SlideShare a Scribd company logo
1 of 16
Download to read offline
THEORIES BEHAVIORAL
ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม
โดย นางอุษณีย์ มณีรัตน์ รหัส 565050052-7
นางณัฐพัชร์ งานไว รหัส 565050040-4
นายวุฒิพงษ์ พากิจรัตน์ รหัส 565050047-0
สถานการณ์ที่ 1 ก.ไก่ในฟาร์ม
1.ทฤษฎีที่นำมำใช้คือ ทฤษฎีกำรวำงเงื่อนไขแบบคลำสสิค
(Classical Conditioning Theory) ของพลำฟลอฟ
Pavlov
2. อธิบำยหลักกำรที่เลือกใช้
กำรวำงเงื่อนไขแบบคลำสสิค = สิ่งเร้ำที่วำงเงื่อนไข +
สิ่งเร้ำที่ไม่ได้วำงเงื่อนไข = กำรเรียนรู้
( สิ่งเร้ำคือ เสียงเคำะไม้ไผ่)
3.ข้อดี –ข้อจำกัดของหลักกำร
ข้อดี - ทำให้ไก่มีพฤติกรรมตอบสนองต่อกำรวำงเงื่อนไข
ต่อควำมหิวในเวลำระยะสั้นๆ
ข้อจำกัด - ถ้ำมีกำรเคำะไม้ไผ่หลำยๆครั้ง แต่ไม่มีกำร
ให้อำหำรไก่ก็จะลดอำกำรตอบสนองและไม่สนใจเสียงเคำะ
ไม้ไผ่อีกเลย
4. ขั้นตอนวิธีกำรวำงเงื่อนไข
-ทดลองเคำะไม้ไผ่ให้สัญญำณไก่ ระยะแรกไก่ยังไม่สนใจเสียงเคำะ
-ทดลองให้อำหำรไก่ ผลคือไก่จะวิ่งมำกินอำหำร
-ครั้งต่อมำทดลองเคำะไม้ไผ่ พร้อมกับให้อำหำร
ไก่ทันทีที่เคำะและทำอย่ำงต่อเนื่องกันหลำยๆวัน
ผลคือพอไก่ได้ยินเสียงเคำะไม่ไผ่ ไก่จะมำกิน
อำหำรทันที
-ทดลองเคำะไม้ไผ่ เมื่อไก่ได้ยินเสียง ไก่จะมำรอ
กินอำหำรตำมเสียงสัญญำณทันที
สถานการณ์ที่ 2 น้องหนูขี้กลัว
1.หำวิธีกำรที่จะช่วยให้เด็กหำยจำกอำกำรกลัวกำรไปโรงเรียน
-หำสำเหตุหรือสิ่งเร้ำที่ทำให้เด็กกลัวกำรไปโรงเรียน
-เพิ่มควำมสนใจข้อดีของกำรไปโรงเรียน เพื่อให้เด็กอยำกไป
โรงเรียนและเลิกกลัวกำรไปโรงเรียน
2. เลือกทฤษฎีที่ใช้ในกำรแก้ปัญหำ
ทฤษฎีที่ใช้คือ ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม ตำม
หลักกำรวำง
เงื่อนไขแบบคลำสสิค ของ วัตสัน(Watson )
ซึ่งได้ทำกำรทดลองกับมนุษย์โดยศึกษำ
เรื่องควำมกลัว นำมำใช้กับกำรแก้ปัญหำ
สถำนกำรณ์นี้
watson
3. เหตุผลที่เลือกใช้พฤติกรรมนิยมในกำรแก้ปัญหำ
- ในกำรเลือกทฤษฎีกลุ่มพฤติกรรมนิยม กำรวำงเงื่อนไขแบบ
คลำสสิค ของ วัตสัน มีกำรทดลองกับมนุษย์โดยตรงและศึกษำเกี่ยวกับ
ควำมกลัว จึงสำมำรถนำควำมรู้ดังกล่ำวมำปรับใช้เป็ นแนวทำงในกำร
แก้ปัญหำได้
4. กำรแก้ปัญหำของสถำนกำรณ์นี้
-สืบหำสำเหตุที่ทำให้เด็กมีอำกำรกลัวกำรไปโรงเรียน ว่ำเป็ นเพรำะ
สำเหตุใด และหำวิธีกำรแก้ปัญหำที่สอดคล้องกับสภำพปัญหำที่เกิดขึ้น
เช่น กำรกลัวเพรำะถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อ ก็ต้องมีกำรพูดปลอบให้กำลังใจ
พร้อมกับแนะนำผู้ที่เกี่ยวข้องให้ลดพฤติกรรมดังกล่ำว
- เพิ่มควำมสนใจและบอกข้อดีของกำรไปโรงเรียนเพื่อให้เด็ก
อยำกไปโรงเรียน และเลิกกลัวกำรไปโรงเรียน เช่น ครูมีกิจกรรม
ที่สนุกสนำนให้นักเรียนเล่นสนุกพร้อมกับเพื่อนๆในห้องเรียนโรงเรียนมี
สภำพแวดล้อมที่ดี
สถานการณ์ที่ 3 ฤทธิ์ครูใหญ่
1. หลักกำรทีใช้เป็ นแนวทำงในกำรแก้ปัญหำ
สถำนกำรณ์นี้
คือ ทฤษฎีกำรเรียนรู้แบบลงมือทำของสกินเนอร์
(Operant Conditioning) ในทฤษฎีกำรเรียนรู้
กลุ่มพฤติกรรมนิยม
ทฤษฎีกำรเรียนรู้แบบวำงเงื่อนไขแบบโอปำแรนท์
(Operant Conditioning Theory) หรือทฤษฎีกำรวำงเงื่อนไขแบบกำร
กระทำของสกินเนอร์ (B.F.Skinner) โดยมีแนวคิดว่ำ กำรเรียนรู้เกิดขึ้น
ภำยใต้เงื่อนไขและสภำวะแวดล้อมที่เหมำะสม เพรำะทฤษฎีนี้เน้นเรื่อง
สิ่งแวดล้อม
สิ่งสนับสนุนกำรลงโทษ โดยพัฒนำจำกทฤษฎีของพำฟลอฟ
และธอร์นไดค์
Skinner
สรุปได้ว่ำ พฤติกรรมของมนุษย์เป็ นพฤติกรรมที่กระทำต่อสิ่งแวดล้อม
ของตนเอง พฤติกรรมของมนุษย์จะคงอยู่ตลอดไป จำเป็ นต้องมีกำร
เสริมแรง(ผลของพฤติกรรมใดๆที่ทำให้พฤติกรรมนั้นเข้มแข็ง)
กำรเสริมแรงนี้มีทั้งกำรเสริมแรงทำงบวก (Possitive
Reinforcement) ซึ่งจะกระตุ้นให้คนมีกำรแสดงออกในพฤติกรรมที่พึง
ประสงค์
กำรเสริมแรงทำงลบ (Negative Reinforcement) ช่วยเพิ่มควำม
คงทนของกำรแสดงพฤติกรรมที่พึงประสงค์โดยกำรลดลง หรือไม่ให้
หรือดึงเอำสิ่งเร้ำที่ผู้เรียนพึงพอใจออกไป
2. สถำนกำรณ์ที่ศึกษำอยู่ในทฤษฎีใดในกลุ่มพฤติกรรมนิยม
- ทฤษฎีกำรเรียนรู้แบบลงมือกระทำของสกินเนอร์ (Operant
Conditioning) เพรำะครูมีควำมต้องกำรกระตุ้นให้นักเรียนแสดง
พฤติกรรมที่พึงประสงค์เพิ่มขึ้นและลดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ลง
และเป็ นพฤติกรรมที่คงที่คงทนซึ่งจำเป็ นที่จะต้องได้รับกำรเสริมแรง
ตำมทฤษฎีกำรเรียนรู้แบบลงมือกระทำของสกินเนอร์ ที่จะเกิดกำร
เรียนรู้จำกกำรลงมือกระทำและถ้ำหำกได้รับกำรเสริมแรงจะทำให้เกิด
พฤติกรรมนั้นซ้ำอีก
3. หลักทฤษฎีพฤติกรรมนิยมที่ใช้ในกำรแก้ปัญหำ
-ทฤษฎีกำรเรียนรู้แบบลงมือกระทำของสกินเนอร์ (Operant
Conditioning)
-ในกำรแก้ปัญหำครูใหญ่ต้องมีกำรเสริมแรงทำงบวกให้กับ
กลุ่มผู้เรียน 6 คน เพื่อให้เกิดกำรปรับพฤติกรรมที่คงทน อำจให้แรง
เสริม เมื่อผู้เรียนทำตำมกติกำในชั้นเรียน เช่น ถ้ำนักเรียนส่งงำน
ทันเวลำ จะมีกำรปล่อยให้เล่นหรือพักผ่อนก่อนเวลำ โดยมีกำร
เสริมแรงอย่ำงต่อเนื่องทุกครั้งที่ผู้เรียนมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์
-ข้อตกลง กำรเสริมแรงด้วนตนเอง เกิดกำรจำกกำรทำงำน
นั้นได้
-ข้อควรระวัง ครูใหญ่ไม่ควรใช้กำรลงโทษนักเรียนเป็ น
เครื่องมือช่วยในกำรเรียนรู้และไม่ควรให้แรงเสริมเมื่อนักเรียนมี
พฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง
สถานการณ์ที่ 4 ทาความสะอาด
1. วิเครำะห์ว่ำสถำนกำรณ์ที่ศึกษำอยู่ในขอบข่ำยของทฤษฎีใดในกลุ่ม
พฤติกรรมนิยม
-สถำนกำรณ์นี้อยู่ในขอบข่ำยทฤษฎีกำรเชื่อมโยง (Classical
Connectionism) ของธอร์นไดค์ (Thorndike) เพรำะกำรเรียนรู้เกิดจำก
กำรเชื่อมโยงระหว่ำงสิ่งเร้ำกับกำรตอบสนอง
ที่สำมำรถให้ผลที่พึงพอใจมำกที่สุด เมื่อเกิดกำร
เรียนรู้แล้วบุคคลจะใช้รูปแบบกำรตอบสนองเพียง
แบบเดียวและจะพยำยำมใช้รูปแบบนั้นเชื่อมโยงกับ
สิ่งเร้ำในกำรเรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆ
Thorndike
2.วิเครำะห์ว่ำทฤษฎีที่เลือกมีข้อดี ข้อจำกัดอย่ำงไร และมีแนวทำงในกำร
นำทฤษฎีมำใช้ในกำรเรียนกำรสอนอย่ำงไร
-ข้อดี คือ นักเรียนมีกำรเรียนรู้ด้วยตนเอง ลองผิดลองถูกด้วย
ตนเอง สำมำรถนำปัญหำที่ได้จำกกำรพบเจอมำแก้ไขปัญหำ ปรับปรุง
ให้ดีขึ้นกว่ำเดิม
แนวทำงในกำรนำทฤษฎีกำรเชื่อมโยงไปใช้ในกำรเรียนกำรสอน
ดังนี้
เปิ ดโอกำสให้ผู้เรียนได้ลองผิดลองถูกด้วยตนเอง จะเป็ นกำรช่วย
ให้ผู้เรียนเกิดกำรเรียนรู้ในกำรแก้ไขปัญหำ โดยสำมำรถจดจำผลที่เกิด
จำกกำรเรียนรู้ได้ดี รวมทั้งเกิดควำมภำคภูมิใจในกำรทำสิ่งต่ำงๆด้วย
ตนเองและผู้เรียนมีควำมรู้และควำมเข้ำใจในเรื่องนั้นๆอย่ำงถ่องแท้ และ
ให้ผู้เรียนฝึ กฝนอย่ำงต่อเนื่อง สม่ำเสมอ เมื่อผู้เรียนเกิดกำรเรียนรู้แล้ว
ควรให้ผู้เรียนฝึ กกำรนำกำรเรียนรู้นั้นไปใช้และได้รับผลที่น่ำพึงพอใจ จะ
ช่วยให้กำรเรียนกำรสอนประสบผลสำเร็จ
สถานการณ์ที่ 5 ปัญหาเด็กเรียนซ้า
1. อธิบำยพร้อมประยุกต์หลักกำรจัดกำรเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยมที่
นำมำใช้ในกำรออกแบบกำรสอนและสื่อกำรเรียนกำรสอน เพื่อใช้ในกำร
แก้ไขสถำนกำรณ์
- ครูผู้สอนเมื่อรู้ว่ำผู้เรียนไม่ชอบหรือมีเจตคติที่ไม่ดีต่อวิชำที่เรำสอน
ก็ควรวิเครำะห์หำสำเหตุว่ำมำจำกอะไร อะไรคือสิ่งเร้ำที่ก่อให้เกิด
ควำมรู้สึกเช่นนั้น
ดังนั้นผู้สอนจึงต้องทำกำรเรียนกำรสอนให้มีควำมน่ำสนใจ
สนุกสนำนและเปิ ดโอกำสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมกำรเรียนกำร
สอน ครูเป็ นกัลยำณมิตรที่ดีต่อศิษย์ มีกำรกำหนดจุดมุ่งหมำยกำรเรียน
ที่ชัดเจน แบ่งเนื้อหำเป็ นหน่วยย่อย สอนจำกเรื่องง่ำยไปหำยำก
หลีกเลี่ยงกำรควบคุมชั้นเรียนโดยกำรลงโทษ
2. วิเครำะห์หลักกำรจัดกำรเรียนรู้ตำมแนวกลุ่มพฤติกรรมนิยมว่ำ มีควำม
เหมำะสมหรือสอดคล้องกับกำรจัดกำรเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็ นสำคัญในยุค
ปฏิรูปกำรเรียนรู้
-มีควำมเหมำะสมและสอดคล้องกับกำรจัดกำรเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียน
เป็ นสำคัญในยุคปฏิรูปกำรเรียนรู้ เนื่องจำกกำรจัดกำรเรียนตำมทฤษฎี
พฤติกรรมนิยม จะนึกถึงควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคล ควำมแตกต่ำงทำง
อำรมณ์ กำรตอบสนองที่ไม่เท่ำกัน คำนึงถึงสภำพทำงอำรมณ์ของผู้เรียนว่ำ
เหมำะสมที่จะสอนเนื้อหำอะไร โดยปกติครูสำมำรถทำให้ผู้เรียนรู้สึกชอบ
หรือไม่ชอบหรือไม่ชอบเนื้อหำที่เรียนหรือสิ่งแวดล้อมในกำรเรียน กำรลบ
พฤติกรรมที่วำงเงื่อนไข ผู้เรียนที่ถูกวำงเงื่อนไขให้กลัวผู้สอน เรำอำจช่วยได้
โดยป้ องกันไม่ให้ผู้สอนทำโทษเขำ
-ข้อดี คือ สำมำรถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้เรียนได้ มีกำร
เสริมแรงโดยให้แรงเสริมเป็ นกำรจูงใจให้ผู้เรียนสำมำรถมีพฤติกรรมที่
พึงประสงค์ต่อไป
-ข้อจำกัด คือ เนื่องจำกผู้เรียนแต่ละคนมีควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคล
กำรเสริมแรงให้กับแต่ละบุคคลอำจส่งผลต่อพฤติกรรมที่แสดงออกไม่
เท่ำกัน หรืออำจใช้ได้กับเฉพำะบำงคนก็ได้
หลักกำรของทฤษฎีกำรเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยมนี้ยังสำมำรถ
นำมำใช้ในกำรจัดกำรเรียนรู้ในปัจจุบันได้ เช่น ทฤษฎีกำรวำงเงื่อนไข
ของวัตสัน นำมำใช้ในกำรแก้ปัญหำของผู้เรียนที่ไม่กล้ำถำมคำถำมครู
ในชั้นเรียนหรือถำมเพื่อนในชั้นเรียน รวมไปถึงกำรจัดบรรยำกำศในชั้น
เรียนให้ผู้เรียนรู้สึกร่วมกับผู้อื่น มีควำมเป็ นกันเองและกล้ำแสดงออก
เป็ นต้น
จบการนาเสนอคะ

More Related Content

Similar to 201701 thepries behavioral

ตอบสถานการณ์ปัญาหา แนวคิดพฤติกรรมนิยม.Pdมf
ตอบสถานการณ์ปัญาหา แนวคิดพฤติกรรมนิยม.Pdมfตอบสถานการณ์ปัญาหา แนวคิดพฤติกรรมนิยม.Pdมf
ตอบสถานการณ์ปัญาหา แนวคิดพฤติกรรมนิยม.Pdมfนิพ พิทา
 
ตอบสถานการณ์ปัญาหา แนวคิดพฤติกรรมนิยม.Pdมf
ตอบสถานการณ์ปัญาหา แนวคิดพฤติกรรมนิยม.Pdมfตอบสถานการณ์ปัญาหา แนวคิดพฤติกรรมนิยม.Pdมf
ตอบสถานการณ์ปัญาหา แนวคิดพฤติกรรมนิยม.Pdมfนิพ พิทา
 
สถานการณ์ปัญหาเพื่อการเรียนรู้
สถานการณ์ปัญหาเพื่อการเรียนรู้สถานการณ์ปัญหาเพื่อการเรียนรู้
สถานการณ์ปัญหาเพื่อการเรียนรู้pimporn454
 
สถานการณ์ที่ 1
สถานการณ์ที่ 1สถานการณ์ที่ 1
สถานการณ์ที่ 1Pennapa Kumpang
 
201701 behavioral theries-575050193-0
201701 behavioral theries-575050193-0201701 behavioral theries-575050193-0
201701 behavioral theries-575050193-0Sukanya Dee
 

Similar to 201701 thepries behavioral (6)

ตอบสถานการณ์ปัญาหา แนวคิดพฤติกรรมนิยม.Pdมf
ตอบสถานการณ์ปัญาหา แนวคิดพฤติกรรมนิยม.Pdมfตอบสถานการณ์ปัญาหา แนวคิดพฤติกรรมนิยม.Pdมf
ตอบสถานการณ์ปัญาหา แนวคิดพฤติกรรมนิยม.Pdมf
 
ตอบสถานการณ์ปัญาหา แนวคิดพฤติกรรมนิยม.Pdมf
ตอบสถานการณ์ปัญาหา แนวคิดพฤติกรรมนิยม.Pdมfตอบสถานการณ์ปัญาหา แนวคิดพฤติกรรมนิยม.Pdมf
ตอบสถานการณ์ปัญาหา แนวคิดพฤติกรรมนิยม.Pdมf
 
สถานการณ์ปัญหาเพื่อการเรียนรู้
สถานการณ์ปัญหาเพื่อการเรียนรู้สถานการณ์ปัญหาเพื่อการเรียนรู้
สถานการณ์ปัญหาเพื่อการเรียนรู้
 
สถานการณ์ที่ 1
สถานการณ์ที่ 1สถานการณ์ที่ 1
สถานการณ์ที่ 1
 
ชีวประวัติและงานวิจัย
ชีวประวัติและงานวิจัยชีวประวัติและงานวิจัย
ชีวประวัติและงานวิจัย
 
201701 behavioral theries-575050193-0
201701 behavioral theries-575050193-0201701 behavioral theries-575050193-0
201701 behavioral theries-575050193-0
 

201701 thepries behavioral

  • 1. THEORIES BEHAVIORAL ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม โดย นางอุษณีย์ มณีรัตน์ รหัส 565050052-7 นางณัฐพัชร์ งานไว รหัส 565050040-4 นายวุฒิพงษ์ พากิจรัตน์ รหัส 565050047-0
  • 2. สถานการณ์ที่ 1 ก.ไก่ในฟาร์ม 1.ทฤษฎีที่นำมำใช้คือ ทฤษฎีกำรวำงเงื่อนไขแบบคลำสสิค (Classical Conditioning Theory) ของพลำฟลอฟ Pavlov 2. อธิบำยหลักกำรที่เลือกใช้ กำรวำงเงื่อนไขแบบคลำสสิค = สิ่งเร้ำที่วำงเงื่อนไข + สิ่งเร้ำที่ไม่ได้วำงเงื่อนไข = กำรเรียนรู้ ( สิ่งเร้ำคือ เสียงเคำะไม้ไผ่) 3.ข้อดี –ข้อจำกัดของหลักกำร ข้อดี - ทำให้ไก่มีพฤติกรรมตอบสนองต่อกำรวำงเงื่อนไข ต่อควำมหิวในเวลำระยะสั้นๆ ข้อจำกัด - ถ้ำมีกำรเคำะไม้ไผ่หลำยๆครั้ง แต่ไม่มีกำร ให้อำหำรไก่ก็จะลดอำกำรตอบสนองและไม่สนใจเสียงเคำะ ไม้ไผ่อีกเลย
  • 3. 4. ขั้นตอนวิธีกำรวำงเงื่อนไข -ทดลองเคำะไม้ไผ่ให้สัญญำณไก่ ระยะแรกไก่ยังไม่สนใจเสียงเคำะ -ทดลองให้อำหำรไก่ ผลคือไก่จะวิ่งมำกินอำหำร -ครั้งต่อมำทดลองเคำะไม้ไผ่ พร้อมกับให้อำหำร ไก่ทันทีที่เคำะและทำอย่ำงต่อเนื่องกันหลำยๆวัน ผลคือพอไก่ได้ยินเสียงเคำะไม่ไผ่ ไก่จะมำกิน อำหำรทันที -ทดลองเคำะไม้ไผ่ เมื่อไก่ได้ยินเสียง ไก่จะมำรอ กินอำหำรตำมเสียงสัญญำณทันที
  • 4. สถานการณ์ที่ 2 น้องหนูขี้กลัว 1.หำวิธีกำรที่จะช่วยให้เด็กหำยจำกอำกำรกลัวกำรไปโรงเรียน -หำสำเหตุหรือสิ่งเร้ำที่ทำให้เด็กกลัวกำรไปโรงเรียน -เพิ่มควำมสนใจข้อดีของกำรไปโรงเรียน เพื่อให้เด็กอยำกไป โรงเรียนและเลิกกลัวกำรไปโรงเรียน 2. เลือกทฤษฎีที่ใช้ในกำรแก้ปัญหำ ทฤษฎีที่ใช้คือ ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม ตำม หลักกำรวำง เงื่อนไขแบบคลำสสิค ของ วัตสัน(Watson ) ซึ่งได้ทำกำรทดลองกับมนุษย์โดยศึกษำ เรื่องควำมกลัว นำมำใช้กับกำรแก้ปัญหำ สถำนกำรณ์นี้ watson
  • 5. 3. เหตุผลที่เลือกใช้พฤติกรรมนิยมในกำรแก้ปัญหำ - ในกำรเลือกทฤษฎีกลุ่มพฤติกรรมนิยม กำรวำงเงื่อนไขแบบ คลำสสิค ของ วัตสัน มีกำรทดลองกับมนุษย์โดยตรงและศึกษำเกี่ยวกับ ควำมกลัว จึงสำมำรถนำควำมรู้ดังกล่ำวมำปรับใช้เป็ นแนวทำงในกำร แก้ปัญหำได้
  • 6. 4. กำรแก้ปัญหำของสถำนกำรณ์นี้ -สืบหำสำเหตุที่ทำให้เด็กมีอำกำรกลัวกำรไปโรงเรียน ว่ำเป็ นเพรำะ สำเหตุใด และหำวิธีกำรแก้ปัญหำที่สอดคล้องกับสภำพปัญหำที่เกิดขึ้น เช่น กำรกลัวเพรำะถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อ ก็ต้องมีกำรพูดปลอบให้กำลังใจ พร้อมกับแนะนำผู้ที่เกี่ยวข้องให้ลดพฤติกรรมดังกล่ำว - เพิ่มควำมสนใจและบอกข้อดีของกำรไปโรงเรียนเพื่อให้เด็ก อยำกไปโรงเรียน และเลิกกลัวกำรไปโรงเรียน เช่น ครูมีกิจกรรม ที่สนุกสนำนให้นักเรียนเล่นสนุกพร้อมกับเพื่อนๆในห้องเรียนโรงเรียนมี สภำพแวดล้อมที่ดี
  • 7. สถานการณ์ที่ 3 ฤทธิ์ครูใหญ่ 1. หลักกำรทีใช้เป็ นแนวทำงในกำรแก้ปัญหำ สถำนกำรณ์นี้ คือ ทฤษฎีกำรเรียนรู้แบบลงมือทำของสกินเนอร์ (Operant Conditioning) ในทฤษฎีกำรเรียนรู้ กลุ่มพฤติกรรมนิยม ทฤษฎีกำรเรียนรู้แบบวำงเงื่อนไขแบบโอปำแรนท์ (Operant Conditioning Theory) หรือทฤษฎีกำรวำงเงื่อนไขแบบกำร กระทำของสกินเนอร์ (B.F.Skinner) โดยมีแนวคิดว่ำ กำรเรียนรู้เกิดขึ้น ภำยใต้เงื่อนไขและสภำวะแวดล้อมที่เหมำะสม เพรำะทฤษฎีนี้เน้นเรื่อง สิ่งแวดล้อม สิ่งสนับสนุนกำรลงโทษ โดยพัฒนำจำกทฤษฎีของพำฟลอฟ และธอร์นไดค์ Skinner
  • 8. สรุปได้ว่ำ พฤติกรรมของมนุษย์เป็ นพฤติกรรมที่กระทำต่อสิ่งแวดล้อม ของตนเอง พฤติกรรมของมนุษย์จะคงอยู่ตลอดไป จำเป็ นต้องมีกำร เสริมแรง(ผลของพฤติกรรมใดๆที่ทำให้พฤติกรรมนั้นเข้มแข็ง) กำรเสริมแรงนี้มีทั้งกำรเสริมแรงทำงบวก (Possitive Reinforcement) ซึ่งจะกระตุ้นให้คนมีกำรแสดงออกในพฤติกรรมที่พึง ประสงค์ กำรเสริมแรงทำงลบ (Negative Reinforcement) ช่วยเพิ่มควำม คงทนของกำรแสดงพฤติกรรมที่พึงประสงค์โดยกำรลดลง หรือไม่ให้ หรือดึงเอำสิ่งเร้ำที่ผู้เรียนพึงพอใจออกไป
  • 9. 2. สถำนกำรณ์ที่ศึกษำอยู่ในทฤษฎีใดในกลุ่มพฤติกรรมนิยม - ทฤษฎีกำรเรียนรู้แบบลงมือกระทำของสกินเนอร์ (Operant Conditioning) เพรำะครูมีควำมต้องกำรกระตุ้นให้นักเรียนแสดง พฤติกรรมที่พึงประสงค์เพิ่มขึ้นและลดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ลง และเป็ นพฤติกรรมที่คงที่คงทนซึ่งจำเป็ นที่จะต้องได้รับกำรเสริมแรง ตำมทฤษฎีกำรเรียนรู้แบบลงมือกระทำของสกินเนอร์ ที่จะเกิดกำร เรียนรู้จำกกำรลงมือกระทำและถ้ำหำกได้รับกำรเสริมแรงจะทำให้เกิด พฤติกรรมนั้นซ้ำอีก
  • 10. 3. หลักทฤษฎีพฤติกรรมนิยมที่ใช้ในกำรแก้ปัญหำ -ทฤษฎีกำรเรียนรู้แบบลงมือกระทำของสกินเนอร์ (Operant Conditioning) -ในกำรแก้ปัญหำครูใหญ่ต้องมีกำรเสริมแรงทำงบวกให้กับ กลุ่มผู้เรียน 6 คน เพื่อให้เกิดกำรปรับพฤติกรรมที่คงทน อำจให้แรง เสริม เมื่อผู้เรียนทำตำมกติกำในชั้นเรียน เช่น ถ้ำนักเรียนส่งงำน ทันเวลำ จะมีกำรปล่อยให้เล่นหรือพักผ่อนก่อนเวลำ โดยมีกำร เสริมแรงอย่ำงต่อเนื่องทุกครั้งที่ผู้เรียนมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ -ข้อตกลง กำรเสริมแรงด้วนตนเอง เกิดกำรจำกกำรทำงำน นั้นได้ -ข้อควรระวัง ครูใหญ่ไม่ควรใช้กำรลงโทษนักเรียนเป็ น เครื่องมือช่วยในกำรเรียนรู้และไม่ควรให้แรงเสริมเมื่อนักเรียนมี พฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง
  • 11. สถานการณ์ที่ 4 ทาความสะอาด 1. วิเครำะห์ว่ำสถำนกำรณ์ที่ศึกษำอยู่ในขอบข่ำยของทฤษฎีใดในกลุ่ม พฤติกรรมนิยม -สถำนกำรณ์นี้อยู่ในขอบข่ำยทฤษฎีกำรเชื่อมโยง (Classical Connectionism) ของธอร์นไดค์ (Thorndike) เพรำะกำรเรียนรู้เกิดจำก กำรเชื่อมโยงระหว่ำงสิ่งเร้ำกับกำรตอบสนอง ที่สำมำรถให้ผลที่พึงพอใจมำกที่สุด เมื่อเกิดกำร เรียนรู้แล้วบุคคลจะใช้รูปแบบกำรตอบสนองเพียง แบบเดียวและจะพยำยำมใช้รูปแบบนั้นเชื่อมโยงกับ สิ่งเร้ำในกำรเรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆ Thorndike
  • 12. 2.วิเครำะห์ว่ำทฤษฎีที่เลือกมีข้อดี ข้อจำกัดอย่ำงไร และมีแนวทำงในกำร นำทฤษฎีมำใช้ในกำรเรียนกำรสอนอย่ำงไร -ข้อดี คือ นักเรียนมีกำรเรียนรู้ด้วยตนเอง ลองผิดลองถูกด้วย ตนเอง สำมำรถนำปัญหำที่ได้จำกกำรพบเจอมำแก้ไขปัญหำ ปรับปรุง ให้ดีขึ้นกว่ำเดิม แนวทำงในกำรนำทฤษฎีกำรเชื่อมโยงไปใช้ในกำรเรียนกำรสอน ดังนี้ เปิ ดโอกำสให้ผู้เรียนได้ลองผิดลองถูกด้วยตนเอง จะเป็ นกำรช่วย ให้ผู้เรียนเกิดกำรเรียนรู้ในกำรแก้ไขปัญหำ โดยสำมำรถจดจำผลที่เกิด จำกกำรเรียนรู้ได้ดี รวมทั้งเกิดควำมภำคภูมิใจในกำรทำสิ่งต่ำงๆด้วย ตนเองและผู้เรียนมีควำมรู้และควำมเข้ำใจในเรื่องนั้นๆอย่ำงถ่องแท้ และ ให้ผู้เรียนฝึ กฝนอย่ำงต่อเนื่อง สม่ำเสมอ เมื่อผู้เรียนเกิดกำรเรียนรู้แล้ว ควรให้ผู้เรียนฝึ กกำรนำกำรเรียนรู้นั้นไปใช้และได้รับผลที่น่ำพึงพอใจ จะ ช่วยให้กำรเรียนกำรสอนประสบผลสำเร็จ
  • 13. สถานการณ์ที่ 5 ปัญหาเด็กเรียนซ้า 1. อธิบำยพร้อมประยุกต์หลักกำรจัดกำรเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยมที่ นำมำใช้ในกำรออกแบบกำรสอนและสื่อกำรเรียนกำรสอน เพื่อใช้ในกำร แก้ไขสถำนกำรณ์ - ครูผู้สอนเมื่อรู้ว่ำผู้เรียนไม่ชอบหรือมีเจตคติที่ไม่ดีต่อวิชำที่เรำสอน ก็ควรวิเครำะห์หำสำเหตุว่ำมำจำกอะไร อะไรคือสิ่งเร้ำที่ก่อให้เกิด ควำมรู้สึกเช่นนั้น ดังนั้นผู้สอนจึงต้องทำกำรเรียนกำรสอนให้มีควำมน่ำสนใจ สนุกสนำนและเปิ ดโอกำสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมกำรเรียนกำร สอน ครูเป็ นกัลยำณมิตรที่ดีต่อศิษย์ มีกำรกำหนดจุดมุ่งหมำยกำรเรียน ที่ชัดเจน แบ่งเนื้อหำเป็ นหน่วยย่อย สอนจำกเรื่องง่ำยไปหำยำก หลีกเลี่ยงกำรควบคุมชั้นเรียนโดยกำรลงโทษ
  • 14. 2. วิเครำะห์หลักกำรจัดกำรเรียนรู้ตำมแนวกลุ่มพฤติกรรมนิยมว่ำ มีควำม เหมำะสมหรือสอดคล้องกับกำรจัดกำรเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็ นสำคัญในยุค ปฏิรูปกำรเรียนรู้ -มีควำมเหมำะสมและสอดคล้องกับกำรจัดกำรเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียน เป็ นสำคัญในยุคปฏิรูปกำรเรียนรู้ เนื่องจำกกำรจัดกำรเรียนตำมทฤษฎี พฤติกรรมนิยม จะนึกถึงควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคล ควำมแตกต่ำงทำง อำรมณ์ กำรตอบสนองที่ไม่เท่ำกัน คำนึงถึงสภำพทำงอำรมณ์ของผู้เรียนว่ำ เหมำะสมที่จะสอนเนื้อหำอะไร โดยปกติครูสำมำรถทำให้ผู้เรียนรู้สึกชอบ หรือไม่ชอบหรือไม่ชอบเนื้อหำที่เรียนหรือสิ่งแวดล้อมในกำรเรียน กำรลบ พฤติกรรมที่วำงเงื่อนไข ผู้เรียนที่ถูกวำงเงื่อนไขให้กลัวผู้สอน เรำอำจช่วยได้ โดยป้ องกันไม่ให้ผู้สอนทำโทษเขำ
  • 15. -ข้อดี คือ สำมำรถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้เรียนได้ มีกำร เสริมแรงโดยให้แรงเสริมเป็ นกำรจูงใจให้ผู้เรียนสำมำรถมีพฤติกรรมที่ พึงประสงค์ต่อไป -ข้อจำกัด คือ เนื่องจำกผู้เรียนแต่ละคนมีควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคล กำรเสริมแรงให้กับแต่ละบุคคลอำจส่งผลต่อพฤติกรรมที่แสดงออกไม่ เท่ำกัน หรืออำจใช้ได้กับเฉพำะบำงคนก็ได้ หลักกำรของทฤษฎีกำรเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยมนี้ยังสำมำรถ นำมำใช้ในกำรจัดกำรเรียนรู้ในปัจจุบันได้ เช่น ทฤษฎีกำรวำงเงื่อนไข ของวัตสัน นำมำใช้ในกำรแก้ปัญหำของผู้เรียนที่ไม่กล้ำถำมคำถำมครู ในชั้นเรียนหรือถำมเพื่อนในชั้นเรียน รวมไปถึงกำรจัดบรรยำกำศในชั้น เรียนให้ผู้เรียนรู้สึกร่วมกับผู้อื่น มีควำมเป็ นกันเองและกล้ำแสดงออก เป็ นต้น