SlideShare a Scribd company logo
1 of 36
Download to read offline
1
E-book สรุปหุ้น 7 ตัวเด่น
โดย เพจ ลงทุนหุ้น
https://www.facebook.com/StockLittle/
https://stocklittle.com/
2
เนื้อหา
ร้าน Beauty Buffet ขายได้วันหนึ่งเท่าไหร่? .................................................................................................. 4
COM7 กับแผนการเพิ่มกาไรที่น่าลุ้น!............................................................................................................ 8
[IPO] RSP ผู้ผลิตรองเท้าระดับโลก............................................................................................................. 14
หุ้นน้าผลไม้พร้อมดื่ม ดีจริงหรือ? ................................................................................................................ 19
ตามส่อง SPCG บริษัทที่มีกาไรสุทธิ 50% ..................................................................................................... 22
ตามส่องหุ้น ORI บริษัทที่สร้างผลตอบแทน 250% ภายใน 1 ปี......................................................................... 25
ฐิติกร จากัด หุ้น TK ผู้นาสินเชื่อรถจักรยานยนต์............................................................................................. 31
3
สอนเล่นหุ้น แบบเจาะลึก ครบทุกเนื้อหา ใช้งานได้จริง ไม่มี
พื้นฐานก็เรียนได้
จุดเด่นของคอร์สัมมนา
นี้คือจุดเด่นของคอร์สสัมมนาของเราที่ต่างจากที่อื่น หากท่านกาลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเลือกที่ไหน ลองดูจุดเด่นของคอร์
สสัมมนาของเราเพื่อตัดสินใจ
1. เนื้อหาครบถ้วน เข้าใจง่าย
เนื้อหาของเราจะครอบคลุมตั้งแต่เราจะวิเคราะห์ ธุรกิจอย่างไรทั้งในด้านของคุณภาพของกิจการและในด้านของงบการเงิน
ไปจนกระทั้งถึงการมองถึงความเสี่ยงและราคาหุ้นที่เหมาะสมควรจะเป็นเท่าไหร่ เพื่อกาหนดจุดซื้อขายที่ถูกต้องได้
2. คุ้มค่า ราคาสุดคุ้ม
การเรียนเป็นการเรียน 2 ในราคาเพียง 2,499 บาท
3. รับประกันผล
หลังจากที่เรียนไปแล้ว หากต้องการเรียนซ้าอีกรอบ ท่านสามารถที่จะติดต่อเรามาได้ นอกจากนี้แล้วหากมีคาถามหรือข้อ
สงสัยใดๆ ท่านสามารถที่จะถามเราได้ทุกเวลา
อ่านรายละเอียดคอร์สเพิ่มเติมได้ที่นี้
https://stocklittle.com/investing-in-stocks-guide
4
ร้าน Beauty Buffet ขายได้วันหนึ่งเท่าไหร่?
ตอนนี้กาลังวิเคราะห์ Beauty และคิดว่าเดี๋ยว Beauty จะมาอีกเป็นชุดเหมือนตอน
FSMART
#เรื่องแหล่งที่มาของข้อมูล
ก่อนอื่นขอกล่าวก่อนว่าข้อมูลนี้ไม่เป็นเป็นข้อมูลที่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ
จากทาง Beauty เอง แต่มาจากการประเมินและคิดย้อนกลับจากข้อมูลที่ผู้บริหารให้
มาซึ่งอาจจะมีข้อผิดพลาด และข้อมูลนี้อาจจะไม่แม่นยา 100% เพราะว่าตั้งแต่
Q2/2559 ทางบริษัทได้มีการจัดหมวดหมู่รายได้ใหม่ ซึ่งมีการดึงรายได้บางส่วนมาใส่
ในหมวดใหม่ทาให้รายได้จากส่วนนั้นลดลงอย่างเป็นนัยยะสาคัญ
5
#รายได้
มาถึงในส่วนของรายได้ของ Beauty Buffet มีรายได้เท่าไหร่กันแน่ เรามาดูกัน รายได้
ต่อสาขาของ Beauty Buffet ใน Q3/2017 อยู่ที่ 8,319,262.5 ล้านบาทต่อสาขา/ปี
ต่อเดือนก็ 693,271.9 บาท คิดเป็นต่อวันก็ประมาณวันละ 22,792.5 บาท ถามว่า
เยอะไหมกับรายได้ตรงนี้ถ้าเกิดว่าตอบตามความเป็นจริงก็ต้องบอกว่าไม่ได้มาก
เท่าไหร่ ถ้าเกิดว่าเราไปมองดูที่รายใหญ่ของประเทศ ที่พอจะมีข้อมูลคือ CPALL ใน
ไตรมาสที่ 1 ปี 60 เขามีรายได้ต่อวัน 77,426 บาท หรือคิดเป็นเดือนละ 2.3 ล้านบาท
เรียกได้ว่าห่างกันพอสมควร (ถ้าใครมีข้อมูลของร้านเครื่องสาอางอื่นๆเช่น
Eveandboy หรือร้านอื่นๆแชร์ได้นะ พอดีลองหาแล้วไม่เจอ)
6
#การเติบโต
ในส่วนของการเติบโต ถ้าเกิดว่าเราลองไปดูที่ Beauty จะเห็นว่าตัวเลข SSSG (รายได้
จากสาขาเดิมที่เติบโต) น่ามหัศจรรย์มาก เติบโตเป็นเลข 2 หลักมาโดยตลอดซึ่งถือว่า
เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากในวงการค้าปลีก เรื่องนี้ต้องชมเชยทางทีมงานการตลาดของ
เขาว่าเหนือชั้นจริงๆที่ทาให้ SSSG เพิ่มขึ้นมาได้มากขนาดนี้จาก SSSG ที่เพิ่มขึ้นนี้
เอง ทาให้รายได้จากสาขาเติมของ Beauty Buffet ที่อยู่ที่ 1.2 ล้าน ในช่วง Q2/2556
เติบโตขึ้นมาเป็น 2.3 ล้านบาทในปี Q3/2560 น่าตื่นเต้นมาก
#ทาไมไม่ค่อยเห็นลูกค้าที่ร้าน
ถ้าเราไปดูที่ร้านเขาออกจะโล่งๆไปหน่อยจนสงสัยว่ามีคนหรือเปล่า อันนี้เรามี
คาอธิบาย ซึ่งเราต้องมาดูที่รายได้ของเขาก่อนคือประมาณ 22,792.5 บาทต่อวัน และ
คิดว่าเวลาทาการมีอยู่ 12 ชั่วโมงตามเวลาเปิดปิดห้าง นั้นหมายความว่าชั่วโมงหนึ่ง
เขาจะทายอดขายได้โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,899.4 บาทต่อชั่วโมง สินค้าเขาเฉลี่ย 100-250
7
แถวๆนี้ถ้าคิดเป็น 175 บาทต่อ 1 คาสั่งซื้อ นั้นหมายความว่าชั่วโมงหนึ่งจะขายได้
ประมาณ 10 ชิ้น คงเป็นลูกค้าประมาณ 10 คนต่อชั่วโมง ก็ตก 6 นาทีต่อคน นั้น
หมายความว่าส่วนใหญ่ร้านจะโล่งๆว่างๆอย่างที่เราเห็น
#อนาคตของเขาละ
ถ้าเกิดว่าเรามองไปที่จานวนลูกค้าและรายได้ต่อร้าน ถึงแม้ว่าโดยภาพรวมจะน่า
ประทับใจ แต่ว่าก็ยังรีดรายได้ออกมาได้ไม่เต็มประสิทธิ์ภาพ เราต้องการเห็นร้านค้า
Beauty Buffet เป็นอย่าง Eveandboy ที่เข้าร้านกันแบบมืดฟ้ามัวดิน หรือร้านดังๆ
อื่นๆ ถ้ามีคนเข้าขนาดนั้น 10 เด้งต่อจากนี้ไปไม่ใช่เรื่องยากสาหรับ Beauty เราคง
ต้องฝากความหวังเอาไว้กับทีม Marketing ของทาง Beauty แล้วว่าจะเป็นไปได้ไหม
8
COM7 กับแผนการเพิ่มกาไรที่น่าลุ้น!
COM7 ประกอบธุรกิจหลัก จัดจาหน่ายมือถือ, แท็บเล็ต, โน๊ตบุ๊ค, คอมพิวเตอร์ และ
เป็นตัวแทนจาหน่าย iPhone ที่มียอดขายมากที่สุดในไทย โดยเน้นไปที่การขายปลีก
ภายใต้แบรนด์ร้านค้าที่เรารู้จักกันดี เช่น Banana IT, Studio7, Banana Mobile,
BKK และการจัดจาหน่ายผ่านทางช่องทางออนไลน์ BananaStore.com
หลังจากที่ประกาศงบออกมาใน Q3 COM7 ก็ทาให้นักลงทุนยิ้มกันทุกคน ด้วยการ
ทารายได้ใน Q3 โต 39.8% จาก 3,943 ล้านบาท โตขึ้นมาเป็น 5,514 ล้านบาท
น่าประทับใจมาก แต่ว่าที่ดีงามมากกว่าก็คือกาไรจาก 90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมา
เป็น 150 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมา 66% โดยทางบริษัทให้เหตุผลว่า อุตสาหกรรม
นี้เป็นอุตสาหกรรมใหญ่มากและเติบโตอยู่สม่าเสมอ และอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ช่อง
ทางการจัดจาหน่ายของบริษัทที่เพิ่มขึ้น ยอดขายใน Q4 ก็คิดว่าดีเช่นเดิมจากการ
เปิดตัว iPhone และมือถือใหม่ๆออกมามาก ไม่มีอะไรน่ากังวล (ความจริงปีนี้ตั้งเป้า
ให้ยอดขายโตแค่ 10% แต่ได้เปลี่ยนเป้ามาโต 25%) และทา SSSG ได้อยู่ที่ 15-20%
(งดงาม)
9
ช่องทางการจัดจาหน่าย
ปัจจุบันบริษัทมีช่องทางการจัดจาหน่ายทั้งสิ้น 411 แห่ง โดยแบ่งเป็นแบรนด์
ต่างๆได้ดังนี้
Banana IT 150 สาขา, Banana Mobile 18 สาขา, Studio 7 89 สาขา, U-
Store 8 สาขา, BKK 39 สาขา, Samsung 10 สาขา, iCare 24 สาขา, Oppo 8
สาขา, True Shop 63 สาขา, ShotPro 1 สาขา, Huawei 1 สาขา และตัวเลขนี้ไม่
รวม Point of sale ใน Tesco อีกประมาณ 60 แห่ง ปีหน้า 2018 ตั้งเป้าว่าจะเปิด
ของตัวเองอีก 50 แห่ง เปิด True Shop อีก 40 แห่งให้เป็น 100 แห่ง, iCare เพิ่มอีก
3 แห่งส่วนร้านที่เป็นของแบรนด์อันนี้ยังประเมินไม่ได้
10
เป้าหมายปี 2018
ทางบริษัท COM7 ตั้งเป้าว่าจะโตอีก 20% โดยทางบริษัทมีแผนการณ์ดังนี้
– ช่องทางออนไลน์ดันให้ถึง 1000 ล้านบาท แต่ก่อนได้แค่ 10 ล้านต่อเดือนและโต
เรื่อยๆมาจนในปีนี้ยอดขายรวมได้อยู่ที่ 500 ล้านบาท และน่าจะโตต่อไปได้อีก
– Novus เป็นบริษัทที่ปรึกษาวางระบบตั้งเป้าจะโตจาก 300 ล้านบาทเป็น 500 ล้าน
บาท
– ตลาดการศึกษาโตจาก 200 ล้านบาทมาเป็น 400 ล้านบาท
– Smartphone เพิ่มยอดขายจาก 3000 ล้านบาทเป็น 5000 ล้านบาท
– SSSG ตั้งเป้าโตที่ 10% ไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยไปขยับทีหลัง
และที่เด็ดที่สุดก็คือ ตั้งเป้าหมายว่าจะเปิดร้านแฟรนไชน์ 200 สาขา
ความหวังใหม่ของบริษัทแฟรนไชน์
แต่ก่อนก็มีคนมาถามทางบริษัทเยอะเหมือนกันว่าเปิดแฟรนไชน์ COM7 หรือเปล่า
แต่ก็ไม่ได้เปิดเพราะว่าพอเปิดไปแล้ว ถ้าเขาไม่รอดเราก็รู้สึกผิดเพราะว่าต้องอุดทุก
11
ความเสี่ยงให้ได้ก่อน แต่ว่าวันนี้ทาง COM7 สามารถที่จะอุดทุกช่องโหว่ได้แล้วจึงลง
มาทา โดยชูจุดเด่นดังนี้
จุดเด่นของร้านค้า BananaStore.com (ชื่อร้านแฟรนไชน์ของเขา)
– น่าเชื่อถือ ต้องการเปลี่ยนร้านค้าตู้ธรรมดาให้เป็นแบรนด์ BananaStore.com
ทั้งหมด หมดปัญหาเรื่องกลัวโดนหลอก
– ราคาถูกกว่า มั่นใจให้เขาไปหาสินค้ามาขายได้ถ้าถูกกว่า อันนี้เกิดจากโมเดลของ
ธุรกิจ ที่มือถือความจริงแล้วมันก็เหมือนๆกันจะซื้อที่ไหนก็ได้ เพื่อให้เขาอยู่กับเราได้
ต้องทาให้ถูกที่สุด อันนี้ทางเราลงทุนหุ้นก็เชื่อว่าเขาทาได้อยู่แล้ว ด้วยปริมาณ
ยอดขายที่สูงขนาดนี้สามารถที่จะไปต่อรองกับทางผู้ผลิตได้สบายๆ นี้คือจุดตายของ
ธุรกิจ ถึงขั้นไม่มีสัญญาว่าต้องซื้อของของเขาเท่านั้น คงต้องมั่นใจมากแน่นอน
– ของครบกว่า สามารถขายแบรนด์ Apple ได้ด้วย ไม่ต้องสต๊อกสั่งออนไลน์ก็ได้
ร้านค้าไม่ต้องมาหนักใจเรื่องสั่งไปแล้วขายไม่ได้ คืนของไม่ได้ เพราะสามารถใช้ระบบ
เดียวกับ Banana Mobile ได้เลยคือ ส่ง ในกรุงเทพ 3 ชั่วโมง ต่างจังหวัดสั่งของวันนี้
พรุ่งนี้ในร้านเก็บไว้เฉพาะของขายดีก็พอ นี้แหละเด็ดเพราะว่าตอบโจทย์ผู้ซื้อสุดๆ ทุน
จมเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก
12
– ทาระบบบริหารจัดการให้พร้อม คนทาคอมอยากทามือถือก็ไม่รู้จะทายังไง คน
ทามือถืออยากทาคอมก็ไม่รู้จะทายังไง การมีระบบให้มันดีกว่า มีระบบหลังบ้าน,
สินค้าคงคลัง, บัญชี, การตลาด, มีเงินให้กู้จากธนาคาร ไปคุยกับกสิกรให้แล้ว
ที่ต้องเปิดอย่างนี้ก็เพราะว่าจุดสาคัญของร้านคือทาเล การหาทาเลที่ดีมันยาก
พอสมควร และตลาดที่เขาจะจับก็คือพวกร้านค้าตู้ ที่ครองส่วนแบ่งการตลาด
มือถืออยู่ 40% การเข้าไปเจาะตรงส่วนนี้เปลี่ยนเขาให้เป็นพวกเราจะขยายตลาด
และสร้างกาไรได้อย่างมหาศาล ตอนนี้เริ่มต้นที่ภาคกลาง เชิญมา 40 คน จ่ายเงินตรง
นั้น 23 คน ที่เหลือขอกลับไปตัดสินใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีแสดงว่าโมเดลนี้ตอบโจทย์
ขนาดทางเราฟังแล้วยังคึกคักตามเลย อินมาก
ความเห็นของเราลงทุนหุ้น
ทางเราเชื่อนะว่าแฟรนไชน์นี้จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมส์ของ COM7 เพราะว่า ตลาดที่เขา
จะเข้าไปจับมันใหญ่มาก และเขาเข้าใจถึงปัญหาทุกอย่างของร้านค้า และปฏิบัติต่อ
ร้านค้าดีมาก จุดแข็งทั้งหมดที่เขาพูดมา มันตอบโจทย์ร้านค้าทั้งหมด ต้นทุน, ความ
น่าเชื่อถือ, การตลาด มันลงล๊อกหมด และเขาก็ได้พิสูจน์มาจากร้านค้าเขาเองแล้วว่า
13
เขาประสบความสาเร็จ ระบบทุกอย่างเขาพร้อม หุ้น COM7 น่าลุ้น อีกเรื่องก็คือโดย
ปกติการเปิดร้านเป็นแฟรนไชน์ จะสามารถสร้างกาไรให้กับบริษัทได้ดี โดยจะมีค่า
Royalty Fee, Marketing Fee เป็นเงินกินเปล่า ที่แทบจะวิ่งตรงเข้ากาไรได้เลย แต่
ว่าโมเดลร้านเขาไม่แน่ใจว่ามีส่วนนี้ไหม เพราะว่าโดยโมเดล ร้านค้าแบบนี้ค่อนข้าง
อ่อนไหวเรื่องต้นทุนพอสมควร (มือถือเหมือนกันบวกต้นทุนลงมาที่มือถือคงไม่ได้) ถ้า
มีแล้วร้านค้ารับได้ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร ขายอุปกรณ์อย่างเดียวก็ได้ เน้น
ปริมาณเอา
14
[IPO] RSP ผู้ผลิตรองเท้าระดับโลก
บริษัท ริช สปอร์ต จากัด (มหาชน) เป็นผู้ผลิตและจัดจาหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์
Converse แต่เพียงผู้เดียวในไทย โดยได้รับสิทธิ์จากบริษัท Converse Inc. โดย
สินค้าที่จัดจาหน่ายมีตั้งแต่ รองเท้า, เสื้อผ้า, หมวก, กระเป๋ า และสินค้าอื่นๆ ภายใต้
แบรนด์ Converse ทั้งหมด โดยในปัจจุบันมีช่องทางการจัดจาหน่ายทั้งหมด 155
แห่ง แบ่งเป็น ร้านค้าปลีกของบริษัท 41 แห่ง และเคาน์เตอร์จาหน่ายในห้าง (Shop
in Shop) อีก 114 แห่ง นอกเหนือไปจากนี้แล้วยังได้กระจายสินค้าผ่านทางร้านค้า
ทั่วไปอีกด้วย
รายได้ของบริษัทถ้าเกิดว่าเราแยกสัดส่วนแล้ว จะเห็นว่ามาจากรองเท้าถึง 76.68%
กระเป๋ ามีสัดส่วนอยู่ที่ 14.65% เสื้ออยู่ที่ประมาณ 3.74% ที่เหลือ 4.93% เป็น
เครื่องประดับและรายได้อื่นๆ ลูกค้าส่วนใหญ่ของเขาคือกลุ่มนักเรียน นักศึกษาและ
วัยทางานตอนต้น
15
ช่องทางการจัดจาหน่ายของบริษัทก็กระจายตัวดี แบ่งเป็น ร้านค้าปลีกของบริษัทเอง
19.32% ผ่านเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า 45.59% และลูกค้าขายส่ง 35.09%
สัดส่วนค่อนข้างคงที่โดยบริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาผ่านทางร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้น
เรื่อยๆ
ถ้าเกิดว่าเรามาลองดูที่งบกาไนขาดทุนก็น่าสนใจเพราะว่ารายได้เขาเติบโตขึ้นทุกปี
จาก 811.3 ล้านบาทในปี 2557 เพิ่มขึ้นเป็น 1,358.84 ล้านบาทในปี 2559 เพิ่มขึ้น
16
ในอัตรา 15.53% เลยทีเดียวในช่วงที่ผ่านมา แต่ว่าในปี 60 รายได้ตกลงไป 10%
จากบริษัทบอกว่าเป็นเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจซึ่งทางเราก็ไม่ซีเรียสอะไรมาก และถ้า
เกิดว่าเราลองดูที่อัตรากาไรสุทธิ จะเห็นว่าน่าประทับใจมาก อยู่ที่เกือบ 20% มา
ตลอด ผลส่วนหนึ่งมาจากการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ และ
ความสามารถในการตั้งราคาสินค้าที่สูง
งบดุลถ้าลองดูก็จะพบว่าสวยงามเช่นกัน บริษัทนี้เป็นบริษัทที่แทบไม่มีหนี้เลย มีแต่
เงินสด ในแง่ของบริษัทดูคร่าวๆก็สวยงาม โครงสร้างดี กาไรดีทุกอย่าง แล้วคาถาม
คือเขามาเข้าตลาดเพื่อระดมทุนทาไม?
เงินที่ระดมทุนครั้งนี้มีมูลค่าประมาณ 1,160 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
 ใช้ในการลงทุนขยายสาขาและปรับปรุงสาขาใหม่ 80.5 ล้านบาท
 ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและโครงการในอนาคต 1,037.95 ล้านบาท
ตอนนี้ยังไม่ได้มีโครงการใหญ่ๆอะไรที่เป็นนัยยะสาคัญต่อบริษัท
แผนงานในอนาคตของบริษัทก็คือ ตอนนี้บริษัทได้ทาสัญญากับทางเจ้าของแบรนด์
Pony มาแล้วและทางบริษัทต้องการที่จะกระจายความเสี่ยงจากที่รายได้เกือบ
ทั้งหมดเป็นแบรนด์ Converse ให้มี Pony 20% ของรายได้รวมโดยเมื่อวันที่ 31
ตุลาคมทางบริษัทได้เปิดเคาน์เตอร์จาหน่ายสินค้าในห้างของแบรนด์ Pony ไปแล้ว
ทั้งสิ้น 31 แห่ง ต้องการที่จะเปิดให้ได้ 40 แห่งก่อนสิ้นปีนี้โดยใช้เงินลงทุนประมาณ
2 แสนบาทต่อ 1 สาขา
17
ความเสี่ยงของบริษัท
อย่างที่เรารู้กันว่ารายได้เกือบทั้งหมดของบริษัท ริช สปอร์ต (RSP) ในตอนนี้มาจาก
แบรนด์ Converse เป็นหลักซึ่งแบรนด์นี้ได้รับสิทธิ์ในการจัดจาหน่ายมาจากอเมริกา
การไม่มีแบรนด์ของตัวเอง
นอกจากนี้ถ้าเกิดว่าเราลองไปดูแหล่งที่มาของสินค้า Converse นั้นยิ่งน่าสนใจกว่า
เพราะว่าสัดส่วนที่ผลิตมาจากโรงงาน BNS ของทางบริษัทค่อยๆน้อยลงไปเรื่อยๆ
จาก 62.8% เป็น 44.59% ในขณะที่ส่วนของสินค้าที่สั่งมาจาก Converse โดยตรง
นั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก 28.2% เป็น 41.72% ทางบริษัทให้เหตุผลไว้ว่า ปกติแล้ว
Converse Inc. นั้น ไม่มีโรงงานผลิตรองเท้าเป็นของตัวเองและจะใช้วิธีว่าจ้างผลิต
สินค้าจากโรงงานที่ได้รับการรับรองจากที่อื่นๆทั่วโลก ในสมัยก่อนทางบริษัท ริช
สปอร์ต เองก็ตั้งโรงงานผลิตเองและติดตราสินค้าเองได้ แต่เมื่อไม่นานมานี้ทาง
Converse มีนโยบายว่าให้ทางตัวแทนจาหน่ายสั่งซื้อสินค้าสาเร็จรูปจากบริษัทเพิ่ม
มากขึ้น ซึ่งทางบริษัทได้แจ้งว่า “ในปี 2561 บริษัทฯ จะใช้โรงงานของ BNS ใน
การผลิตรองเท้าภายใต้ตราสินค้า Pony ในขณะที่รองเท้าภายใต้ตราสินค้า
Converse ที่บริษัทฯ สั่งผลิตจาก BNS อยู่ในปัจจุบันนั้น บริษัทฯ จะสั่งซื้อ
จาก Converse ทั้งหมด” ผลจากเรื่องนี้จะทาให้อัตรากาไรขั้นต้นลดลง 9.5 –
15.5%!!!
ทางผู้บริหารบอกว่าเดี๋ยวจะขึ้นราคาสินค้าและ ใช้สิทธิ์ประโยชน์จากภาษีนาเข้าจาก
จีน ผลคือกาไรขั้นต้นจะลดแค่ 3.5 – 5.5%
คาถามจากทางเราคือ
1. การขึ้นราคาจะไม่ทาให้ยอดขายลดลงหรือ? ขนาดไม่ปรับราคาในปี 60 ยังเหนื่อย
18
ยังไงก็ตามเรื่องขึ้นราคาและประโยชน์ทางภาษีมันก็คือการคาดการณ์ไปยังอนาคต
ซึ่งยังไม่มีอะไรแน่นอนแต่ว่า การไม่ได้ผลิตเองแล้วกาไรขั้นต้นลดลง 9.5-15.5% คือ
ของจริง
ราคาหุ้นของบริษัท
บริษัท ริช สปอร์ต มีหุ้นทั้งหมด 770 ล้านหุ้น มูลค่าบริษัท (Market Capital) อยู่ที่
4,466 ล้านบาท
ประมาณการกาไรต่อหุ้น (EPS) ปี 60 อยู่ที่ 0.304 บาทต่อหุ้น
ราคาเปิดตัวหุ้นอยู่ที่ 5.8 บาทต่อหุ้น
คิดเป็น P/E 19 เท่า
คู่เทียบในตลาดหุ้นไทยคงไม่มีในตอนนี้แต่ว่ามีคู่เทียบหนึ่งที่น่าสนใจคือ
บริษัท Nike ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Converse อีกที P/E อยู่ที่ 24 เท่า และการ
ที่บริษัท Nike มีนโยบายออกมาว่าให้บริษัทตัวแทนจาหน่าย ต้องซื้อสินค้าที่ทาง
บริษัทเป็นผู้ผลิตเอง แน่นอนว่าผลจากนโยบายนี้จะทาให้กาไรของ Nike ในส่วนของ
Converse สวยงามเลยทีเดียว
19
หุ้นน้าผลไม้พร้อมดื่ม ดีจริงหรือ?
เมื่อคนในสังคมมีรายได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สุขภาพก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่พวกเราต้องการ
กัน ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพเติบโตขึ้นมากในช่วงนี้เช่น กลุ่มโรงพยาบาล-
คลินิก, อาหารเสริม, ฟิตเนส มีหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์บางตัว เขาทาเกี่ยวกับน้า
ผลไม้พร้อมดื่ม เรามาดูกันว่าน้าผลไม้พวกนี้คืออาหารแห่งอนาคตจริงไหม?
น้าผลไม้ 100% เราเคยสงสัยกันไหมว่า ทาไมทุกกล่องรสชาติเท่ากันหมดเลย? ถ้า
เกิดว่าคั้นสดๆออกมาจากผล มันควรที่จะมีบางกล่องที่หวาน บางกล่องที่เปรี้ยว ปนๆ
กันไป สาเหตุที่เป็นอย่างนี้นั้นก็เพราะว่ากรรมวิธีการผลิตของเขา
น้าผลไม้หลังจากที่เขาคั้นเรียบร้อยแล้ว เขาจะยังไม่เอาลงใส่กล่องทันที แต่ว่าเขาจะ
เอาน้าผลไม้นี้ไปต้ม เพื่อเอาน้าส่วนเกินออก หลังจากที่ต้มแล้วเขาก็จะใส่น้าตาลและ
ส่วนผสมของเขาลงไป ในขั้นตอนนี้ทาไปเพื่อให้น้าผลไม้ทุกกล่องมีรสชาติที่
เหมือนกัน ผลที่ได้มาจากขั้นตอนนี้ก็คือ หัวน้าผลไม้ที่ข้นๆเหนียวๆ อารมณ์
คล้ายกับเฮลบลูบอย (ทาไปเพื่อให้ขนย้ายสะดวก, เติมแต่งง่าย, เก็บได้นาน, ฆ่า
เชื้อ, เติมสารกันเสีย)
20
ในน้าผลไม้นั้นมันก็มีวิตามินและเกลือแร่บางตัวนั้นไม่สามารถทนความร้อน
จากการต้มได้ ผลก็คือวิตามินพวกนี้ก็จะสลายไป แต่ว่าจุดขายของน้าผลไม้ก็คือ
ประโยชน์ต่อร่างกาย ทางผู้ผลิตเขาอยากโฆษณาว่าน้าผลไม้นี้มีวิตามินสูง ในเมื่อ
วิตามินทั้งหมดหายไปแล้ว เขาก็เลยต้องเอาพวกวิตามินผงต่างๆใส่กลับเข้า
ไป ซึ่งเราสามารถสังเกตได้จากข้างขวดน้าผลไม้ ตารางด้านล่างเป็นข้อมูลจาก
self.com เป็นการคานวณวิตามินของส้ม 1 ถ้วย (ประมาณ 180 กรัม) จะเห็นว่ามี
วิตามินและเกลือแร่ชนิดต่างๆอยู่มาก แต่ที่ข้างขวดเราจะเห็นว่ามีวิตามินอยู่ไม่กี่ชนิด
เช่นถ้าเป็นน้าส้มก็จะมีแค่วิตามินซีอย่างเดียวโดดขึ้นมา นั้นก็เป็นผลมาจากการเติม
วิตามินเข้าไปนั้นเอง
เราคงจะเคยเห็นบางกล่องเขียนติดเอาไว้ว่าน้าผลไม้ 100%, 50%, 30% ตัวเลขพวก
นี้มาจากไหน? ที่มาของตัวเลขพวกนี้ก็คือ สมมุติว่า ตอนที่ระเหยระเหยออกไป 50%
เขาก็เติมน้ากลับมา 50% อย่างนี้น้าผลไม้ก็จะกลายเป็นน้าผลไม้ 100% นั้นเอง น้า
ผลไม้ 25% นั้นก็หมายความว่ามีหัวเชื้อ 25% และน้าเปล่าอีก 75% แต่ว่าผลที่
เกิดขึ้นจากขั้นตอนนี้ก็คือ เมื่อเติมน้าเข้าไปเยอะๆ มันจะจาง, ไม่มีกลิ่นและสีไม่สวย
อันนี้ก็เป็นหน้าที่ของสารเคมีแล้วที่จะทาให้สีและกลิ่นกลับมาเป็นน้าผลไม้
เหมือนเดิม ดังนั้นเราจะเห็นข้างขวดเขียนเอาไว้ว่า เจือสีและแต่งกลิ่นสังเคราะห์
21
เนื่องจากการแต่งรสชาติให้หวาน ส่งผลให้ปริมาณน้าตาลเยอะมาก ประมาณ 15-20
กรัมต่อ 200 มิลลิลิตร ซึ่งร่างกายเราต้องการวันละ 24 กรัมเท่านั้น ถ้าเทียบแล้ว
อาจจะพอๆกับน้าอัดลมเลย
ดังนั้นเราก็สามารถสรุปได้ว่า น้าผลไม้ขวดทั้งหลาย ไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อร่างกาย
เท่าไหร่และจะทาให้เราอ้วนได้ด้วย การกินส้มธรรมดามีประโยชน์มากกว่าเยอะ
ดังนั้นเราจึงสามารถสรุปได้ว่า น้าผลไม้สาเร็จรูปไม่ใช่อาหารสุขภาพแน่นอน
22
ตามส่อง SPCG บริษัทที่มีกาไรสุทธิ 50%
เพิ่งมาได้วิเคราะห์บริษัท SPCG ซึ่งเป็นบริษัทที่ทาเรื่องไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
รายใหญ่ของไทย ซึ่งเป็นบริษัทที่มีอัตรากาไรสุทธิสูงมาก เกือบแตะ 50% อัตรากาไร
ขึ้นต้นสูงเกือบ 63.98% อาจจะพูดได้ว่ามากที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ไทยตอนนี้เลยก็
ว่าได้ สูงชนิดที่ว่าบริษัทเครื่องสาอางยังต้องยอมแพ้
ธุรกิจหลักของเขาก็คือการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ขายให้กับการไฟฟ้า
ประเทศไทยและมีรับจ้างติดตั้ง-ดูแลให้คนอื่นบ้าง ตอนนี้รายได้จากส่วนนี้ก็เติบโตดี
สวยงาม โดยรายได้จากการรับจ้างผลิตและติดตั้งอยู่ที่ประมาณ 16% ในปีที่ผ่านมา
แต่ถ้าเกิดว่าเรามองไปที่ PE ของหุ้นตัวนี้จะเห็นว่าค่อนข้างถูกมาก เพราะว่า บริษัทนี้
มี PE อยู่ที่ประมาณ 9 เท่ากว่าๆเท่านั้นเองทั้งๆที่เพื่อนๆในอุตสาหกรรมของเขามี PE
ขึ้นไปที่ 15 หรือบางเจ้า 20 กว่าไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ก็มีเหตุผล โดยมีเรื่องราวดังนี้
23
เรื่องราวของบริษัทนี้เริ่มต้นจากเมื่อประมาณช่วงปี 2551-2553 เป็นปีแรกๆที่รัฐบาล
ประกาศแผนสนับสนุนธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งในตอนนั้นเรื่องพลังงานทดแทนยัง
ไม่ได้รับความนิยมมาเท่าไหร่ รัฐบาลอยากจูงใจคนให้เข้ามาทา เลยตั้งราคารับซื้อ
ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์ในราคาที่สูงมากคือ Adder +8 บาท
(ความหมายคือเนื้อไฟประมาณ 3 บาทและบวกตรงนี้เข้าไปอีก 8 บาท) ผลคือบริษัท
นี้อยู่ในวงการนี้มานานแล้ว เห็นปุ๊บก็หวานหมู คานวณอะไรแล้วคุ้มค่าหมด เลย
จัดการเสนอตัวเข้าไปทาและกวาดมาได้หลายโครงการมาก (ชื่นชมเจ้าของเขานะที่
รู้จักคว้าโอกาสทองเอาไว้ได้) ผลจากการที่ไปกวาดโครงการเหล่านั้นมาเมื่อสร้างเสร็จ
ก็ทาให้กาไรเขากระโดดพุ่งอย่างมหาศาล จากเมื่อ 7 ปีก่อนยังเป็นบริษัทจิ๋วกาไร
ไม่ถึง 10 ล้านบาท ผลจากนโยบายรัฐในครั้งนี้ทาให้บริษัทมีกาไรพุ่งขึ้นเป็น
2500 กว่าล้านบาท พลิกชีวิตกันเลยทีเดียว แต่พอเวลาผ่านไปรัฐบาลก็คิดว่าคงจ่าย
แพงไปหน่อย เมื่อประมาณปี 2556-2558 เลยเปลี่ยนเป็นรูปแบบ Feed-in Tarriff
(FiT)
แต่ประเด็นก็คือสิ่งที่ทาให้บริษัทนี้มีราคาถูก อยู่ที่อายุของสัญญาที่ทากับการไฟฟ้าไว้
ว่าจะรับซื้อกันอยู่ 10 ปี ซึ่งขณะนี้เวลาได้ผ่านมาได้ประมาณ 5 ปีแล้ว (แต่ละ
โครงการไม่เท่ากันนับจากวันเริ่มจาหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD)) และคาถามที่
24
น่าสนใจก็คือ “ถ้าเกิดว่า Adder 8 บาทหมดไปจะเป็นยังไง?” นี้คือคาถามที่น่า
คิด
แต่ว่าบริษัทก็รู้ถึงจุดอ่อนตรงนี้อยู่เลยพยายามกระจายธุรกิจออกไปเป็นรับจ้างติดตั้ง,
ไปสร้างโรงไฟฟ้าที่ต่างประเทศบ้างซึ่งท่านใดที่จะลงทุนก็ต้องมาดูว่าแผนการของเขา
จะเป็นอย่างไรและจะมาชดเชยรายได้ Adder 8 บาทได้มากน้อยขนาดไหน
25
ตามส่องหุ้น ORI บริษัทที่สร้างผลตอบแทน 250% ภายใน 1 ปี
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้จากัด เป็นบริษัทอสังหาที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่เติบโต
สูงที่สุดในวงการ โดยจากปีที่แล้วมีรายได้ 3200 ล้านบาท ตั้งเป้าจะโตเป็น 9000
เกือบ 3 เท่าตัว ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงตามจาก 8 บาทมาอยู่ที่ 20 บาท
หรือคิดเป็น 250% ภายใน 1 ปีเลยทีเดียว ใครถือหุ้นนี้ตอนต้นปีนี้ยิ้มกันเลย
รายได้ของบริษัท
รายได้ใน Q2 ที่ผ่านมาก็ทาได้สวยงาม ใน Q2 ปี 2016 รายได้อยู่ที่ 488.9 ล้านบาท
ปรับตัวขึ้นเป็น 1176.4 ล้านบาทโตขึ้นมา 140.6% กาไรสุทธิก็โตดีเหมือนกันโดยโต
จาก 73.1 ล้านบาทขึ้นมาเป็น 238.7 ล้านบาท ในขณะที่กาไรขั้นต้นก็อยู่ในระดับที่
สูงมากประมาณ 46.1% ถ้าไปจัดอันดับในวงการก่อสร้างด้วยกันบริษัท ออริจิ้น จะ
เป็นที่หนึ่งของวงการเลย เป็นผลมาจากนโยบายการสร้างโครงการระดับสูงเป็นส่วน
ใหญ่ (Middle to High แบรนด์ Knightsbridge 120,000 -200,000 บาทต่อ
ตารางเมตร ตอนนี้ทาอยู่ 6400 ล้านบาท แบรนด์กลางทาอยู่ 5400 ล้านบาท)
26
รายได้ของบริษัทที่เติบโตมากขนาดนี้มาจากการทา M&A กับบริษัท Park 24 และ
การสร้างโครงการขนาดใหญ่ในปีที่ผ่านมา ในปีนี้บริษัทได้ปรับเป้าหมายจากที่ตั้ง
เอาไว้ 6000 ล้านบาทเปลี่ยนเป็น 9000 ล้านบาท โครงการที่เสร็จแล้วเปลี่ยนจาก
6870 ล้านบาท เป็น 12770 ล้านบาท Backlog จาก12385 ล้านบาทเพิ่มเป็น
25285 ล้านบาท ซึ่งสามารถมองได้ว่ารายได้ในปีนี้เขาคงทาได้ตามเป้าแน่นอนและ
คงทบไปปีหน้าได้สบายๆ ทางบริษัทบอกว่า Backlog ที่มากขนาดนี้สามารถ
รับประกันรายได้ในปี 2018 ได้ 67% และปี 2019 ได้ประมาณ 50% ของยอดที่ตั้ง
เอาไว้
จุดเด่นของบริษัททางบริษัทเคลมไว้หลายอย่างแต่ทางเรามองว่าจุดเด่นที่สุดของ
บริษัทนี้ก็คือความกล้าที่จะทาสิ่งที่ใหญ่และเลือกทาเลที่ดีส่งผลให้+การตลาดที่ดีทา
ให้ยอดขายเป็นไปตามเป้า โดยปกติแล้ว การสร้างอสังหาขึ้นมาเยอะๆไม่ใช่ปัญหา
เท่าไหร่สาหรับวงการนี้แต่ว่าการขายให้หมดมักจะเป็นปัญหา แต่บริษัทนี้สร้าง
ออกมาเยอะและขายได้เยอะถือว่าดีใช้ได้
โครงการที่กาลังพัฒนาและจาหน่ายอยู่ในปัจจุบัน
27
โครงการทั้งหมดของบริษัทมีอยู่ทั้งสิ้น 46 โครงการ มีทั้งสิ้น 17689 ยูนิต มีมูลค่า
รวมกันทั้งสิ้น 44708 ล้านบาทโดยแบ่งเป็น Q1-2 4 โครงการมูลค่า 9450 ล้าน
บาท Q3 จะมีโครงการใหม่เพิ่มเข้ามาอีก 4 โครงการมูลค่า 7400 ล้านบาท และใน
Q4 จะเปิดโครงการเล็กๆเพิ่มอีก 4 โครงการมูลค่า 1,200 ล้านบาท โดยมี
รายละเอียดดังนี้
28
โครงการคอนโดที่จะเปิดตัวในช่วง Q3 จะมี
KnightsBridge Prime Onnut มูลค่า 2500 ล้านบาท
KnightsBridge Prime Ratchayothin มูลค่า 1600 ล้านบาท
KnightsBridge Collage – Ramkhamhaeng มูลค่า 2000 ล้านบาท
KnightsBridge Kaset Society มูลค่า 1300 ล้านบาท
ในช่วง Q4 จะเป็นบ้านและคอนโด บ้านเป็นบ้านพร้อมอยู่สามารถที่จะโอนใน Q4 ได้
เลย
Britania Srinakarin มูลค่า 700 ล้านบาท (บ้าน)
B-loft Condo 3 โครงการ มูลค่า 500 ล้านบาท
โครงการ Origin District คอนโด Premium High-rise ขายไปได้ 80% แล้ว
Low-rise น่าจะส่งมอบในปีนี้ได้ทั้งหมด
29
ปีนี้บริษัทก็ยังคงเติบโตสูงเช่นเดิมมีโครงการออกมา 18050 ล้านบาท โตจากปีที่แล้ว
59% และตั้งเป้า Pre-Sale 14000 ล้านบาท โตอีก 73% ในส่วนของรายได้บริษัทตั้ง
เป้าเอาไว้ว่าปี 2017 นี้จะมีรายได้ทั้งสิ้น 9000 ล้านบาท ในปี 2018 จะมีรายได้
14000 ล้านบาทและในปี 2019 จะมีรายได้ 17500 ล้านบาท ถือว่าเป็นเป้าที่ใหญ่
โดนใจนักลงทุนเลย
30
อนาคตของหุ้น ORI
บริษัทนี้ดูดีทุกอย่างแต่พอไปมองที่ราคาเราจะเห็นว่าหุ้นของบริษัทนี้โตขึ้นมาจาก 8
บาทขึ้นเป็น 20 บาท มูลค่าบริษัทอยู่ที่ 32,525 ล้านบาท ถ้าเกิดว่าเรามองว่าปีนี้ทา
ได้ 9000 ล้านบาทและ อัตรากาไรสุทธิอยู่ที่ 20% เช่นเดิม ก็จะออกมาเป็นกาไรในปี
2017 ที่ 1800 ล้านบาท ประมาณ PE 18 เท่า
2017 รายได้ 9000 ล้านบาท กาไรสุทธิ 1800 ล้านบาท PE 18 เท่า
2018 รายได้ 14000 ล้านบาท กาไรสุทธิ 2800 ล้านบาท PE 11.61 เท่า
2019 รายได้ 17500 ล้านบาท กาไรสุทธิ 3500 ล้านบาท PE 9.3 เท่า
โดยปกติแล้วอุตสาหกรรมนี้คนทั่วไปเขาจะมองว่าอิ่มตัวและไม่ให้ PE สูง
เท่าไหร่ PE โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 9-10 เท่าเท่านั้น ราคาหุ้นของ ORI ใน
ปัจจุบันมีการปรับตัวขึ้นไปสูงสอดคล้องกับเป้าที่บริษัทได้ให้เอาไว้ ซึ่งทั้งนี้ก็อยู่
ในสมมุติฐานที่ว่าบริษัทสามารถรักษาระดับอัตรากาไรได้ที่ 20% และสามารถทา
โครงการใหม่ๆขึ้นมาเติบในส่วนของรายในปี 2018-2019 ได้ตามเป้า
31
ฐิติกร จากัด หุ้น TK ผู้นาสินเชื่อรถจักรยานยนต์
TK : บริษัท ฐิติกร จากัด (มหาชน)
บริษัทธิติกรก่อตั้งขึ้นมาเพื่อให้สินเชื่อรถจักรยานยนตร์ ต่อมาก็บุกเบิกเรื่องประกันภัย
รถจักรยานยนต์ และได้ขยายสาขาไปที่กัมพูชาและที่ลาว จุดที่เป็นจุดเด่นของเขาคือ
เขาเป็นผู้นาทางด้านของสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ฐานลูกค้ามาก ผู้บริหารบริหารงาน
มาอย่างยาวนาน มี 88 สาขาใน 54 จังหวัดทั่วไทย ปีนี้คาดว่าจะเปิดอีก 4 สาขาที่
ไทย ไม่เน้นการขยายด้วยหนี้D/E ต่ามากอยู่ที่ 1 เอง NPL อยู่ที่ 4.3% สามารถ
บริหารจัดการได้ เนื่องจากรายได้จากกลุ่มรถยนต์มีเพียงแค่ 1% จึงขอข้ามส่วนนี้ไป
อุตสาหกรรมรถยนต์ประเทศไทย
ปีที่ดีสุดที่ผ่านมาคือปี 2012 เป็นปีที่มีมาตรการพิเศษออกมาไม่ว่าจะเป็นรถคันแรก
และมาตรการจานาข้าว หลังจากปีที่ผ่านมาตรการกระตุ้นไปแล้วเราจะเห็นว่า
รถจักรยานยนต์ลดลง 2013-2015 ปี2016 ในปี 2017 นี้ยอดขายของ
32
อุตสาหกรรมเพิ่งจะกลับมามาเติบโต โดยในไตรมาสที่ 1 เติบโตขึ้นประมาณ
1.65% ไตรมาสที่ 2 โตขึ้นประมาณ 7% เมื่อมองรวมๆในครึ่งปีแรกโต
ประมาณ 4.3% ผู้ผลิตมองว่าจากที่ตั้งเป้าเอาไว้ทั้งปีที่ 1.75 ก็เปลี่ยนเป็น 1.8 ล้าน
คัน
ยอดขายของรถจักรยานยนตร์จะดีในช่วงไตรมาส 1 และ 4 ของปี สาเหตุมาจากไตร
มาส 4 นี้จะเริ่มมีรายได้จากการเพาะปลูกเข้ามาและไตรมาส 1 เป็นเรื่องของโบนัส
ทั้งประเทศเพิ่มขึ้น 4.3% แต่ว่ายอดขายในกรุงเทพ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก บางที
ต่างจังหวัดทรุดไปแล้วแต่ว่ากรุงเทพไม่ทรุด สาเหตุมาคนที่ซื้อรถส่วนใหญ่ในกรุงเทพ
คือคนที่มีเงินเดือนประจาดังนั้นเมื่อเกิดภัยแล้งจึงไม่มีปัญหามาก พอช่วงฝนมา
ต่างจังหวัดเพิ่มแรงแต่กรุงเทพก็ทรงๆ
รถที่ขายดีคือรถกลุ่มสกูตเตอร์ที่ล้อใหญ่หน่อยและก็จักรยานยนตร์ครอบครัว หลังๆก็
รถสปอร์ตเริ่มมา (แต่ไม่ใช่ Bigbike นะ) ถ้าเกิดว่าเราแบ่งเป็นสัดส่วนจะเห็นว่ารถ
ครอบครัวสัดส่วนอยู่ที่ 48% ทรงๆ รถสกูตเตอร์ก็หดตัวลงใสจากที่ 48% ลงมา
33
เหลืออยู่ที่ 34% แต่ว่ารถสปอร์ตโตไวก็เพราะว่าผู้ผลิตส่วนใหญ่เริ่มย้ายฐานการผลิต
มาไทยและเอารถพวกนี้เข้ามาขาย ยอดขายเริ่มโตจาก 4% มาเป็น 17%
เรื่องของธุรกิจของบริษัท
ในตลาดต่างประเทศ กัมพูชามี 3 สาขา ตอนนี้มีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 3 สาขา รวมเป็น
6 สาขา ที่ลาวมี 1 สาขา กาลังจะขอเพิ่มอีก 2 แห่ง กาลังอยู่ระหว่างการขออนุญาต
จากธนาคารกลางอยู่ 2 ประเทศมีสินเชื่อรวมกัน 250 ล้านบาท มีพนักงานรวมกัน 80
คน สิ้นปีนี้น่าจะเกิน 100 คน NPL ไม่มีปัญหาอะไร ทุกประเทศสามารถทากาไรได้
กาไรที่ลดลงในปี 2013-2014 เกิดมาจากภัยแล้งทาให้จ่ายไม่ตรงและมีการเร่งตัด
หนี้สูญ 2015 เป็นต้นมาสินเชื่อเริ่มกลับมาโตอีกครั้ง รายได้โต 7% แต่ว่ากาไรโต 4%
สาเหตุเกิดมาจากนโยบายการตัดบัญชีที่ตัดค่าคอมและค่าใช้จ่ายไปเลยในงวดแรก
แต่บริษัทอื่นๆจะค่อยๆทยอยตัดไป เป็นการตัดแบบอนุลักษณ์นิยม
34
โครงสร้างรายได้ 77.3% มาจากรถมอเตอร์ไซน์ 1% มาจากรถยนต์และ
21.7% เป็นรายได้อื่นๆ เช่น หนี้สูญรับคืน,ดอกเบี้ยล่าช้า,ค่าคอมจากบริษัท
ประกันภัย จานวนลูกหนี้ที่ปล่อยออกไปในไตรมาส 1-2 2017 ที่ผ่านมาโตประมาณ
4% ดังนั้นเป้าที่บอกเอาไว้ว่าจะเติบโต 10% ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อาจจะเกิน
ด้วยซ้า ครึ่งปีที่ผ่านมาโตไปแล้ว 10.3%
ในเรื่องของ NPL จะเห็นว่า โตจาก 4.6 เป็น 4.8% แต่ว่าไม่มีปัญหาอะไรมาก เรื่อง
การตั้งสารองหนี้ที่ค้างชาระเกิน 3 เดือนอยู่ที่ 429 แต่ว่าเราตั้งสารองอยู่ที่ 584 ล้าน
เกินไป 136%
ถามตอบ
สามารถกู้ยืมเงินได้สูงสุดกี่เท่า?
7 เท่า ของ D/E Ratio
มาตรฐานบัญชี IFRS 9 ที่จะใช้ในปี 2562 ต้องตั้งสารองเพิ่มไหม?
35
ปรึกษาแล้วคานวณอยู่ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะบริษัทตั้งสารองไว้มาก
และไม่หักหลักประกัน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร การเติบโตให้แรงมากคงเป็นไปได้ยาก
เพราะว่าการปล่อยเป็นการปล่อยระยะสั้นมาก 24 เดือน ครบรอบหมดปีก็จะหายไป
ครึ่งหนึ่ง เพราะฉะนั้นที่โต 10% หมายความว่า ต้องไปหาใหม่เพิ่ม 50% + 10% ใหม่
รถยนต์ ครบกาหนด 5 ปี ครบกาหนดปีหนึ่ง 20% มันเลยโตได้ง่ายกว่า
สินเชื่อที่ต่างประเทศมีเป้าหมายอย่างไรบ้าง?
ตอนนี้ยังเล็กอยู่มาก 3% ของพอร์ตรวม แต่ในแง่การเติบโตถือว่าสูงเพราะว่าครึ่งปี
แรกโตอยู่ที่ 93% ลาวโตขึ้น 65% โตสูงจริงแต่มาจากฐานต่าจึงไม่มีอะไรมาก ตอนนี้
มองเรื่องคนเป็นหลักที่ต้องเตรียมไว้ เรื่องเงินไม่มีปัญหาอะไรมาก เป้าที่มองไว้ว่า
อยากให้ต่างประเทศโต 50%ก็ยังมองอยู่
36
อ่านจบแล้วฝากติดตามเราที่เพจลงทุนหุ้นด้วยนะ
https://www.facebook.com/StockLittle/

More Related Content

More from PawachMetharattanara

Uniview Company Introduction with brief solution(1).pdf
Uniview Company Introduction with brief solution(1).pdfUniview Company Introduction with brief solution(1).pdf
Uniview Company Introduction with brief solution(1).pdf
PawachMetharattanara
 
Uniview Company Introduction with brief solution(1).pdf
Uniview Company Introduction with brief solution(1).pdfUniview Company Introduction with brief solution(1).pdf
Uniview Company Introduction with brief solution(1).pdf
PawachMetharattanara
 
หนังสือเชิญ Quicktron Robotic .Thailand(1).pdf
หนังสือเชิญ  Quicktron Robotic .Thailand(1).pdfหนังสือเชิญ  Quicktron Robotic .Thailand(1).pdf
หนังสือเชิญ Quicktron Robotic .Thailand(1).pdf
PawachMetharattanara
 
07 TOR ระบบ Smart Classroom ขนาด 50 ที่นั่ง 231220.docx
07 TOR ระบบ Smart Classroom ขนาด 50 ที่นั่ง 231220.docx07 TOR ระบบ Smart Classroom ขนาด 50 ที่นั่ง 231220.docx
07 TOR ระบบ Smart Classroom ขนาด 50 ที่นั่ง 231220.docx
PawachMetharattanara
 
Presentation DGF Logistics Thailand.คุณอรุณ.1.ppt
Presentation DGF Logistics Thailand.คุณอรุณ.1.pptPresentation DGF Logistics Thailand.คุณอรุณ.1.ppt
Presentation DGF Logistics Thailand.คุณอรุณ.1.ppt
PawachMetharattanara
 
อบรมพื้นฐาน 2023.pptx
อบรมพื้นฐาน 2023.pptxอบรมพื้นฐาน 2023.pptx
อบรมพื้นฐาน 2023.pptx
PawachMetharattanara
 
presentationsolutioncovidschool-230115131900-5c73fd21.pptx
presentationsolutioncovidschool-230115131900-5c73fd21.pptxpresentationsolutioncovidschool-230115131900-5c73fd21.pptx
presentationsolutioncovidschool-230115131900-5c73fd21.pptx
PawachMetharattanara
 
01416_PPT_FG_DAY1-บ่าย_651219V2.pdf
01416_PPT_FG_DAY1-บ่าย_651219V2.pdf01416_PPT_FG_DAY1-บ่าย_651219V2.pdf
01416_PPT_FG_DAY1-บ่าย_651219V2.pdf
PawachMetharattanara
 
แผนที่PICKชีวิต.pdf
แผนที่PICKชีวิต.pdfแผนที่PICKชีวิต.pdf
แผนที่PICKชีวิต.pdf
PawachMetharattanara
 
MARKETING Technology พลิกโลกการตลาดด้วยมาร์เทค 1.pdf
MARKETING Technology พลิกโลกการตลาดด้วยมาร์เทค 1.pdfMARKETING Technology พลิกโลกการตลาดด้วยมาร์เทค 1.pdf
MARKETING Technology พลิกโลกการตลาดด้วยมาร์เทค 1.pdf
PawachMetharattanara
 
Thailand 2023Q3 CCTV Seasonal Spotlight Product - DGF.PDF
Thailand 2023Q3 CCTV Seasonal Spotlight Product - DGF.PDFThailand 2023Q3 CCTV Seasonal Spotlight Product - DGF.PDF
Thailand 2023Q3 CCTV Seasonal Spotlight Product - DGF.PDF
PawachMetharattanara
 
Present_bitdefender_ sales 2023.pptx
Present_bitdefender_ sales 2023.pptxPresent_bitdefender_ sales 2023.pptx
Present_bitdefender_ sales 2023.pptx
PawachMetharattanara
 
2022Q4 Access Control & Video Intercom product update.pptx
2022Q4 Access Control & Video Intercom product update.pptx2022Q4 Access Control & Video Intercom product update.pptx
2022Q4 Access Control & Video Intercom product update.pptx
PawachMetharattanara
 
หลักการเขียนลายเซ็น.pdf
หลักการเขียนลายเซ็น.pdfหลักการเขียนลายเซ็น.pdf
หลักการเขียนลายเซ็น.pdf
PawachMetharattanara
 

More from PawachMetharattanara (20)

Presentation1ubv.pptx
Presentation1ubv.pptxPresentation1ubv.pptx
Presentation1ubv.pptx
 
Uniview Company Introduction with brief solution(1).pdf
Uniview Company Introduction with brief solution(1).pdfUniview Company Introduction with brief solution(1).pdf
Uniview Company Introduction with brief solution(1).pdf
 
Univiwe Training 2023.pdf
Univiwe Training 2023.pdfUniviwe Training 2023.pdf
Univiwe Training 2023.pdf
 
Uniview Company Introduction with brief solution(1).pdf
Uniview Company Introduction with brief solution(1).pdfUniview Company Introduction with brief solution(1).pdf
Uniview Company Introduction with brief solution(1).pdf
 
หนังสือเชิญ Quicktron Robotic .Thailand(1).pdf
หนังสือเชิญ  Quicktron Robotic .Thailand(1).pdfหนังสือเชิญ  Quicktron Robotic .Thailand(1).pdf
หนังสือเชิญ Quicktron Robotic .Thailand(1).pdf
 
07 TOR ระบบ Smart Classroom ขนาด 50 ที่นั่ง 231220.docx
07 TOR ระบบ Smart Classroom ขนาด 50 ที่นั่ง 231220.docx07 TOR ระบบ Smart Classroom ขนาด 50 ที่นั่ง 231220.docx
07 TOR ระบบ Smart Classroom ขนาด 50 ที่นั่ง 231220.docx
 
Presentation DGF Logistics Thailand.คุณอรุณ.1.ppt
Presentation DGF Logistics Thailand.คุณอรุณ.1.pptPresentation DGF Logistics Thailand.คุณอรุณ.1.ppt
Presentation DGF Logistics Thailand.คุณอรุณ.1.ppt
 
อบรมพื้นฐาน 2023.pptx
อบรมพื้นฐาน 2023.pptxอบรมพื้นฐาน 2023.pptx
อบรมพื้นฐาน 2023.pptx
 
presentationsolutioncovidschool-230115131900-5c73fd21.pptx
presentationsolutioncovidschool-230115131900-5c73fd21.pptxpresentationsolutioncovidschool-230115131900-5c73fd21.pptx
presentationsolutioncovidschool-230115131900-5c73fd21.pptx
 
Catalog Quick.pdf
Catalog Quick.pdfCatalog Quick.pdf
Catalog Quick.pdf
 
01416_PPT_FG_DAY1-บ่าย_651219V2.pdf
01416_PPT_FG_DAY1-บ่าย_651219V2.pdf01416_PPT_FG_DAY1-บ่าย_651219V2.pdf
01416_PPT_FG_DAY1-บ่าย_651219V2.pdf
 
แผนที่PICKชีวิต.pdf
แผนที่PICKชีวิต.pdfแผนที่PICKชีวิต.pdf
แผนที่PICKชีวิต.pdf
 
Digital Marketing (2024).pdf
Digital Marketing (2024).pdfDigital Marketing (2024).pdf
Digital Marketing (2024).pdf
 
MARKETING Technology พลิกโลกการตลาดด้วยมาร์เทค 1.pdf
MARKETING Technology พลิกโลกการตลาดด้วยมาร์เทค 1.pdfMARKETING Technology พลิกโลกการตลาดด้วยมาร์เทค 1.pdf
MARKETING Technology พลิกโลกการตลาดด้วยมาร์เทค 1.pdf
 
Thailand 2023Q3 CCTV Seasonal Spotlight Product - DGF.PDF
Thailand 2023Q3 CCTV Seasonal Spotlight Product - DGF.PDFThailand 2023Q3 CCTV Seasonal Spotlight Product - DGF.PDF
Thailand 2023Q3 CCTV Seasonal Spotlight Product - DGF.PDF
 
DLS_CP_DPARK LPR.pptx
DLS_CP_DPARK LPR.pptxDLS_CP_DPARK LPR.pptx
DLS_CP_DPARK LPR.pptx
 
4 โต๊ะจีน 2022.pdf
4 โต๊ะจีน 2022.pdf4 โต๊ะจีน 2022.pdf
4 โต๊ะจีน 2022.pdf
 
Present_bitdefender_ sales 2023.pptx
Present_bitdefender_ sales 2023.pptxPresent_bitdefender_ sales 2023.pptx
Present_bitdefender_ sales 2023.pptx
 
2022Q4 Access Control & Video Intercom product update.pptx
2022Q4 Access Control & Video Intercom product update.pptx2022Q4 Access Control & Video Intercom product update.pptx
2022Q4 Access Control & Video Intercom product update.pptx
 
หลักการเขียนลายเซ็น.pdf
หลักการเขียนลายเซ็น.pdfหลักการเขียนลายเซ็น.pdf
หลักการเขียนลายเซ็น.pdf
 

stockbook2.pdf

  • 1. 1 E-book สรุปหุ้น 7 ตัวเด่น โดย เพจ ลงทุนหุ้น https://www.facebook.com/StockLittle/ https://stocklittle.com/
  • 2. 2 เนื้อหา ร้าน Beauty Buffet ขายได้วันหนึ่งเท่าไหร่? .................................................................................................. 4 COM7 กับแผนการเพิ่มกาไรที่น่าลุ้น!............................................................................................................ 8 [IPO] RSP ผู้ผลิตรองเท้าระดับโลก............................................................................................................. 14 หุ้นน้าผลไม้พร้อมดื่ม ดีจริงหรือ? ................................................................................................................ 19 ตามส่อง SPCG บริษัทที่มีกาไรสุทธิ 50% ..................................................................................................... 22 ตามส่องหุ้น ORI บริษัทที่สร้างผลตอบแทน 250% ภายใน 1 ปี......................................................................... 25 ฐิติกร จากัด หุ้น TK ผู้นาสินเชื่อรถจักรยานยนต์............................................................................................. 31
  • 3. 3 สอนเล่นหุ้น แบบเจาะลึก ครบทุกเนื้อหา ใช้งานได้จริง ไม่มี พื้นฐานก็เรียนได้ จุดเด่นของคอร์สัมมนา นี้คือจุดเด่นของคอร์สสัมมนาของเราที่ต่างจากที่อื่น หากท่านกาลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเลือกที่ไหน ลองดูจุดเด่นของคอร์ สสัมมนาของเราเพื่อตัดสินใจ 1. เนื้อหาครบถ้วน เข้าใจง่าย เนื้อหาของเราจะครอบคลุมตั้งแต่เราจะวิเคราะห์ ธุรกิจอย่างไรทั้งในด้านของคุณภาพของกิจการและในด้านของงบการเงิน ไปจนกระทั้งถึงการมองถึงความเสี่ยงและราคาหุ้นที่เหมาะสมควรจะเป็นเท่าไหร่ เพื่อกาหนดจุดซื้อขายที่ถูกต้องได้ 2. คุ้มค่า ราคาสุดคุ้ม การเรียนเป็นการเรียน 2 ในราคาเพียง 2,499 บาท 3. รับประกันผล หลังจากที่เรียนไปแล้ว หากต้องการเรียนซ้าอีกรอบ ท่านสามารถที่จะติดต่อเรามาได้ นอกจากนี้แล้วหากมีคาถามหรือข้อ สงสัยใดๆ ท่านสามารถที่จะถามเราได้ทุกเวลา อ่านรายละเอียดคอร์สเพิ่มเติมได้ที่นี้ https://stocklittle.com/investing-in-stocks-guide
  • 4. 4 ร้าน Beauty Buffet ขายได้วันหนึ่งเท่าไหร่? ตอนนี้กาลังวิเคราะห์ Beauty และคิดว่าเดี๋ยว Beauty จะมาอีกเป็นชุดเหมือนตอน FSMART #เรื่องแหล่งที่มาของข้อมูล ก่อนอื่นขอกล่าวก่อนว่าข้อมูลนี้ไม่เป็นเป็นข้อมูลที่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ จากทาง Beauty เอง แต่มาจากการประเมินและคิดย้อนกลับจากข้อมูลที่ผู้บริหารให้ มาซึ่งอาจจะมีข้อผิดพลาด และข้อมูลนี้อาจจะไม่แม่นยา 100% เพราะว่าตั้งแต่ Q2/2559 ทางบริษัทได้มีการจัดหมวดหมู่รายได้ใหม่ ซึ่งมีการดึงรายได้บางส่วนมาใส่ ในหมวดใหม่ทาให้รายได้จากส่วนนั้นลดลงอย่างเป็นนัยยะสาคัญ
  • 5. 5 #รายได้ มาถึงในส่วนของรายได้ของ Beauty Buffet มีรายได้เท่าไหร่กันแน่ เรามาดูกัน รายได้ ต่อสาขาของ Beauty Buffet ใน Q3/2017 อยู่ที่ 8,319,262.5 ล้านบาทต่อสาขา/ปี ต่อเดือนก็ 693,271.9 บาท คิดเป็นต่อวันก็ประมาณวันละ 22,792.5 บาท ถามว่า เยอะไหมกับรายได้ตรงนี้ถ้าเกิดว่าตอบตามความเป็นจริงก็ต้องบอกว่าไม่ได้มาก เท่าไหร่ ถ้าเกิดว่าเราไปมองดูที่รายใหญ่ของประเทศ ที่พอจะมีข้อมูลคือ CPALL ใน ไตรมาสที่ 1 ปี 60 เขามีรายได้ต่อวัน 77,426 บาท หรือคิดเป็นเดือนละ 2.3 ล้านบาท เรียกได้ว่าห่างกันพอสมควร (ถ้าใครมีข้อมูลของร้านเครื่องสาอางอื่นๆเช่น Eveandboy หรือร้านอื่นๆแชร์ได้นะ พอดีลองหาแล้วไม่เจอ)
  • 6. 6 #การเติบโต ในส่วนของการเติบโต ถ้าเกิดว่าเราลองไปดูที่ Beauty จะเห็นว่าตัวเลข SSSG (รายได้ จากสาขาเดิมที่เติบโต) น่ามหัศจรรย์มาก เติบโตเป็นเลข 2 หลักมาโดยตลอดซึ่งถือว่า เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากในวงการค้าปลีก เรื่องนี้ต้องชมเชยทางทีมงานการตลาดของ เขาว่าเหนือชั้นจริงๆที่ทาให้ SSSG เพิ่มขึ้นมาได้มากขนาดนี้จาก SSSG ที่เพิ่มขึ้นนี้ เอง ทาให้รายได้จากสาขาเติมของ Beauty Buffet ที่อยู่ที่ 1.2 ล้าน ในช่วง Q2/2556 เติบโตขึ้นมาเป็น 2.3 ล้านบาทในปี Q3/2560 น่าตื่นเต้นมาก #ทาไมไม่ค่อยเห็นลูกค้าที่ร้าน ถ้าเราไปดูที่ร้านเขาออกจะโล่งๆไปหน่อยจนสงสัยว่ามีคนหรือเปล่า อันนี้เรามี คาอธิบาย ซึ่งเราต้องมาดูที่รายได้ของเขาก่อนคือประมาณ 22,792.5 บาทต่อวัน และ คิดว่าเวลาทาการมีอยู่ 12 ชั่วโมงตามเวลาเปิดปิดห้าง นั้นหมายความว่าชั่วโมงหนึ่ง เขาจะทายอดขายได้โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,899.4 บาทต่อชั่วโมง สินค้าเขาเฉลี่ย 100-250
  • 7. 7 แถวๆนี้ถ้าคิดเป็น 175 บาทต่อ 1 คาสั่งซื้อ นั้นหมายความว่าชั่วโมงหนึ่งจะขายได้ ประมาณ 10 ชิ้น คงเป็นลูกค้าประมาณ 10 คนต่อชั่วโมง ก็ตก 6 นาทีต่อคน นั้น หมายความว่าส่วนใหญ่ร้านจะโล่งๆว่างๆอย่างที่เราเห็น #อนาคตของเขาละ ถ้าเกิดว่าเรามองไปที่จานวนลูกค้าและรายได้ต่อร้าน ถึงแม้ว่าโดยภาพรวมจะน่า ประทับใจ แต่ว่าก็ยังรีดรายได้ออกมาได้ไม่เต็มประสิทธิ์ภาพ เราต้องการเห็นร้านค้า Beauty Buffet เป็นอย่าง Eveandboy ที่เข้าร้านกันแบบมืดฟ้ามัวดิน หรือร้านดังๆ อื่นๆ ถ้ามีคนเข้าขนาดนั้น 10 เด้งต่อจากนี้ไปไม่ใช่เรื่องยากสาหรับ Beauty เราคง ต้องฝากความหวังเอาไว้กับทีม Marketing ของทาง Beauty แล้วว่าจะเป็นไปได้ไหม
  • 8. 8 COM7 กับแผนการเพิ่มกาไรที่น่าลุ้น! COM7 ประกอบธุรกิจหลัก จัดจาหน่ายมือถือ, แท็บเล็ต, โน๊ตบุ๊ค, คอมพิวเตอร์ และ เป็นตัวแทนจาหน่าย iPhone ที่มียอดขายมากที่สุดในไทย โดยเน้นไปที่การขายปลีก ภายใต้แบรนด์ร้านค้าที่เรารู้จักกันดี เช่น Banana IT, Studio7, Banana Mobile, BKK และการจัดจาหน่ายผ่านทางช่องทางออนไลน์ BananaStore.com หลังจากที่ประกาศงบออกมาใน Q3 COM7 ก็ทาให้นักลงทุนยิ้มกันทุกคน ด้วยการ ทารายได้ใน Q3 โต 39.8% จาก 3,943 ล้านบาท โตขึ้นมาเป็น 5,514 ล้านบาท น่าประทับใจมาก แต่ว่าที่ดีงามมากกว่าก็คือกาไรจาก 90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมา เป็น 150 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมา 66% โดยทางบริษัทให้เหตุผลว่า อุตสาหกรรม นี้เป็นอุตสาหกรรมใหญ่มากและเติบโตอยู่สม่าเสมอ และอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ช่อง ทางการจัดจาหน่ายของบริษัทที่เพิ่มขึ้น ยอดขายใน Q4 ก็คิดว่าดีเช่นเดิมจากการ เปิดตัว iPhone และมือถือใหม่ๆออกมามาก ไม่มีอะไรน่ากังวล (ความจริงปีนี้ตั้งเป้า ให้ยอดขายโตแค่ 10% แต่ได้เปลี่ยนเป้ามาโต 25%) และทา SSSG ได้อยู่ที่ 15-20% (งดงาม)
  • 9. 9 ช่องทางการจัดจาหน่าย ปัจจุบันบริษัทมีช่องทางการจัดจาหน่ายทั้งสิ้น 411 แห่ง โดยแบ่งเป็นแบรนด์ ต่างๆได้ดังนี้ Banana IT 150 สาขา, Banana Mobile 18 สาขา, Studio 7 89 สาขา, U- Store 8 สาขา, BKK 39 สาขา, Samsung 10 สาขา, iCare 24 สาขา, Oppo 8 สาขา, True Shop 63 สาขา, ShotPro 1 สาขา, Huawei 1 สาขา และตัวเลขนี้ไม่ รวม Point of sale ใน Tesco อีกประมาณ 60 แห่ง ปีหน้า 2018 ตั้งเป้าว่าจะเปิด ของตัวเองอีก 50 แห่ง เปิด True Shop อีก 40 แห่งให้เป็น 100 แห่ง, iCare เพิ่มอีก 3 แห่งส่วนร้านที่เป็นของแบรนด์อันนี้ยังประเมินไม่ได้
  • 10. 10 เป้าหมายปี 2018 ทางบริษัท COM7 ตั้งเป้าว่าจะโตอีก 20% โดยทางบริษัทมีแผนการณ์ดังนี้ – ช่องทางออนไลน์ดันให้ถึง 1000 ล้านบาท แต่ก่อนได้แค่ 10 ล้านต่อเดือนและโต เรื่อยๆมาจนในปีนี้ยอดขายรวมได้อยู่ที่ 500 ล้านบาท และน่าจะโตต่อไปได้อีก – Novus เป็นบริษัทที่ปรึกษาวางระบบตั้งเป้าจะโตจาก 300 ล้านบาทเป็น 500 ล้าน บาท – ตลาดการศึกษาโตจาก 200 ล้านบาทมาเป็น 400 ล้านบาท – Smartphone เพิ่มยอดขายจาก 3000 ล้านบาทเป็น 5000 ล้านบาท – SSSG ตั้งเป้าโตที่ 10% ไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยไปขยับทีหลัง และที่เด็ดที่สุดก็คือ ตั้งเป้าหมายว่าจะเปิดร้านแฟรนไชน์ 200 สาขา ความหวังใหม่ของบริษัทแฟรนไชน์ แต่ก่อนก็มีคนมาถามทางบริษัทเยอะเหมือนกันว่าเปิดแฟรนไชน์ COM7 หรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้เปิดเพราะว่าพอเปิดไปแล้ว ถ้าเขาไม่รอดเราก็รู้สึกผิดเพราะว่าต้องอุดทุก
  • 11. 11 ความเสี่ยงให้ได้ก่อน แต่ว่าวันนี้ทาง COM7 สามารถที่จะอุดทุกช่องโหว่ได้แล้วจึงลง มาทา โดยชูจุดเด่นดังนี้ จุดเด่นของร้านค้า BananaStore.com (ชื่อร้านแฟรนไชน์ของเขา) – น่าเชื่อถือ ต้องการเปลี่ยนร้านค้าตู้ธรรมดาให้เป็นแบรนด์ BananaStore.com ทั้งหมด หมดปัญหาเรื่องกลัวโดนหลอก – ราคาถูกกว่า มั่นใจให้เขาไปหาสินค้ามาขายได้ถ้าถูกกว่า อันนี้เกิดจากโมเดลของ ธุรกิจ ที่มือถือความจริงแล้วมันก็เหมือนๆกันจะซื้อที่ไหนก็ได้ เพื่อให้เขาอยู่กับเราได้ ต้องทาให้ถูกที่สุด อันนี้ทางเราลงทุนหุ้นก็เชื่อว่าเขาทาได้อยู่แล้ว ด้วยปริมาณ ยอดขายที่สูงขนาดนี้สามารถที่จะไปต่อรองกับทางผู้ผลิตได้สบายๆ นี้คือจุดตายของ ธุรกิจ ถึงขั้นไม่มีสัญญาว่าต้องซื้อของของเขาเท่านั้น คงต้องมั่นใจมากแน่นอน – ของครบกว่า สามารถขายแบรนด์ Apple ได้ด้วย ไม่ต้องสต๊อกสั่งออนไลน์ก็ได้ ร้านค้าไม่ต้องมาหนักใจเรื่องสั่งไปแล้วขายไม่ได้ คืนของไม่ได้ เพราะสามารถใช้ระบบ เดียวกับ Banana Mobile ได้เลยคือ ส่ง ในกรุงเทพ 3 ชั่วโมง ต่างจังหวัดสั่งของวันนี้ พรุ่งนี้ในร้านเก็บไว้เฉพาะของขายดีก็พอ นี้แหละเด็ดเพราะว่าตอบโจทย์ผู้ซื้อสุดๆ ทุน จมเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก
  • 12. 12 – ทาระบบบริหารจัดการให้พร้อม คนทาคอมอยากทามือถือก็ไม่รู้จะทายังไง คน ทามือถืออยากทาคอมก็ไม่รู้จะทายังไง การมีระบบให้มันดีกว่า มีระบบหลังบ้าน, สินค้าคงคลัง, บัญชี, การตลาด, มีเงินให้กู้จากธนาคาร ไปคุยกับกสิกรให้แล้ว ที่ต้องเปิดอย่างนี้ก็เพราะว่าจุดสาคัญของร้านคือทาเล การหาทาเลที่ดีมันยาก พอสมควร และตลาดที่เขาจะจับก็คือพวกร้านค้าตู้ ที่ครองส่วนแบ่งการตลาด มือถืออยู่ 40% การเข้าไปเจาะตรงส่วนนี้เปลี่ยนเขาให้เป็นพวกเราจะขยายตลาด และสร้างกาไรได้อย่างมหาศาล ตอนนี้เริ่มต้นที่ภาคกลาง เชิญมา 40 คน จ่ายเงินตรง นั้น 23 คน ที่เหลือขอกลับไปตัดสินใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีแสดงว่าโมเดลนี้ตอบโจทย์ ขนาดทางเราฟังแล้วยังคึกคักตามเลย อินมาก ความเห็นของเราลงทุนหุ้น ทางเราเชื่อนะว่าแฟรนไชน์นี้จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมส์ของ COM7 เพราะว่า ตลาดที่เขา จะเข้าไปจับมันใหญ่มาก และเขาเข้าใจถึงปัญหาทุกอย่างของร้านค้า และปฏิบัติต่อ ร้านค้าดีมาก จุดแข็งทั้งหมดที่เขาพูดมา มันตอบโจทย์ร้านค้าทั้งหมด ต้นทุน, ความ น่าเชื่อถือ, การตลาด มันลงล๊อกหมด และเขาก็ได้พิสูจน์มาจากร้านค้าเขาเองแล้วว่า
  • 13. 13 เขาประสบความสาเร็จ ระบบทุกอย่างเขาพร้อม หุ้น COM7 น่าลุ้น อีกเรื่องก็คือโดย ปกติการเปิดร้านเป็นแฟรนไชน์ จะสามารถสร้างกาไรให้กับบริษัทได้ดี โดยจะมีค่า Royalty Fee, Marketing Fee เป็นเงินกินเปล่า ที่แทบจะวิ่งตรงเข้ากาไรได้เลย แต่ ว่าโมเดลร้านเขาไม่แน่ใจว่ามีส่วนนี้ไหม เพราะว่าโดยโมเดล ร้านค้าแบบนี้ค่อนข้าง อ่อนไหวเรื่องต้นทุนพอสมควร (มือถือเหมือนกันบวกต้นทุนลงมาที่มือถือคงไม่ได้) ถ้า มีแล้วร้านค้ารับได้ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร ขายอุปกรณ์อย่างเดียวก็ได้ เน้น ปริมาณเอา
  • 14. 14 [IPO] RSP ผู้ผลิตรองเท้าระดับโลก บริษัท ริช สปอร์ต จากัด (มหาชน) เป็นผู้ผลิตและจัดจาหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ Converse แต่เพียงผู้เดียวในไทย โดยได้รับสิทธิ์จากบริษัท Converse Inc. โดย สินค้าที่จัดจาหน่ายมีตั้งแต่ รองเท้า, เสื้อผ้า, หมวก, กระเป๋ า และสินค้าอื่นๆ ภายใต้ แบรนด์ Converse ทั้งหมด โดยในปัจจุบันมีช่องทางการจัดจาหน่ายทั้งหมด 155 แห่ง แบ่งเป็น ร้านค้าปลีกของบริษัท 41 แห่ง และเคาน์เตอร์จาหน่ายในห้าง (Shop in Shop) อีก 114 แห่ง นอกเหนือไปจากนี้แล้วยังได้กระจายสินค้าผ่านทางร้านค้า ทั่วไปอีกด้วย รายได้ของบริษัทถ้าเกิดว่าเราแยกสัดส่วนแล้ว จะเห็นว่ามาจากรองเท้าถึง 76.68% กระเป๋ ามีสัดส่วนอยู่ที่ 14.65% เสื้ออยู่ที่ประมาณ 3.74% ที่เหลือ 4.93% เป็น เครื่องประดับและรายได้อื่นๆ ลูกค้าส่วนใหญ่ของเขาคือกลุ่มนักเรียน นักศึกษาและ วัยทางานตอนต้น
  • 15. 15 ช่องทางการจัดจาหน่ายของบริษัทก็กระจายตัวดี แบ่งเป็น ร้านค้าปลีกของบริษัทเอง 19.32% ผ่านเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า 45.59% และลูกค้าขายส่ง 35.09% สัดส่วนค่อนข้างคงที่โดยบริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาผ่านทางร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้น เรื่อยๆ ถ้าเกิดว่าเรามาลองดูที่งบกาไนขาดทุนก็น่าสนใจเพราะว่ารายได้เขาเติบโตขึ้นทุกปี จาก 811.3 ล้านบาทในปี 2557 เพิ่มขึ้นเป็น 1,358.84 ล้านบาทในปี 2559 เพิ่มขึ้น
  • 16. 16 ในอัตรา 15.53% เลยทีเดียวในช่วงที่ผ่านมา แต่ว่าในปี 60 รายได้ตกลงไป 10% จากบริษัทบอกว่าเป็นเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจซึ่งทางเราก็ไม่ซีเรียสอะไรมาก และถ้า เกิดว่าเราลองดูที่อัตรากาไรสุทธิ จะเห็นว่าน่าประทับใจมาก อยู่ที่เกือบ 20% มา ตลอด ผลส่วนหนึ่งมาจากการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ และ ความสามารถในการตั้งราคาสินค้าที่สูง งบดุลถ้าลองดูก็จะพบว่าสวยงามเช่นกัน บริษัทนี้เป็นบริษัทที่แทบไม่มีหนี้เลย มีแต่ เงินสด ในแง่ของบริษัทดูคร่าวๆก็สวยงาม โครงสร้างดี กาไรดีทุกอย่าง แล้วคาถาม คือเขามาเข้าตลาดเพื่อระดมทุนทาไม? เงินที่ระดมทุนครั้งนี้มีมูลค่าประมาณ 1,160 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น  ใช้ในการลงทุนขยายสาขาและปรับปรุงสาขาใหม่ 80.5 ล้านบาท  ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและโครงการในอนาคต 1,037.95 ล้านบาท ตอนนี้ยังไม่ได้มีโครงการใหญ่ๆอะไรที่เป็นนัยยะสาคัญต่อบริษัท แผนงานในอนาคตของบริษัทก็คือ ตอนนี้บริษัทได้ทาสัญญากับทางเจ้าของแบรนด์ Pony มาแล้วและทางบริษัทต้องการที่จะกระจายความเสี่ยงจากที่รายได้เกือบ ทั้งหมดเป็นแบรนด์ Converse ให้มี Pony 20% ของรายได้รวมโดยเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมทางบริษัทได้เปิดเคาน์เตอร์จาหน่ายสินค้าในห้างของแบรนด์ Pony ไปแล้ว ทั้งสิ้น 31 แห่ง ต้องการที่จะเปิดให้ได้ 40 แห่งก่อนสิ้นปีนี้โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 2 แสนบาทต่อ 1 สาขา
  • 17. 17 ความเสี่ยงของบริษัท อย่างที่เรารู้กันว่ารายได้เกือบทั้งหมดของบริษัท ริช สปอร์ต (RSP) ในตอนนี้มาจาก แบรนด์ Converse เป็นหลักซึ่งแบรนด์นี้ได้รับสิทธิ์ในการจัดจาหน่ายมาจากอเมริกา การไม่มีแบรนด์ของตัวเอง นอกจากนี้ถ้าเกิดว่าเราลองไปดูแหล่งที่มาของสินค้า Converse นั้นยิ่งน่าสนใจกว่า เพราะว่าสัดส่วนที่ผลิตมาจากโรงงาน BNS ของทางบริษัทค่อยๆน้อยลงไปเรื่อยๆ จาก 62.8% เป็น 44.59% ในขณะที่ส่วนของสินค้าที่สั่งมาจาก Converse โดยตรง นั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก 28.2% เป็น 41.72% ทางบริษัทให้เหตุผลไว้ว่า ปกติแล้ว Converse Inc. นั้น ไม่มีโรงงานผลิตรองเท้าเป็นของตัวเองและจะใช้วิธีว่าจ้างผลิต สินค้าจากโรงงานที่ได้รับการรับรองจากที่อื่นๆทั่วโลก ในสมัยก่อนทางบริษัท ริช สปอร์ต เองก็ตั้งโรงงานผลิตเองและติดตราสินค้าเองได้ แต่เมื่อไม่นานมานี้ทาง Converse มีนโยบายว่าให้ทางตัวแทนจาหน่ายสั่งซื้อสินค้าสาเร็จรูปจากบริษัทเพิ่ม มากขึ้น ซึ่งทางบริษัทได้แจ้งว่า “ในปี 2561 บริษัทฯ จะใช้โรงงานของ BNS ใน การผลิตรองเท้าภายใต้ตราสินค้า Pony ในขณะที่รองเท้าภายใต้ตราสินค้า Converse ที่บริษัทฯ สั่งผลิตจาก BNS อยู่ในปัจจุบันนั้น บริษัทฯ จะสั่งซื้อ จาก Converse ทั้งหมด” ผลจากเรื่องนี้จะทาให้อัตรากาไรขั้นต้นลดลง 9.5 – 15.5%!!! ทางผู้บริหารบอกว่าเดี๋ยวจะขึ้นราคาสินค้าและ ใช้สิทธิ์ประโยชน์จากภาษีนาเข้าจาก จีน ผลคือกาไรขั้นต้นจะลดแค่ 3.5 – 5.5% คาถามจากทางเราคือ 1. การขึ้นราคาจะไม่ทาให้ยอดขายลดลงหรือ? ขนาดไม่ปรับราคาในปี 60 ยังเหนื่อย
  • 18. 18 ยังไงก็ตามเรื่องขึ้นราคาและประโยชน์ทางภาษีมันก็คือการคาดการณ์ไปยังอนาคต ซึ่งยังไม่มีอะไรแน่นอนแต่ว่า การไม่ได้ผลิตเองแล้วกาไรขั้นต้นลดลง 9.5-15.5% คือ ของจริง ราคาหุ้นของบริษัท บริษัท ริช สปอร์ต มีหุ้นทั้งหมด 770 ล้านหุ้น มูลค่าบริษัท (Market Capital) อยู่ที่ 4,466 ล้านบาท ประมาณการกาไรต่อหุ้น (EPS) ปี 60 อยู่ที่ 0.304 บาทต่อหุ้น ราคาเปิดตัวหุ้นอยู่ที่ 5.8 บาทต่อหุ้น คิดเป็น P/E 19 เท่า คู่เทียบในตลาดหุ้นไทยคงไม่มีในตอนนี้แต่ว่ามีคู่เทียบหนึ่งที่น่าสนใจคือ บริษัท Nike ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Converse อีกที P/E อยู่ที่ 24 เท่า และการ ที่บริษัท Nike มีนโยบายออกมาว่าให้บริษัทตัวแทนจาหน่าย ต้องซื้อสินค้าที่ทาง บริษัทเป็นผู้ผลิตเอง แน่นอนว่าผลจากนโยบายนี้จะทาให้กาไรของ Nike ในส่วนของ Converse สวยงามเลยทีเดียว
  • 19. 19 หุ้นน้าผลไม้พร้อมดื่ม ดีจริงหรือ? เมื่อคนในสังคมมีรายได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สุขภาพก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่พวกเราต้องการ กัน ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพเติบโตขึ้นมากในช่วงนี้เช่น กลุ่มโรงพยาบาล- คลินิก, อาหารเสริม, ฟิตเนส มีหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์บางตัว เขาทาเกี่ยวกับน้า ผลไม้พร้อมดื่ม เรามาดูกันว่าน้าผลไม้พวกนี้คืออาหารแห่งอนาคตจริงไหม? น้าผลไม้ 100% เราเคยสงสัยกันไหมว่า ทาไมทุกกล่องรสชาติเท่ากันหมดเลย? ถ้า เกิดว่าคั้นสดๆออกมาจากผล มันควรที่จะมีบางกล่องที่หวาน บางกล่องที่เปรี้ยว ปนๆ กันไป สาเหตุที่เป็นอย่างนี้นั้นก็เพราะว่ากรรมวิธีการผลิตของเขา น้าผลไม้หลังจากที่เขาคั้นเรียบร้อยแล้ว เขาจะยังไม่เอาลงใส่กล่องทันที แต่ว่าเขาจะ เอาน้าผลไม้นี้ไปต้ม เพื่อเอาน้าส่วนเกินออก หลังจากที่ต้มแล้วเขาก็จะใส่น้าตาลและ ส่วนผสมของเขาลงไป ในขั้นตอนนี้ทาไปเพื่อให้น้าผลไม้ทุกกล่องมีรสชาติที่ เหมือนกัน ผลที่ได้มาจากขั้นตอนนี้ก็คือ หัวน้าผลไม้ที่ข้นๆเหนียวๆ อารมณ์ คล้ายกับเฮลบลูบอย (ทาไปเพื่อให้ขนย้ายสะดวก, เติมแต่งง่าย, เก็บได้นาน, ฆ่า เชื้อ, เติมสารกันเสีย)
  • 20. 20 ในน้าผลไม้นั้นมันก็มีวิตามินและเกลือแร่บางตัวนั้นไม่สามารถทนความร้อน จากการต้มได้ ผลก็คือวิตามินพวกนี้ก็จะสลายไป แต่ว่าจุดขายของน้าผลไม้ก็คือ ประโยชน์ต่อร่างกาย ทางผู้ผลิตเขาอยากโฆษณาว่าน้าผลไม้นี้มีวิตามินสูง ในเมื่อ วิตามินทั้งหมดหายไปแล้ว เขาก็เลยต้องเอาพวกวิตามินผงต่างๆใส่กลับเข้า ไป ซึ่งเราสามารถสังเกตได้จากข้างขวดน้าผลไม้ ตารางด้านล่างเป็นข้อมูลจาก self.com เป็นการคานวณวิตามินของส้ม 1 ถ้วย (ประมาณ 180 กรัม) จะเห็นว่ามี วิตามินและเกลือแร่ชนิดต่างๆอยู่มาก แต่ที่ข้างขวดเราจะเห็นว่ามีวิตามินอยู่ไม่กี่ชนิด เช่นถ้าเป็นน้าส้มก็จะมีแค่วิตามินซีอย่างเดียวโดดขึ้นมา นั้นก็เป็นผลมาจากการเติม วิตามินเข้าไปนั้นเอง เราคงจะเคยเห็นบางกล่องเขียนติดเอาไว้ว่าน้าผลไม้ 100%, 50%, 30% ตัวเลขพวก นี้มาจากไหน? ที่มาของตัวเลขพวกนี้ก็คือ สมมุติว่า ตอนที่ระเหยระเหยออกไป 50% เขาก็เติมน้ากลับมา 50% อย่างนี้น้าผลไม้ก็จะกลายเป็นน้าผลไม้ 100% นั้นเอง น้า ผลไม้ 25% นั้นก็หมายความว่ามีหัวเชื้อ 25% และน้าเปล่าอีก 75% แต่ว่าผลที่ เกิดขึ้นจากขั้นตอนนี้ก็คือ เมื่อเติมน้าเข้าไปเยอะๆ มันจะจาง, ไม่มีกลิ่นและสีไม่สวย อันนี้ก็เป็นหน้าที่ของสารเคมีแล้วที่จะทาให้สีและกลิ่นกลับมาเป็นน้าผลไม้ เหมือนเดิม ดังนั้นเราจะเห็นข้างขวดเขียนเอาไว้ว่า เจือสีและแต่งกลิ่นสังเคราะห์
  • 21. 21 เนื่องจากการแต่งรสชาติให้หวาน ส่งผลให้ปริมาณน้าตาลเยอะมาก ประมาณ 15-20 กรัมต่อ 200 มิลลิลิตร ซึ่งร่างกายเราต้องการวันละ 24 กรัมเท่านั้น ถ้าเทียบแล้ว อาจจะพอๆกับน้าอัดลมเลย ดังนั้นเราก็สามารถสรุปได้ว่า น้าผลไม้ขวดทั้งหลาย ไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อร่างกาย เท่าไหร่และจะทาให้เราอ้วนได้ด้วย การกินส้มธรรมดามีประโยชน์มากกว่าเยอะ ดังนั้นเราจึงสามารถสรุปได้ว่า น้าผลไม้สาเร็จรูปไม่ใช่อาหารสุขภาพแน่นอน
  • 22. 22 ตามส่อง SPCG บริษัทที่มีกาไรสุทธิ 50% เพิ่งมาได้วิเคราะห์บริษัท SPCG ซึ่งเป็นบริษัทที่ทาเรื่องไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ รายใหญ่ของไทย ซึ่งเป็นบริษัทที่มีอัตรากาไรสุทธิสูงมาก เกือบแตะ 50% อัตรากาไร ขึ้นต้นสูงเกือบ 63.98% อาจจะพูดได้ว่ามากที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ไทยตอนนี้เลยก็ ว่าได้ สูงชนิดที่ว่าบริษัทเครื่องสาอางยังต้องยอมแพ้ ธุรกิจหลักของเขาก็คือการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ขายให้กับการไฟฟ้า ประเทศไทยและมีรับจ้างติดตั้ง-ดูแลให้คนอื่นบ้าง ตอนนี้รายได้จากส่วนนี้ก็เติบโตดี สวยงาม โดยรายได้จากการรับจ้างผลิตและติดตั้งอยู่ที่ประมาณ 16% ในปีที่ผ่านมา แต่ถ้าเกิดว่าเรามองไปที่ PE ของหุ้นตัวนี้จะเห็นว่าค่อนข้างถูกมาก เพราะว่า บริษัทนี้ มี PE อยู่ที่ประมาณ 9 เท่ากว่าๆเท่านั้นเองทั้งๆที่เพื่อนๆในอุตสาหกรรมของเขามี PE ขึ้นไปที่ 15 หรือบางเจ้า 20 กว่าไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ก็มีเหตุผล โดยมีเรื่องราวดังนี้
  • 23. 23 เรื่องราวของบริษัทนี้เริ่มต้นจากเมื่อประมาณช่วงปี 2551-2553 เป็นปีแรกๆที่รัฐบาล ประกาศแผนสนับสนุนธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งในตอนนั้นเรื่องพลังงานทดแทนยัง ไม่ได้รับความนิยมมาเท่าไหร่ รัฐบาลอยากจูงใจคนให้เข้ามาทา เลยตั้งราคารับซื้อ ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์ในราคาที่สูงมากคือ Adder +8 บาท (ความหมายคือเนื้อไฟประมาณ 3 บาทและบวกตรงนี้เข้าไปอีก 8 บาท) ผลคือบริษัท นี้อยู่ในวงการนี้มานานแล้ว เห็นปุ๊บก็หวานหมู คานวณอะไรแล้วคุ้มค่าหมด เลย จัดการเสนอตัวเข้าไปทาและกวาดมาได้หลายโครงการมาก (ชื่นชมเจ้าของเขานะที่ รู้จักคว้าโอกาสทองเอาไว้ได้) ผลจากการที่ไปกวาดโครงการเหล่านั้นมาเมื่อสร้างเสร็จ ก็ทาให้กาไรเขากระโดดพุ่งอย่างมหาศาล จากเมื่อ 7 ปีก่อนยังเป็นบริษัทจิ๋วกาไร ไม่ถึง 10 ล้านบาท ผลจากนโยบายรัฐในครั้งนี้ทาให้บริษัทมีกาไรพุ่งขึ้นเป็น 2500 กว่าล้านบาท พลิกชีวิตกันเลยทีเดียว แต่พอเวลาผ่านไปรัฐบาลก็คิดว่าคงจ่าย แพงไปหน่อย เมื่อประมาณปี 2556-2558 เลยเปลี่ยนเป็นรูปแบบ Feed-in Tarriff (FiT) แต่ประเด็นก็คือสิ่งที่ทาให้บริษัทนี้มีราคาถูก อยู่ที่อายุของสัญญาที่ทากับการไฟฟ้าไว้ ว่าจะรับซื้อกันอยู่ 10 ปี ซึ่งขณะนี้เวลาได้ผ่านมาได้ประมาณ 5 ปีแล้ว (แต่ละ โครงการไม่เท่ากันนับจากวันเริ่มจาหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD)) และคาถามที่
  • 24. 24 น่าสนใจก็คือ “ถ้าเกิดว่า Adder 8 บาทหมดไปจะเป็นยังไง?” นี้คือคาถามที่น่า คิด แต่ว่าบริษัทก็รู้ถึงจุดอ่อนตรงนี้อยู่เลยพยายามกระจายธุรกิจออกไปเป็นรับจ้างติดตั้ง, ไปสร้างโรงไฟฟ้าที่ต่างประเทศบ้างซึ่งท่านใดที่จะลงทุนก็ต้องมาดูว่าแผนการของเขา จะเป็นอย่างไรและจะมาชดเชยรายได้ Adder 8 บาทได้มากน้อยขนาดไหน
  • 25. 25 ตามส่องหุ้น ORI บริษัทที่สร้างผลตอบแทน 250% ภายใน 1 ปี ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้จากัด เป็นบริษัทอสังหาที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่เติบโต สูงที่สุดในวงการ โดยจากปีที่แล้วมีรายได้ 3200 ล้านบาท ตั้งเป้าจะโตเป็น 9000 เกือบ 3 เท่าตัว ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงตามจาก 8 บาทมาอยู่ที่ 20 บาท หรือคิดเป็น 250% ภายใน 1 ปีเลยทีเดียว ใครถือหุ้นนี้ตอนต้นปีนี้ยิ้มกันเลย รายได้ของบริษัท รายได้ใน Q2 ที่ผ่านมาก็ทาได้สวยงาม ใน Q2 ปี 2016 รายได้อยู่ที่ 488.9 ล้านบาท ปรับตัวขึ้นเป็น 1176.4 ล้านบาทโตขึ้นมา 140.6% กาไรสุทธิก็โตดีเหมือนกันโดยโต จาก 73.1 ล้านบาทขึ้นมาเป็น 238.7 ล้านบาท ในขณะที่กาไรขั้นต้นก็อยู่ในระดับที่ สูงมากประมาณ 46.1% ถ้าไปจัดอันดับในวงการก่อสร้างด้วยกันบริษัท ออริจิ้น จะ เป็นที่หนึ่งของวงการเลย เป็นผลมาจากนโยบายการสร้างโครงการระดับสูงเป็นส่วน ใหญ่ (Middle to High แบรนด์ Knightsbridge 120,000 -200,000 บาทต่อ ตารางเมตร ตอนนี้ทาอยู่ 6400 ล้านบาท แบรนด์กลางทาอยู่ 5400 ล้านบาท)
  • 26. 26 รายได้ของบริษัทที่เติบโตมากขนาดนี้มาจากการทา M&A กับบริษัท Park 24 และ การสร้างโครงการขนาดใหญ่ในปีที่ผ่านมา ในปีนี้บริษัทได้ปรับเป้าหมายจากที่ตั้ง เอาไว้ 6000 ล้านบาทเปลี่ยนเป็น 9000 ล้านบาท โครงการที่เสร็จแล้วเปลี่ยนจาก 6870 ล้านบาท เป็น 12770 ล้านบาท Backlog จาก12385 ล้านบาทเพิ่มเป็น 25285 ล้านบาท ซึ่งสามารถมองได้ว่ารายได้ในปีนี้เขาคงทาได้ตามเป้าแน่นอนและ คงทบไปปีหน้าได้สบายๆ ทางบริษัทบอกว่า Backlog ที่มากขนาดนี้สามารถ รับประกันรายได้ในปี 2018 ได้ 67% และปี 2019 ได้ประมาณ 50% ของยอดที่ตั้ง เอาไว้ จุดเด่นของบริษัททางบริษัทเคลมไว้หลายอย่างแต่ทางเรามองว่าจุดเด่นที่สุดของ บริษัทนี้ก็คือความกล้าที่จะทาสิ่งที่ใหญ่และเลือกทาเลที่ดีส่งผลให้+การตลาดที่ดีทา ให้ยอดขายเป็นไปตามเป้า โดยปกติแล้ว การสร้างอสังหาขึ้นมาเยอะๆไม่ใช่ปัญหา เท่าไหร่สาหรับวงการนี้แต่ว่าการขายให้หมดมักจะเป็นปัญหา แต่บริษัทนี้สร้าง ออกมาเยอะและขายได้เยอะถือว่าดีใช้ได้ โครงการที่กาลังพัฒนาและจาหน่ายอยู่ในปัจจุบัน
  • 27. 27 โครงการทั้งหมดของบริษัทมีอยู่ทั้งสิ้น 46 โครงการ มีทั้งสิ้น 17689 ยูนิต มีมูลค่า รวมกันทั้งสิ้น 44708 ล้านบาทโดยแบ่งเป็น Q1-2 4 โครงการมูลค่า 9450 ล้าน บาท Q3 จะมีโครงการใหม่เพิ่มเข้ามาอีก 4 โครงการมูลค่า 7400 ล้านบาท และใน Q4 จะเปิดโครงการเล็กๆเพิ่มอีก 4 โครงการมูลค่า 1,200 ล้านบาท โดยมี รายละเอียดดังนี้
  • 28. 28 โครงการคอนโดที่จะเปิดตัวในช่วง Q3 จะมี KnightsBridge Prime Onnut มูลค่า 2500 ล้านบาท KnightsBridge Prime Ratchayothin มูลค่า 1600 ล้านบาท KnightsBridge Collage – Ramkhamhaeng มูลค่า 2000 ล้านบาท KnightsBridge Kaset Society มูลค่า 1300 ล้านบาท ในช่วง Q4 จะเป็นบ้านและคอนโด บ้านเป็นบ้านพร้อมอยู่สามารถที่จะโอนใน Q4 ได้ เลย Britania Srinakarin มูลค่า 700 ล้านบาท (บ้าน) B-loft Condo 3 โครงการ มูลค่า 500 ล้านบาท โครงการ Origin District คอนโด Premium High-rise ขายไปได้ 80% แล้ว Low-rise น่าจะส่งมอบในปีนี้ได้ทั้งหมด
  • 29. 29 ปีนี้บริษัทก็ยังคงเติบโตสูงเช่นเดิมมีโครงการออกมา 18050 ล้านบาท โตจากปีที่แล้ว 59% และตั้งเป้า Pre-Sale 14000 ล้านบาท โตอีก 73% ในส่วนของรายได้บริษัทตั้ง เป้าเอาไว้ว่าปี 2017 นี้จะมีรายได้ทั้งสิ้น 9000 ล้านบาท ในปี 2018 จะมีรายได้ 14000 ล้านบาทและในปี 2019 จะมีรายได้ 17500 ล้านบาท ถือว่าเป็นเป้าที่ใหญ่ โดนใจนักลงทุนเลย
  • 30. 30 อนาคตของหุ้น ORI บริษัทนี้ดูดีทุกอย่างแต่พอไปมองที่ราคาเราจะเห็นว่าหุ้นของบริษัทนี้โตขึ้นมาจาก 8 บาทขึ้นเป็น 20 บาท มูลค่าบริษัทอยู่ที่ 32,525 ล้านบาท ถ้าเกิดว่าเรามองว่าปีนี้ทา ได้ 9000 ล้านบาทและ อัตรากาไรสุทธิอยู่ที่ 20% เช่นเดิม ก็จะออกมาเป็นกาไรในปี 2017 ที่ 1800 ล้านบาท ประมาณ PE 18 เท่า 2017 รายได้ 9000 ล้านบาท กาไรสุทธิ 1800 ล้านบาท PE 18 เท่า 2018 รายได้ 14000 ล้านบาท กาไรสุทธิ 2800 ล้านบาท PE 11.61 เท่า 2019 รายได้ 17500 ล้านบาท กาไรสุทธิ 3500 ล้านบาท PE 9.3 เท่า โดยปกติแล้วอุตสาหกรรมนี้คนทั่วไปเขาจะมองว่าอิ่มตัวและไม่ให้ PE สูง เท่าไหร่ PE โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 9-10 เท่าเท่านั้น ราคาหุ้นของ ORI ใน ปัจจุบันมีการปรับตัวขึ้นไปสูงสอดคล้องกับเป้าที่บริษัทได้ให้เอาไว้ ซึ่งทั้งนี้ก็อยู่ ในสมมุติฐานที่ว่าบริษัทสามารถรักษาระดับอัตรากาไรได้ที่ 20% และสามารถทา โครงการใหม่ๆขึ้นมาเติบในส่วนของรายในปี 2018-2019 ได้ตามเป้า
  • 31. 31 ฐิติกร จากัด หุ้น TK ผู้นาสินเชื่อรถจักรยานยนต์ TK : บริษัท ฐิติกร จากัด (มหาชน) บริษัทธิติกรก่อตั้งขึ้นมาเพื่อให้สินเชื่อรถจักรยานยนตร์ ต่อมาก็บุกเบิกเรื่องประกันภัย รถจักรยานยนต์ และได้ขยายสาขาไปที่กัมพูชาและที่ลาว จุดที่เป็นจุดเด่นของเขาคือ เขาเป็นผู้นาทางด้านของสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ฐานลูกค้ามาก ผู้บริหารบริหารงาน มาอย่างยาวนาน มี 88 สาขาใน 54 จังหวัดทั่วไทย ปีนี้คาดว่าจะเปิดอีก 4 สาขาที่ ไทย ไม่เน้นการขยายด้วยหนี้D/E ต่ามากอยู่ที่ 1 เอง NPL อยู่ที่ 4.3% สามารถ บริหารจัดการได้ เนื่องจากรายได้จากกลุ่มรถยนต์มีเพียงแค่ 1% จึงขอข้ามส่วนนี้ไป อุตสาหกรรมรถยนต์ประเทศไทย ปีที่ดีสุดที่ผ่านมาคือปี 2012 เป็นปีที่มีมาตรการพิเศษออกมาไม่ว่าจะเป็นรถคันแรก และมาตรการจานาข้าว หลังจากปีที่ผ่านมาตรการกระตุ้นไปแล้วเราจะเห็นว่า รถจักรยานยนต์ลดลง 2013-2015 ปี2016 ในปี 2017 นี้ยอดขายของ
  • 32. 32 อุตสาหกรรมเพิ่งจะกลับมามาเติบโต โดยในไตรมาสที่ 1 เติบโตขึ้นประมาณ 1.65% ไตรมาสที่ 2 โตขึ้นประมาณ 7% เมื่อมองรวมๆในครึ่งปีแรกโต ประมาณ 4.3% ผู้ผลิตมองว่าจากที่ตั้งเป้าเอาไว้ทั้งปีที่ 1.75 ก็เปลี่ยนเป็น 1.8 ล้าน คัน ยอดขายของรถจักรยานยนตร์จะดีในช่วงไตรมาส 1 และ 4 ของปี สาเหตุมาจากไตร มาส 4 นี้จะเริ่มมีรายได้จากการเพาะปลูกเข้ามาและไตรมาส 1 เป็นเรื่องของโบนัส ทั้งประเทศเพิ่มขึ้น 4.3% แต่ว่ายอดขายในกรุงเทพ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก บางที ต่างจังหวัดทรุดไปแล้วแต่ว่ากรุงเทพไม่ทรุด สาเหตุมาคนที่ซื้อรถส่วนใหญ่ในกรุงเทพ คือคนที่มีเงินเดือนประจาดังนั้นเมื่อเกิดภัยแล้งจึงไม่มีปัญหามาก พอช่วงฝนมา ต่างจังหวัดเพิ่มแรงแต่กรุงเทพก็ทรงๆ รถที่ขายดีคือรถกลุ่มสกูตเตอร์ที่ล้อใหญ่หน่อยและก็จักรยานยนตร์ครอบครัว หลังๆก็ รถสปอร์ตเริ่มมา (แต่ไม่ใช่ Bigbike นะ) ถ้าเกิดว่าเราแบ่งเป็นสัดส่วนจะเห็นว่ารถ ครอบครัวสัดส่วนอยู่ที่ 48% ทรงๆ รถสกูตเตอร์ก็หดตัวลงใสจากที่ 48% ลงมา
  • 33. 33 เหลืออยู่ที่ 34% แต่ว่ารถสปอร์ตโตไวก็เพราะว่าผู้ผลิตส่วนใหญ่เริ่มย้ายฐานการผลิต มาไทยและเอารถพวกนี้เข้ามาขาย ยอดขายเริ่มโตจาก 4% มาเป็น 17% เรื่องของธุรกิจของบริษัท ในตลาดต่างประเทศ กัมพูชามี 3 สาขา ตอนนี้มีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 3 สาขา รวมเป็น 6 สาขา ที่ลาวมี 1 สาขา กาลังจะขอเพิ่มอีก 2 แห่ง กาลังอยู่ระหว่างการขออนุญาต จากธนาคารกลางอยู่ 2 ประเทศมีสินเชื่อรวมกัน 250 ล้านบาท มีพนักงานรวมกัน 80 คน สิ้นปีนี้น่าจะเกิน 100 คน NPL ไม่มีปัญหาอะไร ทุกประเทศสามารถทากาไรได้ กาไรที่ลดลงในปี 2013-2014 เกิดมาจากภัยแล้งทาให้จ่ายไม่ตรงและมีการเร่งตัด หนี้สูญ 2015 เป็นต้นมาสินเชื่อเริ่มกลับมาโตอีกครั้ง รายได้โต 7% แต่ว่ากาไรโต 4% สาเหตุเกิดมาจากนโยบายการตัดบัญชีที่ตัดค่าคอมและค่าใช้จ่ายไปเลยในงวดแรก แต่บริษัทอื่นๆจะค่อยๆทยอยตัดไป เป็นการตัดแบบอนุลักษณ์นิยม
  • 34. 34 โครงสร้างรายได้ 77.3% มาจากรถมอเตอร์ไซน์ 1% มาจากรถยนต์และ 21.7% เป็นรายได้อื่นๆ เช่น หนี้สูญรับคืน,ดอกเบี้ยล่าช้า,ค่าคอมจากบริษัท ประกันภัย จานวนลูกหนี้ที่ปล่อยออกไปในไตรมาส 1-2 2017 ที่ผ่านมาโตประมาณ 4% ดังนั้นเป้าที่บอกเอาไว้ว่าจะเติบโต 10% ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อาจจะเกิน ด้วยซ้า ครึ่งปีที่ผ่านมาโตไปแล้ว 10.3% ในเรื่องของ NPL จะเห็นว่า โตจาก 4.6 เป็น 4.8% แต่ว่าไม่มีปัญหาอะไรมาก เรื่อง การตั้งสารองหนี้ที่ค้างชาระเกิน 3 เดือนอยู่ที่ 429 แต่ว่าเราตั้งสารองอยู่ที่ 584 ล้าน เกินไป 136% ถามตอบ สามารถกู้ยืมเงินได้สูงสุดกี่เท่า? 7 เท่า ของ D/E Ratio มาตรฐานบัญชี IFRS 9 ที่จะใช้ในปี 2562 ต้องตั้งสารองเพิ่มไหม?
  • 35. 35 ปรึกษาแล้วคานวณอยู่ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะบริษัทตั้งสารองไว้มาก และไม่หักหลักประกัน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร การเติบโตให้แรงมากคงเป็นไปได้ยาก เพราะว่าการปล่อยเป็นการปล่อยระยะสั้นมาก 24 เดือน ครบรอบหมดปีก็จะหายไป ครึ่งหนึ่ง เพราะฉะนั้นที่โต 10% หมายความว่า ต้องไปหาใหม่เพิ่ม 50% + 10% ใหม่ รถยนต์ ครบกาหนด 5 ปี ครบกาหนดปีหนึ่ง 20% มันเลยโตได้ง่ายกว่า สินเชื่อที่ต่างประเทศมีเป้าหมายอย่างไรบ้าง? ตอนนี้ยังเล็กอยู่มาก 3% ของพอร์ตรวม แต่ในแง่การเติบโตถือว่าสูงเพราะว่าครึ่งปี แรกโตอยู่ที่ 93% ลาวโตขึ้น 65% โตสูงจริงแต่มาจากฐานต่าจึงไม่มีอะไรมาก ตอนนี้ มองเรื่องคนเป็นหลักที่ต้องเตรียมไว้ เรื่องเงินไม่มีปัญหาอะไรมาก เป้าที่มองไว้ว่า อยากให้ต่างประเทศโต 50%ก็ยังมองอยู่