More Related Content
Similar to Business thai july, 2004 (10)
Business thai july, 2004
- 1. Convergence Life Style
หลายๆท่านคงเคยรู้สึกแปลกๆมั้ยครับ ที่เวลาตื่นเช้าขึ้นมาแล้วออกไป
ทำางานโดยลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่บ้าน เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นกับผม 2-
3 ครั้ง ทำาให้รู้สึกกังวลว่า “เอ! วันนี้จะทำางานยังงัย” “ลูกค้าจะโวยมั้ยติดต่อ
ไม่ได้เลย” ผมมานั่งย้อนคิดดูว่าคนสมัยก่อนทำาไมเค้าอยู่กันได้โดยไม่มี
อุปกรณ์อำานวยความสะดวกเช่นโทรศัพท์มือถือ, PDA, เค้าก็ยังอยู่กันได้ คิด
ไปคิดมาทำาให้นึกถึงการเคลื่อนตัวของ Digital Convergence ซึ่งเป็นตัวกลาง
เชื่อมโยงเรื่องทั้งหมดเหล่านี้
ถ้าเราสังเกตุดีๆจะเห็นว่าทุกวันนี้ชีวิตเราเดินทางไปมาอยู่ในสถานที่
เพียง 3 แห่งเท่านั้นคือ บ้าน, ที่ทำางาน, บนถนนรวมถึงการไปติดต่องานใน
สถานที่ต่างๆ และท่องเที่ยว ทีนี้เนื่องจากสมัยก่อนอุปกรณ์ที่ตอบสนองความ
สะดวกสบายของชีวิตเราทั้งสามส่วนนี้ต่างทำางานเพียงเพื่อตอบสนองหน้าที่
ของตัวเองเช่น ตูเย็นจะเป็นแค่ตู้เย็น โทรศัพท์มือถือจะเป็นแค่โทรศัพท์มือ
้
ถือ แต่ปัจจุบันเราจะเห็นว่ามีตู้เย็นที่มี Internet function, โทรศัพท์มือถือที่มี
กล้องถ่ายรูป, MP 3 หรือแม้กระทั่งจอคอมพิวเตอร์ปัจจุบันก็สามารถต่อสาย
อากาศและตัวเป็นทีวีได้เลยหรือที่เรียกว่า Multifunction Monitor นั่นเอง
จุดเริ่มของ Digital Convergence ประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบคือ
การรวมตัวกันของข้อมูล (Data Convergence), การรวมตัวกันสินค้า (Product
Convergence), การรวมตัวกันของเครือข่าย (Network Convergence)
การรวมตัวกันของข้อมูล (Data Convergence) ซึ่งเกิดขึ้นแล้วต่อเนื่องมา
เกือบ 10 ปีนับตั้งแต่ระบบต่างๆของโทรศัพท์เช่น 470, 800, 900, 1800 Etc. โทร
ข้ามกันได้โดยไม่มีข้อจำากัด ข้อมูลต่างๆสามารถส่งข้ามกันได้จาก โทรศัพท์
มือถือเข้า PDA, PDA ส่งต่อเข้า Computer Notebook, Computer Notebook ส่งกลับ
มาที่มือถือ
หลังจากเริ่มยุคการรวมตัวกันของข้อมูลได้ไม่นาน การรวมตัวกัน
สินค้า (Product Convergence) ก็เกิดขึ้นดังตัวอย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นโดย
เริ่มจากสินค้าที่มีขนาดใหญ่ก่อนเช่นจอทีวีที่เป็นจอคอมพิวเตอร์ได้ และเมื่อ
เทคโนโลยี Semi Conductor มีการพัฒนาสูงขึ้นจากระดับไมโครหรือนาโน
ต่อๆมา ทำาให้อุปกรณ์ขนาดเล็กเกิดการรวมตัวอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เช่น โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆสามารถถ่ายรูปด้วยความละเอียดระดับล้าน
พิกเซลได้ หรือแม้กระทั่งถ่าย VDO ต่อเนื่องได้เป็นชั่วโมงหรือ SIM เล็กๆใน
โทรศัพท์สามารถ บรรจุเบอร์โทรศัพท์ได้มากกว่า 500 เบอร์
ซึ่งการรวมตัวของทั้งข้อมูลและสินค้า ที่มีต่อเนื่องมาตลอดนั้นทำาให้
เกิดคำาว่า Convenience ขึ้นกับชีวิตเราในปัจจุบัน ลองนึกภาพที่สมัยก่อนเรา
จะต้องมี สมุดโทรศัพท์ 1 เล่ม, เหรียญบาท 1 กำา, กล้องถ่ายรูปอีก 1 ตัว, รูป
แฟนอีก 3-4 ใบ (เผื่อคิดถึง), ซาวอเบาว์ อืกเครื่อง ปัจจุบันแค่มีโทรศัพท์มือ
ถือเครื่องเดียวสามารถทดแทนได้หมดทำาให้ความสะดวกสบาย
(Convenience) นั้นๆเริ่มเปลี่ยนเป็นความคุ้นเคย (Familiar) และเป็นความจำาเป็น
(Necessity) มากขึ้น จนกระทั่งเกิดความรู้สึกแปลกๆในวันที่ไม่มีมือถือนั่นเอง
- 2. ส่วนสุดท้ายที่ผมยังไม่ได้กล่าวถึงคือ การรวมตัวกันของเครือข่าย
(Network Convergence) ซึ่งจะเกิดขึ้นตามการดำาเนินชีวิตของเราดังที่กล่าวใน
ข้างต้นคือ
• ที่บ้านก็จะเกิด Home Network จากการที่อุปกรณ์ต่างๆภายในบ้านเช่น
โทรทัศน์, ตู้เย็น, เครื่องซักผ้า, แอร์ ฯลฯ สามารถจะสื่อสารกันได้ โดย
อาจจะมีตู้เย็นอินเตอร์เน็ต หรือ Home Control Pad เป็นศูนย์กลางผ่าน
ทางระบบ LAN หรือ Wireless (802.11)
• สำาหรับที่ทำางานก็จะเกิด Office Network ซึ่งเกิดมานานพอสมควรแล้ว
ผ่านทางระบบ LAN หรือ Wireless (802.11) เช่นเดียวกัน ซึ่งในอนาคต
จะมีการรวมตัวกันของเครือข่ายที่ทำางานกับที่บ้านคือการที่เรา
สามารถควบคุมการทำางานของระบต่างๆภายในบ้านเช่นเปิด-ปิดไฟ,
แอร์ ซึ่งจะสร้างความสบายขึ้นอีกระดับหนึ่ง
• สุดท้ายคือ Mobile Network คือเราสามารถที่จะใช้โทรศัพท์มือถือที่เป็น
PDA หรือ Pocket PC เช็ค e-mail ที่ทำางานหรือควบคุมการทำางานของ
ระบต่างๆภายในบ้านได้อย่างไม่มีปัญหา เมื่อ Mobile Network เข้ามามี
บทบาทในชีวิตเรามากขึ้นผมมองว่าเราคงจะต้องมีอุปกรณ์สื่อสารที่
พกติดตัวถึงสองเครื่องในเวลาเดียวกันคือตัวนึงใช้เป็นโทรศัพท์มือถือ
จริงๆ และอีกตัวใช้ในการทำางานนอกสถานที่ นี่ก็คือ Power ของ
Network Convergence ที่กำาลังค่อยๆเคลื่อนเข้ามามีบทบาทมากขึ้นใน
ชีวิตเรา
จากทั้งหมดข้างบนคงจะทำาให้หลายๆท่านคงมองออกว่าทำาไม มนุษย์ใน
อนาคตถึงได้หัวโตตัวกับมือเท้าเล็กอย่างภาพวาดต่างดาวที่เคยเห็นกันใช่
มั้ยครับ