001
- 2. คือการปนเปื้อนของสารเคมี สารประกอบทางกายภาพ สารชีววิทยาใน
สิ่งแวดล้อม หรือสิ่งปนเปื้ อนในปริมาณที่มากพอ จนก่อให้เกิดความ
เปลี่ยนแปลงของชั้นบรรยากาศ ทาให้อากาศนั้นเสื่อมคุณภาพ ส่วนใหญ่มักเกิด
จากการเผาผลาญของเครื่องยนต์ ยานพาหนะ การทาอุตสาหกรรม หรือแม้แต่ไฟ
ป่า โดยสารในมลพิษทางอากาศที่ส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์ สัตว์ พืช และ
สิ่งแวดล้อมทั้งในทางตรงและทางอ้อม
ผลกระทบต่อพืช ป่าไม้
ภาพตัวอย่าง
ผลกระทบต่อมนุษย์
ภาพตัวอย่าง
ผลกระทบต่อสัตว์
ภาพตัวอย่าง
- 3. แหล่งกำเนิดของสำรมลพิษ
แหล่งกาเนิดตามธรรมชาติ (NATURAL SOURCES)
• ภูเขาไฟระเบิดการที่เกิดภูเขาไฟระเบิดจะมีเขม่าพ้นออกมาใน
บรรยากาศจานวนมาก ซึ่งเขม่าเหล่านั้นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทาให้เกิด
มลภาวะทางอากาศและเขม่าที่เกิดจากภูเขาไฟระเบิดจะสามารถ
อยู่ในอากาศได้นานนับปี ทาให้เกิดก๊าซ เช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์
ไฮโดรเจนซัลไฟด์ และก๊าซมีเทน
• ไฟป่า เมื่อเกิดไฟป่าแต่ละครั้งจะเกิดควันขึ้นมาจานวนมหาศาล
ซึ่งควันที่เกิดจากไฟป่ านั้นทาให้เกิดก๊าซต่างๆ เช่น ควัน เถ้า
คาร์บอนมอนนอกไซด์ ออกไซด์ของไนโตรเจน ไฮโดรคาร์บอน
และ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เป็นต้น
• การเน่าเปื่อย พวกจุลินทรีย์จะมีการย่อยสลายสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะ
เป็ นซากพืชซากสัตว์ ซึ่งในการย่อยสลายจะทาให้เกิดก๊าซ
แอมโมเนีย เป็นก๊าชที่ทาในเกิดกลิ่นเหม็น คาร์บอนไดออกไซด์
และไฮโดรเจนซัลไฟด์ เป็นต้น
• การฟุ้งกระจาย อนุภาคสารจะเป็นอนุภาคขนาดเล็กซึ่งสามารถ
ลอยไปตามอากาศซึ่งเป็นสาเหตุในเกิดโรคต่าง ๆ มากมาย เช่น
แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และสปอร์ เป็นต้น
แหล่งกาเนิดจากการกระทาของมนุษย์ (MAN-MAD SOURCES)
• การคมนาคม ปัจจุบันมีการข้นส่งสินค้า การเดินทางเป็นจานวน
มากโดยการใช้ยานพาหนะต่างๆโดยเฉพาะรถยนต์ซึ่งเป็นต้นเหตุ
สาคัญที่สุด โดยที่รถยนต์จะปล่อยกาศพวกคาร์บอน ไดออกไซด์
ก๊าชไนตริกออกไซด์และก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ รวมทั้งกาซ
คาร์บอนมอนนอกไซด์
• โรงไฟฟ้า ในการที่จะผลิตการแสไฟฟ้าจะมีการเผาไหม้พลังงาน
จานวนมหาศาลและในการเผาไหม้นั้นจะมีการปล่อยสารพวก ก๊าซ
ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ก๊าซไนโตรเจนออกไซด์และอนุภาคของมวล
สาร ต่าง ๆ
• การเผาไหม้ของเชื้อเพลิง การเผาไหม้เชื้อเพลิงเป็นสิ่งที่สาคัญใน
การใช้ชีวิตประจาวันที่เราใช้ในการดาเนินชีวิต แต่ในการเผาไหม้
เหล่านั้นก็จะทาให้มีการปล่อยสารพวก ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์
ก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ ไฮโดคาร์บอนและอนุภาคของมวลสาร
ต่าง ๆ
• การเผาขยะสิ่งปฏิกูล ปัจจุบันมีขยะเกิดขึ้นมากมายซึ่งก็นามาซึ่งการ
ทาลายและการทาลายวิธีหนึ่งก็คือการเผาไหม้ ซึ่งการเผาไหม้จะมี
การปล่อยสารพวก สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ออกไซด์ของ
ไนโตรเจน ออกไซด์ของกามะถัน คาร์บอนมอนอกไซด์และ
คาร์บอนไดออกไซด์ เป็นต้น
•
- 4. ชนิดของสารมลพิษทางอากาศ
อนุภาคต่างๆ
• ฝุ่นละออง
จากสารอินทรีย์ เช่น เกสรของพืชหรือ
หญ้า แบคทีเรีย เศษเน่าเปื่อยของสิ่งมีชีวิต
ฝุ่นละอองจากสารอนินทรีย์ เช่น ฝุ่นหิน
ฝุ่นเหล็ก ฝุ่นทราย ฝุ่นก่อสร้าง ฝุ่นการเผาไหม้
เชื้อเพลิง ฝุ่นจากการเผาขยะ
ฝุ่นมี 3 ขนาด ขนาดใหญ่ (ไม่เกิน100
ไมครอน) ขนาดเล็ก(ไม่เกิน10ไมครอน) ขนาด
จิ๋ว(ไม่เกิน2.5ไมครอน)
• ขี้เถ้า อนุภาคเล็กมากที่เหลือจากการเผา
ไหม้
• เขม่า เป็นการรวมตัวของอนุภาคเล็กๆ
ก๊าซและไอต่างๆ
• ออกไซด์ต่างๆของคาร์บอน
• ออกไซด์ของซัลเฟอร์
• ไฮโดรคาร์บอน
• ออกไซด์ของไนโตรเจน
• โลหะหนัก
• สารอินทรีย์อันตราย
• ก๊าซเรือนกระจก
• ก๊าซโอโซน
ผลกระทบ
จากที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอนุภาค
ต่างๆ หรือจะเป็นก๊าซและไอต่างๆ ล้วนทาให้เกิด
มลพิษทางอากาศทั้งสิ้น ซึ่งการที่จะเกิดก๊าซ
เหล่านี้มันก็เกิดจากการกระทาของมนุษย์และเกิด
เองตามธรรมชาติ ซึ่งมันส่งผลเสียมากๆให้กับ
มนุษย์สัตว์และสิ่งแวดล้อม
ถ้าเราไม่ช่วยกันป้องกันการเกิดมลพิษทาง
อากาศ ผลกระทบก็ตกมาอยู่ที่มนุษย์ การใช้ชีวิต
การดาเนินชีวิตของเราก็จะไม่ได้รับอากาศที่
บริสุทธิ์ ดังนั้นมันอาจทาให้เราเสียสุขภาพกายได้
อาจส่งผลต่อชีวิตเลยก็ได้
- 5. การควบคุมและป้องกันมลพิษทางอากาศ
กฎหมายควบคุม
• พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษา
คุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.
2535
• พระราชบัญญัติโครงงาน พ.ศ. 2535
• พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและ
ความเป็นระเบียบ
• พระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ. 2535
• ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม
ควบคุมจากแหล่งกาเนิด
• การควบคุมมลพิษจากรถยนต์ คือ การตรวจ
สภาพรถ ปรับปรุงพัฒนารถให้ปล่อยสาร
มลพิษน้อยลง ใช้รถที่ไม่ทาให้เกิดมลพิษ เช่น
รถไฟฟ้า รถจักรยาน ใช้เชื้อเพลิงสะอาด และ
ดีที่สุดคือลดการใช้รถยนต์
• การควบคุมมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม
คือ ลดการผลิตสารปนเปื้ อน เช่น กรองเอา
อนุภาคออกจากอากาศ การสันดาปเชื้อเพลิง
ให้สมบูรณ์ การซับแก๊ส เป็นต้น
• การควบคุมกาจัดสิ่งของทิ้งแล้ว เช่นนา
ทรัพยากรมาใช้ใหม่ การลดปริมาณขยะ เป็น
ต้น
ทรัพยากรอากาศ
- 6. ในประเทศไทย คนทั่วไปรับรู้คุณภาพของอากาศได้จากผลวัดที่จัดทาโดยกรมควบคุมมลพิษ เรียกว่าดัชนี
คุณภาพอากาศ ซึ่งเป็นรายงานข้อมูลเกี่ยวกับอากาศที่หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมนาเสนอแก่ประชาชนทั่วไปเป็นระยะ
เพื่อให้รับรู้ถึงสถานการณ์มลพิษทางอากาศและความเสี่ยงต่อสุขภาพ
ดัชนีคุณภาพอากาศของประเทศไทยแบ่งออกเป็น 5 ระดับ และมีการใช้สีเป็นสัญลักษณ์ ซึ่งค่าดัชนีคุณภาพ
อากาศที่ถือว่าเป็นปกติคือ 100 หากสูงกว่าแสดงว่าในอากาศมีความเข้มข้นของมลพิษค่อนข้างสูงหรือสูงมาก โดยเกณฑ์
การวัดมีดังนี้
0-50 ใช้สีฟ้าเป็นสัญลักษณ์ หมายถึง คุณภาพของอากาศอยู่ในระดับดี และไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
51-100 ใช้สีเขียวเป็นสัญลักษณ์ หมายถึง คุณภาพของอากาศอยู่ในระดับปานกลาง และไม่มีผลกระทบต่อ
สุขภาพ
101-200 ใช้สีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ หมายถึง คุณภาพของอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ ผู้ป่วยโรคระบบ
ทางเดินหายใจควรหลีกเลี่ยงการออกกาลังกายนอกอาคาร เด็กและผู้สูงอายุไม่ควรทากิจกรรมภายนอกอาคารนาน ๆ
201-300 ใช้สีส้มเป็นสัญลักษณ์ หมายถึง คุณภาพของอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพมาก ผู้ป่วยโรคระบบ
ทางเดินหายใจควรหลีกเลี่ยงการทากิจกรรมนอกอาคาร เด็กและผู้สูงอายุควรลดการออกกาลังกายนอกอาคาร
มากกว่า 300 ใช้สีแดงเป็นสัญลักษณ์ หมายถึง คุณภาพของอากาศเป็นอันตราย ผู้ป่วยโรคระบบทางเดิน
หายใจควรอยู่แต่ภายในอาคาร บุคคลทั่วไปควรหลีกเลี่ยงการออกกาลังกายนอกอาคาร วิธีป้องกันมลพิษทางอากาศ
- 7. ฝุ่ นPM 2.5
PM 2.5 ภัยฝุ่ นที่ส่งผลร้ำยถึงระดับโครโมโซม
ปรากฏการณ์ฝุ่นล้อมเมืองที่เริ่มส่งผลรุนแรงอย่าง
เห็นได้ชัดตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อชีวิต
คนในเมืองหลวงเป็นวงกว้าง เพราะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM
2.5 เป็นภัยที่มองไม่เห็น ไม่มีกลิ่น แถมยังเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
จากการการสูดดมทางโพรงจมูก
ฝุ่น PM 2.5 เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง
เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปอด โรคหัวใจขาดเลือด โรค
หลอดเลือดในสมอง และโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ
- 8. ที่มำของ PM 2.5
ในปี ค.ศ. 1997 ทาง United States Environmental
Protection Agency (USEPA) ได้กาหนดค่ามาตรฐานฝุ่นละอองที่มี
เส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับหรือเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM2.5) ไว้ใน
มาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศของประเทศสหรัฐอเมริกา
(National Ambient Air Quality Standards: NAAQS) เพื่อปกป้อง
ความปลอดภัยของสุขภาพอนามัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อม
และที่ต้องกาหนดให้ฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 เป็นขนาด
ฝุ่นละอองที่เป็นภัยนั้น ก็เพราะว่า สารมลพิษในฝุ่นละอองขนาดนี้
สามารถเข้าสู่อวัยวะในระบบทางเดินหายใจได้โดยตรง สามารถ
ทะลุเข้าไปถึงถุงลมปอดได้ทันที ดังนั้น ฝุ่นละอองขนาดเล็กเหล่านี้
จึงทาให้เกิดการระคายเคืองและมีผลต่ออาการและโรคทางเดิน
หายใจ สามารถทาลายอวัยวะของระบบทางเดินหายใจโดยตรง และ
ยังทาให้เกิดการระคายเคืองตา ระคายคอ แน่นหน้าอก หายใจถี่
หลอดลมอักเสบ เกิดอาการหอบหืด ถุงลมโป่งพอง และอาจเกิด
โรคระบบทางเดินหายใจได้
- 9. สถานการณ์ PM 2.5 ผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว
• ในช่วงต้นปี 2562 ที่ผ่านมา สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลโดยรวม อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบ
ต่อสุขภาพ เพราะในช่วงเช้าอากาศลอยตัวได้ดี มีหมอก แต่ลมพัดอ่อน จึงส่งผลให้ฝุ่นละออง PM 2.5 หลายจุดมีปริมาณ
เพิ่มขึ้น และพบฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน (50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) 24 พื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วน
ภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศไทยก็ประสบปัญหามลพิษทางอากาศ เนื่องจากการเผา เพื่อทาเกษตรกรรม
• ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกได้สารวจพบว่า มีประชากรที่ต้อง “เสียชีวิตก่อนวัยอันควร” เนื่องจากมลพิษในอากาศทั่วโลก
มากกว่า 6 ล้านคนในแต่ละปี และในจานวนนี้ เป็นเด็กอายุต่ากว่า 5 ขวบถึงร้อยละ 10 หรือประมาณ 600,000 คน เมื่อ
คุณภาพอากาศเลวลง อัตราการไปห้องฉุกเฉินและการเข้าอยู่โรงพยาบาลจะสูงขึ้น เพราะมลพิษทาให้ปัญหาสุขภาพที่มี
อยู่กาเริบขึ้น และเป็นเหตุให้หัวใจวาย หลอดเลือดในสมองตีบ หอบหืดกาเริบ ฯลฯ
• ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM 2.5) นับเป็นปัญหาสาคัญ เนื่องจากส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรง
ทาให้อายุขัยเฉลี่ยของประชาชนลดลง เพราะเทโลเมียร์ซึ่งเป็นดีเอ็นเอกาหนดอายุขัยของสิ่งมีชีวิตในโครโมโซมมีขนาด
สั้นลง ทาให้แก่เร็วขึ้นและอายุสั้นลงได้ด้วย อีกทั้งยังเพิ่มอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลอันเนื่องมาจากโรคต่างๆ
ยิ่งสูดดม PM2.5 เป็นเวลายาวนาน ยิ่งส่งผลในระดับพันธุกรรม ซึ่งจะมีผลมากกับทารกในครรภ์
- 10. วิธีรับมือกับฝุ่ น PM 2.5
วิธีการลดปริมาณฝุ่นละอองที่ดีที่สุด คือ ประชาชนต้องมีจิตสานึก
ร่วมกันเพื่อลดกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเพิ่มขึ้นของฝุ่นละออง เช่น ลดการจุด
ธูป ลดการเผาขยะ ซึ่งจะเพิ่มปริมาณฝุ่นเป็นจานวนมาก สาหรับการป้องกัน
ตนเอง ให้สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองที่เหมาะสม ไม่ใช่หน้ากากอนามัย
ทั่วไปที่ไม่สามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กในระดับ 2.5 ไมครอนได้แต่
ต้องใช้หน้ากากมาตรฐาน N95 จะมีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะหน้ากาก
N95 ผลิตจากเส้นใยพิเศษที่สามารถกรองฝุ่นละออง หรือเชื้อโรคที่มีขนาด
ใหญ่กว่า 0.3 ไมครอนได้ทาให้ป้องกันฝุ่นขนาด PM 2.5 ไมครอน ได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ
- 11. วิธีเลือกหน้ากากสู้ 'ฝุ่นPM 2.5'
1. ประสิทธิภำพกำรกรองฝุ่ น โดยฝุ่น PM 2.5 เป็นฝุ่นที่มีขนาดเล็กเพียง 2.5 ไมครอน ดังนั้นควรเลือกซื้อหน้ากากที่สามารถป้องกันฝุ่นขนาด
เล็กกว่า 2.5 ไมครอนได้ โดยหน้ากากอนามัยธรรมดาทั่วไปสามารถกรองฝุ่นขนาด 3 ไมครอน จึงไม่สามารถป้องกันฝุ่น 2.5 ได้
2. ผ่ำนกำรรับรองหรือได้รับมำตรฐำน ควรตรวจสอบว่าหน้ากากมีมาตรฐานจากหน่วยงานหรือสถาบันที่เชื่อถือได้รองรับ ซึ่งสังเกตได้จาก
ข้อความบนอุปกรณ์ หรือบรรจุภัณฑ์ โดยมาตรฐานรับรองสาหรับหน้ากากกรองอากาศชนิดกรองอนุภาคที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ได้แก่
มาตรฐานอเมริกา (NIOSH Standard, NIOSH 42 CFR 84 หรือ ASTM Standard), มาตรฐานยุโรป (European Standard, EN 149) มาตรฐานออสเตรเลีย/
นิวซีแลนด์ (Australia/New Zealand Standard, AS/NZS 1761) และมาตรฐานญี่ปุ่น (Japanese Industrial Standard หรือ JIS)
• N95: เป็นการรับรองของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยรับรองว่าหน้ากากนี้มีประสิทธิภาพในการกรอง 95% (หากเลข
มากกว่านั้น เช่น N99 หมายถึง มีประสิทธิภาพในการกรอง 99%)
• ASTM F2299 Level 1 เป็นการรับรองของสมาคม ASTM สหรัฐอเมริกา โดยรับรองว่าหน้ากากนี้มีประสิทธิภาพในการ
กรองฝุ่นขนาด 0.1 ไมครอนได้ ≥95% (หากเป็น Level 2 และ 3 ได้≥98%)
• FFP2: เป็นการรับรองของฝั่งยุโรป โดยรับรองว่าหน้ากากนี้มีประสิทธิภาพในการกรอง 94% (หากเป็น FFP3 จะหมายถึง
มีประสิทธิภาพในการกรอง 99%)
• P2: เป็นการรับรองของประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยรับรองว่าหน้ากากนี้มีประสิทธิภาพในการกรอง 94%
(หากเป็น P3 จะหมายถึง มีประสิทธิภาพในการกรอง 99%)
• JIS T 8151: 2018 เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมญี่ปุ่น โดยรับรองว่าหน้ากากนี้มีประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นละอองใน
อากาศที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายมนุษย์โดยการหายใจ
3. ควำมกระชับในกำรสวมใส่ ควรเลือกหน้ากากที่สวมใส่แล้วรู้สึกสบายไม่อึดอัดจนเกินไป สายรัดไม่รัดบริเวณหูจนเกิดอาการเจ็บ และเมื่อ
ใส่อย่างถูกต้องแล้วหน้ากากต้องกระชับแนบสนิทกับใบหน้า มีอากาศรั่วไหลหรือเล็ดรอดจากขอบหน้ากากเข้าสู่ด้านในน้อยที่สุด
อย่างไรก็ดีนอกจากการเลือกซื้อหน้ากากอนามัยที่กรองฝุ่น PM2.5 ได้แล้ว การสวมใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสาคัญ เช่น พยายามใส่ให้กระชับ
แนบสนิทกับใบหน้า ควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ไม่ใช้หน้ากากอนามัยซ้าเมื่อมีการเปื้อน หรือแผ่นด้านที่สัมผัสผิวถูกเสียดถูจนด้อยสภาพ หน้ากากเสียรูปหรือ
ชารุด หรือชื้นแฉะ รวมถึงล้างมือก่อนการสวมใส่และหลังการถอดออกทุกครั้ง จะช่วยป้องกันและช่วยกรองฝุ่น PM2.5 ได้ดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
- 13. การป้องกันผลกระทบจากมลพิษทางอากาศภายนอก
• เมื่ออยู่ภายนอกอาคาร ควรหายใจช้า ๆ และอย่าทากิจกรรมที่ส่งผลให้
อัตราการหายใจเพิ่มขึ้น เพราะจะทาให้ได้รับมลพิษทางอากาศมากขึ้น
• ใช้อุปกรณ์ป้องกัน เช่น หน้ากากอนามัยชนิดมีตัวกรอง ซึ่งจะช่วยกรอง
สารหรืออนุภาคขนาดเล็กออกจากอากาศที่หายใจได้ในระดับหนึ่ง
• ผู้ป่วยโรคหัวใจหรือมีปัญหาเกี่ยวกับปอดควรปรึกษาแพทย์และปฏิบัติ
ตามคาแนะนาของแพทย์อย่างเคร่งครัด