SlideShare a Scribd company logo
1 of 11
Download to read offline
เงินเฟ้อไทยไปต่อ…หรือพอแค่นี้
KEY SUMMARY
_____
เงินเฟ้อไทยเริ่มส่งสัญญาณทรงตัว
เงินเฟ้อไทยล่าสุดเดือนสิงหาคม ขยายตัว 7.9%YOY จากเดือนก่อนหน้าที่ 7.6%YOY ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ที่ +0.05%MOM จาก -0.16%MOM ในเดือนกรกฎาคมเทียบกับเดือนมิถุนายน สาเหตุหลักจากราคาพลังงาน
ที่ขยายตัวชะลอลง สะท้อนสัญญาณเงินเฟ้อไทยที่เริ่มทรงตัวและอาจผ่านจุดสูงสุดแล้ว อย่างไรก็ดี หากพิจารณา
ถึงองค์ประกอบของเงินเฟ้อพบว่าเงินเฟ้อพื้นฐาน (หักราคาพลังงานและอาหารสด) ยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาอาหารและสินค้าหลายชนิดที่ทยอยปรับขึ้นราคาตามการส่งผ่านต้นทุนของผู้ผลิต
ที่มากขึ้นในช่วงเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว สอดคล้องกับผลการศึกษาของ EIC ที่พบว่าเงินเฟ้อจากฝั่งอุปสงค์เริ่มทยอย
ปรับตัวสูงขึ้นบ้างแล้วในช่วงหลัง
EIC คาดเงินเฟ้อทยอยปรับลดลงในระยะถัดไป แต่ยังอยู่ในระดับสูงจากหลายปัจจัย
ในระยะถัดไป EIC มองเงินเฟ้อจะเริ่มทยอยปรับลดลงจนกลับมาใกล้กรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย
ในปีหน้าจากแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิดที่เริ่มชะลอลงในช่วงที่ผ่านมา แต่เงินเฟ้อจะชะลอตัวอย่างค่อยเป็น
ค่อยไป เนื่องจากราคาพลังงานที่ยังสูง การส่งผ่านต้นทุนจากผู้ประกอบการที่จะมีมากขึ้นตามการฟื้นตัว
ของเศรษฐกิจ และแนวโน้มราคาสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากต้นทุนปุ๋ยที่สูงขึ้น นโยบาย
จากัดการส่งออกข้าวของอินเดียและปัจจัยฐาน ราคา LPG และค่าไฟฟ้าที่มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการ
ขาดแคลนแรงงานต่างชาติและการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่าปลายปีนี้ที่จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อต้นทุนการผลิตในวงกว้าง
โดย EIC ประเมินว่าการเพิ่มขึ้นของค่าแรงขั้นต่าเฉลี่ย 5% ทั่วประเทศตั้งแต่ตุลาคมนี้ จะส่งผลทาให้อัตราเงินเฟ้อ
ของไทยในปีหน้าเพิ่มขึ้นราว 0.2%
ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นกระทบกาลังซื้อครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อย
ราคาพลังงานและอาหารที่คาดว่ายังอยู่ในระดับสูงทาให้รายได้ที่แท้จริงลดลง (รายได้หักเงินเฟ้อ) ส่งผลกระทบ
โดยตรงต่อกาลังซื้อครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤติ COVID-19 และมีค่าใช้จ่าย
ด้านอาหารและพลังงานสูงถึง 53% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด สอดคล้องกับผลการสารวจความคิดเห็นผู้บริโภค
ของ EIC ที่พบว่าราว 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามเผชิญปัญหารายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย, 77% ประสบ
ปัญหาการออมลดลงหรือเก็บออมไม่ได้เลย และ 44% เชื่อว่ารายจ่ายจะเพิ่มในอัตราที่มากกว่ารายได้ในช่วง 6 เดือน
ข้างหน้า ทาให้ภาคครัวเรือนบางส่วนจาเป็นต้องลดหรือชะลอการใช้จ่าย นาสภาพคล่องที่มีอยู่ออกมาใช้ หรือ
ก่อหนี้ใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ กดดันภาพรวมการบริโภคของประเทศ ภาครัฐจึงควรมีบทบาทสาคัญ
ในการเข้ามาช่วยเหลือ
สถานการณ์เงินเฟ้อช่วงที่ผ่านมา
เงินเฟ้อโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและยุโรปเร่งตัวต่อเนื่องสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ จากการฟื้นตัว
ของเศรษฐกิจที่ผ่านช่วงการระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้อุปสงค์ต่อสินค้าและพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับ
ปัญหาอุปทานคอขวด (Supply-chain disruption) ตลาดแรงงานตึงตัว และสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ ยิ่งตอกย้าให้
ปัญหาเงินเฟ้อสูงจากความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานรุนแรงขึ้น
เงินเฟ้อไทยรวมถึงประเทศเศรษฐกิจกาลังพัฒนาอื่นก็ปรับสูงขึ้นเร็วเช่นกัน แต่เป็นผลจากปัจจัยด้านอุปทานเป็นหลัก
ขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศเพิ่งเริ่มฟื้นตัว อย่างไรก็ดี เงินเฟ้อโลกส่งผลต่อเงินเฟ้อไทยค่อนข้างจากัดกว่าประเทศ
อื่น เนื่องจากสินค้านาเข้าของไทยจานวนมากใช้ผลิตเพื่อการส่งออก ไม่ได้ใช้บริโภคโดยตรงหรือผลิตเพื่อการอุปโภค
บริโภคภายในประเทศมากนัก นอกจากนี้ แม้ประเทศไทยเป็นประเทศนาเข้าน้ามันสุทธิ แต่ราคาน้ามันในประเทศที่ผ่านมา
ยังไม่ได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานโลกที่ปรับสูงขึ้นมากอย่างเต็มที่ เนื่องจากมีมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ
โดยเฉพาะมาตรการพยุงราคาพลังงานทาให้เงินเฟ้อไทยมีความอ่อนไหวต่อราคาสินค้านาเข้าต่า โดย EIC พบว่าช่วงปี
2021 เป็นต้นมา เงินเฟ้อไทยเริ่มสูงขึ้นและได้รับการส่งผ่านจากราคาสินค้านาเข้าที่เกี่ยวข้องกับน้ามันมีสัดส่วนสูง
ขี้นมาก เนื่องจากราคาน้ามันในตลาดโลกเร่งตัวสูง ประกอบกับการผ่อนผันนโยบายการพยุงราคาน้ามันภายในประเทศ
โดยพบว่าเงินเฟ้อไทยเป็นผลมาจากการส่งผ่านของราคาสินค้านาเข้าที่เกี่ยวข้องกับน้ามัน 52% สินค้านาเข้าที่ไม่
เกี่ยวข้องกับน้ามัน 18% และปัจจัยภายในประเทศและปัจจัยอื่น ๆ 30% (รูปที่ 1)
รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนสิงหาคมของกระทรวงพาณิชย์พบว่า เงินเฟ้อไทยปรับสูงขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 7.9%
จากปัจจัยหลักด้านราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 30.5%YOY ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นมากถึง 3.1%
จากราคาสินค้ากลุ่มอาหารในและนอกบ้าน (รูปที่ 2) อย่างไรก็ดี หากพิจารณาเทียบกับเดือนก่อนหน้า จะพบว่าเงินเฟ้อ
ในเดือนสิงหาคมเริ่มทรงตัวที่ +0.05%MOM จากที่ลดลง -0.16%MOM ในเดือนก่อน (ซึ่งนับเป็นการชะลอตัวครั้งแรก
ในรอบ 7 เดือน) สาเหตุหลักจากราคาพลังงานเริ่มขยายตัวชะลอลง โดยดัชนีราคาพลังงานเดือนสิงหาคมลดลง
-2.7%MOM ปรับลดลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ตามแนวโน้มราคาพลังงานโลก เป็นสัญญาณสะท้อนว่าเงินเฟ้อไทย
เริ่มผ่อนคลายและผ่านจุดสูงสุดแล้ว
รูปที่ 1 : เงินเฟ้อโลกส่งผ่านมายังเงินเฟ้อไทยมากขึ้นจากราคาสินค้านาเข้าที่เกี่ยวข้องกับน้ามัน
ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ และ CEIC
รูปที่ 2 : อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาสินค้ากลุ่มอาหารในและนอกบ้าน
ที่มา : กระทรวงพาณิชย์
แนวโน้มเงินเฟ้อของไทย
แม้เงินเฟ้อไทยเริ่มทรงตัวในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมและอาจเริ่มชะลอลงอีกในระยะต่อไปจากแนวโน้มราคา
สินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับลดลงและปัจจัยฐานสูง แต่ยังมีหลายปัจจัยที่จะยังกดดันให้เงินเฟ้อไม่ชะลอลงเร็วนัก ได้แก่
1. ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ในประเทศยังคงสูงต่อเนื่อง
ในช่วงที่ผ่านมา ราคาพลังงานในประเทศไม่ได้ปรับสูงมากตามราคาโลกเพราะมีมาตรการพยุงราคาของภาครัฐ เพื่อลด
ผลกระทบจากราคาโลกที่จะถูกส่งผ่านมาถึงผู้บริโภคในประเทศ จากการศึกษา EIC พบว่า ราคาน้ามันดิบ Brent มี
ความสัมพันธ์กับดัชนีราคาผู้ผลิตมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย เนื่องจากที่ผ่านมามีการตรึงราคาพลังงาน
ในประเทศ (รูปที่ 3) สะท้อนถึงความสามารถในการส่งผ่านต้นทุนพลังงานไปยังราคาสินค้าได้อย่างจากัด ดังนั้น
แม้ราคาพลังงานโลกจะผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว แต่ราคาพลังงานในไทยจะยังทรงตัวในระดับสูงและอาจยังไม่ปรับลดลง
ตามมากนัก ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมากส่งผลให้น้ามันในประเทศยังคงเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงอยู่
อีกทั้ง ค่า FT ที่ทยอยปรับขึ้นต่อเนื่องจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้นตามแนวโน้มราคา LNG ในตลาดโลก
ที่ตึงตัวมาก โดยเฉพาะในยุโรปและไทยจาเป็นต้องพึ่งพาการนาเข้า LNG สูงขึ้น เนื่องจากการผลิตก๊าซธรรมชาติ
ในประเทศทยอยลดลง นอกจากปัจจัยราคาพลังงานแล้ว ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกหลายชนิด เช่น ข้าวสาลี ถั่วเหลือง
รวมถึงราคาเหล็กจากจีนและปูนซีเมนต์ของไทยก็มีแนวโน้มปรับลดลงจากจุดสูงสุดแล้วเช่นกัน แต่คาดว่ายังอยู่ใน
ระดับสูงกว่าช่วงปี 2021 อีกทั้ง ข้าวที่ราคาหดตัวในช่วงที่ผ่านมาก็มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นในช่วงท้ายปีจากต้นทุนปุ๋ย
ที่เพิ่มขึ้นประกอบกับนโยบายห้ามส่งออกปลายข้าวและขึ้นภาษีส่งออกข้าวขาวและข้าวกล้องทุกชนิด 20% ของอินเดีย
ที่เพิ่งประกาศออกมาในวันที่ 8 กันยายน และปัจจัยฐานจะเป็นแรงผลักดันให้ราคาข้าวในไทยปรับตัวสูงขึ้นในระยะต่อไป
และสร้างแรงกดดันต้นทุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร ก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์
รูปที่ 3 : ราคาน้ามันดิบ Brent มีความสัมพันธ์กับดัชนีราคาผู้ผลิตมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย
ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ และ CEIC
2. ตลาดแรงงานไทยที่เริ่มฟื้นตัวและการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่า
ตลาดแรงงานไทยที่ซบเซาในช่วงการแพร่ระบาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี 2022 จากการผ่อนคลายมาตรการ
ควบคุมโรคและการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะภาคบริการ ทั้งนี้แรงงานต่างชาติบางส่วนที่ออกจากประเทศ
ไทยไปในช่วงกลางปี 2021 จากการระบาดและการปิดแคมป์คนงานยังกลับเข้ามาไทยได้ไม่เต็มที่ หลายภาคธุรกิจ
โดยเฉพาะภาคก่อสร้างต้องพึ่งพาแรงงานไทยในสัดส่วนสูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนค่าจ้างแรงงานปรับเพิ่มตาม ประกอบกับ
แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่าของรัฐบาลเฉลี่ยราว 5% ทั้งประเทศในช่วงต้นเดือนตุลาคม โดยจะปรับขึ้นค่าจ้าง
ขั้นต่าเฉลี่ย 16.2 บาท/วัน เป็น 328 – 354 บาท/วัน1 ยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านต้นทุนต่อผู้ประกอบการในวงกว้างโดยเฉพาะ
ภาคอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนลูกจ้างที่ต้องปรับขึ้นค่าแรงตามค่าแรงขั้นต่าสูง โดย EIC ประเมินว่าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่า
เฉลี่ย 5% จะส่งผลต่อเงินเฟ้อในปี 2022 จากัด แต่จะส่งผลต่อเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2023 มากขึ้นที่ 0.16%
3. การส่งผ่านราคาของผู้ประกอบการมาสู่ผู้บริโภคมากขึ้น
เงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการผลิต โดยที่ผ่านมาผู้ผลิตหลายรายไม่สามารถ
ส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นไปยังผู้บริโภคได้มากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจและกาลังซื้อของผู้บริโภคยังฟื้นตัวช้าจากการระบาด
ทั้งนี้การวิเคราะห์ของ EIC พบว่า ระยะเวลาที่ใช้ในการส่งผ่านราคาจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคในแต่ละสินค้ามีความแตกต่าง
กัน ในบางสินค้าผู้ผลิตสามารถส่งผ่านต้นทุนได้เร็ว แต่ในบางสินค้าที่มีการควบคุมจากรัฐจะส่งผ่านราคายากขึ้น (รูปที่
4) โดยการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารและเครื่องดื่มในเดือนปัจจุบัน เป็นผลมาจากต้นทุนสินค้าด้านการเกษตรในเดือนที่
แล้วและเดือนปัจจุบัน ในส่วนของการเพิ่มขึ้นของราคาเชื้อเพลิงและราคา Transport & Communication ในเดือน
ปัจจุบัน เป็นผลมาจากต้นทุนสินค้าด้านพลังงานในเดือนที่แล้วและเดือนปัจจุบัน แสดงถึงว่าผู้ผลิตส่งผ่านต้นทุนสินค้า
ไปยังราคาได้เร็ว ในทางกลับกัน สาหรับราคาไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นผลจากต้นทุนสินค้าด้านพลังงานใน 11 เดือนก่อน
หน้า สะท้อนว่าผู้ผลิตส่งผ่านต้นทุนสินค้าไปยังราคาได้ช้าอันเนื่องมาจากมีนโยบายพยุงราคาจากภาครัฐในช่วงที่ผ่านมา
1
จังหวัดที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด 22 บาท/วัน ได้แก่ กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร และจังหวัดที่
ปรับขึ้น น้อยสุด 8 บาท/วัน ได้แก่ อุดรธานี
ดังนั้น ในระยะถัดไปหากต้นทุนของผู้ผลิตยังคงอยู่ระดับสูงทั้งจากราคาพลังงานและอาหารตามที่กล่าวมาข้างต้น ความ
น่ากังวลจึงตกมาอยู่ที่การส่งผ่านราคาที่จะมีได้มากขึ้นและเร็วขึ้นจากการลดมาตรการพยุงราคาจากภาครัฐ อีกทั้ง ในช่วง
ที่ผ่านมาด้วยเหตุการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น ทาให้เงินเฟ้อในไทยถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยด้านอุปทานเป็น
หลัก ส่วนเงินเฟ้อจากทางอุปสงค์ยังเป็นสัดส่วนที่น้อย แต่ก็มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของกาลังซื้อ
ภายในประเทศ
รูปที่ 4 : ระยะเวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการส่งผ่านราคาจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคในแต่ละสินค้ามีความแตกต่างกัน
หมายเหตุ : ความเข้มของสีในตารางแสดงถึงระดับของผลกระทบของ PPI ที่มีต่อ CPI (coefficient)
ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ และ CEIC
จากการวิเคราะห์ด้วย Generalized additive model พบว่าปัจจัยด้านอุปทานเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเงินเฟ้อ
ของไทยตั้งแต่มกราคม ถึงสิงหาคม 2022 คิดเป็น 86.5% ของเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น โดยมีสาเหตุหลักมาจากการส่งผ่าน
ต้นทุนการผลิตด้านพลังงาน แต่เงินเฟ้อด้านอุปสงค์เริ่มเร่งตัวจากการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัว
โดยในเดือนมกราคมพบเงินเฟ้อจากด้านอุปสงค์เพียง 9.9% ของเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น แต่ในเดือนสิงหาคมพบว่า เงินเฟ้อ
ด้านอุปสงค์เร่งตัวอยู่ในระดับ 22.2% ของเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น ทาให้ในระยะถัดไปการส่งผ่านราคาจะทาได้มากขึ้นตามการ
ฟื้นตัวของอุปสงค์ (รูปที่ 5)
รูปที่ 5 : ปัจจัยด้านอุปทานเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเงินเฟ้อของไทยในช่วงที่ผ่านมา
ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ และ CEIC
ในระยะข้างหน้า EIC ประเมินว่าผู้ประกอบการเตรียมจะทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าเพื่อส่งผ่านภาระต้นทุนไปยัง
ผู้บริโภคมากขึ้น เนื่องจากต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นพร้อมกันหลายด้านทั้งต้นทุนพลังงาน วัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ ค่าขนส่ง
และค่าแรง ประกอบกับเศรษฐกิจไทยทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ธันวาคม 2021 ถึงกรกฎาคม 2022 พบว่ามีผู้ผลิต
116 บริษัท ยื่นขอปรับขึ้นราคาสินค้า 127 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 936 รายการ ใน 11 หมวดสินค้า ได้แก่ 1. หมวดกระดาษ
และผลิตภัณฑ์ 2. หมวดบริภัณฑ์ขนส่ง 3. หมวดปัจจัยทางการเกษตร 4. หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม 5. หมวดยารักษา
โรคและเวชภัณฑ์ 6. หมวดวัสดุก่อสร้าง 7. หมวดสินค้าเกษตรที่สาคัญ 8. หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค 9. หมวดอาหาร
10. หมวดอื่น ๆ และ 11. หมวดบริการ แต่กระทรวงพาณิชย์ยังไม่ให้มีการปรับราคาสินค้า ก่อนจะเริ่มอนุญาตให้ทยอย
ปรับขึ้นราคาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และคาดว่าผู้ผลิตจะทยอยปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่องตามภาระต้นทุนสูงที่แบกรับ
มานานในระยะถัดไป
จากการศึกษา EIC พบว่าดัชนีราคาผู้ผลิตมีความสัมพันธ์กับดัชนีราคาผู้บริโภคเชิงบวกและมีผลส่งผ่านช่วงเงินเฟ้อ
มากกว่าช่วงเงินฝืด โดยหากดัชนีราคาผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น ผลกระทบของดัชนีราคาผู้ผลิตต่อดัชนีราคา
ผู้บริโภคจะมากกว่าในกรณีดัชนีราคาผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงลดลงกล่าวคือ เมื่อต้นทุนเพิ่มขึ้นราคาสินค้ามีแนวโน้ม
เพิ่มสูงขึ้นแต่หากต้นทุนผู้ผลิตลดลง ราคาสินค้าจะมีแนวโน้มลดลงช้ากว่า ทาให้ในระยะข้างหน้าถึงแม้สถานการณ์ราคา
พลังงานและต้นทุนผู้ผลิตเริ่มคลี่คลาย ราคาที่ผู้บริโภคต้องจ่ายคงจะไม่ได้ลดลงเร็วตาม (รูปที่ 6)
รูปที่ 6 : ดัชนีราคาผู้ผลิตมีความสัมพันธ์กับดัชนีราคาผู้บริโภคเชิงบวกและมีผลส่งผ่านช่วงเงินเฟ้อมากกว่าช่วงเงินฝืด
ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ และ CEIC
ผลกระทบต่อภาคครัวเรือน
ปัญหาเงินเฟ้อสูงมีผลกดดันการบริโภคครัวเรือน รายได้ที่แท้จริงปรับลดลง (รูปที่ 7) ตอกย้าปัญหา “ของแพง
ค่าแรงถูก” ในสังคมไทย ทาให้ภาคครัวเรือนในบางส่วนจาเป็นต้องลดหรือชะลอการใช้จ่าย นาสภาพคล่องที่มีอยู่
ออกมาใช้ หรือก่อหนี้ใหม่ โดยเฉพาะจากปัญหาราคาพลังงานและอาหารที่คาดว่ายังอยู่ในระดับสูงยิ่งส่งผลกระทบ
โดยตรงต่อกาลังซื้อกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ค่าใช้จ่ายด้านอาหารและพลังงานสูงถึง 53% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด (รูปที่ 8)
สอดคล้องกับผลการสารวจความคิดเห็นผู้บริโภคของ EIC ที่พบว่าราว 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามเผชิญปัญหารายได้
ไม่เพียงพอกับรายจ่าย, 77% ประสบปัญหาการออมลดลงหรือเก็บออมไม่ได้เลย และ 44% เชื่อว่ารายจ่ายจะเพิ่มในอัตรา
ที่มากกว่ารายได้ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า สะท้อนถึงแรงกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระดับมหภาคทั้งจากการบริโภค
ภาคเอกชนที่หายไป สถานะทางการเงินที่เปราะบางมากขึ้น และซ้าเติมปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เดิมอยู่สูงถึง เกือบ 90%
ของ GDP ณ สิ้น ไตรมาสแรกของปี 2022
รูปที่ 7 : ปัญหาเงินเฟ้อสูงมีผลกดดันการบริโภคครัวเรือน รายได้ที่แท้จริงปรับลดลง
ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของสานักงานสถิติแห่งชาติ และสานักงานประกันสังคม
รูปที่ 8 : ปัญหาราคาพลังงานและอาหารที่คาดว่ายังอยู่ในระดับสูงยิ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกาลังซื้อกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของสานักงานสถิติแห่งชาติและสานักงานประกันสังคม
EIC ประเมินความเสี่ยงภาระค่าครองชีพของกลุ่มครัวเรือนทั้งหมดตามระดับรายได้ ค่าใช้จ่าย เงินออม และหนี้สิน
พบว่า (1) 56.5% มีรายได้เพียงพอต่อรายจ่าย เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงน้อย-ปานกลาง (2) 9.2% มีรายได้เพียงพอต่อ
รายจ่าย แต่มีเงินเหลือเก็บไม่เกิน 5% ของรายได้ เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง (3) 15.4% มีรายได้ไม่เพียงพอต่อ
รายจ่ายแต่ยังมีเงินเก็บเพียงพอที่จะนามาชดเชยได้ เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง (4) 15.2% มีรายได้และเงินเก็บไม่
เพียงพอ แต่มีหนี้ไม่สูงมาก เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงมาก และ (5) 3.8% มีรายได้และเงินเก็บไม่เพียงพอ และยังมีหนี้
สูง นอกจากนี้ พบว่าค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นเป็นปัญหาที่พบในทุกระดับรายได้ของครัวเรือน โดยเฉพาะครัวเรือนรายได้
น้อย และเป็นที่น่าสังเกตว่าครัวเรือนนอกภาคเกษตรมีเงินเก็บลดลงมากกว่าครัวเรือนที่มีรายได้จากภาคเกษตร
เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากต้นทุนการผลิตในรอบต่อไปที่อาจอยู่
ในระดับสูง (รูปที่ 9)
ดังนั้น ในสถานการณ์ที่ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องและรวดเร็วเช่นนี้ ภาครัฐควรมีมาตรการช่วยเหลือที่ตรงจุด
สาหรับภาคครัวเรือนโดยเฉพาะกลุ่มที่เปราะบาง ได้แก่ มาตรการเร่งด่วนและเจาะจง เช่น การลดหนี้ การให้เงิน
ช่วยเหลือ การเพิ่มสิทธิสวัสดิการ พร้อมเพิ่มความสามารถในการหารายได้ ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือด้านสภาพคล่อง
เช่น สินเชื้อดอกเบี้ยต่าที่มีเงื่อนไขการผ่อนชาระที่สอดคล้องกับระดับรายได้ การลดค่าครองชีพในสินค้าและบริการ
จาเป็น รวมถึงช่วยเหลือในรูปแบบเงินโอน และมาตรการกระตุ้นกาลังซื้อสาหรับกลุ่มที่มีกาลังซื้อสูง โดยเน้นการใช้จ่าย
กับผู้ประกอบการขนาดเล็กในประเทศ นอกจากนี้ ภาครัฐควรออกนโยบายเกี่ยวกับการแก้หนี้นอกระบบเพิ่มเติม
ทั้งการป้องกันไม่ให้ประชาชนพึ่งพาหนี้นอกระบบมากขึ้น และการดึงหนี้นอกระบบให้กลับเข้าสู่ในระบบ ซึ่งภาระ
ดอกเบี้ยถูกกว่า เพื่อช่วยให้ครัวเรือนไทยปลดหนี้ได้อย่างยั่งยืน
รูปที่ 9 : 34.4% ของกลุ่มตัวอย่างมีปัญหารายได้ไม่พอรายจ่าย
ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของสานักงานสถิติแห่งชาติ
โดยสรุปเศรษฐกิจไทยจะยังเผชิญกับปัญหาของแพงต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง และ EIC ประเมินว่าเงินเฟ้ออาจจะ
กลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ไม่เร็วนัก จากราคาพลังงานและอาหารที่ยังสูง และการ
ส่งผ่านต้นทุนจากผู้ผลิตที่มากขึ้น กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจผ่านการบริโภคและการลงทุน ทาให้เป็นความท้าทาย
ของผู้กาหนดนโยบายที่จะควบคุมเงินเฟ้อไทยในระยะถัดไป ทั้งจากปัจจัยอุปทานที่ยังมีอยู่ และอุปสงค์ที่ทยอยเพิ่มขึ้น
ต่อเนื่อง สะท้อนว่าจริง ๆ แล้ว เราอาจจะเพิ่งรู้ตัวว่ารู้จักเงินเฟ้อน้อยเกินไปดังเช่นที่นาย Jerome Powell ประธาน
ธนาคารกลางของสหรัฐฯ กล่าวไว้ในงาน the European Central Bank (ECB) Forum ช่วงเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาว่า “we
now understand better how little we understand about inflation”
บทวิเคราะห์โดย... https://www.scbeic.com/th/detail/product/inflation-120922
Disclaimer: The information contained in this report has been obtained from sources believed to be reliable. However, neither we nor any of our respective affiliates, employees or
representatives make any representation or warranty, express or implied, as to the accuracy or completeness of any of the information contained in this report, and we and our respective
affiliates, employees or representatives expressly disclaim any and all liability relating to or resulting from the use of this report or such information by the recipient or other persons in
whatever manner. Any opinions presented herein represent our subjective views and our current estimates and judgments based on various assumptions that may be subject to change
without notice, and may not prove to be correct. This report is for the recipient’s information only. It does not represent or constitute any advice, offer, recommendation, or solicitation by us
and should not be relied upon as such. We, or any of our associates, may also have an interest in the companies mentioned herein.
ผู้เขียนบทวิเคราะห์
ดร.ปุณยวัจน์ ศรีสิงห์ (poonyawat.sreesing@scb.co.th)
นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส
วิชาญ กุลาตี (vishal.gulati@scb.co.th)
นักวิเคราะห์
ดร.อสมา เหลี่ยมมุกดา (asama.liammukda@scb.co.th)
นักวิเคราะห์
______
ECONOMIC AND FINANCIAL MARKET RESEARCH
ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ
รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน Economic Intelligence Center (EIC)
และรองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร
ธนาคารไทยพาณิชย์ จากัด (มหาชน)
ดร.ฐิติมา ชูเชิด
ผู้อานวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ และตลาดการเงิน
วชิรวัฒน์ บานชื่น
นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส
ดร.ปุณยวัจน์ ศรีสิงห์
นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส
จงรัก ก้องกาชัย
นักวิเคราะห์
ณิชนันท์ โลกวิทูล
นักวิเคราะห์
ปัณณ์ พัฒนศิริ
นักวิเคราะห์
วิชาญ กุลาตี
นักวิเคราะห์
ดร.อสมา เหลี่ยมมุกดา
นักวิเคราะห์
EIC_In Focus_Thai Inflation_20220912.pdf

More Related Content

More from SCBEICSCB

SCB EIC ประเมินอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงในปีนี้ ตาม Momentum เศรษฐกิจไทยและเงิน...
SCB EIC ประเมินอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงในปีนี้ ตาม Momentum เศรษฐกิจไทยและเงิน...SCB EIC ประเมินอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงในปีนี้ ตาม Momentum เศรษฐกิจไทยและเงิน...
SCB EIC ประเมินอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงในปีนี้ ตาม Momentum เศรษฐกิจไทยและเงิน...SCBEICSCB
 
SCB EIC Monthly Jan 24
SCB EIC Monthly Jan 24SCB EIC Monthly Jan 24
SCB EIC Monthly Jan 24SCBEICSCB
 
สำรวจเทรนด์สุขภาพเวลเนสชาวไทยด้านดูแล รักษา และป้องกัน…ธุรกิจดาวรุ่งที่กำลังเ...
สำรวจเทรนด์สุขภาพเวลเนสชาวไทยด้านดูแล รักษา และป้องกัน…ธุรกิจดาวรุ่งที่กำลังเ...สำรวจเทรนด์สุขภาพเวลเนสชาวไทยด้านดูแล รักษา และป้องกัน…ธุรกิจดาวรุ่งที่กำลังเ...
สำรวจเทรนด์สุขภาพเวลเนสชาวไทยด้านดูแล รักษา และป้องกัน…ธุรกิจดาวรุ่งที่กำลังเ...SCBEICSCB
 
เมื่อคนไทย (ส่วนใหญ่) ยังไม่พร้อม…การเตรียมความพร้อมจึงจำเป็น
เมื่อคนไทย (ส่วนใหญ่) ยังไม่พร้อม…การเตรียมความพร้อมจึงจำเป็นเมื่อคนไทย (ส่วนใหญ่) ยังไม่พร้อม…การเตรียมความพร้อมจึงจำเป็น
เมื่อคนไทย (ส่วนใหญ่) ยังไม่พร้อม…การเตรียมความพร้อมจึงจำเป็นSCBEICSCB
 
SCB EIC คาดอุตสาหกรรมก่อสร้างปี 2024 ขยายตัว 2%YOY แตะ 1.4 ล้านล้านบาท แนะผู้...
SCB EIC คาดอุตสาหกรรมก่อสร้างปี 2024 ขยายตัว 2%YOY แตะ 1.4 ล้านล้านบาท แนะผู้...SCB EIC คาดอุตสาหกรรมก่อสร้างปี 2024 ขยายตัว 2%YOY แตะ 1.4 ล้านล้านบาท แนะผู้...
SCB EIC คาดอุตสาหกรรมก่อสร้างปี 2024 ขยายตัว 2%YOY แตะ 1.4 ล้านล้านบาท แนะผู้...SCBEICSCB
 
In focus-Health and wellness survey-2023.pdf
In focus-Health and wellness survey-2023.pdfIn focus-Health and wellness survey-2023.pdf
In focus-Health and wellness survey-2023.pdfSCBEICSCB
 
Outlook ไตรมาส 4/2023
Outlook ไตรมาส 4/2023Outlook ไตรมาส 4/2023
Outlook ไตรมาส 4/2023SCBEICSCB
 
อุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 2024 ยังขยายตัวได้ แม้จะเผชิญปัญหาภัยแล้งรุนแรง
อุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 2024 ยังขยายตัวได้ แม้จะเผชิญปัญหาภัยแล้งรุนแรงอุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 2024 ยังขยายตัวได้ แม้จะเผชิญปัญหาภัยแล้งรุนแรง
อุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 2024 ยังขยายตัวได้ แม้จะเผชิญปัญหาภัยแล้งรุนแรงSCBEICSCB
 
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdfOutlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdfSCBEICSCB
 
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdfOutlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdfSCBEICSCB
 
SCB-EIC-Monthly-NOV-20231123.pdf
SCB-EIC-Monthly-NOV-20231123.pdfSCB-EIC-Monthly-NOV-20231123.pdf
SCB-EIC-Monthly-NOV-20231123.pdfSCBEICSCB
 
SCB EIC มองตลาดพื้นที่สำนักงานให้เช่าและตลาดพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าปี 2024 ยังม...
SCB EIC มองตลาดพื้นที่สำนักงานให้เช่าและตลาดพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าปี 2024 ยังม...SCB EIC มองตลาดพื้นที่สำนักงานให้เช่าและตลาดพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าปี 2024 ยังม...
SCB EIC มองตลาดพื้นที่สำนักงานให้เช่าและตลาดพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าปี 2024 ยังม...SCBEICSCB
 
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลมปี 2024 เติบโตตามกระแสการใช้ไฟฟ้าสีเขีย...
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลมปี 2024 เติบโตตามกระแสการใช้ไฟฟ้าสีเขีย...โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลมปี 2024 เติบโตตามกระแสการใช้ไฟฟ้าสีเขีย...
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลมปี 2024 เติบโตตามกระแสการใช้ไฟฟ้าสีเขีย...SCBEICSCB
 
อุตสาหกรรมอาหารทะเลมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ท่ามกลางแนวโน้มการฟื้นตัวที่เปราะบา...
อุตสาหกรรมอาหารทะเลมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ท่ามกลางแนวโน้มการฟื้นตัวที่เปราะบา...อุตสาหกรรมอาหารทะเลมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ท่ามกลางแนวโน้มการฟื้นตัวที่เปราะบา...
อุตสาหกรรมอาหารทะเลมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ท่ามกลางแนวโน้มการฟื้นตัวที่เปราะบา...SCBEICSCB
 
Industry_Insight_Restaurant_20231107.pdf
Industry_Insight_Restaurant_20231107.pdfIndustry_Insight_Restaurant_20231107.pdf
Industry_Insight_Restaurant_20231107.pdfSCBEICSCB
 
SCB EIC Industry insight-Power overview-20231027.pdf
SCB EIC Industry insight-Power overview-20231027.pdfSCB EIC Industry insight-Power overview-20231027.pdf
SCB EIC Industry insight-Power overview-20231027.pdfSCBEICSCB
 
SCB EIC Monthly-OCT-20231020.pdf
SCB EIC Monthly-OCT-20231020.pdfSCB EIC Monthly-OCT-20231020.pdf
SCB EIC Monthly-OCT-20231020.pdfSCBEICSCB
 
Outlook Quarter 3/2023
Outlook Quarter 3/2023Outlook Quarter 3/2023
Outlook Quarter 3/2023SCBEICSCB
 
Outlook 3Q2023-Full report-final.pdf
Outlook 3Q2023-Full report-final.pdfOutlook 3Q2023-Full report-final.pdf
Outlook 3Q2023-Full report-final.pdfSCBEICSCB
 
Outlook 3Q2023-Full report-final.pdf
Outlook 3Q2023-Full report-final.pdfOutlook 3Q2023-Full report-final.pdf
Outlook 3Q2023-Full report-final.pdfSCBEICSCB
 

More from SCBEICSCB (20)

SCB EIC ประเมินอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงในปีนี้ ตาม Momentum เศรษฐกิจไทยและเงิน...
SCB EIC ประเมินอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงในปีนี้ ตาม Momentum เศรษฐกิจไทยและเงิน...SCB EIC ประเมินอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงในปีนี้ ตาม Momentum เศรษฐกิจไทยและเงิน...
SCB EIC ประเมินอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงในปีนี้ ตาม Momentum เศรษฐกิจไทยและเงิน...
 
SCB EIC Monthly Jan 24
SCB EIC Monthly Jan 24SCB EIC Monthly Jan 24
SCB EIC Monthly Jan 24
 
สำรวจเทรนด์สุขภาพเวลเนสชาวไทยด้านดูแล รักษา และป้องกัน…ธุรกิจดาวรุ่งที่กำลังเ...
สำรวจเทรนด์สุขภาพเวลเนสชาวไทยด้านดูแล รักษา และป้องกัน…ธุรกิจดาวรุ่งที่กำลังเ...สำรวจเทรนด์สุขภาพเวลเนสชาวไทยด้านดูแล รักษา และป้องกัน…ธุรกิจดาวรุ่งที่กำลังเ...
สำรวจเทรนด์สุขภาพเวลเนสชาวไทยด้านดูแล รักษา และป้องกัน…ธุรกิจดาวรุ่งที่กำลังเ...
 
เมื่อคนไทย (ส่วนใหญ่) ยังไม่พร้อม…การเตรียมความพร้อมจึงจำเป็น
เมื่อคนไทย (ส่วนใหญ่) ยังไม่พร้อม…การเตรียมความพร้อมจึงจำเป็นเมื่อคนไทย (ส่วนใหญ่) ยังไม่พร้อม…การเตรียมความพร้อมจึงจำเป็น
เมื่อคนไทย (ส่วนใหญ่) ยังไม่พร้อม…การเตรียมความพร้อมจึงจำเป็น
 
SCB EIC คาดอุตสาหกรรมก่อสร้างปี 2024 ขยายตัว 2%YOY แตะ 1.4 ล้านล้านบาท แนะผู้...
SCB EIC คาดอุตสาหกรรมก่อสร้างปี 2024 ขยายตัว 2%YOY แตะ 1.4 ล้านล้านบาท แนะผู้...SCB EIC คาดอุตสาหกรรมก่อสร้างปี 2024 ขยายตัว 2%YOY แตะ 1.4 ล้านล้านบาท แนะผู้...
SCB EIC คาดอุตสาหกรรมก่อสร้างปี 2024 ขยายตัว 2%YOY แตะ 1.4 ล้านล้านบาท แนะผู้...
 
In focus-Health and wellness survey-2023.pdf
In focus-Health and wellness survey-2023.pdfIn focus-Health and wellness survey-2023.pdf
In focus-Health and wellness survey-2023.pdf
 
Outlook ไตรมาส 4/2023
Outlook ไตรมาส 4/2023Outlook ไตรมาส 4/2023
Outlook ไตรมาส 4/2023
 
อุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 2024 ยังขยายตัวได้ แม้จะเผชิญปัญหาภัยแล้งรุนแรง
อุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 2024 ยังขยายตัวได้ แม้จะเผชิญปัญหาภัยแล้งรุนแรงอุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 2024 ยังขยายตัวได้ แม้จะเผชิญปัญหาภัยแล้งรุนแรง
อุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 2024 ยังขยายตัวได้ แม้จะเผชิญปัญหาภัยแล้งรุนแรง
 
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdfOutlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
 
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdfOutlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
Outlook-4Q2023-Onscreen-20231214.pdf
 
SCB-EIC-Monthly-NOV-20231123.pdf
SCB-EIC-Monthly-NOV-20231123.pdfSCB-EIC-Monthly-NOV-20231123.pdf
SCB-EIC-Monthly-NOV-20231123.pdf
 
SCB EIC มองตลาดพื้นที่สำนักงานให้เช่าและตลาดพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าปี 2024 ยังม...
SCB EIC มองตลาดพื้นที่สำนักงานให้เช่าและตลาดพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าปี 2024 ยังม...SCB EIC มองตลาดพื้นที่สำนักงานให้เช่าและตลาดพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าปี 2024 ยังม...
SCB EIC มองตลาดพื้นที่สำนักงานให้เช่าและตลาดพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าปี 2024 ยังม...
 
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลมปี 2024 เติบโตตามกระแสการใช้ไฟฟ้าสีเขีย...
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลมปี 2024 เติบโตตามกระแสการใช้ไฟฟ้าสีเขีย...โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลมปี 2024 เติบโตตามกระแสการใช้ไฟฟ้าสีเขีย...
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลมปี 2024 เติบโตตามกระแสการใช้ไฟฟ้าสีเขีย...
 
อุตสาหกรรมอาหารทะเลมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ท่ามกลางแนวโน้มการฟื้นตัวที่เปราะบา...
อุตสาหกรรมอาหารทะเลมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ท่ามกลางแนวโน้มการฟื้นตัวที่เปราะบา...อุตสาหกรรมอาหารทะเลมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ท่ามกลางแนวโน้มการฟื้นตัวที่เปราะบา...
อุตสาหกรรมอาหารทะเลมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ท่ามกลางแนวโน้มการฟื้นตัวที่เปราะบา...
 
Industry_Insight_Restaurant_20231107.pdf
Industry_Insight_Restaurant_20231107.pdfIndustry_Insight_Restaurant_20231107.pdf
Industry_Insight_Restaurant_20231107.pdf
 
SCB EIC Industry insight-Power overview-20231027.pdf
SCB EIC Industry insight-Power overview-20231027.pdfSCB EIC Industry insight-Power overview-20231027.pdf
SCB EIC Industry insight-Power overview-20231027.pdf
 
SCB EIC Monthly-OCT-20231020.pdf
SCB EIC Monthly-OCT-20231020.pdfSCB EIC Monthly-OCT-20231020.pdf
SCB EIC Monthly-OCT-20231020.pdf
 
Outlook Quarter 3/2023
Outlook Quarter 3/2023Outlook Quarter 3/2023
Outlook Quarter 3/2023
 
Outlook 3Q2023-Full report-final.pdf
Outlook 3Q2023-Full report-final.pdfOutlook 3Q2023-Full report-final.pdf
Outlook 3Q2023-Full report-final.pdf
 
Outlook 3Q2023-Full report-final.pdf
Outlook 3Q2023-Full report-final.pdfOutlook 3Q2023-Full report-final.pdf
Outlook 3Q2023-Full report-final.pdf
 

EIC_In Focus_Thai Inflation_20220912.pdf

  • 1.
  • 2. เงินเฟ้อไทยไปต่อ…หรือพอแค่นี้ KEY SUMMARY _____ เงินเฟ้อไทยเริ่มส่งสัญญาณทรงตัว เงินเฟ้อไทยล่าสุดเดือนสิงหาคม ขยายตัว 7.9%YOY จากเดือนก่อนหน้าที่ 7.6%YOY ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ที่ +0.05%MOM จาก -0.16%MOM ในเดือนกรกฎาคมเทียบกับเดือนมิถุนายน สาเหตุหลักจากราคาพลังงาน ที่ขยายตัวชะลอลง สะท้อนสัญญาณเงินเฟ้อไทยที่เริ่มทรงตัวและอาจผ่านจุดสูงสุดแล้ว อย่างไรก็ดี หากพิจารณา ถึงองค์ประกอบของเงินเฟ้อพบว่าเงินเฟ้อพื้นฐาน (หักราคาพลังงานและอาหารสด) ยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาอาหารและสินค้าหลายชนิดที่ทยอยปรับขึ้นราคาตามการส่งผ่านต้นทุนของผู้ผลิต ที่มากขึ้นในช่วงเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว สอดคล้องกับผลการศึกษาของ EIC ที่พบว่าเงินเฟ้อจากฝั่งอุปสงค์เริ่มทยอย ปรับตัวสูงขึ้นบ้างแล้วในช่วงหลัง EIC คาดเงินเฟ้อทยอยปรับลดลงในระยะถัดไป แต่ยังอยู่ในระดับสูงจากหลายปัจจัย ในระยะถัดไป EIC มองเงินเฟ้อจะเริ่มทยอยปรับลดลงจนกลับมาใกล้กรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย ในปีหน้าจากแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิดที่เริ่มชะลอลงในช่วงที่ผ่านมา แต่เงินเฟ้อจะชะลอตัวอย่างค่อยเป็น ค่อยไป เนื่องจากราคาพลังงานที่ยังสูง การส่งผ่านต้นทุนจากผู้ประกอบการที่จะมีมากขึ้นตามการฟื้นตัว ของเศรษฐกิจ และแนวโน้มราคาสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากต้นทุนปุ๋ยที่สูงขึ้น นโยบาย จากัดการส่งออกข้าวของอินเดียและปัจจัยฐาน ราคา LPG และค่าไฟฟ้าที่มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการ ขาดแคลนแรงงานต่างชาติและการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่าปลายปีนี้ที่จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อต้นทุนการผลิตในวงกว้าง โดย EIC ประเมินว่าการเพิ่มขึ้นของค่าแรงขั้นต่าเฉลี่ย 5% ทั่วประเทศตั้งแต่ตุลาคมนี้ จะส่งผลทาให้อัตราเงินเฟ้อ ของไทยในปีหน้าเพิ่มขึ้นราว 0.2% ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นกระทบกาลังซื้อครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อย ราคาพลังงานและอาหารที่คาดว่ายังอยู่ในระดับสูงทาให้รายได้ที่แท้จริงลดลง (รายได้หักเงินเฟ้อ) ส่งผลกระทบ โดยตรงต่อกาลังซื้อครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤติ COVID-19 และมีค่าใช้จ่าย ด้านอาหารและพลังงานสูงถึง 53% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด สอดคล้องกับผลการสารวจความคิดเห็นผู้บริโภค ของ EIC ที่พบว่าราว 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามเผชิญปัญหารายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย, 77% ประสบ ปัญหาการออมลดลงหรือเก็บออมไม่ได้เลย และ 44% เชื่อว่ารายจ่ายจะเพิ่มในอัตราที่มากกว่ารายได้ในช่วง 6 เดือน ข้างหน้า ทาให้ภาคครัวเรือนบางส่วนจาเป็นต้องลดหรือชะลอการใช้จ่าย นาสภาพคล่องที่มีอยู่ออกมาใช้ หรือ ก่อหนี้ใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ กดดันภาพรวมการบริโภคของประเทศ ภาครัฐจึงควรมีบทบาทสาคัญ ในการเข้ามาช่วยเหลือ
  • 3. สถานการณ์เงินเฟ้อช่วงที่ผ่านมา เงินเฟ้อโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและยุโรปเร่งตัวต่อเนื่องสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ จากการฟื้นตัว ของเศรษฐกิจที่ผ่านช่วงการระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้อุปสงค์ต่อสินค้าและพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับ ปัญหาอุปทานคอขวด (Supply-chain disruption) ตลาดแรงงานตึงตัว และสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ ยิ่งตอกย้าให้ ปัญหาเงินเฟ้อสูงจากความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานรุนแรงขึ้น เงินเฟ้อไทยรวมถึงประเทศเศรษฐกิจกาลังพัฒนาอื่นก็ปรับสูงขึ้นเร็วเช่นกัน แต่เป็นผลจากปัจจัยด้านอุปทานเป็นหลัก ขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศเพิ่งเริ่มฟื้นตัว อย่างไรก็ดี เงินเฟ้อโลกส่งผลต่อเงินเฟ้อไทยค่อนข้างจากัดกว่าประเทศ อื่น เนื่องจากสินค้านาเข้าของไทยจานวนมากใช้ผลิตเพื่อการส่งออก ไม่ได้ใช้บริโภคโดยตรงหรือผลิตเพื่อการอุปโภค บริโภคภายในประเทศมากนัก นอกจากนี้ แม้ประเทศไทยเป็นประเทศนาเข้าน้ามันสุทธิ แต่ราคาน้ามันในประเทศที่ผ่านมา ยังไม่ได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานโลกที่ปรับสูงขึ้นมากอย่างเต็มที่ เนื่องจากมีมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ โดยเฉพาะมาตรการพยุงราคาพลังงานทาให้เงินเฟ้อไทยมีความอ่อนไหวต่อราคาสินค้านาเข้าต่า โดย EIC พบว่าช่วงปี 2021 เป็นต้นมา เงินเฟ้อไทยเริ่มสูงขึ้นและได้รับการส่งผ่านจากราคาสินค้านาเข้าที่เกี่ยวข้องกับน้ามันมีสัดส่วนสูง ขี้นมาก เนื่องจากราคาน้ามันในตลาดโลกเร่งตัวสูง ประกอบกับการผ่อนผันนโยบายการพยุงราคาน้ามันภายในประเทศ โดยพบว่าเงินเฟ้อไทยเป็นผลมาจากการส่งผ่านของราคาสินค้านาเข้าที่เกี่ยวข้องกับน้ามัน 52% สินค้านาเข้าที่ไม่ เกี่ยวข้องกับน้ามัน 18% และปัจจัยภายในประเทศและปัจจัยอื่น ๆ 30% (รูปที่ 1) รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนสิงหาคมของกระทรวงพาณิชย์พบว่า เงินเฟ้อไทยปรับสูงขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 7.9% จากปัจจัยหลักด้านราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 30.5%YOY ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นมากถึง 3.1% จากราคาสินค้ากลุ่มอาหารในและนอกบ้าน (รูปที่ 2) อย่างไรก็ดี หากพิจารณาเทียบกับเดือนก่อนหน้า จะพบว่าเงินเฟ้อ ในเดือนสิงหาคมเริ่มทรงตัวที่ +0.05%MOM จากที่ลดลง -0.16%MOM ในเดือนก่อน (ซึ่งนับเป็นการชะลอตัวครั้งแรก ในรอบ 7 เดือน) สาเหตุหลักจากราคาพลังงานเริ่มขยายตัวชะลอลง โดยดัชนีราคาพลังงานเดือนสิงหาคมลดลง -2.7%MOM ปรับลดลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ตามแนวโน้มราคาพลังงานโลก เป็นสัญญาณสะท้อนว่าเงินเฟ้อไทย เริ่มผ่อนคลายและผ่านจุดสูงสุดแล้ว รูปที่ 1 : เงินเฟ้อโลกส่งผ่านมายังเงินเฟ้อไทยมากขึ้นจากราคาสินค้านาเข้าที่เกี่ยวข้องกับน้ามัน ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ และ CEIC
  • 4. รูปที่ 2 : อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาสินค้ากลุ่มอาหารในและนอกบ้าน ที่มา : กระทรวงพาณิชย์ แนวโน้มเงินเฟ้อของไทย แม้เงินเฟ้อไทยเริ่มทรงตัวในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมและอาจเริ่มชะลอลงอีกในระยะต่อไปจากแนวโน้มราคา สินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับลดลงและปัจจัยฐานสูง แต่ยังมีหลายปัจจัยที่จะยังกดดันให้เงินเฟ้อไม่ชะลอลงเร็วนัก ได้แก่ 1. ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ในประเทศยังคงสูงต่อเนื่อง ในช่วงที่ผ่านมา ราคาพลังงานในประเทศไม่ได้ปรับสูงมากตามราคาโลกเพราะมีมาตรการพยุงราคาของภาครัฐ เพื่อลด ผลกระทบจากราคาโลกที่จะถูกส่งผ่านมาถึงผู้บริโภคในประเทศ จากการศึกษา EIC พบว่า ราคาน้ามันดิบ Brent มี ความสัมพันธ์กับดัชนีราคาผู้ผลิตมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย เนื่องจากที่ผ่านมามีการตรึงราคาพลังงาน ในประเทศ (รูปที่ 3) สะท้อนถึงความสามารถในการส่งผ่านต้นทุนพลังงานไปยังราคาสินค้าได้อย่างจากัด ดังนั้น แม้ราคาพลังงานโลกจะผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว แต่ราคาพลังงานในไทยจะยังทรงตัวในระดับสูงและอาจยังไม่ปรับลดลง ตามมากนัก ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมากส่งผลให้น้ามันในประเทศยังคงเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงอยู่ อีกทั้ง ค่า FT ที่ทยอยปรับขึ้นต่อเนื่องจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้นตามแนวโน้มราคา LNG ในตลาดโลก ที่ตึงตัวมาก โดยเฉพาะในยุโรปและไทยจาเป็นต้องพึ่งพาการนาเข้า LNG สูงขึ้น เนื่องจากการผลิตก๊าซธรรมชาติ ในประเทศทยอยลดลง นอกจากปัจจัยราคาพลังงานแล้ว ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกหลายชนิด เช่น ข้าวสาลี ถั่วเหลือง รวมถึงราคาเหล็กจากจีนและปูนซีเมนต์ของไทยก็มีแนวโน้มปรับลดลงจากจุดสูงสุดแล้วเช่นกัน แต่คาดว่ายังอยู่ใน ระดับสูงกว่าช่วงปี 2021 อีกทั้ง ข้าวที่ราคาหดตัวในช่วงที่ผ่านมาก็มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นในช่วงท้ายปีจากต้นทุนปุ๋ย ที่เพิ่มขึ้นประกอบกับนโยบายห้ามส่งออกปลายข้าวและขึ้นภาษีส่งออกข้าวขาวและข้าวกล้องทุกชนิด 20% ของอินเดีย ที่เพิ่งประกาศออกมาในวันที่ 8 กันยายน และปัจจัยฐานจะเป็นแรงผลักดันให้ราคาข้าวในไทยปรับตัวสูงขึ้นในระยะต่อไป และสร้างแรงกดดันต้นทุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร ก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์
  • 5. รูปที่ 3 : ราคาน้ามันดิบ Brent มีความสัมพันธ์กับดัชนีราคาผู้ผลิตมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ และ CEIC 2. ตลาดแรงงานไทยที่เริ่มฟื้นตัวและการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่า ตลาดแรงงานไทยที่ซบเซาในช่วงการแพร่ระบาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี 2022 จากการผ่อนคลายมาตรการ ควบคุมโรคและการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะภาคบริการ ทั้งนี้แรงงานต่างชาติบางส่วนที่ออกจากประเทศ ไทยไปในช่วงกลางปี 2021 จากการระบาดและการปิดแคมป์คนงานยังกลับเข้ามาไทยได้ไม่เต็มที่ หลายภาคธุรกิจ โดยเฉพาะภาคก่อสร้างต้องพึ่งพาแรงงานไทยในสัดส่วนสูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนค่าจ้างแรงงานปรับเพิ่มตาม ประกอบกับ แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่าของรัฐบาลเฉลี่ยราว 5% ทั้งประเทศในช่วงต้นเดือนตุลาคม โดยจะปรับขึ้นค่าจ้าง ขั้นต่าเฉลี่ย 16.2 บาท/วัน เป็น 328 – 354 บาท/วัน1 ยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านต้นทุนต่อผู้ประกอบการในวงกว้างโดยเฉพาะ ภาคอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนลูกจ้างที่ต้องปรับขึ้นค่าแรงตามค่าแรงขั้นต่าสูง โดย EIC ประเมินว่าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่า เฉลี่ย 5% จะส่งผลต่อเงินเฟ้อในปี 2022 จากัด แต่จะส่งผลต่อเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2023 มากขึ้นที่ 0.16% 3. การส่งผ่านราคาของผู้ประกอบการมาสู่ผู้บริโภคมากขึ้น เงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการผลิต โดยที่ผ่านมาผู้ผลิตหลายรายไม่สามารถ ส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นไปยังผู้บริโภคได้มากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจและกาลังซื้อของผู้บริโภคยังฟื้นตัวช้าจากการระบาด ทั้งนี้การวิเคราะห์ของ EIC พบว่า ระยะเวลาที่ใช้ในการส่งผ่านราคาจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคในแต่ละสินค้ามีความแตกต่าง กัน ในบางสินค้าผู้ผลิตสามารถส่งผ่านต้นทุนได้เร็ว แต่ในบางสินค้าที่มีการควบคุมจากรัฐจะส่งผ่านราคายากขึ้น (รูปที่ 4) โดยการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารและเครื่องดื่มในเดือนปัจจุบัน เป็นผลมาจากต้นทุนสินค้าด้านการเกษตรในเดือนที่ แล้วและเดือนปัจจุบัน ในส่วนของการเพิ่มขึ้นของราคาเชื้อเพลิงและราคา Transport & Communication ในเดือน ปัจจุบัน เป็นผลมาจากต้นทุนสินค้าด้านพลังงานในเดือนที่แล้วและเดือนปัจจุบัน แสดงถึงว่าผู้ผลิตส่งผ่านต้นทุนสินค้า ไปยังราคาได้เร็ว ในทางกลับกัน สาหรับราคาไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นผลจากต้นทุนสินค้าด้านพลังงานใน 11 เดือนก่อน หน้า สะท้อนว่าผู้ผลิตส่งผ่านต้นทุนสินค้าไปยังราคาได้ช้าอันเนื่องมาจากมีนโยบายพยุงราคาจากภาครัฐในช่วงที่ผ่านมา 1 จังหวัดที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด 22 บาท/วัน ได้แก่ กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร และจังหวัดที่ ปรับขึ้น น้อยสุด 8 บาท/วัน ได้แก่ อุดรธานี
  • 6. ดังนั้น ในระยะถัดไปหากต้นทุนของผู้ผลิตยังคงอยู่ระดับสูงทั้งจากราคาพลังงานและอาหารตามที่กล่าวมาข้างต้น ความ น่ากังวลจึงตกมาอยู่ที่การส่งผ่านราคาที่จะมีได้มากขึ้นและเร็วขึ้นจากการลดมาตรการพยุงราคาจากภาครัฐ อีกทั้ง ในช่วง ที่ผ่านมาด้วยเหตุการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น ทาให้เงินเฟ้อในไทยถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยด้านอุปทานเป็น หลัก ส่วนเงินเฟ้อจากทางอุปสงค์ยังเป็นสัดส่วนที่น้อย แต่ก็มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของกาลังซื้อ ภายในประเทศ รูปที่ 4 : ระยะเวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการส่งผ่านราคาจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคในแต่ละสินค้ามีความแตกต่างกัน หมายเหตุ : ความเข้มของสีในตารางแสดงถึงระดับของผลกระทบของ PPI ที่มีต่อ CPI (coefficient) ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ และ CEIC จากการวิเคราะห์ด้วย Generalized additive model พบว่าปัจจัยด้านอุปทานเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเงินเฟ้อ ของไทยตั้งแต่มกราคม ถึงสิงหาคม 2022 คิดเป็น 86.5% ของเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น โดยมีสาเหตุหลักมาจากการส่งผ่าน ต้นทุนการผลิตด้านพลังงาน แต่เงินเฟ้อด้านอุปสงค์เริ่มเร่งตัวจากการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัว โดยในเดือนมกราคมพบเงินเฟ้อจากด้านอุปสงค์เพียง 9.9% ของเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น แต่ในเดือนสิงหาคมพบว่า เงินเฟ้อ ด้านอุปสงค์เร่งตัวอยู่ในระดับ 22.2% ของเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น ทาให้ในระยะถัดไปการส่งผ่านราคาจะทาได้มากขึ้นตามการ ฟื้นตัวของอุปสงค์ (รูปที่ 5) รูปที่ 5 : ปัจจัยด้านอุปทานเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเงินเฟ้อของไทยในช่วงที่ผ่านมา ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ และ CEIC
  • 7. ในระยะข้างหน้า EIC ประเมินว่าผู้ประกอบการเตรียมจะทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าเพื่อส่งผ่านภาระต้นทุนไปยัง ผู้บริโภคมากขึ้น เนื่องจากต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นพร้อมกันหลายด้านทั้งต้นทุนพลังงาน วัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ ค่าขนส่ง และค่าแรง ประกอบกับเศรษฐกิจไทยทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ธันวาคม 2021 ถึงกรกฎาคม 2022 พบว่ามีผู้ผลิต 116 บริษัท ยื่นขอปรับขึ้นราคาสินค้า 127 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 936 รายการ ใน 11 หมวดสินค้า ได้แก่ 1. หมวดกระดาษ และผลิตภัณฑ์ 2. หมวดบริภัณฑ์ขนส่ง 3. หมวดปัจจัยทางการเกษตร 4. หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม 5. หมวดยารักษา โรคและเวชภัณฑ์ 6. หมวดวัสดุก่อสร้าง 7. หมวดสินค้าเกษตรที่สาคัญ 8. หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค 9. หมวดอาหาร 10. หมวดอื่น ๆ และ 11. หมวดบริการ แต่กระทรวงพาณิชย์ยังไม่ให้มีการปรับราคาสินค้า ก่อนจะเริ่มอนุญาตให้ทยอย ปรับขึ้นราคาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และคาดว่าผู้ผลิตจะทยอยปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่องตามภาระต้นทุนสูงที่แบกรับ มานานในระยะถัดไป จากการศึกษา EIC พบว่าดัชนีราคาผู้ผลิตมีความสัมพันธ์กับดัชนีราคาผู้บริโภคเชิงบวกและมีผลส่งผ่านช่วงเงินเฟ้อ มากกว่าช่วงเงินฝืด โดยหากดัชนีราคาผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น ผลกระทบของดัชนีราคาผู้ผลิตต่อดัชนีราคา ผู้บริโภคจะมากกว่าในกรณีดัชนีราคาผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงลดลงกล่าวคือ เมื่อต้นทุนเพิ่มขึ้นราคาสินค้ามีแนวโน้ม เพิ่มสูงขึ้นแต่หากต้นทุนผู้ผลิตลดลง ราคาสินค้าจะมีแนวโน้มลดลงช้ากว่า ทาให้ในระยะข้างหน้าถึงแม้สถานการณ์ราคา พลังงานและต้นทุนผู้ผลิตเริ่มคลี่คลาย ราคาที่ผู้บริโภคต้องจ่ายคงจะไม่ได้ลดลงเร็วตาม (รูปที่ 6) รูปที่ 6 : ดัชนีราคาผู้ผลิตมีความสัมพันธ์กับดัชนีราคาผู้บริโภคเชิงบวกและมีผลส่งผ่านช่วงเงินเฟ้อมากกว่าช่วงเงินฝืด ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ และ CEIC ผลกระทบต่อภาคครัวเรือน ปัญหาเงินเฟ้อสูงมีผลกดดันการบริโภคครัวเรือน รายได้ที่แท้จริงปรับลดลง (รูปที่ 7) ตอกย้าปัญหา “ของแพง ค่าแรงถูก” ในสังคมไทย ทาให้ภาคครัวเรือนในบางส่วนจาเป็นต้องลดหรือชะลอการใช้จ่าย นาสภาพคล่องที่มีอยู่ ออกมาใช้ หรือก่อหนี้ใหม่ โดยเฉพาะจากปัญหาราคาพลังงานและอาหารที่คาดว่ายังอยู่ในระดับสูงยิ่งส่งผลกระทบ โดยตรงต่อกาลังซื้อกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ค่าใช้จ่ายด้านอาหารและพลังงานสูงถึง 53% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด (รูปที่ 8) สอดคล้องกับผลการสารวจความคิดเห็นผู้บริโภคของ EIC ที่พบว่าราว 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามเผชิญปัญหารายได้ ไม่เพียงพอกับรายจ่าย, 77% ประสบปัญหาการออมลดลงหรือเก็บออมไม่ได้เลย และ 44% เชื่อว่ารายจ่ายจะเพิ่มในอัตรา
  • 8. ที่มากกว่ารายได้ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า สะท้อนถึงแรงกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระดับมหภาคทั้งจากการบริโภค ภาคเอกชนที่หายไป สถานะทางการเงินที่เปราะบางมากขึ้น และซ้าเติมปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เดิมอยู่สูงถึง เกือบ 90% ของ GDP ณ สิ้น ไตรมาสแรกของปี 2022 รูปที่ 7 : ปัญหาเงินเฟ้อสูงมีผลกดดันการบริโภคครัวเรือน รายได้ที่แท้จริงปรับลดลง ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของสานักงานสถิติแห่งชาติ และสานักงานประกันสังคม รูปที่ 8 : ปัญหาราคาพลังงานและอาหารที่คาดว่ายังอยู่ในระดับสูงยิ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกาลังซื้อกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของสานักงานสถิติแห่งชาติและสานักงานประกันสังคม EIC ประเมินความเสี่ยงภาระค่าครองชีพของกลุ่มครัวเรือนทั้งหมดตามระดับรายได้ ค่าใช้จ่าย เงินออม และหนี้สิน พบว่า (1) 56.5% มีรายได้เพียงพอต่อรายจ่าย เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงน้อย-ปานกลาง (2) 9.2% มีรายได้เพียงพอต่อ รายจ่าย แต่มีเงินเหลือเก็บไม่เกิน 5% ของรายได้ เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง (3) 15.4% มีรายได้ไม่เพียงพอต่อ รายจ่ายแต่ยังมีเงินเก็บเพียงพอที่จะนามาชดเชยได้ เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง (4) 15.2% มีรายได้และเงินเก็บไม่ เพียงพอ แต่มีหนี้ไม่สูงมาก เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงมาก และ (5) 3.8% มีรายได้และเงินเก็บไม่เพียงพอ และยังมีหนี้ สูง นอกจากนี้ พบว่าค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นเป็นปัญหาที่พบในทุกระดับรายได้ของครัวเรือน โดยเฉพาะครัวเรือนรายได้
  • 9. น้อย และเป็นที่น่าสังเกตว่าครัวเรือนนอกภาคเกษตรมีเงินเก็บลดลงมากกว่าครัวเรือนที่มีรายได้จากภาคเกษตร เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากต้นทุนการผลิตในรอบต่อไปที่อาจอยู่ ในระดับสูง (รูปที่ 9) ดังนั้น ในสถานการณ์ที่ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องและรวดเร็วเช่นนี้ ภาครัฐควรมีมาตรการช่วยเหลือที่ตรงจุด สาหรับภาคครัวเรือนโดยเฉพาะกลุ่มที่เปราะบาง ได้แก่ มาตรการเร่งด่วนและเจาะจง เช่น การลดหนี้ การให้เงิน ช่วยเหลือ การเพิ่มสิทธิสวัสดิการ พร้อมเพิ่มความสามารถในการหารายได้ ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือด้านสภาพคล่อง เช่น สินเชื้อดอกเบี้ยต่าที่มีเงื่อนไขการผ่อนชาระที่สอดคล้องกับระดับรายได้ การลดค่าครองชีพในสินค้าและบริการ จาเป็น รวมถึงช่วยเหลือในรูปแบบเงินโอน และมาตรการกระตุ้นกาลังซื้อสาหรับกลุ่มที่มีกาลังซื้อสูง โดยเน้นการใช้จ่าย กับผู้ประกอบการขนาดเล็กในประเทศ นอกจากนี้ ภาครัฐควรออกนโยบายเกี่ยวกับการแก้หนี้นอกระบบเพิ่มเติม ทั้งการป้องกันไม่ให้ประชาชนพึ่งพาหนี้นอกระบบมากขึ้น และการดึงหนี้นอกระบบให้กลับเข้าสู่ในระบบ ซึ่งภาระ ดอกเบี้ยถูกกว่า เพื่อช่วยให้ครัวเรือนไทยปลดหนี้ได้อย่างยั่งยืน รูปที่ 9 : 34.4% ของกลุ่มตัวอย่างมีปัญหารายได้ไม่พอรายจ่าย ที่มา : การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของสานักงานสถิติแห่งชาติ โดยสรุปเศรษฐกิจไทยจะยังเผชิญกับปัญหาของแพงต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง และ EIC ประเมินว่าเงินเฟ้ออาจจะ กลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ไม่เร็วนัก จากราคาพลังงานและอาหารที่ยังสูง และการ ส่งผ่านต้นทุนจากผู้ผลิตที่มากขึ้น กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจผ่านการบริโภคและการลงทุน ทาให้เป็นความท้าทาย ของผู้กาหนดนโยบายที่จะควบคุมเงินเฟ้อไทยในระยะถัดไป ทั้งจากปัจจัยอุปทานที่ยังมีอยู่ และอุปสงค์ที่ทยอยเพิ่มขึ้น ต่อเนื่อง สะท้อนว่าจริง ๆ แล้ว เราอาจจะเพิ่งรู้ตัวว่ารู้จักเงินเฟ้อน้อยเกินไปดังเช่นที่นาย Jerome Powell ประธาน ธนาคารกลางของสหรัฐฯ กล่าวไว้ในงาน the European Central Bank (ECB) Forum ช่วงเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาว่า “we now understand better how little we understand about inflation” บทวิเคราะห์โดย... https://www.scbeic.com/th/detail/product/inflation-120922 Disclaimer: The information contained in this report has been obtained from sources believed to be reliable. However, neither we nor any of our respective affiliates, employees or representatives make any representation or warranty, express or implied, as to the accuracy or completeness of any of the information contained in this report, and we and our respective affiliates, employees or representatives expressly disclaim any and all liability relating to or resulting from the use of this report or such information by the recipient or other persons in whatever manner. Any opinions presented herein represent our subjective views and our current estimates and judgments based on various assumptions that may be subject to change without notice, and may not prove to be correct. This report is for the recipient’s information only. It does not represent or constitute any advice, offer, recommendation, or solicitation by us and should not be relied upon as such. We, or any of our associates, may also have an interest in the companies mentioned herein.
  • 10. ผู้เขียนบทวิเคราะห์ ดร.ปุณยวัจน์ ศรีสิงห์ (poonyawat.sreesing@scb.co.th) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส วิชาญ กุลาตี (vishal.gulati@scb.co.th) นักวิเคราะห์ ดร.อสมา เหลี่ยมมุกดา (asama.liammukda@scb.co.th) นักวิเคราะห์ ______ ECONOMIC AND FINANCIAL MARKET RESEARCH ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน Economic Intelligence Center (EIC) และรองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร ธนาคารไทยพาณิชย์ จากัด (มหาชน) ดร.ฐิติมา ชูเชิด ผู้อานวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ และตลาดการเงิน วชิรวัฒน์ บานชื่น นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ดร.ปุณยวัจน์ ศรีสิงห์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส จงรัก ก้องกาชัย นักวิเคราะห์ ณิชนันท์ โลกวิทูล นักวิเคราะห์ ปัณณ์ พัฒนศิริ นักวิเคราะห์ วิชาญ กุลาตี นักวิเคราะห์ ดร.อสมา เหลี่ยมมุกดา นักวิเคราะห์