More Related Content
Similar to sakon_plan.pdf (14)
sakon_plan.pdf
- 1. รูปแบบความสัมพันธ์ของกลุ่มปราสาทขอมในบริเวณหนองหาร
พีระ ลิ่วลม 22 เมษายน 2566
ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมาด้วยแรงบันดาลใจจากสองบทความของพี่สรรค์สนธิ บุณโยทยาน (บุคลิกของท่านผมเรียกลุง
ไม่ได้จริงๆ ขอเรียกพี่นะครับ) ที่เขียนไว้ใน yclsakhon.com คือ “ภูเพ็กนครที่สาปสูญ เมกกะโปรเจคพันปีซ่อนเร้นกลาง
ป่า” และ “ถอดรหัสขอมพันปี.....80 องศา พบราศีเมษ” ซึ่งค้นพบความสัมพันธ์ของกลุ่มโบราณสถานอย่างน้อย 3 แห่งคือ
พระธาตุเชิงชุม, พระธาตุภูเพ็ก, และพระธาตุนารายณ์เจงเวง กล่าวคือแนวพระธาตุภูเพ็กและพระธาตุนารายณ์เจงเวงเป็น
แนวขนานเส้นศูนย์สูตรชี้ไปยังบริเวณ “ซ่งน้าพุ” ซึ่งเป็นพื้นที่ตานานความเชื่อเกี่ยวกับ “สงกรานต์” ในขณะที่พระธาตุเชิง
ชุมมีมุม 80 องศาชี้ไปยังบริเวณเดียวกันคือซ่งน้าพุ ซึ่งจากหลักฐานในศิลาจารึกในพระธาตุเชิงชุมระบุความเกี่ยวพันกับ
“สงกรานต์” และราศีเมษ บ่งชี้ความสัมพันธ์ของกลุ่มปราสาทขอมจานวนหนึ่งกับพื้นที่ซ่งน้าพุหรือบริเวณความเชื่อ
เกี่ยวกับสงกรานต์แสดงดังภาพที่ 1
ภาพที่ 1
การค้นพบความสัมพันธ์ดังกล่าวของพี่สรรค์สนธิ นามาซึ่งแรงบันดาลใจสาหรับผมในการค้นหารูปแบบแพทเทิร์นของกลุ่ม
ปราสาทขอมซึ่งทั้งหมดก่อสร้างในช่วงเวลาเดียวกัน จึงควรมีวัตถุประสงค์ในการสร้างที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงถึงกัน โดย
เป้าหมายของความสัมพันธ์ของกลุ่มปราสาทขอมก็คือบริเวณซ่งน้าพุ
หากเมืองเก่าในหนองหารล่มทาให้เกิดการตั้งเมืองขึ้นใหม่เป็นสกลนครในปัจจุบัน เมืองเก่าที่ว่านั้นควรอยู่ในแนวซ่งน้าพุ
พระธาตุนารายณ์เจงเวง และพระธาตุภูเพ็ก เป็นแนวบูชาซ่งน้าพุตามความเชื่อเกี่ยวกับวันวิษุวัตร ซึ่งในบทความของพี่
สรรค์สนธิระบุว่าเมื่อเมืองล่ม มีผู้รอดจานวนหนึ่งบนดอนสวรรค์จากนั้นจึงย้ายมาตั้งเมืองใหม่ในบริเวณปัจจุบัน แสดงว่า
ที่ตั้งเมืองเก่าไม่น่าจะอยู่ห่างจากดอนสวรรค์มากนัก และการตั้งเมืองใหม่อาจมีรูปแบบแพทเทิร์นของกลุ่มปราสาทขอมที่
สามารถระบุพื้นที่เมืองเก่าแฝงอยู่
บทความนี้ผมขอเสนอการค้นพบรูปแบบแพทเทิร์นเพื่อให้พวกเราช่วยกันตรวจสอบความเป็นไปได้ดังกล่าว โดยเป็นแพ
ทเทิร์นที่สามารถเชื่อมโยงกลุ่มปราสาทขอมทั้งหมดในบริเวณนี้ประกอบด้วย พระธาตุเชิงชุม พระธาตุภูเพ็ก พระธาตุ
นารายณ์เจงเวง พระธาตุดุม ปราสาทโพนสิม (ที่เพิ่งค้นพบบริเวณธาตุนาเวง) ปราสาทขอมบ้านพันนา และ 7 เนินลึกลับ
ใกล้พระธาตุภูเพ็ก
- 3. จะเห็นได้ว่าตัวเมืองสกลนครมีลักษณะค่อนข้างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส เพียงแต่เมื่อเวลาเนิ่นนานเข้าย่อมมีการขยับขยายตัว
เมืองเพี้ยนไปได้บ้าง สิ่งที่น่าสนใจอีกประการก็คือแนวถนนที่พาดผ่านใจกลางเมืองเป็นแนวทแยง ซึ่งยังมีอีกหลายแนว
ถนนขนานแนวดังกล่าว เป็นลักษณะเฉพาะของตัวเมืองสกลนคร ซึ่งจากข่าวย่อยในหนังสือพิมพ์มติชนฉบับวันที่ 24
มกราคม 2561 (ออนไลน์: https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_814332 ) กล่าวถึงสะพานขอม
และถนนที่สร้างโดยขอม จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าแนวถนนที่เป็นแนวทแยงมุมจากล่างขวาไปบนซ้ายนี้จะมีมาตั้งแต่สมัย
สร้างเมืองสกลนคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวถนนที่ผ่านพระธาตุเชิงชุมทแยงตรงไปทั้งสองมุมเมืองดังกล่าว โดยแนวถนน
เหล่านี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการออกแบบสร้างเมืองสกลนคร
เมื่อวัดมุมทแยงจากมุมขวาล่างซึ่งเป็นมุมเมืองที่สมบูรณ์ที่สุดที่เหลืออยู่ (บริเวณฌาปนสถานคูหมากเสื่อ) กับพระธาตุเชิง
ชุมจะได้มุม 125 องศา (จามุมนี้ให้ดีนะครับ) ซึ่งเป็นมุม 45 องศากับมุม 80 องศาของพระธาตุเชิงชุมที่ชี้ไปยังซ่งน้าพุพอดี
ดังนั้นหากตอนเริ่มสร้างเมืองสกลนคร ณ ที่แห่งนี้เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส น่าจะได้พื้นที่เมืองดังภาพที่ 4 โดยมุมซ้ายบนของ
เมืองน่าจะเป็นบริเวณที่เคยเป็นเรือนจาเก่าของจังหวัดสกลนคร
ภาพที่ 4
- 4. จากภาพที่ 4 กล่าวได้ว่าแนวถนน หรือแนวทแยง 125 องศาจากมุมเมืองซ้ายบน ผ่านจุดศูนย์กลางเมืองไปยังมุมเมืองขวา
ล่าง เป็นตัวแทนของพื้นที่เมืองสกลนครแห่งนี้(น่าสงสัยว่าจุดมุมเมืองดังกล่าวจะมีการก่อสร้างเชิงสัญลักษณ์หลงเหลืออยู่
หรือไม่)
เมื่อพิจารณากลุ่มปราสาทขอมที่ใกล้ตัวเมืองสกลนครมากที่สุดคือ พระธาตุนารายณ์เจงเวง ปราสาทโพนสิม (ที่เพิ่ง
ค้นพบ) และพระธาตุดุมตามภาพที่ 5
ภาพที่ 5
- 5. จากภาพที่ 5 จะพบว่าแนวของพระธาตุนารายณ์เจงเวง ปราสาทโพนสิม และพระธาตุดุมเป็นแนวทแยงมุม 125 องศา
ขนานไปกับแนวทแยงเมืองสกลนคร โดยพระธาตุดุมมีตาแหน่งเป็นแนวเดียวกับเขตเมืองด้านทิศตะวันออกของเมือง
สกลนครและหันทิศ 80 องศาเหมือนพระธาตุเชิงชุม (พิจารณาจากกูเกิ้ลเอิร์ธ) โดยปราสาทโพนสิมที่อยู่ตรงกลางระหว่าง
พระธาตุนารายณ์เจงเวงและพระธาตุดุม มีตาแหน่งตรงกับพระธาตุเชิงชุมในแนวขนานเส้นศูนย์สูตร ซึ่งแนวทแยง 125
องศาของสามปราสาทขอมนี้สามารถเป็นตัวแทนพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีมุมเอียง 80 องศาได้คล้ายกับแนวมุมเมืองกับพระ
ธาตุเชิงชุมในตัวเมืองสกลนคร นั่นคือพระธาตุนารายณ์เจงเวงเป็นมุมเมืองด้านซ้ายบน ปราสาทโพนสิมเป็นจุดศูนย์กลาง
เมือง และพระธาตุดุมเป็นมุมเมืองด้านขวาล่าง กล่าวได้ว่าแนวกลุ่มปราสาทขอม 3 หลังนี้เป็นตัวแทนพื้นที่ และเป็น
ตัวกาหนดแนวเขตเมืองด้านทิศตะวันออกของสกลนคร ก่อนที่จะกาหนดจุดสร้างปราสาทในตาแหน่งของพระธาตุเชิงชุมที่
มีทิศ 80 องศาชี้ไปยังซ่งน้าพุเพื่อ “ถวายแด่สงกรานต์”
สาหรับกลุ่มปราสาทขอมถัดมาก็คือปราสาทภูเพ็กและปราสาทขอมบ้านพันนา จะพบแนวเชื่อมโยงกันดังภาพที่ 6
ภาพที่ 6
- 9. จากภาพที่ 9 เราจะเห็นได้ว่าแนวปราสาทโพนสิม ผ่านพระธาตุเชิงชุม ไปยังแนวเขตด้านทิศตะวันออก มีค่าเท่ากับ 2 เท่า
ของเขตเมืองด้านทิศตะวันตกกับทิศตะวันออกพอดี (หน่วยเป็นกิโลเมตร) และ 3 เท่าของเขตเมืองด้านทิศตะวันตกกับทิศ
ตะวันออกมีค่าเท่ากับระยะจากพระธาตุนารายณ์เจงเวงมาที่ปราสาทโพนสิมในแนว 125 องศา ตัวเลข 3 เท่านี้ตรงกับ
ระยะทางจากปราสาทขอมบ้านพันนามาพระธาตุภูเพ็กที่มีค่าเป็นสามเท่าของระยะทางจากพระธาตุภูเพ็กมาที่พระธาตุ
นารายณ์เจงเวง
ดังนั้น หากพระธาตุนารายณ์เจงเวงทาหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของการกาหนด “ขอบเขตด้านทิศตะวันออกของเมืองสกลนครที่
สร้างใหม่” พระธาตุนารายณ์เจงเวงก็ควรทาหน้าที่ลักษณะเดียวกันในแนวขนานเดียวกับพระธาตุภูเพ็ก นั่นคือเป็น
ตัวกาหนดแนวเขตด้านทิศตะวันออกของสิ่งที่ตัวเมืองเดิมให้ความสาคัญ ไม่ควรเปรียบเทียบพระธาตุนารายณ์เจงเวงเป็น
เสมือนพระธาตุเชิงชุมที่เป็นที่ตั้งเมืองสกลนครแห่งใหม่ เพราะที่ตั้งเมืองเก่าได้ล่มไปแล้วในหนองหาร ตาแหน่งของพระ
ธาตุนารายณ์เจงเวงจึงควรใช้ระบุขอบเขตที่สัมพันธ์กับพระธาตุภูเพ็กและอาจใช้ระบุตาแหน่งของเมืองเก่าที่ล่มไปได้ซึ่งใช้
ตัวเลข 2 เท่าในแนวที่เราสนใจจากภาพที่ 9 มาพิจารณาได้ดังแสดงในภาพที่ 10
ภาพที่ 10
จากภาพที่ 10 ระยะทางจากพระธาตุภูเพ็กถึงพระธาตุนารายณ์เจงเวงมีระยะประมาณ 17 กิโลเมตร หากลากต่อเป็นระยะ
สองเท่าที่ 34 กิโลเมตรจะได้ตาแหน่งขอบเขตด้านทิศตะวันออกครอบคลุมบริเวณซ่งน้าพุ ซึ่งเป็นแนวเขตด้านทิศ
ตะวันออกใกล้เคียงกับแนวที่ลากมาจากผาเป้า (หากมีการก่อสร้างเชิงสัญลักษณ์แห่งที่ 3 ต่อจากแนวปราสาทขอมบ้าน
พันนากับพระธาตุภูเพ็ก) หากพระธาตุเชิงชุมตาแหน่งเมืองใหม่ในเส้นปราสาทโพนสิมกับขอบเขตด้านทิศตะวันออกของ
เมืองสกลนครคือที่ระยะ 3 ส่วน 4 แล้ว ตาแหน่งเมืองเก่าที่ล่มไปควรอยู่ที่ระยะ 3 ส่วน 4 ในแนวปราสาทภูเพ็กถึงบริเวณ
ซ่งน้าพุ นั่นคือที่ประมาณ 8.5 กิโลเมตรในแนวลากต่อจากพระธาตุนารายณ์เจงเวง ปรากฏเป็นบริเวณวงกลมด้านทิศ
ตะวันตกของดอนสวรรค์ในภาพที่ 10 ซึ่งเป็นคาตอบได้ดีว่าทาไมที่ตั้งเมืองใหม่จึงเป็นบริเวณเมืองสกลนครในปัจจุบัน
งานชิ้นนี้มีสมมติฐานเริ่มต้นจากที่พี่สรรค์สนธิค้นคว้าจนได้ข้อสรุปเกี่ยวกับซ่งน้าพุและการย้ายเมืองเดิมที่ล่มลงไปในหนอง
หารว่าเป็นหัวใจของการออกแบบกลุ่มสิ่งก่อสร้างโดยขอมโบราณเหล่านี้ ข้อสรุปเหล่านั้นเปรียบเสมือนธงนาทางในการ