Com music1. ด น ต รี สา ก ล ห ร ร ษ า
The Magic Of MUSIC
3. • ตีคอร์ดได้ อาจจะเกาเป็นแพทเทิลได้บ้าง แต่จะให้เก่งอย่าง คงเป็นไป
ไม่ได้แน่ ฉะนั้น ผมบอกได้เลยครับว่า หากเพื่อนๆสนใจอยากเล่นกีต้าร์
อย่างจริงๆจังๆ แล้ว ก็คงหนีไม่พ้นทฤษฎีดนตรีแน่นอน แต่สิ่งที่ผม
อยากจะบอก เพื่อนๆก็คือ ทฤษฎีดนตรี ไม่ใช่ของยากอะไรเลย หากเรา
ค่อยๆทาความเข้าใจมันตั้งแต่ชั่วโมงแรก ศึกษาไปทีละนิด
5. • ตัวโน๊ตทั้งหมด ตามที่เราคุ้นเคยคือ โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด ซึ่งโน้ตแต่ละ
ตัวจะถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งโดยนาเอา ตัวอักษรภาษาอังกฤษมาตั้ง ดังนี้
• C = โด
• D = เร
• E = มี
• F = ฟา
• G = ซอล
• A = ลา
• B = ที
6. • ครับ จาก C ไป D นั้น ห่างกัน 1 เสียงเต็ม (ต้องจาเพิ่มขึ้นมานั่นก็คือ E
กับ F ติดกัน และ B กับ C ติดกัน
• ทาไมถึงห่าง 1 เสียงเต็ม ? ก็เพราะมันมีตัวคั่นคือ C# หรือ Db
• ส่วน E กับ F ห่างกัน ครึ่งเสียง เพราะไม่มีตัวคั่น และ B กับ C
ก็ห่างกันครึ่งเสียง
7. โน๊ตคู่ไหนห่างกันครึ่งเสียงบ้าง
• C สูงขึ้นไปครึ่งเสียง = C# C ลดลงครึ่งเสียง = B
• D สูงขึ้นไปครึ่งเสียง = D# D ลดลงครึ่งเสียง = Db
• E สูงขึ้นไปครึ่งเสียง = F E ลดลงครึ่งเสียง = Eb
• F สูงขึ้นไปครึ่งเสียง = F# F ลดลงครึ่งเสียง = E
• G สูงขึ้นไปครึ่งเสียง = G# G ลดลงครึ่งเสียง = Gb
• A สูงขึ้นไปครึ่งเสียง = A# A ลดลงครึ่งเสียง = Ab
• B สูงขึ้นไปครึ่งเสียง = C B ลดลงครึ่งเสียง = Bb
8. การเล่นกีต้าร์เบื้องต้น
• การจับคอร์ดนั้นให้นั่งในท่าที่ถนัด ใช้มือกาหลวม ๆ ที่คอกีตาร์ ถ้าเป็น
การจับคอร์ดที่ไม่ใช้คอร์ดทาบ จะใช้นิ้วโป้งประคอง ด้านหลังคอกีต้าร์
เพื่อให้กระชับมั่นคงและช่วยให้มีแรงกดสายมากขึ้น การจับสายนั้น
จะต้องโก่งนิ้วที่จับสายอยู่ พยายามให้ปลายนิ้วที่กดสายตั้งฉากกับฟิง
เกอร์บอร์ด มากที่สุด เพราะถ้านิ้วราบไปกับคอกีต้าร์จะทาให้โดนสาย
อื่นทาให้เสียงบอด ส่วนตาแหน่งการกดให้กดลงในช่องกลางระหว่าง
เฟร็ต หรือ ค่อนลงมานิดหน่อย แต่นิ้วยังไม่โดนเฟร็ต ถ้านิ้วโดนเฟร็ต
ขณะกดสายจะทาให้เสียงบอร์ด
9. ขั้นตอนในการฝึกหัดและเรียนรู้กีตาร์
• . คุณต้องมีความรู้สึกว่าอยากจะเล่นจริง ๆ อย่างน้อยอาจจะมีแนวเพลง
ในดวงใจ หรือศิลปินที่อยากจะเล่นให้ได้เหมือนเขา เพราะจะทาให้มี
กาลังใจในการฝึก แต่อย่าอคติกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเช่นไม่ชอบตีคอร์ดจะ
เล่นลี๊ดอย่างเดียว หรือจะหัดแต่เพลงหนัก ๆ โดยไม่แคร์ถึงพื้นฐานที่ควร
รู้มาถึงจะเล่นอย่างนั้นอย่างนี้ให้ได้ดังใจเลย จาไว้นับเลขก็ต้องเริ่มจาก
ศูนย์ก่อนจะไปเป็นหนึ่ง..สอง...สาม ใจเย็น ๆ อย่ารีบร้อน ค่อย ๆ ฝึกฝน
หาความรู้เพิ่มเติมเรื่อย ๆ
10. • คุณต้องมีกีตาร์เป็นของตัวเอง เพื่อสะดวกในการฝึกหัด ดูเรื่องการเลือก
ซื้อกีตาร์ได้ในการเลือกซื้อกีตาร์และสายกีตาร์ นอกจากนี้รวมถึง
อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เท่าที่จาเป็นเช่น ปิ๊ค, ถุงหรือกล่องใส่กีตาร์, น้ายา
และผ้าเพื่อทาความสะอาด เป็นต้น ดูรายละเอียดเรื่องอุปกรณ์เสริมใน
การเล่นกีตาร์ได้
11. • มีความรู้เบื้องต้นในการตั้งสายก่อน เพราะถ้าสายคุ้นเพี้ยนเล่นยังไงก็ไม่
เพราะแน่ จึงต้องมีความรู้ในการตั้งสายแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตั้งด้วยมือ
เปล่าหรือการใช้เครื่องตั้งสายช่วยก็ตาม และเมื่อเป็นแล้วสิ่งหนึ่งที่ควรทา
เสมอคือทุกครั้งที่คุณหยิบกีตาร์มาเล่นควรจะเช็คเสียงก่อนว่าเพี้ยนมั๊ยถ้า
เพี้ยนก็ตั้งใหม่ เพราะสิ่งนี้จะฝึกให้คุณคุ้นเคยกับเสียงของแต่ละสาย ซึ่งจะ
ทาให้คุณตั้งสายได้รวดเร็วขึ้น ได้เสียงที่ถูกต้องสมบูรณ และยังมีประโยชน์
ต่อไปในการแกะเพลงอีกด้วย รวมถึงการศึกษาคอร์ดเบื้องต้นต่าง ๆ เช่นC,
Am, Dm, G7 เป็นต้นอาจจะดูจากหนังสือเพลงว่าจับอย่างไรใช้นิ้วไหนจับวาง
นิ้วยังไง ขั้นแรกไม่ต้องสนใจคอร์ดอื่น ๆ ฝึกแค่ 3 - 4 คอร์ดให้คุ้นเคยก่อน หา
เพลงที่ประกอบด้วยคอร์ดง่าย ๆ ดังกล่าวเล่น
12. • จากนั้นฝึกตีคอร์ดแบบง่าย ๆ ก่อนกับเพลงง่าย ๆ ที่ใช้คอร์ดที่เรารู้จัก
และจับไม่ยาก ช่วงนี้เองคุณก็ถือโอกาสหัดจับคอร์ดอื่น ๆ ที่ยังไม่รู้จัก
ด้วยเลย ฝึกการตีคอร์ดให้สัมพันธ์กับการเปลี่ยนคอร์ดและจังหวะของ
เพลง ค่อย ๆ ฝึกไปเรื่อย ๆ วันนี้ไม่ได้พรุ่งนี้เอาใหม่ เดี๋ยวก็ได้เอง
16. กีตาร์โปร่ง
กีตาร์โปร่ง หรือ อาคูสติกกีตาร์ นั่นเอง ก็คือกีตาร์ที่มีลาตัวโปร่งไม่ต้องอาศัย
ไฟฟ้าในการเล่น ซึ่งสามารถที่จะพกพาไปเล่นได้ในทุก ๆ ที่ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์
อะไรให้วุ่นวาย สามารถแบ่งได้
• 1.1 กีตาร์คลาสสิก (Classic Guitar) ซึ่งถือว่าเป็นต้นแบบของกีตาร์ใน
ยุคปัจจุบันนั่นเองซึ่งมีลักษณะเด่นก็คือมีลูกบิดและแกนพันสายเป็น
พลาสติก มีคอหรือฟิงเกอร์บอร์ดที่ใหญ่คือประมาณ 2 นิ้วลักษณะแบนราบ
และใช้สายเอ็นหรือไนล่อน ส่วน 3 สายบน(สายเบส) จะทาด้วยไนล่อนหรือ
ใยไหมแล้วพันด้วยเส้นโลหะเช่นเส้นทองแดงหรือบรอนซ์ ซึ่งทาให้มีความนุ่ม
มือเวลาเล่นไม่เจ็บเหมือน สายโลหะ จึงเหมาะกับคนที่อยากหัดกีตาร์แต่กลัว
เจ็บนิ้ว
18. • 1.2 กีตาร์โฟล์ค ถือว่าเป็นที่นิยมและรู้จักกันมากที่สุดเนื่องจากหาซื้อง่าย
ราคาไม่แพงจนเกินไป สามารถฝึกหัดได้ง่ายไม่ต้องรู้ถึงทฤษฎีดนตรีมากนัก
ใช้เวลาไม่นานก็จะสามารถเล่นเพลงง่าย ๆ ฟังกันในหมู่เพื่อนฝูงได้แล้วแต่
จริง ๆ กีตาร์โฟล์คมันมีอะไรมากกว่านั้น ลักษณะทั่ว ๆ ไปคือแกนหมุนและ
ลูกบิดมักเป็นโลหะ คอหรือฟิงเกอร์บอร์ดเล็กกว่ากีตาร์คลาสสิกมีลักษณะ
โค้งเล็กน้อยรับกับนิ้วมือ แต่มีลาตัว (body) ที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากว่า
กีตาร์คลาสสิก ใช้สายที่ทาจากโลหะ เนื่องจากคอกีตาร์ที่เล็กและสายที่เป็น
โลหะกีตาร์ประเภทนี้จึงเหมาะกับการเล่นด้วยปิค (flat pick) หรือการเกา
(finger picking) ซึ่งเสียงที่ได้จะดังชัดเจน สดใสกว่ากีตาร์คลาสสิก จึง
เหมาะกับการเล่นกับดนตรีทั่ว ๆ ไป ซึ่งอาจเล่นเดี่ยวหรือเล่นเป็นวงก็ได้
20. • 1.3 Solid Body Electric กีตาร์ ซึ่งก็คือกีตาร์ไฟฟ้าที่เรา ๆ รู้จักกันดีอยู่แล้ว
ซึ่งมีอยู่มากมายหลายแบบแต่ลักษณะเด่นก็คือลาตัวจะเป็นแบบตัน และ
ประกอบด้วย pick up ซึ่งเป็นหัวใจของกีตาร์ไฟฟ้าอีก 2 หรือ 3 ชุด ไว้บน
ลาตัวกีตาร์สาหรับแปลงสัณญาณเสียงเป็นกระแสไฟฟ้าเข้าไปยังเครื่อง
ขยายอีกที กีตาร์ประเภทนี้ต้องมีเครื่องขยาย(แอมป์ นั่นแหละครับ)มิฉะนั้น
เวลาเล่นต้องเอาหูไปแนบใกล้ ๆ ตัวกีตาร์ถึงจะได้ยินเสียง แต่ข้อดีก็คือเรา
สามารถที่จะปรับแต่งเสียงของมันได้อย่างอิสระด้วยการ control ปุ่ม
volume หรือ tone และยังใช้ร่วมกับ effect ต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันมีการผลิต
มามากมายหลายแบบเหลือเกิน เช่น distortion ,overdrive, flanger
เป็นต้น ทาให้สามารถปรับแต่งสาเนียงกีตาร์ตามที่เราต้องการได้
28. • เราจะเรียกชื่อคีย์สีขาวทั้ง 7 ตัว โดยใช้ทั้งหมด 7 ชื่อ แต่ในการเรียกชื่อ
จะมี 2 ระบบ คือ
ระบบตัวอักษร ใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษ 7 ตัวได้แก่ A B C D E F และ
G
ระบบซอล-ฟา มี 7 ตัวเหมือนกันคือ โด เร มี ฟา ซอล ลา ที (Do Re Mi
Fa Sol La Ti)
32. การวางนิ้วบนแป้นคีย์บอร์ด
• มือ ซ้ายอยู่ที่ เสียงกลาง โน๊ตตัว C D E F G ส่วน A ใช้นิ้วโป้งซ้าย
ช่วยกด มือขวาอยู่ที่ เสียงสูง โน๊ตตัว C D E F G ส่วน B ใช้นิ้วโป้ง
ขวาช่วยกด
• ถ้าเพลงมีระดับเสียงโน้ตต่า วางมือให้นิ้วก้อยซ้ายเริ่มที่คีย์โดต่า นิ้วโป้ง
ขวาอยู่โดกลาง
• ถ้าเพลงมีระดับเสียงโน๊ตสูง วางมือให้นิ้วก้อยซ้ายเริ่มที่คีย์โดกลาง
นิ้วโป้งขวาอยู่โดสูง