Aids&hiv3. Background
นักวิจัยชาวอเมริกันพบหลักฐานว่า HIV-1 ที่ก่อให้เกิดโรคต้นกาเนิดมาจากลิงชิมแปนซี
HIV มีหลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ดั้งเดิม ได้แก่ HIV-1 ซึ่งระบาดในแถบสหรัฐอเมริกา ยุโรป และแอฟริกากลาง
HIV-2 แพร่ระบาดในแถบแอฟริกาตะวันตก และยังมีอีกสายพันธุ์มากมาย เนื่องจากสามารถกลายพันธุ์ได้ง่าย
ทั่วโลกเริ่มรู้จักโรคเอดส์ ประมาณปี ค.ศ. 1981 พบได้ในทุกอายุตั้งแต่ทารกในครรภ์จนถึงผู้สูงอายุ โรคเอดส์มีรายงาน
ครั้งแรกในสหรัฐอเมริการาวเดือรมิถุนายน พ.ศ. 1981 โดยศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งสหรัฐอเมริกา
พบว่ามีกลุ่มชายรักชายร่วมเพศจานวน 5 คนป่วยเป็นปอดบวมจากเชื้อ Pneumocystis Carnio
1 เดือนถัดมา มีรายงานว่าหนุ่มรักร่วมเพศอีก 26 รายป่วยเป็นมะเร็งหลอดเลือด ซึ่งตามปกติจะพบในผู้สูงอายุ
โดยชายหนุ่มทุกรายไม่เคยมีโรคประจาตัวที่ร้ายแรงมาก่อน เมื่อได้รับการตรวจชันสูตรในห้องปฏิบัติการพบว่า
การทางานของเซลล์ทาหน้าที่ภูมิคุ้มกันโรคบกพร่อง
HIV HIV structure
4. Background (2)
ถึงแม้จะรักษาอย่างไร แค่ก็ไม่พบผู้รอดชีวิต ทั้งนี้ เพราะระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง จึงมีคนเรอให้เรียกโรคนี้ ว่า
AIDS หรือ Acquired Immune Deficiency Syndrome ตั้งแต่ ค.ศ. 1982 มีความเชื่อว่าพฤติกรรมทางเพศที่ผิดปกติ
มาจากคนรักร่วมเพศ และพฤติกรรมเกี่ยวกับการเสพยาเสพติด มีการพบอีกว่า ผู้ป่วยที่ได้รับการถ่ายเลือดเป็นโรคเอดส์
ทาให้เห็นชัดยิ่งขึ้นที่จะศึกษาและเผยแพร่ถึงวิธีป้องกันการเผยแพร่เชื้อและการติดต่อโรคได้อย่างละเอียด
เหตุนี้ จึงมีความสนใจที่จะศึกษาเกี่ยวกับ AIDS และ HIV
5. HIV (Human Immunodeficiency V
irus)
เอชไอวี หมายถึง เชื้อไวรัสชนิดนี้ ทาร่างกายอ่อนแอและทาลายระบบคุ้ม
ภูมิกันของร่างกาย ผู้ติดเชื้อจะไม่สามารถต้านเชื้อต่าง ๆได้ เช่น วัณโรค
หรือมะเร็ง เมื่อติดเชื้อเอชไอวีแล้วจะไม่สามารถกาจัดเชื้อออกจากร่างกาย
ได้แต่สามารถควบคุมโดยการรักษา ปัจจุบันนี้ ได้มีการรักษาเพื่อยับยั้งการ
เพิ่มจานวนของเชื้อไวรัสและผู้ได้รับการรักษาสามารถดารงชีวิตเหมือนคน
ทั่วไป
6. AIDS (Acquired Immune Deficiency Syndr
ome)
เอดส์ คือ โรคระยะสุดท้ายของเอชไอวี เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากการติด
เชื้อเอชไอวี เมื่อระบบภูมิคุ้มกันถูกเชื้อไวรัสทาลายจนร่างกายไม่สามารถ
ต่อสู้กับเชื้อโรคทั้งหลายได้
* ผู้ติดเชื้อเอชไอวีอาจไม่พัฒนาอาการจนป่วยเป็นโรคเอดส์
8. Infection period
1.ระยะเฉียบพลัน (Acute HIV Infectious)
เกิดขึ้นในระหว่าง 2-4 สัปดาห์ มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น
มีไข้ เจ็บคอ ต่อมน้าเหลืองโต ปวดเมื่อย เรียกอาการเหล่านี้ ว่า
Acute retroviral syndrome หรือ ARS เกิดจากร่างกายตอบสนอง HIV
เชื้อไวรัสจะเพิ่มจานวนอย่างมาก ทาให้เซลล์ CD4 (เม็ดเลือด
ขาวที่ควบคุมและต่อสู้กับเชื้อโรค) ลดจานวนอย่างรวดเร็ว มีความเสี่ยงสูง
ที่ผู้ติดเชื้อจะแพร่ไปยังผู้อื่น
หลังจากระยะเฉียบพลัน ร่างกายจะค่อยๆทาให้ปริมาณเชื้อไวรัส
ในระดับคงที่ หรือ Viral set point หมายความเชื้อไวรัสมีปริมาณคงที่ใน
ร่างกายและเซลล์ CD4 เริ่มเพิ่มขึ้น แต่ไม่สูงกว่าตอนติดเชื้อ
9. Infection period
2.ระยะทางคลินิก (Clinical Latency Stage)
ระยะที่เชื้อไวรัสในร่างกายไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย
บางครั้งเรียกว่า ระยะติดเชื้อเรื้อรัง (Chronic HIV infection) หรือ
ระยะติดเชื้อโดยไม่มีอาการ (Asymptomatic HIV infection) ระยะนี้ ไวรัส
จะเพิ่มปริมาณมากขึ้นในระดับต่า และใช้เวลานานถึง 10 ปี แต่สาหรับ
บางคนอาจใช้เวลาน้อยกว่านั้น
11. อาการของโรคเอดส์
- ปอดอักเสบ
- สูญเสียความทรงจา ซึมเศร้า ระบบประสาทอื่นๆ
- ท้องเสียเรื้อรังกว่า 1 สัปดาห์
- เหนื่อยผิดปกติ
- ไข้กลับไปกลับมา
- เหงื่อออกตอนกลางคืน
- น้าหนักลดรวดเร็ว
- ผื่นตามผิวหนัง ในช่องปาก จมูกและเปลือกตา
- แผลที่ริมฝีปาก อวัยวะเพศและทวารหนัก
- อาการบวมที่ต่อมน้าเหลือบริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ
AIDS Symptom
12. AIDS & HIV Test
Anti HIV
สามารถตรวจได้ฟรี ตรวจได้ปีละ 2 ครั้งที่โรงพยาบาลรัฐ
สามารถให้ผลได้ใน 1-2 ชั่วโมงหลังตรวจ และผลที่ได้จะเป็นผลย้อนหลัง
ประมาณ 1 เดือน
โดยใช้เลือดในการตรวจ หากผลเลือดออกมาเป็นลบ แปลว่าไม่
พบเชื้อ HIV แต่อาจอยู่ในระยะฟักตัว และไม่พบด้วยวิธี Anti HIV
13. AIDS & HIV Test
NAT (Nucleic Acid Testing
สามารถชี้วัดผลจากร่างกายเราย้อนไป 1-2 สัปดาห์หลังจาก
ได้รับความเสี่ยง การตรวจจะให้ผลเลือดเป็นบวกหรือลบได้แน่ชัดกว่า
Anti HIV
14. AIDS & HIV Test
Rapid HIV Test
การตรวจ HIV ชนิดเร็ว แม้ได้ผลเร็ว แต่เป็นเพียงการตรวจเพื่อ
คัดกรองเบื้องต้น สามารถตรวจได้เองที่บ้านผ่านโครงการ
Adam’s Love Self Testing
เนื่องจากหากปฏิบัติเองและใส่น้ายาตรวจสอบไม่ถูกต้อง ผลที่ได้
อาจคลาดเคลื่อนและส่งผลเสียต่อผู้ตรวจ
หากตรวจแล้วได้เป็นผลบวก เพื่อยืนยันต้องตรวจด้วย Anti HIV
หรือ NAT แล้วแต่ระยะที่ได้รับเชื้อ
15. Who Should have AIDS Test?
- ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง และต้องการรู้ว่าตนเองติดเชื้อเอดส์หรือไม่
- ผู้ที่ตัดสินใจจะมีคู่หรืออยู่กินฉันสามีภรรยา
- ผู้ที่สงสัยว่าคู่นอนของตนจะมีพฤติกรรมเสี่ยง
- ผู้ที่คิดจะตั้งครรภ์ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของทั้งแม่และลูก
- ผู้ที่ต้องการข้อมูลสนับสนุนเรื่องความปลอดภัยและสุขภาพของร่างกาย
เช่น ผู้ที่ต้องการไปทางานในต่างประเทศ (บางประเทศ)
17. Infected
ปัจจุบันยังไม่มียารักษาให้หายขาด แต่มียาที่ช่วยชะลอการพัฒนาของโรค คือ
ยาต้านเอชไอวี หรือยาต้านรีโทรไวรัส (Antiretrovirals หรือ ARVs) แพทย์จะจ่ายยาภายใต้
การพิจารณาการตอบสนองต่อยาแต่ละชนิด และจะจ่ายยาทันทีเมื่อเซลล์ CD4 อยู่ที่ 350
เซลล์/ลูกบาศก์เมตร หรือต่ากว่า
หากผู้ป่วยได้รับยาตั้งแต่แรกเริ่มที่ได้รับเชื้อ ยาตออกฤทธิ์ไม้ให้มีการแพร่กระจาย
และพัฒนาไปสู่การเจ็บป่วยขั้นรุนแรงอย่างเอดส์ โดยการรับประทานยา PEP
(Post-exposure Prophylaxis) เปรียบเสมือนยาฉุกเฉิน วิธีการใช้ยา มีทั้งแบบใช้ยาต้านรี
โทรไวรัสตัวเดียว (ARVs) หรือหลายตัว (Antiretroviral Therapy หรือ ART)
18. Infected
ยาต้านรีโทรไวรัส (Antiretrovirals หรือ ARVs)
ช่วยยับยั้งไม่ให้เซลล์ไวรัสแบ่งตัวแล้วลุกลามไปสร้างความเสียหาย
กลุ่มยาต้านรีโทรไวรัส
- Non-nucleoside Reverse Transcriptase Inhibitors (NNRTIs) ได้แก่ ยาเอฟฟาไว
เรนซ์ (Efavirenz) และเนวิราปีน (Nevirapine)
- Nucleoside หรือ Nucleotide Reverse Transcriptase Inhibitors (NRTIs) เช่น
ยาอาบาคา (Abacavir) ยาที่ใช้ร่วมกันอย่างทีโนโฟเวียร์ (Tenofovir) กับเอ็มตริไซตา
บีน (Emtricitabine) และลามิวูดีน (Lamivudine) กับซิโดวูดีน (Zidovudine)
- Protease Inhibitors (PIs) ยายับยั้งเอนไซม์โปรตีเอส เช่นยาอะทาซานาเวียร์ (Atazan
avir) และอินดินาเวียร์ (Indinavir)
19. Infected
และยากลุ่มใหม่อื่น ๆ ที่อาจถูกนามาใช้ เช่น
– Entry หรือ Fusion Inhibitors: ยายับยั้งไม่ให้ไวรัสจับตัวหรือเข้าสู่เซลล์เป้าหมาย (
เซลล์เม็ดเลือดขาว CD4) เช่น เอนฟูเวอไทด์ (Enfuvirtide) และมาราไวรอค (Maravir
oc)
– Integrase Inhibitors: ยายับยั้งกระบวนการทางานของเอนไซม์อินทีเกรส เช่น ราลทีก
ราเวียร์ (Raltegravir) เอลวิทีกราเวียร์ (Elvitegravir) และโดลูทีกราเวียร์
(Dolutegravir)
20. Care
– เตรียมความพร้อม โดยการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเอดส์และการดูแลผู้ป่วยเอดส์
– ใส่ใจเรื่องอาหารของผุ้ป่วย โดยเลือกอาหารที่มีโภชนาการสูง
– เฝ้าระวังการติดเชื้อ รักษาสุขอนามันในขณะดูแลผู้ป่วย ล้างมือให้สะอาดหากสัมผัสกับ
ของเหลวจากผู้ป่วย
– อานวยความสะด้วย ให้ผู้ใช้ชีวิตสะดวกสบาย เช่น จัดเตรียมอุปกรณ์ที่จาเป็น
อย่างทิชชู ผ้าขนหนู
– ให้ผู้ป่วยได้มีส่วนร่วมทากิจกรรมในชีวิตประจาวัน
– พูดคุยและให้กาลังใจผู้ป่วย
– ปรึกษาและเตรียมการร่วมกับผู้ป่วย
21. Can HIV Infected person have sex?
ปัจจุบันไม่ได้มีข้อห้ามในผู้ที่ติดเชื้อเนื่องจากการกินยาต้านไวรัสภายใน6 หรือ 1
2 เดือนพบว่าผลการตรวจเลือดแทบจะ100%นั้น ไม่มีเชื้อ HIVอยู่ในเลือดแล้ว
เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะถ่ายทอดเชื้อไปให้คนอื่นแทบเป็นศูนย์ แต่ก็ยังต้องสวมถุงยาง
อนามัยเพราะป้องกันการรับเชื้ออื่นเข้ามาร่วมด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส
23. AIDS & HIV Department
- กลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สานักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โทร. 0-2286-0431, 0-2286-4483
- โรงพยาบาลบาราศนราดูร โทร. 0-2590-3737, 0-2590-3510
- กองควบคุมโรคเอดส์ กทม. โทร. 0-2860-8751-6 ต่อ 407-8
- มูลนิธิศูนย์ฮอตไลน์ โทร. 0-2277-7699, 0-2277-8811 (โทรฟรี)
- มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ โทร. 0-2372-2222
- สถานบริการสาธารณสุข และโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง