุณพ่อ ผมไม่มีทางเลือก พ่อ : เลวทาม ผีพนันมันเข้าสิงแกนะซิ อย่ามาแก้ตัวเสียให้ยาก เข้ม :ผมไม่ได้ถูกผีพวกนั้นเข้าสิง พ่อ : เมื่อครู่นี้ตารวจมาตามหาแก เขาถามว่าแกอยู่ไหน มีคนฟ้องว่าแกอยู่ในที่เกิดเหตุ เขาทาท่าจะไม่เชื่อ แต่ฉันยังมีอานาจอยู่บ้างพอจะคุ้มหัวแก เข้ม :ผมกราบขอบพระคุณครับ พ่อ : ไม่ต้อง ฉันแค่กลัวว่านามสกุลของฉันมันจะแปดเปื้อน นั่นแกจะไปไหน บอกฉันมาว่าแกไปก่อเรื่องอะไร เข้ม :ผมแค่ไปหาเงินเท่านั้น พ่อ : นี่เจ้าเข้มหยุดเดี๋ยวนี้นะ มาคุยกันให้รู้เรื่อง! บทที่ ๕-๖ (เข้มกาลังแต่งตัว ทาแป้ง บลาๆๆๆ) (อนันต์รอที่ประตู) อนันต์ : หวัดดีนายเข้ม เข้ม :คุณอนันต์..มีอะไร ถึงมาที่นี่ อนันต์ : คุณพ่ออยากพบ เข้ม :ขอบคุณ..ทาไมไม่ให้คนใช้มาตามละ ปกติไม่เห็นเคยลงมา อนันต์ : ไม่มีใครว่าง..ก็เลยอาสาลงมา..อ้าว แล้วจะไม่ไปหรอ เข้ม :ขอเปลี่ยนกางเกงก่อน (อนันต์เดินออกไปรอข้างนอก นางแพงศรีก็เดินเข้ามา) นางแพงศรี : ไปพบพ่อก็ยิ้มแย้มด้วยนะลูก อย่าพกความไม่พอใจไปด้วย เดี๋ยวผู้ใหญ่จะหาว่าเราเป็นคนแข็งกระด้าง
  • 16. เข้ม :ผมก็เป็นคนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร คุณพ่อเขาทราบดี นางแพงศรี : นั้นแหละจ๊ะ แม่เตือนๆเท่านั้น (เข้มเดินตามหลังอนันต์ไปถึงเรือนใหญ่) อนันต์ : ไปนั่งรอเถอะ เดี๋ยวคุณพ่อก็ลงมา (อนันต์เดินไปหาคุณฉะอ้อน เข้มยกมือไหว้คุณฉะอ้อน) พ่อ : ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเจ้าเข้ม อัมพิกาเขาบอกว่าปีหน้าแกก็จะจบออกมาเป็นนายตารวจรึ เข้ม :ครับ พ่อ : บุหรี่ไหม เข้ม :ผมไม่สูบ พ่อ : ดี..ลูกบ้านนี้มันสูบกันทุกคน คุณฉะอ้อน :ผู้ชายเขาก็สูบกันทั้งนั้นนี่คุณ พ่อ : จบมาแล้วเขาจะให้ไปอยู่ที่ไหนละ เข้ม :ผมไม่ทราบครับ พ่อ : แกควรจะขอให้ฉันช่วยนะเข้ม จะได้ไม่ต้องออกไปลาบากที่ต่างจังหวัด เข้ม :แต่ผมไม่มีความจาเป็นที่จะต้องขอร้องคุณพ่อนี่ครับ เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องทาตามคาสั่งจากทางราชการ พ่อ : แต่ใครๆก็อยากอยู่ในกรุงเทพ ถ้าแกเป็นลูกชาวบ้านธรรมดาก็ว่าไปอย่าง แต่ฉัน..เป็นพ่อของแก อนันต์เขาจะไปอเมริกาฉันก็ส่งเสียเขาไปเรียน แกก็เป็นลูกจะเอาอะไรก็ว่ามา จะให้ฉันไปขอร้องอ้อนวอนก็ยังได้ แต่คนอย่างฉัน..ต้องการให้ลูกเข้มแข็ง ไม่ใช่อ่อนแอเป็นไอ้หน้าตัวเมีย ต้องมีความคิดเป็นของตัวเอง แกจะเอายังไงก็บอกมา เข้ม : ก็ผมเรียนให้ทราบแล้วว่าผมจะไม่ขอร้องใคร พ่อ : ฉันถามว่าแกจะไปไหน เข้ม :ผมจะออกต่างจังหวัด พ่อ : คิดดีแล้วหรอที่จะไม่รับความช่วยเหลือจากพ่อของแก จะคิดแบบนั้นก็ตามใจ แต่แม่ของแกนั่นแหละจะลาบาก เขามาหาฉัน เราคุยเรื่องของแกหลายวันแล้วเข้ม เข้ม :ผมจะพาแม่ไปอยู่ด้วย คนที่เขาไม่มีเส้นสายทาไมยังอยู่ได้ ผู้ชายควรยืนได้ด้วยขาของตัวเองไม่ใช่คอยให้แต่พ่อแม่อุ้มชู ไอ้ผู้ชายแบบนั้นมันควรนุ่งกระโปรง พ่อ : พอทีเจ้าเข้ม นี่ใครเป็นพ่อใครกันแน่วะ เข้ม :ผมเพียงแต่อธิบายให้คุณพ่อฟังเท่านั้น
  • 17. พ่อ : กลับไปคิดให้ดีเสียก่อน แล้วค่อยมาบอกฉัน เข้ม :ผมคิดว่าตอบไปแล้ว พ่อ : แกจะไม่ขอให้ฉันช่วยสินะ เหอะ..แกมันอวดดี ทะนงตนเหมือนตาของแก อายุแกยังน้อยนักไม่เข้าใจหรอกว่าอุดมคติมันกินไม่ได้ ซักวันแกจะรู้ว่าเงินสาคัญกว่าอะไรทั้งสิ้น เข้ม :ผมจะใช้เงินของผม และมันก็ไม่เคยเป็นนายผม พ่อ : แล้วฉันจะคอยดู (เข้มลุกออกไป อนันต์เดินตามไป) อนันต์ : เข้ม..อาชีพตารวจ นายไม่กลัวตายบ้างรึไงวะ เข้ม :ผมชอบและรักอาชีพนี้ อนันต์ : ไม่กลัวเมียเป็นม่ายรึไง เข้ม :ผู้หญิงที่เป็นเมียผมจะต้องเข้มแข็งอดทน ผมไม่หาเมียที่อ่อนไหวหรอกครับคุณอนันต์ อนันต์ : พูดแบบนี้แสดงว่ามีใครที่แอบมองไว้แล้วสินะ ใครกันละ เข้ม :ไม่จาเป็นต้องตอบ อนันต์ : โมโหอีกแล้วรึนายเข้ม เข้ม :ผมขอลากลับก่อน คุณแม่คงรอทานข้าวอยู่ (เข้มเดินออกไป) บทที่ ๗-๑๒ หนูตุ่นหรือศุภรา นักพัฒนากรคนใหม่ เดินทางมาที่ตาบลปุลากงเพื่อพัฒนาชุมชนตามที่ได้รับคาสั่งจากทางราชการ วีรุทย์ : หัวหน้าเขาจัดที่พักให้แล้ว ต้องเข้าไปรายงานตัวเมื่อไหร่หรอ หนูตุ่น : ก็คงเป็นวันจันทร์ หรือไม่ก็วันอังคาร วีรุทย์ : ก็ดีแล้วจะได้มีเวลาคุยกันเยอะหน่อย หนูตุ่น : คงต้องขอคาแนะนาจากเธอเยอะเลย คงไม่รบกวนเวลาของเธอนะ วีรุทย์ : ยินดีให้คาแนะนาเสมอ.. หมู่บ้านนี่ห่างไกลจากความเจริญเยอะ ชาวบ้านส่วนมากนับถือศาสนาอิสลาม ทางเข้าหมู่บ้านเป็นดินแดง เดินทางกลางคืนอันตราย อาทิตย์นึงจะมีคนจากอนามัยมาดูแล คาว่าอดทนต้องจาให้ขึ้นใจเลยละ หนูตุ่น : แล้วงานของรุทย์ละเป็นยังไงบ้าง
  • 18. วีรุทย์ : อีกปีกว่าคงจะเรียบร้อย คงจะได้ย้ายเข้ากรุงเทพก่อนหนูตุ่น หลังจากที่แยกย้ายกับวีรุทย์ หนูตุ่นจึงเข้าไปรายงานตัวแล้วมาพบกับครูใหญ่ และอาศัยอยู่ที่บ้านของครูใหญ่ เช้าวันต่อมาครูใหญ่เรียกประชุมแนะนาศุภราให้กับชาวบ้าน และวางแผนว่าจะเริ่มซ่อมแซมโรงเรียนและถนนที่ใช้สัญจรไปโรงเรียน คาดีเยาะ : (วิ่งมาหาแล้วเอาน้ามาให้) เหนื่อยมั้ยคะครู นี่ค่ะน้า หนูตุ่น : ไม่เหนื่อยจ๊ะ มีคนให้กาลังใจดีขนาดนี้จ้างให้ก็ไม่เหนื่อยจ๊ะ (นายอาเภอเดินมาพร้อมกับเข้ม) ครูใหญ่: สวัสดีครับ มาเยี่ยมพวกเราหรอครับ นายอาเภอ : ก็ได้ข่าวว่ามีการพัฒนาอาเภอก็เลยมาเยี่ยม ไหนละคนริเริ่ม ครูใหญ่: นั้นไงครับที่กาลังโกยดินอยู่ คุณครูครับๆๆ มานี่หน่อยครับ (หนูตุ่นเดินมา) ครูใหญ่: นี่แหละครับ พัฒนากรของเรา คุณศุภรารู้จักท่านนายอาเภอสิครับ หนูตุ่น : สวัสดีค่ะ นายอาเภอ : สวัสดีครับ ตัวเล็กนิดเดียวแต่ทาได้ขนาดนี้ เยี่ยมจริงๆ เออ..แล้วนี่ผู้กองคนใหม่ นายร้อยตารวจเอกศกร หนูตุ่น : สวัสดีค่ะ (ศกรทาแบบที่ตารวจทาอะ) (แล้วเข้มก็เดินตามนายอาเภอไป) คืนนั้น มีเด็กหายตัวไปจากบ้านครูใหญ่ เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น (มีเสียงเคาะประตู) เข้ม : ครูๆ ผมฝากคนเจ็บหน่อยครับ เปิดประตูหน่อย เข้ม :ไม่มีอะไรแล้วละครับ เช้ามืดจะมีรถมารับคนเจ็บ.. ทาแผลให้หน่อยหนูตุ่น ที่แขนน่ะ แค่โดนถากๆ (ลุกไปหยิบกล่องยา) ครูใหญ่: ผู้กองเห็นตัวพวกมันรึยังครับ เข้ม :ยังเลยครู แต่ได้ข่าวว่าพวกมันซ่อนตัวอยู่ ถ้าพบตัวมันช่วยส่งข่าวบอกด้วย (หนูตุ่นเดินเข้ามา) หนูตุ่น : กินยาแก้ปวดหน่อยนะ (เอายาแก้ปวดให้คนโดนยิง) เข้ม :เห้ย..เพิ่งกินเข้าไปตอนถูกยิง ขืนกินเข้าไปได้ตายพอดี หนูตุ่น : ก็จะไปรู้ได้ไง (ทาเป็นหงุดหงิดนิดๆ แล้วก็ทาแผล) คาดีเยาะ : แล้วนะฟีอยู่ที่ไหนคะ เข้ม :(ยิ้มๆ) พรุ่งนี้เช้าเขาจะกลับมาจ๊ะหนู ครูใหญ่: (หันไปบอกเมียกับลูก) ไปนอนได้แล้วไป
  • 19. บทที่ ๑๓-๑๕ (หนูตุ่นกับคาดีเยาะเดินคุยกันเรื่อยๆ) คาดีเยาะ : เมาะเคยบอกว่า แต่งงานกับเปาะตอนอายุสิบสี่นะค่ะ นะฟี :ครูครับๆ หนูตุ่น : นะฟีกลับมาแล้วหรอจ๊ะ นะฟี :มีคนถูกยิงครับครู ตามผมมาครับ (สามคนวิ่งๆไป) นะฟี :เขาชื่อการีมครับ คนนี้แหละที่ให้เงินผมแล้วให้ผมไปบอกตารวจ ครูช่วยเขาเถอะนะครับ การีม : ซาลามัต นะฟี :พวกโจรตามล่าเขามา แล้วถูกยิงที่ขา ตอนนี้เขาเจ็บปวดมากต้องการยาแก้ปวด เขาขอให้ครูช่วยเขานะครับ หนูตุ่น : เราจะไปแจ้งครูใหญ่ เขาต้องการหมอมากกว่ายา และเราได้รับคาสั่งจากตารวจให้แจ้งข่าวว่าพบพวกโจร การีม : ผมเดินทางมาหลายวันแล้วทาไมวันนี้จะไปต่อไม่ได้ ขอบคุณล่วงหน้าถ้าคุณไม่พูดถึงผม (การีมลุกแล้วก็เดิน) หนูตุ่น : นายกาลังจะตายเพราะแผลนายอักเสบมากนะ (เข้าไปพยุง) พาเขาไปที่กระท่อมนั้นเถอะ (ช่วยกันพยุงไป) เช้าวันต่อมา หนูตุ่น : นี่ยาแก้ปวด กินซะ การีม : ผมรู้ว่ายาของครูมันแพงมาก หนูตุ่น : ช่างเถอะ ฉันอยากให้นายหาย จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันซะที การีม : ดูเหมือนทุกคนอยากจะให้ผมไปให้พ้น หนูตุ่น : ก็แน่ละ นายรู้มั้ยตั้งแต่นายมากอยู่ฉันต้องคอยเหลียวหน้าระวังหลัง เกือบจะเหมือนโจรไปทุกทีละ การีม : คุณคงลาบากใจ เลยจะบอกตารวจ หนูตุ่น : คุณรู้ได้ไง การีม : ก็นะฟีบอกผม ผมอาจจะหนีไปคืนนี้ หนูตุ่น : นั้นก็เป็นสิทธิ์ของนาย ฉันจะกลับก่อนละ (หนูตุ่นเดินออกไป) (การีมผิวปาก) หนูตุ่น : (หนูตุ่นเดินกลับมา) นายเป็นใครกันแน่คงไม่ใช่ลูกน้องสุไลมานที่ว่าใช่มั้ย การีม : ใครว่าไม่ใช่ผมนี่แหละการีมที่คอยรับใช้สุไลมาน
  • 20. หนูตุ่น : ฉันไปละ คืนนี้นะฟีจะมานอนเป็นเพื่อน พรุ่งนี้เช้าจะมีคนมารับนายไปที่โรงพยาบาล (การีมจับแขนหนูตุ่น) การีม : เดี๋ยวก่อนสิครู คุยกันก่อนสิ แค่นี้ก็ต้องโกรธหรอ หนูตุ่น : อวดดียังไงถึงทาแบบนี้ พูดดีๆก็ได้ไม่เห็นต้องจับไม้จับมือ การีม : ก็ผมตามคุณไปไม่ได้หนิ หนูตุ่น : มีอะไรก็พูดมา การีม : ผมคือการีมสมุนโจรสุไลมาน (หนูตุ่นลุก) เดี๋ยวก่อนสิครูไม่ฟังต่อละ ไหนๆพรุ่งนี้ก็จะโดนจับแล้ว ให้ผมเล่าอะไรให้คุณฟังหน่อยไม่ได้หรอ ผมเคยเป็นหัวหน้านักกีฬาคณะนิติศาสตร์ คุณคงจบธรรมศาสตร์ถึงได้จาเพลงนี้ได้ นี่คือรอยที่เขาทากับผมในวันที่ผมคิดหนี แล้วนี่คือรอยที่สลักชื่อเขาไว้เพื่อผูกผมไว้กับตัวเขา (เปิดที่คอกับแขน) เพื่อต้องการเอาตัวรอด วันไหนที่เขาจนตรอกเขาก็จะฆ่าผมแล้วซักทอดว่าผมคือสุไลมาน (เสียงพังประตู) สุไลมาน :ฉลาดมากศักดิ์สิทธิ์ หนีฉันมาได้ไกลขนาดนี้ นั้นใครศักดิ์สิทธิ์ เมียแกหรอ การีม : ไม่ใช่อะ สุไลมาน :จับไปทั้งสองคนนั้นแหละ ปล่อยไว้ไม่ได้ เดี๋ยวปากโป้ง การีม : อย่า!! (สุไลมานหัวเราะ) เห็นว่าผมจะตายก่อนคุณ สุไลมาน :แกคงห่วงแม่คนนี้มากสินะ งั้นก็เอาหล่อนไปด้วยสิเพื่อนห้าห้าห้า นี่หนู..การีมนะเขามีพ่อเป็นเศรษฐีที่ภูเก็ตนู้น อยู่กับเขาได้สบายไปทั้งชาติ การีม : เธอจะไม่ไปไหนกับใครทั้งนั้น เธอเป็นคนของรัฐบาลถ้าแกยุ่งกับเธอจะมีคดีเพื่อขึ้น ฉันจะไปกับแกเองแต่แกต้องปล่อยเธอไป สุไลมาน : งั้นต้องฆ่าหล่อน ปล่อยไว้ไม่ได้เราจะลาบาก การีม : งั้นเอาเธอไปด้วย (ถูกพาตัวไปแล้วก็เดินๆ) สุไลมาน :มึงสองคนข้ามไปรอฝั่งนั้นก่อน ถึงเวลาแล้วเพื่อนฉันต้องทาวะ ขอโทษด้วยมันจาเป็นจริงๆ การีม : แล้วผู้หญิงคนนี้ละ สุไลมาน :แกก็พากันไปแต่งงานที่เมืองผีสิ ยากอะไรเล่า การีม : ไอ้สารเลว ไอ้สัตว์นรก สุไลมาน :หืมมม ตามสบายเลยเพื่อน ฉันเปิดโอกาสให้ด่าได้เป็นครั้งสุดท้าย ด่าเสร็จแล้วก็ลงไปในน้า ตายในน้าแกจะได้ลอยไปในเมือง คนจะได้รู้ว่าสุไลมานตายแล้ว