More Related Content
Similar to ใบความรู้ที่ 12 เรื่อง หน่วยส่งออก
Similar to ใบความรู้ที่ 12 เรื่อง หน่วยส่งออก (20)
More from Angkan Mahawan (13)
ใบความรู้ที่ 12 เรื่อง หน่วยส่งออก
- 1. ข้อมูลส่งออกคือ ผลลัพธ์ได้จากการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของอักขระ
ข้อความ รูปภาพ เสียง หรือภาพเคลื่อนไหว ซึ่งคอมพิวเตอร์จะแสดงผลลัพธ์ผ่านอุปกรณ์ของ
หน่วยส่งออก (output unit) เช่น จอภาพ เครื่องพิมพ์ และลาโพง
3.6.1 จอภาพ
จอภาพ (monitor) เป็นอุปกรณ์ของหน่วยส่งออกซึ่งใช้แสดงข้อมูลต่างๆไม่ว่าจะเป็นตัวอักขระ
และภาพเคลื่อนไหว จอภาพในปัจจุบันแสดงภาพด้วยจานวนสีที่สูงมาก ทาให้ได้ภาพที่
สวยงามใกล้เคียงกับสีของภาพจริง ในอุปกรณ์ขนาดเล็กบางชนิด เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่น
พื้นฐาน อาจใช้จอภาพขนาดเล็กที่เป็นจอขาว-ดา เนื่องจากราคาถูกกว่าและประหยัดพลังงาน
มากกว่าจอสี
จอภาพสาหรับเครื่องคอมพิวเตอร์มีสองประเภท คือ ซีอาร์ทีและแอลซีดี
จอภาพแบบซีอาร์ที (cathode Ray Tube:CRT) ใช้เทคโนโลยี
ของหลอดรังสีอิเล็กตรอน เช่นเดียวกับจอโทรทัศน์ในการทาให้
เกิดภาพ ซึ่งปัจจุบันเริ่มลดความนิยมลงไปแล้วฟอสฟอรัส ทาให้
ตาแหน่งที่อิเล็กตรอนวิ่งมาชนเกิดแสงสว่างขึ้นและเห็นเป็นภาพ
จุดภาพแต่ละจุดจะประกอบด้วยสี 3 สี คือแดง เขียว และน้า
เงิน จอภาพแบบนี้มีขนาดตั้งแต่ 14,15,17,19 และ 20 โดย
ขนาดของจอจะวัดในแนวเส้นทแยงมุมจอภาพ
- 2. จอภาพแบบแอลซีดี (Liquid Crystal Display:LCD) เป็นจอภาพที่มีแนวโน้มการใช้งานมาก
ขึ้น เนื่องจากมีขนาดที่เล็กและบาง น้าหนักเบาและกินไฟน้อยกว่าจอภาพแบบซีอาร์ที เป็น
เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนามาเพื่อใช้กับนาฬิกาและเครื่องคิดเลข ใช้หลักการปรับเปลี่ยนโมเลกุล
ของผลึกเหลวเพื่อปิดกั้นแสงเมื่อมีสนามไฟฟ้า
เหนี่ยวนา ใช้กาลังไฟฟ้าต่าเหมาะกับอุปกรณ์แสดงผล
ที่ใช้กับแบตเตอรี่ขนาดเล็ก ปัจจุบันจอภาพแบบนี้มีใช้
กันแพร่หลายในพีซี เนื่องจากราคาถูกลง มีหลาย
ขนาดเช่นเดียวกับจอแบบซีอาร์ที ขนาดของจอภาพแบบ
แอลซีดีจะมีพื้นที่การมองเห็น (viewable area) ที่ใหญ่
กว่าจอแบบซีอาร์ทีที่ขนาดเท่ากัน
ความคมชัดของจอภาพขึ้นกับระยะห่างจากจุดภาพ (dot pitch) สาหรับคุณภาพของจอภาพ
ถ้าบนจุดจอภาพอยู่ชิดกันมาก ภาพที่ได้จะยิ่งคมชัด และแสดงรายละเอียดขนาดเล็กได้ดีขึ้น
ค่าระยะห่างของจุดบนจอภาพควรที่จะน้อยกว่า 0.30 มิลลิเมตร คุณสมบัติของจอภาพที่
สาคัญอันหนึ่งคือความละเอียดของการแสดงผล(resolution) หมายถึงจานวนจุดภาพทั้งหมด
ที่แสดงบนจอภาพในแนวตั้งและแนวนอน
มาตรฐาน
ความละเอียด
จานวนจุด
ที่แสดงในแนวนอน
จานวนจุด
ที่แสดงในแนวตั้ง
ความละเอียด
ของการแสดงผล
จานวนจุด
VGA 640 480 640x480 307,200
SVGA 800 600 800x600 480,000
XGA 1,024 768 1,024x768 786,432
SXGA 1,280 1,024 1,280x1,024 1,310,720
ตัวอย่างมาตรฐานความละเอียดของจอภาพแบบซีอาร์ที
- 3. ขนาดจอภาพ
(นิ้ว)
จานวนจุด
ที่แสดงในแนวนอน
จานวนจุด
ที่แสดงในแนวตั้ง
ความละเอียด
ของการแสดงผล
จานวนจุด
19 1,440 900 1,440x900 1,296,000
22 1,680 1,050 1,680x1,050 1,764,000
ตัวอย่างมาตรฐานความละเอียดของจอภาพแอลซีดี
เกร็ดน่ารู้
จอภาพแสดงผลแบบบิดโค้งได้
อีกไม่นานเราคงจะได้เห็นหน้าปกนิตยสารที่มีภาพเคลื่อนไหวได้เหมือนที่เคยเห็นใน
ภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ ขณะนี้หลายบริษัทกาลังพัฒนาอุปกรณ์แสดงผลแบบ
ใหม่ที่เรียกว่า โอแอลอีดี(Organic Lignt-Emitting Diode:OLED) ซึ่งใช้โมเลกุล
ของสารอินทรีย์เป็นแหล่งกาเนิดของแสงสีต่างๆทาให้ได้จอภาพที่บางมาก
เพียง 0.01 นิ้ว ที่สาคัญคือสามารถบิดโค้งงอได้
ที่มา : http://phungwit.ac.th/krootim/?page=unit03.6
- 4. เครื่องพิมพ์ (printer) เป็นอุปกรณ์ของหน่วยส่งออกที่ใช้ในการแสดงผลจาก
เครื่องคอมพิวเตอร์ลงบนกระดาษหรือสื่อสิ่งพิมพ์ที่ผู้ใช้สามารถนาไปใช้งานต่อไปได้ ซึ่ง
โดยทั่วไปจะพิมพ์ลงบนกระดาษ
เครื่องพิมพ์แบบจุด (dot matrix printer) มีหัวพิมพ์เป็นเข็มขนาดเล็กหลายเข็ม
เมื่อต้องการพิมพ์ตัวอักษรใด เครื่องพิมพ์จะสั่งให้หัวเข็มบางหัวทาการกระแทก
ลงบนผ้าหมึกเพื่อให้ปรากฏเป็นรูปของตัวอักษรที่เกิดจากจุดเรียงต่อ
กัน หัวเข็มอาจจะมี 9 หรือ 24 หัว การพิมพ์จะพิมพ์ทีละหนึ่ง
ตัวอักษร ทีละบรรทัดจากด้านซ้ายไปยังด้านขวาของกระดาษ
แม้ว่าเครื่องพิมพ์แบบจุดจะมีข้อจากัดในด้านการพิมพ์
ภาพกราฟิก และเสียงดังจากการทางาน แต่ปัจจุบันเครื่องพิมพ์
แบบนี้ก็ยังเป็นที่นิยมใช้กันในงานเฉพาะ เช่น งานพิมพ์เอกสารทาง
การเงินที่ต้องการสาเนาหลายชุด เป็นต้น
เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ (laser printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้วิธีการทางแสงทา
ให้ผงหมึกไปติดกระดาษที่ต้องการพิมพ์ มีความเร็วในการพิมพ์สูง
สามารถพิมพ์ได้เร็วกว่า 10 แผ่นต่อนาที(page per
minute:ppm) สามารถพิมพ์ตัวอักษร และภาพกราฟิกที่มีความ
คมชัดสูง โดยมีความละเอียดในการพิมพ์สูงกว่า 600 จุดต่อนิ้ว
(dot per inch:dpi) มีทั้งแบบที่พิมพ์เอกสารขาวดา และแบบ
สี เครื่องพิมพ์ชนิดนี้ ไม่สามารถพิมพ์สาเนาได้เหมือน
เครื่องพิมพ์แบบจุด เครื่องพิมพ์เลเซอร์นิยมใช้ในงานพิมพ์ที่ต้องการ
คุณภาพสูง
- 6. เกร็ดน่ารู้
เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (inkjet printer) ใช้การพ่นน้าหมึกหยดเล็กๆลงไปบน
พื้นผิวที่ต้องการพิมพ์ซึ่งไม่จาเป็นต้องเป็นกระดาษอาจจะเป็นพื้นผิวพลาสติกบนแผ่นซีดี
หรือแม้กระทั่งเสื้อยืดและสามารถพิมพ์ได้ทั้งสีและขาวดา เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึกมี
ราคาไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์แบบอื่น จึงนิยมใช้กันทั่วไปตามบ้านเรือนหรือ
สานักงานขนาดเล็ก
เทคโนโลยีที่ดีขึ้นมากในปัจจุบันสามารถทาให้หยดหมึกมีขนาดเล็กลงจึงทาให้
เครื่องพิมพ์ชนิดนี้มีความละเอียดในการพิมพ์สูงมากจน
เทียบเท่า หรืออาจจะดีกว่าเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์บาง
รุ่น ข้อเสียของเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึกคือกล่องน้าหมึก
(ink catridge) มีขนาดเล็กและรองรับการพิมพ์ได้ไม่
มาก กล่องน้าหมึกโดยทั่วไปจะรองรับงานพิมพ์เอกสาร
ได้ประมาณ 500 แผ่น ทาให้ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ
การนากล่องผงหมึกกลับมาใช้ใหม่
กล่องผงหมึกทาจากวัสดุโลหะและพลาสติกที่ย่อยสลายไม่ได้ตามธรรมชาติ
รวมทั้งผงหมึกเป็นสารเคมีที่ก่อมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อมถ้าหากมีการทิ้งขยะตาม
กระบวนการปกติ ดังนั้นเราจึงควรนากล่องผงหมึกกลับมาใช้ใหม่ (recycle) โดย
บริษัทผู้ผลิตกล่องผงหมึกทุกบริษัทจะรับกล่องผงหมึกเก่าเพื่อนากลับมาใช้ใหม่อยู่แล้ว
เมื่อต้องการเปลี่ยนกล่องผงหมึกจึงควรติดต่อบริษัทผู้ผลิตเพื่อขอคืนกล่องผงหมึก เป็น
การร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดีทางหนึ่ง
- 7. เกร็ดน่ารู้
หหห
เครื่องพิมพ์ความร้อน
เครื่องพิมพ์ที่พบเห็นในการพิมพ์สลิปจากเครื่องเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิต
คือเครื่องพิมพ์ความร้อน (thermal printer) ใช้เข็มความร้อน (heated pin) เล็กๆ
กดลงไปบนกระดาษที่ไวต่อความร้อนเพื่อทาให้กระดาษเปลี่ยนเป็นสีดา
เครื่องพิมพ์ความร้อนประเภทนี้มีราคาถูกแต่คุณภาพต่า และพิมพ์ได้แต่ขาวดา จึง
นิยมใช้กันในเครื่องพิมพ์สลิปบัตรเครดิตหรือเครื่องพิมพ์ใบเสร็จขนาดเล็กๆ
เครื่องพิมพ์ความร้อนที่มีคุณภาพสูงขึ้นมาอาจใช้เทคนิคที่เรียกว่า การ
ถ่ายเทขี้ผึ้งความร้อน (thermal wax-transfer) เป็นการทาให้ขี้ผึ้งสีที่ร้อนไปย้อม
ติดอยู่บนกระดาษแต่ก็ให้คุณภาพของงานพิมพ์สีที่ไม่ดีนัก เครื่องพิมพ์ความร้อนที่
ให้คุณภาพงานพิมพ์สีดีที่สุดคือเครื่องที่ใช้เทคนิคการระเหิดสีย้อม (dye-
sublimation) โดยการทาให้สีระเหิดกลายเป็นไอไปติดอยู่บนพื้นผิวของกระดาษที่
เคลือบสารพิเศษไว้ ทาให้ได้คุณภาพสีที่ดีระดับมืออาชีพแต่มีราคาสูงมาก